(๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจำเริญทางพระราชไมตรี มาถึงพระเจ้านครตังเกี๋ย

ด้วยแต่งให้ $\left. \begin{array}{}\mbox{จิ๋วิแหว้} \\\mbox{จิ๋วิเชียง} \\\mbox{จิ๋วิเกวียน} \\\mbox{จิ๋วิถึด} \\\mbox{จิ๋วิมัญ} \\\mbox{จิ๋วิทงควร}\end{array} \right\}$ จำทูลพระราชสาส์น คุมขนจามจุรีเปนเครื่องราชบรรณาการ มาจำเริญทางพระราชไมตรีแลไมตรีถามฃ่าวกล่าวความศุขสวัสดิมงคลนั้น ขอบพระไทยเจ้าตังเกี๋ยหนักหนา แลซึ่งว่าแต่ก่อน เมืองเวียงจันท์ เมืองพวน เมืองคำเกิด เมืองนคร ๔ เมืองนี้ เคยขึ้นแก่เมืองตังเกี๋ยแล้วมิได้ไปขึ้น ความข้อนี้ ถึงกรุงมหานครศรีอยุทธยา ยกไปตีได้เมืองเวียงจันท์ เมืองพวน แลเมืองลาวทั้งปวงมาเปนฃ้าขอบขันธเสมา พระเจ้าเวียงจันท์องค์เก่าถึงแก่พิราไลยแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยามีความเมตตากรุณามิให้เสียราชประเพณี ทำนุบำรุงปลูกเลี้ยงตั้งเจ้านันทเสนผู้เปนราชบุตร ให้คืนมาครองเมืองเวียงจันทบุรีสืบตระกูลสุริยวงษต่อไป แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะได้กำหนดห้ามปรามเมืองลาวทั้งปวงให้ละขนบธรรมเนียมประเพณีบุราณเสียหามิได้ แลเมืองพวนกับเมืองเวียงจันท์เกิดอริวิวาทรบพุ่งกัน แล้วเมืองเวียงจันท์แต่งกองทัพไปตีเมืองพวนอิก และกองทัพเมืองเงอานยกมารบกับกองทัพเมืองเวียงจันท์ แล้วยกมาตีเมืองเวียงจันท์ก็ดี ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาหาแจ้งเหตุผลไม่ ต่อมีศุภอักษรเจ้านันทเสนบอกลงไป ว่าเจ้าตังเกี๋ยแต่งกองทัพมาตีเมืองเวียงจันท์จึงแจ้งเหตุ ให้กองทัพยกขึ้นไปหวังจะใคร่พบกับกองทัพตังเกี๋ย เจรจาดูให้รู้เหตุผลเปนประการใด ครั้นไปถึงเมืองเวียงจันท์ ก็หาทันกองทัพเมืองตังเกี๋ยไม่ ต้องยกไปถึงเมืองพวน ครั้นจะติดตามไปเล่า เกรงว่าจะล่วงเกินขนธเสมาราชธานี จึงยกกองทัพกลับมา ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยานี้ ดำรงทศพิธราชธรรมอันเสมอมิได้คิดเบียดเบียนแก่บ้านเมืองใหญ่น้อยลูกค้าวานิชนานาประเทศ มีแต่เมตตาเปนต้น อุปมาดุจดังเขาพระสุเมรุราชแลมหาสาครสมุทอันเปนที่พำนักนิ์อาไศรยแก่เทวามนุศย์แลฝูงมัจฉาชาติทั้งปวง มิดังนั้นเสมือนหนึ่งมหาพฤกษาชาติต้นใหญ่ เปนที่อาไศรยแก่ฝูงนกทั้งปวงอันเข้าพึ่งพักกระทำรวงรังฟักไข่ ครั้นสกุณโปฎกขนปีกหางบริบูรณ์แล้วก็บินไปทั่วทิศานุทิศ โดยความปราถนาผาศุกแห่งตน แลซึ่งครั้งก่อนองเชียงสือแตกจากเมืองโลกหน่าย หนีเข้ามาพึ่งกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ก็ทำนุบำรุงเลี้ยงให้เปนศุขโดยตระกูลกระษัตริย์สุริยวงษ แล้วกลับคืนไปเมืองโลกหน่าย อุปไมยเหมือนสกุณปักษาอันมีขนปีกหางบริบูรณ์แลบินไปสู่ประเทศแห่งตนโดยปราถนาหาไภยอันตรายมิได้ ก็เปนที่ยินดีแห่งกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาโดยกรุณาหารังเกียจมิได้ แลซึ่งว่าองเชียงสือไม่อยู่แต่เมืองโลกหน่าย ยกกองทัพไปรุกรบตีบ้านน้อยเมืองใหญ่ จนแดนเมืองตังเกี๋ย ๆ แต่งกองทัพตีองเชียงสือแตกคืนมานั้น ความข้อนี้เปนระยะท่าทางไกล ยังหาแจ้งเหตุผลตระหนักไม่ แลซึ่งว่ากองทัพเมืองตังเกี๋ยจะยกมาตีองเชียงสือ ขอให้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่ง กองทัพไปตั้งอยู่ปลายด่านแดน ถ้าองเชียงสือแตกมาให้ช่วยจับกุมส่งให้เจ้าตังเกี๋ย จะตอบแทนสนองคุณนั้น ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนมิรู้ที่จะเจรจาเลย ด้วยเหตุทว่าเปนคุณแล้วจะให้กลับเปนโทษดังนี้ ผิดราชประเพณีธรรม ประการหนึ่งกิติศับท์จะฦๅไปนานาประเทศเมืองใหญ่น้อยทั้งปวงว่ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเหนแก่ลาภสการเมืองตังเกี๋ยเท่านั้น ช่วยจับกุมองเชียงสือส่งไปให้ ไม่มีความเมตตากรุณาเลย จะคะระหาติเตียนข้อนี้ปรากฎอยู่ฟ้าดินดูมิบังควร อันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะประพฤติการ จะทำได้ก็แต่โดยคลองทศพิธราชธรรมตามประเพณี เจ้าตังเกี๋ยกับองเชียงสือเปนฆ่าศึกกัน ถ้าจะให้รงับว่ากล่าวทั้งสองฝ่ายพอจะเจรจาได้ อนึ่งซึ่งว่าขอให้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่งกองทัพไปตั้งอยู่ปลายแดนนั้น จะยากอะไรมี แต่ทว่ากองทัพองเชียงสือแลกองทัพเมืองเว้เมืองเง้ก็เปนญวนเหมือนกัน ฝ่ายไทยมิได้กำหนดรูปพรรณสัญญา เกลือกจะเกิดอริวิวาทรบพุ่งกัน ก็จะหมองคลองพระราชไมตรีแลไมตรีไป อันประเพณีกระษัตราธิราชเมืองใหญ่น้อยทั้งปวง ก็ย่อมรู้จักกำหนดขอบขันธเสมาราชธานีเขตรแดนซึ่งกันแลกันอยู่สิ้น เจ้าตังเกี๋ยก็ทรงปัญญาดำรงไพร่ฟ้าฃ้าแผ่นดิน ให้ดำริห์จงชอบนั้นเถิด ทางพระราชไมตรีแลไมตรีทั้งสองพระนครจะได้วัฒนาการมั่นคงสืบไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ