ตอนที่ ๑ ท้าวสันนุราชหานางผมหอม

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวสันนุราชจอมกระษัตริย์
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์ กรุงพัทธวิไสยสวรรยา
ท้าวมีอัคเรศมเหษี ชื่อคันธมาลีเสนหา
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชรา ชัณษาหกสิบสี่ปีปลาย
น่าพระทนต์บนล่างห่างหัก ดวงพระภักตร์เหี่ยวเห็นเส้นสาย
เกษาพึ่งจะประปะราย รูปกายชายจะพีมีเนื้อ
พระเสวยมื้อละชามสามเวลา ทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือ ผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่น จะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไป มิได้ว่างเว้นสักเวลา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อจะมีเหตุเภทไภย ให้เร่าร้อนฤไทยเปนนักหนา
จึงชวนกำนัลกัลยา ลงมายังที่ตำหนักแพ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์ สาวสนมกรมวังเซงแซ่
พระเอนอิงพิงพนักผันแปร เหลียวแลเห็นผะอบลอยมา
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่ เปิดดูก็เห็นเส้นเกษา
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญา พระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อย แกล้งลอยหาคู่สู่สม
ชรอยบุญเราเคยได้เชยชม จึงพบผะอบผมกัลยา
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่ กระสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามา ยิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้ เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนัก ให้ละล่ำละลักลืมองค์
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้ มิได้ชำระสระสรง
ขึ้นจากเรือสุวรรณบรรจง เสด็จตรงมายังวังใน

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้อง ขึ้นบนแท่นทองผ่องใส
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ ถอนฤไทยครวญคร่ำรำพรรณ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้ช้า

๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผม ถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ
เกษาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์ จะทรงโฉมโนมพรรณฉันใด
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาว ชัณษาแก่สาวสักคราวไหน
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใด พี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม
ถึงจะเปนกะไรก็ไม่ว่า แต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีมเหษี
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกี จึงเข้าไปในที่บรรธม
แล้วนางทูลทัดภัศดา พระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์ แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว
หยุดยั้งตั้งสติตริตรอง ดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว
ทรงพระชรานักหนาแล้ว ทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงใหล
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไร ขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึง จะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ย พิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลใน แล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น องค์อรรคชายามารศรี
ความกลัวอาญาพระสามี วิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนาง วิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุก บ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทอง เสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ช้า

๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสสั่งมหาเสนาใน เร่งไปร้องป่าวชาวภารา
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้าง ตำแหน่งนางผมหอมเสนหา
ถ้าแม้นนำไปได้นางมา เงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล
ทั้งเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์
จงเร่งรีบรัดจัดกัน ไปป่าวร้องให้ทันวันนี้

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกษี
ออกมาเกณฑ์กันทันที เสนีตีฆ้องร้องป่าวไป

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจ นึกได้ลูกสาวของเจ้านาย
ผมหอมปรากฎรศเร้า จะนำเขาไปพามาถวาย
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยาย คิดแล้วเดินชายมาถามทัก
ท่านขามานี่จะบอกเล่า นางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก
รูปโฉมโนมพรรณขยันนัก จะอาษาทรงศักดิ์ไปพามา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนีถามซักเปนหนักหนา
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญา ก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า ก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข
ยายเถ้ารับคำจะนำไป ว่าได้รู้จักนางเทวี
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักร ปิ่นปักจันทราบุรีศรี
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มี นกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง
ที่ในวังยังแต่นางผมหอม งามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลอง จงทราบลอองพระบาทา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชสำรวลร่า
ชื่นชมสมถวิลจินดา ดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์
จึงตรัสว่าถ้าสมคเนนึก อึกกะทึกใจหายแล้วยายเถ้า
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภา ทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง
ยายจะเอาอะไรไปบ้าง ท่าทางกันดารบ้านช่อง
เร่งรีบคลาไคลดังใจปอง ให้ได้นางในกลองกลับมา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลา ไปรับกัลยามากรุงไกร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ได้ฟังจึงสั่งเสนาใน จงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็ม เลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน
เรือนำเรือตามจงครามครัน ให้ทันแต่ในเวลานี้

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกษี
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลี จัดเรือตามมีพระบัญชา

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ยายเถ้าทำประหนึ่งกึ้งก่า
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมา ประตูดินตีนท่าน่าตะพาน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชย พลพายนายไพร่อลหม่าน
ออกเรือพร้อมกันมิทันนาน ร้องขานโยนยาวฉาวมา

ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด

๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่ง น้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงนักหนา
สิบห้าวันถึงจันทบุรา ประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย
จึงสั่งผู้คนพลพาย ทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน
แต่ตัวของเราจะเข้าไป สมคเนเมื่อไรจะกลับมา
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรี พรั่นตัวกลัวผีเปนนักหนา
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดา รีบเดินภาวนาเข้าในวัง

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททอง เมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟัง ทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น โฉมนางจันท์สุดามารศรี
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวี เปรมปรีดิ์ประดิพัทธกำหนัดใน
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกล จะระคายผู้คนก็หาไม่
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชย สำราญใจอยู่ในห้องสองคน

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ บัดนั้น ยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน
ชายนี้ทีท่วงชอบกล เห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์ รูปโฉมโนมพรรณงามนักหนา
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยา จันท์สุดาจึงปลงลงใจ
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิด จะลวงล้างชีวิตรเสียให้ได้
แต่องค์กัลยาจะพาไป ทูลถวายท้าวไทเอารางวัล
คิดพลางทางคลานเข้าไปหา ทำทีกิริยาโศกศัลย์
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์ แล้วตีอกงกงันร่ำไร

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมตรูดูยายก็จำได้
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้ จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา
ยายหนีนกอินทรีไปช้านาน ลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวา เออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย
ลูกหลานกระจัดพลัดพราย ท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบาก จึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากัน ว่าแม่จันท์สุดาได้สามี
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึง จะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์ มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณ หายมาช้านานจนปานนี้

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ยายเถ้าทำเปนเกษมศรี
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นที ได้สามีเรืองอิทธิฤทธา
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ น่าชมสมกันนักหนา
สมคิดของยายที่หมายมา จะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท
แล้วทำท่วงทีกะปรี่กะเปร่า ตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมใน ยายไปปฏิบัติพัดวี

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

๏ เห็นพระราชานิทราสนิท นั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่
ผิดกับกระษัตราทุกธานี ขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน
คิดพะวงสงไสยอย่างไรอยู่ จะล่อลวงถามดูให้จงได้
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณไทย ยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวย ตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัว แล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ
อันองค์ภัศดาสามี เห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไป น่าจะแหนงแคลงฤไทยเทวี
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่
แม้นมิบอกออกความลับลี้ นานไปจะหนีแม่มั่นคง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรง โฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่น ขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงไสย
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ ให้ได้ความขำสำคัญ
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ
ทำทีทอดสนิทติดพัน นวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวล ชักชวนพูดจามารยาหญิง
ได้ช่องก็ชอ้อนวอนวิง ทูลถามความจริงภูวไนย
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตร พระขรรค์ของทรงฤทธิ์เปนไฉน
มิได้ละวางให้ห่างไกล ฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง
หวั่นหวาดประหลาดจิตรผิดทำนอง ค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม
รับขวัญกัลยาแล้วพาที วันนี้หลากใจมาไต่ถาม
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความ บอกตามจริงเถิดนะเทวี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงที อะไรนี่มาตรัสสกัดสแกง
น้องรักน้องถามตามซื่อ ควรฤๅมิบอกให้แจ้ง
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรง ว่าพลางนางกรรแสงโศกา
ผันภักตร์ผลักไสมิให้ต้อง สบิ้งสบัดปัดป้องหัดถา
พิไรร่ำทำกลมารยา ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระคาวีเห็นน้องหมองหมาง
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบ คิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์ แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ
อย่าโศกนักภักตร์น้องจะหมองศรี เจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตรไว้ ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพราง อย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตา พี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาไลย

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดายิ้มย่องสนองไข
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจ ภูวไนยโปรดปรานปรานี
คุณของทรงฤทธิ์ดังบิตุเรศ เหมือนฉัตรแก้วกั้นเกษเกษี
จะขอเปนเกือกทองรองธุลี ไปกว่าชีวีจะวายปราณ
ทั้งสองสนิทพิศมัย ถ้อยทีมีใจเกษมสานต์
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบาน เยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสง นางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรือง แลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลย ยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา
เล่าความตามคำภัศดา แล้วกำชับกำชาสารพัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลัน ลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถาม ใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญ ไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาพาซื่อไม่สงไสย
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไป หลงใหลนับถือว่าซื่อตรง
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพ ให้ยายยกสำรับออกไปส่ง
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจง โฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัด แล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
สมหวังดังจิตรคิดปอง ได้ช่องจะฆ่าพระคาวี
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอย หมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่
พูดชักนิทานบ้านเมืองดี ประเพณีกระษัตริย์สุริวงศ์
แม้นได้สมบัติพัศถาน ย่อมแต่งการมุรธาภิเศกสรง
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนง สระเกษทุกองค์กระษัตรา
นี่พระจะผ่านไอสูรย์ สืบประยูรสุริวงศ์พงศา
เชิญเสด็จไปสรงคงคา ตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระคาวีลุ่มหลงไม่สงไสย
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจ จะทำให้ต้องตามประเพณี
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบ จงแต่งเครื่องให้ครบตามที่
แม้นได้ฤกษ์งามยามดี จะไปสระเกษีให้สำราญ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลาน จัดใส่ในพานแล้วยกมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองกระษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตรา ลงมาตามฉนวนในวัง

ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า

๏ บัดนั้น ยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดัง แล้ววิ่งตึงตังตามมา
ทันสองกระษัตริย์ริมนัที วางพานไว้ที่ร่มพฤกษา
เห็นพระจะลงในคงคา ยายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคง ลงสรงถูกน้ำจะเปนถนิม
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิม จะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีฟังคำที่ว่าขาน
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณ เพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้า แล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง
ชำระสระสนานสำราญองค์ เวียนวงแหวกว่ายวารี
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัด บังอรค้อนสบัดเบือนหนี
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณี สรวลระริกซิกซี้สำราญใจ

ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

๏ บัดนั้น ยายเถ้าแสนร้ายหมายได้
เห็นสององค์ลงเล่นชลาไลย ก็วิ่งไปยังกองอัคคี
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุม ฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมี แล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ เมื่อนั้น พระคาวีร้อนรนไม่ทนได้
เจียนจักพินาศขาดใจ แลไปดูยายก็หายตัว
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้า ครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัว ค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาไลย
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรง นางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจ ภูวไนยร่ำสั่งบังอร

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้ปี่

๏ โอ้ว่าโฉมยงนงลักษณ์ มิเสียทีที่รักสายสมร
ครั้งนี้ชีวิตรจะม้วยมรณ์ เพราะเจ้าวอนไต่ถามความลับ
พี่ก็บอกออกให้ด้วยใจซื่อ ควรฤๅย้อนยอกกลอกกลับ
มิได้ฟังคำที่กำชับ ไปบอกกับยายเถ้าเจ้ามารยา
มันคิดร้ายหมายล้างชีวิตรพี่ ทีนี้สุดสิ้นวาศนา
เวราเราแล้วนะแก้วตา จะขอลาโฉมฉายวายปราณ
พระสุดสิ้นกำลังไม่สั่งได้ ด้วยดวงจิตรพิศม์ไฟเผาผลาญ
เอนอิงพิงองค์นงคราญ ภูบาลซอนซบสลบไป

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาเห็นผัวตักไษย
กอดศพภัศดาโศกาไลย ทรามไวยครวญคร่ำรำพรรณ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดช เกิดเหตุทั้งนี้เพราะเมียขวัญ
เชื่ออีเถ้าแพศยาอาธรรม์ จนมันลอบทำให้จำตาย
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว คิดแค้นใจตัวไม่รู้หาย
อดสูอยู่ไยให้ได้อาย จะสู้ตายตามองค์พระทรงธรรม์
ว่าพลางทางกราบกับตีนผัว ทอดตัวโศกาเพียงอาสัญ
สองกรข้อนทรวงรุมรัน ทรงกรรแสงซบสลบไป

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ บัดนั้น ยายเถ้าเผาพระขรรค์จนเหงื่อไหล
เสลือกสลนซนฟืนใส่ไฟ หายใจกระหมอบหอบเต็มที
แล้ววิ่งมาดูสององค์ เห็นล้มลงนิ่งแน่อยู่กับที่
ไม่ไหวกายตายจริงแล้วคราวนี้ วางวิ่งตาลีตาลานมา
เห็นนางกอดศพสลบไสล ก็แจ้งใจว่ายังไม่สังขาร์
จึงอุ้มองค์อรไทยไคลคลา ไปยังท่าที่ประทับฉับไว

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ วางนางลงเหนือเรือที่นั่ง ปิดบังม่านทองผ่องใส
ให้เร่งออกนาวาคลาไคล สุ่มไล่สามเล่มมาเต็มที่

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น โฉมจันท์สุดามารศรี
ครั้นฟื้นคืนได้สมประดี คว้าหาสามีไม่พบพาน
ผันแปรแลเหลือบมาเห็นยาย โฉมฉายชี้หน้าแล้วว่าขาน
ทุดอีเถ้าทรชนคนพาล อัปรีสีกระบานเปนพ้นไป
ลอบฆ่าสามีแล้วมิหนำ มึงจะซ้ำพากูไปข้างไหน
ชั่วช้าสารพัดน่าขัดใจ จะตบให้ย่อยยับลงกับมือ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้าปลอบว่าอย่าอึงอื้อ
จะพาไปบ้านเมืองให้เลื่องฦๅ ได้ออกหน้าค่าชื่อยิ่งกว่านี้
ทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชย จะเศกให้แม่เปนมเหษี
อย่าทรงโศกโศกาถึงสามี เทวีจะเปนศุขทุกเพรางาย

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาดาลเดือดไม่เหือดหาย
โกรธาด่าทอมากมาย อย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ
ผัวกูวอดวายจะตายด้วย ที่จะให้เอออวยอย่าสงไสย
ว่าพลางทางทรงโศกาไลย ครวญคร่ำร่ำไรไปมา

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่

๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย พระคุณเคยปกเกล้าเกษา
อยู่เย็นเปนศุขทุกเวลา วันนี้มาจากองค์พระทรงฤทธิ์
เพราะเมียชั่วช้าพาซื่อ เชื่อถืออีเถ้าทุจริต
บอกความลับมันไม่ทันคิด จนพระสิ้นชีวิตรวายวาง
พ่อเจ้าประคุณของน้องเอ๋ย กรรมสิ่งไรเลยได้เคยสร้าง
จึงมีอีเถ้ามาตามล้าง เริศร้างภัศดามาแต่ตัว
น่าสงสารปานนี้ผัวแก้ว จะตรำแดดอยู่แล้วพระทูลหัว
ยิ่งคิดขุ่นข้องหมองมัว ทอดตัวเกลือกกลิ้งนิ่งไป

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ บัดนั้น ยายเถ้าวักน้ำมาลูบให้
เห็นนางได้สมประดีก็ดีใจ เร่งฝีพายพายไล่สุ่มมา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงประทับตำหนักแพ พอเห็นท่านเถ้าแก่ก็ไปหา
ยายเถ้าเล่าความตามกิจจา อย่าช้าช่วยทูลพระทรงธรรม์

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เถ้าแก่แร่ไปขมีขมัน
ครั้นถึงจึงทูลว่ายายนั้น ได้นางจันท์สุดามาแล้ว

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเร่งผ่องแผ้ว
จึงเสด็จจากอาศน์คลาศแคล้ว ตามแถวท้องฉนวนด่วนไป

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลเห็นยาย พระแย้มยิ้มพริ้มพรายปราไส
ยายทำความชอบข้าขอบใจ ว่าพลางพยักให้เผยม่านทอง

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมโฉม

๏ พระพินิจพิศโฉมจันท์สุดา นางในใต้ฟ้าไม่มีสอง
ผิวเนื้อเรื่อเหลืองเรืองรอง ภักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ เนตรขนงน่ารักนักหนา
ตลึงแลดูนางไม่วางตา พระราชาแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึงเรียกวอสุวรรณบรรจง รับองค์เทวีศรีใส
แห่ห้อมพร้อมพรั่งเข้าวังใน เสด็จตามทรามไวยมาทันที

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงสั่งให้พานาง ไปอยู่ห้องปรางปราสาทศรี
ตรัสพลางย่างเยื้องจรลี มาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง ดมดูกลิ่นฟุ้งหอมฉ่ำ
หยิบภูษามาทรงแล้วลูบคลำ ยกทองท้องช้ำชอบพระไทย
ห่มสีทับทิมกรองคล้องคอ ใครดูกูหนุ่มฟ้อขึ้นฤๅไม่
นั่งมองส่องกระจกยิ้มละไม ก็ยังไม่แก่กะไรทีเดียวนัก
ผมเผ้าพิศดูไม่สู้หงอก เสียสิ่งเดียวดอกแต่ฟันหัก
ถึงกระนั้นโฉมยงก็คงรัก แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากแท่นทอง

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

ร่าย

๏ เดินเหินรัดกุมเหมือนหนุ่มแน่น ลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง
พิศดูตัวพลางทางเยี่ยมมอง ตามช่องฉากบังกระทั่งไอ
เห็นนางซบภักตราโศกาอยู่ จะเหลียวดูภูมีก็หาไม่
ค่อยนั่งลงข้างองค์อรไทย แล้วปราไสเกี้ยวพานหว่านล้อม

ฯ ๔ คำ ฯ

ชาตรี

๏ สาวเอยสาวสวรรค์ น้อยฤๅนั่นน่าชมนางผมหอม
งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม ดูละม่อมหมดอย่างเหมือนนางฟ้า
นี่กุศลหนหลังเราทั้งสอง เคยเปนคู่ครองเสนหา
เก็บดอกไม้ไหว้พระด้วยกันมา วาศนาทำไว้จึงได้น้อง
แต่วันพบผะอบผมเจ้าลอยน้ำ พี่ครวญคร่ำโศกาหาเจ้าของ
ให้เสนาข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้อง ได้ข่าวน้องเพราะยายค่อยคลายใจ
ทีนี้เสร็จสมอารมณ์นึก ดังเอาน้ำอำมฤคมารดให้
ถึงจะได้นางฟ้าสุราไลย ไม่ดีใจเหมือนเจ้าเยาวมาลย์
เชิญผินภักตรามาพาที เสียแรงพี่ว่าวอนด้วยอ่อนหวาน
จะครวญคร่ำร่ำร้องไม่ต้องการ จงพูดจาว่าขานกันโดยดี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น โฉมจันท์สุดามารศรี
ฟังท้าวเจ้าภาราพาที เทวีกลุ้มกลัดขัดใจ
ถอยองค์ออกไปเสียให้ห่าง แล้วนางค่อนว่าไม่ปราไส
นี่แน่ออเถ้าเจ้ากรุงไกร ช่างไม่คิดถึงตัวมัวเมา
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ยังจะเที่ยวเกี้ยวชู้อยู่อิกเล่า
จนฟันหักผมหงอกเหมือนดอกเลา ลูกเขาเมียเขาก็ไม่คิด
คบกันกับอีเถ้าเจ้าเล่ห์ ทำการเกเรทุจริต
ลอบฆ่าสามีกูม้วยมิด มิหนำซ้ำปลิดเอาเมียมา
อย่าพักว่าวอนให้อ่อนใจ กูไม่มุ่งมาดปราถนา
ว่าพลางนางทรงโศกา กัลยาโศกศัลย์รันทด

ฯ ๑๐ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ ทรามเอยทรามสงวน อย่ารัญจวนครวญคร่ำกำสรด
ถึงเจ้าโกรธโกรธาว่าประชด จะออมอดไม่ถืออรไทย
อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าว่าเถ้าแก่ พี่แพ้ฟันดอกจะบอกให้
อันอายุอานามกับทรามไวย เห็นจะไม่กะไรกันนัก
อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่ จงชมแต่ยศถาบันดาศักดิ์
พี่จะเศกโฉมยงนงลักษณ์ ให้เปนเอกอรรคเทวี
ทุกวันท่านยายก็แก่เถ้า ขอเชิญเจ้าร่วมแท่นแทนที่
สมบัติพัศถานเรามั่งมี คงดีกว่าผัวเก่าของเจ้าจน
พี่ให้ไปรับน้องมา หวังว่าจะรักเปนพักผล
จะแขงขัดตัดรอนไม่ผ่อนปรน ใช่ที่นฤมลจะพ้นมือ
ว่าพลางทางถดเข้าใกล้ ลูบไล้เลียมลองจะต้องถือ
ให้เร่าร้อนฤไทยดังไฟฮือ แล้วหดมือถอยหลังรั้งรอ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาไม่กลัวทำหัวร่อ
ตบมือชี้หน้าด่าทอ เคืองขัดตัดภ้อภูวไนย
อย่าอวดโอ้โอหังว่ามั่งมี หานิยมยินดีของมึงไม่
พูดจาบ้าลำโพงโป้งไป คนอะไรใครบ้างอย่างนี้
ไม่คิดว่าแก่เถ้าจะเข้าโลง ยังโอ่โถงทำหนุ่มน่าบัดสี
ไม่ช้านักสักปีหนึ่งสองปี จะได้เกี้ยวกับผีที่ป่าช้า
น่าหัวร่อทั้งทุกข์สนุกจ้าน ดื้อด้านซานซมนักหนมหนักหนา
ดูเหมือนมิใช่ท้าวพระยา เวทนาเชิญไปเสียให้พ้น

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชคิดขัดสน
จะเล้าโลมโฉมนางนฤมล เห็นไม่หย่อนผ่อนปรนก็จนใจ
อำนาจนางซื่อสัตย์ต่อภัศดา พระราชาร้อนรนไม่ทนได้
จึงเสด็จย่างย่องจากห้องใน รีบไปสรงชลกระวนกระวาย

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ตักวารีรดหมดแม่ขัน แต่กระนั้นร้อนใจมิใคร่หาย
หยิบเครื่องสุคนธามาละลาย ลูบชโลมโซมกายค่อยคลายร้อน

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า

๏ พระนั่งง่วงโงกหงับหลับตา คิดถึงจันท์สุดาดวงสมร
นิจจาเจ้าช่างสลัดตัดรอน ไม่ผันผ่อนปรานีพี่บ้างเลย
เสียแรงให้ไปรับน้องมา หวังว่าจะร่วมเรียงเคียงเขนย
พี่เฝ้าปลอบโฉมงามทรามเชย น้องเอ๋ยไม่ปลดปลงลงใจ
อันเล่ห์กลสัตรีนี้ฦกล้ำ จะเชื่อถือถ้อยคำยังไม่ได้
เห็นจะเปนมารยาพิราใน จะเกี้ยวแก้มือใหม่อิกสักครั้ง

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดพลางแต่งองค์ทรงภูษา ห่มห่มนอนราคากว่าสองชั่ง
แล้วดำเนินเดินดุ่มสุ่มตะรัง ขึ้นนั่งบนเตียงเคียงนาง

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ น้องเอยน้องรัก จงผินภักตร์มาพูดกับพี่บ้าง
เอออะไรไม่พอที่พอทาง จะทำให้เขินค้างอยู่กลางคัน
แม้นมิได้เชยชมสมหมาย จะสู้วายชีวาอาสัญ
แต่พี่มีเมียมานับพัน ไม่เหมือนขวัญเนตรน้องต้องติดใจ
จริงจริงพี่รักเจ้าหนักหนา ไม่เสแสร้งแกล้งว่าสบถได้
เจ้าจงเมตตาอาไลย อย่าให้ไผ่ผอมตรอมใจตาย

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ ได้เอยได้ฟัง แค้นคั่งเคืองหูไม่รู้หาย
นางโกรธาด่าทอหยาบคาย ถ่มน้ำลายรดให้ไม่ไยดี
ขี้คร้านพูดจากับบ้าหลัง น่าชังนักหนาผินหน้าหนี
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี ก็โศกีครวญคร่ำรำพรรณไป

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้โลม

๏ แสนเอยแสนงอน ช่างตัดรอนค่อนว่าไม่ปราไส
เจ้าคารี้สีคารมสุดใจ เปนไรเปนไปไม่ละกัน
ว่าพลางทางขยับจะยุดยื้อ เลียมลองต้องถือให้มือสั่น
เดชะความสัตย์ของนางนั้น ทรงธรรม์ร้อนรนกระวนกระวาย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ จะช้านักสักครู่ไม่อยู่ได้ จนใจจึงจำขย่ำขยาย
เหลียวหลังดูนางพลางเสียดาย ค่อยเดินชายออกไปเสียให้พ้น
นั่งนิ่งพิงหมอนถอนใจใหญ่ ภูไนยสิ้นคิดขัดสน
ให้รักใคร่ในนางนฤมล เปนทังวี้ทังวลวุ่นวาย

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า

๏ พระกอดเข่าเจ่าจุกทุกข์ร้อน นั่งนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
คิดถึงนงเยาว์เศร้าเสียดาย มุ่งหมายจะชมไม่สมคเน
จำจะคิดแยบคายสายสน หาหมอรู้มนต์ทำเสน่ห์
แก้ไขใช้ทางอุปเทห์ มิได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ ทีนี้โฉมยงคงรักใคร่ เห็นจะไม่โกรธาบ้าบ่น
ด้วยเดชะฤทธิ์เดชเวทมนต์ อันจะพ้นมือพี่อย่าสงกา
พระแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ หมายได้นึกกำหนัดสมบัติบ้า
จึงเรียกเหล่าเถ้าแก่เข้ามา แล้วกำชับกำชาสั่งความ
จงพิทักษ์รักษามารศรี อย่าพูดจาพาทีให้หยาบหยาม
ช่วยกันเล้าโลมนางโฉมงาม ถ้าโอนอ่อนผ่อนตามจะรางวัล
แม้นกูมาทีหลังยังดื้อดึง ชีวิตรมึงเหล่านี้จะอาสัญ
สั่งพลางย่างเยื้องจรจรัล ออกท้องพระโรงคัลทันใด

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์ พร้อมข้าราชการน้อยใหญ่
จึงเรียกเสนีที่ไว้ใจ มาใกล้น่าที่นั่งแล้วสั่งพลัน
จงสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กล ที่มนต์ดลอาคมขลังขยัน
ทำรูปรอยปลุกเศกเลขยันต์ ตามทำนองของมันเคยใช้
ถ้าแม้นทำเปนเห็นจริง ให้ผู้หญิงสมัครักใคร่
เสื้อผ้าเงินทองจะถึงใจ ใครรับได้เอาตัวมันเข้ามา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนีดีใจอยากได้หน้า
คำนับรับราชบัญชา บังคมลามาริมทิมชาววัง
เรียกบ่าวลูกเล็กเจ๊กหัวเปีย ต่ำเตี้ยกะจิริดติดตามหลัง
ถือห่อผ้าการ่มรุงรัง ไม่รอรั้งเดินออกนอกประตู

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เที่ยวสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กล ทุกถนนในนครจนอ่อนหู
วัดวาอารามเที่ยวถามดู ไม่มีผู้รู้ทำล้ำฦกซึ้ง
แสบท้องแทบตายสายเต็มที เข้าซื้อหมี่เจ๊กกินสิ้นสองสลึง
แล้วใส่เอาเหล้าเข้มพอเต็มตึง หยุดอยู่ครู่หนึ่งจึงจะไป

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น หมอเถ้าเจ้าความรู้ครูใหญ่
ไม่มีมุลนายสบายใจ อยู่โรงริมร่มไม้ในกำแพง
เปนทิศาปาโมกข์พวกโหยกเหยก ตัวเอกออกชื่อฦๅทุกแห่ง
อวดกำลังหนังเหนียวเรี่ยวแรง ฟันแทงไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
ทำเสน่ห์เล่ห์กลให้คนเชื่อ ฉลาดเหลือหลอกหลอนผ่อนผัน
เมียขุนนางวางน้ำไปกำนัน ขอเลขยันต์หยูกยาอาคม
พวกหนุ่มหนุ่มปราถนาจะหาเมีย มาเรียนรู้สู้เสียผ้านุ่งห่ม
เถ้าชราหากินด้วยลิ้นลม ใครชิดชมฉิบหายเสียหลายคน
เหล่านักเลงเล่นเบี้ยเสียถั่ว มาฝากตัวตาหมอคิดฉ้อฉน
บ้างเรียนชักไม้กงพัดหัดเล่นกล คอยลวงคนชาวบ้านนอกคอกนา
พวกหัวไม้ไปหัดอาพัดเหล้า ฟันไม่เข้าคงสิ้นทั้งหินผา
เงินทองไม่มีบี้สกา อุส่าห์มาติดเทียนเรียนรู้
ล้วนนักเลงเสงพากปากโป้ง บ้าลำโพงเพื่อนบ้านรำคาญหู
พอถึงวันพฤหัศนัดไหว้ครู กินหัวหมูกับเหล้าเมาโมเย

ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนีเหนื่อยเหน็ดเที่ยวเตร็จเตร่
ถึงบ้านหมอรอฟังยังลังเล พอคะเนเพลาสักห้าโมง
ได้ยินเสียงคนผู้อยู่หนักหนา เล่นหมากรุกฤๅสกาพูดจาโผง
จึงข้ามร่องย่องยิ้มมาริมโรง ฝาโปร่งเปนช่องเมียงมองดู
เห็นหนุ่มหนุ่มนั่งล้อมพร้อมหน้า ขอคาถาตาหมออวดจ้ออยู่
ค่อยเคาะเปาะเข้าที่เสาประตู ถามหาตาครูดูท่วงที

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาหมอมองป้องหน้าใครมานี่
เอออ่อต่อจะจับเจ้าเหล่านี้ เสนีแล้วสิหว่าดูน่ากลัว
พวกหลบเจ้าหนี้หนีนายบ่อน ตกใจไปซ่อนนอนคลุมหัว
บรรดามีความผิดติดตัว อารามกลัวลุกทลึ่งตึงตัง
ที่ใจกล้าว่าเกลออย่าเพ่อหนี ร้ายดีคงสู้ดูสักตั้ง
ตาหมอทำฮึกฮักทักเสียงดัง ใครแปลกหน้ามานั่งรั้งรอ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นเข้าใกล้ได้ความตามซื่อ จูงมือมาพลางทางหัวร่อ
ผูกรักชักชวนชอบพอ พูดล้อเจรจาฮาเฮ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีนักเลงเก่าเจ้าเล่ห์
เข้าคบค้าสมาคมสมคเน บอกอุบายถ่ายเทธุระร้อน
เดี๋ยวนี้นะพระองค์ทรงธรรม์ แสนกระสันจันท์สุดาดวงสมร
แต่เกี้ยวพานพูดจาว่าวอน เปนหลายครั้งบังอรไม่เอออวย
ถ้าทำได้ให้องค์นงลักษณ์ พบภักตร์ภูมียินดีด้วย
นางนิยมสมประสงค์งงงวย คงรวยเต็มประดาแล้วตาครู
เงินทองของเข้าจะเอาอะไร อย่าสงไสยได้หมดไม่ปดปู่
ทั้งเมียสาวบ่าวไพร่พรั่งพรู ที่อยู่ตึกกว้านบ้านเรือนรั้ว
ฤๅจะเปนขุนนางข้างกรมท่า แต่งสำเภาเลากาเปนเจ๊สัว
จงออกรับอาสาเถิดอย่ากลัว จะซ่อนตัวอยู่ไยไม่ต้องการ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น หมอเถ้าได้ฟังลูบหลังหลาน
หลงละโมภโลภล้นพ้นประมาณ อยากจะได้ของประทานพานพูดเพ้อ
จะทำให้สมประสงค์จงได้ การเสน่ห์แล้วใครไม่เสมอ
คอยดูความรู้เราเอาเถิดเธอ อวดอ้อหัวร่อเร่อเอออือ
อันอาคมคาถาตำราตำหรับ มากมายหลายฉบับเคยนับถือ
คนมาขอเรียนร่ำล่ำฦๅ เห็นแล้วฤๅศิษย์เราล้วนเจ้าชู้
ช่วยแนะแหนแต่เสน่ห์ขี้เหร่ขี้ร้าย ได้สมหมายมนต์ขลังอยู่มั่งอยู่
วันนี้เขาเอาของมาไหว้ครู หัวหมูบายศรีอยู่นี่แน
พอเลี้ยงท้องสองมื้อไม่ขัดสน ได้นั่งกินสินบนมาจนแก่
เมื่อเย็นวานท่านผู้หญิงที่แพ ให้ผ้าแพรปังสีสี่ห้าพับ
ทั้งนอกในไปมาหาไม่ขาด แต่ไม่อาจออกตัวกลัวเขาจับ
นี่กันเองไม่เกรงดอกจึงออกรับ เปนความลับฦกล้ำสำคัญ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนาพาซื่อถือมั่น
เห็นชอบกลมนต์เวทวิเศษครัน จะขยันทายาดดูลาดเลา
คิดพลางทางว่ากับตาหมอ จะรั้งรออยู่ไยทำไมเล่า
มั่งมีดีกว่าค้าสำเภา กลัวอะไรไปเฝ้าเอารางวัล

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ตาหมอมุ่งหมายจะผายผัน
มาอาบน้ำในครัวแต่งตัวพลัน แป้งน้ำมันมีพร้อมหอมฟุ้ง
เลือกผ้านุ่งห่มสมรูปร่าง ลายฉลางอย่างนอกเอาออกนุ่ง
กรุกกรักประดักประเดิดเปิดฝาลุ้ง เอาแพรบางกวางตุ้งคาดพุงพัน
แล้วไขตู้ดูตำราของอาจารย์ ปิดทองของบุราณลานสั้น
สมุดขาวเขียนหมึกดึกดำบรรพ์ ล้วนเลขยันต์เสน่ห์เล่ห์กล
ห่อผ้าดำสำรองไปสองฉบับ ถึงไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่ขัดสน
ปากว่าสาธยายเวทมนต์ จำได้หัวใจสนธิ์บ่นออกมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีดีใจเปนนักหนา
จึงพาหมอเถ้าเจ้าตำรา เดินมาตามทางกลางนคร

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง ให้หมอนั่งยั้งอยู่สักครู่ก่อน
เข้าไปกราบบาทมูลทูลภูธร ธุระร้อนพระองค์คงสมคิด
ข้าไปพบหมอเถ้าเข้าคนหนึ่ง ถ้าจะเปรียบเทียบถึงปโรหิต
รู้วิชาชำนาญการอิทธิฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์วิทยาอาคม
บัดนี้พาตาหมอมารออยู่ ที่ทิมริมประตูท้ายสนม
มนต์ดลดีนักหนาน่านิยม ไม่ประสมประสานแสร้งแกล้งกราบทูล

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทรงธรรม์สันนุราชนเรนทร์สูร
ฟังแจ้งแถลงเล่าเค้ามูล ให้เพิ่มภูลภิรมย์สมนึก
จึงให้หาตาหมอจรดล มาเฝ้าบนชานพักตำหนักตึก
แล้วเล่าตามความขำล้ำฦก ตรองตรึกปฤกษากับตาครู
เราได้นางนฤมลมาคนหนึ่ง ผัวพึ่งวอดวายเปนหม้ายอยู่
รูปทรงโสภาน่าเอนดู ควรเปนคู่เคียงเขนยเชยชม
จะเล้าโลมโฉมเฉลาสักเท่าไร ก็มิได้มีจิตรสนิทสนม
หมอเถ้าเจ้าเสน่ห์เล่ห์ลม จงทำให้ได้สมความคิดเรา
แม้นว่าแก้วกัลยาการุญ บุญคุณของครูเท่าภูเขา
ถึงได้ทองสักสองลำสำเภา ก็ไม่เท่าได้ของที่ต้องใจ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หมอเถ้าเจ้าตำราอัชฌาไศรย
จึงแกล้งทูลถ่อมตัวกลัวโพยไภย ข้าเข้าใจบ้างอยู่ความรู้บุราณ
เมื่อหนุ่มหนุ่มคนองลองคาถา ผู้หญิงงามตามมาจนถึงบ้าน
ครั้นแก่ตัวกลัวผิดคิดขี้คร้าน เขาบนบานบ่อยไปไม่ไยดี
ได้ทราบ่าฝ่าลอองต้องประสงค์ นางโฉมยงยังระคางขนางหนี
จะอาสาน่าที่นั่งครั้งนี้ ให้สิ้นดีโดยอุบายถ่ายเท
ผงดินสอขอถวายให้ผัดภักตร์ นารีรักรูปทรงหลงเล่ห์
ขี้ผึ้งสีเศกด้วยฤทธิ์อิทธิเจ เปนเสน่ห์พูดผู้หญิงให้ยิงยอม
เครื่องสุคนธ์มนต์เทพรำจวน ให้เนื้อหนังนุ่มนวลหวนหอม
สรงสนานน้ำทิพย์สิบกละออม นางผมหอมเห็นพระองค์คงทักทาย
ทูลพลางพลิกหาตำราเสน่ห์ อุปเทห์ที่ใบลานอ่านถวาย
เคยทำเปนเห็นจริงหญิงรักชาย บ้าน้ำลายพูดโผงโป้งไป

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชลุ่มหลงไม่สงไสย
น้อยฤๅหมอเถ้าคนเข้าใจ เรียนร่ำจำไว้ได้มากมาย
ทีนี้นางนฤมลไม่พ้นพี่ เพราะเวทมนต์ดลดีใจหาย
ตบเพลาเข้าพลางทางยิ้มพราย คงได้ชมสมหมายถ่ายเดียว
ชิชะหมอคนนี้ดีทายาด รู้หลักนักปราชญ์ฉลาดเฉลียว
เนื้อตัวตกกระยังประเปรียว ไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่อับจน
ถ้าทำได้สมหวังดังว่า เสื้อผ้าสารพัดไม่ขัดสน
จะให้เมียรูปงามสักสามคน เปนสินบนหมอเถ้าเจ้าตำรา
ประทานทั้งเงินตราห้าสิบชั่ง แล้วจะตั้งเปนขุนนางข้างกรมท่า
ฤๅรักทำโรงเหล้าเตาสุรา ตามแต่ตัวขรัวตาจะชอบใจ
ว่าพลางทางสำรวลสรวลเส สมคเนแม่นมั่นพนันได้
แล้วตรัสสั่งขุนนางวางพระไทย อย่าอื้ออึงคนึงไปให้ใครรู้
จงจัดแจงแต่งที่สรงสนาน เครื่องอานต่างต่างหลายอย่างอยู่
ให้ต้องตามตำราของตาครู เห็นได้ช่องลองความรู้ดูอิกครั้ง

ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนีคำนับรับคำสั่ง
ออกมาที่ทิมริมคลัง เจ็บหลังนั่งอิงพิงพนัก
บ่าวตะบันหมากสงมาส่งให้ เคี้ยวไม่ได้ฟันฟางห่างหัก
ฉวยคนโทดื่มน้ำจนสำลัก เปลื้องสมปักเปียกไปให้ทนาย
หยิบน้ำชามารินกินสองป้าน สั่งพันภาณให้เสมียนเขียนหมาย
หมอเถ้าจะเสดาะพระเคราะห์ร้าย บอกอุบายมิให้ใครสงกา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ตำรวจรับหมายบ่ายนักหนา
ลนลานการด่วนจวนเวลา วิ่งหานายมุลวุ่นทั้งเวร
บ้างตกแต่งเตียงสรงองค์เก่า ออกไปเอาช่างมาทาเสน
นายงานพานสันทัดชัดเจน อึดอัดขัดเขมรยกเข้ามา

ฯ ๔ คำ ฯ

ยานี

๏ แต่งตั้งเตียงที่พิธีสนาน ผูกม่านเพดานดวงพวงบุบผา
ขันสาครใหญ่ใส่คงคา ครอบสำริดปิดฝาม้ารอง
เครื่องสำอางวางเรียงเคียงกัน เกณฑ์กำนัลนั่งเฝ้าเปนเจ้าของ
ภูษาผ้าทรงใส่พานทอง จัดแจงแต่งต้องตามธรมเนียม
ตาเถ้าชาวที่สามสี่คน ตักเติมหม้อน้ำมนต์จนออกเปี่ยม
เตียงสำหรับตาครูปูพรมเจียม ตระเตรียมพร้อมเสร็จสำเร็จการ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ บัดนั้น หมอเถ้าเจ้าตำราตราสาร
ให้แต่งตั้งกำนนบนบาน ตามบุราณคำรบครบครัน
เรียกเอาเข้าของคำนับครู หัวหมูบายศรีขมีขมัน
สารพัดบัดพลีพะลีกรรม์ กระแจะจันทน์น้ำมันหอมพร้อมเพรียง
ครั้นเสร็จสรรพทุกสิ่งไม่นิ่งช้า หมอเถ้าเอาผ้าสไบเฉียง
ขึ้นทำการอ่านมนต์บนเตียง เศกเสียงพึมพำพร่ำไป

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ ว่าตามความรู้ของครูสอน พลัดเปนครึ่งท่อนกลอนปรบไก่
ได้สติตีอกชกใจ ลงปลายกลายไปเปนเวทมนต์

ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชมาดหมายมาหลายหน
วันนี้นางทรามไวยเห็นไม่พ้น พากเพียรเรียนมนต์บ่นเต็มที่

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ จำได้คาถามหาเสน่ห์ อุปเทห์ทั้งมวญถ้วนถี่
ครั้นโพล้เพล้เวลาราตรี มาเข้าที่สรงน้ำทำการ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ชมตลาด

๏ ไขสุหร่ายสายชลดังฝนตก อาบอุทกธารากระยาสนาน
รดน้ำมนต์ล้นเหลือเชื่ออาจารย์ จนงกงันสั่นสท้านทั้งกายา
บรรจงทรงสุคนธ์มนต์หมอเศก นางตัวเอกไม่แคล้วพี่แล้วหนา
ผงดินสอใส่พระหัดถ์ผัดภักตรา ลูบไล้ไปมาทั้งสารพางค์
หยิบยกกระจกใหญ่ใส่คันฉ่อง เทียนตั้งนั่งมองส่องสว่าง
ดูเปนหนุ่มน่าชมสมกับนาง อวดหมอหัวร่อพลางทางแย้มยิ้ม
เสวยพระศรีสงทรงเคี้ยว สักประเดี๋ยวทันใจเอาไม้จิ้ม
นุ่งนอกอย่างวางชายกรายกรีดริม สีทับทิมคล้องคอพอพระไทย
เพ็ชรฑูริย์ธำมรงค์ทรงก้อย ตำราพลอยว่าผู้หญิงมักรักใคร่
คาดเข็มขัดประจำยามงามสุดใจ พวงมาไลยใส่ข้อมือถือยาดม

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ ครั้นเสร็จเสด็จมาไม่ยั้งหยุด ดำเนินเดินสดุดนักสนม
ขึ้นบนมณเฑียรเจียนจะล้ม เข้าในห้องประธมเทวี

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ยืนแฝงฝากั้นขยั้นอยู่ แอบประตูดูสุดามารศรี
ปากบ่นบริกรรมทำท่วงที สูบบุหรี่ร่ายมนต์พ่นควันไป
นางเหลียวดูภูบาลก็อ่านเวท ประสมเนตรนึกรักยักคิ้วให้
เห็นชอบกลกัลยาไม่ว่าไร หมายได้สมคิดด้วยวิทยา
จึงค่อยย่องย่างมาข้างหลัง ขึ้นนั่งบนเตียงเมียงเมินหน้า
ยิ้มแย้มกระแอมไอไปมา พูดจาปลอบนางพลางแลเล็ง

ฯ ๖ คำ ฯ

ชาตรี

๏ น้องเอยน้องรัก กำลังสาวราวสักปีมเส็ง
ภักตร์ผ่องเพียงจันทร์เมื่อวันเพ็ง ครัดเคร่งเปล่งปลั่งอยู่ทั้งตัว
น้อยฤๅพี่รักนักหนา กระนี้แล้วแก้วตายังว่าชั่ว
นี่เนื้อเคราะห์เพราะชราหูตามัว ไม่เหมือนผัวของเจ้าเฝ้าเคียดคุม
อย่าเลี้ยวลดทดลองให้ถ่องแท้ กลัวแต่แก่จะชนะหนุ่ม
ว่าพลางทางขยับจะจับกุม ให้ร้อนรุมราวกับไฟไหม้มือ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ นึกพรั่นขยั้นขยดถดถอย เหงื่อไหลไคย้อยลงน้อยฤๅ
แก้ขวยฉวยพัดปัดกระพือ ยังร้อนรื้อเรียกน้ำมากล้ำกลืน

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ หยุดพักสักประเดี๋ยวเกี้ยวใหม่ แข็งใจพูดจาทำหน้าชื่น
จะเศกน้องครองวังให้ยั่งยืน วันรุ่งพรุ่งมะรืนได้ฤกษ์ดี
เอออายุนงเยาว์สักเท่าไร จงขับไล่ดูลองกับของพี่
อย่าย้อนยอกบอกเบือนเดือนปี ตำรามีรู้มากนาคกะเชอ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดานึกในช่างไม่เก้อ
ชังน้ำหน้าบ้าเคอะกะเซอะกะเซอ เป้อเย้อเย่อหยิ่งจริงจริงเจียว
จะหุนหันโมโหโต้ตอบเล่า เหมือนทำให้อ้ายเถ้ามันเฝ้าเกี้ยว
ให้พูดจาบ้าบ่นอยู่คนเดียว นางขัดใจไม่เหลียวไม่แลดู

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่
หมายได้ด้วยคาถาของตาครู อุส่าห์สู้บ่นตะบอยค่อยกระซิบ
ดูทำนองต้องจิตรผิดประหลาด ไม่ร้ายกาจก้มหน้าตาปริบปริบ
น้อยฤๅนางแสนคมคารมริบ นิ่งกริบไปทีเดียวไม่เหลียวเลย
ท่วงทีถูกเสน่ห์คเนแน่ เห็นประจักษ์ทักแท้แล้วแม่เอ๋ย
กระดิกเข่าท้าวแขนแหงนเงย เอาเขนยหนุนหลังนั่งทำทรง
กินหมากดิบหยิบขี้ผึ้งเศกสี สูบบุหรี่ใส่จันทน์ควันขมง
แล้วไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมล้อมวง ใหลหลงพูดละเมอเพ้อพก

ฯ ๘ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตร ทีนี้คงปลงปฤษณาตก
เหมือนทุกข์พี่มีผู้มาหยิบยก ให้เบาอกออกแล้วนะแก้วตา
จะนิ่งอยู่ไยน้องไม่ต้องการ นั่งนานเหน็ดเหนื่อยเมื่อยนักหนา
ขอเชิญเจ้าเข้าที่กับพี่ยา ให้เปนผาศุกสบายหายหาวนอน
วันนี้ทีทำเห็นอ้ำอึ้ง ไม่โกรธขึ้งตึงตังเหมือนครั้งก่อน
ดีจริงเจียวแม่ไม่แง่งอน จงโอนอ่อนผ่อนตามให้งามงด
แล้วร่ายมนต์หมอเถ้าเป่าซ้ำ บริกรรมทำปากบดบด
เอะอ่อต่อจะอ่อนหย่อนพยศ ค่อยขยดถดไถลเข้าไปชิด
นางขยับกลับตัวกลัวจะเห็น ทำเปนผินหลังนั่งเกาหิด
มองเขม้นเห็นสไบไม่สู้มิด จึงยื่นมือมานิดสกิดกาย

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาร้องกรีดหวีดว้าย
ชั่วชาติประหลาดเหลือเบื่อจะตาย ช่างไม่อายขายหน้าบ้าจริงจริง
ยังจะขืนยื่นมือมายื้อหยอก เดี๋ยวนี้ดอกจะได้ชมคารมหญิง
เหลือแค้นแน่นอกยกหมอนอิง กระแทกทิ้งลงตรงหน้าแล้วด่าทอ
ช่างกะไรอ้ายหมอนไม่นอนหลับ จนเขาขับขืนเกี้ยวไปเจียวหนอ
แม้นมีไม้ใกล้ตัวหัวจะนอ ใจคอไม่ลื้นเหมือนหมื่นทน
เนื้อตัวหัวหูไปอยู่ไหน จึงทนได้ให้เขาด่าดังห่าฝน
ฤๅฟังเล่นเย็นฉ่ำเหมือนน้ำมนต์ ช่างผิดคนทนทานด้านดึง
ไม่ว่าเล่นเห็นฦกอย่านึกหมาย ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงตึงตึง ดื้อดึงดุดะไม่ละลด
พานหมากพานพลูที่อยู่ใกล้ ก็ปัดไปเปรื่องปร่างขว้างเสียหมด
ฉวยน้ำซ้ำสาดราดรด ทำประชดชิงชังรังแก

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชประหลาดจิตรผิดแล้วแหล
เสียน้ำใจในคอท้อแท้ จนเปนลมล้มแน่นิ่งไป
ให้เวียนหัวมัวตาหน้ามืด ครางอืดบ่นออดทอดใจใหญ่
ดูดู๋เดิมเห็นดีมีน้ำใจ หมายได้ไม่แคล้วแล้วทีเดียว
มิรู้กลับแกล้วกล้าบ้าเลือด ดุเดือดเต็มประดาตาเขียว
ไม่รอติดผิดผู้หญิงจริงเจียว ขี้เกียจเกี้ยวรับแพ้แล้วแม่คุณ
ยังเจ็บช้ำระยำอยู่ไม่รู้หาย ราวกับถูกลูกปรายหลายกระสุน
ทำหน้าเซียวเคี้ยวเอื้องเงื่องงุน สิ้นทุนสิ้นรอนจะผ่อนปรน
แต่ยักย้ายหลายทำนองตรองตริ สิ้นสติตายด้านอั้นอ้น
สู้อุส่าห์หน้าด้านทานทน ถึงสองหนแล้วเห็นไม่เอ็นดู
เอออะไรใจคอดังดินประสิว ฉุนฉิวยิ่งกว่าชุดจุดดินหู
เห็นไม่เปนเช่นตำราของตาครู ถ้าขืนอยู่จะหยาบคายร้ายแรง
ขยับลุกแล้วลงนั่งรั้งรอ ปากบ่นมนต์หมอจนคอแห้ง
ไม่เห็นคุณเห็นค่าตาขี้แร้ง เหมือนหนึ่งแกล้งให้มาถูกด่าทอ
คิดเคืองขุ่นหมุนออกนอกปราสาท เกรี้ยวกราดกริ้วร้องให้ถองหมอ
เฆี่ยนให้หลังลายจนต้นคอ ด่าทอถีบเถ้าเจ้าตำรา

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หมอเถ้าซานซมล้มถลา
ถูกถองต้องพระราชอาญา ตกประหม่าตัวสั่นงันงก
วิ่งออกนอกวังไม่ยั้งหยุด จนสมุดทั้งมัดพลัดตก
เสนาในใหญ่น้อยตามต่อยชก วิ่งวกเข้าวัดลัดหนีไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชมาดหมายหาหายไม่
ไปเกี้ยวพานพูดจาเพลาไร ก็ไม่ได้สู่สมชมชิด
ประหลาดหนอหมอมดมาปดเล่น ทำอะไรไม่เห็นเปนสักหนิด
สาแก่ใจเจ็บปวดอวดอิทธิฤทธิ์ โทษผิดคิดจะใคร่เอาใส่คุก
พอเข็ดหลาบบาปกรรมทำเปล่าเปล่า บ่นออดกอดเข่าเจ่าจุก
นั่งโยกโงกหงับปรับทุกข์ กับหมู่มุขมนตรีเสนีใน
แต่เล่นชู้สู่สาวมาราวร้อย หางามงดชดช้อยเช่นนี้ไม่
น่าชมสมสวาดิระวาดระไว เอวไหล่ลมุนลม่อมพร้อมพริ้ง
เสียแต่ร้ายราวกับเสือเหลือแล้วพ่อ คารมรอไม่ติดผิดผู้หญิง
อุส่าห์สู้อยู่อ้อนวอนวิง ไม่ยอมยิงยิ่งรื้อดื้อดึง
อันอดเหนียวเกี้ยวชู้รู้ท่วงที มิใช่ชั่วตัวดีไม่มีถึง
จะหักโหมโลมเล้าเคล้าคลึง ให้รุมรึงร้อนรนสกลกาย
มิขัดขวางอย่างนี้แล้วที่ไหน ประเดี๋ยวใจก็จะสมอารมณ์หมาย
ตรองตรึกปฤกษาหาอุบาย ไม่เหือดหายวายเว้นสักเวลา

ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ