บทลครเรื่องมณีพิไชย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอพระมณีพิไชยไปเปนทาษ

ช้า

๏ เมื่อนั้น นางจันทรเทวีศรีใส
อินทรามาเข้าดลใจ พเอิญให้ร้อนรนพ้นปัญญา
คิดจะใคร่ไปสรงชลธี ยังที่ฉนวนน้ำประจำท่า
ชวนฝูงกำนัลในไคลคลา ลีลามาสู่ตำหนักแพ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า

ร่าย

๏ ครั้นถึงจึงลงสรงสนาน กับบริวารข้าสาวชาวแม่
หัวระริกซิกซี้กันซ้อแซ้ ชุมแช่ชลธารสำราญใจ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เจรจา

๏ นางจันทรทอดทัศนา เห็นดอกบัวลอยมาในน้ำไหล
ไม่แจ้งว่างูร้ายอยู่ภายใน ครั้นเข้ามาใกล้ก็หยิบเอา
กลิ่นหอมรวยรื่นชื่นอารมณ์ นางเชยชมดมแล้วดมเล่า
แซมมวยเล่นลองต้องเบาเบา งูงอดตอดเอาพระเศียรนาง
พิศม์สงกลัดกลุ้มคลุ้มจิตร ดังหนึ่งชีวิตรจะจากร่าง
ขึ้นมาบนฉนวนครวญคราง นวลนางซอนซบสลบลง

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น กำนัลนางต่างคนตลึงหลง
บ้างเข้าประคองต้ององค์ เห็นโฉมยงแน่นิ่งไม่ติงกาย
บ้างว่างูขบสลบไป ทำกะไรกะนี้จึงจะหาย
บ้างวิ่งไปถึงโรงฝีพาย หาหมอผู้ชายก็ไม่มี

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บรรดาข้าหลวงทั้งปวงนั้น ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหนี
เข้ากลุ้มอุ้มองค์เทวี พาไปยังที่พระบรรธม

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เถ้าแก่ท้าวนางต่างตกใจ อลหม่านอกไหม้ไส้ขม
บ้างไปเรียกขอเฝ้าเจ้ากรม บ้างขึ้นมาบังคมทูลคดี

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวพิไชยนุราชเรืองศรี
ครั้นรู้ก็รีบจรลี พระมณีพิไชยก็ไคลคลา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ นั่งลงทรงลูบปฤษฎางค์ กายนางเย็นฉ่ำดังน้ำท่า
ตกใจสำคัญว่ากัลยา มอดม้วยมรณาก็จาบัลย์

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ จึงตรัสสั่งลูกรักให้เร่งหา หมองูเข้ามาขมีขมัน
ใครแก้ไขให้หายจะรางวัล แพรพรรณเงินทองล้วนของดี

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระโอรสรับสั่งใส่เกษี
มาหาหมอวุ่นวิ่งเปนสิงคลี อึงมี่ตึงตังทั้งวังใน

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ มดหมอแก้ไขก็นักหนา นางจะฟื้นคืนมาก็หาไม่
จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวไป หมองูอยู่ที่ไหนเอาตัวมา

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

ลาวปีนตลิ่ง

๏ เมื่อนั้น โฉมเจ้าพราหมณ์น้อยละห้อยหา
นั่งอยู่ยังบรรณศาลา เห็นเขามาร้องป่าวก็เข้าใจ
ชรอยท่านแม่ผัวตัวอิจฉา บาปหนางูขบสลบไสล
เหมือนคำโกสีย์ที่สาปไว้ สมน้ำหน้าสาใจนางเทวี

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ ครั้นหยุดเสียงฆ้องก็ร้องถาม ถ้อยความอะไรขาว่าเมื่อกี้
เชิญแวะมาหาข้าข้างนี้ เล่าคดีให้ฟังมั่งเปนไร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาฟังพราหมณ์ถามไถ่
จึงบอกว่ามเหษีของท้าวไท งูขบสลบไปไม่ฟื้นองค์
หมองูเอายาทาถวาย ก็ไม่คลายสักนิดที่พิศม์สง
ถ้าใครแก้ฟื้นคืนคง พระองค์จะให้ทองเท่าลูกฟัก
เข้าใจมั่งฤๅพ่อเปนหมองู ชีพราหมณ์ความรู้มักแหลมหลัก
ปากเปราะเราะรายมาทายทัก จะรับรักษาได้ฤๅไรนา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ยิ้มพลางทางว่า
ข้าเจ้าเปนหมองูรู้มนตรา จะรักษาก็ได้เปนไรมี

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนาได้ฟังถ้วนถี่
จึงว่าขอเชิญเจ้าพราหมณ์ชี ไปรักษามเหษีท้าวไท

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์กล่าวแกล้งแถลงไข
เท้าข้าป่วยเจ็บเปนเหน็บไป เดินเหินไม่ได้ณเสนา
ท่าทางกลางดงก็กันดาร แม้นท่านจะให้ไปรักษา
จงไปทูลอาการพระผ่านฟ้า ให้เอาวอออกมารับเรา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีดีใจใครจะเท่า
ซักไซ้ได้ความตามลำเนา แล้วกลับเข้าบุรีเร็วพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงทูลแถลงแจ้งความ ข้าไปพบเจ้าพราหมณ์ในไพรสัณฑ์
เปนหมองูรู้จบครบครัน หยูกยาว่าขยันเคยทดลอง
จะพามาด้วยก็ป่วยท้าว เดินก้าวไม่ถนัดขัดข้อง
สั่งมาว่าจะขอเอาวอทอง ไปรับรองจึงเจ้าจะเข้ามา

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวพิไชยนุราชนาถา
ได้ฟังจึงสั่งเสนา อย่าช้าเร่งรัดกันบัดนี้
วอทองของกูที่ทำใหม่ จงเอาไปให้เจ้าพราหมณ์ขี่
เชื้อเชิญพูดจาให้จงดี รับเจ้าพราหมณ์ชีเข้ามา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีรับสั่งใส่เกษา
มาจัดแจงแต่งวอช่อฟ้า เสร็จแล้วก็พากันคลาไคล

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงบอกแก่เจ้าพราหมณ์ เล่าความจะแจ้งแถลงไข
บัดนี้พระองค์ทรงภพไตร สั่งให้มารับฉับพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ

จรเข้หางยาว

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์เพราเพริศเฉิดฉัน
ในจิตรคิดจะใคร่จรจรัล ไปประสบพบกันกับผัวรัก
แต่เมียพลัดพรากจากมา พระจะแสนโศกาเพียงอกหัก
วันนี้เข้าไปได้พบภักตร์ จะรู้จักเมียบ้างฤๅอย่างไร
คิดคนึงถึงความเสนหา จะอดกลั้นโศกามิใคร่ได้
เห็นเขาแลดูอดสูใจ ทำเมียงเมินเดินไปในศาลา

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ อาบน้ำชำระสระสรวย หวีผมเกล้ามวยแล้วนุ่งผ้า
มาขึ้นวอสุวรรณมิทันช้า ทั้งสี่เสนาก็นำไป

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงปราการกั้นชั้นสอง จึงลงจากวอทองผ่องใส
เถ้าแก่ท้าวนางข้างใน ออกไปรับเจ้าพราหมณ์ให้ตามมา

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

ช้าปี่

๏ เมื่อนั้น พระมณีพิไชยใฝ่ฝันหา
เห็นโฉมเจ้าพราหมณ์งามโสภา กิริยารูปร่างเหมือนนางเมีย
แล้วจะเปนยอพระกลิ่นเมียพี่ ที่พระชนนีขับเสีย
ร้อนอกหมกไหม้ดังไฟเลีย สำคัญคิดว่าเมียก็เข้ามา
แย้มยิ้มหยอกยุดฉุดข้อมือ ไปไหนน้อยฤๅพึ่งเห็นหน้า
พิศวงหลงใหลไขว่คว้า อนิจาถอยหนีพี่ไย

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ปัดกรค้อนให้
แลสบหลบเนตรภูวไนย แย้มยิ้มละไปไปมา
คิดคนึงถึงความเมื่อยามรัก สงสารพระทรงศักดิเปนนักหนา
ชลเนตรคลอคลองไนยนา เมียงเมินภักตราไม่พาที

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีพิไชยโฉมศรี
จึงกุมกรเจ้าพราหมณ์จรลี มานั่งเหนือแท่นที่อันเดียวกัน
คิดพะวงสงไสยอยู่ไม่วาย เหมือนลม้ายยอพระกลิ่นเมียขวัญ
จะใคร่รู้ข้อขำสำคัญ จึงถามไถ่ไปพลันทันที
นามกรของเจ้านั้นชื่อไร อย่าใส่ไคล้ย้อนยอกจงบอกพี่
สุริวงศ์พงศ์เผ่าของเจ้ามี ฤๅกำเนิดเกิดที่แห่งใด
อันถิ่นฐานบ้านช่องน้องรัก แรกเริ่มเดิมสำนักอยู่ที่ไหน
บอกพี่เถิดเจ้าพราหมณ์อย่าขามใจ เหตุไรมาอยู่ที่ศาลา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ยิ้มเยื้อนเบือนหน้า
เสแสร้งแกล้วกล่าววาจา พระอย่ากินแหนงแคลงใจ
ตัวข้าชื่อว่าอาริยพราหมณ์ ขนานนามตามสังเกตเพศไสย
บิดรมารดาข้าบรรไลย แต่อายุข้าได้สิบปี
จึงเที่ยวสัญจรซอนซอก อยู่บ้านนอกปลายแดนกรุงศรี
เรียนวิชาหาครูความรู้ดี แล้วมาอยู่ยังที่ศาลา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีนิ่งฟังให้กังขา
ถ้อยคำน้ำเสียงจำนรรจา เหมือนเสียงแก้วแววตาของพี่ชาย
ขนงเนตรเกษแก้มแย้มเยื้อน ลม้ายเหมือนยอพระกลิ่นโฉมฉาย
กิริยาพาทีก็ขวยอวย ผิดชายนักหนาน่าอัศจรรย์
ถอยถดขยดเข้านั่งชิด ทอดสนิทติดใจใฝ่ฝัน
จะใคร่ดูให้รู้สำคัญ เปนไรนั่นกลิ่นอายก็หายไป
นิ่งนึกตรึกถวิลยังกินแหนง จึงแสแสร้งแกล้งกล่าวถามไถ่
ยามร้อนผ้าผ่อนเจ้าห่มไย ซื้อฤๅใครให้จึงได้มา
เนื้อหนังดีหนอจะขอชม เจ้าพราหมณ์ห่มสมตัวนักหนา
ฉุดชิงชายสไบไขว่คว้า ไนยนาแลลอดสอดดู
ไม่เห็นแยบคายก็อายใจ ทอดถอนใจใหญ่แล้วยิ้มอยู่
แก้เก้อนั่งกัดปูนพลู อดสูแก่ใจไม่เจรจา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ยิ้มพลางทางว่า
ผ้าของข้านี้ที่ห่มมา ไปรักษาคนไข้เขาให้ปัน
ไม่เคยพบผ้าฤๅเอามือหยิบ มิใช่ว่าผ้าทิพย์ผ้าสวรรค์
ประเพณีชีพราหมณ์พรหมจรรย์ ห่มผ้ามากระนั้นตามธรรมเนียม
ข้าเจ้านี้ฤๅคนซื่อตาย ไม่รู้ทำแยบคายอายเหนียม
เปนคนโง่เง่าไม่เท่าเทียม สงบเสงี่ยมอยู่ตามพราหมณ์ชี
อย่าทำลามลวนหาควรไม่ สบัดกรค้อนให้แล้วลุกหนี
ไปรับมาให้รักษาชนนี ก่นแต่เฝ้าเซ้าซี้รำคาญใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีนึกพะวงสงไสย
ดำเนินเดินตามเจ้าพราหมณ์ไป รอเรียงเคียงไหล่ชำเลืองดู
จึงว่าตัวเจ้าก็เปนชาย ไม่พอที่จะอายอดสู
หามาจะให้ปัดพิศม์งู จงทำตามความรู้ที่เรียนไว้
เครื่องเทศเครื่องไทยอะไรมั่ง พี่จะสั่งให้เขาเอามาให้
เหมือนหนึ่งกันเองอย่าเกรงใจ จะต้องการสิ่งไรจงบอกเรา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ว่าร้อนใจไปไยเล่า
เครื่องเทศสมุนไพรก็ไม่เอา ข้าเจ้าจะให้หายด้วยวิทยา
แม้นพระมารดาฟื้นคืนคง พระองค์จะให้อะไรข้า
จงให้ความสัตย์สัญญา ต่อหน้าทั้งปวงเปนพยาน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีพิไชยจึงว่าขาน
แม้นรักษาหายไม่วายปราณ จะทดแทนคุณท่านให้ถึงใจ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เจ้าเอยเจ้าพราหมณ์ ทั้งนี้ก็ตามอัชฌาไศรย
น้องรักจักประสงค์สิ่งใด พี่จะหาให้ดังใจนึก
ฤๅจะใคร่ได้เมียที่สาวสาว ขาวขาวดีดีมีไม่ตรึก
สมบัติวัตถาโอฬารึก จงเลือกนึกเอาตามชอบใจ
เว้นแต่ดาวเดือนดอกฟ้า นอกนั้นพี่ยาจะหาให้
เงินทองของเข้าจงเอาไป สิ่งไรสารพัดไม่ขัดกัน

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์สำรวลสรวลสันต์
จึงตอบว่าเงินทองของทั้งนั้น ข้าเปนพราหมณ์พรหมจรรย์ไม่ชอบใจ
ถ้าพระจะยอมไปเปนข้า จึงจะรับรักษามารดาได้
ครูข้ากำชับบังคับไว้ มิให้เอาสินบนเงินทอง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีได้ฟังก็เศร้าหมอง
นิ่งนึกดำริห์ตริตรอง ดูทำนองโฉมงามเจ้าพราหมณ์นี้
จะเปนยอพระกลิ่นดอกกระมัง จึงจำเภาะเจาะจังเอาตัวพี่
แก้วแหวนเงินทองล้วนของดี สาวสรรค์สัตรีไม่ชอบใจ
จำจะยอมถ่อมตัวเปนทาษา ตามไปถึงศาลาที่อาไศรย
จะเปนชายฤๅหญิงยังกริ่งใจ ก็จะได้สำคัญเปนมั่นคง
คิดพลางทางว่ากับเจ้าพราหมณ์ พี่จะตามใจน้องต้องประสงค์
จงช่วยชุบชีวาตม์มาตุรงค์ ให้ฟื้นคืนคงเปนมา

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ได้ฟังก็หรรษา
ชวนองค์พระมณีลีลา เข้ามาสู่สถานพระมารดร

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึงหยิบเอาหมากมาสามคำ เศกทำตามที่โกสีย์สอน
สำรวมจิตรใจให้แน่นอน ประนมกรมัสการอ่านมนต์

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

เชื้อ

๏ โอมอสรพิศม์ฤทธิ์กล้า งูทับสมิงคลาเปนต้น
งูเห่างูงอดตอดคน ก้นขบจงอางขว้างค้อน
พระอินทร์ตรัสใช้ให้กูมา ร้องเรียกร้องหาอย่าซุ่มซ่อน
ตัวใดที่ขบนางจันทร เร่งมาสูบถอนเอกพิศม์ไป
แม้นช้าจะใช้ให้จักรเพ็ชร ตัดหัวขาดเด็ดไม่อยู่ได้
อ่านจบเจ็ดคาบกำราบไป บัดใจงูร้ายก็เลื้อยมา

ฯ ๖ คำ ฯ คุกภาษ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระมณีตระหนกตกประหม่า
สิ้นสติตกใจภาวนา กลัวงูหูตาเหลือกลาน
ร้องเรียกเจ้าพราหมณ์ให้ช่วยด้วย พี่จะม้วยชีวังสังขาร
น้อยฤๅนั่นมันเลิกพังพาน ไม่ได้การแล้วจะไปข้างไหนดี
ฝ่ายฝูงสาวสรรค์กำนัลใน ตกใจตัวสั่นขวัญหนี
ร้องกรีดหวีดวิ่งเปนสิงคลี อึงมี่ไปทั้งวังใน

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด เจรจา

๏ เมื่อนั้น โฉมเจ้าพราหมณ์ชีศรีใส
จึงร่ายพระเวทอันเรืองไชย เป่าไปได้ครบสามครา
งูเห่าเข้าสูบเอาพิศม์สง โดยดังจำนงปราถนา
แล้วเลื้อยหายไปมิได้ช้า กัลยาค่อยรู้สึกองค์

ฯ ๔ คำ ฯ รัว

๏ เจ้าพราหมณ์จึงสั่งไปทันใด เร่งให้เอาน้ำมาโสรจสรง
สุคนธาลูบไล้ชโลมลง นางโฉมยงคงคืนฟื้นกาย

ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ เจรจา

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวพิไชยนุราชฤๅสาย
พิศโฉมเจ้าพราหมณ์งามเพริศพราย เหมือนลม้ายเทวีศรีสะใภ้
หน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มแย้ม สองแก้มนวลลอกดังปอกไข่
จึงตรัสแก่พระมณีพิไชย เหมือนเมียเจ้ากะไรไม่ผิดเพี้ยน
เอวองค์อรชรอ้อนแอ้น แขนแมนรูปร่างเหมือนอย่างเขียน
กิริยามารยาตรแนบเนียน พระพินิจพิศเพียนไม่วางตา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ แล้วมีบัญชาว่าไป เจ้าพราหมณ์ได้มีคุณหนักหนา
อยู่ด้วยพ่อเถิดอย่าไคลคลา บิดาจะเลี้ยงเปนโอรส
สาวสรรค์กัลยาจะหาให้ อย่าพะวงสงไสยพ่อไม่ปด
เข้าของนองเนืองเครื่องยศ ขอเชิญโอรสครอบครอง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์นบนิ้วทูลสนอง
โภไคยไอสูรย์มูลมอง แก้วแหวนเงินทองไม่ต้องการ
พระมณีพิไชยได้สัญญา จะยอมไปเปนข้ากระหม่อมฉาน
อย่าให้เสียสัตย์ปัฏิญาณ จะขอรับประทานเอาตัวไป
ว่าแล้วเข้าไปในที่ เฝ้าพระชนนีศรีใส
จึงบังคมทูลถามความใน เขาเลื่องฦๅอื้อไปทั้งภารา
ก็มิใช่กลการของชีพราหมณ์ แต่มีความสงไสยอยู่นักหนา
นึกแหนงจะใคร่แจ้งกิจจา พระมารดาจงเล่าให้เข้าใจ
ไหนว่ายอพระกลิ่นนั้นกินแมว จริงแล้วเหมือนฦๅฤๅไฉน
สับปลับก็จะกลับตายไป ลูกช่วยไม่ได้พระมารดา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางจันทรร้อนใจเปนนักหนา
ครั้นจะไม่แจ้งอรรถดังสัจจา ก็กลัวว่าจะตายวายชีวิตร
แต่เหลียวหน้าเหลียวหลังกะทั่งไอ ลอายใจอิดเอื้อนเบือนบิด
ค่อยขยดเข้าไปให้ชิด แล้วสกิดบอกความเจ้าพราหมณ์ไป

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เดิมเอยเดิมที พระมณีลูกยาไปป่าใหญ่
ได้นางคนหนึ่งในปล้องไม้ หลงใหลพิศวาศเทวี
กรุงจีนให้มีราชสาร ไปแต่งการกับลูกสาวศรี
พระมณีพิไชยไม่ไยดี รักเมียข้างนี้อยู่มิไป
แม่กลัวกรุงจีนจะโกรธา ยกมารบพุ่งเอากรุงใหญ่
จึงแกล้งทำแยบยนต์กลใน พาโลลูกสใภ้ด้วยมารยา
เอาเลือดวิฬาร์ทาปากนาง ตัดหางแซมใส่ในเกษา
แล้วขับไล่ไปเสียจากภารา พาลผิดฤษยานางทรามไวย
แม่ทำชั่วน่าชังทั้งนี้ เพราะจะให้พระมณีมีเมียใหม่
บอกเจ้าตามจริงทุกสิ่งไป อย่าให้แม่ม้วยชีวี

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวพิไชยนุราชเรืองศรี
แอบองค์แฝงบังฟังคดี ภูมีกริ้วกราดตวาดไป
ชิชะพระมเหษีเอก ทำย้อนยอกโหยกเหยกอย่างนี้ได้
ใส่ถ้อยร้อยความลูกสใภ้ ช่างไม่สมเพชเวทนา
ขับเมียเขาพรากไปจากผัว ทำตามใจตัวไม่ปฤกษา
ถึงกรุงจีนจะยกทัพมา ก็สู้กันสิหนาไม่พรั่นใจ
ทั้งแก่กะนี้ไม่หนีเลย มึงไม่เคยเห็นฝีมือฤๅไฉน
ชาติเจ๊กกินหมูจะสู้ไทย โกฏิแสนแน่นไปก็ไม่กลัว
น้อยฤๅอีเถ้าเจ้าความคิด ทุจริตอิจฉาขายหน้าผัว
เศกสรรปั้นน้ำเปนตัว เอออะไรไม่กลัวเขานินทา
นั่นแลเทวดาจึงอาเภท ปติเหตุงูขบสมน้ำหน้า
เจ้าพราหมณ์แก้ไขขึ้นไยนา ให้มันม้วยชีวาสาแก่ใจ
พระพิโรธโกรธเกรี้ยวเคี้ยวฟัน กระทืบบาทตัวสั่นมันไส้
ฉวยได้ไม้เรียวเลี้ยวไป แล่นไล่ตีรันนางจันทร

ฯ ๑๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์พิดทูลผันผ่อน
นางได้รับผิดแล้วบิดร ขอโทษโปรดก่อนอย่าโบยตี
เหตุนี้เพราะข้ามาไต่ถาม นางจึงบอกออกความถ้วนถี่
จะเปนบาปเปนกรรมแก่พราหมณ์ชี ภูมีจงทรงพระเมตตา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพิไชยนุราชจึงร้องว่า
จะขอโทษมันไว้ไยนา ชังน้ำหน้าตีเสียให้แทบตาย
เจ้าพราหมณ์ซ้ำวอนก็อ่อนจิตร ได้คิดดุเดือดค่อยเหือดหาย
จึงว่ามันพาพ่อได้อาย พอดีพอร้ายไปเมื่อไร
นี่หากพ่อเห็นแก่เจ้าพราหมณ์ ถ้าคนอื่นมาห้ามหาฟังไม่
ว่าแล้วทิ้งไม้เสียทันใด ลงนั่งหอบหายใจไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น โฉมเจ้าพราหมณ์น้อยเสนหา
จึงชวนพระมณีพี่ยา เวลาเย็นแล้วจะด่วนไป
เปนห่วงบ่วงใยอะไรเล่า ลูกเต้าเมียมีอยู่ที่ไหน
จะหนักหน่วงชักช้าอยู่ว่าไร มาจะไปยังบรรณศาลา

ฯ ๔ คำ ฯ

สามเส้า

๏ เมื่อนั้น พระมณีฟังความเจ้าพราหมณ์ว่า
ทอดถอนใจใหญ่ไปมา แล้วผัดผาว่ากล่าววิงวอน
วันนี้เวลาก็สายัณห์ จงอยู่นอนด้วยกันสักคืนก่อน
ต่อรุ่งรางส่างแสงทินกร จึงค่อยบทจรก็เปนไร
พี่จะให้ไพร่พลมนตรี ออกไปส่งถึงที่อาไศรย
มรคาป่ากว้างทางไกล จงขี่วอกลับไปเหมือนเมื่อมา
เขาจะได้ฦๅเล่าว่าเจ้าพราหมณ์ ขี่วอคนหามงามนักหนา
เปนหมองูรู้เวทมนตรา จะซ้องสาธุการสำราญใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์กล่าวแกล้งแถลงไข
ข้าเปนพราหมณ์ชีนี้ไซ้ จะนอนในรั้ววังไม่บังควร
เคยอยู่แต่ศาลาพนาเวศ รักษาพรตตามเพศพระอิศวร
อย่าเฝ้าหน่วงหนักชักชวน สายัณห์ตวันจวนจะด่วนไป

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้ปี่

๏ เมื่อนั้น สองกระษัตริย์โศกศัลย์ไม่กลั้นได้
สงสารลูกน้อยกลอยใจ จะต้องไปเปนข้าพราหมณ์ชี
จะกะตรกกะตรำลำบาก อดอยากอยู่ในไพรศรี
ริ้นยุงบุ้งร่านใช่พอดี ทุกทิวาราตรีจะตรอมใจ
ยากแค้นเพราะแทนคุณแม่ ความสัตย์เที่ยงแท้จะหาไหน
พลางกอดลูกยาโศกาไลย สอึกสอื้นไห้ไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น โฉมเจ้าพราหมณ์น้อยคอยท่า
เห็นสามกระษัตริย์โศกา พิไรร่ำล่ำลาอาไลย
จึงแย้มเยื้อนเตือนองค์พระมณี อย่าโศกีเศร้าสร้อยละห้อยไห้
แม้นรำฦกถึงสองท้าวไท จึงกลับมาก็ได้เปนไรมี
ว่าแล้วถวายบังคมลา บิตุเรศมารดาทั้งสองศรี
ผันภักตร์กวักเรียกพระมณี อย่าเซ้าซี้มาไปด้วยกัน

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีเศร้าสร้อยโศกศัลย์
บังคมลาสององค์ทรงธรรม์ แล้วจรจรัลเดินตามเจ้าพราหมณ์ไป

ฯ ๒ คำ ฯ ทยอย

โอ้ลาว

๏ เดินพลางมากลางมรคา พระราชาทอดถอนใจใหญ่
โอ้ว่าเวรกรรมได้ทำไว้ จำไปเปนข้าเจ้าพราหมณ์ชี
อกเอ๋ยไม่เคยจะตกยาก ลำบากเคืองข้องหมองศรี
ไม่รู้ใจนายร้ายฤๅดี แล้วจะตีกันเล่นไม่เว้นวัน
ครั้นเจ้าพราหมณ์เหลียวมาทำหน้าม่อย อุยหน่าหนามยอกน้อยไปฤๅนั่น
ทำนิ่วภักตร์ชักหนามฉับพลัน ค่อยเหยียบยันโขยกเขยกมา
เห็นสุมทุมพุ่มไม้ในไพรชัฎ เกรงกริ่งสิงสัตว์ที่ในป่า
เดินพลางทางนึกภาวนา ร้องเตือนนายขาระวังตัว
ได้ยินเสียงสกุณีมี่ก้อง ชนีเหนี่ยวไม้ร้องเรียกผัว
ใจหายกายสั่นอยู่รัวรัว คิดกลัวผีสางปรางควาน
ดำเนินเดินตามเจ้าพราหมณ์ไป เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจในไพรสาณฑ์
ขึ้นเขาข้ามน้ำลำธาร ดัดดั้นดงดาลเดินมา

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ชีมีใจหรรษา
มาถึงที่บรรณศาลา จึงพาพระมณีเข้าไป

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ นั่งเหนือเสื่อสาดลาดปู ที่เคยอยู่นิทราอาไศรย
พิศภักตร์ภัศดาก็อาไลย สงสารภูวไนยช่างไม่รู้
ครั้นจะลามลวนชวนชิด ก็เกรงเดชโกสิตบิดาอยู่
แต่ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยชม้อยดู คิดอดสูแสร้งกล่าวเปนมารยา
วันนี้เหนื่อยนักจักเอนหลัง พระองค์จงนั่งระวังข้า
ต่อดึกหน่อยจึงค่อยนิทรา แล้วหลับตานิ่งอยู่ดูท่วงที

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีพิไชยเรืองศรี
ถ่อมตัวกลัวเกรงเจ้าพราหมณ์ชี ปรนิบัติพัดวีให้นิทรา

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมโฉม

๏ นั่งพินิจพิศโฉมเจ้าพราหมณ์น้อย แช่มช้อยน่ารักเปนนักหนา
พิศภักตร์ผ่องผิวโสภา ดังจันทราทรงกลดหมดมลทิน
รูปทรงสารพัดไม่ขัดขวาง เหมือนละม้ายคล้ายนางยอพระกลิ่น
นวลลอองสองแก้มดังลูกอิน จะแย้มเยื้อนเหมือนสิ้นทุกสิ่งอัน
ฤๅจะเปนนวลลอองน้องแก้ว เมียพี่คนนี้แล้วเปนแม่นมั่น
พลางขยดเข้าใกล้ใจผูกพัน ลืมองค์หลงสำคัญว่ากัลยา

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ ค่อยยกพระหัดถ์สัมผัสต้อง ยิ้มพลางทางมองดูหน้า
เห็นคล้ายลม้ายเหมือนไม่เคลื่อนคลา พระราชาสร้วมสอดกอดรัด
ครั้นเจ้าพราหมณ์ถามมาว่าอะไร ก็ตกใจแก้เก้อว่ายุงกัด
ทำเหลียวหลังเหลียวหน้าคว้าพัด โบกปัดพัดวีไปมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ยิ้มละไมอยู่ในหน้า
ดูทำนองพระมณีพี่ยา เห็นว่าจะจู่ลู่วู่วาม
จึงพลิกตัวถอยถดด้วยอดสู ลุกขึ้นนั่งตั้งกระทู้ขู่ถาม
เอออะไรไม่ควรมาลวนลาม เซ้าซี้ชีพราหมณ์เปนน่าชัง
ข้านี้มิใช่นายหม่อมฤๅ ไม่นับถือยำเยงเกรงใจมั่ง
จะว่าโดยดีก็มิฟัง ไม้เรียวจะลงหลังสักที
จงบรรธมเสียเถิดให้สำราญ รำคาญวานอย่าจู้จี้
ว่าแล้วนิทราในราตรี พระมณีพิไชยก็ไสยา

ฯ ๘ คำ ฯ ตระ

๏ รุ่งเอยรุ่งราง แสงทองส่องสว่างเวหา
เจ้าพราหมณ์นิ่งนึกตรึกตรา จะลองใจภัศดาสามี
ท้าวเธอจะสัตย์ซื่ออยู่ฤๅไม่ ฤๅจะเปนไฉนให้รู้ที่
คิดพลางทางว่าไปทันที นี่แน่พระมณีสุริวงศ์
วันนี้ตัวข้าจะคลาไคล ออกไปหิมวาป่ารหง
เที่ยวหายาหยูกในแดนดง พระองค์จงอยู่เฝ้าศาลา
ข้าจะให้น้องสาวมาอยู่เพื่อน เสือสางกลางเถื่อนดุนักหนา
สั่งเสียเสร็จสรรพกำชับกำชา แล้วลงจากศาลาคลาไคล

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ลัดแลงแฝงพุ่มพนาลี มิให้พระมณีสงไสย
จึงร่ายเวทมัฆวานประทานไว้ จำแลงแปลงได้ดังใจปอง

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

ชมตลาด

๏ รูปทรงคงเปนยอพระกลิ่น งามสิ้นสารพัดไม่ขัดข้อง
ผิวพรรณโสภาดังทาทอง ผัดหน้านวลลอองยองใย
นุ่งโกไสยพัตรผ้าทิพย์ ห่มสีทับทิมขลิบสุกใส
เข็มขัดประจำยามงามวิไลย สอดใส่สร้อยสอิ้งพริ้งพราย
สวมกำไลใส่แหวนงูเพ็ชร์ แต่ละเม็ดค่าเมืองเรืองฉาย
อรชรอ้อนแอ้นกรีดกราย ดำเนินเดินชายเข้ามา

ฯ ๖ คำ ฯ ฉุยฉาย

ร่าย

๏ ครั้นใกล้ศาลาอาไศรย จึงแอบแฝงพุ่มไม้ใบหนา
ชำเลืองแลลอดสอดตา ดูองค์ภัศดาสามี
เห็นพระนั่งกอดเข่าเจ่าจุก ทนทุกข์ทรมานหมองศรี
จึงเด็ดดอกบุบผามาลี ทิ้งไปในที่ศาลา
แล้วลอบเอาไม้เข้าไปเคาะ เสียงดังเกาะเกาะที่ริมฝา
กำทรายปรายซัดขึ้นหลังคา แกล้งหลอนราชาให้ตกใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีนึกพะวงสงไสย
อะไรนี่ผีสางฤๅอย่างไร อกใจทึกทึกนึกภาวนา
ตัวสั่นเทาเทาหนาวสท้าน แอบบานประตูนิ่งพิงฝา
ให้สยดสยองพองโลมา ตกประหม่าหน้าซีดไม่สมประดี
แล้วแขงจิตรคิดมานะเหน็บรั้ง ลูกผู้ชายจะมานั่งกลัวผี
ลุกขยับลับล่ออยู่หลายที ภูมีย่างย่องไปมองดู

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

๏ ไม่เห็นสิ่งไรสงไสยนัก เสียงเคาะกุกกักตระหนักหู
โปรยปรายทรายลงตรงกบทู จะว่านกว่าหนูก็ผิดไป
เห็นจะเปนปิศาจปลาดจริง เด็ดดอกไม้ทิ้งมาใหม่ใหม่
ยิ่งคิดคร้ามครั่นพรั่นใจ เหลียวไปแลมาอยู่ช้านาน
แล้วกลับคืนเข้ามาศาลาไลย อกใจไส้พุงพลุ่งพล่าน
ตั้งสติภาวนาสมาทาน ปากบ่นลนลานไม่ลืมกลัว

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอพระกลิ่นกลั้นยิ้มแย้มหัว
ในจิตรคิดจะใคร่ให้เห็นตัว เย้ายั่วผัวเล่นจะเปนไร
คิดพลางย่างเยื้องจรลี ออกจากที่สุมทุมพุ่มไม้ใหญ่
กรายเตร่กรีดเล็บเก็บดอกไม้ ใส่ไคล้ทำหลงตรงเข้ามา

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

ช้าปี่

๏ เมื่อนั้น พระมณีผันแปรแลหา
เห็นนางสาวสรรค์กัลยา ทรงโฉมโสภาลาวรรณ
คิดพะวงสงไสยใครนี่หนอ เหมือนนางยอพระกลิ่นดังแกล้งสรรค์
แก้มคางขนงเนตรเกษกรรณ สารพันไม่ผิดสักนิดเดียว
พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา เสนหาป่วนปั่นกระสันเสียว
งามลม่อมพร้อมพริ้งจริงเจียว พิศวงหลงเหลียวไม่วางตา

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ แล้วนึกกินแหนงแคลงความ ฤๅน้องสาวเจ้าพราหมณ์กระมังหนา
สั่งไว้เมื่อจะไปจากศาลา จะให้น้องสาวมาอยู่เพื่อนกัน
ชรอยนางนฤมลคนนี้ เปนน้องเจ้าพราหมณ์ชีแม่นมั่น
พี่ชายเขาจะโกรธทำโทษทัณฑ์ ตีรันเล่นเปล่าเปล่าไม่เข้ายา
พระอุส่าห์เงือดงดสกดจิตร มิได้คิดมุ่งมาดปราถนา
แกล้วทำสำรวมหลับตา ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอพระกลิ่นกลั้นยิ้มมิใคร่ได้
จึงแกล้งแสร้งเสใส่ไคล้ เข้าไปในบรรณศาลา
ทำเปนไม่เห็นพระโฉมยง หยุดยั้งนั่งลงที่ตรงหน้า
แกล้งขยดถดถอยหลังมา ให้ใกล้หัดถ์ภัศดาจะดูที

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีนึกกลัวเอาตัวหนี
ถอยไปให้ห่างนางเทวี ภูมีตริตรึกนึกใน
ฤๅจะเปนยอพระกลิ่นน้องรัก ประหลาดนักกลิ่นอายหายไปไหน
จะเปนน้องของนายแล้วแน่ใจ รูปร่างช่างกะไรเหมือนเมียเรา
นี่เกรงใจเจ้าพราหมณ์อยู่นักหนา ถ้าว่าหาไม่ที่ไหนเล่า
ลำลำจะตระโบมโลมเล้า แล้วได้คิดกอดเข่าเศร้าใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอพระกลิ่นผินหลังเข้านั่งใกล้
ทำเปนมดกัดสบัดไบ ล่อเล่นลองใจพระสามี
หันหลังให้กระทั่งถูกกาย แล้วร้องกรีดหวีดว้ายน่าบัดสี
เอออะไรใครมานั่งอยู่ที่นี้ ฟ้าผี่เถิดไม่ทันเห็นเลย
ว่าพลางทางชม้ายชายหางตา สบเนตรเชษฐาทำหน้าเฉย
จึงเสแสร้งแกล้งกล่าวภิปรายเปรย อกเอ๋ยเปนน่าลอายใจ
เหตุผลอย่างไรไฉนนี่ เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้มาแต่ไหน
ง่วงเหงาเจ่าจุกทุกข์ถึงใคร ทำไมมาอยู่ในศาลา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีฟังนางพลางว่า
จะเล่าให้ฟังแต่หลังมา แม่ข้างูขบสลบไป
เจ้าพราหมณ์ชีมีคุณไปรักษา แก้ไขมารดาไว้ได้
ข้าจึงตามมาเปนข้าไท ท่านใช้ให้เฝ้าศาลา
นั่งอยู่เมื่อกี้ผีหลอก เด็ดดอกไม้ทิ้งแล้วเคาะฝา
ชรอยผีผู้หญิงมารยา พอใจข้าแกล้งหยอกหลอกล้อ
นางสาวน้อยคนนี้อยู่ที่ไหน จิตรใจแกล้วกล้านักหนาหนอ
เสือสางกลางไพรไม่ย่อท้อ ธุระข้อไรเล่าเจ้าจึงมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอพระกลิ่นกล่าวแกล้งแสร้งว่า
จะบอกความตามตรงอย่าสงกา ตัวข้าเปนน้องเจ้าพราหมณ์ชี
พี่ข้ามาแวะสั่งไว้ ว่าจะไปเที่ยวป่าพนาศรี
กำชับกำชาให้ข้านี้ มาอยู่เพื่อนพี่ที่ศาลา
ผีสางกลางป่านี้ทายาด พอใจหลอกคนขี้ขลาดนักหนา
ว่าพลางยิ้มลไมไปมา แล้วชายตาแลดูภูวไนย
เห็นพระนั่งนิ่งไม่ติงกาย ทำแยบคายขยดถดเข้าใกล้
ไฮ้น่าบัดสีนี่อะไร เฝ้าดูคนไปได้ไม่วางตา
เจ้าข้าเอ๋ยไม่เคยพบเห็น มายักคิ้วหยอกเล่นได้ต่อหน้า
ทำแสนงอนค้อนให้ด้วยมารยา สมเพชเวทนาเปนน่าอาย

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีนึกในใจหมาย
แม้นมิใช่น้องของนาย นางนี้ดีร้ายตายราบเรา
คิดพลางทางว่านี่แน่นาง อะไรช่างพาโลกันเปล่าเปล่า
ไม่เห็นไม่รู้เลยดูเอา ข้ายักคิ้วหยอกเจ้าเมื่อไรมี
นั่งอยู่ดีดีที่ศาลา เจ้ามานั่งเบียดเสียดสี
ไม่อดสูดูเอาเล่าเถิดซี้ ยิ่งหนียิ่งขยับตามมา
จะให้เปนอย่างไรไปอิกเล่า จนข้าเจ้าถอยหลังกระทั่งฝา
คับแคบแทบจะตกศาลา นี่เนื้อจะมาแกล้งกัน
เจ้าก็เปนสาวศรีพี่ก็หนุ่ม ยังกำดัดกลัดกลุ้มหุนหัน
อย่าทำเซ้าซี้อย่างนี้อย่างนั้น ลูกเมียข้ามันก็ไม่มี
ฉวยกะไรเพลี่ยงพล้ำสิรำคาญ ข้าขี้คร้านเกี้ยวชู้จู้จี้
จะขุ่นเคืองเบื้องน่าเปนราคี อยู่คนเดียวเถิดซีที่ศาลา
ตัวข้าจะอยู่ด้วยไม่ได้ จะลาไปอาบน้ำที่ตีนท่า
ทำไมมิให้ไคลคลา มายื้อยุดฉุดคร่าไว้ว่าไร

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ หม่อมเอยหม่อมพี่ ช่างพาทีเชือนแชแก้ไข
อยู่ด้วยกันดีดีจะหนีไป ทำไมมิให้ยุดยื้อ
พี่พราหมณ์ให้ข้ามาคุมตัว หนีไปไม่ชั่วอยู่เราฤๅ
อย่าพักสำออยให้ปล่อยมือ วิ่งตื๋อไปสิไล่เจ้าไม่ทัน
หม่อมเปนทาษาพึ่งมาใหม่ จะต้องคุมตัวไว้ให้มั่น
แม้นมีผู้ขายนายประกัน เช่นนั้นแล้วข้าจะว่าไร
นั่งลงดีดีพี่อย่าดื้อ จะต้องถูกผูกมือน้ำตาไหล
ดูดู๋ฮึดฮัดสบัดไป ช่างไม่กลัวน้องของนาย

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ อย่าเอยอย่าว่า ตัวข้าไม่คิดหนีหาย
ถึงทั้งยากอย่างนี้ก็มีอาย ไม่พักหาผู้ขายนายประกัน
เจ้าพราหมณ์ไปพาเอามาไว้ หวังจะให้ใช้สอยค่อยขยัน
ปรนิบัติวัตถากทุกวัน โดยฉันเหมือนเช่นเปนข้าไท
ใช่จะมาพาให้หม่อมน้องสาว สำหรับเล่นซักส้าวก็หาไม่
การอื่นจะใช้สอยไม่น้อยใจ นี่อะไรเซ้าซี้ไปทีเดียว
ไม่ได้หลับได้ม่อยสักหน่อยหนึ่ง หยิกทึ้งข่วนข้าจนขาเขียว
น้องนายคนนี้ดีจริงเจียว ข้อแขงแรงเรี่ยวครันครัน
มายื้อยุดฉุดผู้ชายเช่นนี้ เห็นดีแก่ใจฤๅไรนั่น
เจ้าสาวพี่หนุ่มจะคุมกัน เหมือนดินดำกำมะถันอยู่ใกล้ไฟ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ไม่เอยไม่รู้ จะเซ้าซี้มิให้อยู่ศุขได้
ใครใช้ให้มาเปนข้าไท อย่าพักคิดติดใจไค้แคะ
จะเปนกะไรก็ให้เปน จะลากลู่ถูเล่นกระนั้นแหละ
สาแก่ใจไม่เสงี่ยมเลียมและ อย่าพักแกะไปเลยไม่วางมือ
ตัวข้าเปนน้องของนาย จะล้อเล่นตามสบายไม่ได้ฤๅ
จะตะโกนโพนทนาว่ายุดยื้อ ก็ตามเถิดไม่ถือกับนินทา
ยืนอยู่นี่ที่เดียวให้แน่นิ่ง อย่าไหวติงนิ่งอยู่อย่าเงยหน้า
อย่าแลอย่าเหลียวอย่าพูดจา หลับหูหลับตาเสียอย่าดู
แม้นไม่ฟังยังขืนจะดุกดิก จะหยิกให้กลัวตัวเปนหนู
ว่าคนพล่อยพล่อยร้อยประตู เจ้าช่างรู้ชอบผิดความคิดดี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ แสนเอยแสนแขนง ขืนแกล้งทาระกำทำพี่
จะบังคับยับเยินไปอย่างนี้ ยากที่จะประกอบให้ชอบใจ
จะขอตัวกลัวหนีก็มิฟัง ลากลู่ถูกังกันไปได้
เจ้าพราหมณ์มาเถิดคะไม่ละใคร จะบอกกล่าวเล่าให้สิ้นไส้พุง
เจ้าอย่ามาท้าทายเลียมล้อ ไม่ย่อท้อถอยหลังเหมือนอย่างกุ้ง
จะอื้อฉาวกล่าวโทษให้โกรธฟุ้ง ถ้ามิยุ่งยิ่งอยู่ก็ดูเอา
นายขามาดูหม่อมน้องสาว จะมาเล่นซักส้าวกับข้าเจ้า
อุยหน่าไหล่จะหลุดฉุดเบาเบา ยั่วเย้าอย่างนี้ข้ามิเคย
เออมาโน่นแล้วแน่เจ้าพราหมณ์ น้องสาวทำงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
จะนั่งที่ไหนไม่ได้เลย เฝ้าเทลาะเยาะเย้ยยุดยื้อ
เจ้าพราหมณ์ไม่อยู่ไม่รู้เห็น เปนไรก็เปนไปเถิดฤๅ
ลำลำจะขยับจับข้อมือ แล้วรื้อถอยหลังรั้งรา
ยิ้มพลางทางว่าเจ้าอย่าเล่น พี่ชายมาเห็นจะโกรธข้า
ไว้ใจจึงให้เจ้ามา อยู่เฝ้าศาลาด้วยกัน
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าพราหมณ์ยังไม่กลับ จงขยับไปอยู่เสียถึงนั่น
ข้าจะเอาไม้วางไว้กลางคัน ถ้าใครเดินเกินกันได้ขัดใจ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ น่าเอยน่าหัวเราะ อย่าเปลาะเลยคะหาละไม่
ถึงจะบอกหม่อมพี่มิบอกไย ข้าปิดปากไว้เมื่อไรมี
เจ้าเห็นว่าข้าอยู่แต่ผู้เดียว มาพูดเกี้ยวแกล้งเบียดเสียดสี
คะแยะศอกหยอกเย้าเซ้าซี้ ว่าดีดีโกรธาทำตาแดง
ข้าจึงฉุดยุดตัวกลัวจะวิ่ง เจ้าสบิ้งสบัดขัดแขง
ลากลู่ถูเหนี่ยวด้วยเรี่ยวแรง จนแขนขวาข้าแพลงอยู่เดี๋ยวนี้
มิหนำซ้ำว่าผู้หญิงหยอก พูดออกมาได้ไม่บัดสี
ลิ้นลมคมสันขยันดี หม่อมพี่กลับมาได้ว่ากัน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เจ้าเอยเจ้าโมโห นางนี้ขี้พาโลคนขยัน
เมื่อไรข้าได้ทำเช่นนั้น ลงดำน้ำกันเถิดฤๅนาง
แพ้เจ้าโทษเราที่หยิกหยอก ให้ตัดแขนเพียงศอกทั้งสองข้าง
เจ้าพราหมณ์จะได้เห็นเปนกลาง แม้นนางแพ้ข้าจะว่าไร
เถียงกันเปล่าเปล่าไม่เข้าข้อ ข้าตอบโต้ปากคอเจ้าไม่ไหว
เจ้าข้าเอ๋ยผีสางที่กลางไพร ช่วยดลใจให้เจ้าพราหมณ์มา
ว่าพลางทางเดินเมินเมียง นั่งลงบนเตียงไม่ดูหน้า
เห็นนางเข้าใกล้ไม่เจรจา ลุกมานั่งใหม่ให้ไกลกัน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอพระกลิ่นเย้ายั่วผัวขวัญ
ครั้นบ่ายแสงสุริยาสายัณห์ จึงผ่อนผันพูดจาให้อาไลย
เข้านั่งชิดสกิดว่าหม่อมพี่ จะทำทีโกรธขึ้งไปถึงไหน
เย็นแล้วน้องจะลาคลาไคล นี่แน่คะข้าไหว้อยู่จงดี
ว่าพลางยิ้มพรายชม้ายชม้อย ค่อยขยดถดถอยจากที่
เมียงเมินเดินทำเปนท่วงที ชำเลืองดูภูมีแล้วไคลคลา

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

๏ เลี้ยวเข้าสุมทุมพุ่มพง แฝงองค์ลับเนตรเชษฐา
สำรวมกายร่ายมนต์ของอินทรา นฤมิตรกายาทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ กลับเปนเจ้าพราหมณ์ตามเดิม จุณเจิมภักตราแจ่มใส
ออกจากสุมทุมพุ่มไม้ คลาไคลไปบรรณศาลา

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง ฝรั่ง

๏ ครั้นถึงจึงทำท่วงที เคืองค้อนพระมณีแล้วเมินหน้า
มึนตึงขึ้งโกรธไม่พูดจา จะดูทีกิริยาภูวไนย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีนึกพรั่นหวั่นไหว
เห็นเจ้าพราหมณ์สเทินเมินไป ให้เร่าร้อนฤไทยดังไฟฮีอ
ชรอยนางเจ้ากรรมที่ทำความ มิบอกเล่าเจ้าพราหมณ์อย่างไรฤๅ
จะนิ่งอยู่ดูร้ายเมื่อปลายมือ เสียแรงเราซื่อถือสัจจา
คิดพลางเดินตามมาถามไถ่ ไปเที่ยวถึงไหนเจ้าพราหมณ์ขา
เปนไรจึงไม่พูดจา โกรธาข้าฤๅจงบอกความ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์แกล้งว่าอย่ามาถาม
ไว้ใจคิดว่าไม่ลวนลาม ทำความงามหน้าข้าขอบใจ
ถึงเจ้าหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ เสียแรงเชื่อว่าตรงไม่สงไสย
ว่าพลางเฉยเชือนเบือนไป พระมณีพิไชยก็ตามวอน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เจ้าเอยเจ้าพราหมณ์ หนักเบาเจ้าถามพี่บ้างก่อน
อย่าเพ่อเคืองขัดตัดรอน โทษกรพี่ผิดประการใด
ฤๅหม่อมน้องสาวไปกล่าวโทษ เจ้าจึงขึ้งโกรธเปนข้อใหญ่
จงช่วยชี้แจงให้แจ้งใจ ข้าจะให้ความสัตย์ปัฏิญาณ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ยิ้มในหน้าแล้วว่าขาน
จะถามเจ้าเซ้าซี้ก็ขี้คร้าน กลัวจะไม่ให้การกันตามจริง
น้องข้าร้องไห้ออกไปบอก ว่าเจ้าทำหยิกหยอกยุ่งยิ่ง
กระทบกระทั่งนั่งแนบแอบอิง กระนั้นจริงฤๅเจ้าจงเล่ามา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมณีลูบอกตกประหม่า
จึงว่าข้าจะบอกแต่สัจจา เจ้าอย่ากินแหนงแคลงความ
เดิมทีนางน้องของเจ้า มายั่วเย้าข้าเองไม่เกรงขาม
อุดตลุดสุดที่จะห้ามปราม ว่าเจ้าพราหมณ์ใช้ให้มาควบคุม
ข้าสู้หลีกไปเสียให้ห่าง ด้วยเห็นนางเปนสาวข้าเปนหนุ่ม
น้องนายพาโลโพคลุม เข้าจับกุมว่าข้าจะหนีไป
ที่ว่าข้าหยอกเย้านั้นเปล่าหมด ฟ้าผี่เถิดไม่ปดสบถได้
แม้นเจ้ายังระแวงแคลงใจ จะดำน้ำลุยไฟให้เห็นจริง

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าพราหมณ์ว่าข้าเชื่ออยู่ทุกสิ่ง
ความนี้ไม่มีที่อ้างอิง กระนั้นนิ่งเสียเถิดอย่าถือกัน
ว่าพลางยิ้มพรายชายตา พูดจาชักชวนสรวลสันต์
ทำทีทอดสนิทติดพัน สำราญใจในบรรณศาลา

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ