ตอนที่ ๔ พระคาวีรบกับไวยทัต

๏ บัดนั้น เถ้าทัศประสาทชาติไพร่
เจ็บปวดยับย่อยด้วยรอยไม้ ฝนไพลทาแผลที่บวมฟก
นั่งคิดถึงตัวกลัวตาย ให้เสียดายชีวาน้ำตาตก
ครั้งนี้กูเหมือนอยู่ในนรก เขาตีชกตบต่อยย่อยยับ
พระคาวีมาได้ถึงในวัง ใครยังไม่แจ้งกิติศัพท์
แต่ตัวของกูรู้ความลับ เห็นจะจับฆ่าเสียด้วยแค้นนัก
จำจะบอกออกความทั้งนี้ ให้นางคันธมาลีแจ้งประจักษ์
คิดแล้วอีเถ้าทรลักษณ์ รีบมาตำหนักนางเทวี

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงค่อยมองเมียง เห็นเงียบสุ้งเสียงสาวศรี
ใครจะเดินไปมาก็ไม่มี ได้ทีค่อยย่องมองดู
เห็นนางครวญคร่ำร่ำร้องไห้ จะลุมเล้าเข้าไปก็กลัวอยู่
รอรั้งนั่งเพียงปากประตู ในตาสอดลอดดูตามม่านทอง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีเศร้าหมอง
ได้ยินเสียงกรุกลุกขึ้นมอง หมายว่าผัวย่องตามลงมา
ทำหลบเลี่ยงเอียงอายชม้ายชม้อย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในหน้า
ผินหลังนั่งดัดกิริยา ชักผ้าห่มปิดทำบิดพลิ้ว
แล้วหยิบพานหมากมาหามะกรูด เอาเล็บขูดแกะก้มดมผิว
นั่งหยัดดัดจริตกรีดนิ้ว หยิบพัดด้ามจิ้วมาโบกลม
แล้วแกล้งทำทิ้งพัดสบัดหน้า แค้นนักหนาอะไรไต่ผ้าห่ม
ครั้นผัวไม่เข้ามาเหมือนอารมณ์ ลงจากแท่นบรรธมเดินออกไป
แลเห็นเปนเถ้าทัศประสาท พยาบาทหุนหันมันไส้
เหลียวซ้ายแลขวาคว้าไม้ เคืองขุ่นหมุนไปจะตีรัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เถ้าทัศประสาทกลัวตัวสั่น
ก้มกราบบาทาแล้วว่าพลัน แม่อย่าเพ่อหุนหันจงเงือดงด
ซึ่งลูกรับจันท์สุดามาไว้ ให้แม่ได้ความอายอัปรยศ
ควรจะเคืองขุ่นแค้นแทนทด ถึงชีวิตรปลิดปลดไม่น้อยใจ
ยังพะวงสงสารแม่ทูลหัว ไม่รู้ตัวงวยงงหลงใหล
พระทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชย ตายเสียในไฟนั้นแน่นัก
อันพระโฉมยงองค์นี้ สามีจันท์สุดาข้ารู้จัก
พระฤๅษีนี้ชรอยเปนเพื่อนรัก ซ้อมซักกันมาสารพัน
แม่อย่าพะวงสงไสย ลูกจำได้จริงจริงทุกสิ่งสรรพ์
อันพระคาวีมีสำคัญ พระขรรร์นั้นไม่วางห่างกาย

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีก็ใจหาย
นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงยาย เห็นสมร้ายเรื่องความงามจะจริง
นางข้อนทรวงเข้าทรงโศกี พระสามีหลงม้วยด้วยผู้หญิง
เมียทัดทานภูธรวอนวิง กลับชังชิงไม่เชื่อเนื้อเคราะห์ร้าย
ช่างนับถือฤๅษีขี้เค้า มันลวงหลอกคลอกเผาเสียง่ายง่าย
จักระแหล่นข้าค่อยจะพลอยตาย ด้วยอุบายเล่ห์กลมันพ้นคิด
ร่ำพลางตีอกชกหัว ไม่รู้เนื้อรู้ตัวแต่สักหนิด
หลงสำคัญมั่นหมายว่าทรงฤทธิ์ จึงกระชิดติดตามด้วยความรัก
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว ตายจากเมียเสียแล้วพึ่งประจักษ์
มันทำให้เจ็บช้ำน้ำใจนัก จะเผาเกลือแช่งชักให้ย่อยยับ
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนร้าย ได้เจ็บได้อายก็หลายกลับ
ให้มุ่นหมกอกใจคั่งคับ จนลมล่อยพลอยจับไม่สมประดี

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น ยายเถ้าเข้าประคองมเหษี
ร้องเรียกหากำนัลขันที อึงมี่วิ่งมาพร้อมหน้ากัน
เห็นนางนิ่งแน่เข้าแก้ไข อกใจระรัวตัวสั่น
บ้างวิ่งไปเรียกหมอพัลวัน นวดฟั้นค่อยฟื้นสมประดี

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีมเหษี
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวี มิรู้ที่จะปฤกษาหารือใคร
จึงเข้าไปในที่ไสยาศน์ เรียกเถ้าทัศประสาทมานั่งใกล้
แล้วว่าจะคิดอ่านประการใด เราจะได้แก้แค้นแทนทด
อันเสนาข้าเฝ้าทั้งหลาย สำคัญว่าเจ้านายไปเสียหมด
แต่เราสองปองจิตรคิดคด จะเลี้ยวลดลอบล้างมันอย่างไร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้าทูลแจ้งแถลงไข
แม่อย่าหวาดหวั่นพรั่นพระไทย มันเหมือนกับลูกไก่อยู่ในมือ
จะคิดเปนแยบคายสายสน ตรึกตราหาคนที่สัตย์ซื่อ
เห็นพอจะปฤกษาหารือ จงเขียนหนังสือบอกความลับ
ให้คิดอ่านการศึกซ่องสุม ควบคุมผู้คนไว้เสร็จสรรพ
แม้นเมื่อไรได้ทีก็ยกทัพ มาโจมจับฆ่าเสียให้มอดม้วย

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีเห็นดีด้วย
ยินยอมพร้อมใจเอออวย จึงว่ายายจงช่วยกันตรึกตรา
อันพวกเสนาข้าเฝ้า กลัวเขาจะไม่ยอมเหมือนอย่างว่า
เห็นแต่เจ้าไวยทัตนัดดา ด้วยข้าอุปถัมภ์บำรุง
เพื่อนเปนคนสามารถอาจหาญ ทั้งชำนิชำนาญการรบพุ่ง
มีฝีมือฦๅเลื่องเฟื่องฟุ้ง พระเจ้าลุงไว้เนื้อเชื่อใจ
ยายช่วยลอบถือหนังสือลับ ไปบอกให้ยกทัพมาจงได้
ว่าพลางนางหยิบกระดาษไทย เขียนหนังสือส่งให้แก่ท่านยาย

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้าชื่นชมสมหมาย
เอาหนังสือซ่อนใส่ในกระทาย ผันผายไปวังพระนัดดา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงเข้าในประตู เห็นเสด็จออกอยู่ข้างน่า
ก้มกรานคลานเข้าไปวันทา เหนื่อยมานิ่งหมอบหอบฮัก

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตแลดูไม่รู้จัก
เห็นรูปร่างซอมซ่อทรลักษณ์ ทำคึกคักคุกคามถามไป
อีเถ้านี้กิริยาเหมือนบ้าหลัง หน้าเคอะเซอะซังมาแต่ไหน
มีธุระปะปังเปนอย่างไร จะทำไมมึงมาหากู

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เถ้าทัศประสาทกลัวตัวเปนหนู
พูดถลากถลำพร่ำพรู เอาหนังสือขึ้นชูเปนแยบคาย
แล้วทูลว่านางคันธมาลี ให้ข้านำของนี้มาถวาย
เปนความขำกำชับมามากมาย พลางยอบกายเข้าไปให้ใกล้ชิด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตเห็นกระดาษประหลาดจิตร
จึงรับมาแลเล็งเพ่งพิศ พลางพินิจนิ่งอ่านแต่เบาเบา

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า

๏ ในสารสมเด็จพระเจ้าป้า ตั้งแต่กินน้ำตาต่างเข้า
ด้วยฤๅษีชีป่ามาลวงเรา เผาลุงของเจ้าให้วายปราณ
เอาผัวอีจันท์สุดามาไว้ อยู่ในปราสาทราชฐาน
อันพวกเรานี้เห็นไม่เปนการ มันจะพาลเอาผิดคิดฆ่าฟัน
ขอเชิญหลานแก้วผู้แกล้วกล้า มาจับตัวมันฆ่าให้อาสัญ
เหมือนเห็นแก่พระองค์ทรงธรรม์ ช่วยผ่อนผันแก้แค้นแทนทด
แม้นเสร็จการครั้งนี้มีความชอบ ป้าจะมอบสมบัติให้ทั้งหมด
เจ้าจะได้ครองเมืองเรืองยศ จงรีบหากำหนดอย่านอนใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ อ่านจบขบฟันหันหุน เคืองขุ่นดาลเดือดไม่ดับได้
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงอึงไป ข้าไทหลีกหลบกระทบกัน
น้อยฤๅฤๅษีมาทำเล่น ลวงเผาคนเปนให้อาสัญ
ผัวอีจันท์สุดานี้กล้าครัน มาปลอมเปนทรงธรรม์แทนตัว
กูจะจับทั้งเปนมาเข่นฆ่า ให้สาสมน้ำหน้าทั้งเมียผัว
ถึงจะมีฤทธิไกรก็ไม่กลัว ตัวต่อตัวสู้กันไม่ครั่นคร้าม

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้าเห็นอึงจึงทูลห้าม
พระอย่าเพ่อจู่ลู่วู่วาม การณรงค์สงครามต้องค่อยคิด
ศัตรูอยู่ในราชฐาน จะทำการแก้ไขให้สนิท
อันองค์พระคาวีก็มีฤทธิ์ ถอดชีวิตรไว้ในพระขรรค์ไชย
จงจับให้มั่นคั้นให้ตาย อย่าดูถูกลูกผู้ชายหาควรไม่
คิดให้รอบคอบแล้วยกไป จึงจะจับตัวได้ดังใจนึก

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตหุนหันไม่ทันตรึก
อวดรู้อวดหลักฮักฮึก ข้าเคยพบรบศึกมาหลายยก
จะเข้าออกยอกย้อนผ่อนปรน เล่ห์กลเรานี้อย่าวิตก
ทั้งพิไชยสงครามสามก๊ก ได้เรียนไว้ในอกสารพัด
ยายกลับไปทูลพระเจ้าป้า ว่าเรารับอาสาไม่ข้องขัด
ค่ำวันนี้คอยกันเปนวันนัด จะเข้าไปจับมัดเอาตัวมา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ยายเถ้าสอพลอหัวร่อร่า
มิเสียทีที่เปนพระนัดดา แกล้วกล้าสงครามไม่ขามใคร
ข้าจะเข้าไปทูลนางโฉมยง ว่าพระองค์จะอาสาได้
ว่าแล้วกราบลาคลาไคล มายังวังในทันที

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในห้อง นั่งริมแท่นทองมเหษี
กระซิบทูลแถลงแจ้งคดี พูดจาพาทีเปนความลับ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตขัดใจไม่นอนหลับ
นั่งนึกตรึกตราจะยกทัพ ไปโจมจับไพรีที่ในวัง
จึงเรียกหาบรรดาข้าไท ที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาพร้อมพรั่ง
เอาคดีชี้แจงให้ฟัง ตามหนังสือนั้นทุกประการ
เรานัดกันวันนี้ให้พร้อม จะไปล้อมปราสาทราชฐาน
จับอ้ายทรชนคนพาล จองจำทำประจานให้สาใจ
ทำไมกับศัตรูมันผู้เดียว จะรบรับขับเคี่ยวที่ไหนได้
ถึงเสนาข้าเฝ้าเหล่านั้นไซ้ ถ้าแจ้งใจก็จะป่วนรวนมา

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พวกข้ายุเจ้าเอาหน้า
ต่างคนบังคมชมปัญญา พระตรึกตราดังนี้ดีนัก
ตัวข้าทั้งปวงจะอาสา ออกหน้ารุกโรมโหมหัก
พระเปนเจ้าเข้าแดงเสียแรงรัก คงสมัคสู้ม้วยด้วยพระองค์

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตชื่นชมสมประสงค์
จึงว่าถ้าสำเร็จการณรงค์ เราก็คงได้ดีด้วยกัน
จงรีบเร่งรัดไปจัดพล ผู้คนเคยรบที่แขงขัน
ให้ได้สักพันหนึ่งสองพัน จะเล่นมันวันนี้ไม่เงือดงด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกข้าไทใจฮึกขึ้นทั้งหมด
อยากจะใครได้ดีมียศ ต่างสบถให้สัตย์ปัฏิญาณ
แล้วบังคมลามาข้างนอก เที่ยวบอกบ่าวไพร่ที่ใกล้บ้าน
ได้คนร่วมจิตรคิดการ ประมาณสองพันล้วนสันทัด

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ ตัวนายรายจดชื่อเสียง ไล่เลียงพร้อมใจให้ความสัตย์
ต่างคนสัญญาอาณัติ แล้วไปวังไวยทัตทั้งไพร่นาย

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตชื่นชมสมหมาย
ได้ผู้คนพลไพร่มากมาย จึงให้แจกจ่ายเครื่องสาตรา
ทวนง้าวหลาวแหลนพร้อมพรั่ง อิกทั้งหอกดาบปืนผา
แล้วให้เลี้ยงเหล้าเหล่าโยธา จะได้กล้าหักหาญทำการเรา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกไพร่ใจทมิฬกินเหล้า
ต่างคนโคลงหัวมัวเมา บ้างเข้าสบถกันเปนเกลอ
ต่างคนประกวดอวดรู้ การกูแล้วใครไม่เสมอ
บ้างหลับตาอ้าปากพูดเพ้อ เสียงเอะอะคะเอออึกกระทึก

ฯ ๔ คำ ฯ เส้นเหล้า

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตห้าวหาญในการศึก
ชื่นชมสมหวังนั่งนึก จนยามดึกมืดมนฝนพยับ
จึงสั่งพวกพลคนทั้งหลาย จงจัดแจงแต่งกายให้เสร็จสรรพ
ทั้งนายม้าผูกม้ามาคอยรับ แล้วกำชับกำชาข้าไท
จะแก้แค้นแทนเจ้าชีวิตร ใครอย่าคิดขี้ขลาดหวาดไหว
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล ตรงไปสรงชลฉับพลัน

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ชำระสระสรงทรงเครื่อง รุ่งเรืองพรรณรายฉายฉัน
แล้วกินว่านยาทาน้ำมัน โพกพันผูกผ้าประเจียดรัด
คาดตะกรุดเครื่องรางอย่างยอด แหวนพิรอดสอดใส่นิ้วพระหัดถ์
แล้วดื่มน้ำสุราอาพัด พอกำดัดตึงตัวไม่กลัวใคร

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ลีลาศ องอาจมิได้พรั่นหวั่นไหว
เผ่นขึ้นหลังม้าอาชาไนย รีบร้นพลไกรไคลคลา

ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก เชิด

๏ ครั้นถึงราชฐานทวารวัง คับคั่งไพร่นายซ้ายขวา
ไวยทัตตรัสสั่งโยธา อย่าช้าช่วยกันฟันประตู

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เหล่าพวกทหารถือขวานหมู
โห่พลางวางวิ่งพรั่งพรู ฟันประตูตึงตังพังทลาย

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น นายประตูตัวสั่นขวัญหาย
ทั้งพวกนอนประจำซองกองราย วุ่นวายตื่นตระหนกตกใจ
บ้างเรียกร้องพวกพ้องอึงมี่ ไม่รู้ว่าไพรีมาแต่ไหน
บ้างตะโกนบอกเร้าเข้าไป เร่งทูลภูวไนยให้รู้
บ้างฉวยได้แหลนหลาวง้าวทวน วิ่งสวนออกรอต่อสู้
รับรองป้องปัดศัตรู เปนหมู่หมู่สู้รบกันไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตฤทธิไกรใจกล้า
ไล่พวกโยธีตีประดา พลางขับมิ่งม้าเข้าฆ่าฟัน
แล้วร้องว่าเหวยชาวธานี เจ้ามึงคนนี้แล้วฤๅนั่น
ช่างหลงเคอะเซอะอยู่ไม่รู้ทัน ท้าวสันนุราชนั้นทิวงคต
อ้ายนี่ผัวอีจันท์สุดา มันเปลี่ยนปลอมเข้ามาเปนขบถ
จงช่วยกันแก้แค้นแทนทด จับอ้ายคนคดมาฆ่าตี
ว่าพลางทางขับม้าที่นั่ง พวกชาวป้อมล้อมวังก็วิ่งหนี
เหล่าทหารไล่บุกคลุกคลี โห่มี่เข้าล้อมปราสาทไชย

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น แสนสาวท้าวนางน้อยใหญ่
เห็นผู้คนอลหม่านทั้งวังใน ต่างตระหนกตกใจวุ่นวาย
ร้องกรีดหวีดหวาดกลาดเกลื่อน วิ่งโดนเพื่อนหกล้มผ้าห่มหาย
แต่บรรดาจ่าโขลนเจ้าขรัวนาย วุ่นวายวิ่งปะทะปะกัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระคาวีฤทธิแรงแขงขัน
บรรธมอยู่ในที่แท่นสุวรรณ ด้วยโฉมจันท์สุดายาใจ
ได้ยินสำเนียงเสียงโห่ร้อง กึกก้องสนั่นหวั่นไหว
ผวาตื่นตระหนกตกพระไทย จึงเผยบัญชรไชยชัชวาลย์
เห็นพวกพลโยธาถืออาวุธ อุดตลุดสับสนอลหม่าน
ก็รู้ว่าข้าศึกมารอนราญ ไม่สทกสท้านวิญญา
ตรัสบอกมเหษีนฤมล เขายกรี้กรีพลมาหนักหนา
ตัวนายถือกระบี่ขี่ม้า แก้วตามาดูเล่นด้วยกัน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาหลากจิตรคิดพรั่น
แลเห็นกองทัพนับพัน ตัวสั่นตระหนกตกใจ
ทรุดองค์ลงกราบกับตีนผัว พ่อทูลหัวจะคิดเปนไฉน
ครั้งนี้ชีวันจะบรรไลย อรไทยครวญคร่ำร่ำโศกา

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระคาวีฤทธิไกรใจกล้า
ปรอบนางพลางเช็ดชลนา ฟังคำพี่ว่าอย่าเกรงกลัว
คนเท่านั้นมันจะมาทำไมได้ ฤๅเจ้าไม่เคยเห็นฝีมือผัว
นกอินทรีย์มีฤทธิ์ทั้งสองตัว ยังฟันหัวขาดกลิ้งอยู่กลางดิน
อ้ายขี้ริ้วอย่างนี้ที่ไหน ประเดี๋ยวใจก็จะตายฉิบหายสิ้น
ขี้เกียจกาแร้งจะแย่งกิน เหมือนชีวิตรยุงริ้นสิ้นทั้งนั้น
ว่าพลางเล้าโลมนางโฉมยง แล้วจัดแจงแต่งองค์ทรงพระขรรค์
ชวนจันท์สุดาวิลาวรรณ มาเคียงกันเยี่ยมแกลแลดู

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตหุนหันคันหัวหู
น้อยฤๅกล้าเยี่ยมหน้ามาอวดกู ยังไม่รู้สำนึกถึงตาย
ว่าพลางทางขับม้าทรง ยืนตรงช่องแกลแลมุ่งหมาย
แล้วชี้หน้าว่าเหวยอ้ายคนร้าย มาปลอมเปนเจ้านายไม่อายใจ
ตัวมึงชาวดงพงพี ชื่อว่าคาวีจริงฤๅไม่
มาลวงลุงกูเข้าเผาไฟ มิได้ยำเยงเกรงกลัว
กูรู้เต็มอกจึงยกทัพ จะมาล้อมจับมึงคนชั่ว
อย่าทำดึงดื้อถือตัว ทั้งเมียทั้งผัวเร่งลงมา
ยังจะขืนยืนดูอยู่ว่าไร ฤๅจะให้ลากยุดฉุดคร่า
จะบอบช้ำลำบากกายา จงลงมาสารภาพกราบกู

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระคาวียิ้มเยาะหัวเราะอยู่
จึงตอบว่าเองอย่าอวดรู้ ประมาทกูดูถูกลูกผู้ชาย
ถึงเปนชาวดงพงพี แต่ลวงเผาชาวบุรีได้ง่ายง่าย
อ้ายเถ้าลุงโง่งงหลงตาย เดี๋ยวนี้หลานชายจะตายตาม
อย่าโอหังบังอาจอวดตัว ใครจะกลัวกับเองเกรงขาม
เมื่อลุงเองก่อกวนลวนลาม กูจึงสานตามตอบแทน
แต่เขาไม่ฆ่าเสียทั้งโคตร ก็บุญคุณนับโกฏินับแสน
ยังจะมาผูกใจเจ็บแค้น คิดขบถทดแทนต่อแผ่นดิน
เอื้อมอ้างช่างอวดจะฉุดคร่า ให้ขี่คอกันมาอิกทั้งสิ้น
อุประมาหมายมุ่งเหมือนยุงริ้น จะบินเข้าหาไฟอะไรมึง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตพิโรธโกรธขึ้ง
จึงร้องว่าท้าทายอื้ออึง ชีวิตรมึงวันนี้ถึงที่ตาย
ไม่เจียมตัวผัวเมียสองคน จองหองพองขนใจหาย
แล้วร้องสั่งพลไกรไพร่นาย เร่งจับอ้ายคนร้ายเร็วพลัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พวกทหารกำแหงแขงขัน
แกว่งอาวุธวิ่งชิงกัน ขึ้นตามอัฒจันท์ปราสาทไชย
บ้างกระทุ้งถีบดาลบานประตู ลิ่มสลักแน่นอยู่ไม่หวาดไหว
บ้างปีนเหลี่ยมฐานบัดพลัดลงไป เอาไม้ไล่ขว้างทิ้งวิ่งคึกคัก

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระคาวีมีฤทธิ์สิทธิศักดิ์
เห็นโยธาข้าศึกฮึกฮัก โหมหักเข้ามาจะราวี
จึงแกว่งพระขรรค์ไล่ฟันฟาด แล้วลงจากปรางมาศปราสาทศรี
มิได้ย่อท้อต่อไพรี หยุดยืนอยู่ที่กลางชาลา
พระจึงตั้งจิตรพิศถาน คิดถึงพระอาจารย์ชาญกล้า
ข้าจะแกว่งพระขรรค์อันศักดา ขอให้เปนโยธาออกต่อยุทธ์
เสี่ยงพลางทางแกว่งพระขรรค์ไชย เปนผู้คนพลไพร่อุดตลุด
ล้วนถือเครื่องสาตราอาวุธ เข้ารบรับสัปรยุทธกับไพรี

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น พวกไพร่ไวยทัตไม่ถอยหนี
รบรูปนิมิตรด้วยฤทธี ต่อตีแทงฟันมันไม่ตาย
ต่างคนคิดขยั้นหวั่นหวาด เห็นพวกตัวตายกลาดลงมากหลาย
รบพลางถอยหลังกระทั่งนาย วุ่นวายหลีกหลบกระทบกัน

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตเคืองขุ่นหุนหัน
เห็นพวกไพร่พลคนทั้งนั้น ขยั้นย่อท้อต่อไพรี
จึงลุกไล่ให้คืนเข้ารบรับ ขู่สำทับร้องว่าใครอย่าหนี
แล้วขับม้ามาตรงพระคาวี แกว่งกระบี่จะฟันให้บรรไลย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีไม่พรั่นหวั่นไหว
แกว่งพระขรรค์คอยขยับรับไว้ เลี้ยวไล่ประชิดติดพัน
ได้ทีถาโถมโจมจับม้า ฉุดคร่าบังเหียนเวียนหัน
ท่อยทีหมายพิฆาฏฟาดฟัน กลอกกลับจับกันด้วยกำลัง

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตพลัดตกม้าที่นั่ง
ผุดลุกทลึ่งตึงตัง ไม่รอรั้งรื้อวิ่งเข้าชิงไชย
ร่ายรำกระบี่เปนทีท่า หวดซ้ายป่ายขวาโลดไล่
กลอกกลับรับรองว่องไว มิได้ละวางห่างกัน

ฯ ๔ คำ ฯ กลอง

๏ เมื่อนั้น พระคาวีฤทธิแรงแขงขัน
หักโหมโรมรุกบุกบัน เปนเชิงชั้นเลี้ยวล่อต่อยุทธ์
เผ่นขึ้นยืนเหยียบเข่าขวา เปลี่ยนท่าทีจับสัปรยุทธ์
เคล่าคล่องป้องปัดอาวุธ อุดตลุดเลี้ยวไล่กันไปมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไวยทัตขยั้นพรั่นหนักหนา
สุดสิ้นกำลังวังชา อ่อนระอาเหนื่อยเหน็ดเข็ดฝีมือ
ไม่อาจอยู่รบรับสัปรยุทธ์ ทิ้งสาตราอาวุธออกวิ่งตื๋อ
บ่าวไพร่ใหญ่น้อยพลอยแตกฮือ อึงอื้อไปทั้งวังใน

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น เหล่ารูปนิมิตรประชิดไล่
ถือดาบแกว่งกวัดสกัดไว้ มิให้ออกนอกทวารา
บ้างจับได้ไพร่เลวเหล่านั้น ช่วยกันอุดตลุดฉุดคร่า
ที่จับได้ไวยทัตก็มัดมา เข้าไปน่าที่นั่งพรั่งพร้อมกัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระคาวีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จับได้ไวยทัตตัวสำคัญ พอสุริยันรุ่งรางสว่างฟ้า
จึงตรัสเย้ยเหวยหลานเจ้าธานี เมื่อตะกี้ฮึกฮักหนักหนา
ไยไม่แผลงอิทธิฤทธา ให้เขาจับมัดมาเหมือนอย่างปู
วันนี้ชีวิตรจะวายปราณ จงให้การตามจริงอย่านิ่งอยู่
ซึ่งเองยกกองทัพมาจับกู ที่พวกเพื่อนร่วมรู้นั้นกี่คน

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ไวยทัตทูลความมาแต่ต้น
อีเถ้าทัศประสาทแสนกล ไปลอบเล่าเหตุผลเปนความลับ
ทั้งนางคันธมาลีมีสาร ว่าขานให้ข้าเข้ามาจับ
จึงได้พาพวกพ้องเปนกองทัพ มาเคี่ยวขับชิงไชยถึงในวัง
ซึ่งหยาบช้าว่าขานพระผ่านเกล้า เพราะมัวเมาโมโหโอหัง
จงโปรดยกโทษาข้าสักครั้ง ถ้าทำอิกทีหลังให้ตัดคอ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีผินผันกลั้นหัวร่อ
เห็นไวยทัตเต็มกลัวตัวงอ วิงวอนอ่อนง้อขอชีวิตร
พระแกล้งเฉยเลยสั่งพวกขันที อันนางคันธมาลีเปนคนผิด
กับอีเถ้าทัศประสาทร่วมคิด โทษถึงชีวิตรมรณา
จงจับตัวไว้ให้มั่นคง คุมออกไปส่งเขาข้างน่า
สั่งเสร็จเสด็จลีลา ออกมาพระโรงคัลทันใด

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสบอกมหาเสนาใน เราจับได้คนผิดคิดคด
คืออ้ายไวยทัตตัวดี กับนางคันธมาลีเปนขบถ
อีเถ้าทัศประสาทชาติทรยศ โทษถึงตายหมดไม่ไว้มัน
จงจองจำขื่อคาพาตัว ตเวนไปให้ทั่วเขตรขัณฑ์
ทั้งทางเรือทางบกสักหกวัน แล้พิฆาฏฟาดฟันให้บรรไลย

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งบังคมไหว้
ออกมาจัดกันทันใด เร่งไพร่ให้คุมคนโทษมา
จองจำพันธนาห้าประการ นครบาลถือดาบเดินหน้า
ให้ร้องตามโทษตัวที่ชั่วช้า เสนาตีฆ้องป่องป่องไป

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ ตเวนทั้งเรือบกได้หกวัน แล้วพากันมาที่ท้ายกรุงใหญ่
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้ ฟาดฟันบรรไลยทั้งสามคน

ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ