นิทานเรื่องไกรทอง เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร

ที่เมืองพิจิตรมีถ้ำจรเข้อยู่ใต้น้ำแห่งหนึ่ง ในถ้ำนั้นมีแก้วเปนของวิเศษส่องแสงให้ถ้ำสว่างเหมือนกลางวันอยู่เปนนิจ จรเข้ตัวใดเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นแล้วก็บันดาลให้กลายเปนมนุษย์ แลอิ่มทิพไม่ต้องกินผู้คนฤๅบริโภคโภชนาหารอย่างใดด้วย ท้าวรำไพเปนพระยาจรเข้อยู่ในถ้ำนั้นรักษาศีลสัจก็เปนศุขมาช้านาน ท้าวรำไพมีบุตรชื่อท้าวโคจร แต่อยู่มาท้าวโคจรไปมีเหตุเกิดวิวาทกับจรเข้ร้ายชื่อท้าวแสนตาแลพระยาพันวัง เลยกัดกันตายทั้ง ๓ ตัว จึงเหลือแต่บุตรของท้าวโคจรชื่อว่าพระยาชาลวัน ท้าวรำไพเห็นว่าตัวชราแล้วจึงมอบอำนาจให้พระยาชาลวันผู้เปนหลาน ปกครองพวกจรเข้บริวารทั้งปวง พระยาชาลวันมีเมียหลวงชื่อนางวิมาลา เมียน้อยชื่อนางเลื่อมไลยวรรณอยู่ในถ้ำด้วยกัน แต่พระยาชาลวันนั้นใจพาลชอบกินคนตามวิสัยจรเข้ มิได้รักษาศีลครองสัจเหมือนท้าวรำไพผู้เปนปู่ อยู่มาวันหนึ่งพระยาชาลวันอยากกินเนื้อมนุษย์ จึงออกจากถ้ำกลายเปนจรเข้ว่ายน้ำมาทางน่าเมืองพิจิตร ขณะนั้นนางตะเภาทองกับนางตะเภาแก้วพี่น้องเปนลูกสาวของเศรฐีที่เมืองพิจิตร ลงเล่นน้ำอยู่กับบ่าวไพร่ พระยาชาลวันเห็นนางตะเภาทองก็นึกรัก เพราะตัวอยู่ในถ้ำเคยเปนมนุษย์ จึงตรงเข้าคาบเอานางตะเภาทองแล้วพาลงไปในถ้ำ นางตกใจสลบไม่รู้สึกสมประดี พระยาชาลวันแก้ไขฟื้นขึ้นมาแล้วพูดจาเกี้ยวพาน นางตะเภาทองเห็นพระยาชาลวันเปนมนุษย์รูปร่างสะสวยก็นึกรัก ทั้งมิรู้ที่จะทำอย่างอื่นประการใด ก็ต้องยอมเปนเมียพระยาชาลวัน ฝ่ายนางวิมาลาเมียหลวงรู้ว่าพระยาชาลวันไปได้นางมนุษย์มาเปนเมียใหม่ จึงชวนนางเลื่อมไลยวรรณไปดูด้วยกัน ไปถึงห้องพระยาชาลวันยังไม่ตื่นนอน เห็นนางตะเภาทองนั่งอยู่คนเดียวก็เข้าไปไต่ถามถากถางต่าง ๆ ด้วยความหึงหวง จนเกิดเทลาะด่าว่ากันอื้ออึงจนพระยาชาลวันตื่นขึ้น ก็ว่ากล่าวขู่รู่นางทั้ง ๓ คนต้องเลิกวิวาทกันไป

ฝ่ายเสรฐีบิดานางตะเภาทองทราบว่าจรเข้คาบเอาลูกสาวไปสำคัญว่านางตะเภาทองตาย ให้บ่าวไพร่เที่ยวตามหาศพก็ไม่พบ จึงบลบานพวกหมอจรเข้ให้จับจรเข้ที่กินลูกสาว พวกหมอจรเข้พากันอยากได้สินบล ต่างคนต่างพยายามจะจับพระยาชาลวัน ไม่รู้ว่าเปนจรเข้มีเขี้ยวแก้วกายสิทธิ์ ก็ถูกพระยาชาลวันขบกัดฟัดฟาดตายเสียเปนอันมาก จนผู้คนพากันกลัวไม่มีใครกล้าจะรับสินบลของเสรฐี เสรฐีก็ขัดใจจึงออกปากบลว่าถ้าใครจับพระยาชาลวันได้ จะยกนางตะเภาแก้วลูกสาวคนเล็กให้เปนเมีย แล้วจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้ด้วยกึ่งหนึ่ง ข่าวนั้นก็เลื่องฦๅไปในแขวงเมืองพิจิตร ขณะนั้นเจ้าไกรทองเปนชาวเมืองนนทบุรี คุมเรือขึ้นไปค้าขายอยู่ที่เมืองพิจิตร เจ้าไกรทองเปนคนรักเรียนวิชาอาคมมาแต่น้อย เมื่อขึ้นไปอยู่เมืองพิจิตรอายุได้ ๑๘ ปี เวลาว่างการค้าขายอุส่าห์ไปเล่าเรียนวิชากับพระครูฯ ที่วัดน่าพระธาตุเสมอไม่ขาด ท่านพระครูรักใคร่บอกวิชาอาคมให้จนชำนิชำนาญ ครั้นได้ยินข่าวที่เสรฐีบลบานหาคนจับจรเข้ จะยอมแบ่งสมบัติและยกลูกสาวให้ก็คิดอยากรับอาสาเอาสินบล จะได้ตั้งตนให้เปนหลักแหล่งต่อไป จึงไปถามพระครูฯ ผู้อาจารย์ ว่าวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนไว้จะพอต่อสู้จรเข้ตัวสำคัญนั้นได้ฤๅยัง พระครูฯ บอกว่าวิชาที่เรียนรู้นั้นก็พอจะสู้จรเข้ได้อยู่แล้ว แต่ว่าพระยาชาลวันนั้นมีเขี้ยวแก้วเปนจรเข้กายสิทธิ์ จะฆ่าฟันด้วยเครื่องสาตราวุธอย่างอื่นหาตายไม่ ต้องแทงด้วยหอกสะตะโลหะจึงจะตาย เจ้าไกรทองได้ฟังก็ยินดี จึงขอหอกสะตะโลหะกับเครื่องป้องกันตัวมาจากพระครู ฯ แล้วไปบอกเสรฐีว่าจะรับอาสาจับพระยาชาลวัน เสรฐีก็ยินยอม ทั้ง ๒ ฝ่ายจึงไปทำสัญญากันต่อหน้าเจ้าเมืองกรมการเมืองพิจิตร แล้วเจ้าไกรทองก็ไปตั้งโรงทำพิธีที่หาดทรายริมน้ำน่าเมืองพิจิตร

เมื่อเจ้าไกรหองตั้งพิธี พระยาชาลวันอยู่ในถ้ำนอนอยู่กับนางวิมาลาในคืนนั้นเกิดนิมิตรฝันว่าไฟไหม้ถ้ำ แล้วมีเทวดาองค์หนึ่งถือพระขรรค์เข้าไปฟาดฟันพระยาชาลวัน สาวไส้ออกให้แร้งกากิน แล้วตัดเอาศีร์ษะไป พระยาชาลวันตกใจตื่นขึ้นไม่สบายใจ จึงเล่าความฝันให้นางวิมาลาฟัง นางวิมาลารู้ว่าเปนฝันร้ายแนะนำให้ไปแก้ฝันแก่ท้าวรำไพขอให้เธอช่วยทำนาย ท้าวรำไพทำนายว่าฝันร้ายนัก ถ้าประมาทจะมีสัตรูบังอาจลงมาทำร้ายจนถึงในถ้ำที่อยู่ให้ระวังตัวให้จงดี พระยาชาลวันจึงให้บริวารขนเอาศิลามาถมปิดปากถ้ำเสียมิให้ผู้ใดเข้าได้ หมายจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำจนสิ้นเคราะห์แล้วจึงจะออกไปเที่ยวเตร่ดังแต่ก่อน แต่เมื่อเจ้าไกรทองทำพิธีอ่านอาคมเรียก อำนาจมนต์บันดาลให้พระยาชาลวันเกิดกลัดกลุ้มในใจจนทนอยู่ในถ้ำไม่ได้ ก็ผลุนผลันทำลายกองศิลาที่ปิดปากถ้ำ แล้วกลายเปนจรเข้ว่ายน้ำมายังน่าโรงพิธี เห็นเจ้าไกรทองลงอยู่ในแพก็รู้ว่าตัวสัตรู จึงตรากขึ้นเกยแพหมายจะขบกัดเสียให้ตาย แต่เดชะวิทยาคมช่วยป้องกันเจ้าไกรทอง พระยาชาลวันมิอาจทำร้ายได้ กลับถูกเจ้าไกรทองแทงเจ็บปวดเปนสาหัส พระยาชาลวันเห็นว่าจะสู้ไม่ได้ก็หนีกลับลงไปถ้ำ ไปบอกความแก่ท้าวรำไพขอให้ช่วยต่อสู้สัตรู ห้าวรำไพไม่เข้าด้วย ว่าเหตุที่เกิดขึ้นทั้งนั้นเพราะพระยาชาลวันไม่อยู่ในศีลในสัจ เที่ยวกัดกันมนุษย์แล้วมิหนำซ้ำไปลักเอาลูกสาวเขามาเปนเมีย จึงเกิดกรรมเวรเพราะความชั่วของตัวเอง พระยาชาลวันเห็นท้าวรำไพไม่เข้าด้วยก็น้อยใจ กลับมายังถ้ำที่อยู่ของตนมาเล่าความแก่นางวิมาลา แล้วบอกว่าแต่ก่อนมิเคยมีสัตรูที่จะทำร้ายได้ เดี๋ยวนี้สัตรูมีฤทธิ์เกิดขึ้นแล้ว คงจะไม่พ้นอันตรายเปนแน่แท้ นางวิมาลาเห็นพระยาชาลวันถูกแทงเปนแผลยับไปทั่วทั้งตัว ก็ตกใจรีบออกมาเรียกพวกบริวารหมายจะให้ช่วยกันไปรักษาพยาบาล ขณะนั้นพอเจ้าไกรทองจุดเทียนระเบิดน้ำตามลงไปถึงถ้ำ พวกจรเข้บริวารก็พากันหนีไป ยังเหลือแต่นางวิมาลาอยู่ที่ห้องนอกคนเดียว เจ้าไกรทองฉวยข้อมือนางวิมาลาไว้ แล้วขู่ถามว่าพระยาชาลวันอยู่ที่ไหน นางวิมาลาไม่บอก เจ้าไกรทองเงื้อหอกขึ้นจะแทงนางตกใจก็ร้องขึ้น พระยาชาลวันอยู่ห้องในได้ยินเสียงเมียร้องก็ถลันออกมาทั้งยังเจ็บอยู่ พอเจ้าไกรทองแลเห็นก็รู้ว่าพระยาชาลวัน ด้วยมีบาดแผลโลหิตเปื้อนอยู่ทั้งตัว แต่เห็นรูปทรงเปนชายโสภาน่ารักก็ยืนตะลึงอยู่ ฝ่ายพระยาชาลวันเห็นเจ้าไกรทองจับเมียไว้ก็โกรธเปนกำลัง ตรงเข้ารบกับเจ้าไกรทองตัวต่อตัว นางวิมาลาก็หนีไปได้ รบกันอยู่พักหนึ่งพระยาชาลวันก็สิ้นกำลัง เจ้าไกรทองจับได้เอาตัวมัดไว้แล้วเจ้าไกรทองจึงนึกว่าพระยาชาลวันนี้แปลงเปนมนุษย์ได้ ชรอยจะลักนางตะเภาทองมาเลี้ยงไว้เปนเมียดอกกระมัง ที่เมืองพิจิตรจึงค้นหาศพนางตะเภาทองไม่ได้ คิดแล้วจึงเที่ยวค้นไปในถ้ำก็พบนางตะเภาทอง แต่นางนั้นตั้งแต่เปนเมียจรเข้รางควานก็เข้าสิง กลายเปนผีดิบพูดกับมนุษย์ไม่ได้ ได้แต่ใช้ใบ้บอก เจ้าไกรทองจึงพานางตะเภาทองขึ้นขี่พระยาชาลวันมาส่งต่อเจ้าเมืองกรมการเมืองพิจิตร เสรฐีผู้บิดาเห็นนางตะเภาทองกลายเปนใบ้มิรู้ที่จะแก้ไขประการใด จึงอ้อนวอนเจ้าไกรทองขอให้ช่วยแก้ไขให้ด้วย เจ้าไกรทองบอกว่าที่นางเปนใบ้นั้นเพราะรางควานของพระยาชาลวันเข้าทับ ต่อพระยาชาลวันตายเมื่อใดจึงจะหาย เจ้าเมืองพิจิตรว่าจรเข้ชาลวันตัวนี้มันกินผู้คนเสียหนักกว่าหนักแล้วจะเอามันไว้ทำไม จึงสั่งให้พวกชาวเมืองฆ่าพระยาชาลวันเสีย แต่พวกชาวเมืองไปทำอย่างไร ๆ พระยาชาลวันก็ไม่ตาย ด้วยอำนาจเขี้ยวแก้วรักษาตัวอยู่ ต้องอ้อนวอนให้เจ้าไกรทองช่วยบอกอุบายที่จะฆ่าพระยาชาลวัน เจ้าไกรทองให้เอาหอกสะตะโลหะไปแทงพระยาชาลวันจึงตาย นางตะเภาทองก็หายใบ้กลับเปนปรกติดังแต่ก่อน เสรฐีจึงปฤกษากับภรรยาว่า เดี๋ยวนี้เจ้าไกรทองก็ทำการสำเร็จดังสัญญา จำจะต้องยกนางตะเภาแก้วแลแบ่งสมบัติให้เขาแล้ว เจ้าไกรทองนี้มีฤทธิ์เดชมากคงจะได้มียศศักดิ์ต่อไป ที่ได้ไว้เปนลูกเขยก็ดีหนักหนา และนางตะเภาทองนั้นเขาก็ได้พามาทั้งได้ช่วยแก้ไขให้หายเปนใบ้ ควรจะยกให้เขาเสียอิกคนหนึ่ง จะได้ผูกพันเจ้าไกรทองไว้ให้มั่นคง คิดกันดังนี้แล้วจึงยกนางตะเภาทองกับนางตะเภาแก้วให้เจ้าไกรทองทั้ง ๒ คน เจ้าไกรทองก็ได้ครองสมบัติกับนางทั้ง ๒ อยู่ที่บ้านเสรฐีแต่นั้นมา

อยู่มาเจ้าไกรทองนึกขึ้นถึงนางวิมาลาเมียพระยาชาลวัน ซึ่งได้ไปเห็นที่ในถ้ำจรเข้ คิดรักว่ารูปร่างสะสวยหนักหนา นางก็เปนม่ายอยู่ จะลองลงไปเกี้ยวพานดู ถ้าปรากฎว่าตัวปราบพระยาชาลวันแล้วเลยได้เมียด้วย ก็จะมีชื่อเสียงในพวกนักเลงเจ้าชู้ คิดดังนี้แล้วจึงอุบายลวงนางตะเภาทองตะเภาแก้วว่า ตั้งแต่ปราบพระยาชาลวันแล้วยังไม่ได้ไปสนองคุณพระครูฯ ผู้เปนอาจารย์เลย จะขอลาไปปฏิบัติบูชาครูสักคราวหนึ่ง นางทั้ง ๒ พาซื่อก็ยอมให้ไป เจ้าไกรทองตระเตรียมตัวออกจากบ้านมาพอถึงที่เปลี่ยว ก็ร่ายมนต์จุดเทียนระเบิด แล้วประดาน้ำลงไปยังถ้ำจรเข้ พวกจรเข้เห็นพากันกลัวรีบหลบหนีไป

ฝ่ายนางวิมาลา ตั้งแต่พระยาชาลวันตายก็เฝ้าแต่โศกเศร้าอาไลยถึงผัวอยู่ในห้อง วันนั้นได้ยินเสียงพวกจรเข้อื้ออึง นางออกไปดูก็พอพบเจ้าไกรทอง ๆ ก็เกี้ยวพาน นางจึงหนีเข้าห้องปิดประตูลั่นดานเสีย เจ้าไกรทองจะเรียกเท่าไรก็ไม่เปิดรับ เจ้าไกรทองร่ายมนต์สะเดาะดานเปิดประตูเข้าไปได้ นางก็จนอยู่ในห้องนั้น เจ้าไกรทองเกี้ยวพานสัญญาว่าจะอยู่เปนคู่ครองแล้วเป่ามนต์เทพรันจวน นางวิมาลาถูกเสน่ห์ก็กลับใจยินยอมเปนเมียอยู่กับเจ้าไกรทองที่ในถ้ำต่อมา เรื่องต้นมาต่อตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์บทลครตรงนี้

อนึ่งมีคำเล่ากันมาว่า เหตุที่พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาไลยจะทรงพระราชนิพนธ์บทลครเรื่องไกรทองนั้น เกิดแต่สุนทรภู่กล่าวว่าที่เจ้านายจะทรงแต่งกลอนให้เปนสำนวนชาวตลาดเหมือนสุนทรภู่แต่งนั้นไม่ได้ จึงทรงพระราชนิพนธ์เรื่องไกรทองให้เห็นว่าแต่งได้ เพราะฉนั้นในบทลครเรื่องไกรทองจึงเปนอย่างปากชาวตลาดตลอดทั้งเรื่อง กล่าวกันมาดังนี้.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ