ตอนที่ ๓ พระไชยเชฐเข้าเฝ้าท้าวสิงหฬ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวสิงหฬยักษา
อุ้มองค์พระราชนัดดา ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป
พ่อมาจนเย็นหลงเล่นอยู่ ต่อนกสีชมพูฤๅต่อไก่
ดูมอมแมมแก้มคางช่างกะไร เออนี่มิไปเที่ยวซอนซุก
เก็บบุปผามาบ้างฤๅไม่เล่า ให้แม่เขาร้อยมาไลยใส่จุก
ตานั่งคอยเจ้าเฝ้าเปนทุกข์ กลัวจะล้มลุกเจ็บป่วยไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์บังคมไหว้
ทูลว่าลูกลาไปเล่นไพร ชมนกชมไม้ออกเพลิดเพลิน
น่ารักปักษีสารพัน บ้างชิงกันหากินบินเหิน
บ้างพาลูกเต้นไต่ร่ายเดิน บ้างร้องเกริ่นตามไล่กันไปมา
คิดจะดักปักษามาเลี้ยงเล่น กลัวจะเปนเวรกรรมไปชาติหน้า
ลูกเมียพลัดกันเห็นทันตา เหมือนคนต้องโทษาพ่อตาเคือง
ข้าไปเห็นเปนน่าสงสาร ทรมานทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
ลูกตั้งจิตรคิดจะขออยู่เนืองเนือง แต่เกรงเคืองเบื้องบาทไม่อาจทูล

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬราชนเรนทร์สูร
ฟังหลานว่ากล่าวเปนเค้ามูล ยิ่งเพิ่มภูลพิศมัยในนัดดา
สวมสอดกอดรัดแล้วตรัสพลาง น้อยฤๅช่างออเซาะฉอเลาะว่า
รู้ราวกับผู้ใหญ่ไว้อัชฌา ให้พ่อตาจูบหน่อยเถิดกลอยใจ
นี่ใครพาสัญจรซอกซอนเล่น พ่อไปเห็นคนโทษเข้าที่ไหน
มันฉกชิงวิ่งราวเขาคราวไร ฤๅโทษไก่เบี้ยฝิ่นกินสุรา
พ่อจะถามไถ่ไล่เลียงดู จะได้รู้หนักเบาที่เจ้าว่า
ถ้าโทษทัณฑ์มันพอจะเมตตา บิดาไม่ขัดทัดทาน
ถึงโภไคยไอสูรย์ของพ่อเถ้า ก็จะให้แก่เจ้าผู้ลูกหลาน
แต่พอเติบใหญ่เข้าใจการ จะเศกพ่อให้ผ่านภารา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์สำรวลร่า
ทำชอ้อนถอนหนวดให้พ่อตา พลางสนองบัญชาพระยายักษ์
ซึ่งทรงพระเมตตาแก่ข้าไซ้ จะโปรดให้ครอบครองอาณาจักร
ท้าวตรัสโดยในพระไทยรัก พระคุณอยู่ลูกหนักเท่าฟ้าดิน
อันคนต้องโทษาที่ข้าขอ เขาผิดข้ออุกอาจประมาทหมิ่น
เปนคนโฉดโหดไร้ใจทมิฬ โทษถึงสิ้นชีวันบรรไลย
เดี๋ยวนี้กลับรู้ตัวว่าชั่วช้า จะมาเฝ้าพระเจ้าตาก็ไม่ได้
อันถิ่นฐานบ้านเมืองเขาอยู่ไกล มิใช่คนโทษที่เมืองนี้
ความเกรงความกลัวตัวเปนหนู มาปลอมคนปนอยู่ในกรุงศรี
พระองค์จงโปรดปรานี ขอประทานชีวีไว้สักครั้ง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬหลากจิตรคิดหวัง
ไขว่ห้างเอกเขนกนิ่งฟัง มาขอพ่อดอกกระมังอ้ายจังไร
มันแน่แล้วสินะชะลูกพ่อ โมโหแค้นแน่นคอมันไส้
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดไป ดูดู๋ไอ้ลูกเล็กเด็กน้อย
ควรฤๅมาสาระแนแก้แทน กูคิดคิดแล้วก็แค้นแน่นคอหอย
ช่างเคลือบแฝงแต่งลิ้นมาสำออย ให้งวยงงหลงถ้อยพลอยพยัก
ไหนตัวตนคนโทษที่มึงว่า จงเร่งบอกออกมาให้รู้จัก
กูจะผ่าอกให้ไส้ทลัก เคี้ยวเล่นเปนผักสนุกใจ
ชิชะนารายน์ธิเบศร์เอ๋ย กะไรเลยลวงตาต่อหน้าได้
ใครสั่งสอนมึงมาจงว่าไป จะตัดหัวเสียบไว้ตะแลงแกง

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

โอ้

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์ไม่บอกแจ้ง
เห็นพ่อตาโกรธหนักพระภักตร์แดง ก็กรรแสงโศกาจาบัลย์
กอดบาทาไว้พิไรวอน ประทานโทษโปรดก่อนอย่าหุนหัน
จะเปนเวราด้วยฆ่าฟัน จงอดกลั้นโทษาเสียเอาบุญ
เขาจะได้ว่าน้ำพระไทยดี ผิดทีสองทีไม่เคืองขุ่น
ขอพระพ่อตาจงการุญ ให้ลูกได้แทนคุณพระบิดา
ถ้าแม้นพ่อข้าตายวายชนม์ ไม่ขออยู่ให้คนเห็นหน้า
เขาจะล่วงดูถูกลูกกำพร้า ทูลพลางโศกาสอื้นฮัก

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬเศร้าจิตรคิดหน่วงหนัก
ฟังถ้อยคำหลานสงสารนัก พระยายักษ์ทรุดนั่งลงทั้งยืน
อุ้มพลางทางปลอบพระนัดดา นิ่งเถิดพ่ออาอย่าสอื้น
เนตรจะฟกช้ำจงกล้ำกลืน ตาไม่ขัดขืนให้เคืองใจ
จงผินภักตร์มาตาจะถาม เหตุผลต้นความเปนไฉน
ได้ประสบพบพ่อฤๅอย่างไร ฤๅว่าใครบอกเล่าเจ้าจึงรู้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกุมารอิดเอื้อนเยื้อนอยู่
จะลวงดอกกระมังชั่งใจดู เช็ดน้ำหูน้ำตาแล้วพาที
หลานยังคิดแคลงจะแกล้งล่อ แล้วจะมาฆ่าพ่อข้าเปนผี
แม้นงดโทษโปรดประทานชีวี จึงจะทูลคดีให้แจ้งใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬยิ่งคิดพิศมัย
ดำรัสตรัสตอบพระหลานไป มาสงไสยตั้งกระทู้เถิดดูเอา
อันไอ้ไชยเชฐเฉโก ตาจะดับโมโหให้แก่เจ้า
ช่างฉลาดนี่กระไรไม่ใจเบา อย่าพะวงจงเล่าเถิดนัดดา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์ก็หรรษา
บังคมก้มกราบกับบาทา จึงทูลกิจจาแต่ต้นไป
เมื่อเช้าหลานลาองค์พระทรงธรรม์ กับเด็กเด็กด้วยกันไปป่าใหญ่
พบชายห้าคนด้นเดินไพร เข้ามาใกล้หลานรักแล้วทักทาย
ข้าเดือดฟุ้งมุ่งแผลงธนูศิลป์ จะให้สิ้นชีวิตรดังจิตรหมาย
ลูกศรห่อนรื้อมากลับกลาย เปนดอกไม้มากมายหลายพรรณ
พระบิดามาอุ้มเอาหลานไว้ กอดจูบลูบไล้แล้วรับขวัญ
ทั้งเห็นแหวนแม่นยำเปนสำคัญ จึงรำพรรณเล่าความแต่ต้นมา
ว่าเปนเคราะห์เพราะเชื่อคนชั่ว อันโทษตัวผิดนักผิดหนา
ครั้นจะมาเฝ้าพระเจ้าตา ก็กลัวจะโกรธาให้ฆ่าฟัน
เฝ้าบ่นออดทอดถอนฤไทยฮือ แต่ออกชื่อพ่อตาก็ตัวสั่น
ว่าพวกพ้องสุริวงศ์พงศ์พันธุ์ ชีวันอยู่ใต้บทมาลย์
แม้นฆ่าก็ตายไม่หมายสู้ หลานดูพระบิดาน่าสงสาร
ครั้นคิดคิดไปให้รำคาญ ด้วยพ่อยังร้าวฉานกับมารดา
จงโปรดว่าชนนีให้ดีด้วย หลานจะช่วยอ้อนวอนให้นักหนา
ให้แม่ดีเสียกับพ่อเถิดหนอตา นัดดาจะได้สบายใจ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
จึงตรัสห้ามนัดดาอย่าว่าไป แม่เขาขัดใจจะตีรัน
อันโทษบิดาไซ้เจ้าได้ขอ ตาจะยกให้พ่อผู้หลานขวัญ
แต่ส่วนซึ่งจะให้ดีกัน ข้อนั้นมิรู้ที่จะว่าเลย
เอออะไรไชยเชฐมันช่างชั่ว เมามัวขับเมียเสียเฉยเฉย
เกิดมาเพียงนี้แล้วมิเคย กะไรเลยเง่าโง่ย่าโม่นัก
ข้างแม่เจ้าเขาแค้นไม่รู้หาย ได้อับอายไพร่ฟ้าอาณาจักร
มันให้เมียข่มเหงไม่เกรงภักตร์ หลานรักยังเยาว์ไม่เข้าใจ
ถึงตาก็แค้นแสนสาหัส นี่หากขัดนัดดาเจ้าไม่ได้
อันจะดีมิดีกันนั้นไซ้ ก็สุดแท้แต่ใจของมารดา
นี่พ่อเจ้าเข้ามายังธานี ฤๅคอยฟังร้ายดีอยู่ในป่า
ตาจะใคร่พบเขาเจ้าพระยา ดูดู๋จะว่าประการใด

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์เฉลยไข
พระพ่อกับพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ ปลอมเปนไพร่ติดตามข้าเข้ามา
หลานให้พระบิดรซ่อนอยู่ ที่ทิมริมประตูข้างน่า
ยังเกรงพระราชอาญา จะให้มาเฝ้าต่อพรุ่งนี้
ทูลพลางทางประนตบทบงสุ์ ลาองค์ไอยกาเรืองศรี
พระพี่เลี้ยงรับเสด็จจรลี ไปปราสาทมณีที่สำนัก

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น วิฬาร์แสนรู้แสนหลัก
แอบม่านฟังความที่ถามซัก แจ้งประจักษ์รีบร้นเดินบ่นมา

ฯ ๒ คำ ฯ

ลำสีนวน

๏ ทีนี้สมคิดแล้วอีแมวเอ๋ย จะเยาะเย้ยถากถางให้หนักหนา
ให้คุ้มค่าแค้นแทนน้ำตา จะต้องตีต้องด่าก็ไม่คิด
เดินเขม้นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน กูจะร่ำรำพรรณให้เจ็บจิตร
ทำชะแง้แลเล็งเพ่งพิศ แต่งจริตหยิบหย่งตรงมา

ฯ ๔ คำ ฯ สีนวน

เย้ย

๏ ครั้นถึงแถวทิมริมประตู แกล้งหยุดอยู่ดูคนทั้งซ้ายขวา
พอแลสบพบภักตร์พระราชา นางวิฬาร์หัวร่ององัน
แล้วทำเสียงแห้งแหบแสบคอ พูดถ้อเปรียบเปรยเย้ยหยัน
นี่ฤๅภูมินทร์ปิ่นเหมันต์ โอ๊ยไม่ทันเห็นเลยประหลาดนัก
แต่แรกคิดว่าใครหาไหนหนอ เออมิรู้หม่อมพ่อเจ้าท่อนสัก
ข้าแปลกหน้าไปไม่ได้ทัก ยังมืดมลมัวนักมาทำไม
อันผู้หญิงสิงหฬคนแสนร้าย มาติดตามความอายไปเสียไหน
ฤๅเอาอายขายฝากไว้กับใคร จึงอุส่าห์มาได้จะใคร่รู้

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐนิ่งฟังนั่งไขหู
แลดูพี่เลี้ยงก็ต่างดู พระอดสูสู้นิ่งอยู่ในใจ
เพราะกูหลงกลอีคนพาล เดียรฉานจึงกล้ามาว่าได้
จะซ้ำรื้อถือจิตรก็ผิดไป ภูวไนยคิดพลางทางบัญชา
อนิจานิจาวิฬาร์เอ๋ย มาเยาะเย้ยตัดภ้อพ่อหนักหนา
โทษผิดจึงติดตามมา เพราะชั่วช้าเหลือใจในวันนั้น
พเอิญให้เคลิ้มคลุ้มกลุ้มจิตร โมโหมืดมิดไม่อดกลั้น
ถึงว่าไปอื่นอื่นสักหมื่นพัน ตัวชั่วทั้งนั้นจะโทษใคร
จึงตามมาวอนง้อขอษมา จะทิ้งขว้างร้างหย่านั้นหาไม่
แม้นนางแค้นขัดตัดอาไลย จะสู้ตายไม่ไปเมืองเหมันต์

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วิฬาร์ตบมือแล้วเย้ยหยัน
ชะช่างถ่อมตัวชั่ววันนั้น จะมาลุกะโทษทัณฑ์เมื่อวันนี้
นี่เดชะท่านพระพี่เลี้ยงช่วย ถ้าหาไม่ก็จะม้วยเปนผี
หม่อมเมียจะเกษมเปรมปรีดิ์ จะนั่งล้อมสามีเปนวงกง
กว่าจะคิดคืนหลังถึงแม่ลูก พอกระดูกผุเลอียดจนเปนผง
นี่หากว่าวิฬาร์พาดั้นดง จึงได้พบสบองค์เจ้าท่อนไม้
แต่เจ็บอายเพียงนี้แล้วมิสา ยังจะมาลอยนวลชวนไปใหม่
สบถเสียแล้วคะขี้คร้านไป เขาไม่ขอพอใจเห็นเหมันต์

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ วิเอยวิฬาร์ ชะช่างพูดจาคมสัน
ทั้งสบัดสบิ้งทุ้งทิ้งครัน เชิงชั้นแสนงอนกระบอนกระบึง
แต่เปนแมวแล้วยังฟังเปนกรับ เปนมนุษย์ก็จะนับว่าคนหนึ่ง
ทั้งเหน็บแนมแหลมหลักฦกซึ้ง ทีจะปึ่งปั้นล่ำก็ทำเปน
เสียดายหนอนางเปนวิฬารี การหัวใจไมตรีจึงไม่เห็น
ที่พลอยได้ลำบากยากเย็น ถ้าแม้นเปนผู้คนจะถึงใจ
บุญคุณเจ้ามีกับลูกเมีย เปนคนแล้วหาเสียเจ้าได้ไม่
ถ้ายังมีชีวิตรด้วยกันไป เจ้าจะได้ดูพวกอียุยง

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ น่าเอยน่าหัวร่อ ข้ามิใช่บ้ายออย่าเสริมส่ง
ถึงเปนสัตว์เดียรฉานก็พานตรง ไม่รักคบคนหลงเมามัว
คิดมาน่าอายชายมุทะลุ แต่เขายุก็เชื่อว่าเมียชั่ว
นางเหล่านั้นทั้งรักทั้งกลัว ควรเปนเมียเปนผัวทั้งเจ็ดนาง
ที่จริงเล่าถึงเขาจะยุยง แม้นไม่หลงก็จะสงไสยบ้าง
นี่มืดมลกระไรไม่รุ่งราง ช่างเชื่อว่าลูกนางเปนท่อนไม้
แต่เด็กเด็กกระจิริดพินิจดู ก็จะรู้อยู่สิ้นว่าทำใส่
เมื่อเห็นเปนจริงแล้วก็แล้วไป แบกหน้ามาไยที่เพิงพล
ถ้าเปนใจอีแมวแล้วสู้ตาย ไม่อยากง้อขอกรายเมืองสิงหฬ
จะมอดม้วยด้วยโฉมนางเจ็ดคน กว่ากระดูกจะป่นเปนผลคลี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ แสนเอยแสนรู้ ทั้งขู่ทั้งเคียดทั้งเสียดสี
สิตัวจัดสารพัดจะรู้ที ปัญญามีเคล่าคล่องก็ตรองดู
ข้าทำชั่วไม่กลัวจะม้วยมิด กล้าเอาชีวิตรเข้ามาสู้
จนเปนไพร่อาไศรยนายประตู จะว่าชังโฉมตรูสุวิญชา
ฤๅจะว่ารักหากมีกรรม ก็เร่งรำพึงก่อนจึงค่อนว่า
ข้ารับแพ้เจ้าแล้วนางวิฬาร์ เจ้าว่าไปเถิดไม่เถียงเลย

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ น่าเอยน่าอดสู ช่างดีจริงนิ่งสู้ดูตาเฉย
ทรหดอดทนเปนคนเคย นิจจาเอ๋ยหลงใหลแล้วบ้ายพลอย
จะว่าไปก็เหนื่อยเมื่อยลูกคาง ถึงถากถางอย่างไรไม่ราถอย
จะกลับไปในวังนั่งคอย เยาะนายเล่นสักหน่อยหนึ่งเถิดรา
ขอกราบลาฝ่าเท้าท่านทั้งสี่ ซึ่งมีพระคุณแก่เจ้าข้า
แม้นชีวิตรยังไม่มรณา จะอุส่าห์แทนคุณท่านคนตรง
ทำเสแสร้งปากว่าตาค้อน แสนงอนแต่งจริตหยิบหย่ง
คืนเข้าในวังดังจำนง ไปปราสาทโฉมยงสุวิญชา

ฯ ๘ คำ ฯ ชุบ

ช้าปี่

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐคิดถึงโอรสา
ลืมพ่อเสียแล้วฤๅแก้วตา จนสิ้นแสงสนธยาไม่เยี่ยมดู
โอ้ว่าสุวิญชาผู้เพื่อนยาก พี่สู้แสนลำบากเข้ามาอยู่
อนาถนอนในทิมริมประตู ลำแพนขาดลาดปูกับเสื่อเตย
พี่เลี้ยงช่วยปัดจัดที่นอน ทอดท่อนไม้วางต่างเขนย
ผัวเอนลงมิใคร่จะได้เลย นิจาเอ๋ยเคยศุขมาทุกข์ทน
แม้นเจ้าตัดไมตรีพี่เสียแล้ว จะลาแก้วตาตายในสิงหฬ
แต่ตรึกตราอาวรณ์ร้อนรอน จนสุริยนเรื่อรางสว่างฟ้า

ฯ ๘ คำ ฯ ตระ

ลมพัดชายเขา

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์โอรสา
ครั้นฟื้นตื่นจากนิทรา เร่งถวิลจินดาถึงบิดร
จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองศรี ไม่ขึ้นเฝ้าชนนีเหมือนแต่ก่อน
เด็กเด็กโดยเสด็จบทจร ไปประตูพระนครทันใด

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ ครั้นถึงสมเด็จพระบิตุเรศ ก้มเกษบังคมประนมไหว้
แล้วว่าลูกไปเฝ้าท้าวไท ทูลขอโทษไภยพระบิตุรงค์
ไอยกากริ้วโกรธโกรธา ว่าจะฆ่าให้ม้วยเปนผุยผง
ชมสี่พี่เลี้ยงว่าซื่อตรง ขอองค์ชนนีรอดชีวา
พ่อตากริ้วกราดตวาดเสียง แต่ละคำสำเนียงดังฟ้าผ่า
ลูกกลัวตัวสั่นดังตีปลา โศกากลิ้งเกลือกเสือกไป
ไอยกามีจิตรคิดสงสาร จึงปลอบข้าว่าหลานอย่าร้องไห้
ให้บอกบิดาคลาไคล ไปเฝ้าท้าวไทไอยกา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐเชยชมโอรสา
จูบกอดลูกแก้วแล้วบัญชา ดวงตาของพ่อเพื่อนชีวิตร
เจ้าเมตตาบิดาค่อยผาศุก เสื่อมคลายวายทุกข์ออกไปหนิด
พ่อยังพรั่นแต่จะเข้าเฝ้าชิด จวนตัวกลัวฤทธิ์พระยายักษ์
ตรัสสั่งพี่เลี้ยงแล้วคลาไคล รีรอท้อใจหน่วงหนัก
ฉวยฉุดยุดกรพระลูกรัก กลัวนักหักใจจรลี

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงปราสาทราชวัง ถวิลหวังสุวิญชามารศรี
ดูไหนไม่เห็นนางเทวี ภูมีสร้อยเศร้าไปเฝ้าพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสรรค์
แน่นนั่งคั่งคับนับพัน แทรกเสียดเบียดกันมาคอยดู
ครั้นเห็นพระไชยเชฐเสด็จมา กัลยานบนอบแล้วหมอบอยู่
สกิดเพื่อนเตือนพิศพระโฉมตรู ต่างดูเห็นจริตผิดทำนอง
บ้างว่าแต่ก่อนร่อนชะไร ทรวดทรงดูไหนไม่บกพร่อง
ผิวเนื้อเรื่อเรืองเหลืองเปนทอง เดี๋ยวนี้หมองมัวคล้ำดำไป
บ้างว่าข้าเห็นไม่เปนศุข ฉุกละหุกทุกข์ตรอมผอมไผ่
พลัดพรากจากเมียเสียน้ำใจ พระจริตผิดไปทุกสิ่งอัน
บ้างว่าเธอทำชั่วกลัวพ่อตา ไม่แกล้งว่าเดินก้าวจนเท้าสั่น
ต่างคนต่างพูดกับเพื่อนกัน เสียงกระซิบสนั่นปราสาทไชย

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น สุวิญชาได้ยินยิ่งสงไสย
แซ่เสียงสาวสรรค์ด้วยอันใด จึงแย้มแกลแลไปมิได้ช้า
นางเห็นพระราชสามี จูงลูกจรลีมาตรงหน้า
ให้สงสารสมเพชเวทนา กัลยาโศกศัลย์ตันใจ
แล้วแอบบานบัญชรซ่อนภักตร์ นงลักษณ์บังคมประนมไหว้
พลางพินิจพิศดูพระภูวไนย ผิวภักตร์หมองไหม้โรยรา
โอ้ว่าอนิจาเจ้าประคุณ ยังการุญรักเมียอยู่หนักหนา
อุส่าห์สู้พยายามตามมา ทนทุกข์เวทนาถึงเพียงนี้
พระบิดากริ้วโกรธคาดโทษทัณฑ์ พ่อไม่กลัวชีวันจะเปนผี
เมื่อคิดมาก็น่าปรานี ครั้นคิดไปอิกทีก็สาใจ
เปนไรเล่าไม่เฝ้าอยู่เชยโฉม เจ็ดนางช่างประโลมพิศมัย
กับเรานี้ไม่มีอาไลย ทำได้ร้อยตลบทบทวน
คิดรักคิดแค้นแน่นอุรา กัลยาโศกสร้อยละห้อยหวน
หับบัญชรทอดถอนฤไทยครวญ กรรแสงศัลย์รัญจวนป่วนใจ

ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น วิฬาร์แอบม่านทองสองไข
แกล้งเยี่ยมยืนยื่นหน้าออกไป ทำใส่ไคล้พูดจาข้าคลางแคลง
ประหลาดใจเปนไรหนอหม่อมแม่ เยี่ยมแกลแปรผันแล้วกรรแสง
น่าใจหายจนสายพระเนตรแดง ฤๅผงแกล้งแสร้างปลิวมาเข้าตา
เที่ยวมองย่องยืนยื่นคอ อะไรหนอประหลาดนักหนา
โอ๋ยอ้อพ่อเจ้าท่อนไม้มา กระนี้ฤๅมิน่าร่ำไร
แล้วถามว่าโศกาด้วยคิดแค้น ฤๅร้องไห้ด้วยแสนพิศมัย
เมื่อกระนี้จะคิดประการใด ดวงใจแม่มาถึงธานี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สุวิญชาฟังว่าน่าบัดสี
นางเคืองขัดฉวยพัชนีตี วิฬารีหลบเลี่ยงเมียงมอง
นางทำปากหยิบหยิบกระซิบด่า นี่เนื้อว่าอีแมวมันจองหอง
เพราะว่าได้ถาดเงินถาดทอง ทำแก่ตัวหัวพองมาพูดจา
กูจะรักจะแค้นจะร้องไห้ ก็กลการอะไรมาสอดว่า
มึงนี้ดีแต่ขึ้นหลังคา กับลักกินปลาในครัวไฟ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วิฬาร์กล่าวแกล้งแถลงไข
ที่การลักผักปลาไม่พอใจ ขึ้นหลังคาของใครก็ไม่เปน
ข้าดีแต่คอยดูรู้เท่าคน ใครแต่งกลอย่างไรในจะเห็น
ยิ่งไม่บอกอีแมวแล้วซ่อนเร้น จะค้นด้นดูเล่นให้เห็นใจ
ตอบพลางวิ่งออกนอกชาลา ทำร้องว่าใครนั่นมาแต่ไหน
นี่อ่อหม่อมพ่อเจ้าท่อนไม้ มาธุระอะไรที่ในวัง
ข้าดูดูเมื่อแรกก็แปลกหน้า เห็นงดงามลงกว่าหนหลัง
อนิจาวิ่งมาแต่ลำพัง ละเมียไว้วังให้ว่างเชย

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐเมิดเมินเดินเฉย
ไม่ตอบวาจาวิฬาร์เลย มันเยาะเย้ยอดสูก็สู้ทน
ทำสงบเสงี่ยมเจียมตัว ด้วยกลัวอาญาท้าวสิงหฬ
หยุดหยุดยั้งยั้งระวังตน ปากบ่นภาวนาทุกหายใจ
ได้ยินท้าวดำรัสตรัสเสียงดัง ก็ตกใจลงนั่งบังคมไหว้
พระกุมารยุดกรบิดรไว้ นี่กราบใครกลางถนนหนทาง
ครั้นคิดมาได้ให้ย่อท้อ จึงว่าพ่อกลัวเหลือยิ่งเสือสาง
ยุดมือลูกไว้ไม่ละวาง ให้พี่เลี้ยงเคียงข้างจรลี

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวสิงหฬยักษี
สถิตย์เหนือแท่นรัตน์รูจี พรั่งพร้อมนารีกำนัลใน
คอยองค์หลานน้อยเสนหา จะชักนำบิดาเข้ามาไหว้
แกล้งส่งสุรเสียงสนั่นไป ภูวไนยทำตึงบึ้งภักตร์

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ เหวยเหวยกำนัลขันที ออกไปสั่งเสนีมีศักดิ์
ให้ตำรวจตรวจเตรียมจงพร้อมพรัก กูจะซักไซ้ถามความผัวเมีย

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐตกประหม่าหน้าเสีย
ความกลัวพ่อตาแข้งขาเพลีย ยืนเงี่ยหูฟังระวังไภย
แต่ขยับลับล่ออยู่ช้านาน ตัวสั่นสท้านเหงื่อกาฬไหล
เอาคุณพระเปนที่พึ่งดึงเข้าไว้ อกสั่นหวั่นไหวอยู่ทึกทัก

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬลุกสอึกขึ้นกึกกัก
ฉวยตระบองร้องเหวยอ้ายทรลักษณ์ กูจะหักคอกินให้สิ้นเนื้อ
เอออะไรไม่พอที่พอทาง มึงช่างชั่วชาติปลาดเหลือ
ไม่รู้เท่าผู้หญิงริงเรือ ซานซมงมเชื่อนางเมียงาม
ลูกกูสุวิญชานั้นไซ้ มันผิดชอบอะไรข้าขอถาม
จะให้ฆ่าให้แกงแกล้งใส่ความ หยาบหยามข่มเหงไม่เกรงเรา
ขับไล่ไสเสียว่าเมียชั่ว มุดหัวตามมาทำไมเล่า
ช่างกระไรทำได้ก็ทำเอา จองหองเปล่าเปล่าเจ้าพระยา
มึงเย่อหยิ่งหาญฮึกคึกขัน วิฬาร์มันบอกเล่ากูหนักหนา
ชะเจ้าคนดีมีฤทธา จะสู้กับพ่อตาก็มาซิ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐตัวสั่นสิ้นสติ
ก้มหน้าภาวนานั่งนิ่งมิ มิได้ปริปากทูลขอโทษทัณฑ์
เห็นขุนมารโกรธาเข้ามาใกล้ สดุ้งโดดโลดไปใจพรั่นพรั่น
จวนตัวกลัวพ่อตาจะฆ่าฟัน กอดลูกพัลวันไม่วางเลย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬตั้งกระทู้ขู่เขย
เปนไรนั่งก้มหน้านิ่งเฉยเมย ไม่เงยหน้าตาขึ้นว่ากัน
เร่งบอกออกมาอย่านิ่งอยู่ ข้อผิดลูกกูอย่างไรนั่น
ฤๅชั่วช้าจับได้ไล่ทัน ว่ากันเสียสิเองอย่าเกรงใจ
ทำเล่นแต่ตามอำเภอเจ้า เหมือนลูกเต้าพ่อแม่หามีไม่
เสียแรงเราออกปากฝากฝังไว้ จะโกรธขึ้งถึงกระไรก็นานนาน
อยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำ ฤๅมาทำเฉินฉุกสนุกจ้าน
จะใคร่ถองสองศอกให้ออกคลาน จะว่าขานอย่างไรก็ว่ามา

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐบังคมก้มหน้า
ความกลัวตัวเย็นเปนเหน็บชา จะรับผิดพ่อตาให้คร้ามใจ
เหงื่อไหลอาบหน้าเอาผ้าซับ แต่เวียนกราบเวียนกลับไม่นับได้
คอแห้งสำลักกระอักกระไอ แขงใจพิดทูลขอโทษทัณฑ์
ลูกเบาจิตรผิดนักผิดหนา อันที่ข้อโทษาถึงอาสัญ
จงโปรดเพียงตีด่าอย่าฆ่าฟัน ไม่คุมแค้นแม่นมั่นได้เปนพระ
ทูลพลางทางว่ากับตัวลูก ทูลหัวช่วยพ่อมั่งสิหนะ
นิ่งเสียได้ไม่เอาเปนธุระ เห็นพ่อจะบรรไลยในวันนี้

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์ก็หมองศรี
ทูลไอยกาพลางทางโศกี จงปรานีพ่อข้าอย่าขู่นัก
พรั่นตัวกลัวตาจะถองเล่น หัวอกเต้นทึกทึกตึกตัก
จะพิดทูลถ้อยคำละล่ำละลัก แต่ก้มภักตร์โศกาจนตาแดง
อันโทษทัณฑ์นั้นพ่อก็รับผิด ด้วยเคลิ้มจิตรเบาไปมิได้แจ้ง
อดโมโหหันหุนได้บุญแรง อย่าต่อนัดต่อแนงแกล้งด่าทอ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬผินผันกลั้นหัวร่อ
นั่งลงแล้วมีบัญชาล้อ ลูกพ่อคนนี้มันดีจริง
รับเปนดั้งน่าเข้ามาแก้ เฝ้าแต่สำออยอ้อยอิ่ง
อันพ่อของนัดดาตาชังชิง ชอบแต่ถองให้กลิ้งมันหยิ่งดี
เอออะไรไม่คิดถึงตัวตน ได้รอดอยู่เปนคนเพราะใครนี่
พ่อเจ้าเขาเลี้ยงฤๅชนนี ช่างไม่มีเจ็บแค้นแทนแม่เลย
ถ้าพี่เลี้ยงทั้งสี่มันมิช่วย ทั้งแม่ลูกก็จะม้วยเสียแล้วเหวย
จะส่งท่อนไม้มาให้ตาเชย ที่ไหนเลยจะได้จ้อขอพ่อไว้
ขอบใจพี่เลี้ยงหนักหนา บุญคุณมันหาที่สุดไม่
ว่าพลางทางผินภักตร์ไป ปราไสพี่เลี้ยงทั้งสี่คน
สุวิญชามายกความชอบเจ้า เองเห็นแก่ตาเถ้าสิงหฬ
ช่วยลูกเราไว้ไม่วายชนม์ บุญคุณเปนพ้นคณนา
กูตั้งใจจัดแจงเข้าของ จะสนองคุณเจ้าให้นักหนา
สมเปนผู้ใหญ่ไวปัญญา ไม่หลับหูหลับตาไปตามนาย

ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงพิดทูลขยับขยาย
ซึ่งทรงพระเมตตาข้ามากมาย พระคุณคล้ายชนกชนนี
อันพระไชยเชฐสุริวงศ์ ใช่จะไม่เกรงองค์ท้าวยักษี
ซึ่งได้เคืองบาทาฝ่าธุลี โทษผิดครั้งนี้เปนล้นพ้น
ราหูเข้าเสาร์แทรกชัณษา ประจวบเปนเวลาอกุศล
พระคลั่งคลุ้มกลุ้มจิตรด้วยฤทธิ์มนตร์ จึงงวยงงหลงกลอีคนเท็จ
ไม่ช้าพลันครั้นคิดขึ้นมาได้ ก็โศกาเพียงใจจะขาดเด็ด
สู้บุกป่าฝ่าดงลอดเล็ด เตร่เตร็ดมาตามนางเทวี
แม้นพระองค์มิทรงพระเมตตา ทั้งเจ้าข้าไม่คืนไปกรุงศรี
เห็นจะพากันตายวายชีวี ที่ผิดพลั้งครั้งนี้ได้โปรดปราน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬนิ่งนั่งฟังว่าขาน
ค่อยคลายหายเหือดเดือดดาล มิได้มีพจมานประการใด
ผินภักตร์ไปตรัสกับนัดดา อันโทษพ่อนั้นตาจะยกให้
แต่ตัดขาดกับมันจนบรรไลย จะกรวดน้ำเสียไม่ขอพบเลย
ถึงแผ่ทองหุ้มตัวมายับยับ ก็ไม่ปราถนานับว่าลูกเขย
อย่าไปมาหากันฉันคุ้นเคย ใครเกินเลยเถิดนะไม่ละกัน
นัดดาจะรักอยู่ข้างไหน จงว่าแต่จริงใจอย่าเดียดฉัน
จะอยู่ด้วยชนนีของเจ้านั้น ฤๅจะไปเหมันต์กับบิดา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์ได้ฟังว่า
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา ซึ่งโปรดมาข้ายังไม่ชอบใจ
ที่จริงจิตรรักตานั้นเหลือแหล่ รักพ่อรักแม่เท่าพ้อมใหญ่
จะไปกับบิดาก็อาไลย ด้วยรักใคร่ไอยกากับมารดร
แต่ที่จริงในจิตรข้าคิดนั้น จะใคร่ให้ดีกันเหมือนแต่ก่อน
แม้นสมดังปราถนาว่าวอน จะสิ้นทุกข์สิ้นร้อนสำราญใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
แกล้งตรัสว่าน่าตีนี่กระไร ช่างแก้ไขพูดเลียบเปรียบเปรย
เจ้าจะให้ข้านี้ดีด้วยพ่อ เช่นนี้พอรู้เท่าเจ้าดอกเหวย
อันความแค้นของตาอย่าว่าเลย ไม่เลี้ยงเปนลูกเขยคุ้งบรรไลย
แต่ข้างนางแม่ของเจ้านี้ จะดีด้วยพ่อเข้าหอใหม่
ฤๅจะมิดีก็ตามใจ กำนัลในไปหามาบัดนี้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางกำนัลรับสั่งใส่เกษี
ถวายบังคมคัลอัญชลี ไปปราสาทเทวีสุวิญชา

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงจึงทูลนางโฉมยง ว่าพระบิตุรงค์ให้หา
เชิญเสด็จรีบไปอย่าได้ช้า แล้วแจ้งกิจจาสารพัน

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น สุวิญชาร้อนจิตรคิดพรั่น
ซักไซ้ไต่ถามนางกำนัล ครั้นแจ้งความสำคัญก็คลายใจ
มาสระสรงทรงเครื่องสุคนธา นุ่งผ้ายกแย่งระกำไหม
ห่มริ้วทองระยับซับใน แล้วทรามไวยเสด็จจรจรัล

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงมณเฑียรท้าวยักษี เห็นพระสามีมอบอยู่นั่น
ดูผิดรูปซูบผอมลงไปครัน สารพัดผิวพรรณก็หมองมัว
ชรอยพระคิดถึงน้องรัก จึงโศกนักนึกน่าสงสารผัว
ครั้นเห็นพ่อแลดูก็นึกกลัว ทำแก้ตัวคมค้อนให้สามี
คลานเข้าไปวันทาพระยายักษ์ แล้วนงลักษณ์ไหว้พี่เลี้ยงทั้งสี่
มิได้พูดจาพาที เทวีนั่งก้มภักตรา

ฯ ๖ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวสิงหฬยักษา
แกล้งชำเลืองแลดูสุวิญชา เห็นท่วงทีกิริยามึนตึง
จะโกรธผัวจริงจังกระมังหนอ ฤๅกลัวพ่อจะว่าทำหน้าบึ้ง
ลูกเราความคิดติดฦกซึ้ง ไม่รู้ถึงเล่ห์กลเปนจนใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึงว่าแน่แม่เจ้านารายน์ธิเบศร์ ไชยเชฐผัวเจ้าเขาคิดได้
มางอนง้อขอดีด้วยทรามไวย เจ้าจะว่าอย่างไรนะลูกรัก
ถึงจะดีกันไซ้พ่อไม่ห้าม จะมิดีก็ตามไม่หาญหัก
เมื่อครั้งก่อนพ่อคิดผิดนัก ไม่หน่วงหนักให้ไปเพราะใจเบา
ประเดี๋ยวนี้เขามาหาสู่ ก็เปนต้นยนตร์อยู่ที่ลูกเจ้า
ไปพูดจาสำมเลเทเมา แล้วพาเขาเข้ามาว่าวิงวอน
พ่อจึงให้หาเจ้าเพราะเท่านี้ เทวีชั่งจิตรคิดดูก่อน
เขาก็ได้มาของ้องอน จะผันผ่อนอย่างไรก็ตามที

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สุวิญชาสเทินเมินหน้าหนี
ในจิตรคิดรักพระสามี ครั้นจะดีง่ายง่ายก็อายใจ
จึงทูลสนองพระบัญชา อันความแค้นของข้าเลือดตาไหล
เขาว่าลูกเต้าเปนท่อนไม้ ขับไล่ไสหัวเสียจากเมือง
ได้อับอายขายภักตร์หนักหนา ไพร่ฟ้าระบือฦๅเลื่อง
ท่านเชื่อเมียสารพัดเฝ้าขัดเคือง จะรื้อเรื่องร่ำไปทำไมมี
ว่าพลางทางเรียกลูกชาย เจ้านารายน์ธิเบศร์มาเสียนี่
เอออะไรด้านหน้าทั้งตาปี จะใคร่ตีให้ยับลงกับมือ
ช่างโง่งมซมซานหาญฮึก ยังจะรู้สึกนึกบ้างแล้วฤๅ
ให้เรียกร้องสองรื้อสามรื้อ ดูเถิดดื้อนี่กระไรยังไม่มา

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์โอรสา
นิ่งเสียมิได้ไคลคลา วันทาแล้วทูลไปทันที
ลูกแขงขัดพจมานประทานโทษ พระแม่จงโปรดเกษี
จะขอทูลความทุกข์ของลูกนี้ ถึงจะทุบจะตีจะสู้ทน
อกใครจะเหมือนอกข้า ได้อับอายไพร่ฟ้าทุกแห่งหน
กำเนิดเกิดมาไม่เทียมคน เพราะพ่อแม่หมองหม่นน้ำใจกัน
อันบิดาผิดพลั้งแต่ครั้งก่อน อุส่าห์มาง้องอนได้ผ่อนผัน
ถ้าทีหลังยังมุดุดัน จะให้ตาตีรันไม่ฉันทา
จงงดโทษพระพ่อเสียสักหน ให้ทานบาดคาดบนไว้หนักหนา
เหมือนเมตตาปรานีแก่ลูกยา ดีด้วยบิดาเถิดมารดร
เฝ้าพิรี้พิไรไม่เขินขวย พระไชยเชฐช่วยกระซิบสอน
ทูลพลางทางแกล้งกรรแสงวอน สอื้นอ้อนร่ำไรไปมา

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางโฉมยงสงสารโอรสา
แต่มานะสัตรีมีมารยา ทำโมโหโกรธาแล้วว่าไป
สู่รู้ดูดู๋เสียแรงเลี้ยง มาบ่ายเบี่ยงพาทีเช่นนี้ได้
ไม่รำพึงถึงตัวเปนท่อนไม้ เขาสิรักใคร่เจ้าอยู่นัก
แค้นใจใครหนอช่างชักพา จึงด้านหน้าด้านตาไปรู้จัก
แค่นเชื่อลิ้นลมไปสมรัก ทำฮึกฮักพูดจามันน่าตี
อันคนโฉดเช่นนี้แล้วลูกเอ๋ย อย่าว่าเลยถึงตายไม่ดูผี
อิกร้อยชาติก็ไม่ปราถนาดี อย่าเซ้าซี้กวนใจมิใช่การ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายน์ธิเบศร์จึงว่าขาน
แม้นพระชนนีมิโปรดปราน ลูกจะม้วยชนมานเสียมั่นคง
ไม่ควรจะหยิบยกเอาขึ้นว่า ด้วยพ่อข้าเคลิ้มไปจนใหลหลง
ความรักน้อยฤๅเพราะซื่อตรง สู้บุกป่าฝ่าดงมาติดตาม
ถึงพ่อผิดคิดมั่งฟังลูกเถิด อย่าประเจิดเชิดชื่อให้คนหยาม
ไม่สงสารลูกเต้าเฝ้าถือความ จะขอลาตายตามพระพ่อไป
ทูลพลางทางทรงโศกา พระเจ้าตากระไรเลยช่างเฉยได้
เอนดูด้วยช่วยว่าบ้างเปนไร พลางกรรแสงไห้วิงวอน

ฯ ๘ คำ ฯ โอด เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬมิรู้ที่จะผันผ่อน
เห็นหลานน้อยสร้อยเศร้าเฝ้าทุกข์ร้อน พระทอดถอนใจใหญ่ไปมา
จึงว่านารายน์ธิเบศร์เอ๋ย อย่าร้องไห้ไปเลยฟังตาว่า
เมื่อแม่เจ้าเขาไม่เมตตา มันก็สุดปัญญาอยู่แล้วละ
เจ้ารักพ่อตามแต่จะแก้ไข อ้อนวอนกันไปเถิดสิหนะ
ที่โทษทัณฑ์นั้นตาก็ลดละ จะให้รับธุระเห็นสุดรู้
คำบุราณหลานยังหารู้ไม่ จะดับไฟหัวลมนั้นยากอยู่
ทีนี้ใครอย่ามากวนกู จะนั่งดูเล่นตามสบายใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐทุกข์ทนหม่นไหม้
เห็นพ่อตาว่าเชือนแชไป เมียก็ตัดอาไลยสิ้นรัก
ครั้นจะพูดเล้าโลมนางโฉมยง ก็เกรงพระบิตุรงค์ทรงศักดิ์
แต่นั่งทอดถอนใจใหญ่ฮัก ชลเนตรนองภักตร์พระภูมี
เฝ้ากระซิบสอนลูกให้ปลอบแม่ พลางแลดูเมียเห็นเบือนหนี
พระสิ้นสติสมประดี ก็ซบภักตร์โศกีเพียงขาดใจ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นวลนางสุวิญชาศรีใส
เห็นองค์ภัศดาโศกาไลย ยิ่งเศร้าใจสงสารพระผ่านฟ้า
ในอกอัดอั้นสู้กลั้นกลืน แขงขืนอารมณ์ก้มหน้า
ชลเนตรคลอคลองไนยนา ทำเปนผงเข้าตาไม่พาที
สุดที่จะกลั้นรัญจวนจิตร ทำม้วนมิดปิดป้องที่หมองศรี
จึงวันทาลาองค์อสุรี ไปปราสาทมณีมิได้ช้า

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวสิงหฬยักษา
ตรองตรึกนึกในไปมา จะล้างอายขายหน้าให้เปนธรรม์
จำจะทำโกรธขึ้งขึงไว้ ดูใจไชยเชฐเขยขวัญ
จะมานะกลับคืนไปเหมันต์ ฤๅจะอยู่รำพรรณพิไรวอน
ท้าวแสร้างเมินเสียไม่ดูหน้า ทำปึ่งชาเฉยนิ่งพิงหมอน
เฝ้าแต่ชำเลืองเคืองค้อน แล้วบทจรเข้าที่บรรธมใน

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

โอ้

๏ เมื่อนั้น พระไชยเชฐเศร้าสร้อยละห้อยไห้
ลูบหลังลูกยาแล้วว่าไป เห็นพ่อจะบรรไลยนี้ไม่แคล้ว
เมื่อองค์พระไอยกาไม่ปรานี จะทำอย่างไรดีนะลูกแก้ว
แม่เจ้าเขาก็ตัดพ่อขาดแล้ว ไหนจะแคล้วมอดม้วยด้วยความรัก
ก็จะสู้มรณาไม่ว่าเล่น ให้มารดาเจ้าเห็นใจประจักษ์
ชาติน่าบุญมาช่วยนำชัก ขอให้ได้พบภักตร์ร่วมรักกัน
จงบอกแม่ว่าพ่อนี้ขอลา ตายไปคอยท่าอยู่เมืองสวรรค์
ลูกเอ๋ยเปนกรรมมาตามทัน จอมขวัญจำหน้าบิดาไว้
ตรัสพลางทางทรงโศกี ปิ้มประหนึ่งชีวีจะตักไษย
ไม่ทันสั่งพี่เลี้ยงร่วมใจ ภูวไนยสลบลงทันที

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระกุมารตกใจร้องไห้มี่
พระพี่เลี้ยงเพียงจะวายชีวี นวดฟั้นคั้นตีทั่วกายา
พระโอรสวิ่งพลางร้องไห้พลาง พี่นางอยู่งานวานช่วยข้า
เร็วเร็วเร่งทูลพระเจ้าตา บัดนี้บิดาข้าวายปราณ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสิงหฬได้ฟังสำเนียงหลาน
ลุกจากแท่นที่ตะลีตลาน วิ่งสดุดเครื่องอานออกมาพลัน
เห็นลูกเขยซอนซบสลบไสล ก็ตกใจเรียกหมอปากคอสั่น
ไปหาลูกกูอีกำนัล พลางเข้านวดฟั้นสั่นเนื้อตัว

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น สุวิญชาแจ้งเหตุสังเวชผัว
วิ่งวางตัวสั่นอยู่รัวรัว ตีอกชกหัวร้องไห้พลาง
ถึงปราสาทบิดาเห็นสามี ไม่ไหวติงอินทรีย์เหมือนผีสาง
ลืมองค์ลืมอายกำนัลนาง เข้านั่งหนุนปฤษฎางค์ภัศดา
แล้วเอาสุคนธ์โซมชโลมให้ นางร่ำไรเรียกร้องเปนหนักหนา
สิ้นอายสิ้นกลัวพระอาญา ออกปากว่าข้าจะดีด้วยแล้ว

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระไชยเชฐผ่องแผ้ว
ค่อยฟื้นองค์ลืมเนตรขึ้นแววแวว เห็นลูกแก้วกับเมียนั่งโศกี
พระขืนแขงฤไทยดำรงองค์ กราบลงแทบบาทท้าวยักษี
สุวิญชานึกอายพระสามี ลุกหนีมานั่งหลังบิดา

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ