จดหมายหลวงอุดมสมบัติ ฉบับที่ ๘

๏ ข้าพเจ้าหลวงอุดมสมบัติ จดหมายมายังหลวงทิพอักษรเสมียนตรา ได้นำขึ้นกราบเรียนแต่ท้าวพระกรุณาเจ้าให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าได้จดหมายฝากออกมากับจมื่นอินทรเสนา ณ วันเดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำครั้ง ๑ รองศุภมาตราเพชรบุรี ณ วันเดือน ๕ ขึ้น ๘ ค่ำครั้ง ๑ ขุนฤทธิรณไกร ณ วันเดือน ๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำครั้ง ๑ หมื่นจงสรสิทธิ ขุนพิทักษ์สงคราม ณ วันเดือน ๖ ขึ้น ๑๓ ค่ำครั้ง ๑ หมื่นนิกรญวน ณ วันเดือน ๖ แรม ๗ ค่ำครั้ง ๑ นายโตนายหมวดกองญวน ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๒ ค่ำครั้ง ๑ เข้ากัน ๖ ครั้ง แจ้งอยู่แต่ก่อนนั้นแล้ว ๚

๏ ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๓ ค่ำขึ้น ๔ ค่ำขึ้น ๕ ค่ำ หาได้ทรงพระราชดำริราชการเมืองไทรเมืองกลันตันไม่ แต่ ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ เพลายํ่ารุ่งนั้น กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ประชวรพระโรคเหมือนพระองค์ลักขณา[๑] ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๕ ค่ำ เพลาบ่าย ๔ โมงก็นิพพาน ๚

๏ ครั้น ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำ เพลาค่ำ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ท้าวพระกรุณามีหนังสือบอกให้สารวัดญวนเมืองจันทบุรีถือเข้าไปว่า พระยากลันตันมีหนังสือให้เจ๊ะยาปา เจ๊ะสเลหมัน ถือไปถึงเจ้าพระยานครฯ เจ๊ะยาปา เจ๊ะสเลหมัน มาแวะเข้าที่ปากน้ำเมืองสงขลา ท้าวพระกรุณาทราบความเข้า ให้เอาตัวเจ๊ะยาปา เจ๊ะสเลหมัน ขึ้นมาถามได้ความว่า พระยากลันตันมีหนังสือให้ไปขอกองทัพเจ้าพระยานครฯ หกพัน ให้ยกไปช่วยในเดือน ๖ ให้ทัน ว่าซึ่งเจ้าพระยานครฯ มีหนังสือให้เจ๊ะนุด นายสังข์ ไปห้ามปรามแต่ก่อนนั้น ตนกูปสาหาฟังไม่ ตนกูปสาว่า อย่าว่าแต่มีหนังสือเขียนมาด้วยน้ำหมึกมาห้ามปรามเลย ถึงจะเขียนด้วยน้ำทองมาห้ามก็ไม่ฟัง กับว่าพระยากลันตัน ตนกูปสา มีหนังสือมาถึงพระยาสายคนละฉบับ ใจความในหนังสือพระยากลันตันนั้นว่า ตนกูปสา พระยาบาโงย คิดจะให้หวันตุงาบุตรพระยาบาโงยยกไปทางระแงะ ไปตีวกหลังพระยากลันตัน ว่าขอให้พระยาสายช่วยขัดขวางไว้ แต่หนังสือตนกูปสานั้น ว่ากล่าวมาเหมือนกับหนังสือเดิมที่ให้เข้ามา ณ กรุงฯ จึงทรงตรัสถามว่า คนข้างตนกูปสามันมีเท่าไร จึงให้มาขอกองทัพเจ้าพระยานครฯ หกพัน เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า คนข้างตนกูปสา พระยาบาโงย นั้นมีเก้าพัน ทรงตรัสว่า จะเอาคนมาแต่ไหนนักหนา มันว่าเห็นมากนัก จะมีอยู่ทั้งพวกตนกูปสาหมดด้วยกันก็ราวสักสี่พันห้าพันเท่านั้น เป็นกระไร มันขึ้นมา กำปั่นหลวงสรเสนีไปถึงแล้วหรือยัง มันรู้บ้างหรือไม่ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า เงียบอยู่ หาได้ยินว่าลงไปถึงไม่ ทรงตรัสว่า เห็นจะลงไปยังไม่ถึง เมื่อมันขึ้นมานั้นมาพบกำปั่นที่ไหนบ้างหรือไม่ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ไม่พบหามิได้ ทรงตรัสถามว่า ก็คิดจัดแจงกันอย่างไร เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ท้าวพระกรุณาจะคอยฟังความหลวงสรเสนีกลับขึ้นมาก่อน ทรงตรัสว่า จะทรงคิดสั่งเสียบัญชาการออกมาแต่กรุงฯ เล่า ทางก็ไกลหาทันไม่ บอกเข้าไปก็แต่พอได้ทรงฟังเล่นสบาย ๆ เท่านั้นเอง แล้วรับสั่งว่า เอาหนังสือบอกมาอ่านไปเถิด ครั้นหลวงสุรินทามาตย์อ่านขึ้นว่า ข้าพระพุทธเจ้า พระยาศรีพิพัฒน์บอกมา ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทราบใต้ฝ่าละอองฯ นั้น ทรงตรัสถามว่า เจ้าพระยายมราชยังไม่ออกมาถึงดอกหรือ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ยังไม่ถึงหามิได้ ทรงตรัสถามว่า มันเข้าไปพบปะอยู่ที่ไหนบ้างหรือไม่ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า เมื่อสารวัดไปจากปากน้ำสงขลา พบเรือกองทัพใช้ใบมาจวนจะถึงปากน้ำเมืองสงขลา เมื่อวันเดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ ๘ ลำ ว่าเห็นเป็นสำเภาอยู่ลำ ๑ ทรงตรัสว่า เห็นเป็นสำเภาอยู่ลำ ๑ ก็เป็นเรือเจ้าพระยายมราช ปานนี้ก็เห็นจะถึงเสียหลายวันแล้ว เป็นกระไร มันพบเรือต่อเข้าไปที่ไหนบ้างอีกหรือไม่ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า พบที่ปราณอีกลำ ๑ เป็นเรือหมื่นจงสรสิทธิที่ถือหนังสือออกมาแต่กรุงฯ ทรงตรัสถามว่า จำนวนเรือกองทัพที่ยังไม่ถึงอยู่สักกี่ลำ พระนรินทร์กราบทูลว่า ยังอยู่ ๓๑ ลำ ทรงตรัสว่า ไปอยู่ที่ไหนจึงไม่ใคร่ไปถึงเข้าได้เลย แล้วรับสั่งว่าอ่านต่อไปเถิด ครั้นอ่านไปถึงที่ข้อว่า หลวงวิจารณ์เดินบกมาถึง ทรงตรัสว่า นอกรีตจะเดินบกเปล่า ๆ ผู้คนจะยับเยินเสียหมด จะมาเรือไม่ได้หรืออย่างไร เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า เรือยืมนั้นผุไป เอาเกยขึ้นจัดแจงทำอยู่ ให้ขุนศรีสังหารคอยคุมเรือมาข้างหลัง แล้วอ่านหนังสือบอกถวายต่อไป ครั้นอ่านจบแล้ว ทรงตรัสว่า เปล่าทีเดียว จะคิดจัดแจงให้ลงไปทำเป็นขู่เข็ญไว้พอให้ร้อน ๆ บ้างก็ไม่มี คิดการช้าไปเสียหมดแล้ว กว่าจะจัดแจงให้ลงไปจะไปทันการที่ไหน เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า เมื่อสารวัดเข้าไปนั้น ท้าวพระกรุณาจัดแจงจะให้พระยาสายยกลงไปเมืองสายก่อน ให้คิดระวังการข้างเมืองกลันตัน แลชำระครอบครัวที่เข้าด้วยกับพวกขบถเมืองไทร แล้วจะให้พระยาเพชรบุรียกตามลงไป ทรงตรัสว่า ถ้าคิดจัดแจงให้ลงไปทันการขู่ ๆ ไว้ได้ ก็จะร้อนตัวกลัวลงบ้าง จะหาอาจมารบสู้กับกองทัพกรุงฯ ไม่ แล้วทรงตรัสถามว่า เจ๊ะยาปา เจ๊ะสเลหมัน ได้ออกจากสงขลาไปเมืองนครฯ เมื่อไร เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ได้ไปก่อนหน้าสารวัดเข้าไป ๕ วัน ทรงตรัสว่า การเมืองกลันตันไม่พอที่จะเป็นเลย เพราะเจ้าพระยานครฯ ทีเดียว แล้วทรงตรัสว่า เอาอะไรเข้ามาจ้องทำท่าทางอยู่ จะอ่านอะไร เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า คำให้การกับคำซัก รับสั่งว่า เอามาอ่านไปเถิด ครั้นอ่านไปถึงที่ข้อว่า พระยากลันตันมีปืนใหญ่น้อยมีดินดำนั้น ทรงตรัสว่า มีปืนใหญ่น้อยดินดำก็มากอยู่ถึงเท่านั้น มันจะมาทำไมได้ เห็นจะยังหาทำเอาเมืองกลันตันยับเยินได้เร็ว ๆ ไม่ แล้วทรงตรัสถามว่า คนข้างพระยากลันตันมีอยู่เท่าไร เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า มีอยู่ห้าพัน ทรงตรัสว่า พระยากลันตันจะได้คนก็แต่คนอยู่ในบ้านเมืองนั้นเองจึงมีน้อย ข้างตนกูปสา พระยาบาโงย มีมากนั้น ก็เห็นจะได้คนที่นอกเมือง บรรดาที่อยู่นอกเมืองแล้ว มันก็คงกวาดเอามาเป็นพวกหมดนั่นแหละ แล้วทรงตรัสกับเจ้าคุณหาบนว่า ไหน ๆ ก็เป็นแม่ทัพออกมาแล้ว จะถือว่าจะมาจัดแจงแต่การเมืองไทร การเมืองกลันตัน จะรอฟังกระแสพระราชดำริก่อนนั้น ทางก็ไกลจะทันหรือ การอย่างนี้ก็อยู่ในแม่ทัพสิ้น อย่างไร ๆ ก็สุดแต่คิดผ่อนปรนจัดแจงไปให้ทันท่วงทีก่อนจึงจะชอบ ครั้นอ่านคำให้การคำซักถวายจบแล้ว ทรงตรัสว่า ไม่พอที่พอทางเอาเลย น้อยพระทัยเจ้าพระยานครฯ นักหนา เพราะปล่อยอ้ายพระยาบาโงยไปทีเดียว การจึงเป็นมากมายไปได้ จึงรับสั่งสั่งเจ้าคุณหาบนว่า มีหนังสือตอบออกมาให้มีหนังสือไปถึงเจ้าพระยานครฯ ว่า จะมาบอกป่วยเจ็บอยู่นั้นไม่ได้ ให้มาช่วยคิดราชการให้จงได้ การเมืองกลันตันเป็นของเจ้าพระยานครฯ อยู่ การจะควรประการใดก็สุดแต่พระยาศรีพิพัฒน์ เจ้าพระยานครฯ จะคิดอ่านเถิด สุดแต่อย่าให้เมืองกลันตันหลุดลอยไปอื่นได้ แลซึ่งจะมีหนังสือว่ากล่าวบัญชาการออกมาให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เล่าทางก็ไกล จะออกมาทันการได้ที่ไหน จะได้ก็แต่มีหนังสือว่ามาอย่างนี้นี่แหละ ถ้าโดยว่าคิดจัดแจงไปไม่ทัน ข้างตนกูปสา พระยาบาโงย ทำเอาพระยากลันตันยับเยินแพ้ไป ได้เมืองกลันตันแล้ว พระยาบาโงยก็จะกำเริบตั้งตัวเป็นเจ้าเมืองคิดหาที่พึ่งอื่น การเป็นไปอย่างนี้แล้ว ก็ยกกองทัพใหญ่ออกไปปราบปรามทำเอาเสียให้ราบคาบทีเดียว ถ้าเห็นว่าใครควรจะจัดแจงตั้งให้รักษาเมืองกลันตันได้ ก็ให้บอกเข้าไปให้ทรงทราบ สุดแต่คิดอย่าให้เมืองกลันตันหลุดลอยไปอื่นได้นั้นเถิด ว่ากระไรเจ้าพระยาพระคลัง การเป็นมากมายจนถึงอย่างนี้แล้ว จะคิดยกกองทัพใหญ่ลงไปทำเอาไม่ได้ทีเดียวหรือ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ยกลงไปทำได้ถึงการจะมากมายอย่างไร ยกคนข้างเมืองนครฯ เสีย คิดเอาแต่คนเมืองสงขลา คนข้าง ๙ หัวเมือง กับทัพกรุงฯ ยกลงไปก็พอทำ ทรงตรัสว่า กระนั้นสิ คนข้างนครฯ อย่าคิดเอาเขาเลย กะให้เขาอยู่ประจำหน้าที่รักษาข้างการเมืองไทรเถิด ถ้ามีการขึ้นอีกอย่างไร ก็ให้เขาคอยอยู่สู้รบรับการข้างหน้าที่เมืองไทรทีเดียว คิดว่ากล่าวหารือออกไปดู ถ้าเห็นว่าผู้คนเท่านั้นจะยกลงไปทำเมืองกลันตันไม่พอหรืออย่างไร ถ้าไม่พอแล้วก็บอกเข้าไป จะได้จัดแจงกองทัพเพิ่มเติมออกมาให้พอ แล้วทรงตรัสเล่าความเมืองกลันตันให้พระยาราชสุภาวดีฟังว่า การเมืองกลันตันครั้งนี้ เพราะทรงเชื่อเจ้าพระยานครฯ ทีเดียว เจ้าพระยานครฯ ว่าไม่เป็นไร ๆ รับเอาตัวพระยาบาโงยไปแล้วปล่อยให้หนีไป การจึงเป็นอย่างนี้ไปได้ เป็นกระไรพระยาราชสุภาวดี รู้ความแล้วหรือ พระยาราชสุภาวดีกราบทูลว่า พึ่งทราบเพลาวันนี้ รับสั่งว่า ยังไม่รู้ก็ดูไถ่ถามเสียให้รู้บ้าง แลเพลาค่ำวันนั้น อ่านหนังสือบอกกับคำให้การคำซักถวายจบลงก็พอเพลา ๒ ยาม ทรงตรัสไปจนเพลา ๗ ทุ่มเศษจึงเสด็จขึ้น หาได้อ่านต้นหนังสือพระยากลันตัน แลหนังสือตนกูปสา ซึ่งมีไปถึงพระยาสายนั้นถวายไม่ ๚

๏ ครั้น ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๗ ค่ำ เพลาค่ำ เจ้าคุณหาบนกราบทูลถวายร่างหนังสือซึ่งจะตอบ ให้สารวัดถือออกมา ทรงตรัสว่า ทำแล้วเร็วนักหนา เอามาว่าไปเถิด ครั้นอ่านร่างหนังสือถวายจบลง ทรงตรัสว่าเออ ดีแล้ว เอาเถิด แต่ก่อนก็ได้มีหนังสือให้หมื่นนิกรญวนจันทบุรีถือออกมาครั้ง ๑ ให้นายโตนายหมวดกองญวนถือออกมาครั้ง ๑ ความก็แจ้งอยู่แต่ก่อนบ้างแล้ว จะว่ากล่าวทรงบัญชาการจัดแจงออกมาอย่างไรก็ไม่ได้ จะได้ก็แต่มีหนังสือว่ากล่าวออกมาอย่างนี้นี่แหละ เอาหนังสือส่งให้รีบออกมาโดยเร็วเถิด แล้วทรงตรัสถามว่า จะให้ใครถือหนังสือออกมา เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า จะให้สารวัดญวนจันทบุรีที่เข้าไป ถือหนังสือกลับออกมา ทรงตรัสว่าเออ เอาส่งให้มันเร่งออกมาเถิด ดูขอเงินให้มันไปซื้อเสบียงกินด้วย มันจะได้มีใจเร่งออกมาถึงเสียเร็ว ๆ แล้วทรงตรัสถามว่า พวกกองญวนซึ่งให้ออกมาเมื่อวานซืนนี้ มันได้ออกมาเมื่อไร เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า เดิมจะให้ออกมา ณ วันเดือน ๗ ขึ้นค่ำ ๑ ก็ช้าอยู่ด้วยขุนฤทธิรณไกรเอายาฝิ่นเข้าไป ได้ให้แต่นายหมวดออกเรือมาจากกรุงฯ ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๒ ค่ำ ขุนฤทธิรณไกรนั้น เอาตัวไว้รับพระราชทานไล่เลียงต่อไปแล้ว ก็ว่าไม่มีฝิ่นอีกหามิได้ มีแต่ ๗ ก้อนเท่านั้น คิดด้วยเกล้าฯ จะรับพระราชทานให้ออกมากับเรือสารวัดด้วยคราวนี้ ทรงตรัสว่าเออ ให้มันออกมาเถิด จะไปเอาโทษเอาทัณฑ์อะไรกับมันเล่า จะถามเอาแต่ฝิ่นเสียให้หมดเท่านั้น เมื่อมันว่าไม่มีจริงแล้วก็ส่งให้มันกลับออกมาจะได้ใช้สอย การข้างหน้ายังมีมากอยู่ แล้วทรงตรัสถามว่า ก็เรืออ้ายสารวัดเข้าไปนี้ไล่เลียงถามมันแล้วหรือ มันเอาฝิ่นเข้าไปบ้างหรือไม่ เจ้าคุณหาบนกราบทูลว่า ไล่เลียงถามดูแล้ว ว่าไม่มีเข้าไปหามิได้ รับสั่งว่า ดูจัดแจงให้มันเร่งออกมาเร็วๆ เถิด ปานนี้ยังจะคอยฟังการอยู่นั่นแหละ ราชการข้างเมืองกลันตันนั้น กระแสพระราชดำริโปรดประการใด ก็แจ้งมาในหนังสือตอบทุกประการแล้ว ๚

๏ แลราชการซึ่งโปรดให้ท้าวพระกรุณาเจ้ายกทัพใหญ่ออกมาปราบปรามฝ่ายหัวเมืองปากใต้ครั้งนี้ ข้าพเจ้ารับพระราชทานฟังดู ถ้ามีราชการข้างปากใต้ขึ้นครั้งใด กระแสพระราชดำริก็โปรดรวมราชการมากขึ้นทุกครั้ง หวังพระทัยอยู่ในนี้ทั้งสิ้น ทรงตรัสว่า ไหน ๆ ก็เป็นแม่ทัพใหญ่ออกมาแล้ว ราชการจะมีขึ้นแห่งใดมากน้อยประการใด ก็สุดแต่คิดจัดแจงไปให้รอบคอบผ่อนปรนทำให้ชอบราชการสำเร็จทันท่วงทีได้นั้นเถิด แลซึ่งท้าวพระกรุณาบอกให้ขุนฤทธิรณไกร สารวัดญวนเมืองจันทบุรีถือเข้าไป ด้วยราชการเมืองกลันตัน ๒ ครั้งนั้น หาสู้ได้ทรงพระสรวลตรัสไม่ ทรงตรัสทบทวนถึงแต่เจ้าพระยานครฯ หลายครั้ง ทรงพระวิตกไปด้วยเมืองกลันตันว่า การจะเป็นมากมายไปเสียแล้ว ถ้าท้าวพระกรุณาคิดจัดแจงลงไปทันทำเอาเรียบร้อยเสียได้แล้ว จะสิ้นทรงพระวิตกสบายพระทัยลงทีเดียว ๚

๏ ครั้น ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ ขึ้น ๙ ค่ำ หาได้ทรงพระราชดำริราชการเมืองไทรเมืองกลันตันไม่ ๚

๏ แลกระแสพระราชดำริซึ่งข้าพเจ้าจดหมายออกมานี้ ข้าพเจ้าได้จดหมายฝากออกมา เข้ากันเก่าใหม่ ๗ ครั้ง ข้อความจะขาดผิดเพี้ยนควรมิควรประการใด รับพระราชทานพระเดชพระคุณแล้วแต่จะโปรด จดหมายมา ณ วัน ๔ เดือน ๗ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุนเอกศก (จุลศักราช ๑๒๐๑ พ.ศ. ๒๓๘๒) ๚



[๑] พระองค์เจ้าชายลักขณานุคุณ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๓

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ