- คำนำ อธิบดีกรมศิลปากร
- นิทานเรื่องพระศรีเมือง
- นิทานเรื่องพระศรีเมืองต่อจากบทละคอน
- ตอนที่ ๑ พระศรีเมืองเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ หงส์อาสาหาคู่ให้พระศรีเมือง
- ตอนที่ ๓ พระศรีเมืองเข้าเมืองยโสธร
- ตอนที่ ๔ พระศรีเมืองได้นางสุวรรณเกสร
- ตอนที่ ๕ ท้าวพินทุทัตให้ธิดาเสี่ยงคู่
- ตอนที่ ๖ อภิเษกพระศรีเมือง
- ตอนที่ ๗ ท้าวโขมพัสตร์ให้ไปรับพระศรีเมือง
- ตอนที่ ๘ พระศรีเมืองชมสวน
- ตอนที่ ๙ พระศรีเมืองทูลลาท้าวพินทุทัต
- ตอนที่ ๑๐ พระศรีเมืองรบกับพระยาจันทร
ตอนที่ ๔ พระศรีเมืองได้นางสุวรรณเกสร
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงนางสุวรรณเกสรเสนหา |
เมื่อวันพระศรีเมืองเรืองฟ้า | มาอยู่ในสวนมาลี |
นางให้ร้อนรนสกนธ์กาย | โฉมฉายสร้อยเศร้าหมองศรี |
ในอกดังหมกอัคคี | สมประดีแดดิ้นในวิญญาณ์ |
คิดถึงพระองค์ทรงลักษณ์ | ให้อักอ่วนป่วนใจเป็นหนักหนา |
เมื่อไรภูวไนยจะมา | ให้น้องคอยท่าทุกราตรี |
เอาแต่สาราธำมรงค์ | มาไว้ต่างองค์พระโฉมศรี |
เหตุไฉนจึงไม่จรลี | มาให้น้องนี้คลายใจ |
พระยาหงส์ทรงราชสารา | นานแล้วจะเห็นมาก็หาไม่ |
รัญจวนครวญถึงพระทรงชัย | มิได้นิทราในราตรี |
แต่เวียนขลุกปลุกสองพี่เลี้ยงราช | พรุ่งนี้จะประพาสสวนศรี |
หวั่นหวั่นเหมือนจะพบสกุณี | พี่เจ้าสั่งเสียอย่านอนใจ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสร่างแสงทินกร | นางสุวรรณเกสรศรีใส |
ชวนหกนงรามทรามวัย | เราจะไปเที่ยวเล่นอุทยาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึงเข้าที่ชำระสระสรง | อบองค์ด้วยชลอันหอมหวาน |
เจ็ดองค์ทรงสุคนธ์โอฬาฬาร | ทองธารทิพรสหมดมลทิน |
ผ่องผัดจัดแจ่มพระพักตร์เพศ | กวดกันพระจุเรศเฉิดฉิน |
ภูษาโกไสยไจนิล | ทรงประดับสรรพสิ้นสรรพางค์ |
งามองค์ทรงเครื่องเรืองรัตน์ | แจ่มจัดจำรัสใสสว่าง |
อ่อนระทวยนวยแน่งทั้งเจ็ดนาง | เยื้องย่างมาทรงพระวอทอง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ทั้งเจ็ดเสด็จเข้าพระวิสูตร | รูดม่านมิดชิดปิดป้อง |
พระสนมกรมในเนืองนอง | เชิญเครื่องเรืองรองกันไป |
นักเทศขันทีก็พรั่งพร้อม | ห้อมล้อมแห่มาอยู่ไสว |
พระพี่เลี้ยงเคียงวอนางอรไท | เสด็จไปยังสวนมาลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงลงจากวอทอง | เนืองนองพระกำนัลสาวศรี |
ตามเสด็จทั้งเจ็ดกษัตรี | เข้ายังสวนศรีทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เที่ยวชมพฤกษาบุปผาชาติ | ดอกดวงเดียรดาษงามไสว |
บ้างทรงผลกล่นกลาดเกลื่อนไป | บ้างเข้าไคลสุกห่ามหอมขจร |
บ้างเป็นดอกดวงพวงพุ่ม | บานตูมยั่วแย้มเกสร |
หมู่แมลงภู่ผึ้งประอึงอร | ภมรมั่วกลั้วกลิ่นเสาวคนธ์ |
สุกรมยมโดยโหยหอม | พะยอมแย้มแกมเกสรสน |
อินทนิลดั่งนิลนฤมล | เกดกลเกศแก้วกรรณิกา |
สาวหยุดพุดลามาลุลี | สารภีพิกุลกฤษณา |
จำปียี่โถอโนชา | ชบาลาเล็บนางลำดวนดง |
ชงโคโยทะกาช้าหยุด | พุดจีบจำปามหาหงส์ |
ปรูประกะทุมังปีบประยงค์ | กาหลงซ่อนกลิ่นรำเพยดา |
บ้างเด็ดดอกดวงช่วงชิงกัน | เกษมสุขทุกกำนัลทั่วหน้า |
แยกย้ายรายกันเก็บมาลา | สรวลราระริกสำราญใจ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองภพสมัย |
กับสี่พี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | ซ่อนอยู่ในกระท่อมยายตา |
รู้ว่าโฉมยงทรงลักษณ์ | เอกองค์อัคเรศเสนหา |
เสด็จมาชมสวนมาลา | พระแสนโสมนัสสาพันทวี |
มีจิตรัญจวนครวญใคร่ | จะใคร่ได้เห็นองค์มารศรี |
จึงเปลื้องสร้อยห้อยศอสกุณี | แล้วพาทีกระซิบสั่งไป |
พี่จงเอาของของน้องนี้ | ไปถวายเทวีจงได้ |
บอกว่าน้องมาถึงเวียงชัย | อาศัยสำนักยายตา |
อุตส่าห์บุกป่าฝ่าหนาม | ได้ความลำบากเป็นหนักหนา |
เพียงชีวิตจะม้วยมรณา | จะขอได้เห็นหน้านางทรามวัย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หงส์ทองผู้มีอัชฌาสัย |
รับรสพจนารถพระภูวไนย | ก็โผผินบินไปมิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึงเห็นสองศรีพี่เลี้ยง | เดินเคียงกันเก็บบุปผา |
บรรดานางกำนัลกัลยา | ใครใครไม่มาแปลกปน |
จึงบินลงตรงพุ่มดอกไม้ | แฝงตัวบังใบสร้อยสน |
บอกแก่พี่นางทั้งสองคน | ว่าบัดนี้ภูวดลเสด็จมา |
ให้ข้าเอาสร้อยสังวาล | มาถวายเยาวมาลย์เสนหา |
จงรับไปให้องค์พระธิดา | ทูลว่าข้าถวายบังคมไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพระพี่เลี้ยงศรีใส |
ครั้นเห็นหงส์ทองอันอำไพ | มีใจยินดีปรีดา |
จึงว่าพระยาปักษี | ทุกทิวาราตรีแต่คอยหา |
เอาใจใฝ่ถึงทุกเวลา | เหตุไรจึงช้าวันไป |
บัดนี้พระองค์ทรงศักดิ์ | เสด็จมาสำนักอยู่แห่งไหน |
ปักษีจงเล่าให้เข้าใจ | จะได้ไปทูลพระธิดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หงส์ทองบอกสองเสนหา |
ซึ่งช้าอยู่หลายวันมา | ห้วยมรคานั้นไกลกว่าไกล |
บุกป่าฝ่าหนามข้ามดง | ขึ้นเขาลงห้วยละหานใหญ่ |
อันพระโฉมยงทรงชัย | เสด็จมาอาศัยในสวนนี้ |
สำนักยายแก่กับตาเฒ่า | ซึ่งใช้ให้เฝ้าสวนศรี |
มาอยู่ได้สามราตรี | จงทูลเทวีให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
ครั้นแจ้งเนื้อความตามนัย | จึงว่าไปแก่พระยาสกุณา |
ท่านจงกลับไปบังคมคัล | ตามมูลคดีได้พบข้า |
ฝ่ายเราจะไปแจ้งพระธิดา | ว่าแล้วลีลามาฉับไว ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึง | สองนางบังคมประนมไหว้ |
ทูลว่าข้าน้อยทั้งสองไซร้ | เที่ยวไปเก็บพรรณมาลี |
บัดนี้พระยาหงส์ทอง | พบข้าผู้รองบทศรี |
แจ้งว่าสมเด็จพระภูมี | มาถึงบุรีนี้หลายวัน |
พระเสด็จอาศัยอยู่สำนัก | ที่สองเฒ่าพิทักษ์สวนขวัญ |
ให้หงส์ทองเอาสร้อยสังวาลวรรณ | มาถวายองค์กัลยาณี |
ทูลแล้วถวายสังวาลทรง | แก่องค์พระธิดามารศรี |
พระแม่เจ้าจงแจ้งแห่งคดี | ทีนี้เห็นจะค่อยบรรเทา |
ข้าน้อยพลอยทุกข์ด้วยอยู่หัว | ยิ่งกว่าทุกข์ของตัวได้ร้อยเท่า |
แต่นี้นับวันจะบางเบา | ที่อาวรณ์ร้อนเร่าแต่หลังมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรเสนหา |
ฟังสองพี่น้องกัลยา | ว่าพระยอดฟ้าสุราลัย |
เสด็จเข้ามาสวนศรี | ยินดีไม่มีที่เปรียบได้ |
ซึ่งความเร่าร้อนอาวรณ์ใจ | ก็ละลายหายไปเหมือนดังคิด |
เพียงนํ้าอมฤกซึกซาบ | อิ่มอาบในทรวงดวงจิต |
รับเอาสังวาลประทานพิศ | มาพินิจดูพลางจำนรรจา |
จักรู้ที่ทำไฉนดี | พี่เจ้าจงช่วยปรึกษา |
ซึ่งพระเสด็จเข้ามา | จะให้น้องว่าประการใด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงเทียบทูลแถลงไข |
อันซึ่งสารศรีที่มีไป | พระแม่ว่ากระไรในสารา |
สุดแท้แต่อย่าให้เป็นสอง | คำหลังให้ต้องกับคำหน้า |
พระสู้ทุกข์ยากลำบากมา | ดั้นดงพงป่าพนาดร |
มาหวังจะฝังฝากจิต | จำเราจะคิดผันผ่อน |
ถ้อยทีถ้อยมีอาวรณ์ | เร่าร้อนรำพึงประหนึ่งกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรสาวสวรรค์ |
ได้ฟังพี่เลี้ยงจำนรรจ์ | กัลยาเร่งคิดไปมา |
จะใคร่เห็นองค์พระทรงภุช | อันงามลํ้ามนุษย์ในใต้หล้า |
กับสองนางพลางร่ายเดินมา | เที่ยวเก็บบุปผาบรรดามี |
ครั้นใกล้กระท่อมยายมาลา | ทำมารยาส่งสุรเสียงศรี |
ร้องว่าแก่สองนารี | มาลีดอกนี้ข้าหมายไว้ |
ดูรุมาทำหักหาญ | จัณฑาลชิงเด็ดเอาไปไหน |
แยบยลมิให้คนกินใจ | หวังจะให้ได้ยินถึงภูมี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองผู้เรืองรัศมี |
แต่นั่งตั้งตาคอยเทวี | ได้ยินเสียงมารศรีเสนาะไป |
พระจึงแหวกช่องมองดู | เห็นโฉมตรูดำเนินเข้ามาใกล้ |
แสนพิศวาสจะขาดใจ | ที่ในรูปทรงนางนงคราญ |
ยิ่งพิศยิ่งเพลินจำเริญรัก | เยาวลักษณ์ยั่วยวนในสงสาร |
อรชรอ่อนองค์นงพาล | พระภูบาลล้มหลงสมประดี |
งามล้ำยิ่งเทพอัปสร | อมรแมนแดนฟ้าราศี |
ยิ่งกระสันฟั่นเฟือนพันทวี | ฤดีด่าวดิ้นอยู่แดยัน |
คิดจะมีมธุรสพจนารถ | ก็เกรงพี่เลี้ยงราชสาวสรรค์ |
แต่อักอ่วนป่วนจิตอยู่รุ่มรัน | พระทรงธรรม์ดูนางไม่วางตา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรเสน่หา |
ผันแปรแลลักชำเลืองมา | เห็นพระยอดฟ้ายาใจ |
งามลํ้าเทวามนุษย์ | นาคครุฑคนธรรพ์ไม่เปรียบได้ |
ทั้งหกห้องฟ้าสุราลัย | จะหาไหนไม่เทียบเทียมทัน |
นางเร่งกระสันปั่นป่วน | ยั่วยวนหฤทัยเสียวสัน |
แต่ชม้ายชายเนตรเมียงมัน | ให้รัญจวนใจใช่พอดี |
ความรักอักอ่วนครวญใคร่ | ทำใส่ไคล้พี่เลี้ยงสองศรี |
แกล้งวิ่งเข้าชิงเอามาลี | ครั้นเห็นพระภูมีชำเลืองไป |
ลอบลักลักแลแปรผัน | ความรักไม่กลั้นไว้ได้ |
ชม้ายชายชมเป็นคมใน | อาลัยไหวหวั่นรัญจวน |
แสร้งเสเตร่เดินดำเนินไป | เที่ยวเก็บดอกไม้ที่ในสวน |
แยบคายสายสนปนกระบวน | ทำชวนพี่เลี้ยงเดินมา |
แล้วกลับเที่ยวทบตลบไป | เลือกเด็ดดอกไม้ที่ตรงหน้า |
แกมกลเข้าปนมารยา | หวังว่ามิให้ใครกินใจ ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เห็นสายัณห์ตะวันคล้อยลง | อัสดงจะลับเหลี่ยมไศล |
จึงสั่งสองนางทรามวัย | พี่เจ้าผู้ใจภักดี |
อันพระโฉมเฉิดเลิศฟ้า | อุตส่าห์สู้ยากมาถึงนี่ |
อยู่ด้วยยายตามาลี | ในกระท่อมน้อยนี้มิบังควร |
พี่จงแต่งที่ให้สำนัก | ในตำหนักของน้องที่ท้ายสวน |
เชิญเสด็จไปอยู่จะคู่ควร | เวลาก็จวนจะกลับไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงบังคมประนมไหว้ |
สองนางวางวิ่งไปฉับไว | จัดตำหนักใหญ่นางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พร้อมทั้งพระยี่ภู่ปูลาด | ทอดที่บรรทมอาสน์ถ้วนถี่ |
แล้วทำไขสือนางนารี | ว่าวันนี้พระราชธิดา |
ไม่เสด็จเข้าที่ไสยาสน์ | ให้ปูอาสน์ลาดที่ไว้ท่า |
สาละวนก่นแต่จะปรีดา | เก็บมาลาเล่นก็เพลินไป |
แล้วลั่นกุญแจห้องที่ | สาวศรีกลับมาไม่ช้าได้ |
เรียกเฒ่ามาลาไปทันใด | ยายอยู่หรือไม่ให้ออกมา |
บัดนี้พระเสาวนีย์ | สั่งให้ข้านี้มาต่อว่า |
เหตุใดวันนี้ยายตา | จึงไม่ส่งมาลาเข้าไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองเฒ่าได้แจ้งแถลงไข |
พากันตระหนกตกใจ | ฝ่ายยายก็ใส่โทษตา |
ดอกไม้วันนี้ข้าเก็บได้ | งามงามกระไรเป็นหนักหนา |
ให้ตามาลีเอามาลา | ไปคอยท่าจะส่งเข้าไป |
หรือกลับเอาไปแลกเหล้า | เมามาไม่สมประดีได้ |
เมื่อกระนี้จะคิดประการใด | ไอ้เฒ่าหัวงูมาดูเบา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงตามาลีโฉดเฉา |
สองขันไม่ทันจะส่างเมา | ได้ยินยายเฒ่าก็เถียงไป |
มิใช่กูกินแต่หนำปาก | ยายอยากก็เอามาฝากให้ |
จะเอาตัวเหนือลมขึ้นข่มใคร | อีเฒ่าจังไรประดาตาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพระพี่เลี้ยงโฉมฉาย |
จึงห้ามทั้งสองตายาย | แล้วภิปรายให้แจ้งกิจจา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนี้สมเด็จพระบุตรี | เสาวนีย์ขอบใจมาหนักหนา |
ซึ่งจงรักภักดีต่อผ่านฟ้า | มาพึ่งพาอาศัยได้เอ็นดู |
จงช่วยคิดปิดป้องอันตราย | อย่าให้แพร่งพรายเป็นหลายหู |
แต่ข้าตายายจะร่วมรู้ | เห็นแก่โฉมตรูอย่าสูญใจ |
แม้ว่ามีจิตคิดเมตตา | เสื้อผ้าเงินทองจะกองให้ |
อันความชอบมีทั้งนี้ไซร้ | จะปูนบำเหน็จให้ถึงที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองเฒ่าจึงตอบสารศรี |
ยายตาเป็นข้าพระบุตรี | อันจะมิรักเจ้าอย่าสงกา |
อย่าว่าความลับแต่เพียงนี้ | ใช่ที่จะไม่ไว้ใจข้า |
สิ่งใดมิให้เคืองบาทา | ข้าจะขออาสาสืบไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงนารีศรีใส |
ได้ฟังชื่นชมภิรมย์ใจ | จึงเข้าไปเฝ้าองค์พระภูบาล |
ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | พระสุริย์วงศ์จักรพรรดิไพศาล |
แต่เคียมคมก้มพักตร์กราบกราน | จะทูลความบทมาลย์ก็ขามใจ |
ทั้งสองยังไม่เคยสนองบาท | จึงมิอาจจักเจรจาได้ |
จำเป็นจำทูลคดีไป | ขอพระภูวไนยได้เมตตา |
บัดนี้สมเด็จพระบุตรี | มีอาลัยถึงเป็นหนักหนา |
จักขอถวายบังคมลา | พระผ่านฟ้ากลับเข้าไปวังใน |
ให้มาทูลองค์พระทรงศักดิ์ | เสด็จไปสำนักที่อาศัย |
ข้าจัดแจงแต่งที่ถวายไว้ | เชิญพระเสด็จไปยังเรือนจันทน์ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเลื่องลบสรวงสวรรค์ |
ฟังสองพี่เลี้ยงจำนรรจ์ | ทรงธรรม์โสมนัสเป็นพ้นไป |
ดังใครเอาอมฤตฟ้า | มาโสรจสรงวิญญาณ์ให้แจ่มใส |
จึงมีบัญชาไปทันใด | ขอบใจพี่นางพันทวี |
ด้วยน้องบุกป่าฝ่าพง | ดั้นดงมาในพนาศรี |
ลำบากยากใจใช่พอดี | เพียงหนึ่งชีวีจะบรรลัย |
ทีนี้ได้มาถึงสวนแล้ว | จะค่อยแผ้วทุกข์ทนหม่นไหม้ |
วันนี้ศรีสวัสดิ์จะกลับไป | ดังใจน้องจะขาดรอนรอน |
หนักอกยิ่งยกเขาหลวง | เจ็บทรวงยิ่งกว่าต้องศร |
มิทันไรซัดไว้ไม่อาวรณ์ | เมื่อไรสายสมรจะกลับมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา |
จึงทูลสนองพระวาจา | ซึ่งว่าจะกลับเข้าไป |
ข้าน้อยคิดเห็นไม่อยู่ช้า | แต่จะทูลสัญญานั้นไม่ได้ |
แม้ว่าเห็นช้ามิคลาไคล | จะทูลเตือนนางให้เสด็จมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่พระพี่เลี้ยงวงศา |
เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา | ต้องตาก็สะกิดให้กันดู |
ต่างคนต่างยิ้มพริ้มพราย | แต่ละเมียดละม้ายกันอยู่ |
ต่างคนจนใจเป็นสุดรู้ | ถ้อยทีอดสูละอายกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางพระพี่เลี้ยงสาวสรรค์ |
ถวายบังคมลาพระทรงธรรม์ | ครั้นแล้วก็พากันไคลคลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มาถึง | จึงทูลพระบุตรีเสนหา |
ตามพระทรงสวัสดิ์ดำรัสมา | ให้ทราบบาทานางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรมารศรี |
ฟังสองพี่เลี้ยงนารี | เทวีทราบสิ้นในวิญญาณ์ |
มีความอาลัยใจจิต | ถึงพระองค์ทรงฤทธิ์เป็นหนักหนา |
เป็นหนึ่งมิใคร่จะไคลคลา | เสนหารุมรึงตรึงใจ |
เร่งคิดก็เร่งเป็นห่วง | ให้รุ่มร้อนในทรวงคือเพลิงไหม้ |
อารมณ์ตรมเตรียมในอาลัย | ขืนใจจำเป็นจะไคลคลา |
จึงชวนหกองค์นงคราญ | เยาวมาลย์แน่งเนื้อกนิษฐา |
ขึ้นทรงวอทองรจนา | เสด็จมายังนิเวศน์วังใน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองรัศมีศรีใส |
ครั้นพลบค่ำย่ำสุริโยทัย | เสด็จเข้ายังในตำหนักจันทน์ |
เอนองค์ลงเหนือไสยาสน์ | พิศวาสรัญจวนป่วนปั่น |
ถึงองค์วนิดาวิลาวัณย์ | พระทรงธรรม์เศร้าสร้อยละห้อยใจ |
คะนึงในไห้ช้างไม่ร้างคิด | ระทดจิตดิ้นโดยโหยไห้ |
โอ้ดวงดอกฟ้าสุราลัย | เมื่อไรพี่จะได้สมคิด |
พี่สู้บุกป่าฝ่าหนาม | ข้ามห้วยเหวผามาตามติด |
หวังจะได้ร่วมรมย์ชมชิด | ไม่คิดชีวิตเท่าใยยอง |
ละแสนพระสนมนารี | พระชนกชนนีทั้งสอง |
ด้วยแสนสุดอาลัยในน้อง | พี่ปองว่าจะฝากชีวี |
ได้แต่ภูษาสไบทรง | มาชมต่างองค์มารศรี |
คะนึงนวลครวญหาทุกราตรี | แสนทุกข์สุดที่พี่ทรมาน |
วันนี้แต่พอได้เห็นเจ้า | ก็กลับเข้าไปยังราชฐาน |
ให้พี่ถวิลดิ้นแดดาล | เจ้าจะสงสารใจก็ไม่มี |
คล้ายคล้ายเหมือนจะเห็นพระพักตร์เพศ | เมื่อชายเนตรชม้อยมาดูพี่ |
พระรัญจวนหวนหาในราตรี | พระภูมีมิได้ไสยา ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สี่พระพี่เลี้ยงวงศา |
เห็นพระโฉมเฉิดเลิศฟ้า | ไม่สนิทนิทราในราตรี |
คะนึงถึงองค์นงลักษณ์ | อ่วนอักเศร้าสร้อยหมองศรี |
จึงเข้าไปปลอบให้ชอบที | ภูมีอย่าโศกาจาบัลย์ |
ใช่ว่าพระธิดามารศรี | จะตัดรอนไมตรีไม่ใฝ่ฝัน |
ดีร้ายจะได้ดังสำคัญ | พระองค์อย่ารัญจวนใจ |
ขอเชิญพระเสด็จไสยาสน์ | เหนืออาสน์ท้าวน้องที่แต่งให้ |
พระผ่านฟ้าอย่าคิดอาลัย | ข้าน้อยจะกล่อมให้นิทรารมย์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ขอเชิญหมู่อมรเมศ | อุ้มอัคเรศสอดสวยสม |
มาแนบสนิทนิทรารมย์ | ชมเจ้าฟ้าฝ่าฝันเอย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสุริย์วงศ์พงศ์จักรพรรดิ | อย่ากลุ้มกลัดร้อนรุมรัน |
ไม่ช้าจะพบกัน | บรรสมรสปรีดาเอย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โฉมเฉลาพระเยาวลักษณ์ | เชิญน้องรักมานิทรา |
เน้นแนบแอบอุรา | ผาสุกให้สำราญเอย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรยอดสงสาร |
ครั้นมาถึงปรางค์รัตน์ชัชวาล | เยาวมาลย์รัญจวนป่วนใจ |
เข้าที่นิทราในราตรี | จะมีความสุขก็หาไม่ |
อุระร้อนรุมดังสุมไฟ | อาลัยถึงองค์พระทรงธรรม์ |
โอ้พระยอดฟ้าของน้องแก้ว | จะคิดถึงน้องแล้วเป็นแม่นมั่น |
พระจะแสนโศกาจาบัลย์ | รัญจวนครวญหาในราตรี |
พระสู้ได้ยากจากนคเรศ | มาทนเทวษอยู่สวนศรี |
เพราะรักน้องต้องเดินพนาลี | แรดร้ายเสือสีห์ก็ไม่คิด |
เมื่อไรจะได้สนองคุณ | ซึ่งการุญรักน้องสุจริต |
รำลึกถึงองค์พระทรงฤทธิ์ | จิตใจไม่เป็นสมประดี |
ตั้งแต่จะทรงโศกา | ครวญคร่ำน้ำตาหมองศรี |
มิได้นิทราในราตรี | เทวีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพระพี่เลี้ยงศรีใส |
เห็นนางกัลยาโศกาลัย | มิได้เข้าที่ศรีไสยา |
สองนางประณตบทบงสุ์ | แม่จะทรงโศกไยหนักหนา |
ทางไกลภูวไนยยังสู้มา | อย่าสงกาที่ว่ามิพบกัน |
แม้วาสนานั้นหาไม่ | หรือจะมาได้ถึงสวนขวัญ |
จะสมดังจินดาไม่ช้าวัน | แม่จะรัญจวนใจไปไยมี |
จงเสด็จเข้าที่ให้สำราญ | จะขอรับเป็นภารธุระพี่ |
ปลอบพลางสองนางนารี | กล่อมให้มารศรีนิทรา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ขอเชิญพระเยาวลักษณ์ | อย่าโศกหนักกันแสงหา |
มิร้างพระยอดฟ้า | จะมาแนบบรรทมเอย ฯ |
๏ พระโฉมงามทรามสายสมร | อย่าอาวรณ์ทุกข์เตรียมตรม |
จักพลันได้มาชม | ภิรมย์รสดังใจเอย ฯ |
๏ ขวัญอ่อนนอนแจ่มจันทร์ | จักโศกศัลย์กันแสงไย |
นอนเถิดอย่าอาลัย | จักกล่อมให้เจ้านอนเอย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางสุวรรณเกสร |
ครั้นสองพี่เลี้ยงบังอร | กล่าวกลอนปลอบโยนให้คลายใจ |
นางฟังพลั้งเพลินจำเริญจิต | ดังเห็นองค์ทรงฤทธิ์พิสมัย |
มาอิงแอบแนบน้องที่ห้องใน | อรไทค่อยคลายสมประดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสว่างแสงโอภาส | จึงเรียกพี่เลี้ยงราชทั้งสองศรี |
พี่เจ้าจงได้ภักดี | ปรานีแก่น้องอย่าสูญใจ |
จงแต่งเครื่องต้นอันบรรจง | ว่าน้องจำนงเอาไปให้ |
พี่นางทั้งสองจงรีบไป | อย่าให้ใครรู้แพร่งพราย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองศรีพี่เลี้ยงโฉมฉาย |
รับพระเสาวนีย์อภิปราย | ถวายบังคมแล้วก็ออกมา |
รีบรัดจัดแจงเครื่องต้น | เสลือกสลนเป็นหนักหนา |
พระสนมกรมในนานา | จะล่วงรู้กิจจาก็ไม่มี |
เสร็จแล้วก็พากันผันผาย | มิให้เห็นแยบคายนางสาวศรี |
รีบรัดลัดแลงจรลี | มายังสวนศรีทันใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึง | สองนางจึงถวาย (บังคมไหว้ |
ทูลว่าพระบุตรีตรัสใช้ | ให้ข้ามาถวายพระภูมี)[๑] ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองบุญเรืองรัศมี |
เห็นสองพี่เลี้ยงผู้ภักดี | พระมีความโสมนัสพ้นไป |
จึงมีมธุรสพจนารถ | แก่สองพี่เลี้ยงราชอัชฌาสัย |
ซึ่งให้ของมาแก่น้องชาวไพร | ดังได้อมฤตฟ้าทาทรวง |
แต่ทุกข์ที่ทุกข์ถวิลหา | หนักกว่าน้องยกเขาหลวง |
ยิ่งทุกข์กว่าทุกข์ทั้งปวง | ดังดวงหฤทัยจะร้าวราน |
พี่เจ้าผู้ใจอารี | ภักดีจงช่วยคิดอ่าน |
ให้น้องพ้นจากความทรมาน | เมตตาจงวานได้เอ็นดู ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสองศรีไม่มีใครคู่ |
ได้ฟังบัญชาพระโฉมตรู | สุดรักสุดรู้เป็นพ้นไป |
ไพเราะเพราะรสพจนารถ | ดังจะแหวกสวาทไว้ได้ |
จึงทูลสนองไปทันใด | ภูวไนยอย่าได้สงกา |
ข้าทั้งสองนี้ก็มีจิต | คิดถึงพระองค์เป็นหนักหนา |
ถึงอยู่วังดังข้าทั้งสองรา | มาอยู่เฝ้าบาทาในสวนนี้ |
ว่าไปที่ไหนพระจะเห็น | เป็นหนึ่งข้าแกล้งใส่สี |
อันความอาลัยแลไมตรี | ทั้งนี้ข้าน้อยก็แจ้งใจ |
ใช่ว่าไม่เอาเป็นธุระ | จะได้ละเมินเสียก็หาไม่ |
แม้พระจะทำประการใด | จะได้ผ่อนผันตามปัญญา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองแสนโสมนัสสา |
จึงมีมธุรสวาจา | แก่สองกัลยาผู้ร่วมใจ |
ซึ่งพี่มีจิตคิดจงภักดิ์ | ก็ประจักษ์อยู่แล้วไม่สงสัย |
อันความรักน้องซึ่งปองไว้ | ทำไฉนจะได้ดังใจคิด |
แต่จะแสนโศกวิโยคหนัก | ด้วยความรักร้อนรุมสุมจิต |
แม้มิได้สมชมชิด | ชีวิตของน้องจะบรรลัย |
ในอกหมกไหม้ดังไฟกัลป์ | สุดที่จะกลั้นรักได้ |
พลบค่ำย่ำแสงอโณทัย | จะไปให้ถึงองค์นางนงคราญ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพระพี่เลี้ยงได้ฟังสาร |
จึงก้มเกล้ากราบทูลพระภูบาล | ผ่านฟ้าจงได้ปรานี |
อันพระจะไปหาท้าวน้อง | ยังห้องปรางค์รัตน์เรืองศรี |
ผู้คนบริรักษ์อยู่มากมี | พระสนมนารีก็อลวน |
ย่อมอยู่พิทักษ์รักษา | กำชับตรวจตราทุกแห่งหน |
นั่งยามตามไฟทุกตำบล | ข้าเห็นขัดสนเป็นพ้นไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองรัศมีศรีใส |
จึงว่าพี่เจ้าอย่าร้อนใจ | น้องไม่อาลัยแก่ชีวี |
ทั้งนี้สุดแต่วาสนา | บุญเคยสร้างมาทั้งสองศรี |
ก็จะได้ดังใจด้วยไมตรี | พี่อย่าปรารมภ์ตรมใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางผู้มีอัชฌาสัย |
จึงทูลสนองบัญชาไป | จนใจข้าน้อยจะพาที |
ครั้นจะว่าขานทานทัด | จะเคืองขัดใต้เบื้องบทศรี |
ทั้งนี้สุดแต่พระเห็นดี | จะได้พึ่งธุลีบาทา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ว่าแล้ว | สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา |
ก้มเกล้าบังคมทูลลา | รีบกลับเข้ามายังวังใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงทูลนางเทวี | ตามมีบัญชาปราศรัย |
แจ้งความแต่ต้นจนปลายไป | ให้ทราบพระทัยนางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรมารศรี |
ฟังพระพี่เลี้ยงทูลคดี | มีความชื่นชมเป็นพ้นไป |
จะใคร่ได้เห็นองค์พระทรงศักดิ์ | ด้วยความรักรัญจวนครวญใคร่ |
กับสองพี่เลี้ยงอรไท | พูดจาปราศรัยกันไปมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเลื่องลบทุกทิศา |
ครั้นค่ำย่ำแสงสนธยา | พระถวิลจินดาถึงทรามวัย |
จึงตรัสสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่ | อันมีปรีชาอัชฌาสัย |
วันนี้ตัวน้องจะเข้าไป | หาองค์อรไทเทวี |
พี่เจ้าผู้มีใจภักดิ์ | จงพิทักษ์รักษากันอยู่นี่ |
ใกล้รุ่งสุริยาราตรี | สร่างสุริย์ศรีแล้วจะกลับมา |
ว่าพลางแต่งองค์ทรงเครื่อง | รองเรืองด้วยมณีมีค่า |
เสด็จนวยนาดยาตรา | ดังพระยาไกรสรจรจรัล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ มาถึง | ทวารวังพระนิเวศน์เขตขัณฑ์ |
เห็นผู้คนล้อมวงกงกัน | คึกคักทุกชั้นทวารใน |
จึงยอกรขึ้นถวายประณต | คุณพระดาบสเป็นใหญ่ |
แล้วอ่านพระเวทอันเรืองชัย | มิให้ใครเห็นพระกายา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บังตาฝูงคนทั้งหลาย | บรรดาหญิงชายถ้วนหน้า |
สะเดาะบานพระทวารอันตรึงตรา | เสด็จมายังปราสาททรามวัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อันฝูงชาวแม่พระกำนัล | จะเห็นองค์ทรงธรรม์ก็หาไม่ |
พระยุรยาตรนาดกรคลาไคล | เข้าในวังรัตนมณี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เห็นองค์นงลักษณ์อัคเรศ | สนิทเนตรบรรทมอยู่บนที่ |
ทรงโฉมประโลมโลกีย์ | เป็นที่ยั่วยวนใจชาย |
พิศพักตร์เพียงจันทร์ลอยเลื่อน | จะเปรียบเดือนก็อับแสงฉาย |
นัยน์เนตรยิ่งนิลนัยน์ตาทราย | แพรวพรายยิ่งกว่าพลอยนิล |
ขนงก่งดั่งวงวาดไว้ | ล้ำคันศรชัยพระทรงศิลป์ |
อันงอนรถทรงองค์อินทร์ | ไม่เฉิดฉินดั่งโลมเนตรนาง |
พิศปรางยิ่งปรางมณีรัตน์ | ปลั่งเปล่งเคร่งครัดทั้งสองข้าง |
พิศกรรณงามกลอุบลบาง | พ่างเพียงกลีบบุษบากร |
จุไรเรียบเรียมริมรจนา | ลํ้ามณฑาทิพย์เกสร |
เฉิดฉินยิ่งนิลภมร | ปลายงอนงามชวยยรรยง |
ลำศอดังหล่อสุวรรณมาศ | งามลํ้าคอราชวิหคหงส์ |
พิศถันยิ่งสุวรรณบุษบง | ทรงทรวงดั่งดวงมณีนิล |
พิศองค์งามองค์อินทรีย์ | ดังลํ้ากัทลีทิพย์เฉิดฉิน |
พิศกรอ่อนระทวยดังกินริน | ยิ่งงวงหัสดินเอราวัณ |
หรือโฉมเอกอัครลักษมี | องค์พระศรีเลิศลํ้าสรวงสวรรค์ |
ทั้งองค์พระอุมาวิลาวัณย์ | ปั้นโฉมอันงามทั้งสามองค์ |
มาประสมเป็นอุดมลักษณา | ให้ล่วงฟ้ามาเป็นนวลหง |
พระเร่งวินิจพิศทรง | ใหลหลงงงงวยสมประดี |
งามลบจบสากลโลกา | ลํ้านางฟากฟ้าราศี |
ยิ่งแสนพิศวาสพันทวี | พระภูมีเพ่งพิศไปมา |
จึงลดองค์ลงแอบแนบชม | ปลอบปลุกบรรทมกนิษฐา |
ทั้งสองพี่เลี้ยงกัลยา | ให้ตื่นนิทราในราตรี ฯ |
ฯ ๒๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางพระพี่เลี้ยงทั้งสองศรี |
ครั้นตื่นฟื้นเห็นพระภูมี | ถวายอัญชลีแล้วก็ออกไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรศรีใส |
ครั้นตื่นฟื้นองค์ขึ้นทันใด | ตระหนกตกใจใช่พอดี |
แลไปเห็นองค์พระทรงศักดิ์ | จอมจักรเสด็จมาในที่ |
ความอายเป็นพ้นพันทวี | มิรู้ที่จะทำประการใด |
ถอยองค์ลงจากแท่นแก้ว | แล้วถวายบังคมประนมไหว้ |
ก้มพักตร์เมียงอยู่ไม่ดูไป | อรไทมิได้พาที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ น้องรัก | เยาวลักษณ์คือดวงเนตรพี่ |
รักนุชสุดสวาทแสนทวี | ละบุรีมาเดินในไพรวัน |
แล้วมิหนำมาซ้ำได้ลำบาก | ตกยากอยู่ในสวนขวัญ |
พร่ำแค้นแสนสุดจะรำพัน | พ้นที่จะกลั้นรักไว้ |
จึงสู้มาหาองค์นงลักษณ์ | จะคิดรักชีวาก็หาไม่ |
มารศรีถอยหนีพี่ว่าไร | อายเหนียมกันไยนางกัลยา |
พี่อุตส่าห์มาหาถึงห้องใน | เจ้าเคียดแค้นสิ่งใดไม่ดูหน้า |
ร้อยชั่งมานั่งใกล้พี่ยา | จะขอเจรจาด้วยเทวี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรมารศรี |
ได้ฟังบัญชาพระภูมี | เทวีขวยเขินสะเทินใจ |
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มจิต | แต่สุดคิดจะออกปากได้ |
นางนั่งตริตรึกนึกใน | หฤทัยเร่าร้อนดังอัคคี |
ครั้นจะมิตอบพระบัญชา | ได้เสด็จเข้ามาถึงนี่ |
พระจะว่าไร้ใจเห็นไม่ดี | คิดแล้วมารศรีจึงทูลมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระเจ้า | ใครสั่งเสียให้เข้ามาหา |
บังอาจไม่กลัวพระอาญา | หักหาญเข้ามาถึงห้องใน |
มาทำจู่ลู่วู่วาม | จะเกรงขามผู้ใดก็หาไม่ |
ลามลวนแต่ส่วนอำเภอใจ | แม้แจ้งไปถึงองค์พระบิดา |
ท้าวจะทรงพระโกรธพิโรธจิต | พระจะได้ความผิดเป็นหนักหนา |
จงรีบลงไปอย่าได้ช้า | ฟังคำน้องว่าพระภูมี |
แม้นางสาวสรรค์กำนัลใน | ใครใครมาเห็นเข้าที่นี่ |
จะว่าข้าเป็นคนมิดี | จะมีความติฉินนินทา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เจ้าพี่ | มารศรีสุดแสนเสนหา |
ขับพี่เสียไยนางกัลยา | แก้วตาไม่คิดปรานี |
พี่ไม่คิดกายเสียดายร่าง | จะสู้ม้วยด้วยนางไม่หน่ายหนี |
แม้พระบิตุรงค์ทรงธรณี | พิโรธพี่จะฆ่าให้วอดวาย |
จะขอมอดม้วยด้วยความรัก | ให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลาย |
พี่สู้ลำบากยากกาย | สายสวาทอย่าสลัดตัดรอน |
ปลื้มใจจงได้ปรานี | อย่าเพ่อขับพี่เสียก่อน |
หรือเห็นว่าชาวป่าพนาดร | สายสมรจึงไม่เมตตา |
อันความติฉินยินร้าย | ก็มีทุกหญิงชายทั่วหน้า |
ใครเลยจะพ้นนินทา | เป็นธรรมดาโลกประเพณี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังวาจา | คิดมาเป็นน่าบัดสี |
ตัวข้าเกิดมาเป็นสตรี | ยากที่จะครองตัวไว้ |
มิให้ได้ความอัปยศ | อดสูแก่คนเป็นใหญ่ |
อันสิ่งนี้เป็นที่ไยไพ | จะเอาหน้าไปไว้แห่งใดดี |
แม้ม้วยชีวีดีกว่า | อับอายไพร่ฟ้าทั้งกรุงศรี |
ซึ่งพระจะให้ข้าปรานี | น้องมิรู้ที่จะเมตตา |
อันองค์พระชนกชนนี | เป็นที่ก่อเกล้าเกศา |
จะให้ได้อัประมาณแก่ไพร่ฟ้า | ใครเลยจะนับว่าดี |
ขอเชิญพระเสด็จลงไปก่อน | ผันผ่อนคิดดูให้ถ้วนถี่ |
ให้พ้นคนนินทาราคี | แก่ข้าน้อยนี้สืบไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ น้ำเอยน้ำคำ | เจ้าช่างรำพันว่าได้ |
พี่หรือจะให้สายใจ | ได้ความอัปยศอดอาย |
ความรักเพียงจักกลืนไว้ | เจ้าว่าไยฉะนี้นางโฉมฉาย |
ซึ่งความนินทาว่าร้าย | พี่มิให้ระคายเท่าใยยอง |
อันติฉินแลชมเหมือนลมพัด | จะเสื่อมหายด้วยสัตย์เราทั้งสอง |
แม้ได้สมสู่เป็นคู่ครอง | จะต้องคำนินทาด้วยอันใด |
จงปรานีพี่เถิดนะสายสมร | จะให้พี่อ้อนวอนไปถึงไหน |
ย่อมแจ้งตระหนักประจักษ์ใจ | แต่แรกพี่ให้สารมา |
ได้ว่าจะขอฝากฝัง | กว่าจะม้วยชีวังสังขาร์ |
แม้มิมีจิตคิดเมตตา | จะครองชีวาไว้ไยมี |
ไม่ขออยู่สู้ให้คนเห็นหน้า | ตามกรรมเวราของพี่ |
เป็นความสัจจาพาที | จงปรานีพี่เถิดนางกัลยา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ผ่านเอยผ่านเกล้า | อย่าพักมาเฝ้าวอนว่า |
ข้าน้อยไม่เชื่อพระวาจา | เบื้องหน้าจะได้ความอาย |
จะมาลอบเล่นแต่เป็นมิตร | อย่าพึ่งคิดว่าน้องใจง่าย |
ถึงจะม้วยมิดไม่คิดกาย | สู้ตายมิให้นินทา |
อันสารศรีซึ่งมีมาแต่หลัง | ว่าหวังจะฝากชีวิตข้า |
จะให้งามตามวงศ์กษัตรา | พระบัญชาว่าเล่นแต่เห็นดี |
เหตุใดไม่เหมือนหนึ่งวาจา | ซึ่งว่ามาในศุภสารศรี |
แล้วจะกลับให้ข้าปรานี | เป็นน่าบัดสีพ้นไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ดวงจิต | เจ้าอย่าคิดพะวงสงสัย |
รักนางพ่างเพียงดวงใจ | สิ่งใดมิให้ราคี |
ร่วมจิตอย่าคิดกินแหนง | พี่ก็ได้แจ้งมาในสารศรี |
ว่าพลัดพรากจากราชธานี | มาอยู่ที่ในอรัญวา |
ซึ่งจะให้งามแต่โดยด่วน | ส่วนพี่เป็นคนอนาถา |
ด้วยยังมิมั่นดังสัญญา | จะกลับไปพาราฉันใด |
เกลือกจะไม่สมคำดังจำนง | สองพระองค์จะติโทษได้ |
แม้แจ้งตระหนักประจักษ์ใจ | พี่จะกลับคืนไปพระบุรี |
ใช่จะแกล้งลดเลี้ยวเกี้ยวพาน | จงเห็นสัตย์ปฏิญาณของพี่ |
สาวสวรรค์ขวัญฟ้าจงปรานี | มารศรีอย่าตัดเยื่อใย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ผ่านฟ้า | จะให้เชื่อวาจากระไรได้ |
จะเป็นที่อัปยศอดสูใจ | ไปกว่าจะม้วยชีวี |
พระเป็นถึงจักรพรรดิอันสูงศักดิ์ | หรือจะไร้องค์อัครมเหสี |
ซึ่งว่าไร้มิตรไมตรี | แสร้งเอาแต่ดีมารำพัน |
แม้หลงปลงใจด้วยง่ายง่าย | เครื่องจะได้ความอายเป็นแม่นมั่น |
จะระกำช้ำใจไม่วายวัน | พระอย่าพักเสกสรรมาพาที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ดวงสมร | อย่าสลัดตัดรอนอาลัยพี่ |
นางใดพี่ไม่ไยดี | จะขอฝากชีวีแต่ทรามวัย |
พี่ไม่ล่อลวงดวงจิต | เจ้าอย่าคิดพะวงสงสัย |
แม้มิสมจิตที่คิดไว้ | พี่ไม่กลับไปพระพารา |
เอ็นดูพี่เถิดนะนงเยาว์ | เสียแรงพี่เข้ามาหา |
แม้มิรักแก้วแววตา | จะดั้นดงพงป่ามาไย |
ว่าพลางลดองค์นั่งแนบ | พาดพิงอิงแอบพิสมัย |
พระกรกุมกรนางทรามวัย | ไขว่คว้าแนบในไปมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ทรงเดช | พระไม่โปรดเกศเกศา |
มาทำเลียมไล่ไขว่คว้า | อนิจจาผ่านฟ้าไม่ปรานี |
จงวางข้อมือน้องก่อน | พระภูธรจงโปรดเกศี |
พระจะมาลวนเล่นเช่นนี้ | น่าที่จะได้อัประมาณ |
ส่วนปากพระหากว่าเมตตา | แสร้งแต่งวาจาแต่คำหวาน |
มาทำอาจอุกรุกราน | หักหาญไม่คิดเกรงใจ |
ว่าพลางป้องปัดสะบัดกร | ควักค้อนหยิกข่วนไม่ปราศรัย |
แต่ปากหากว่าไม่อาลัย | ใจนางกระสันอยู่ไปมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ปลื้มใจ | เจ้าหยิกข่วนพี่ไยเป็นหนักหนา |
เป็นรอยเล็บเจ็บช้ำทั้งกายา | อนิจจาไม่คิดปรานี |
จะต้องยาสิ่งไรนางโฉมยง | เจ้าประสงค์แต่เลือดกับเนื้อที่ |
พระทางอิงแอบแนบนาภี | ฤดีเดือดดิ้นอยู่แดดาล |
สองกรเกี่ยวกรตระกององค์ | ทรวงทรงแนบทรวงบรรสมสาน |
ชมเนตรเกศกลสุมามาลย์ | ผกากาญจน์กรรณแก้มแกมกัน |
นาสาสูบซดรสเรณู | ชื่นชูซับซาบเสียวกระสัน |
สองชงฆ์เกี่ยวชงฆ์พัลวัน | บันเทิงเริงรสกรีฑา |
บุษบงระบายคลายคลี่ | ภูมรีร่อนลงประจงหา |
สองสุขในสร้อยไสยา | ดังได้ฟากฟ้าดุษฎี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรมารศรี |
ได้ภิรมย์สมสู่ด้วยภูมี | สุขเกษมเปรมปรีดิ์เป็นสุดคิด |
แรกเริ่มแรกรู้รสรัก | นงลักษณ์พลั้งเพลินจำเริญจิต |
แฝงเฝ้าเคล้าองค์พระทรงฤทธิ์ | แสนพิศวาสจะขาดใจ |
ให้กระสันปั่นป่วนชวนชิด | จะคลาดคลาสักนิดก็หาไม่ |
ลืมอายลืมองค์นางอรไท | ลืมกลัวโพยภัยพระบิดา |
ลืมสองพี่เลี้ยงนารี | เทวีไม่ระลึกตรึกหา |
ด้วยความยินดีปรีดา | พ้นที่จะอุปมาไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองฤทธิ์ดังสุริย์ใส |
แสนภิรมย์ชมน้องที่ห้องใน | สุขเกษมเปรมใจไม่มีทัน |
ดังได้สมบัติในฟากฟ้า | ฉ้อชั้นกามาสรวงสวรรค์ |
แต่อิงแอบแนบน้องพัลวัน | เกลียวกลมชมกันในราตรี |
บันเทิงเริงรสฤดีสมร | จนทินกรใกล้รุ่งรัศมี |
ไก่ขันซั้นเสียงสกุณี | ดนตรีเซ็งแซ่ประโคมยาม |
สดับเสียงปักษาคณานก | ตกตะลึงหฤทัยใจหวาม |
จะจำไปไกลองค์นงราม | พระมีความอาลัยที่ในนาง |
พระยอกรช้อนองค์ค่อยประคอง | กอดน้องไว้แนบแอบข้าง |
รื้อสะท้อนถอนใจไห้ช้าง | ตรัสพลางรับขวัญกัลยา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เจ้าพี่ | มารศรีผู้ยอดเสนหา |
จะรุ่งรางสร่างแสงสุริยา | จะลาแก้วแววตากลับไป |
แสนสุดที่รักนางโฉมตรู | ครั้นที่จะอยู่ก็ไม่ได้ |
จำเป็นจะลาคลาไคล | สายใจค่อยอยู่จงดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรโฉมศรี |
ฟังรสพจนารถพระภูมี | เทวีสลดระทดใจ |
กราบลงกับบาทพระภูวเรศ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
เสียแรงน้องรักได้หักใจ | ร่วมสนิทพิสมัยพระโฉมตรู |
ล่วงเกินบิตุรงค์ทรงศักดิ์ | หาญหักความอายอดสู |
ควรหรือภูวไนยไม่เอ็นดู | จะทิ้งน้องให้อยู่เอกา |
โอ้กรรมสิ่งใดมาปลงปลิด | ไม่คิดความอัประมาณแล้วมิสา |
(จะจรจากพรากไปไกลตา)[๒] | ว่าแล้วกัลยาก็โศกี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองผู้เรืองรัศมี |
จึงตระโบมโลมปลอบนางเทวี | แก้วพี่อย่าโศกาลัย |
ผิวพักตร์ละอองดังทองทา | จะเสียศรีโรยราตาไหม้ |
เจ้าจงระงับดับใจ | ใช่พี่ไปแล้วจะไม่มา |
ยอกรช้อนเช็ดชลนัยน์ | เจ้าจะร้องไห้ไยหนักหนา |
พระอาลัยมิใคร่จะไคลคลา | แต่กลับหน้ากลับหลังสั่งน้อง |
ราตรีวันนี้พี่จะมา | เจ้าอย่าทุกข์ทนหม่นหมอง |
พระโลมเล้าเฝ้าปลอบนวลละออง | ปากพร้องรับขวัญกัลยา |
สั่งแล้วก็เสด็จลินลาศ | จากห้องไสยาสน์เลขา |
ดังไกรสรสีห์ลีลา | มายังอุทยานสำราญใจ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ