ตอนที่ ๕ ท้าวพินทุทัตให้ธิดาเสี่ยงคู่

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวพินทุทัตเป็นใหญ่
อยู่ในปราสาทแก้วแววไว ด้วยองค์อรไทเทวี
จึงมีมธุรสพจมาน แก่องค์นงคราญมเหสี
บัดนี้ทั้งเจ็ดพระบุตรี อันมีลักษณ์วิไลโสภา
เฉิดโฉมเป็นที่ประโลมใจ ทรงวัยจำเริญชันษา
คิดจะให้มีราชสารา ไปถึงท้าวพระยาทุกธานี
ให้หล่อรูปสุวรรณอันบรรจง สนององค์กษัตริย์ทุกกรุงศรี
มาพร้อมกันยังพระบุรี จะชั่งขึ้นกับรูปบุตรีเรา
รูปทองของกษัตริย์องค์ใด ชูชั่งขึ้นได้หนักเท่า
กับรูปพระธิดานงเยาว์ เราจะยกให้ครอบครองกัน
ตามในบุพเพนิวาสา ทั้งสองสร้างมาเป็นแม่นมั่น
จำทำตามประเพณีธรรม์ ขวัญเข้าจะเห็นประการใด ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณมาลีศรีใส
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย อรไทก้มเกล้าอัญชลี
ซึ่งพระตรัสมาทั้งนี้ไซร้ ข้าจะรับใส่ไว้เหนือเกศี
เห็นสอดคล้องต้องตามประเพณี ข้าน้อยยินดีเป็นพ้นนัก ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตทรงศักดิ์
ฟังพระมเหสีเป็นที่รัก นงลักษณ์ทูลสนองก็ต้องใจ
พระจึงเสด็จลีลาศ จากอาสน์สุวรรณอันแจ่มใส
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล ออกยังพระโรงชัยรจนา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พร้อมด้วยมหาเสนี หมู่มุขมนตรีซ้ายขวา
จึงมีพระราชบัญชา สั่งมหาเสนาทันใด
ให้เร่งแต่งราชสารศรี ไปทุกธานีน้อยใหญ่
ให้หล่อรูปสุวรรณอันอำไพ มายังกรุงไกรจงพร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มหาเสนาในคนขยัน
รับสั่งแล้วตั้งบังคมคัล พากันออกมาศาลาใน
จึงแต่งพระราชสารศรี ตามมีบัญชาเป็นข้อใหญ่
แล้วส่งให้ทูตจำทูลไป ทุกกรุงไกรร้อยเอ็ดพระพารา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ราชทูตผู้ชาญอาสา
รับสารแล้วรีบออกมา ขึ้นพาชีแยกกันไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายทูตจำทูลสารศรี มาจันทบุรีกรุงใหญ่
ครั้นถึงจึงลงมโนมัย รีบรัดเข้าไปยังศาลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึงแจ้งโดยลักษณ์สารศรี แก่เสนาธิบดีซ้ายขวา
ตามยุบลคดีซึ่งมีมา ให้แจ้งกิจจาทุกประการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาเมืองจันท์ได้แจ้งสาร
ก็เข้าไปเฝ้าสองพระภูบาล ยังท้องพระโรงธารทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคมคัล ทูลสองทรงธรรม์เป็นใหญ่
ว่าท้าวพินทุทัตภูวไนย บัดนี้ให้มีสารมา
ถึงสองพระองค์ทรงธรณี เป็นทางราชไมตรีเสนหา
ทูลแล้วกราบลงได้สามลา อ่านลักษณ์สาราทันใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ในสารว่าท้าวพินทุทัต สุริย์วงศ์จักรพรรดิเป็นใหญ่
ปิ่นภพจบสกลแดนไตร ในพิชัยยโสธรธานี
พระองค์ทรงทศธรรเมศ พระเดชเฟื่องฟ้าราศี
ไร้ราชสุริย์วงศ์ทรงธาตรี มีแต่พระธิดาทั้งเจ็ดองค์
ทรงลักษณ์อัครกัลยาณี สูงศรีเสาวภาคย์นวลหง
จำเริญวัยวัฒนาวราทรง ควรจะเสกสุริย์วงศ์เป็นคู่ครอง
ให้กรุงกษัตริย์ร้อยเอ็ดองค์ พระยาจันท์พระยาหงส์ทั้งสอง
บรรจงทรงหล่อรูปทอง ฉลองมาชั่งด้วยพระธิดา
แม้ไม่หนักเบาเท่าองค์ใด จะเสกให้ครองสุริย์วงศา
ขอพระองค์ทรงภพทั้งสองรา จงทราบบาทาบัดนี้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาจันท์พระยาหงส์เรืองศรี
ฟังสารอ่านแจ้งแห่งคดี พระมีความชื่นชมภิรมย์ใจ
จึงมีพระราชบัญชา แก่มหาเสนาผู้ใหญ่
จงเร่งเบิกทองอุไร มาหล่อรูปไปได้ดังจินดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศา
วางวิ่งเป็นสิงคลีมา ให้หาช่างหล่อในทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ได้พร้อมสูบเตาเบ้าราง ทั้งนายช่างเคยทำการใหญ่
ครั้นถึงฤกษ์งามยามชัย ก็หล่อรูปภูวไนยทั้งสององค์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นหล่อสำเร็จเสร็จพลัน ซึ่งรูปพระยาจันท์พระยาหงส์
ไพจิตรพิศพรรณบรรจง ก็มาทูลบาทบงสุ์พระภูมี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาจันท์พระยาหงส์เรืองศรี
ได้ฟังมหาเสนี มีใจสุขเกษมเปรมปรา
จึงสั่งให้เตรียมทวยหาญ ม้ารถคชสารซ้ายขวา
พรุ่งนี้จะยกยาตรา ไปยังพารายโสธร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาก้มเกล้าอยู่สลอน
รับบัญชาการแล้วรีบร้อน มาจัดนิกรโยธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ขุนช้างเร่งผูกช้างต้น เคยผจญไพรีแกล้วกล้า
ขุนม้าก็ผูกอาชา สามารถอาจร้ายราวี
ขุนรถเตรียมรถแพรวพราย ขึ้นประจำทั้งนายสารถี
ขุนพลจัดพลมนตรี เตรียมท่าภูมีจะยาตรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นรุ่ง พระสุริยาพวยพุ่งเวหา
สองกษัตริย์ลีลาศคลาดคลา มาเข้าที่สรงวารี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ ต่างองค์ชำระสระสนาน สุคนธ์ธารปนทองผ่องศรี
สนับเพลาเพรากระหนกนาคี ภูษาพื้นมีสุบรรณบิน
ชายไหวชายแครงแสงส่อง ฉลององค์ทรงเพริศเฉิดฉิน
สะอิ้งองค์ทรงประดับสลับนิล ทับทรวงดวงจินดาดี
ทรงสอดสร้อยสนสังวาลวรรณ พาหุรัดกุดั่นอันเรืองศรี
ทองกรธำมรงค์รูจี ทรงชฎามณีรจนา
สององค์ทรงพระแสงสำหรับกร บทจรจากปราสาทอันเลขา
พระสนมห้อมล้อมลีลา มาทรงรถาคลาไคล ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ รถเอยราชรถทรง สองรถบรรจงแสงใส
ดุมวงกงกำอำไพ แอกอ่อนงอนละไมชวยชด
แปรกบังรังเรือนโตกตั่ง ชั้นบัลลังก์ทรงอลงกต
สิงห์อัดหยัดยืนยันรถ ทุกชั้นหลั่นลดกันลงมา
สารถีขี่ขับอาชาชาญ ธงฉานธงฉายซ้ายขวา
อภิรุมชุมสายรจนา บังแสงสุริยาจามร
กระชิงกลิ้งกลดมยุรฉัตร พัดโบกซ้อนซับสลับสลอน
ฆ้องกลองเซ็งแซ่ทั้งแตรงอน คลายคลี่นิกรยาตรา
ออกจากกรุงจันทบุรี โยธีเสียงสนั่นลั่นป่า
เร่งรัดจัตุรงคโยธา มาตามมรคาพนาลี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงพระยาร้อยเอ็ดกรุงศรี
ครั้นแจ้งราชสารทุกธานี มีใจเกษมเปรมปรา
ต่างหล่อรูปทองฉลององค์ ด้วยจำนงในความเสนหา
ครั้นแล้วก็จัดโยธา พลรถคชาพาชี
ต่างองค์กรีธาพลากร รีบร้อนออกจากกรุงศรี
ดั้นดัดลัดป่าพนาลี มายังรีรียโสธร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงพร้อมทัพพระยาจันท์ ชวนกันชื่นชมสโมสร
ให้ตั้งทัพพลับพลาแรมร้อน อยู่นอกพระนครทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาจันทวงศ์เป็นใหญ่
จึงสั่งเสนาม้าใช้ ให้รีบไปแจ้งธานี ฯ

ๆ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศี
มาขึ้นมิ่งม้าพาชี รีบไปธานีมิได้ช้า ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงหยุดอัสดร เดินด่วนรีบร้อนเข้ามาหา
ยังท่านมหาเสนา แล้วแจ้งกิจจาทุกประการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาผู้ใหญ่ได้ฟังสาร
ก็เข้าไปเฝ้าพระภูบาล ยังสถานที่ท้องพระโรงชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงเดชเป็นใหญ่
บัดนี้พระยาจันท์ชาญชัย พระยาหงส์ภูวไนยอนุชา
กับกษัตริย์ร้อยเอ็ดบุรี ยกพลโยธีมาหนักหนา
ตั้งทัพอยู่นอกนัครา จงทราบบาทาพระภูมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตเรืองศรี
ครั้นแจ้งแห่งมหาเสนี มีพระทัยใสสุทธิ์เบิกบาน
จึงสั่งหมู่มุขมนตรี ให้แต่งที่กษัตริย์มหาศาล
จงพร้อมพรั่งยังหน้าพระลาน อันจะตั้งทำการบัดนี้
สั่งเสร็จพระเสด็จจากอาสน์ ลินลาศดังพระยาไกรสีห์
เข้ายังปรางค์รัตน์รูจี ภูมีชื่นชมปรีดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึงมุขอำมาตย์ซ้ายขวา
มาแต่งที่ตามพระบัญชา ยังหน้าพระลานทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรศรีใส
แจ้งว่ากษัตริย์ทั้งนั้นไซร้ มาถึงกรุงไกรพร้อมกัน
นางเร่งร้อนรนเป็นพ้นคิด ดังดวงจิตจะแตกแหลกลั่น
แสนคะนึงถึงองค์พระทรงธรรม์ กัลยาเร่าร้อนพันทวี
สุดจะคิดผ่อนผันด้วยปัญญา จึงปรึกษาพระพี่เลี้ยงสองศรี
ด้วยองค์พระชนกธิบดี บัดนี้มีจิตคิดจำนง
ให้กษัตริย์หล่อรูปมาพร้อมกัน ทั้งรูปของพระยาจันท์พระยาหงส์
แม้รูปเราชั่งเท่าเสมอองค์ จะให้สืบสุริย์วงศ์ครองกัน
ถ้ารูปน้องรักไม่หนักเบา เสมอกับรูปเขาเป็นแม่นมั่น
จะเสียทีที่น้องได้ผูกพัน ในพระองค์ทรงธรรม์แต่หลังมา
น้องไม่ขอครองชีวิตไว้ อยู่ไปให้คนเห็นหน้า
จะกลั้นใจให้ม้วยมรณา ดีกว่าที่ได้ทรมาน
พี่เจ้าทั้งสองผู้ใจภักดิ์ จงช่วยน้องรักคิดอ่าน
เอาทองไปเที่ยวจ้างวาน ให้หล่อรูปภูบาลดังใจ
แม้สมคิดดังจิตจินดา พี่ยาจงช่วยเอาไปให้
จะชั่งรูปทั้งนั้นเมื่อวันใด เชิญพระภูวไนยเสด็จมา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงรับสั่งขออาสา
ชั่งทองหนักเท่านางกัลยา แล้วซ่อนรีบออกมาทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงช่างทองคนสนิท เป็นมิตรชิดชอบอัชฌาสัย
แจ้งความตามจริงทุกสิ่งไป พี่เจ้าจงได้เมตตา
หล่อรูปพระองค์ทรงฤทธิ์ ให้สำเร็จดังจิตปรารถนา
ให้ทันวันฤกษ์เวลา เห็นแก่พระธิดาได้เอ็นดู
ความนี้พี่อย่าให้พรายแพร่ง รู้แจ้งออกไปเป็นหลายหู
แต่เราต่อเราจะร่วมรู้ จะรางวัลพี่ผู้ใจภักดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ช่างทองได้แจ้งถ้วนถี่
จึงรับคำสองนางนารี จะเป็นไปมีอย่าร้อนใจ
จะหล่อรูปสุริย์วงศ์กษัตรา ให้สมดังจินดาจงได้
ว่าแล้วเท่านั้นทันใด ก็ปั้นรูปภูวไนยขึ้นด้วยพลัน
แล้วหล่อเป็นองค์พระทรงศักดิ์ เลิศลักษณ์ดังเทพรังสรรค์
เสร็จดังปรารถนาไม่ช้าวัน ให้แก่สองกัลยาณี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงสาวศรี
ครั้นเห็นเสร็จแล้วก็ยินดี จึงว่าพี่ช่างทองได้เมตตา
ช่วยเอารูปทองอันบรรจง ของพระโฉมยงไปส่งข้า
ที่ในสวนศรีมาลา มีคุณน้องราจะถึงใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ช่างทองผู้มีอัชฌาสัย
จึงเอารูปพระองค์ทรงชัย ออกไปด้วยสองกัลยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นมาถึงสวนมาลี สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา
ถวายบังคมคัลวันทา ทูลพระผ่านฟ้าไปทันใด
ว่าองค์สมเด็จพระบุตรี ให้เอารูปนี้ออกมาให้
แล้วแจ้งเนื้อความตามใน ให้ทราบพระทัยทุกอัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองฟ้านราสรรค์
ครั้นเห็นรูปทองของทรงธรรม์ อันบรรจงหล่อฉลองมา
พระเร่งไพบูลย์พูนสวัสดิ์ แสนสุขโสมนัสหรรษา
จึงมีมธุรสพจนา แก่สองกัลยาทรามวัย
มิเสียทีที่น้องปองรัก ก็ประจักษ์อยู่แล้วไม่สงสัย
จะสู้ม้วยด้วยเจ้าเป็นสองไป มิให้ราศร้างโรยรา
อันร่วมจิตคิดการมาทั้งนี้ น้องมีความยินดีเป็นหนักหนา
มาตรแม้นน้องแก้วแววตา กัลยาจักได้แก่ผู้ใด
ตัวน้องมิได้ละวาง จะเริศร้างห่างนางอย่าสงสัย
จะขอยุทธ์ยิงชิงชัย ไม่อาลัยแก่ชีพชีวัน
พี่เจ้าจงแจ้งนางกัลยา ว่าถึงวันเวลาจะผายผัน
กับพระยาสามนต์ทั้งนั้น ให้พร้อมกันในหน้าพระลานชัย ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางรับสั่งบังคมไหว้
แล้วทูลลาองค์พระภูวไนย พากันคลาไคลจากอุทยาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มาถึง จึงทูลพระบุตรียอดสงสาร
ตามพระบัญชาของภูบาล ให้ทราบบทมาลย์นางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ฟังสองพี่เลี้ยงแจ้งคดี เทวีชื่นชมภิรมย์ใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาจันท์พระยาหงส์เป็นใหญ่
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย ภูวไนยสรงสหัสนัที
ทรงเครื่องสำหรับกษัตริย์เสร็จ ทั้งพระยาร้อยเอ็ดกรุงศรี
ก็พากันเข้ามายังธานี มนตรีเชิญรูปฉลองไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นมาถึงหน้าพระลาน ที่ตั้งมงคลการใหญ่
พฤฒามาตย์ราชครูทั้งนั้นไซร้ แสนเสนาในแน่นนันต์
ต่างองค์ต่างขึ้นราชอาสน์ อันโอภาสบรรเจิดเฉิดฉัน
เสด็จนั่งเป็นลำดับกัน ท่าองค์ทรงธรรม์ยโสธร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองฤทธิ์แสงศร
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงรวิวร พระภูธรสระสรงคงคา
ทรงสุคนธาธารตระการกลิ่น รวยรินรื่นรสด้วยบุปผา
สอดใส่สนับเพลาเพราตา ภูษาพื้นสุวรรณพรรณราย
จีบโจงจังหวัดรัดองค์ ชายแคลงแสงส่งเฉิดฉาย
ชายไหวจำรัสสะบัดปลาย ทองกรแพรวพรายอลงการ์
ทรงสอดสังวาลประพาฬเพชร กิ่งเก็จจำรัสพระเวหา
ทับทรวงร่วงรุ่งรจนา ทรงพาหุรัดตรัสไตร
ทรงมงกุฎเก็จเพชรแพรว กรรเจียกแก้วแอร่มแจ่มใส
ขัดพระขรรค์อันเรืองฤทธิไกร จะสังหารไพรีราญรอน
ทรงโฉมประโลมจิตพิศวง งามองค์งามทรงพระแสงศร
งามทรงดังองค์พระสี่กร จากเกษียรสาครเสด็จมา
ให้พี่เลี้ยงเชิญรูปทองทรง ตามเสด็จล้อมวงซ้ายขวา
พระเสด็จยุรยาตรคลาดคลา มาขึ้นมิ่งม้าพาชี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ ม้าทรง อาจองดังพระยาราชสีห์
สี่ท้าวขาวดวงดังสำลี สีดำดังมณีนิลุบล
งามศรีมีลักษณ์ทั้งกายา องค์เอกอาชาม้าต้น
กำแหงแรงเริงราญรณ เคยผจญไพรีมีชัย
ยกหูชูคอย่อท้าย บัดย่างย้ายดังม้าพระสุริย์ใส
เหี้ยมหาดผาดร้องก้องไป ไวว่องย่องย่ำในทำนอง
ประดับเครื่องเรืองรองเนาวรัตน์ แจ่มจัดอานฉลุกุก่อง
ใบโพธิ์วิเชียรบังเหียนทอง ซองหางกระจ่างแจ่มด้วยจินดา
จงกลพู่หูห้อยพลอยกุดั่น แคบขันง่องงํ้าพานหน้า
โกลนฉลองรองบาทรจนา ผนังข้างกระจ่างฟ้าเพริศพราย
ย่องยงดังหงส์เหมราช อันทรงองค์กมลาศผาดผาย
งามทรงเพียงองค์พระนารายณ์ ย่างย้ายยาตราเข้าธานี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น บรรดาหญิงชายชาวกรุงศรี
ทั้งพ่อค้าพาณิชคหบดี เศรษฐีชีพราหมณ์นานา
ครั้นได้เห็นองค์พระทรงสวัสดิ์ อันงามลํ้ากษัตริย์ทุกทิศา
เสด็จเข้ามาในนัครา ต่างคนต่างมาตื่นกัน
ชะรอยว่าเทวาสุราฤทธิ์ มาจากดุสิตสรวงสวรรค์
จึงทรงโฉมประโลมวิไลวรรณ เป็นที่พันเอิญจำเริญใจ
จะดูพักตร์พิศพักตร์ก็ลืมองค์ จะดูทรงพิศทรงก็หลงใหล
บ้างพูดจาไถ่ถามกันต่อไป พระมาแต่เมืองไหนจะใคร่รู้
น่ารักดังจักกลืนได้ นางใดเห็นไม่ควรคู่
แม้นกับพระธิดาโฉมตรู จะดูงามฟ้าธาตรี
หญิงชายชาวเมืองทั้งนั้น ต่างคนพูดกันอึงมี่
แสนพิศวาสพระภูมี พ้นที่จะอุปมาไป ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองฟ้าดังสุริย์ใส
ครั้นถึงจึงลงอาชาไนย เสด็จไปยังหน้าพระลานพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตรังสรรค์
แจ้งว่ากรุงกษัตริย์ทั้งนั้น มาพร้อมกันยังหน้าพระลานชัย
พระมีความยินดีปรีดา พักตราแอร่มแจ่มใส
จึงเสด็จลีลาคลาไคล เข้าในที่สนานสำราญองค์
ทรงสุคนธ์ปนอุไรปนปรุง เฟื่องฟุ้งไตรภพตลบหลง
ภูษิตวิจิตรโจงประจง อลงกตด้วยรัตนามัย
ทรงใส่สนับเพลาเนาหน่วง ไว้เป็นห่วงลอดสอดชายไหว
ชายแคลงแสงตรัสกวัดไกว สะอิ้งองค์อำไพด้วยพลอยนิล
สร้อยสนสังวาลประพาฬเพชร เด็ดดิ้งพริ้งเพริศเฉิดฉิน
ตาบทิศวิจิตรด้วยโกมิน จินดาประดับทับทรวงทรง
ทองกรรูปวาสุกรีกลาย พาหุรัดแพรวพรายก่องก่ง
นิ้วพระหัตถ์ทัดทิพย์ธำมรงค์ ทรงมงกุฎแก้วแพรวพราย
ดอกไม้พ่วงร่วงรุ่งเพชรรัตน์ กรรเจียกจรจำรัสแสงฉาย
ทรงพระแสงแรงฤทธิ์กำจาย นาดกรายมายังพระลานชัย ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ พร้อมด้วยเสนาพฤฒามาตย์ ห้อมล้อมเดียรดาษอยู่ไสว
เสด็จเหนือบัลลังก์อันอำไพ ภายใต้เศวตฉัตรรจนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ แล้วมีบัญชาปราศรัย แก่กรุงกษัตริย์น้อยใหญ่ถ้วนหน้า
จึงเห็นพระศรีเมืองเรืองฟ้า ทรงพักตร์ลักขณาจำเริญใจ
งามล้ำอัมรินทร์อินทร์องค์ พระพินิจพิศวงหลงใหล
กล้องแกล้งแน่งน้อยดังวาดไว้ พระจึงตรัสปราศรัยไปด้วยพลัน
ดูก่อนเจ้าผู้สุนทรลักษณ์ ทรงศักดิ์สุริย์วงศ์รังสรรค์
เป็นหน่อเนื้อพระวงศ์ทรงธรรม์ ครองขัณฑเสมากรุงใด ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองศรีดังสุริย์ใส
ก้มเกล้าบังคมพระภูวไนย แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ โปรดเกศ พระทรงเดชลํ้าทศทิศา
ตัวข้าผู้ฉลองพระบาทา นามกรชื่อว่าพระศรีเมือง
อันพระบิตุรงค์ทรงเศวตฉัตร ทรงนามโขมพัสตร์ฟุ้งเฟื่อง
ปรากฏพระยศรุ่งเรือง ผ่านเมืองโขมราฐพารา
แจ้งว่าพระองค์ผู้ทรงภพ ให้มีสารไปจบทุกทิศา
จะเสี่ยงรูปสุวรรณนางกัลยา ข้าจึงมาทูลบาทพระภูวไนย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตเป็นใหญ่
ได้ฟังพระศรีเมืองเรืองชัย พระภูวไนยตริตรึกไปมา
พระโฉมยงองค์นี้เป็นที่สุด งามลํ้าเทพบุตรในตรึงษา
ทรงโฉมประโลมโลกา กว่ากรุงกษัตริย์ทุกธานี
แม้ได้แก่สุวรรณเกสร พระธิดาสายสมรมารศรี
จะงามดินงามฟ้าธาตรี จะเป็นศรีพระนครสืบไป
ให้เผอิญใจรักเป็นหนักหนา แต่สุดที่จะบัญชาออกได้
จึงสั่งชาวแม่กำนัลใน ให้ไปเชิญทั้งเจ็ดพระบุตรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพระกำนัลสาวศรี
รับสั่งแล้วถวายอัญชลี ไปเชิญพระบุตรีทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงปราสาทพระธิดา ทั้งเจ็ดกัลยาเป็นใหญ่
ก้มเกล้ากราบลงทันใจ แล้วทูลอรไทพระธิดา
บัดนี้สมเด็จพระบิตุเรศ ทรงเดชเสด็จอยู่คอยหา
กรุงกษัตริย์ร้อยเอ็ดพระพารา ทั้งนั้นก็มาพร้อมกัน
ให้มาทูลเชิญพระแม่เจ้า ทั้งเจ็ดองค์นงเยาว์ผายผัน
ไปเฝ้ายังหน้าพระลานพลัน แต่ในทันใดอย่าได้ช้า ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ทั้งหกพระราชธิดา แจ้งว่าพระชนกให้หาไป
จึงเข้าที่ชำระสระสนาน สุธาธารทิพรสสดใส
ทรงสุคนธ์ปนทองอุไร กลิ่นกลบตลบไปทั้งเจ็ดองค์
บรรจงทรงกันจุไรรัตน์ ผิวผัดพักตร์ผ่องก่องก่ง
ภูษิตวิจิตรจีบประจง ทรงสไบใยยองทองพราย
สอดสะอิ้งกิ่งเก็จเวจุวรรณ ใบโพธิ์กุดั่นแดงแสงฉาย
ทรงประดับทับถันพรรณราย แพรวพรายด้วยพลอยมณีนิล
สร้อยสนสังวาลประพาฬรัตน์ ต้นพระกรจำรัสเฉิดฉิน
ปลายพระหัตถ์รัตน์รูปนาคิน เลิศล้วนโกมินจินดาดี
พระธำมรงค์วงแววแก้วเก็จ เพชรระยับจับแสงพระสุริย์ศรี
ทรงพระศิโรรัตน์โมฬี กรรเจียกจรรูจีด้วยกุณฑล
ทั้งเจ็ดนางอย่างเทพกินริน ดังจะบินขึ้นโดยพระเวหน
งามลบจบโลกในสากล จรจากไพชยนต์ลีลามา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ ครั้นเสด็จถึงหน้าพระลานพลัน พระกำนัลแห่ห้อมซ้ายขวา
เข้าในพระวิสูตรรจนา วันทาพระชนกธิบดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตเรืองศรี
เห็นเจ็ดพระราชบุตรี มาแล้วก็เร่งปรีดา
จึงมีบัญชาไปทันใด ว่าลูกรักสายใจเสนหา
พ่อให้หาเจ้าทั้งเจ็ดมา จะเสี่ยงวาสนานั้นดู
ตามแต่บุพเพนิวาสไว้ แม้นกษัตริย์องค์ใดจะควรคู่
จะเอารูปขึ้นชั่งบนตราชู ให้รู้แท้แน่นอนประจักษ์ใจ
ถ้ารูปนั้นเท่าไม่เบาหนัก จึงจะยกลูกรักของพ่อให้
แก้วตาอย่าคิดอาลัย สุดแต่บุญสร้างไว้แต่หลังมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ทั้งหกองค์นงนุชสุดโสภา ได้ฟังวาจาพระภูวไนย
ต่างกราบลงกับพระบาทา จะตอบพระบัญชาก็หาไม่
นางชม้ายชายเนตรชำเลืองไป สอดส่ายหาองค์พระทรงธรรม์
เห็นพระโฉมยงทรงสวัสดิ์ ยิ่งแสนประดิพัทธ์เสียวสัน
ศรเนตรต้องเนตรเมียงมัน ด้วยสำคัญคมในไปมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งหกองค์ทรงลักษณ์กนิษฐา
ต่างองค์แลลอดสอดนัยนา ดูกรุงกษัตราทั้งนั้น
สิ้นทั้งร้อยเอ็ดเสด็จมา ไม่ต้องตายาใจจะใฝ่ฝัน
เจ็ดนางต่างแลมาดูกัน ต่างองค์โศกศัลย์เป็นสุดคิด
ด้วยไม่สมจำนงจงใจ ดังหนึ่งใครเอาไฟมาสุมจิต
ครั้นเห็นพระศรีเมืองเรืองฤทธิ์ อันทรงโฉมก็พิศวาสนัก
ด้วยงามลํ้าเทวาสุราลัย จบสกลทั้งในไตรจักร
เร่งกระสันในองค์พระทรงลักษณ์ ความรักสุดที่จะเปรียบไป
ต่างองค์ต่างถวิลในวิญญาณ์ รูปข้าขอให้ชั่งด้วยได้
ความพิศวาสจะขาดใจ ต่างดูภูวไนยไม่วางตา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึงท้าวพินทุทัตวงศา
ครั้นได้พิชัยเวลา จึงสั่งมหาเสนี
ให้เอารูปสุวรรณอันบรรจง ฉลององค์ทั้งเจ็ดมารศรี
กับรูปกษัตริย์ธิบดี มาชั่งขึ้นบัดนี้อย่าช้า ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีธิบดีซ้ายขวา
ก้มเกล้ารับสั่งแล้วออกมา พร้อมกันยังหน้าพระภูธร
จึงเชิญรูปนางสุวรรณกัลยา พระยาจันทวงศานั้นมาก่อน
ยกขึ้นตราชูเป็นคู่คอน ก่อนรูปทั้งนั้นทันใด
อันรูปพระยาจันทวงศ์ จะเท่าองค์พระบุตรีก็หาไม่
เบากว่ารูปทองของอรไท เพราะบุญมิได้ควรกัน
ทั้งรูปพระยาหงส์อนุชา กษัตราร้อยเอ็ดเขตขัณฑ์
ก็เบากว่าสิ้นทั้งนั้น ใครจะหนักเท่าทันก็ไม่มี
แต่รูปนางศรีประภา กนิษฐาถัดองค์มารศรี
หนักเบาเท่ากันเป็นอันดี กับรูปภูมีพระยาจันท์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ จึงเอารูปทองอันรองเรือง ขององค์พระศรีเมืองเฉิดฉัน
ชั่งขึ้นกับรูปนางสุวรรณ ก็หนักเท่ากันดังจินดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึงองค์พระยาจันทวงศา
ครั้นเห็นรูปกษัตริย์ทั้งสองรา ขึ้นตราชูเที่ยงเท่ากัน
ให้ละห้อยสร้อยเศร้าอาลัย เสียใจเพียงจะม้วยอาสัญ
สุดจิตคิดอายแก่ทั้งนั้น จึงว่าพระศรีเมืองไปทันใด
ดูก่อนเจ้าผู้ทรงสวัสดี อันตัวเรานี้เป็นผู้ใหญ่
ไม่ควรคู่สู่สมภิรมย์ใจ ในพระบุตรีศรีประภา
ขอเปลี่ยนนางสุวรรณเกสร จงผ่อนให้ได้เห็นแก่ข้า
อันองค์เทวีศรีประภา สมควรนัดดาจะครองกัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองฟ้านราสรรค์
ได้ฟังบัญชาพระยาจันท์ พระสำรวลสรวลสันต์แล้วตอบไป
ตัวข้าน้อยนี้ดังนัดดา ก็จริงเหมือนบัญชาแถลงไข
แต่บุญหลังเคยสร้างด้วยกันไว้ จึงเผอิญให้ได้สมคิด
ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็เสียเปล่า ไม่เท่าข้าน้อยกระจิหริด
เพราะบุญไม่เคยได้เชยชิด มิได้เป็นมิ่งมิตรด้วยกันมา
จะเปลี่ยนให้ดังใจประสงค์นั้น ไม่ต้องกันด้วยต่างวาสนา
จะสู้ตายมิให้นางกัลยา แก้วตาตกไปแก่ชายใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาจันทวงศ์เป็นใหญ่
ฟังพระศรีเมืองเรืองชัย ยิ่งกริ้วโกรธใจเป็นพ้นนัก
ดูดู๋เด็กน้อยอหังการ์ เจรจาอาจองทะนงศักดิ์
ว่ากล่าวห้าวหาญเป็นพ้นนัก จะรู้จักผู้ใหญ่ก็ไม่มี
ถึงมิให้องค์นงพาล ใช่จะไร้เยาวมาลย์มเหสี
แม้ยืดไปไม่ม้วยชีวี ใครดีจะได้เห็นกัน
แล้วมีพจนารถประภาษไป แก่ท้าวไทพินทุทัตรังสรรค์
ตัวข้ากับกษัตริย์ทั้งนั้น บรรดามาพร้อมกันทุกธานี
บุญหลังปางก่อนมิได้สร้าง จึงเริศร้างห่างองค์มารศรี
อันโฉมนางประภากัลยาณี เทวีทรงลักษณ์จำเริญวัย
จะเสกกับข้าชราร่าง จะควรคู่ด้วยนางก็หาไม่
ขอเวนเทวีถวายไว้ จะอำลากลับไปพระบุรี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตเรืองศรี
ได้ฟังพระยาจันท์ธิบดี จึงมีบัญชาตอบไป
ทั้งนี้ก็เพราะวาสนา ได้สร้างสมมาเป็นใหญ่
บุญสองเคยครองได้ทำไว้ จึงเพอิญให้ได้กัน
อย่าได้ละห้อยน้อยจิต คิดความขึ้งเคียดเดียดฉันท์
ดับใจอย่าให้ผูกพัน จงรักษาโดยธรรม์ประเพณี
ซึ่งจะยกกลับไปพารา ทั้งร้อยเอ็ดกษัตราเรืองศรี
จงไปเป็นสุขทุกราตรี อย่ามีโรคามาพะพาน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาจันทวงศ์ได้ฟังสาร
กรุงกษัตริย์ทั้งนั้นก็ชื่นบาน ต่างบัญชาการอำลา
ครั้นแล้วให้ยกพลขัณฑ์ พร้อมกันทุกหมู่อาสา
จากยโสธรพระพารา แยกมรคาไปยังธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ