- คำนำ อธิบดีกรมศิลปากร
- นิทานเรื่องพระศรีเมือง
- นิทานเรื่องพระศรีเมืองต่อจากบทละคอน
- ตอนที่ ๑ พระศรีเมืองเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ หงส์อาสาหาคู่ให้พระศรีเมือง
- ตอนที่ ๓ พระศรีเมืองเข้าเมืองยโสธร
- ตอนที่ ๔ พระศรีเมืองได้นางสุวรรณเกสร
- ตอนที่ ๕ ท้าวพินทุทัตให้ธิดาเสี่ยงคู่
- ตอนที่ ๖ อภิเษกพระศรีเมือง
- ตอนที่ ๗ ท้าวโขมพัสตร์ให้ไปรับพระศรีเมือง
- ตอนที่ ๘ พระศรีเมืองชมสวน
- ตอนที่ ๙ พระศรีเมืองทูลลาท้าวพินทุทัต
- ตอนที่ ๑๐ พระศรีเมืองรบกับพระยาจันทร
ตอนที่ ๕ ท้าวพินทุทัตให้ธิดาเสี่ยงคู่
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวพินทุทัตเป็นใหญ่ |
อยู่ในปราสาทแก้วแววไว | ด้วยองค์อรไทเทวี |
จึงมีมธุรสพจมาน | แก่องค์นงคราญมเหสี |
บัดนี้ทั้งเจ็ดพระบุตรี | อันมีลักษณ์วิไลโสภา |
เฉิดโฉมเป็นที่ประโลมใจ | ทรงวัยจำเริญชันษา |
คิดจะให้มีราชสารา | ไปถึงท้าวพระยาทุกธานี |
ให้หล่อรูปสุวรรณอันบรรจง | สนององค์กษัตริย์ทุกกรุงศรี |
มาพร้อมกันยังพระบุรี | จะชั่งขึ้นกับรูปบุตรีเรา |
รูปทองของกษัตริย์องค์ใด | ชูชั่งขึ้นได้หนักเท่า |
กับรูปพระธิดานงเยาว์ | เราจะยกให้ครอบครองกัน |
ตามในบุพเพนิวาสา | ทั้งสองสร้างมาเป็นแม่นมั่น |
จำทำตามประเพณีธรรม์ | ขวัญเข้าจะเห็นประการใด ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณมาลีศรีใส |
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย | อรไทก้มเกล้าอัญชลี |
ซึ่งพระตรัสมาทั้งนี้ไซร้ | ข้าจะรับใส่ไว้เหนือเกศี |
เห็นสอดคล้องต้องตามประเพณี | ข้าน้อยยินดีเป็นพ้นนัก ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตทรงศักดิ์ |
ฟังพระมเหสีเป็นที่รัก | นงลักษณ์ทูลสนองก็ต้องใจ |
พระจึงเสด็จลีลาศ | จากอาสน์สุวรรณอันแจ่มใส |
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล | ออกยังพระโรงชัยรจนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พร้อมด้วยมหาเสนี | หมู่มุขมนตรีซ้ายขวา |
จึงมีพระราชบัญชา | สั่งมหาเสนาทันใด |
ให้เร่งแต่งราชสารศรี | ไปทุกธานีน้อยใหญ่ |
ให้หล่อรูปสุวรรณอันอำไพ | มายังกรุงไกรจงพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มหาเสนาในคนขยัน |
รับสั่งแล้วตั้งบังคมคัล | พากันออกมาศาลาใน |
จึงแต่งพระราชสารศรี | ตามมีบัญชาเป็นข้อใหญ่ |
แล้วส่งให้ทูตจำทูลไป | ทุกกรุงไกรร้อยเอ็ดพระพารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ราชทูตผู้ชาญอาสา |
รับสารแล้วรีบออกมา | ขึ้นพาชีแยกกันไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายทูตจำทูลสารศรี | มาจันทบุรีกรุงใหญ่ |
ครั้นถึงจึงลงมโนมัย | รีบรัดเข้าไปยังศาลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึงแจ้งโดยลักษณ์สารศรี | แก่เสนาธิบดีซ้ายขวา |
ตามยุบลคดีซึ่งมีมา | ให้แจ้งกิจจาทุกประการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาเมืองจันท์ได้แจ้งสาร |
ก็เข้าไปเฝ้าสองพระภูบาล | ยังท้องพระโรงธารทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคมคัล | ทูลสองทรงธรรม์เป็นใหญ่ |
ว่าท้าวพินทุทัตภูวไนย | บัดนี้ให้มีสารมา |
ถึงสองพระองค์ทรงธรณี | เป็นทางราชไมตรีเสนหา |
ทูลแล้วกราบลงได้สามลา | อ่านลักษณ์สาราทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ในสารว่าท้าวพินทุทัต | สุริย์วงศ์จักรพรรดิเป็นใหญ่ |
ปิ่นภพจบสกลแดนไตร | ในพิชัยยโสธรธานี |
พระองค์ทรงทศธรรเมศ | พระเดชเฟื่องฟ้าราศี |
ไร้ราชสุริย์วงศ์ทรงธาตรี | มีแต่พระธิดาทั้งเจ็ดองค์ |
ทรงลักษณ์อัครกัลยาณี | สูงศรีเสาวภาคย์นวลหง |
จำเริญวัยวัฒนาวราทรง | ควรจะเสกสุริย์วงศ์เป็นคู่ครอง |
ให้กรุงกษัตริย์ร้อยเอ็ดองค์ | พระยาจันท์พระยาหงส์ทั้งสอง |
บรรจงทรงหล่อรูปทอง | ฉลองมาชั่งด้วยพระธิดา |
แม้ไม่หนักเบาเท่าองค์ใด | จะเสกให้ครองสุริย์วงศา |
ขอพระองค์ทรงภพทั้งสองรา | จงทราบบาทาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยาจันท์พระยาหงส์เรืองศรี |
ฟังสารอ่านแจ้งแห่งคดี | พระมีความชื่นชมภิรมย์ใจ |
จึงมีพระราชบัญชา | แก่มหาเสนาผู้ใหญ่ |
จงเร่งเบิกทองอุไร | มาหล่อรูปไปได้ดังจินดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
วางวิ่งเป็นสิงคลีมา | ให้หาช่างหล่อในทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ได้พร้อมสูบเตาเบ้าราง | ทั้งนายช่างเคยทำการใหญ่ |
ครั้นถึงฤกษ์งามยามชัย | ก็หล่อรูปภูวไนยทั้งสององค์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นหล่อสำเร็จเสร็จพลัน | ซึ่งรูปพระยาจันท์พระยาหงส์ |
ไพจิตรพิศพรรณบรรจง | ก็มาทูลบาทบงสุ์พระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยาจันท์พระยาหงส์เรืองศรี |
ได้ฟังมหาเสนี | มีใจสุขเกษมเปรมปรา |
จึงสั่งให้เตรียมทวยหาญ | ม้ารถคชสารซ้ายขวา |
พรุ่งนี้จะยกยาตรา | ไปยังพารายโสธร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาก้มเกล้าอยู่สลอน |
รับบัญชาการแล้วรีบร้อน | มาจัดนิกรโยธา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ขุนช้างเร่งผูกช้างต้น | เคยผจญไพรีแกล้วกล้า |
ขุนม้าก็ผูกอาชา | สามารถอาจร้ายราวี |
ขุนรถเตรียมรถแพรวพราย | ขึ้นประจำทั้งนายสารถี |
ขุนพลจัดพลมนตรี | เตรียมท่าภูมีจะยาตรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่ง | พระสุริยาพวยพุ่งเวหา |
สองกษัตริย์ลีลาศคลาดคลา | มาเข้าที่สรงวารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน
๏ ต่างองค์ชำระสระสนาน | สุคนธ์ธารปนทองผ่องศรี |
สนับเพลาเพรากระหนกนาคี | ภูษาพื้นมีสุบรรณบิน |
ชายไหวชายแครงแสงส่อง | ฉลององค์ทรงเพริศเฉิดฉิน |
สะอิ้งองค์ทรงประดับสลับนิล | ทับทรวงดวงจินดาดี |
ทรงสอดสร้อยสนสังวาลวรรณ | พาหุรัดกุดั่นอันเรืองศรี |
ทองกรธำมรงค์รูจี | ทรงชฎามณีรจนา |
สององค์ทรงพระแสงสำหรับกร | บทจรจากปราสาทอันเลขา |
พระสนมห้อมล้อมลีลา | มาทรงรถาคลาไคล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ รถเอยราชรถทรง | สองรถบรรจงแสงใส |
ดุมวงกงกำอำไพ | แอกอ่อนงอนละไมชวยชด |
แปรกบังรังเรือนโตกตั่ง | ชั้นบัลลังก์ทรงอลงกต |
สิงห์อัดหยัดยืนยันรถ | ทุกชั้นหลั่นลดกันลงมา |
สารถีขี่ขับอาชาชาญ | ธงฉานธงฉายซ้ายขวา |
อภิรุมชุมสายรจนา | บังแสงสุริยาจามร |
กระชิงกลิ้งกลดมยุรฉัตร | พัดโบกซ้อนซับสลับสลอน |
ฆ้องกลองเซ็งแซ่ทั้งแตรงอน | คลายคลี่นิกรยาตรา |
ออกจากกรุงจันทบุรี | โยธีเสียงสนั่นลั่นป่า |
เร่งรัดจัตุรงคโยธา | มาตามมรคาพนาลี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพระยาร้อยเอ็ดกรุงศรี |
ครั้นแจ้งราชสารทุกธานี | มีใจเกษมเปรมปรา |
ต่างหล่อรูปทองฉลององค์ | ด้วยจำนงในความเสนหา |
ครั้นแล้วก็จัดโยธา | พลรถคชาพาชี |
ต่างองค์กรีธาพลากร | รีบร้อนออกจากกรุงศรี |
ดั้นดัดลัดป่าพนาลี | มายังรีรียโสธร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงพร้อมทัพพระยาจันท์ | ชวนกันชื่นชมสโมสร |
ให้ตั้งทัพพลับพลาแรมร้อน | อยู่นอกพระนครทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยาจันทวงศ์เป็นใหญ่ |
จึงสั่งเสนาม้าใช้ | ให้รีบไปแจ้งธานี ฯ |
ๆ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี |
มาขึ้นมิ่งม้าพาชี | รีบไปธานีมิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงหยุดอัสดร | เดินด่วนรีบร้อนเข้ามาหา |
ยังท่านมหาเสนา | แล้วแจ้งกิจจาทุกประการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาผู้ใหญ่ได้ฟังสาร |
ก็เข้าไปเฝ้าพระภูบาล | ยังสถานที่ท้องพระโรงชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | ทูลพระองค์ทรงเดชเป็นใหญ่ |
บัดนี้พระยาจันท์ชาญชัย | พระยาหงส์ภูวไนยอนุชา |
กับกษัตริย์ร้อยเอ็ดบุรี | ยกพลโยธีมาหนักหนา |
ตั้งทัพอยู่นอกนัครา | จงทราบบาทาพระภูมี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตเรืองศรี |
ครั้นแจ้งแห่งมหาเสนี | มีพระทัยใสสุทธิ์เบิกบาน |
จึงสั่งหมู่มุขมนตรี | ให้แต่งที่กษัตริย์มหาศาล |
จงพร้อมพรั่งยังหน้าพระลาน | อันจะตั้งทำการบัดนี้ |
สั่งเสร็จพระเสด็จจากอาสน์ | ลินลาศดังพระยาไกรสีห์ |
เข้ายังปรางค์รัตน์รูจี | ภูมีชื่นชมปรีดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงมุขอำมาตย์ซ้ายขวา |
มาแต่งที่ตามพระบัญชา | ยังหน้าพระลานทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรศรีใส |
แจ้งว่ากษัตริย์ทั้งนั้นไซร้ | มาถึงกรุงไกรพร้อมกัน |
นางเร่งร้อนรนเป็นพ้นคิด | ดังดวงจิตจะแตกแหลกลั่น |
แสนคะนึงถึงองค์พระทรงธรรม์ | กัลยาเร่าร้อนพันทวี |
สุดจะคิดผ่อนผันด้วยปัญญา | จึงปรึกษาพระพี่เลี้ยงสองศรี |
ด้วยองค์พระชนกธิบดี | บัดนี้มีจิตคิดจำนง |
ให้กษัตริย์หล่อรูปมาพร้อมกัน | ทั้งรูปของพระยาจันท์พระยาหงส์ |
แม้รูปเราชั่งเท่าเสมอองค์ | จะให้สืบสุริย์วงศ์ครองกัน |
ถ้ารูปน้องรักไม่หนักเบา | เสมอกับรูปเขาเป็นแม่นมั่น |
จะเสียทีที่น้องได้ผูกพัน | ในพระองค์ทรงธรรม์แต่หลังมา |
น้องไม่ขอครองชีวิตไว้ | อยู่ไปให้คนเห็นหน้า |
จะกลั้นใจให้ม้วยมรณา | ดีกว่าที่ได้ทรมาน |
พี่เจ้าทั้งสองผู้ใจภักดิ์ | จงช่วยน้องรักคิดอ่าน |
เอาทองไปเที่ยวจ้างวาน | ให้หล่อรูปภูบาลดังใจ |
แม้สมคิดดังจิตจินดา | พี่ยาจงช่วยเอาไปให้ |
จะชั่งรูปทั้งนั้นเมื่อวันใด | เชิญพระภูวไนยเสด็จมา ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งขออาสา |
ชั่งทองหนักเท่านางกัลยา | แล้วซ่อนรีบออกมาทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงช่างทองคนสนิท | เป็นมิตรชิดชอบอัชฌาสัย |
แจ้งความตามจริงทุกสิ่งไป | พี่เจ้าจงได้เมตตา |
หล่อรูปพระองค์ทรงฤทธิ์ | ให้สำเร็จดังจิตปรารถนา |
ให้ทันวันฤกษ์เวลา | เห็นแก่พระธิดาได้เอ็นดู |
ความนี้พี่อย่าให้พรายแพร่ง | รู้แจ้งออกไปเป็นหลายหู |
แต่เราต่อเราจะร่วมรู้ | จะรางวัลพี่ผู้ใจภักดี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ช่างทองได้แจ้งถ้วนถี่ |
จึงรับคำสองนางนารี | จะเป็นไปมีอย่าร้อนใจ |
จะหล่อรูปสุริย์วงศ์กษัตรา | ให้สมดังจินดาจงได้ |
ว่าแล้วเท่านั้นทันใด | ก็ปั้นรูปภูวไนยขึ้นด้วยพลัน |
แล้วหล่อเป็นองค์พระทรงศักดิ์ | เลิศลักษณ์ดังเทพรังสรรค์ |
เสร็จดังปรารถนาไม่ช้าวัน | ให้แก่สองกัลยาณี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพระพี่เลี้ยงสาวศรี |
ครั้นเห็นเสร็จแล้วก็ยินดี | จึงว่าพี่ช่างทองได้เมตตา |
ช่วยเอารูปทองอันบรรจง | ของพระโฉมยงไปส่งข้า |
ที่ในสวนศรีมาลา | มีคุณน้องราจะถึงใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ช่างทองผู้มีอัชฌาสัย |
จึงเอารูปพระองค์ทรงชัย | ออกไปด้วยสองกัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นมาถึงสวนมาลี | สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา |
ถวายบังคมคัลวันทา | ทูลพระผ่านฟ้าไปทันใด |
ว่าองค์สมเด็จพระบุตรี | ให้เอารูปนี้ออกมาให้ |
แล้วแจ้งเนื้อความตามใน | ให้ทราบพระทัยทุกอัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองฟ้านราสรรค์ |
ครั้นเห็นรูปทองของทรงธรรม์ | อันบรรจงหล่อฉลองมา |
พระเร่งไพบูลย์พูนสวัสดิ์ | แสนสุขโสมนัสหรรษา |
จึงมีมธุรสพจนา | แก่สองกัลยาทรามวัย |
มิเสียทีที่น้องปองรัก | ก็ประจักษ์อยู่แล้วไม่สงสัย |
จะสู้ม้วยด้วยเจ้าเป็นสองไป | มิให้ราศร้างโรยรา |
อันร่วมจิตคิดการมาทั้งนี้ | น้องมีความยินดีเป็นหนักหนา |
มาตรแม้นน้องแก้วแววตา | กัลยาจักได้แก่ผู้ใด |
ตัวน้องมิได้ละวาง | จะเริศร้างห่างนางอย่าสงสัย |
จะขอยุทธ์ยิงชิงชัย | ไม่อาลัยแก่ชีพชีวัน |
พี่เจ้าจงแจ้งนางกัลยา | ว่าถึงวันเวลาจะผายผัน |
กับพระยาสามนต์ทั้งนั้น | ให้พร้อมกันในหน้าพระลานชัย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางรับสั่งบังคมไหว้ |
แล้วทูลลาองค์พระภูวไนย | พากันคลาไคลจากอุทยาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มาถึง | จึงทูลพระบุตรียอดสงสาร |
ตามพระบัญชาของภูบาล | ให้ทราบบทมาลย์นางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรมารศรี |
ฟังสองพี่เลี้ยงแจ้งคดี | เทวีชื่นชมภิรมย์ใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยาจันท์พระยาหงส์เป็นใหญ่ |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย | ภูวไนยสรงสหัสนัที |
ทรงเครื่องสำหรับกษัตริย์เสร็จ | ทั้งพระยาร้อยเอ็ดกรุงศรี |
ก็พากันเข้ามายังธานี | มนตรีเชิญรูปฉลองไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นมาถึงหน้าพระลาน | ที่ตั้งมงคลการใหญ่ |
พฤฒามาตย์ราชครูทั้งนั้นไซร้ | แสนเสนาในแน่นนันต์ |
ต่างองค์ต่างขึ้นราชอาสน์ | อันโอภาสบรรเจิดเฉิดฉัน |
เสด็จนั่งเป็นลำดับกัน | ท่าองค์ทรงธรรม์ยโสธร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองฤทธิ์แสงศร |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงรวิวร | พระภูธรสระสรงคงคา |
ทรงสุคนธาธารตระการกลิ่น | รวยรินรื่นรสด้วยบุปผา |
สอดใส่สนับเพลาเพราตา | ภูษาพื้นสุวรรณพรรณราย |
จีบโจงจังหวัดรัดองค์ | ชายแคลงแสงส่งเฉิดฉาย |
ชายไหวจำรัสสะบัดปลาย | ทองกรแพรวพรายอลงการ์ |
ทรงสอดสังวาลประพาฬเพชร | กิ่งเก็จจำรัสพระเวหา |
ทับทรวงร่วงรุ่งรจนา | ทรงพาหุรัดตรัสไตร |
ทรงมงกุฎเก็จเพชรแพรว | กรรเจียกแก้วแอร่มแจ่มใส |
ขัดพระขรรค์อันเรืองฤทธิไกร | จะสังหารไพรีราญรอน |
ทรงโฉมประโลมจิตพิศวง | งามองค์งามทรงพระแสงศร |
งามทรงดังองค์พระสี่กร | จากเกษียรสาครเสด็จมา |
ให้พี่เลี้ยงเชิญรูปทองทรง | ตามเสด็จล้อมวงซ้ายขวา |
พระเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | มาขึ้นมิ่งม้าพาชี ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ ม้าทรง | อาจองดังพระยาราชสีห์ |
สี่ท้าวขาวดวงดังสำลี | สีดำดังมณีนิลุบล |
งามศรีมีลักษณ์ทั้งกายา | องค์เอกอาชาม้าต้น |
กำแหงแรงเริงราญรณ | เคยผจญไพรีมีชัย |
ยกหูชูคอย่อท้าย | บัดย่างย้ายดังม้าพระสุริย์ใส |
เหี้ยมหาดผาดร้องก้องไป | ไวว่องย่องย่ำในทำนอง |
ประดับเครื่องเรืองรองเนาวรัตน์ | แจ่มจัดอานฉลุกุก่อง |
ใบโพธิ์วิเชียรบังเหียนทอง | ซองหางกระจ่างแจ่มด้วยจินดา |
จงกลพู่หูห้อยพลอยกุดั่น | แคบขันง่องงํ้าพานหน้า |
โกลนฉลองรองบาทรจนา | ผนังข้างกระจ่างฟ้าเพริศพราย |
ย่องยงดังหงส์เหมราช | อันทรงองค์กมลาศผาดผาย |
งามทรงเพียงองค์พระนารายณ์ | ย่างย้ายยาตราเข้าธานี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บรรดาหญิงชายชาวกรุงศรี |
ทั้งพ่อค้าพาณิชคหบดี | เศรษฐีชีพราหมณ์นานา |
ครั้นได้เห็นองค์พระทรงสวัสดิ์ | อันงามลํ้ากษัตริย์ทุกทิศา |
เสด็จเข้ามาในนัครา | ต่างคนต่างมาตื่นกัน |
ชะรอยว่าเทวาสุราฤทธิ์ | มาจากดุสิตสรวงสวรรค์ |
จึงทรงโฉมประโลมวิไลวรรณ | เป็นที่พันเอิญจำเริญใจ |
จะดูพักตร์พิศพักตร์ก็ลืมองค์ | จะดูทรงพิศทรงก็หลงใหล |
บ้างพูดจาไถ่ถามกันต่อไป | พระมาแต่เมืองไหนจะใคร่รู้ |
น่ารักดังจักกลืนได้ | นางใดเห็นไม่ควรคู่ |
แม้นกับพระธิดาโฉมตรู | จะดูงามฟ้าธาตรี |
หญิงชายชาวเมืองทั้งนั้น | ต่างคนพูดกันอึงมี่ |
แสนพิศวาสพระภูมี | พ้นที่จะอุปมาไป ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองฟ้าดังสุริย์ใส |
ครั้นถึงจึงลงอาชาไนย | เสด็จไปยังหน้าพระลานพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตรังสรรค์ |
แจ้งว่ากรุงกษัตริย์ทั้งนั้น | มาพร้อมกันยังหน้าพระลานชัย |
พระมีความยินดีปรีดา | พักตราแอร่มแจ่มใส |
จึงเสด็จลีลาคลาไคล | เข้าในที่สนานสำราญองค์ |
ทรงสุคนธ์ปนอุไรปนปรุง | เฟื่องฟุ้งไตรภพตลบหลง |
ภูษิตวิจิตรโจงประจง | อลงกตด้วยรัตนามัย |
ทรงใส่สนับเพลาเนาหน่วง | ไว้เป็นห่วงลอดสอดชายไหว |
ชายแคลงแสงตรัสกวัดไกว | สะอิ้งองค์อำไพด้วยพลอยนิล |
สร้อยสนสังวาลประพาฬเพชร | เด็ดดิ้งพริ้งเพริศเฉิดฉิน |
ตาบทิศวิจิตรด้วยโกมิน | จินดาประดับทับทรวงทรง |
ทองกรรูปวาสุกรีกลาย | พาหุรัดแพรวพรายก่องก่ง |
นิ้วพระหัตถ์ทัดทิพย์ธำมรงค์ | ทรงมงกุฎแก้วแพรวพราย |
ดอกไม้พ่วงร่วงรุ่งเพชรรัตน์ | กรรเจียกจรจำรัสแสงฉาย |
ทรงพระแสงแรงฤทธิ์กำจาย | นาดกรายมายังพระลานชัย ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ พร้อมด้วยเสนาพฤฒามาตย์ | ห้อมล้อมเดียรดาษอยู่ไสว |
เสด็จเหนือบัลลังก์อันอำไพ | ภายใต้เศวตฉัตรรจนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แล้วมีบัญชาปราศรัย | แก่กรุงกษัตริย์น้อยใหญ่ถ้วนหน้า |
จึงเห็นพระศรีเมืองเรืองฟ้า | ทรงพักตร์ลักขณาจำเริญใจ |
งามล้ำอัมรินทร์อินทร์องค์ | พระพินิจพิศวงหลงใหล |
กล้องแกล้งแน่งน้อยดังวาดไว้ | พระจึงตรัสปราศรัยไปด้วยพลัน |
ดูก่อนเจ้าผู้สุนทรลักษณ์ | ทรงศักดิ์สุริย์วงศ์รังสรรค์ |
เป็นหน่อเนื้อพระวงศ์ทรงธรรม์ | ครองขัณฑเสมากรุงใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองศรีดังสุริย์ใส |
ก้มเกล้าบังคมพระภูวไนย | แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โปรดเกศ | พระทรงเดชลํ้าทศทิศา |
ตัวข้าผู้ฉลองพระบาทา | นามกรชื่อว่าพระศรีเมือง |
อันพระบิตุรงค์ทรงเศวตฉัตร | ทรงนามโขมพัสตร์ฟุ้งเฟื่อง |
ปรากฏพระยศรุ่งเรือง | ผ่านเมืองโขมราฐพารา |
แจ้งว่าพระองค์ผู้ทรงภพ | ให้มีสารไปจบทุกทิศา |
จะเสี่ยงรูปสุวรรณนางกัลยา | ข้าจึงมาทูลบาทพระภูวไนย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตเป็นใหญ่ |
ได้ฟังพระศรีเมืองเรืองชัย | พระภูวไนยตริตรึกไปมา |
พระโฉมยงองค์นี้เป็นที่สุด | งามลํ้าเทพบุตรในตรึงษา |
ทรงโฉมประโลมโลกา | กว่ากรุงกษัตริย์ทุกธานี |
แม้ได้แก่สุวรรณเกสร | พระธิดาสายสมรมารศรี |
จะงามดินงามฟ้าธาตรี | จะเป็นศรีพระนครสืบไป |
ให้เผอิญใจรักเป็นหนักหนา | แต่สุดที่จะบัญชาออกได้ |
จึงสั่งชาวแม่กำนัลใน | ให้ไปเชิญทั้งเจ็ดพระบุตรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางพระกำนัลสาวศรี |
รับสั่งแล้วถวายอัญชลี | ไปเชิญพระบุตรีทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงปราสาทพระธิดา | ทั้งเจ็ดกัลยาเป็นใหญ่ |
ก้มเกล้ากราบลงทันใจ | แล้วทูลอรไทพระธิดา |
บัดนี้สมเด็จพระบิตุเรศ | ทรงเดชเสด็จอยู่คอยหา |
กรุงกษัตริย์ร้อยเอ็ดพระพารา | ทั้งนั้นก็มาพร้อมกัน |
ให้มาทูลเชิญพระแม่เจ้า | ทั้งเจ็ดองค์นงเยาว์ผายผัน |
ไปเฝ้ายังหน้าพระลานพลัน | แต่ในทันใดอย่าได้ช้า ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรเสนหา |
ทั้งหกพระราชธิดา | แจ้งว่าพระชนกให้หาไป |
จึงเข้าที่ชำระสระสนาน | สุธาธารทิพรสสดใส |
ทรงสุคนธ์ปนทองอุไร | กลิ่นกลบตลบไปทั้งเจ็ดองค์ |
บรรจงทรงกันจุไรรัตน์ | ผิวผัดพักตร์ผ่องก่องก่ง |
ภูษิตวิจิตรจีบประจง | ทรงสไบใยยองทองพราย |
สอดสะอิ้งกิ่งเก็จเวจุวรรณ | ใบโพธิ์กุดั่นแดงแสงฉาย |
ทรงประดับทับถันพรรณราย | แพรวพรายด้วยพลอยมณีนิล |
สร้อยสนสังวาลประพาฬรัตน์ | ต้นพระกรจำรัสเฉิดฉิน |
ปลายพระหัตถ์รัตน์รูปนาคิน | เลิศล้วนโกมินจินดาดี |
พระธำมรงค์วงแววแก้วเก็จ | เพชรระยับจับแสงพระสุริย์ศรี |
ทรงพระศิโรรัตน์โมฬี | กรรเจียกจรรูจีด้วยกุณฑล |
ทั้งเจ็ดนางอย่างเทพกินริน | ดังจะบินขึ้นโดยพระเวหน |
งามลบจบโลกในสากล | จรจากไพชยนต์ลีลามา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ ครั้นเสด็จถึงหน้าพระลานพลัน | พระกำนัลแห่ห้อมซ้ายขวา |
เข้าในพระวิสูตรรจนา | วันทาพระชนกธิบดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตเรืองศรี |
เห็นเจ็ดพระราชบุตรี | มาแล้วก็เร่งปรีดา |
จึงมีบัญชาไปทันใด | ว่าลูกรักสายใจเสนหา |
พ่อให้หาเจ้าทั้งเจ็ดมา | จะเสี่ยงวาสนานั้นดู |
ตามแต่บุพเพนิวาสไว้ | แม้นกษัตริย์องค์ใดจะควรคู่ |
จะเอารูปขึ้นชั่งบนตราชู | ให้รู้แท้แน่นอนประจักษ์ใจ |
ถ้ารูปนั้นเท่าไม่เบาหนัก | จึงจะยกลูกรักของพ่อให้ |
แก้วตาอย่าคิดอาลัย | สุดแต่บุญสร้างไว้แต่หลังมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณเกสรเสนหา |
ทั้งหกองค์นงนุชสุดโสภา | ได้ฟังวาจาพระภูวไนย |
ต่างกราบลงกับพระบาทา | จะตอบพระบัญชาก็หาไม่ |
นางชม้ายชายเนตรชำเลืองไป | สอดส่ายหาองค์พระทรงธรรม์ |
เห็นพระโฉมยงทรงสวัสดิ์ | ยิ่งแสนประดิพัทธ์เสียวสัน |
ศรเนตรต้องเนตรเมียงมัน | ด้วยสำคัญคมในไปมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกองค์ทรงลักษณ์กนิษฐา |
ต่างองค์แลลอดสอดนัยนา | ดูกรุงกษัตราทั้งนั้น |
สิ้นทั้งร้อยเอ็ดเสด็จมา | ไม่ต้องตายาใจจะใฝ่ฝัน |
เจ็ดนางต่างแลมาดูกัน | ต่างองค์โศกศัลย์เป็นสุดคิด |
ด้วยไม่สมจำนงจงใจ | ดังหนึ่งใครเอาไฟมาสุมจิต |
ครั้นเห็นพระศรีเมืองเรืองฤทธิ์ | อันทรงโฉมก็พิศวาสนัก |
ด้วยงามลํ้าเทวาสุราลัย | จบสกลทั้งในไตรจักร |
เร่งกระสันในองค์พระทรงลักษณ์ | ความรักสุดที่จะเปรียบไป |
ต่างองค์ต่างถวิลในวิญญาณ์ | รูปข้าขอให้ชั่งด้วยได้ |
ความพิศวาสจะขาดใจ | ต่างดูภูวไนยไม่วางตา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงท้าวพินทุทัตวงศา |
ครั้นได้พิชัยเวลา | จึงสั่งมหาเสนี |
ให้เอารูปสุวรรณอันบรรจง | ฉลององค์ทั้งเจ็ดมารศรี |
กับรูปกษัตริย์ธิบดี | มาชั่งขึ้นบัดนี้อย่าช้า ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีซ้ายขวา |
ก้มเกล้ารับสั่งแล้วออกมา | พร้อมกันยังหน้าพระภูธร |
จึงเชิญรูปนางสุวรรณกัลยา | พระยาจันทวงศานั้นมาก่อน |
ยกขึ้นตราชูเป็นคู่คอน | ก่อนรูปทั้งนั้นทันใด |
อันรูปพระยาจันทวงศ์ | จะเท่าองค์พระบุตรีก็หาไม่ |
เบากว่ารูปทองของอรไท | เพราะบุญมิได้ควรกัน |
ทั้งรูปพระยาหงส์อนุชา | กษัตราร้อยเอ็ดเขตขัณฑ์ |
ก็เบากว่าสิ้นทั้งนั้น | ใครจะหนักเท่าทันก็ไม่มี |
แต่รูปนางศรีประภา | กนิษฐาถัดองค์มารศรี |
หนักเบาเท่ากันเป็นอันดี | กับรูปภูมีพระยาจันท์ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ จึงเอารูปทองอันรองเรือง | ขององค์พระศรีเมืองเฉิดฉัน |
ชั่งขึ้นกับรูปนางสุวรรณ | ก็หนักเท่ากันดังจินดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์พระยาจันทวงศา |
ครั้นเห็นรูปกษัตริย์ทั้งสองรา | ขึ้นตราชูเที่ยงเท่ากัน |
ให้ละห้อยสร้อยเศร้าอาลัย | เสียใจเพียงจะม้วยอาสัญ |
สุดจิตคิดอายแก่ทั้งนั้น | จึงว่าพระศรีเมืองไปทันใด |
ดูก่อนเจ้าผู้ทรงสวัสดี | อันตัวเรานี้เป็นผู้ใหญ่ |
ไม่ควรคู่สู่สมภิรมย์ใจ | ในพระบุตรีศรีประภา |
ขอเปลี่ยนนางสุวรรณเกสร | จงผ่อนให้ได้เห็นแก่ข้า |
อันองค์เทวีศรีประภา | สมควรนัดดาจะครองกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองฟ้านราสรรค์ |
ได้ฟังบัญชาพระยาจันท์ | พระสำรวลสรวลสันต์แล้วตอบไป |
ตัวข้าน้อยนี้ดังนัดดา | ก็จริงเหมือนบัญชาแถลงไข |
แต่บุญหลังเคยสร้างด้วยกันไว้ | จึงเผอิญให้ได้สมคิด |
ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็เสียเปล่า | ไม่เท่าข้าน้อยกระจิหริด |
เพราะบุญไม่เคยได้เชยชิด | มิได้เป็นมิ่งมิตรด้วยกันมา |
จะเปลี่ยนให้ดังใจประสงค์นั้น | ไม่ต้องกันด้วยต่างวาสนา |
จะสู้ตายมิให้นางกัลยา | แก้วตาตกไปแก่ชายใด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยาจันทวงศ์เป็นใหญ่ |
ฟังพระศรีเมืองเรืองชัย | ยิ่งกริ้วโกรธใจเป็นพ้นนัก |
ดูดู๋เด็กน้อยอหังการ์ | เจรจาอาจองทะนงศักดิ์ |
ว่ากล่าวห้าวหาญเป็นพ้นนัก | จะรู้จักผู้ใหญ่ก็ไม่มี |
ถึงมิให้องค์นงพาล | ใช่จะไร้เยาวมาลย์มเหสี |
แม้ยืดไปไม่ม้วยชีวี | ใครดีจะได้เห็นกัน |
แล้วมีพจนารถประภาษไป | แก่ท้าวไทพินทุทัตรังสรรค์ |
ตัวข้ากับกษัตริย์ทั้งนั้น | บรรดามาพร้อมกันทุกธานี |
บุญหลังปางก่อนมิได้สร้าง | จึงเริศร้างห่างองค์มารศรี |
อันโฉมนางประภากัลยาณี | เทวีทรงลักษณ์จำเริญวัย |
จะเสกกับข้าชราร่าง | จะควรคู่ด้วยนางก็หาไม่ |
ขอเวนเทวีถวายไว้ | จะอำลากลับไปพระบุรี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตเรืองศรี |
ได้ฟังพระยาจันท์ธิบดี | จึงมีบัญชาตอบไป |
ทั้งนี้ก็เพราะวาสนา | ได้สร้างสมมาเป็นใหญ่ |
บุญสองเคยครองได้ทำไว้ | จึงเพอิญให้ได้กัน |
อย่าได้ละห้อยน้อยจิต | คิดความขึ้งเคียดเดียดฉันท์ |
ดับใจอย่าให้ผูกพัน | จงรักษาโดยธรรม์ประเพณี |
ซึ่งจะยกกลับไปพารา | ทั้งร้อยเอ็ดกษัตราเรืองศรี |
จงไปเป็นสุขทุกราตรี | อย่ามีโรคามาพะพาน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยาจันทวงศ์ได้ฟังสาร |
กรุงกษัตริย์ทั้งนั้นก็ชื่นบาน | ต่างบัญชาการอำลา |
ครั้นแล้วให้ยกพลขัณฑ์ | พร้อมกันทุกหมู่อาสา |
จากยโสธรพระพารา | แยกมรคาไปยังธานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ