ตอนที่ ๙ พระศรีเมืองทูลลาท้าวพินทุทัต

ช้า

๏ พระเสด็จเหนืออาสน์รจนา จึงมีวาจาปราศรัย
ด้วยองค์อัคเรศทรามวัย ดวงใจของพี่คือแก้วตา
อันสองอนุชาสุริย์วงศ์ ยกพลจัตุรงค์ซ้ายขวา
มาบรรลุถึงพระพารา ก็ช้านานได้หลายราตรี
องค์พระบิตุเรศมารดร จะคอยหาอาวรณ์หมองศรี
จำจะรีบร้นมนตรี ไปตามดังมีบัญชามา
ครั้นจะอยู่เนิ่นนานนัก พระทรงศักดิ์จะโศกซ้ำกันแสงหา
พรุ่งนี้พี่จะขอลา แก้วตาเจ้าค่อยอยู่จงดี
ตรัสพลางพระทางรับขวัญ กัลยาอย่าเศร้าหมองศรี
แต่พอไปได้ถวายอัญชลี สองกษัตริย์แล้วพี่จะกลับมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ได้ฟังซึ่งพระบัญชา กัลยาสลดระทดใจ
ดังหนึ่งพระยามัจจุราช มาพิฆาตฟาดฟันให้ตักษัย
สตินางไม่เป็นใจ อรไทกราบลงกับบาทา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ โปรดเกล้า พระเจ้าจงโปรดเกศา
พระจะทิ้งน้องไว้ให้เอกา ฝานฟ้าจะจากเมียไป
หลัดหลัดพระจะมาซัดหนี จะปรานีน้องบ้างก็หาไม่
ยามพระจะไปเวียงชัย มิได้คิดอาลัยแต่หลังมา
เสียแรงน้องจงรักภักดี แต่แรกเริ่มเดิมทีมาหนักหนา
คิดจะขอเอาบาทบาทา ปกเกล้าไปกว่าวันตาย
มิรู้พระจะมาซัดไว้ ให้อยู่เดียวเปลี่ยวใจขวัญหาย
เพราะรำลึกตรึกถึงเพื่อนสบาย ที่เคยบำเรอถวายทุกเวลา
จึงรีบรัดจะไปพระนคร เพราะอาวรณ์ด้วยความเสนหา
แม้พระไปจากพระพารา เมียจะครองชีวาไว้ไยมี
ถึงว่าไปแล้วจะกลับมา ผ่านฟ้าจะเห็นแต่ซากผี
สองกรค่อนทรวงเข้าโศกี เทวีเกลือกกลิ้งนิ่งไป ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระภุชพลมีกมลหม่นไหม้
เห็นนางโศกซบสลบไป ตกใจไม่เป็นสมประดี
จึงยอกรช้อนเกศนงลักษณ์ ขึ้นใส่ตักแล้วกันแสงศรี
โอ้ว่าแก้วตากัลยาณี เจ้าตายจากพี่แล้วหรือฉันใด
เจ้าพูดด้วยพี่เมื่อกี้ มารศรีมาม้วยตักษัย
ควรหรือมาวินาศขาดใจ ด้วยพี่จะไปพระบุรี
เจ้าตัดช่องน้อยแต่พอองค์ โฉมยงไม่คิดอาลัยพี่
พระโศกซ้ำร่ำรักแสนทวี ภูมีพ่างเพียงจะขาดใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นค่อยคลายโศกโศกา พระผ่านฟ้าก็คิดขึ้นได้
จึงยกพระหัตถ์มาลูบไล้ ประทับไว้กับทรวงนางกัลยา
อุรพายังมุ่นอุ่นอยู่ ก็รู้ว่ายังไม่ม้วยสังขาร
จึงให้เอาสุคนธมาลา มาลูบโลมพักตราให้เทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพระพี่เลี้ยงสาวศรี
ตกใจไม่เป็นสมประดี ทั้งสนมนารีกำนัลใน
ลางนางบ้างวิ่งไปฝนยา บ้างเอาสุคนธ์มาชโลมให้
บ้างเข้านวดฟั้นอยู่วุ่นไป ทรามวัยได้สมประดีมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเฟื่องฟุ้งทุกทิศา
เห็นนางค่อยคืนฟื้นกายา จึงบัญชาปลอบนางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ น้องรัก เยาวลักษณ์คือดวงเนตรพี่
เจ้าอย่าโศกสร้อยโศกี ใช่พี่มิรักนางกัลยา
ซึ่งพี่จะจากนางนงคราญ ใช่จะไปด้วยการเสนหา
อันองค์พระบิตุเรศมารดา แม้ว่ามิเป็นกังวลใจ
ถึงมีที่ประสงค์จงรัก พี่จะจากเยาวลักษณ์กระไรได้
พี่รักเจ้าเท่าดวงหทัย จะเปรียบนัยน์เนตรก็เหมือนกัน
เจ้าอย่าถวิลกินใจ ทรามวัยอย่าพิโยคโศกศัลย์
อันรักใคร่ในน้องผูกพัน ก็แจ้งใจแต่วันนั้นมา
ใช่ว่าพี่ไปจะไม่คิด ปลื้มจิตอย่าพะวังกังขา
จำเป็นจำพี่จะขอลา แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ
พี่ไปก็ไม่อยู่ช้า จะรีบกลับคืนมาพิสมัย
จงฟังคำพี่ว่านางทรามวัย อย่าโศกาลัยเลยนะเทวี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรโฉมศรี
กราบลงกับบาทธุลี เทวีจึงทูลสนองไป
ซึ่งพระจะเสด็จไคลคลา ยังพาราโขมราฐกรุงใหญ่
จะไปแต่องค์พระทรงชัย ละข้าน้อยไว้ในบุรี
เมียรักจักอยู่กระไรได้ พระภูวไนยจงโปรดเกศี
ธรรมดาเกิดมาเป็นสตรี จะภักดีต่อผัวจนตัวตาย
เมียไม่ขออยู่พระเวียงชัย จะขอไปตามเสด็จพระฦๅสาย
ถึงจะได้ยากลำบากกาย ชีวิตจะวอดวายไม่อาลัย
จะได้ถวายอภิวาทบาทบงสุ์ สองพระองค์ทรงภพเป็นใหญ่
พระองค์จงพาเมียไป ภูวไนยจึงได้เมตตา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ โฉมเฉลา เยาวลักษณ์เลิศลํ้าเลขา
แสนรักสุดรักดังแก้วตา ใช่ว่าจะไม่คำนึงนาง
ครั้นพี่จะพาเจ้าไป ในป่าพงดงใหญ่ไพรกว้าง
จะถูกละอองต้องลมนํ้าค้าง มรรคาท่าทางก็กันดาร
เจ้าไม่เคยยากลำบากใจ เคยสำราญแต่ในราชฐาน
จะไปในไพรสณฑ์ทรมาน เหลือบร่านริ้นร้ายจะราวี
ขวัญอ่อนจะตระหนกตกประหม่า ด้วยโขมดมารยาฝูงผี
จงอยู่ด้วยพระชนกชนนี แต่ในบุรีรมยา
พี่จะด่วนเดินรีบรัด ข้ามเทินเนินพนัสพนมผา
จะพาไปเป็นห่วงหน่วงช้า จะพะว้าพะวังกังวลใจ
ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า ยุพเยาว์ผู้ยอดพิสมัย
ประจงกรช้อนชมทรามวัย ปลื้มใจจงฟังพี่พาที ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ โปรดเกล้า พระเจ้าจงโปรดเกศี
แม้ว่าพระไม่ปรานี ภูมีมิพาเมียไป
เมียไม่ขออยู่ไยดี จะสู้ม้วยชีวีตักษัย
แม้พระจากเมืองไปวันใด จะกลั้นใจให้ม้วยมรณา
ว่าพลางนางกราบลงกับบาท พระสามีธิราชนาถา
ทอดองค์ทรงโศกโศกา กัลยาไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองผู้เรืองรัศมี
เห็นนางโศกศัลย์พันทวี พระภูมีตริตรึกนึกใน
ครั้นจะมิผ่อนผันหันหา โดยดังจินดาก็มิได้
น่าที่นางจะม้วยบรรลัย ที่ไหนเลยจะคงชีวา
คิดแล้วจึงมีสุนทร รับขวัญสายสมรกนิษฐา
ปลอบพลางทางเช็ดชลนา อย่าโศกานักเลยนางเทวี
ซึ่งเจ้าจำนงจงรัก ภักดีจะไปด้วยพี่
เป็นเพื่อนยากลำบากในพงพี พี่มีความยินดีเป็นพ้นไป
มิเสียทีนักว่ารักพี่ ทั้งนี้ก็ตามอัชฌาสัย
ว่าพลางทางชมภิรมย์ใจ หฤทัยฟั่นฟุ้งปรีดา
ชวนชื่นหฤหรรษ์บันเทิง สำเริงรสอมฤตหรรษา
แล้วเสด็จลีลาศคลาดคลา พาองค์วนิดาจรลี
กับสองอนุชานุชนาถ จากปราสาทรัตนาเรืองศรี
ขึ้นไปถวายดุษฎี พระชนกชนนีในทันใด ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงปรางค์แก้วแพรวพราย สี่กษัตริย์ถวายบังคมไหว้
พระบิตุเรศมารดาท่านไท แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ โปรดเกศ พระทรงเดชจงโปรดเกศา
อันสองพระราชอนุชา กรีธามาถึงกรุงไกร
พักพลนิกายก็หลายวัน ค่อยบรรเทาเบาบางป่วยไข้
ลูกรักจักลาพระองค์ไป ยังพิชัยโขมราฐพารา
ครั้นจะเนิ่นช้านานนัก สองพระองค์ทรงศักดิ์จะคอยหา
อันนางสุวรรณกัลยา จะลาไปด้วยลูกยังบุรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตรัศมี
ทั้งองค์อัครราชเทวี ได้ฟังพระศรีเมืองลูกรัก
ทูลลาจะคืนไปเวียงชัย สองพระองค์อาลัยเพียงอกหัก
สร้อยเศร้าเปล่าใจเป็นพ้นนัก พระทรงศักดิ์จึงมีบัญชา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ลูกรัก ดังดวงจักษุพ่อทั้งซ้ายขวา
ซึ่งเจ้าจะกลับไปพารา จะทิ้งบิดาไว้ยังเวียงชัย
จะอยู่แต่ผู้เดียวเปลี่ยวองค์ จะปลงใจไว้จิตแก่ใครได้
อันสมบัติพัสถานทั้งนี้ไซร้ พ่อมอบเวนให้เจ้าทุกอัน
ด้วยไร้ประยูรสุริย์วงศ์ จะสืบทรงพิภพไอศวรรย์
พ่อหวังฝากชีพชีวัน หรือขวัญเมืองจะจากเมืองไป
ตัวพ่อจะอยู่อนาถา ใครจะพยาบาลเมื่อยามไข้
แต่นี้ตั้งแต่จะเปลี่ยวใจ ครั้นจะห้ามเจ้าไว้ก็ผิดที
ลูกรักจงไปสถาพร นางสุวรรณเกสรมารศรี
จะจากอกจากราชธานี ไปด้วยภูมียังพารา
พ่อขอฝากองค์นงลักษณ์ ผิดชอบเบาหนักไปภายหน้า
สิ่งใดจงได้กรุณา เห็นแก่บิดาได้ปรานี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองประณตบทศรี
ซึ่งบัญชาฝากฝังทั้งนี้ จะรับใส่เกศีลูกไว้
พระองค์จงอย่าอนาทร อาวรณ์ร้อนรนหม่นไหม้
แม้เบาจิตผิดชอบประการใด มิให้เคืองบาทราคี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณมาลามารศรี
วิ่งมากอดองค์พระบุตรี แล้วมีเสาวนีย์ร่ำไร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ขวัญเข้าแม่เลี้ยงเจ้ามา จนพระชันษาเติบใหญ่
สิ่งใดมิให้ระคายใจ หวังจะได้ฝากชีพชีวี
จะจากแม่จากวังเวียงราช สุดสวาทจะเอาตัวหนี
จะทิ้งแม่ไว้ในธานี แต่นี้จะเห็นหน้าใคร
อกแม่จะกรมระบมช้ำ จะกินแต่นํ้าตาโหยไห้
ดังเดือนดับแต่จะลับเลื่อนไป นับวันจะไกลพระมารดา
แม่ทุกข์ใครเลยจะช่วยได้ แม่ไข้ใครจะช่วยรักษา
ไม่เคยได้ไกลอกสักเวลา ควรหรือแก้วตาจะจากไป
รํ่าพลางทางกันแสงสอน สายสมรแม่ยอดพิสมัย
เจ้าจะไปด้วยองค์พระทรงชัย จงจำคำแม่ไว้นะลูกรัก
ตัวเจ้าเป็นบาทบริจา จอมจักรพัตราอันทรงศักดิ์
สิ่งใดห้ามใจเจ้าจงนัก ภักดีต่อองค์พระทรงธรรม์
แสนสาวพระสนมกรมใน นางใดท้าวรักใฝ่ฝัน
อย่าทำขึ้งเคียดเกียดกัน จงผ่อนผันอย่าให้ขัดอัธยา
ท้าวรักอย่าทำลามลวน สงวนจิตคิดเกรงโทษา
อันพระบิตุเรศมารดา ลูกยาฝากองค์ให้จงดี
หมั่นเฝ้าเช้าเย็นเป็นนิตย์ ตั้งจิตปฏิพัทธ์บทศรี
จงจำคำแม่พร่ำพาที ไปเป็นศรีสวัสดิ์ทุกเวลา ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ได้ฟังสมเด็จพระมารดา โอภาประสาทเสาวนีย์
จึงรับเอาโอวาทใส่เกล้า จบเท้าใส่เกศเกศี
อาลัยในองค์พระชนนี นางเทวีกราบบาทลงร่ำไร
พระคุณล้ำล้นคณนา เลี้ยงลูกแต่น้อยมาจนใหญ่
ยังมิได้ทดแทนประการใด มาจำไกลพระชนกชนนี
ลูกเคยปฏิพัทธ์บาทบงสุ์ อันทรงพระคุณทั้งสองศรี
โอ้ว่าจะจากพระบุรี ตั้งแต่นี้ไปจะไกลตา
ยามกินจะคิดอาวรณ์ ยามนอนจะไห้โหยหา
แม้ไม่มอดม้วยชีวา จะกลับมาสนองพระคุณไป
ว่าพลางนางทรงโศกี กอดบาทชนนีร่ำไห้
ชลเนตรฟูมฟองนองนัยน์ อรไทไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตเรืองศรี
ทั้งนางสุวรรณมาลี เห็นพระบุตรีโศกา
จึงตรัสตระโบมโลมไล้ ปลอบลูกสายใจเสนหา
แล้วมีพระราชบัญชา ว่าแก่พระศรีเมืองไป
ซึ่งเจ้าจะกลับไปพารา แต่บรรดาโยธาน้อยใหญ่
ม้ารถคชสารชาญชัย สิ่งใดชอบใจลูกรัก
ทั้งนางนักสนมกรมใน พ่อยกให้สององค์ทรงศักดิ์
อันศฤงคารบริวารตระการนัก ตามแต่เจ้าจักเอาไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองรัศมีศรีใส
ทั้งพระราชธิดายาใจ ได้ฟังบิตุเรศกล่าวมา
มีความยินดีเป็นพ้นไป รับพระบัญชาใส่เหนือเกศา
ครั้นแล้วถวายบังคมลา เสด็จมายังปรางค์ปราสาทชัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ จึงมีพระราชบัญชา ตรัสสั่งเสนาผู้ใหญ่
กับทั้งมหาเสนาใน กรุงพิชัยโขมราฐธานี
จงเร่งเตรียมพลโยธา ทั้งม้ารถคชาถ้วนถี่
ให้พร้อมกันในวันพรุ่งนี้ จะยกไปบุรีจงฉับพลัน
แล้วสั่งนางท้าวเถ้าแก่ ให้จัดแจงชาวแม่สาวสวรรค์
บรรดาจะไปตามเสด็จนั้น จงพร้อมกันให้ทันเวลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสองเสนาแกล้วกล้า
รับสั่งแล้วพลันมิทันช้า แข่งกันออกมาทั้งสองนาย
ต่างตนเร่งรวดตรวจตรา สารวัดโยธาทั้งสองฝ่าย
ทุกหมวดตรวจเกณฑ์กันวุ่นวาย อุตลุดบาดหมายอลวน
ก็ได้ฉับพลันมิทันนาน ม้ารถคชสารตัวต้น
ให้ตั้งกองมั่วสุมชุมพล อื้ออึงอลหม่านทั้งพารา
พร้อมพรั่งทั้งทัพโขมราฐ สองพระนุชนาถเป็นกองหน้า
รายริ้วทิวธงอลงการ์ เตรียมท่าเสด็จพระภูวไนย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางท้าวเจ้ายายเป็นใหญ่
ก็จัดนางสาวสรรค์กำนัลใน ตรวจไตรทั่วทุกพนักงาน
แต่บรรดาฝูงนางนักสนม ทุกกรมสับสนอลหม่าน
บ้างวิ่งไปจัดเครื่องอาน ตามพนักงานบรรดามี
ลางนางบ้างวิ่งหากระจก บ้างตกตะลึงก็ลืมหวี
เครื่องโอโถแป้งนํ้ามันดี ใส่หีบใส่กลี่อยู่วุ่นวาย
ลางนางจีบจัดมัดห่อผ้า บ้างวิ่งมาว่าแหนบน้อยหาย
อันเครื่องแต่งตัวเจ้าขรัวนาย จัดใส่กระทายไว้ครบครัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนางศรีประภาสาวสวรรค์
ทั้งนางสุดาดวงจันทร์ ครั้นรู้ว่าสองพระอนุชา
จะกรีธาทัพกลับไปพระนคร นางอาวรณ์ร้อนเร่าเป็นหนักหนา
ดังต้องฟองพิษนาคา กัลยาไม่เป็นสมประดี
ด้วยอาลัยในองค์พระทรงศักดิ์ นงลักษณ์สร้อยเศร้าหมองศรี
จึงเปลื้องทรงสะพักของเทวี ใส่ผอบมณีอันรจนา
ส่งให้พี่เลี้ยงทั้งสอง พี่เอ็นดูน้องจงอาสา
ไปถวายทั้งสองพระอนุชา แจ้งว่าน้องทุกข์ฉุกใจ
อันความอาลัยไหม้หมอง ทุกข์ร้อนของน้องเป็นไฉน
พี่เจ้าก็ย่อมเข้าใจ จงทูลให้ทราบบาทบาทา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา
รับผอบใส่ทรงสะพักมา วันทาแล้วรีบคลาไคล
ครั้นถึงก้มเกล้าเคารพ แล้วถวายผอบแจ่มใส
ทูลสองพระองค์ทรงชัย ว่าสองอรไทพระบุตรี
ให้เชิญภูษาทรงสะพัก มาถวายทรงศักดิ์ทั้งสองศรี
แจ้งว่าพระจะไปธานี เทวีพร่ำกินแต่น้ำตา
สาละวนก่นแต่โศกเศร้า พระแม่เจ้าได้แต่พระภูษา
ต่างองค์จงรักภักดีมา ได้ทราบบาทาพระภูมี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

(ตอนนี้ต้นฉบับตก)

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเฟื่องฟ้าดินไหว
รีบยกโยธาคลาไคล พระทรงไอยรามากลางพล
ล่วงเขตเมืองยโสธร เสียงนิกรกึกก้องโกลาหล
ข้ามทุ่งทิวป่าอารญ พักพลมาหลายราตรี
ถึงแดนเมืองจันทเสมา พระสุริยาบ่ายคล้อยแสงศรี
พระให้พักพลโยธี อยู่ที่ท่ามกลางมรรคา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ