๒
ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว ข่าวทุกชิ้นที่จะตีพิมพ์ในวันนั้น ได้ผ่านจากห้องข่าวไปแบอยู่บนเคสเบื้องหน้าช่างเรียงหมดแล้ว และใบปรู้ฟยาวสำหรับที่จะใช้เข้าหน้าก็ถูกส่งทยอยไปที่โต๊ะหัวหน้าข่าว พร้อมด้วยแป้งเปียกหนึ่งห่อสำหรับใช้ปะปรู้ฟยาวในการเข้าหน้า และหัวหน้าข่าวก็สำรวจดูหัวข่าวสำคัญๆ เตรียมการเข้าหน้าเพื่อที่หนังสือพิมพ์จะได้ออกสู่ตลาดภายในหกโมงเย็น งานเขียนประจำวันของเซ้งเสร็จแล้ว เขากำลังตรวจปรู๊ฟ และเตรียมต้นฉบับหน้าในของหนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้น ทันใดนั้น เขาได้ยินใครคนหนึ่งในห้องข่าวร้อง “ไชโย” ด้วยเสียงแหลม ต่อมาก็มีเสียงพูดจากันด้วยความตื่นเต้นระคนกับเสียงเฮฮา หลังจากนั้น หัวหน้าข่าวได้เดินอย่างรวดเร็วผ่านหน้าห้องเขาไป และตรงไปทางห้องของท่านบรรณาธิการ ภายในเวลาไม่เกินสองนาที เขากลับออกมา และคราวนี้เขาวิ่งผ่านห้องเซ้ง และร้องตะโกนลงไปยังห้องเรียงชั้นล่าง “รอข่าวด่วน!”
อาการทั้งหมดนั้น แสดงว่าเหยี่ยวข่าวคนใดคนหนึ่งได้โฉบเอาข่าวสำคัญมาได้ และก็มิใช่จะเป็นแต่เพียงข่าวสำคัญเท่านั้น หากคงจะเป็นข่าวที่สอดคล้องกับนโยบายของหนังสือพิมพ์ด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น เซ้งก็ไม่อาจจะนั่งทำงานด้วยจิตใจอันสงบต่อไปได้ พอเขาโผล่เข้าไปในห้องข่าว และยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากถาม สหายคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาหาเขาด้วยหน้าตาอันเบิกบาน พลางร้องบอกว่า
“เราชนะแล้ว!”
เซ้งงวยงง เขาไม่ทราบว่าสหายของเขาหมายถึงเรื่องอะไร เพราะว่าในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามที่กระทำกันในยุโรปนั้น คณะหนังสือพิมพ์ของเขาสนับสนุนฝ่ายประเทศประชาธิปไตย และสถานะสงครามในเวลานั้น พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะพูดคำเช่นนั้น
สหายร่วมงานของเซ้งสามารถอ่านความงวยงงจากสีหน้าของเซ้งได้ เขาจึงขยายความต่อไป
“อ้ายเรื่องบรรดาศักดิ์สมเด็จเจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยาหญิงบ้าบอคอแตกนั่นยังไงล่ะ เราชนะแล้ว กองทัพของรัฐบาลเกิดระส่ำระสายแล้วและยอมล่าทัพแล้ว พนมเขาไปคว้าข่าวมาได้จากรัฐมนตรีผู้หนึ่ง เราจะตีพิมพ์ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ บรรณาธิการสั่งให้รอข่าวและยอมให้หนังสือพิมพ์ออกล่าไปหน่อย”
“ไชโยโว้ย!” สหายร่วมงานอีกคนหนึ่งได้ร้องขึ้น ขณะเดินผ่านเขาทั้งสองไป พร้อมกับเอามือตบไหล่สหายที่กำลังบอกข่าวแก่เซ้งโดยแรงจนตัวเซไป แต่ทั้งผู้ถูกตบและผู้ตบเมื่อสบตากันก็หัวเราะเฮฮา
ด้วยสีหน้าเปล่งปลั่ง และด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย เซ้งได้ตั้งคำถามว่า
“หมายความว่า รัฐบาลจะยอมเลิกล้มความคิดที่จะตั้งระบบบรรดาศักดิ์ขึ้นใหม่ ตามที่หนังสือพิมพ์ของเราได้คัดค้านหรือ?”
“รัฐมนตรีที่ให้ข่าวยืนยันว่า ความคิดฟุ้งซ่านในเรื่องนี้จะเป็นอันเลิกกันแน่ รัฐบาลเขาเกิดความรำคาญเสียงคัดค้านขึ้นมาเสียแล้ว”
“เราจะต้องทำให้มันเกิดความรำคาญอยู่เรื่อยไป ถ้ามันยังจะคิดเห่อเหิมกันอยู่” เสียงหัวหน้าข่าวตะโกนขึ้นมา ขณะที่เขาที่ยื่นข่าวแผ่นแรกของพนม ที่เขาได้ตรวจเสร็จแล้วให้หัวหน้าช่างเรียง ที่มายืนรอแกมเร่งอยู่ข้างโต๊ะด้วยสีหน้าอันร้อนรน ความพลอยยินดีในชัยชนะของกองบรรณาธิการไม่ได้ลดความร้อนใจของหัวหน้าช่างเรียง ที่จะได้รับต้นฉบับไปเรียงในเวลาอันเร็วที่สุด
“เขาจะเลิกแน่” ผู้แถลงข่าวย้ำกับเซ้ง “แต่เขาจะไม่แถลงออกมาตรง ๆ เช่นนั้น เขาคงจะบอกว่าจะรอความดำริในเรื่องนี้ก่อนแล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันเงียบหายไปเอง”
“รัฐบาลหน้าเขามันใหญ่โว้ย” สหายที่ตบไหล่ผู้แถลงข่าวเดินผ่านมาอีก และพูดสอด “คนพวกนี้เขาเป็นห่วงโฉมหน้าของเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด”
“เขาจะแถลงว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ” เซ้งพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “เราต้องการผล สิ่งที่เราต้องการคือ ให้เขาเลิกคิดฟุ้งซ่านที่จะกลับไปสู่ระบบขุนนางกันอีก”
ในระหว่างนั้นได้มีความเคลิ้มฝันเห่อเหิมยศศักดิ์เกิดขึ้นในวงการรัฐบาล และวงการบริวารผู้ประจบสอพลอ จึงได้มีความเคลื่อนไหวที่จะรื้อฟื้นการสถาปนาขุนนางขึ้นมาอีกและการสถาปนาในสมัยใหม่นี้ก็มีทีท่าว่าจะเอากันให้มโหฬารทีเดียว ได้มีการตระเตรียมกำหนดทำเนียบบรรดาศักดิ์ขุนนาง ทั้งท่านขุนนางบุรุษและสตรีกันไว้เรียบร้อยแล้ว บรรดาศักดิ์ขุนนางชั้นยอดได้แก่สมเด็จเจ้าพระยาและสมเด็จเจ้าพระยาหญิง คู่ถัดมาได้แก่เจ้าพระยาและเจ้าพระยาหญิง ถัดลงมาอีกคือท่านพระยาและท่านพระยาหญิง และยังมีบรรดาศักดิ์ขั้นรองๆ ลงมาอีกหลายขั้น การตระเตรียมนี้ ได้กระทำกันจนถึงขั้นที่ว่าท่านบุรุษสตรีคู่ใด ในวงการคณะรัฐบาลจะได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าพระยา และสมเด็จพระเจ้าหญิงเป็นคู่แรก รวมทั้งผู้ที่จะได้รับสถาปนาเป็นเจ้าพระยาและท่านพระยาชุดแรก ก็ได้หมายตัวกันไว้เสร็จแล้ว เมื่อข่าวการฟื้นฟูระบบบรรดาศักดิ์อย่างมโหฬารได้แพร่ออกมาสู่สาธารณชนแล้ว ก็ได้มีเสียงพูดจาเสียดสีแดกดันความคิดเห่อเหิมยศศักดิ์ของรัฐบาลอยู่ทั่วไป มีความเศร้าและความแค้นเคืองต่อการปฏิบัติแบบถอยหลังเข้าคลองของรัฐบาลในกลุ่มชนที่มีศรัทธาและจงรักต่อประชาธิปไตย หนังสือพิมพ์ประชามติของเซ้งและหนังสือพิมพ์อีกบางฉบับได้เป็นปากเสียงของคนทั่วไป และโดยเฉพาะของกลุ่มชนที่มีความแค้นเคืองในความดำริของรัฐบาลที่ขัดกับหลักการของประชาธิปไตยข้อนี้ แม้ว่าในเวลานั้น รัฐบาลจะได้ปกครองประเทศด้วยท่าทีของเผด็จการและได้มีการข่มขู่คุกคามเสรีภาพของหนังสือพิมพ์อยู่แล้วก็ดี แต่ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่มั่นคงของคณะบรรณาธิการ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามมโนธรรมของตนโดยเต็มกำลัง หนังสือพิมพ์ประชามติก็ได้ทำการคัดค้านความคิดเห่อเหิมในเรื่องระบบบรรดาศักดิ์ของรัฐบาลอย่างแข็งแรงและอย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งปรากฏผลดังที่สหายร่วมงานได้รายงานแก่เซ้งว่า “เราชนะแล้ว”
เป็นครั้งแรกในท่ามกลางการคัดค้านหลายเรื่องหลายวาระ ที่รัฐบาลซึ่งปกครองบ้านเมืองด้วยความดึงดันไปตามอำเภอใจได้ยอมถอยหลังให้แก่หนังสือพิมพ์
เช่นเดียวกับชาวคณะคนอื่นๆ เซ้งตื่นเต้นไม่น้อยในชัยชนะครั้งแรกและครั้งใหญ่ของหนังสือพิมพ์ อันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะบังอาจคาดหมายว่า รัฐบาลที่ดึงดันและไม่เคารพความคิดเห็นของประชาชน จะยอมให้หนังสือพิมพ์ของเขาได้ความภาคภูมิใจเช่นนั้น ความปิติของเขาได้อุบัติขึ้นมาในท่ามกลางความเศร้าและเคล้าระคนอยู่กับความเศร้า ที่ได้เห็นบ้านเมืองของเขาทรุดถอยไปจากเป้าหมายของประชาธิปไตยที่เขาเคยชื่นชมและใฝ่ฝันถึงความก้าวหน้าอันเรืองรองของมัน เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ในคืนวันนั้นขณะที่เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานตัวย่อม ๆ ภายในห้องชั้นบนของห้องแถวที่เขาได้เคยอยู่มาตั้งแต่เล็กนั้น เขารู้สึกว่าไม่อาจจะควบคุมจิตใจให้แน่วแน่อยู่กับหนังสือที่อ่านได้ ความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองได้ปรากฏแทรกแซงขึ้นมาเป็นครั้งคราว จนเขารู้สึกว่ามันต้องการที่ทางที่จะหลั่งไหลออกมา และในขณะเดียวกันนั้น ความคิดของเขาก็แล่นเข้ามหาสมุทรและทวีปไปสู่ประเทศอังกฤษ เขาระลึกถึงนิทัศน์ผู้เป็นมิตรสนิท ผู้เคยร่วมการเขียนและร่วมอภิปรายปัญหาทางการเมืองด้วยกันมา ซึ่งศึกษาวิชากฎหมายอยู่ในประเทศนั้น เขาปรารถนาจะระบายความรู้สึกนึกคิดของเขาพร้อมด้วยภาวะการณ์บ้านเมืองให้มิตรของเขาฟัง เขาจึงปิดหนังสือและลงมือเขียนจดหมาย
ข้อความในจดหมายที่เขาเขียนถึงนิทัศน์ในคืนนั้น มีดังนี้
นิทัศน์ เพื่อนรัก
เราได้ว่างเว้นการเขียนจดหมายถึงกันเป็นเวลานาน เนื่องด้วยทั้งเธอและฉันต่างก็มีงานการต้องทำตามหน้าที่แห่งชีวิตของเราอยู่เต็มมือ แต่ถึงเช่นนั้น เมื่อฉันได้อ่านจดหมายฉบับสุดท้ายของเธอ ฉันก็อ่านหัวใจของเธอได้ว่า ในระหว่างเวลาหลายเดือนที่เธอเงียบหายไป และถูกกลบไว้ด้วยงานศึกษาอันหนักนั้น นอกจากว่า เมื่อเธอได้มีเวลาโผล่หัวขึ้นมาจากกองหนังสือตำรา เธอก็ได้เจียดเวลาอันมีอยู่เล็กน้อยนั้นให้แก่การคิดถึงความเป็นไปในบ้านเมืองของเรา และโดยเฉพาะในเรื่องความเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตยของเราแล้ว เธอยังได้เจียดเวลาอันจำกัดนั้นมาคิดถึงฉันและมิตรสหายร่วมโรงเรียนของเราอยู่เสมอด้วยข้อนี้ ทำให้ฉันและใครๆ ไม่อาจจะลืมความน่ารักของเธอที่เราได้คุ้นเคยมาแต่เยาว์วัย และไม่ลืมคิดถึงเธอในเวลานี้ ซึ่งเราต้องอยู่ห่างไกลกันเป็นพันไมล์
ถึงแม้ว่า จะไม่ได้เขียนมาถึงเวลานาน แต่ในจดหมายฉบับนี้ ฉันก็ผ่านการเล่าเรื่องส่วนตัวของฉันและพวกเพื่อน ๆ ไปเสีย เรื่องราวของฉันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญอะไร ที่จะควรนำมาเล่านอกเหนือไปจากที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว ฉันใคร่จะเล่าเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองอันเป็นเรื่องเธอที่สนใจ เหตุการณ์บางอย่างที่กล่าวถึงในจดหมายนี้เป็นเรื่องที่เคยกล่าวถึงมาบ้างแล้วในจดหมายฉบับก่อน แต่คราวนี้ต้องการจะลำดับเหตุการณ์และความคิดเห็นที่มีอยู่ในบ้านเมืองของเราให้เธอได้มีโอกาสทบทวน และมองเห็นความเป็นไปในบ้านเมืองของเราแจ่มกระจ่าง
ก่อนหน้าที่เธอจะออกไปอังกฤษ ประชาธิปไตยในประเทศของเราก็เริ่มเหี่ยวแล้ว เมฆได้ตั้งขึ้นเหนือความหวังของประชาธิปไตยแล้ว แต่ในระหว่างสองสามปีมานี้ ประชาธิปไตยได้เสื่อมทรุดลงไปอย่างน่าวิตก ความมืดแผ่อยู่บนท้องฟ้าของประชาธิปไตย กล่าวได้ว่า สะพานที่ทอดไปสู่ประชาธิปไตย ได้ถูกรัฐบาลชักขึ้นเสียแล้ว เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๓
เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นในเดือนนั้นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการยืดบทเฉพาะกาลออกไปอีกสิบปี นั่นคือการยืดเวลาผูกขาดการยึดครองอำนาจของบุคคลบางคนในคณะผู้ก่อการออกไปอีกสิบปี และเมื่อได้มีการยืดออกไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่า จะไม่มีการยืดต่อไปอีกเมื่อครบเวลาอีกสิบปี นั่นเป็นยามที่มืดที่สุดของประชาธิปไตย
การที่ไม่มีใครนึกฝันว่า รัฐบาลของคณะผู้ก่อการจะยืดบทเฉพาะกาลออกไปนั้น ก็เพราะว่าการกำหนดบทเฉพาะกาลไว้ในรัฐธรรมนูญนั้นถือได้ว่า เป็นคำปฏิญาณที่คณะราษฎรได้ให้ไว้ต่อประชาชนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า คณะราษฎรจะยึดอำนาจการปกครองไว้ไม่เกินสิบปี โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น การที่รัฐบาลมายืดบทเฉพาะกาลออกไปนั้น ประชาชนจะถือเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะถือว่าเป็นการกลับสัตย์กลับปฏิญาณเอาดื้อ ๆ เรื่องเช่นนี้ทางพุทธศาสนาก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายมากมิใช่หรือ, นิทัศน์? ทางศาสนาของฉันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายมากเช่นกัน ในการกระทำที่เป็นการกลับคำสัตย์ และที่ใคร ๆ ก็ถือว่าเป็นการทรยศหักหลังประชาชนอย่างไม่มีความอับอายเช่นนี้ รัฐบาลไม่มีคำชี้แจงที่ชอบธรรมและชอบด้วยเหตุผลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ข้ออ้างของรัฐบาลเป็นข้ออ้างอย่างน้ำขุ่น ๆ และเป็นจำพวกเดียวกับข้ออ้างของหมาป่าที่จะกินลูกแกะ ได้มีเสียงวิพากษ์คัดค้านกันทั่วไป และเธอก็ได้ทราบแล้วว่า หนังสือพิมพ์ประชามติของเรา ได้คัดค้านอย่างแข็งแรงเหนียวแน่นเพียงใด แต่พวกที่หลงอำนาจเหล่านั้น ก็มิได้สะเทือนและไม่อาจจะเข้าใจภาษาแห่งการคัดค้านของเรา เขาทำหูทวนลม และดึงดันไปด้วยความมึนเมาของเขา เขาตอบโต้พวกเราที่คัดค้านแต่ด้วยเสียงขู่คำราม
การที่รัฐบาลได้ยึดบทเฉพาะกาลออกไปในท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชนนั้น นับว่าเป็นการฝ่าฝืนขืนน้ำใจของประชาชนอย่างที่สุด ทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในรัฐบาลของคณะผู้ก่อการ และรู้สึกว่ารัฐบาลมิใช่มิตรของเขาเสียแล้ว แต่ด้วยความลุ่มหลงในอำนาจ รัฐบาลจึงอ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ออกเอาเสียเลย รัฐบาลดูเหมือนจะเข้าใจไปว่าผู้ที่คัดค้านรัฐบาลนั้น ก็มีแต่คนที่อวดเก่งอวดดีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนทั่ว ๆ ไปหาได้มีความคิดเห็นเช่นพวกที่คัดค้านไม่ แต่ตามความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก, นิทัศน์ อาศัยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างเรากับประชาชน เรากล่าวได้ว่าเสียงคัดค้านรัฐบาลในหนังสือพิมพ์นั้นเป็นเสียงที่แทนเสียงของประชาชนส่วนมาก เพราะความหลงว่าประชาชนยังคงนิยมชมชื่นในรัฐบาล และเพราะความหลงว่าประชาชนไร้ความคิดความอ่านของเขาเอง และเหมือนกับฝูงแกะที่จะจูงนำไปทางไหนก็ได้ หลังจากที่ได้จัดแจงให้ฐานะของตนอยู่ในความมั่นคงด้วยการยืดบทเฉพาะกาลแล้ว ต่อมาอีกไม่นานรัฐบาลก็ได้ทำการย่ำยีเสรีภาพส่วนตัวบุคคลในประการต่าง ๆ เป็นต้นว่าได้บีบบังคับให้ประชาชนแต่งกายตามที่รัฐบาลประสงค์ ให้เลิกนุ่งกางเกงแบบจีน และให้นุ่งกางเกงแบบฝรั่งแทน กะเกณฑ์ให้ชายหญิง ทั้งหนุ่มสาวและคนแก่ สวมหมวกเวลาออกจากบ้าน และยังบังคับกะเกณฑ์ในเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ อีก การบีบบังคับเหล่านี้มิได้กระทำในรูปของกฎหมาย แต่แม้กระนั้นตำรวจก็คุกคามจับกุมคนที่ไม่สวมหมวก และไม่กระทำตามประสงค์ของรัฐบาลไปชำระที่โรงพัก การปกครองบ้านเมืองในระยะนี้เป็นทั้งเรื่องที่น่าขบขันและน่าเศร้า ที่เธอไม่ได้มีโอกาสเห็นนั้น ก็นับว่าเป็นการดีไปอย่างหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมา ก็อาจกล่าวได้ว่า หัวหน้ารัฐบาลได้แปลงประเทศทั้งประเทศให้เป็นบ้านส่วนตัวของเขาไป และเขาก็ออกกฎต่าง ๆ ให้พลเมืองไทยปฏิบัติ ดุจว่าพลเมืองไทยทุกคนเป็นเด็กในบ้านของเขา และเมื่อหนังสือพิมพ์ของเราไม่ยอมทำตัวเป็นเด็กในบ้านของเขา เราก็ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นพวกคนร้าย
และต่อมารัฐบาลก็ก่อเรื่องที่ใคร ๆ ไม่ได้นึกฝันขึ้นมาอีก คือ รัฐบาลเกิดมีความคิดอันประหลาดที่จะฟื้นฟูระบบบรรดาศักดิ์ขุนนางขึ้นมาใหม่อย่างมโหฬาร ได้มีการคิดค้นชื่อบรรดาศักดิ์ที่เป็นคำขลัง ๆ ขึ้นมา และได้มีการกำหนดตัวบุคคลที่เป็นใหญ่โต ในคณะผู้ก่อการที่จะเป็นขุนนางรุ่นใหม่กันไว้พรักพร้อมแล้ว ความคิดดำริแบบถอยหลังเข้าคลองในเรื่องนี้ ได้ก่อความผิดหวังให้แก่ประชาชนเป็นอันมาก หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้คัดค้าน ที่ทำเฉยๆก็มี แต่มิใช่ว่าไม่มีความเห็นในทางคัดค้าน หากเพราะเกรงกลัวการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของรัฐบาล และนิทัศน์คงจะมีความยินดีที่คณะของเราได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อและอย่างเสี่ยงอันตราย ในการเป็นปากเสียงแทนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ หนังสือพิมพ์ของเราได้ทำการคัดค้านอย่างแข็งแรงเหนียวแน่น และในวันนี้ฉันก็อยากจะรายงานข่าวสดที่สุดให้เธอทราบไว้ว่า รัฐบาลได้ยอมแพ้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลได้ยอมแพ้เสียงคัดค้านของหนังสือพิมพ์ แต่ฉันคิดว่า เป็นการยอมแพ้อย่างจำใจและอย่างเจ็บใจ และหลังจากนี้หนังสือพิมพ์ที่บำเพ็ญตัวเป็นหัวเรือใหญ่ในการคัดค้านอาจจะนอนตาหลับได้ยาก แต่ท่านบรรณาธิการพร้อมด้วยคณะก็พร้อมที่จะเผชิญชะตากรรมของเราไม่ว่าจะเลวร้ายสักแค่ไหน มีอยู่อย่างเดียวที่เราต้องใส่ใจ คือการปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชนตามมโนธรรมของเราอย่างเต็มที่ แม้ว่ายังมีความผิดพลาดและความเลวร้ายอีกมากที่รัฐบาลได้บันดาลให้เกิดขึ้น แต่ชัยชนะเพียงเรื่องเดียวนี้ก็ได้ทำให้ฉันดีใจอย่างเหลือเกิน เพราะเหตุที่มันได้แสดงให้เห็นว่า ชัยชนะของประชาชนและหนังสือพิมพ์ในท่ามกลางการคุกคามของรัฐบาล ก็อาจมีได้ และมันทำให้เราเริ่มมีความเชื่อในมติมหาชนเป็นครั้งแรก และมันทำให้เรามีความเชื่อมั่นว่า กำลังแห่งมติมหาชนอาจเปลี่ยนแปลงมติของรัฐบาลได้ เมื่อมันสามารถเอาชนะได้เสียครั้งหนึ่งแล้ว มันอาจเอาชนะมติของรัฐบาลในเรื่องอื่น ๆ ต่อไปได้
แต่ความยินดีของเราในเรื่องนี้คงจะไม่ได้ช่วยให้เราสบายใจไปนานนัก เมื่อเราได้มองดูภาวะต่าง ๆ ในบ้านเมืองของเรา ที่พวกเรารู้ว่าดูดำเนินไปสู่ความมืดมน ซึ่งขณะที่มีข่าวเรื่องจะแต่งตั้งขุนนางรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกนั้น ฉันได้ไปหาครูอุทัย ด้วยความห่วงใยว่า ท่านอาจจะถูกลากไปเป็นขุนนางกับเขาด้วยหรือไม่ ครูอุทัยบอกว่า ท่านไม่ได้รับการปรึกษาหารือในเรื่องนี้ ท่านเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่คิดอ่านกันในหมู่คนไม่กี่คน คุณครูบอกว่าถ้าพวกที่อยากจะเป็นขุนนางใหญ่ จะมาชวนให้ท่านไปเป็นขุนนางกับเขาด้วยแล้ว ท่านจะไม่ขอรับ คุณครูไม่พอใจเรื่องนี้ และก็มีความเห็นไม่แตกต่างกับพวกเรา คุณครูบอกว่า ในคณะผู้ก่อการเดี๋ยวนี้ก็มีความเห็นแตกแยกกันเป็นสองพวกแล้ว พวกหนึ่งก็มีความเห็นตรงกับเสียงที่คัดค้านรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ ส่วนพวกที่กุมอำนาจอยู่นั้น เป็นพวกที่จำอุดมการของการปฏิวัติไม่ได้เสียแล้ว และคุณครูก็นึกไม่ออกว่า เขาเข้ามาร่วมการปฏิวัติเพื่อประชาชนได้อย่างไร เมื่อเขาหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องที่จะเพิ่มพูนบุญญาบารมีให้แก่ตัวเขาเองเท่านั้น เรื่องที่ฉันกับครูอุทัยสนทนากันในวันนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องเศร้า ฉันอยากจะเขียนมาให้เธออ่านมากกว่านี้ แต่นี่เวลาก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว ฉันจำต้องจบจดหมายฉบับนี้ไว้เพียงเท่านี้
จันทายังคงรับราชการอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ เขาได้แวะมาเยี่ยมฉันเมื่อเขาลงมากรุงเทพฯ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เขายังมีความสนใจในเรื่องการบ้านเมืองอยู่ และเรามีความเห็นในเรื่องต่างๆ ตรงกันโดยมาก เธอคงจะทราบข่าวคราวของเขาอยู่เป็นอันดีแล้ว
ด้วยความรักและคิดถึงนิทัศน์อยู่เสมอ
“เซ้ง”