เสือโค ก กา

๏ เสือโค โอ้ยากแท้ ทำถวาย
ก กา หาความหลาย ฦกล้ำ
ว่าไป ในนิยาย ยอดยาก จริงนอ
จบเกย เลยแทรกซ้ำ สอดซ้อนสำเนียง ๚ะ๛

๏ ชื่อกาพย์รัตนมาลา ๒๘ คำ ฯ

ข้าพระสมีมี  
ฃอไหว้พระศรี ระตะนะไตร
มาอยู่เกศา ฃออย่ามีไภย
ไหว้ครูผู้ไกร ที่ร่ำรู้มา
ขอให้ไชยะ  
ปรุในสระ ทำคำ ก กา
ทวีอะขะระ ทะศะเลขา
มาที่พระมหา ราชาธิบดี
ถ้าพล้ำคำไหน  
ฃอพระอไภย อย่าได้ราคี
ฃอให้มีไชย ที่ในวาที
ชูพระบารมี ไว้ชื่อฦๅคำ
ไว้ให้พระหน่อ  
เยาวเยาวลออ แต่พอเล่าจำ
ให้ฬ่อพระไท ที่ในลำนำ
สาราที่ทำ ให้นำปรีชา ๚

๏ ชื่อกาพย์ฉันทฉบำ ๑๖ คำ ฯ

ในกาละเก่าเล่ามา มีแม่พะยะฆา
หน้าตากำยำดำโต  
มือไวใจกล้าโยโส เกเรเฉโก
โมโหมุมะกระลี  
เล่าชื่อฦๅชาพะยะฆี คือว่าราศี
อาไศรยอยู่ที่ในไพร  
ที่อยู่หมู่ไม้ลำไสว ไม่มีผู้ใด
ไปฉะไปหาได้มี  
แต่เหล่ากระบือหมูหมี มิคาคาวี
ก็หนีระย่อท้อใจ  
๑๐ พะยะฆีตระหนี่ตระใน แต่ใบไม้ไหว
ก็ไล่ขยี้บี้ดู  
๑๑ สำมะหาแต่แย้แลหนู อาไศรยในรู
ก็ฆ่าประไลยไม่มี  
๑๒ สาระพะนานาล่าหนี อยู่แต่พะยะฆี
ไม่มีในอาหารา  
๑๓ โซเซโผเผไปมา ละเจ้าพะยะฆา
ก็ไปในป่าไม้ไกล  
๑๔ ไล่ฆ่ามิคาโคไพร ตระเตร่เร่ไป
ได้เก้าทิวาราตรี  
๑๕ คราในเจ้าหน่อพะยะฆี หมีได้สำมะดี
แม่หนีเข้าไพรไม่มา๑๐  
๑๖ เช้าค่ำเจ้าร่ำไรหา น้ำตาคลอตา
อยู่ท่าแม่เจ้าเศร้าใจ  
๑๗ โผเผเล่ห์จะประไลย เซมาเซไป
ใจฅอร่อแร่โรเร  
๑๘ หน้าราตาโหลโผเผ อุส่าห์โซเซ
ปล้ำใจจำใจไคลคลา  
๑๙ จะไปหาแม่แลหา ปะแม่โคพา
เจ้าโคกระแอคลาไคล  
๒๐ เจ้าหน่อพะยะฆีดีใจ เข้าหาปราไศรย
แม่โคแม่ได้กรรุณา  
๒๑ ข้าเจ้าฃอน้ำกระษิรา พอต่อชีวา
ข้าไว้อย่าให้ประไลย  
๒๒ แม่โคมีคำว่าไป แม่เจ้าไปไหน
เปไร๑๑เจ้าโซเซมา  
๒๓ เจ้าไซร้ใช่เผ่าภาษา มาขอกระษิรา
ข้าให้ไม่ได้ไภยจะมี๑๒  
๒๔ แม่เจ้าเขาใช่พอดี มาปะเรานี้
น่าที่ประไลยแลนา  
๒๕ เราไม่ขอรอหน้าตา เจ้าอย่าเข้ามา
ใกล้ข้าข้าไม่ไว้ใจ  
๒๖ หมีช้าแม่โคคลาไคล พาเจ้าโคไป
หาหญ้าในป่าวาลี  
๒๗ คราใน๑๓เจ้าหน่อพะยะฆี เฝ้าว่าวาที
ไล่ง้อแม่โคต่อไป  
๒๘ ว่าข้าแต่แม่โคไพร หนีข้าว่าไร
แม่โคแม่ได้ปรานี  
๒๙ ข้าเจ้าจะเล่าคดี แม่ข้านี้มี
เล่ห์ว่าไม่มีแลนา  
๓๐ แกหนีไปไกลไม่มา ข้าอยู่เอกา
กว่าเก้าทิวาราตรี  
๓๑ ไม่ปะกระษิราวารี เล่ห์ว่าชีวี
ข้านี้จะพิราไลย  
๓๒ เดชะปะแม่โคไพร ข้านี้ดีใจ
คือได้ปะแม่ข้ามา  
๓๓ แม่โคแม่ได้กรรุณา ช้าช้าไคลคลา
ปรานีแก่ข้าอย่าไป  
๓๔ คราในเจ้าหน่อโคไพร ให้มีน้ำใจ
อาไลยต่อเจ้าพะยะฆา  
๓๕ มีคำว่าแก่แม่ขา เขาโซมาหา
เขาว่าก็น่าอาไลย  
๓๖ พุโธ๑๔เจ้าโซกระไร เซมาเซไป
หมีใคร่จะไหวกายา  
๓๗ หน้าเว้าตาหวำกำพร้า แลดูหน้าตา
ไม่น่าจะทำไมใคร  
๓๘ แม่อย่าได้ระย่อท้อใจ ทำไม้ตรี๑๕ไว้
แก่เขาเปไรเล่านา  
๓๙ แม่โคแม่ได้วาจา ว่าเจ้าแม่อา
เจ้าแม่อย่าได้ไว้ใจ  
๔๐ เจ้านี้ไม่รู้อะไร มาดูเบาไฟ
ไว้ใจว่าเขาโซมา  
๔๑ ดูเขาเท่านี้แลนา ไฟเท่าฃี้ตา
ไม่ข้าจะไหม้ใหญ่โต  
๔๒ แม่เขานี้เจ้าโมโห มาปะเราโค
น่าที่จะมาฆ่าเรา  
๔๓ เจ้าไซร้อย่าได้ดูเบา เราปรานีเขา
เขาไม่ปรานีเรารา  
๔๔ เจ้าพะยะฆาเสาวนา แม่โคว่ามา
เจ้ามีวาจาว่าไป  
๔๕ ว่าข้าแต่แม่โคไพร อย่าหว่าไหวใจ
ที่ไหนแม่ข้าแกมา  
๔๖ หมีให้แกทำโทษา ข้าจะพารณา๑๖
ยอพระคุณาแม่โค  
๔๗ ว่ามีคุณาอะโข๑๗ แก่ข้ามื่อ๑๘โซ
ได้มาอาไศรยกษิรา  
๔๘ ถ้าแม่ข้าทำโทษา ย่ำยีบีฑา
มาฆ่าแม่โคประไลย  
๔๙ ข้าจะฆ่าแม่ข้าต่อไป ให้หนำน้ำใจ
แม่ข้าข้าไม่ปรานี  
๕๐ ถ้าข้ามุสาวาที ฃอให้ข้านี้
ไปอวิจีแลนา ๚  

๏ ชื่อสุราคณาฉันท์ ๒๘ คำ ฯ

๕๑ ขณะในคำ  
พะยะฆามาทำ ให้สะตะยา๑๙
แม่โคได้คำ ที่ร่ำว่ามา๒๐
มีใจกรรุณา แก่เจ้าพะยะฆี
๕๒ ใจซื่อถือแท้  
ชูฅอคลอแคล เข้าใกล้ใจดี
ให้กระษิรา แก่พะยะฆี๒๑
มีใจใสศรี อยู่ที่ในไพร
๕๓ เจ้าพะยะฆา  
ได้กล้ำกระษิรา ชูฉ่ำน้ำใจ
หน้าตาราคี มีศรีมีใย
มีใจจะใคร่ ไปหามาดา
๕๔ ว่าแกโคไพร  
อยู่ช้าไม่ได้ ใกล้แม่ข้ามา
ข้าจะลาไป อยู่ในมรคา
ไปดูแม่ข้า จะมาหฤๅไร
๕๕ แม่โคเข้าลี้  
อยู่ใต้ไม้นี้ ข้าจะลาไป
หมีช้าลาโค โผเข้าในไพร
สู่ที่อาไศรย แลไปแลมา
๕๖ ปะแม่พะยะฆี  
มาในไพรศรี ดีใจไปหา
ชุหูชูคอ เข้าคลอมาดา
แม่ไปไหนมา ละข้าให้โซ
๕๗ น้ำท่าอะไร  
ไม่มาทาไส้ ระเหระโห
ใกล้จะมรณา นิจาพุโธ
นี้ปะแม่โค เข้ามาในไพร
๕๘ ข้าเข้าไปหา  
แม่โคกรรุณา อะฌา๒๒อาไศรย
ให้กล้ำกระษิรา ข้าฉ่ำน้ำใจ
หาไม่ที่ไหน จะมีชีวา
๕๙ พะยะฆาผู้แม่  
รู้ในกระแส หน่อเจ้าเล่ามา
ดีใจใคร่ปะ จะใคร่พาธา
ไม่รู้คุณา ในแม่โคไพร
๖๐ ว่าแก่หน่อเจ้า  
ไหนแม่โคเล่า เขาอยู่ที่ไหน
น้ำใจเขาดี เขามีแก่ใจ
แม่นี้จะใคร่ ไปดูหน้าตา
๖๑ เจ้าพาแม่ไป  
หาเขาเปไร นะเจ้าแม่อา
เจ้าพะยะฆี ว่าแก่มาดา
แม่จะให้ข้า พาไปก็ไป
๖๒ แต่ข้ามายำ  
แม่จะไปทำ แม่โคประไลย
จะพาไปหา ข้าไม่ไว้ใจ
ถ้าแม่จะใคร่ ไปหาแม่โค
๖๓ จะขอเอาคำ  
สะจา๒๓อย่าทำ โมโหโทโส
ถ้าแม่ถือได้ มีใจพุโธ
ไม่ทำแม่โค ข้าจะพาไป
๖๔ อือออพ่อเจ้า  
เจ้าอย่าได้เศร้า แม่ไม่ทำไม
แม่โคอารี แม่มีแก่ใจ
ไปหาปราไศรย ประสาไม้ตรี
๖๕ เขามีคุณา  
แก่เจ้าเท่าฟ้า เท่าพระธรณี
เขาอารีเรา เราก็อารี
เขาดีก็ดี ดีต่อเขาไป
๖๖ ถ้าแม่หมีซื่อ  
กระทำดุดื้อ ฆ่าแม่โคไพร
ขอให้ผีป่า ปู่เจ้าเขาใหญ่
ห้ำฅอแม่ไป ในครานี้นา ๚

๏ ชื่อกาพย์สุวรรณมาลา ๑๘ คำ ฯ

๖๗ คราในหน่อเจ้าพะยะฆา เสาวนามาดา
ให้สะตะยาวาที  
๖๘ เจ้ามีฤไทยใสศรี ว่าใจแม่แท้ดี
ข้านี้จะพาแม่ไป  
๖๙ บ่หมีช้าพาแม่คลาไคล ไปในวนาไลย
ถือใจในกตเวที  
๗๐ ไปใกล้ป่าไม้ไทรศรี ที่แม่โคอารี
เข้าลี้อาไศรยกายา  
๗๑ เจ้าว่าแม่อยู่แต่นี่นา ข้าจะเข้าไปหา
แม่โคให้รู้คดี  
๗๒ หมีช้าลาแม่จรลี ไปหาแม่คาวี
ว่าแม่ข้านี้แกมา  
๗๓ แกรออยู่ที่ไม้สาขา แกให้ข้ามาหา
มาเล่าคดีมาดี  
๗๔ แม่โคอย่าระย่อท้อหนี แม่ข้าแกปรานี
ว่าแม่โคนี้ใจโต  
๗๕ มีพระคุณาอะโข แก่ข้ามื่อโซ
แกว่าแม่โคใจดี  
๗๖ ตะแกมีน้ำใจไม้ตรี ในกตเวที
จะมากระทำค้ำชู  
๗๗ กาละใน๒๔แม่โคโคธู เสาวนาเจ้าผู้
พะยะฆะเยาวเล่ามา  
๗๘ แม่โคเจ้าโคเสน่หา ในคำพะยะฆา
ก็มีปรีดาในใจ  
๏ ชูฅอคลอเคล้าเข้าไป มธุราปราไศรย
กระไรอยู่หฤๅไรนา  
๘๐ จะพาแม่เจ้าเข้าไปหา ข้าระอาหน้าตา
มาดีก็ดีดีใจ  
๘๑ ถ้าว่ามาดุทำไฉน ใจข้านี้ไหวไหว
หมีใคร่จะไว้ใจแลนา  
๘๒ ถ้าซื่อถือแท้สะตะยา เจ้าจะพามาหา
ข้านี้จะว่าไรมี  
๘๓ เจ้าหน่อพะยะฆาพาที ว่าแม่ข้ามาดี
ข้านี้ให้ถือสะตะยา  
๘๔ ถ้าแม่ข้าทำดุมุสา ข้าจะฆ่าชีวา
แม่ข้าให้สาแก่ใจ  
๘๕ แม่คาวีมีคำซ้ำไป แม่เจ้ามาอยู่ไหน
ถ้าดีก็ดีพามา  
๘๖ เจ้าพะยะฆาเสาวนา ที่แม่โควาจา
ก็ลาแม่โคโผไป  
๘๗ พาแม่พะยะฆาคลาไคล มาหาแม่โคไพร
เข้าใกล้เจ้ามีวาจา  
๘๘ ว่าข้าแต่แม่โคเจ้าขา แม่ข้าเจ้าแกมา
แม่โคอย่าหว่าไหวใจ  
๘๙ ขณะพะยะฆาปราไศรย แม่โคเจ้าโคละไม
แลไปปะแม่พะยะฆา  
๙๐ กำยำดำพีมหิมา ชะแง้แลปะตา
ประหม่าสง่าพะยะฆี  
๙๑ ไหวไหวใจไม่สำมะดี ตะละว่าชีวี
เข้าอยู่ในฅอพะยะฆา  
๙๒ แม่เจ้าพะยะฆีปรีดา ชะแง้แลดูหน้าตา
แม่โคเจ้าโคละไม  
๙๓ พะยะฆาแลมาแลไป ดำริแต่ในใจ
ใคร่ฆ่าชีวีบีฑา  
๙๔ รอใจได้ให้สะตะยา ทำทีดีปรีดา
หน้าซื่อใจเซเฉโก  
๙๕ วาจาปราไศรยมฤโธ๒๕ ดูกรแม่โค
อย่าได้ระย่อท้อใจ  
๙๖ เข้ามาหาเราไม่ทำไม เราปรานีดีใจ
แก่เจ้าผู้มีไม้ตรี  
๙๗ เจ้ามีคุณาปรานี มากู้ชูชีวี
เจ้าผู้ดไนยในเรา  
๙๘ คุณาเจ้านี้มิใช่เบา ล้ำที่จะร่ำเอา
อะไรมาเท่าได้มี  
๙๙ แต่นี้ไปหน้าแม่คาวี กะเราพะยะฆี
คือพี่คือเผ่าเหล่ามา  
๑๐๐ เจ้าโคกะเจ้าพะยะฆา คือว่าโอรสา
ในเจ้าในข้ายาใจ ๚  

๏ ชื่อกาพย์สารวิลาสินี ๑๑ คำ ฯ

๑๐๑ กาละในแม่โค เจ้าโคโสมนาใน
สำมะดีดีใจ ที่ในคำแม่พะยะฆา
๑๐๒ ใจซื่อถือว่าแท้ แน่ในใจให้ปรีดา
อยู่ในพนาวา กะแม่เจ้าพะยะฆี
๑๐๓ เวลาสุริยใส แม่โคไปในไพรศรี
หาหญ้าประดามี แม่พะยะฆีหามิคา
๑๐๔ เจ้าโคเจ้าพะยะฆี อยู่เฝ้าที่ไม้สาขา
แม่โคได้หญ้ามา แม่พะยะฆาได้มิคี
๑๐๕ มาให้แก่หน่อเจ้า ค่ำแลเช้าอยู่ปรีดี
แม่โคใจอารี แม่พะยะฆีใจพาลา
๑๐๖ หมีได้อยู่ในซื่อ ทำดุดื้อริษยา
ดำริร่ำตริตรา แต่จะฆ่าแม่คาวี
๑๐๗ อยู่มาแม่พะยะฆา ไปในป่าพนาศรี
เข้าไปใกล้คีรี เข้าลี้อยู่ใต้ไม้ไทร
๑๐๘ แม่โคไปหาหญ้า ไม่รู้ว่าจะมีไภย
ไล่ล่าหาหญ้าไป ที่ไม้ไทรใกล้คีรี
๑๐๙ พะยะฆาแลมาปะ ผงะดูทำหูรี่
โผคว้าไม่ช้าที มือขยี้ขี่ฅอโค
๑๑๐ แม่โคโผถลา แม่พะยะฆาไล่คว้าโผ๒๖
มือขย้ำทำเดโช ฅอโคหวะมรณา
๑๑๑ พะยะฆาเข้าขย้ำ ที่ล่ำล่ำลำฅอขา
ไส้ในแลไตตา โอชาดีผีแม่โค
๑๑๒ พะยะฆีดีใจล้ำ จะใกล้ค่ำย่ำสุริโย
หมีใคร่คลาไคลโผ เฝ้าเมาโมหโคในไพร
๑๑๓ คราในพะยะฆี เจ้าคาวีผู้คู่ใจ
อยู่ท่าแม่ช้าไป เจ้าเปล่าใจไห้โศกา
๑๑๔ คาวีพิไรร่ำ จะใกล้ค่ำแม่ไม่มา
แต่ไรได้เวลา มาหาข้าไม่ช้าที
๑๑๕ ครานี้ไฉนเล่า แม่โคเจ้าไม่จรลี
หรือไปปะไพรี ใกล้ราตรีไยหมีมา
๑๑๖ เจ้าหน่อพะยะฆี ว่าครานี้เจ้าพี่อา
แม่โคไม่ไคลคลา โอ้นิจาน่าเศร้าใจ
๑๑๗ ใกล้ค่ำย่ำโพล้เพล้ เวลานี้หมีคลาไคล
น่าที่จะมีไภย ไม่มีใครแม่พะยะฆา
๑๑๘ จะฆ่าแม่โคเรา พี่กับเจ้าอยู่นี้รา
ถ้าแม่โคหมีมา แม่พะยะฆามาหาเรา
๑๑๙ เราดูให้รู้เล่ห์ คะเนแน่ในแง่เงา
พี่จะขย้ำเอา เจ้าเอาเขาตำเอาฅอ
๑๒๐ ฆ่าให้ประไลยไป เอาไว้ไยทำไมหนอ
เจ้าอย่าน้ำตาคลอ เคร่าครอดูแม่กูมา
๑๒๑ หมีช้าแม่พะยะฆี จรลีเข้ามาหา
ไอโคโฉกายา เจ้าพะยะฆารู้แน่ใจ
๑๒๒ ทำทีไม่รู้เท่า เข้าเคล้าหาทำปราไศรย
แม่โคไปอยู่ไหน ไปกะไรแกไม่มา
๑๒๓ พะยะฆีผู้แม่ ว่าไชแชแก้กายา
แม่ไม่รู้สีสา ไม่รู้ว่าไปกะไร
๑๒๔ เจ้าหน่อพะยะฆา เสาวนาแม่แก้ไข
รู้แท้แน่ในใจ ให้หูตาหาเจ้าโค
๑๒๕ เจ้าเข้าไปเคล้าแม่ ได้ทีแร่มุโมโห
ขย้ำทำเดโช เจ้าโคเอาเขาตำฅอ
๑๒๖ ฅอหวะศีรษะปรุ ไส้ทะลุปรุจอหวอ
อีเฒ่าหน้าเง้างอ มรณาชีวาไลย
๑๒๗ เจ้าหน่อพะยะฆา ฆ่ามาดาให้สาใจ
หมีช้าพาโคไป ในป่าไม้ไคลคลามา
๑๒๘ ไปหน้าศาลาไลย ที่อาไศรยพระสิธา๒๗
ยุติใน ก กา ต่อไปหนาว่าใน กน ๚

๏ ชื่อฉันทฉบำ ๑๖ คำ ฯ

๑๒๙ กุมารสอนอ่านอย่าฉงน ให้ตริยุบล
ที่ตนเขียนไว้ในกระดาน  
๑๓๐ แลดูให้รู้อาการ ข้อไรในสาร
จะเปน กน ก ฤๅ อ๒๘  
๑๓๑ แลดูให้รู้ต้นตอ แต่ ก จน ฮ
ให้แม่นให้ยำชำนาญ  
๑๓๒ จะได้อ่านไว้โวหาร เบาใจอาจาริย์
อ่านไปได้รู้ในกลอน  
๑๓๓ ครานั้นมุนินทร์ชินวร เยือนหน้าบัญชร
ศิลาชะง่อนศีขริน  
๑๓๔ แลเห็นพะยะฆาคาวิน พากันผันผิน
ยินดีปรีดาหากัน  
๑๓๕ มุนินทร์กินใจอัศจรรย์ ครรไลไปพลัน
เข้าใกล้ก็มีสุนทร  
๑๓๖ ดูราพะยะฆาโคดอน หากันสัญจร
กูเห็นก็เปลี่ยนตาครัน  
๑๓๗ แต่ก่อนเห็นกันกินกัน ครานี้อัศจรรย์
พากันมาได้ไม่กิน  
๑๓๘ ฉันใดไยหนอพะยะฆิน มาละทมิฬ
ไม่กินโคนี้ฉันใด  
๑๓๙ ครานั้นพะยะฆาโคไพร ยินยลยุบลใน
มุนินทร์มีบัญชาการ  
๑๔๐ พากันเข้าใกล้ไม่นาน อ่อนเศียรเกล้ากราน
เจ้าเล่าแต่เค้ามีมา  
๑๔๑ แต่ต้นมาจนศาลา มุนินทร์เสาวนา
ก็มีกระมลยลยิน  
๑๔๒ สรรเสริญพะยะฆาคาวิน ดีล้ำแดนดิน
ต่ำใต้ไม่มีใครปาน  
๑๔๓ ใครในแดนดินถิ่นฐาน หาซื่อสันดาน
ให้เหมือนเช่นเจ้าฤๅมี  
๑๔๔ แต่ฆ่ามารดาเป็นผี ในกตเวที
แทนคุณก็หมีควรการ  
๑๔๕ อาไศรยเจ้าใจเดรฉาน หุนหันสันดาน
บได้รู้การครุกำม์๒๙  
๑๔๖ เรานี้จะใคร่อุประถำภ์๓๐ แปรตนเจ้าทำ
ให้เปลี่ยนเปนคนยลยิน  
๑๔๗ ให้มีสัณฐานปานอินทร์ เจ้าจะถวิล
ยินดีปรีดายาใจ๓๑  

๏ ชื่อกาพย์โศลกฉันท์ ๓๐ คำ ฯ

๑๔๘ ครานั้นทะยะฆาโคไทร  
ยินยลยุบลใน คำพระมุนินทร์
ชื่นบานใจเจ้า โอนเกล้าเกศิน
ไหว้ตีนโยคิน ผินหน้าว่าวอน
๑๔๙ ว่าข้าแต่พระโยคาวจร  
จะอนุกร ให้ฉันเปนคน
แท้ว่าบุญญา ฉันได้แผ่ผล
มาเข้าใจดล๓๒ ให้ด้นดั้นมา
๑๕๐ จิ่งปะพระคุณอันมีศีลา  
พระกรรุณา แก่ข้าใครจะปาน
จะแปรสกนธ์ ให้พ้นเดรฉาน
ฉันนี้ชื่นบาน ในคำภูวดล
๑๕๑ ครานั้นมุนินทร์ยินยล  
ในอนุสนธิ์ พะยะฆาคาวิน
หมีช้าคลาไคล ไปสระกระสินธุ์
ชำระมลทิน อินทรีย์หมีนาน
๑๕๒ ลีลามาสู่บริขาร  
อันควรแก่การ ใส่ชฎาทาจันทน์
ถือวีมีด้ำ ประคำเบญจพรรณ
พาเจ้าจรจรัล มาสู่พิธี
๑๕๓ เจ้าพะยะฆาคาวี  
โอนเกล้าดุษฎี ฤๅษีเข้าฌาน
สมาธิขันธ์ อ่านมนต์พิศาล
หมีช้าบันดาล เปนไฟไพบูล
๑๕๔ พะยะฆาคาวินสิ้นสูญ  
ไหม้ไปในกูณฑ์ พิธีมินาน
จุติปฏิสนธิ์ สกนธ์กุมาร
โสภาอาการ ปานอำมรินทร
๑๕๕ พูนขึ้นอยูในไฟฟอน  
คู่กันบวร อาภรณ์โสภา
แหวนคำกำไล โกไศยเสมา
กุณฑลชฎา กรถือขรรค์ไชย
๑๕๖ มุนินทร์บันดาลเอาใจ  
เจ้าใส่ไว้ใน พระขรรค์ไชยชาญ
หมีช้าให้ชื่อ แก่เจ้ากุมาร
เจ้าพะยะฆาพาล ชื่อพหลวิไชย
๑๕๗ เจ้าโคโสภีศรีใส  
มุนินทร์ผู้ไกร ให้ชื่อคาวี
ดูเจ้าเท่ากัน อภิวันท์ฤๅษี
อ่อนเกล้าเมาลี สรรเสริญเกริ่นคำ
๑๕๘ บุญคุณมุนีอุประถำภ์  
ให้ฉันพ้นกำม์ สกนธ์โสภา
คุณพระอยู่เกล้า ล้นพ้นคณนา
ล้ำคุณบิดา มาดาบ่ปาน
๑๕๙ ข้าขอเป็นไวยาวจการ  
ในศาลาลาน ทำกตัญญู
เพลาเช้าค่ำ อุประถำภ์ครู
อาสาพระผู้ มีคุณกรรุณา ฯ

๏ ชื่อกาพย์ขับไม้เข้าซอ ๓๒ คำ ฯ๓๓

๑๖๐ ครานั้นฤๅษี  
ได้ฟังคดี กุมารว่ามา
จะอยู่ให้ใช้ ฤๅษีหมีได้
มีใจปรีดา ผินผันบัญชา
ตาโมทนา เจ้ารู้คุณเรา
๑๖๑ แต่ว่าตานี้  
หมีได้ไยดี ที่จะใช้เจ้า
ใจจะเอาบุญ ใช่จะทำคุณ
เล่ห์เชาสำเภา๓๔ จำนำสำเนา
สินค้าให้เขา จะเอาทดแทน
๑๖๒ ตาใช่เช่นนั้น  
ถือใจในธรรม์ บ่ห่อนคลอนแคลน
ว่าให้เจ้าไป อยู่เย็นเปนใหญ่
ในชำพูแผ่น๓๕ เปนปิ่นดินแดน
ได้ไอศูริย์แสน สำราญบานใจ
๑๖๓ ครานั้นคาวี  
กับเจ้าผู้พี่ พหลวิไชย
ได้ยินฤๅษี ถวิลยินดี
มีวาจาไป เจ้าตาอาไลย
จะให้หลานไป ได้ไอศวรรยา
๑๖๔ พระคุณล้นพ้น  
หลานจะผ่อนปรน เหมือนคำบัญชา
แต่จะขออยู่ อภิบาลครู
เปนธำมสวนา๓๖ หมีช้าจะลา
ยุคลบาทา เจ้าตาครรไล
๑๖๕ ครานั้นมุนินทร์  
รู้ในระบิล กุมารขานไข
ยินดีปรีดา พากุมารา
มาศาลาไลย พหลวิไชย
คาวีศรีใส มีใจชื่นบาน
๑๖๖ เพลาเช้าค่ำ  
เจ้าเข้าไคลคลำ บาทาอาจาริย์
น้ำฉันน้ำใช้ น้ำชาผลไม้
หาให้ในการ ฤๅษีสำราญ
เอ็นดูกุมาร บานใจไนยนา
๑๖๗ ครั้นได้วันดี  
พาเจ้าจรลี ชี้ที่มรคา
เจ้าไปหนบูรพ์ ต้นไม้ขึ้นมูล
อยู่โน่นแน่นา โน่นเนินเทินผา
แลไปไกลตา เหมือนนิลภมร
๑๖๘ ไปประมาณวัน  
ไปในที่นั้น ว่านยาถาวร
พ้นเขาไปมี อุบลสระศรี
ที่สโมสร พ้นนั้นสัญจร
จะปะนคร แดนดอนด่านคน
๑๖๙ เชิญพระหลานไป  
แต่พระขรรค์ไชย อย่าไกลสกนธ์
คำบูราณว่า มีปืนมีพร้า
คือเพื่อนคู่ชนม์ ยืนนอนจรดล
อย่าให้ไกลตน ถือไว้ในมือ
๑๗๐ ถ้าละไว้ไกล  
ไพรีมาใกล้ คว้าได้ทันหฤๅ
พระขรรค์อันนี้ คือว่าชีวี
เจ้าอุส่าห์ถือ ใครมาหาฤๅ
เจ้าอย่าพาซื่อ เล่าไขยุบล
๑๗๑ อย่าไว้ใจใคร  
ไว้ใจไม่ได้ จะจุลาจล
จำคำตาไว้ เชิญพระหลานไป
สำราญกระมล ให้มีพระชนม์
ยืนนานทานทน โรคาอย่าพาน
๑๗๒ ขอให้ไชโย  
มีพละเดโช เหมือนพระสูริย์ฉาน
ใครในสากล จะมาประจญ
ให้แพ้พระหลาน เจ้าไปไม่นาน
ให้ได้สํราญ ได้ผ่านพระนคร
๑๗๓ สิ้นกลอนใน กน  
จะขอประดน แม่ กง ลงกลอน
ปางนั้นพี่น้อง กุมารทั้งสอง
ฟังมุนินทร์สอน ปรีดาถาวร
ถือเอาพระพร ใส่เกล้าเจ้าพลาง ๚

๏ ชื่อฉันทฉบำ ๑๖ คำ ฯ

๑๗๔ กระทำอภิวันท์บัญจางค์  
ลามาในทาง ที่พระฤๅษีขี้มือ
๑๗๕ สองราคลาไคลไปคือ๓๗  
เทวัญอันฦๅ หล้าฟ้าลงมาเดินดง
๑๗๖ รังสีรุ่งเรืองเครื่องทรง  
สังวาลธำมรงค์ มลังเมลืองเรืองทาง
๑๗๗ สองชมมิ่งไม้ไปพลาง  
ต้นลำสำอาง สล้างเสลาเปลาตา
๑๗๘ เบื้องบนใบบังสุริยา  
พื้นดงลงมา ก็เย็นระรื่นชื่นบาน
๑๗๙ มิ่งไม้เบญจพรรณสัณฐาน  
ต่างต่างบันดาล บ้างต่ำบ้างสูงมุงไป
๑๘๐ มะค่าขานางกร่างไกร  
กระสังซางไทร ล้วนไม้ป่าสูงยูงยาง
๑๘๑ จันอินลิ้นจี่ม่วงปราง  
ชูช่อฬ่อทาง ลางต้นทรงผลพู่พวง
๑๘๒ อ่อนแก่แลดาป่าหลวง  
สองรื่นชื่นทรวง ชำเลืองดูผลยลยิน
๑๘๓ ยื่นกรหน่วงพวงจันอิน  
แบ่งปันกันกิน สำราญบันเทิงเริงใจ
๑๘๔ พลางพากันสัญจรไพร  
แซ่เสียงเรไร สนั่นสำเนียงเพียงพิณ
๑๘๕ สกุณาพากันผันผิน  
ชิงผลกันกิน บ้างร้องบ้างบินปร๋อปร๋อ
๑๘๖ สาลิการ่าร้องร่อนรอ  
คู่เคล้าเข้าคลอ เข้าจ่อเข้าจ้อจำนรรจ์
๑๘๗ กระทาท่าท้าเสียงขัน  
ไก่ยองย่องยัน บินฬ่อเข้าล้อพญาลอ
๑๘๘ แอ่นเอี้ยงเอียงหน้าแฝงตอ  
คลิ้งโคลงโคลงฅอ จะจ้อสำเนียงเถียงกัน
๑๘๙ ยูงทองท่องท้องไพรสัณฑ์  
กางเขนเผ่นผัน ทะลวงเข้าล้วงด้วงแมง
๑๙๐ กระสาบินซ่าซาแรง  
ร่อนร้อนสุริย์แสง ก็ราร่าร้าหารัง
๑๙๑ กะเรียนเวียนร่อนร้องดัง  
เห็นหนองน้ำขัง ก็ถาลงท่าธารา
๑๙๒ กระทุงทุ่งทุ้งกุ้งปลา  
ไล่ไล้ไซ้หา กาน้ำก็นำฝูงลง
๑๙๓ ยางย่างย้างหยั่งยืนยง  
ย่ำย้ำปลาปลง อีโก้งโกงโก่งคอดู
๑๙๔ กระเตนเต่นเต้นเห็นปู  
เข้าคูคู่คู้ กะกุกะกูกู่กัน
๑๙๕ กาหลงกาลงพัลวัน  
โนรีรี่รัน เข้ากินพะวาผวาบิน
๑๙๖ กระแวนแหงนแง่นจันอิน  
ไล่ไล้ไซ้กิน ขมิ้นเหลืองอ่อนอ้อนกัน
๑๙๗ กาลิงบินลงตลิ่งชัน  
เหล่าฝูงเบญจวรรณ จ้าละหวั่นเข้าเคล้าเค้าโมง
๑๙๘ กระลางล่างล้างทองโหลง  
แลเห็นเปนโพรง เข้าแยงแย่งแย้งแมงใย
๑๙๙ กระเหว่าเว่าเว้าเสียงใส  
สองวังเวงใจ ดูเล่นต่างต่างกลางดง
๒๐๐ ถึงที่ศีขรินสูงระหง  
แลดูเวิ้งวง ยิ่งแลยิ่งลานลานใจ
๒๐๑ ขึ้นเรียงเคียงกันหลั่นไป  
เปนเกรินเนินไศล ชะแง่ชะง่อนซ้อนกัน
๒๐๒ ต่างแสงต่างสีมีพรรณ  
เปนสีหิรัญ สุวรรณมณีสีเพรา
๒๐๓ สุริย์ศรีสีส่องปล่องขา  
มณีมีเงา กระจะกระจ่างรางเรือง
๒๐๔ บ้างรานฉานฉ่ำน้ำเหลือง  
บ้างฟูบ้างเฟื่อง บ้างเยื้องบ้างโย้โผโผน
๒๐๕ มีถ้ำน้ำพุพุ่งโพน  
น้ำใสไหลโซน ลงโดนหน้าผาฉ่าดัง
๒๐๖ คฤ้ๅนคฤ้ๅนเพียงพื้นผาพัง  
ที่ต่ำน้ำขัง ว่านยาสะพรั่งเพราตา
๒๐๗ รื่นรื่นรินรินกลิ่นยา  
จุฬาลัมพา แลหญ้าฝรั่นจันทน์จวง
๒๐๘ กระวานกานพลูชูดวง  
ไม้ในเขาหลวง จะร่ำก็พ้นคณนา
๒๐๙ หน้าผาเพิงผาเลียงผา  
เผ่นผาผ่าพา เลียงผาผู้เพื่อนโผนไป
๒๑๐ ฝูงค่างเกาคางข้างไศล  
เจ้าแลแต่ไกล เข้าใกล้ก็หนีซ่อนซอน
๒๑๑ ชะนีหนีลิงนิ่งนอน  
ลิงโลนโจนสลอน ชะนีตะลอนหนีลิง
๒๑๒ อรหันหันหานรสิงห์  
นรสิงห์ประวิง ก็วิ่งไปโดนกินร
๒๑๓ สิ้นในแม่ กง ลงกลอน  
แม่ กม สมจร เข้าซ้อนเข้าเสริมเติมความ ๚

๏ ชื่อยติภังค์ฉันท์ ๑๑ คำ ฯ

๒๑๔ ปางนั้นพระพี่น้อง ทั้งสององค์ผู้ทรงนาม
ไปในวนาราม ตามมรคาชื่นอารมณ์
๒๑๕ เจ้าเห็นฝูงกวางทอง เดินท่องท้องไพรพนม
เขาโง้งวงตากลม ก้มกินหญ้าริมท่าธาร
๏ ละโองกระจงโจน ชุมพาโผนข้ามละหาน
ล่าล้าอยู่ท่าฟาน ข้างสารส้านผ้านผ่านพง
๒๑๗ บ้างร้องแปร๋นแปร่นแปร้น บ้างแหงนแง้นแง่นไม้บง
บ้างชูงวงง่วงงง บ้างลงงาง่าแทงกัน
๒๑๘ ลางช้างบ้างตามพัง เดินล้าหลังกำลังมัน
คว้าไขว่ไล่พัลวัน ดื้อดึงดันดั้นดงตาม
๒๑๙ ทั้งฝูงจามจุรี๓๘ เดินระรี่เลี่ยงหนีหนาม
สงวนนวลขนงาม ไม่สามผลามให้หนามพาน
๒๒๐ กระทิงมหิงสา เขาโง้งง่าสง่าหาญ
ชนกันลั่นดงดาน แรงร่านรานคะนองเชิง
๒๒๑ โตเต้นเล่นหางตน วิ่งอลวนขนยุ่งเหยิง
กิเลนเล่นละเลิง แล่นเถลิงเริงร่ารา
๒๒๒ สุกรฟอนของเหม็น หมีเขม้นมองผึ้งหา
ส่งเสียงบ่นมนตรา งึมงึ่มงึ้มดื่มผึ้งวี
๒๒๓ ละมั่งเม่นเห็นไกรสร วิ่งสำส่อนซ่อนซอนหนี
โคแดงแฝงอินทรีย์ หนีพะยะฆีละล้าละลัง
๒๒๔ พี่น้องเจ้ามองชม ให้เกรียมกรมถึงความหลัง
คาวีว่าอนิจัง ดูเหมือนครั้งแม่โคเรา
๒๒๕ พะยะฆาเหมือนแม่พี่ ทำกระลีย่ำยีเขา
เดรฉานพาลมึนเมา บุญสองเรามาเปนคน
๒๒๖ บุญคุณพระมุนี อยู่เกศีที่ล้นพ้น
ว่าพลางทางจรดล ล่วงตำบลวนาไลย
๒๒๗ ใกล้ถึงแดนนคร สองเจ้าจรถึงร่มไทร
จึ่งพหลวิไชย ชวนน้องไปใต้ไทรทอง
๒๒๘ พลางชมว่าร่มไทร ใบหนาดีไม่มีสอง
พื้นล่างอย่างหน้ากลอง มีช่องลมร่มเย็นใจ
๒๒๙ เดินมาพี่ล้าอ่อน จะแรมร้อนนอนอาไศรย
เจ้านั่งระวังไภย ให้พี่นอนผ่อนกำลัง
๒๓๐ คาวีชุลีกร เชิญพี่นอนให้สมหวัง
น้องจะนั่งระวัง ไภยทั้งปวงอย่าห่วงใย
๒๓๑ พหลฟังน้องว่า เข้าไสยาใต้ร่มไทร
หริ่งหริ่งเสียงเรไร ลองไนร้องก้องโกลา
๒๓๒ ยิ่งฟังยิ่งเคลิ้มง่วง อยู่ใต้ควงไทรสาขา
คาวีผู้น้องยา อาสานั่งระวังไภย
๒๓๓ พหลครั้นฟื้นองค์ ประสงค์หาชลาไหล
คาวีจึ่งครรไล ไล่แสวงตำแหน่งธาร
๒๓๔ ไปถึงสระหนึ่งกว้าง ดูท่าทางรโหฐาน
โกสุมประทุมมาลย์ บ้างบานตูมกลุ้มเกลื่อนตา
๒๓๕ สระนั้นมีขุนมาร กำแหงหาญอยู่หรรษา
แม้นใครผู้ใดมา ฝ่าลงท่าชโลธาร
๒๓๖ บ่ห่อนจะคงคืน มันโจมกลืนเปนอาหาร
ฦๅนามขามขุนมาร ใกล้ชานจันทบูรา
๒๓๗ พระเจ้าจอมราชะ นามมะคะธะนาถา
นางเมืองมิ่งสุดา ทรงนามจันทรวดี
๒๓๘ มีองค์พระธิดา วราโฉมอันสมศรี
ล้ำนางในธาตรี นามศรีสุรสุดา
๒๓๙ เมืองกว้างช้างม้ามูล บริบูรณ์พูนวถา๓๙
โภไคยไหลหลั่งมา โยธาหาญชาญฝีมือ
๒๔๐ เมืองอื่นพื้นชมพู เกรงภูธรบ่ห่อนหือ
แต่พระผู้เลื่องฦๅ สิ้นฝีมือเกรงขุนมาร
๒๔๑ อั้นอ้นจนพระไทย พระหมีได้กระเษมสานต์
สิ้นเรื่องใน กม การ ตั้งปราณ กด ขึ้นทดแทน

๏ ชื่อฉันทฉบำ ๑๖ คำ ฯ

๒๔๒ บัดนั้นคาวีสิทธิแสน  
ฤทธิ์ล้ำดินแดน ถึงสระอุบลชลบท
๒๔๓ ตัดได้ปล้องไม้ไผ่สด  
ลงจ้วงชลจรด กุมภัณฑ์ก็โผฉุดยุด
๒๔๔ คาวีอันมีฤทธิรุทร  
ทรงขรรคาวุธ ก็โจมประจัญฟันฟาด
๒๔๕ กุมภัณฑ์ต้านต่อนรนาถ  
ต่างเอื้อมต่างอาจ ต่างกราดต่างโกรธโดดดึง
๒๔๖ พระขรรค์ฟันเปรี้ยงเสียงผึง  
กระบองก้องกึง สะท้านสะเทื้อนชลธี
๒๔๗ คฤ้ๅนคฤ้ๅนคลื่นกลุ้มสระศรี  
ปลากุ้งพุ่งหนี อุบลก็ป่นเปนจุณ
๒๔๘ มารยุดพระแย้งแข็งขุน สังหารมารซุน
ได้ทีก็โถมโจมฟัน  
๒๔๙ ต้องฃอมารขาดผาดผัน  
โยนขึ้นตลิ่งพลัน ทะโมนทมิฬมรณา
๒๕๐ เลือดสาดดาดแดงพสุธา  
พลางยูรยาตรา ชำระพระองค์สรงชล
๒๕๑ สำเร็จสำราญกระมล  
จ้วงวารีดล ไปสู่พระเชษฐาทูล
๒๕๒ ตามเหตุตัดเกศอสูร  
เชษฐาฟังพูน สวัสดีปรีดา
๒๕๓ สรรเสริญฤทธิรุทรอนุชา  
เลิศล้ำโลกา มาฆ่ากุมภัณฑ์บรรไลย
๒๕๔ ครั้นเสร็จสองทรงอาไศรย  
ใต้ควงพระไทร ก็ร่มระรื่นชื่นชม ฯ

๏ ชื่อยติภังค์ ๑๖ คำ ฯ

๒๕๕ บัดนั้นบันหมู่นิคม  
ชนบทนุกรม มะคะธะราชกระษัตรา
๒๕๖ ทรงพระกระเษมเปรมปรา-  
โมชในกิจจา ตรัสสั่งอำมาตย์บัดใจ
๒๕๗ อย่าช้าเร่งพากันไป  
สอดแนมว่าใคร ผู้ใดมาผลาญมารมรณ์
๒๕๘ เราจะบำเหน็จสยุมพร  
เร่งพากันจร ไปปะอย่าเนิ่นเชิญมา
๒๕๙ บัดนั้นจึ่งขุนมหา-  
อำมาตย์ราชา ประณตบทบงสุ์โองการ
๒๖๐ มาจัดพหลพลหาญ  
ไปบ่ทันนาน ก็ลุถึงสระอุบล
๒๖๑ แลเห็นอสุรินทร์สิ้นชนม์  
ต่างตนต่างยล อเนจอนาถขาดฅอ
๒๖๒ ตาปลิ้นลิ้นพองผมงอ  
กลิ้งอยู่กลางสม- รภูมิเพียงภูผาโพน
๒๖๓ เลือดสาดดาดดินแดงโซน  
ที่ขลาดหวาดโจน ขยัดขยั้งรังควาน
๒๖๔ ที่กล้าหาฤๅสื่อสาร  
จะมีผู้ชาญ ณรงค์นเรศเรืองฤทธิ์
๒๖๕ จึงหาญผลาญมารทุจริต  
เชาเรา๔๐เร่งคิด ติดตามหาตนคนดี
๒๖๖ เร่งไปเราอย่าช้าที  
ว่าพลางกรูกรี ชวนกันไล่ดูจูโจม
๒๖๗ แลเห็นสององค์ทรงโฉม  
สถิตใต้ไทรโสม- นัสนิ่งคิดพิศดู
๒๖๘ ดั่งองค์เทวราชโฉมสู-  
ริย์วงษ์พระภู ปิ่นเกล้าเสด็จแรมดง
๒๖๙ ต่างตนต่างคิดพิศวง  
สององค์อาจอง อันทรงพระแสงแสงเงา
๒๗๐ สงไสยในโฉมโฉมเฉลา  
ต่างจิตคิดเดา มนุษย์ภุชงค์สงกา
๒๗๑ ว่าจะเปนพระมหา-  
กระษัตริย์พลัดมา ฤๅว่าเทวาเวียนดู
๒๗๒ ผินหน้าหารือกันกรู  
บ้างพูดว่าตู คะเนเห็นแน่ความงาม
๒๗๓ แท้ว่ากุมารชาญสนาม  
สององค์สงคราม พิฆาตอสูรอาธรรม์
๒๗๔ จริงหนออออือพร้อมกัน  
ชวนกันผาดผัน ครั้นถึงจึ่งตั้งบังคม
๒๗๕ ว่าข้าขอถามบรม-  
นรินทร์สองสม เสด็จดลหนใด
๒๗๖ ข้าบาทข้าเจ้ากรุงไกร  
โองการท่านไท ใช้ให้มาถามความมาร
๒๗๗ ว่าใครผู้ใดสังหาร  
บัดนี้โปรดปราน ปรีดาพระไทยให้มา
๒๗๘ พหลได้ฟังมหา-  
เสนีปรีดา ว่าน้องเราผลาญมารเอง
๒๗๙ เสนียินยลอลเวง  
ชมชื่นคฤ้ๅนเครง ช่างเรืองมหิทธิ์ฤทธา
๒๘๐ บ้างว่าโองการให้หา  
ผู้ล้างชีวา อสูรจะปูนบำนาญ
๒๘๑ พหลฟังพลันบรรหาร  
เรานี้ใช้การ แต่น้องนี้ต้องจำไป
๒๘๒ เจ้าผู้ร่วมจิตพิสมัย  
เจ้านั้นครรไล เราพี่จะไปเพื่อนกัน
๒๘๓ ว่าพลางทางทรงพระแสงขรรค์  
นำน้องจรจรัล มากลางพหลมนตรี
๒๘๔ ไม่ช้ามาถึงกรุงศรี  
บุรุษนารี รู้เรื่องก็เนื่องกันมา
๒๘๕ ชมสองเยาวราชอันสา-  
มารถล้างอสุรา๔๑ มหามหัตอัศจรรย์
๒๘๖ อ้อนแอ้นไม่น่าแข็งขัน  
มาผลาญมารบรร- ไลยได้ดั่งนี้ดีจริง
๒๘๗ เสนาพาสองถึงสิง-  
หาสน์ไท้ทูลอิง ว่านี้แลผู้ผลาญมาร
๒๘๘ ภูวนาถครั้นได้ฟังสาร  
ทอดทัศนาการ กุมารพี่น้องสององค์ ๚

๏ ชื่อกาโกโลกนา ฯ๔๒

๒๘๙ พิศโฉมงามโฉมระหง  
งามศรีงามทรง งามขนงงามเนตรเกศกร
๒๙๐ งามเครื่องงามครบสบสมร  
งามสง่างามงอน งามแสงพระแสงทรงมา
๒๙๑ จึ่งเอื้อนมธุรสเสน่หา  
เจ้าทั้งสองรา สกุลวงษ์พงษ์ใด
๒๙๒ วงษ์กระษัตริย์ฤๅพราหมณ์เปนไฉน  
จงแจงแจ้งใน สกุลวงษ์พงษ์นาม
๒๙๓ พหลยลยินตรัสถาม  
ทูลเยื้องเรื่องความ ไปตามท่ามกลางอย่างดี
๒๙๔ ว่าข้าพี่น้องสองศรี  
น้องชื่อคาวี ข้าชื่อพหลวิไชย
๒๙๕ สองข้ามาแต่แดนไกล  
จะทูลวงษ์ไท บัดนี้บ่มีที่อิง
๒๙๖ ผู้ใดใครจะเห็นจริง  
เปนที่ประวิง ดั่งหนึ่งมาอ้างอวดวงษ์
๒๙๗ พราหมณ์ฤๅกระษัตริย์ราชหงษ์  
เชิญพินิจทรง ข้าบาทก็อาจเล็งยล
๒๙๘ ภูวนาถฟังอรรถพหล  
ทูลแหลมแกมกล ก็เข้าพระไทยไม่แคลง
๒๙๙ ว่ากระษัตริย์ขัตติย์วงษ์ทรงแสง-  
ขรรค์สิทธิ์ฤทธิ์แรง มาแผลงฤทธาฆ่ามาร
๓๐๐ จึ่งมีมธุรสบรรหาร  
เราใคร่แจ้งการ ซึ่งผลาญกุมภัณฑ์บรรไลย
๓๐๑ พี่ฆ่าฤๅว่าน้องเปนไฉน ฤๅสองชิงไชย
ประหัตประหารร่วมกัน  
๓๐๒ พหลบังคมทูลพลัน ไปตามสัจธรรม์
ว่าข้าบ่ได้ต้องพาน  
๓๐๓ เดิมข้าอาไศรยไทรสถาน ประสงค์สำราญ
ให้น้องไปหาวารี  
๓๐๔ เจ้าลงไปในสระศรี จึ่งเกิดกูลี
กุมภัณฑ์นั้นผุดยุทธยง  
๓๐๕ เจ้าจึงผลาญมารปลดปลง  
จงแจ้งบาทบงสุ์ พระพงษ์นเรศเกศเมือง
๓๐๖ สิ้นกลอนใน กด ปลดเปลือง จะขอประเทือง
กลอน กก ยกยอต่อตาม ๚  

๏ ชื่อกาพย์เกริ่น ๔๔ คำ ฯ

๓๐๗ ปางองค์พระทรงศักดิ์  
ฟังประจักษ์แจ้งความ ออกโอษฐ์โปรดพะงางาม
คาวีดีนัก มาแก้ทุกขราช
ยอดยงองอาจ พิฆาตชลยักษ์
จะยกยศศักดิ์ เจิมพักตร์ให้เจ้ากึ่งเมือง
๓๐๘ ธิดาแห่งเรา  
จะให้เจ้าฤทธิ์เรือง โยธาม้ารถปลดเปลื้อง
เปนเครื่องรางวัล ให้เจ้าคาวี
สมโภชเปนศรี ราไชยไอศวรรย์
เปนบุตรจอมขวัญ รางวัลแทนคุณสงคราม
๓๐๙ จึ่งพระคาวี  
อัญชุลีทูลความ ข้าแต่พระองค์ทรงนาม
ซึ่งทรงเมตตา อันพระเดชพระคุณ
อุดหนุนสมบุญ๔๓ ล้นพ้นคณนา
แต่ข้าบาทมา ตริตราเห็นผิดบูราณ
๓๑๐ เดิมข้าบาทนี้  
อาสาพระพี่อยู่งาน พี่ให้ไปตักชลธาร
จึงได้ผลาญยักษ์ อันเหตุทั้งนี้
คืออาสาพี่ จึ่งได้หาญหัก
จะยกยศศักดิ์ ขวางอยู่ภูบาล
๓๑๑ หนึ่งนั้นข้าบาท  
เยาวราชกุมาร จะได้ธิดาประทาน
มีก่อนพี่ยา ไตรโลกจะติฉิน
พระภูบดินทร์ ทรงพระจินตนา
ต้นเหตุเชษฐา ของข้าบาทนี้เปนประธาน
๓๑๒ ป่างพระจอมจักร  
ฟังตระหนักในสาร สรรเสริญพระกุมาร
เจ้านี้ดีจริง รักพี่สุจริต
เราจะประสิทธิ์ ธิดาดวงหญิง
เจ้าทัดท้วงติง อ้างอิงให้พี่ภิรมย์
๓๑๓ ใครจักเทียมทัด  
เบือนสมบัติเบือนสม น่ารักหลักแหลมลิ้นลม
ควรชมสมทรง เจ้าว่าดั่งนั้น
เราจะผ่อนผัน ตามความประสงค์
จะยกโฉมยง ให้องค์พหลพี่ยา
๓๑๔ พลางสั่งโยนก  
ให้แต่งตกการมหา- อภิเษกการวิวา-
หมงคลพลัน ครั้นได้พิไชยฤกษ์
ก็เอิกเกริก ทั้งไอศวรรย์
พราหมณ์ชีก็นี่นัน พร้อมกันในราชพิทธี ๚

๏ ชื่อยติภังค์ฉันท์ ๑๑ คำ ฯ

๓๑๕ จึ่งแต่งพระองค์เอก เยาวเรศบุตรีศรี
ผัดพักตร์เพียงจันทรี บูรณ์เพ็งขึ้นเปล่งดวง
๓๑๖ แต่องค์พหลวี ไชยเพียงอมรสรวง
เจิมจุณจันทน์จวง โอภาสพักตร์เพียงสูริยัน
๓๑๗ ทั้งสอง ธ ทรงโขม- พัสตร์พื้นอันเฉิดฉันท์
สอดทรงมกุฎกรร- เจียกวิจิตรกระจังจอน
๓๑๘ สบสรรพเครื่องรัต- นรุ่งประภัสสร
โยธาพลากร เชิญเสด็จดล
๓๑๙ พหลขึ้นทรงยาน- นุมาศพร้อมสะพรั่งพล
เสด็จยังพระมณฑล วิมลราชพิทธี
๓๒๐ โฉมจันทรสุร- สุดาทรงพระวอศรี
พร้อมนาฏนารี ก็แห่ห้อมมามณฑล
๓๒๑ พระเจ้าผู้จอมจัน- ทบูราปิ่นสากล
ทั้งมิ่งพระนฤมล- โฉมจันทรวดี
๓๒๒ พร้อมหมู่อำมาตย์สู- ริย์วงษ์ราชอันเรืองศรี
สู่ราชพิทธี ก็พร้อมถ้วนจำนวนการ
๓๒๓ สององค์ขึ้นทรงบน สุวรรณกองมุกดาหาร
พราหมณ์ครูพฤฒาจาริย์ จำเริญไชยมงคล
๓๒๔ สังข์แตรก็แซ่เสียง ดุริยางค์โกลาหล
แว่นเทียนก็เวียนวน เปนทักขิณวัฏเวียน
๓๒๕ ครั้นถ้วนกำหนดพราหมณ์ ก็โบกควันฉวัดเฉวียน
เลิกคลุมบายศรีเทียน ระคนเจิมเฉลิมจันทน์
๓๒๖ ครั้นเสร็จประดาวงษ์ สุริเยศสมโภชขวัญ
เครื่องบริโภคภัณฑ์ แลเครื่องทรงอลงกรณ์
๓๒๗ ให้สองกระษัตริย์ตาม ทำนุกโลกย์อดิศร
ครั้นเสร็จสยุมพร ก็เสด็จออกเลียบเมือง
๓๒๘ ขึ้นทรงพิไชยรา- ชรถรัตน์จำรัสเหลือง
เสนาอเนกเนือง ขนัดแห่ประโคมกลอง
๓๒๙ พร้อมถ้วนกระบวนเสร็จ หน่อบดินทร์เจ้าทั้งสอง
สองหัตถสาดทอง ให้ทานราษฎรชิง
๓๓๐ เวียนไปในมณฑล จังหวัดเสร็จเสด็จสิง-
หาสน์ปรางค์สำอางอิง อรองค์สมพงษ์ภาร
๓๓๑ สองสมภิรมย์ตาม ทำนุกโลกย์กระเษมสานต์
ว่าไปก็ใช่การ อาตมา๔๔เข้าตาจน
๓๓๒ ว่าไปก็ใช่กิจ สมณะนี้ขัดสน
อาตมานี้จำนน จึ่งแหนงหนีผนวชเนา
๓๓๓ ว่าไปก็ใจตรอง ประหวัดตรึกก็ง่วงเหงา
ยอมแพ้ในแง่เงา ใครว่าโง่ก็โมทนา
๓๓๔ สิ้นกลอนในแม่ กก จะยก กบ สมทบหา
ป่างสองกระษัตรา ธ ผาสุกภาพพูน ๚

๏ ชื่อยติภังค์ ๑๑ คำ ฯ

๓๓๕ ให้พระคาวีผู้ นุภาพปราบอสุรสูญ
อยู่ปรางค์อันไพรบูรณ แต่ร้างชู้แลคู่ชม
๓๓๖ กำดัดสัมผัสพาล ฤดีพูนอดูรสม
รื่นรื่นในอารมณ์ ระทมทนเทวษทรวง
๓๓๗ ถึงยามเข้าไสยาสน์ ให้เยือกเย็นในแดดวง
เทเวศประโลมลวง ให้เห็นเพศยุพินพูน
๓๓๘ ครั้นหลับก็คลับคล้าย ครั้นตื่นเคลิ้มก็คลาดสูญ
แดดิ้นอดูรพูล๔๕ ถวิลหวาดบ่ขาดวัน
๓๓๙ นึกในมโนจำ จะจรจากมไหศวรรย์
ไปสืบแสวงขัณ- ฑเสมาพาราเรือง
๓๔๐ คงจักประสบพบ วรนุชนางเมือง
ให้ปลดประเทืองเปลื้อง ที่ทุกข์กรอมที่ร้อนกรม
๓๔๑ ตริเสร็จจึ่งตรัสสั่ง อนงค์นาฏนักสนม
ตามเสด็จอันอุดม ขึ้นเฝ้ายังพระพี่ยา
๓๔๒ ครั้นถึงวันทาท้าว ไท้ธิเบศผู้เชษฐา
ว่าน้องจะขอลา พระพี่เจ้าพเนจร
๓๔๓ น้องโศกไม่มีสุข มีแต่เศร้าดังต้องศร
เดินนั่งแลกินนอน ให้อั้นจิตจะจำลา
๓๔๔ ป่างไท้พหลเทพ ผู้ทรงธรรม์อันเชษฐา
สดับโฉมพระอนุชา ก็รันทดฤไทยไท
๓๔๕ จึ่งเอื้อนสุนทรทัด พ่อมิ่งมิตรผู้พิสไมย
หลัดหลัดจะลาไป อนาถใจพี่จินต์จล
๓๔๖ เหตุไรจะไปจาก อุระพี่ระเหระหน
หมีควรทุเรศรน จะแรมร้างนครจร
๓๔๗ อั้นใจฤๅใจเจ้า ประหวัดมิตรสวาดิสมร
ฟังพี่อย่าอาวรณ์ จะหาให้เป็นไรมี
๓๔๘ พระนุชสดับอรรถ จึงเอื้อนโอษฐ์เกษมศรี
ทูลว่าในธานี อนงค์นับอเนกเนือง
๓๔๙ แต่น้องบต้องเนตร มโนแหนงทั้งหมดเมือง
พระพี่จงอยู่เรือง อิศเรศในบูรี
๓๕๐ น้องรักนี้จักขอ บังคมลาไปหาศรี
ศุภลักษณ์กระษัตรีย์ ตามมโนเสน่ห์เนา
๓๕๑ พระพี่เจ้าจงกา- รุญภาพพระพรเฉลา
แม้นทัดมิให้เทา ก็จะวอดชิวาวาง
๓๕๒ พหลสดับนุช ก็อนาถบ่อาจขวาง
ตรัสปลอบประโลมพลาง โอ้ว่าพ่อผู้ดวงใจ
๓๕๓ เจ้าตอบสำนวนตัด พี่ก็เติ่งจะทำไฉน
สุดเล่ห์สุดอาไลย พ่อสุดใจจะสัญจร
๓๕๔ เจ้าห้ามมิให้ห้าม พี่ก็สุดจะห้ามสอน
ใจพี่จะขาดรอน ออกจากร่างไปตามเรียง
๓๕๕ หาไหนจะเหมือนน้อง สนิทแน่บ่แชเฉียง
หมื่นคนจะมาเคียง ไม่คู่คิดเหมือนคาวี
๓๕๖ เพื่อนยากมาร่วมสุข หมีทันสร่างจะร้างหนี
ได้ดีบดูดี จะหนีจากไปยากเย็น
๓๕๗ จักทัดเหมือนขัดลาภ สุดแต่ใจเจ้าเพื่อนเข็ญ
จะไปก็จำเป็น จะพาเจ้าไปทูลลา
๓๕๘ พลางชวนกันแต่งโฉม อันเฉิดฉัน ธ หรรษา
ขึ้นเฝ้าพระบิดา พระมารดรนิกรตาม
๓๕๙ ครั้นถึงทั้งสองท้าว คำรพไทธิเบศสยาม
พหลจึ่งทูลความ ขอพระเดชพระกรรุณา
๓๖๐ บัดนี้คาวีน้อง มาประนมนมัสสา
กราบบาทยุคลคลา ไปเล็งวังแสวงเวียง
๓๖๑ ห้ามเจ้าบฟังห้าม ก็จนจิตจะปากเสียง
หาคู่จะให้เคียง ก็ตอบปัดจะตัดไป
๓๖๒ ปางองค์พระทรงภพ ภิญโญภาพผู้ผ่านมไห-
ศวรรยาได้ยินไนย พหลแจงก็แจ้งจริง
๓๖๓ ดำรงดำริทราบ ทำนุกหนุ่มกำหนัดหญิง
แย้มสรวลสำรวลติง อันสิ่งนี้ก็จนใจ
๓๖๔ จะหาให้เจ้าไม่ชอบ บสบเชิงจะทำไฉน
จักขืนก็เคืองใจ๔๖ เสน่ห์น้องจะหมองนวล
๓๖๕ ใจเจ้าคะนองหนุ่ม กำหนัดในภิรมย์สงวน
ห้ามเจ้าจะรัญจวน จริงฤๅไม่เจ้าคาวี
๓๖๖ คาวีชุลีเหนียม หมีอาจกลั้นเกษมศรี
ยิ้มยิ้มอยู่ในที ทูลว่าลาไปชมไพร
๓๖๗ ธิเบศก็รู้ถึง สำรวลแสร้งตรัสเสไส
ตามแต่พ่อดวงใจ จะจงเปรมพี่ไม่ปราม
๓๖๘ เจ้าไปให้ผาสุก ให้พ้นโศกในโลกสาม
ชมดงอย่าหลงลาม ตะลึงเล่ห์สุมาลี
๓๖๙ ดอกไม้นี้มักชื่น ถ้าแม้นชมประสมศรี
แม้นพบที่สบที จะปลักปลื้มจนลืมวัง
๓๗๐ พหลสดับบิด- ตุเรศตรัสเปนคำขัง
หมอบเมียงละไมฟัง พลางยิ้มหาพระนุชนวล
๓๗๑ ทั้งสองประสานพักตร์ บมิอาจจะกลั้นสรวล
ชนนีก็สำรวล ประสิทธิ์ไชยมงคล
๓๗๒ พ่อไปให้สมปอง ให้เปนปิ่นในสากล
ประจา๔๗อย่าประจญ ให้เสร็จสมภิรมยา
๓๗๓ คาวีชุลีรับ พรพิพัฒน์มนัสสา
เสร็จสองชุลีลา เสด็จขึ้นมาปรางค์เปรม
๓๗๔ ทั้งสองจึ่งตั้งสัตย์ เสี่ยงโกสุมทั้งสองเกษม
สองเอื้อนพระโอษฐ์เอม ภิวาทเทพธาดา
๓๗๕ เดชะข้าทั้งสอง สุจริตมนัสสา
ซื่อสัจในสัตยา บมิแพร่งระแวงวง
๓๗๖ ขอเทพประสิทธิ์เสริม ให้เสร็จสมอารมณ์ประสงค์
ครั้งนี้ข้าสององค์ จะทุเรศนิรากัน
๓๗๗ แม้นข้าทั้งสองสุข เจริญศรีกระเษมสันต์
ให้บุษบันอัน นี้ชอุ่มกระพุ่มบาน
๓๗๘ แม้นว่าพิราไลย ให้หุบแห้งดั่งแกล้งผลาญ
สองเสร็จธิฐานการ จึ่งเปลี่ยนดอกจงกลกัน
๓๗๙ จงกลพระนุชให้ พระพี่ในไอศวรรย์
จงกลพระที่ปัน ให้พระนุชพเนจร
๓๘๐ เปนที่สำเหนียกใน ทุกข์แลสุขสโมสร
ครั้นเสร็จพยากร พระคาวีชุลีลา
๓๘๑ พหลผู้พี่ให้ เปนห่วงหันพระพักตร์หา
กอดโฉมพระนุชา พิไรร่ำรำพันพร
๓๘๒ พ่อไปให้ไชเยศ อุดมเดชดั่งไกรสร
วิบัติกำจัดจร ให้ถาวรสวัสดี
๓๘๓ สิ่งไรที่ใจจิต จงเสร็จสมกระเษมศรี
สิ้น กบ จบวาที ต่อไปนี้จะว่า เกย๔๘

๏ ชื่อสุราคณาฉันท์ ๒๘ คำ ฯ

๓๘๔ ดับนั้นคาวี  
กราบรับพรพี่ ใส่เกศาเสย
กระทำทักษิณ แล้วลิ้นลาเลย
ทรงพระขรรค์เคย ถือนาดยาตรา ๚

๏ ต่อคำ ฯ

๓๘๕ จรจากนคเรศ  
นครินทร์สิ้นเขต สิ้นขัณฑเสมา
สามารถอาจอุก อาจองค์เอกา
เอโกลีลา ลีลาศเข้าไพร
๓๘๖ เข้าเพราะใจเจ้า  
ใจจิตร้อนเร่า ร้อนฤทธิ์พิศไสมย
พิศสมรหมดเมือง หมดไม่ชอบใจ
ชอบแต่เมืองไกล เมืองใกล้ไม่ดี ๚

๏ ก้านต่อดอก ฯ

๓๘๗ ไม่ดีไม่ดู  
ดูไม่ควรคู่ คู่ควรนวลศรี
ศรีนวลนางเอก เอกนางผู้มี
มีต่างกรุงศรี ศรีกรุงรุ่งเรือง
๓๘๘ เทวาช่วยชัก  
ชักชวนร่วมรัก รักร่วมนางเมือง
เมืองพระให้พี่ พี่ไม่แค้นเคือง
เคืองแต่บุญเรือง เรืองฤทธิ์เดินดง
๓๘๙ ดงเดินแสนยาก  
ยากเย็นลำบาก บากไปโดยจง
จงใจเสน่หา หานางนวลหง
หงษ์เหิรเดินดง ดงไม้มากมี ฯ

๏ ทองสลับแก้ว ฯ

๓๙๐ เกดกระทุ่มกุ่มกระถิน  
อ้อยหนาดอินทนิล สมอสมี
สมักเสม็ด สนเข็ดสักขี
โลดจันลิ้นจี่ พุงจาบโพแจง
๓๙๑ ชมเลยเชยล่วง  
ขึ้นหาดข้ามห้วง ตัดแควตามแขวง
ชมโขดเชิงเขา เพราศรีพรายแสง
มอดำม่วงแดง เขียวแซงขาวแซม
๓๙๒ ลางก้อนล้วนแก้ว  
เลื่อมพรายลายแพรว แสงแววสุกแวม
มรกตเม็ดก่าย ภูกามผุดแกม
เพชรนิลผุดแนม ดูเพลินเดินพลาง ฯ

๏ ประสานงา ๑๖ คำ ฯ

๓๙๓ เสด็จนาดนวยดำเนินขนาง
ขนาดเดินทาง เดินถึงเจ็ดเดือนโดยจง
๓๙๔ สิ้นสมุดสมมุติจบลง
ไว้สืบสุริย์วงษ์ ที่ทรงพระเยาว์อ่านเอย ๚๛
๏ สิ้น อักษรสืบสู้ พยายาม
สุด คิดสุดค้นความ ยากแท้
สมุด เขียนประดิษฐ์ตาม สติ เชาว์นา
แต่ง ถวายให้แผร้ พระเกียรติท้าวเฉลิมเมือง ๚
๏ ป ดิษฐศุภสร้อย อักษร
ถม ปะทุกกลกลอน กล่าวไว้
ก ก้ ก่ อักษร สามสี่ ห้าแฮ
กา กบาทบอกให้ เด็กน้อยแรกเรียน
๏ ปถม ก กา น่าต้น เสือโค
พระสมีมีพุตโต แต่งไว้
หวังสืบพระศาสโน นับท่วน ห้าพัน
ขอเดชจงอย่าได้ ลบล้างเลือนมลาย ฯ๔๙

----------------------------

  1. ๑. ฉบับเลขที่ ๓๖๘ ว่า “ยอกรชุลี”

  2. ๒. ไภย = ภัย

  3. ๓. อะขะระ = อักขระ ในที่นี้ต้องการให้เป็นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด)

  4. ๔. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ และ ๓๖๗ ว่า “ที่ในราคี”

  5. ๕. พะยะฆา = พยัคฆา

  6. ๖. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “อาไศรยในคู”

  7. ๗. สาระพะ = สารพ, สรรพ

  8. ๘. คราใน = ครานั้น

  9. ๙. สำมะดี = สมประดี

  10. ๑๐. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ และ ๓๖๗ ว่า “แม่นี้ไปไกลไม่มา”

  11. ๑๑. เปไร เป็นไร

  12. ๑๒. ฉบับที่ ๓๕๘ ว่า “ข้าให้ไม่ได้ไภรี”

  13. ๑๓. คราใน = ครานั้น

  14. ๑๔. พุโธ = พุทโธ เนื่องจากเนื้อหาตอนนี้ว่าด้วย “แม่ ก กา” จึงใช้คำที่ไม่มีตัวสะกด

  15. ๑๕. ไม้ตรี = ไมตรี

  16. ๑๖. พารณา = พรรณนา

  17. ๑๗. อะโข = อักโข

  18. ๑๘. มือโซ = เมื่อโซ ในที่นี่ต้องการใช้สระเดี่ยว

  19. ๑๙. สะตะยา = สัตยา

  20. ๒๐. ฉบับเลขที่ ๓๘๕ ว่า “ที่ร่ำรู้มา”

  21. ๒๑. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ความหายไป ๕ วรรค

  22. ๒๒. อะฌา = อัชฌา

  23. ๒๓. สะจา = สัจจา

  24. ๒๔. กาละใน = กาลนั้น

  25. ๒๕. มฤโธ = มฤธุ, มธุ หมายถึง อ่อนหวาน

  26. ๒๖. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ความหายไป ๒ บท

  27. ๒๗. พระสิธา = พระสิทธา

  28. ๒๘. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “จะเปน กน มะกอหฤๅ จอ”

  29. ๒๙. กำม์ = กรรม ในที่นี้ต้องการให้เป็น แม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด)

  30. ๓๐. อุประถำภ์ = อุปรถัมภ์, อุปถัมภ์

  31. ๓๑. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “ยินดีปรีดา” แต่ฉบับเลขที่ ๓๐ มีรอยเพิ่มด้วยเส้นดินสอว่า “ยินดีปรีดายาใจ”

  32. ๓๒. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “มาเข้าใจตน”

  33. ๓๓. ดูจากจำนวนคำ มี ๙ วรรค วรรคละ ๔ คำ น่าจะเป็น ๓๖ ไม่ใช่ ๓๒

  34. ๓๔. เชาสำเภา = ชาวสำเภา ในที่นี้ต้องการให้เป็นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด)

  35. ๓๕. ชำพูแผ่น หมายถึง ชมพูทวีป ในที่นี้ต้องการให้ “ชำ” เป็นแม่ ก กา

  36. ๓๖. ธำมสวนา = ธรรมสวนา หมายถึง ฟังธรรม

  37. ๓๗. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “สองราพากันไปคือ”

  38. ๓๘. จามจุรี = จามรี

  39. ๓๙. วถา = วัตถา เสื้อผ้าอาภรณ์

  40. ๔๐. เชาเรา = ชาวเรา

  41. ๔๑. ฉบับเลขที่ ๓๖๗ ว่า “ชมสองเยาวราชกระสัตรา”
    ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “ชมสองเยาวราชหันษา มาล้างอสุรา”

  42. ๔๒. ฉบับเลขที่ ๓๕๘ ว่า “กาโกกะนา”
    ฉบับเลขที่ ๓๖๑ ว่า “กาโกโลฆะนา”
    ฉบับเลขที่ ๓๖๒ ว่า “กาโกโลกะใน”

  43. ๔๓. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “อุดหนุนสมยา”

  44. ๔๔. แสดงว่าผู้แต่งยังอยู่ในสมณเพศ

  45. ๔๕. ฉบับเลขที่ ๓๖๑ ว่า “มูล”

  46. ๔๖. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “จะขืนจะเคืองใจ”

  47. ๔๗. ประจา = ปัจจา

  48. ๔๘. ฉบับเลขที่ ๓๖๔ ว่า “ต่อไปนี้ว่าใน เกย”

  49. ๔๙. โคลง ๒ บทสุดท้าย ปรากฏเฉพาะฉบับเลขที่ ๓๖๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ