คำชี้แจงในการตรวจสอบชำระ เรื่อง เสือโค ก กา
๑หนังสือ เสือโค ก กา เป็นแบบเรียนไทยที่แต่งขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ทศมูลเสือโค” สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์พิจารณาเห็นว่า หนังสือเสือโค ก กา มีความสำคัญต่อประวัติการเรียนการสอนภาษาไทย แต่ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เนื้อเรื่อง เสือโค ก กา ดำเนินตามเรื่องเสือโคคำฉันท์ และบทละครเรื่องคาวี ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นที่รู้จักในสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา การตรวจสอบชำระเพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่คราวนี้ใช้เอกสารสมุดไทยซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร รายละเอียดตามทะเบียนเอกสารเดิม ดังนี้
เอกสารเลขที่ ๓๖๑ | สมุดไทยขาว เส้นหมึก หมู่ อักษรศาสตร์ เรื่อง เสือโค ก กา ประวัติ นางเครือวัลย์ เทพหัสดินทร์ มอบให้เมื่อ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๕ |
เอกสารเลขที่ ๓๖๔ | สมุดไทยดำ เส้นหรดาล หมู่ อักษรศาสตร์ เรื่อง เสือโค ก กา ประวัติ เจ้าพระยามุขมนตรี (อวบ) มอบให้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ |
เอกสารเลขที่ ๓๖๗ | สมุดไทยขาว เส้นหมึก หมู่ อักษรศาสตร์ เรื่อง เสือโค ก กา ประวัติ ซื้อจากพระยาปริยัติธรรมธาดา เมื่อ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๔ |
เอกสารเลขที่ ๓๖๘ | สมุดไทยดำ เส้นหรดาล หมู่ อักษรศาสตร์ เรื่อง เสือโค ก กา ประวัติ นายพรหม เปรียญ มอบให้ เมื่อ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๕ |
เอกสารสมุดไทยเรื่อง เสือโค ก กา
เอกสารเลขที่ ๓๖๑ เอกสารฉบับนี้เป็นสมุดไทยขาว เส้นหมึกดำ มีข้อความระบุไว้ในบานแพนกว่า “๏ หน้าต้นเสือโค ปะถมมะก กา เล่ม ๑ นะท่านเอ๋ย ๚๛” เอกสารฉบับนี้เขียนตัวเลขบอกชนิดคำประพันธ์กำกับไว้เหนือเครื่องหมายฟองมัน เริ่มต้นด้วยบทนมัสการแจ้งนามผู้แต่งและจุดประสงค์ในการแต่งว่า
๒๘๏ ขาพระสะมี๋มี | |
ฃอไหว้พระษี | ระตะนะไตร |
มายู่อเกษา | ขอยามีไภ |
ไหว้ครูผูไตร | ที่ร่ำรู้มา |
๏ ขอไห้ไชยะ | |
ปุระในษะระ | ทำคำก กา |
ท่วีอะคะระ | ทะเลขา |
ที่พระมะหา | ราชาธิบอดี |
๏ ถาพรำคำไหน | |
ฃอพระอะไภ | อย่าระได้ราคี |
ฃอไหมีไช | ที่ในวาที |
ชูพระบาระมี | ไหว้ซื้อฦๅคำ |
๏ ไหว้ในพระหน่อ | |
เยาๆ ละอ | แต่ภเล่าจำ |
ไห้ฬ่พระไท | ที่ในลำนำ |
สาราที่ทำ | ไหนำปรีชา |
จากนั้นเริ่มดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบมีโคลงกระทู้ท้ายเรื่อง ๑ บทคือ
๏ สิ้น อักษรสืบฮู่ | พะยาม์ยาม |
สุท จิตรสุดขีษความ | ยากแท้ |
สมุท เขยีนประดิดตาม | สะติ เชานา |
แต่ง ถ่วายไห้แผ้ร | พระเกรยีดท้าวเฉลิมเมอืง ๚ะ๛ |
เอกสารเลขที่ ๓๖๔ เอกสารฉบับนี้เป็นสมุดไทยดำ ชุบอักษรด้วยเส้นหรดาล ลายมือบรรจงแบบ “ตัวอาลักษณ์” เริ่มต้นด้วยโคลงกระทู้นำเรื่อง ๑ บท ดังนี้
๏ เสือโค โอ้ยากแท้ | ทำถวาย |
ก กา หาความหลาย | ฦกล้ำ |
ว่าไป ในนิยาย | ยอดยาก จริงนอ |
จบเกย เลยแทรกซ้ำ | สอดซ้อนสำเนียง ๚ะ๛ |
เนื้อความเริ่มต้นด้วยบทนมัสการ แจ้งนามผู้แต่ง จุดประสงค์ในการแต่ง เช่นเดียวกับเอกสารเลขที่ ๓๖๑ เมื่อเริ่มต้นคำประพันธ์แต่ละชนิดจะมีชื่อกำกับชนิดคำประพันธ์ระหว่างเครื่องหมายฟองมัน
๏ ชื่อกาพยรัตนมาลา | ๏ ข้าพระสมีมี |
ฃอไหว้พระศรี | ระตะณะไตร |
มาอยู่เกษา | ฃออย่ามีไภ |
ไหว้ครูผู้ไตร | ที่ร่ำรู้มา |
๏ ฃอให้ไชยะ | |
ปรุในษะระ | ทำคำ ก กา |
ทะวีอะขะระ | ทะศะเลขา |
มาที่พระมหา | ราชาธิบดี |
๏ ถ้าพล้ำคำไหน | |
ฃอพระอไภย | อย่าได้ราคี |
ฃอให้มีไชย | ที่ในราคี |
ชูพระบารมี | ไว้ชื่อฦๅคำ |
๏ ไว้ให้พระหน่อ | |
เยาวเยาวลออ | แต่ภอเล่าจำ |
ให้ฬ่อพระไท | ที่ในลำนำ |
สาราที่ทำ | ให้นำปรีชา |
จากนั้นกำกับชนิดคำประพันธ์ไว้ระหว่างเครื่องหมายฟองมันกับอังคั่น วิสรรชนีย์ โคมูตรว่า “๏ ชื่อกาพยฉันท์ชะบำ ๚ะ๛” และดำเนินเรื่องจบลงตอนที่คาวีเดินทางออกจากเมืองจันทบุราตามลำพัง จบลงด้วยโคลงท้ายเรื่องแต่งเป็นกระทู้ ๑ บท เช่นเดียวกับเอกสารฉบับที่ ๓๖๑
๏ สิ้น อักษรสืบสู้ | พญายาม |
สุด คิดสุดค้นความ | ยากแท้ |
สมุด เขียนประดิดตาม | สติ เชานา |
แต่ง ถวายให้แพร่ | พระเกรียดิท้าวเฉลิมเมือง ๚ะ๛ |
ตอนท้ายของสมุดไทยเอกสารเลขที่ ๓๖๔ เป็นโคลงจำนวน ๓๐ บทจากเรื่อง “ยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อยังดำรงพระอิสริยศักดิ์เป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (ดูในภาคผนวก สำเนาเอกสารเลขที่ ๓๖๔) การชำระเรื่องเสือโค ก กา ครั้งนี้ใช้เอกสารเลขที่ ๓๖๔ เป็นหลักในการตรวจสอบ
เอกสารเลขที่ ๓๖๗ เอกสารฉบับนี้เป็นสมุดไทยขาว เส้นหมึกดำ มีข้อความระบุในบานแพนกว่า “ไว้ซืบสายกุลบุตรเล่าเรยีนเอย” จากนั้นเป็นโคลงกระทู้นำเรื่อง ๑ บท ดังนี้
๏ เสือโค โอ่ยากแท้ | ทำถว้าย |
ก กา หาความหล้าย | ฦกล้ำ |
ว่าไป ในนิยาย | ยอดยาก จึงหนอ |
จบเกย เลยแทรกซ้ำ | สอดซอนสำเนียง ๚ะ๛ |
จากนั้นเป็นบทนมัสการ แจ้งนามผู้แต่งและจุดประสงค์ในการแต่งเช่นเดียวกับเอกสาร ๒ ฉบับที่กล่าวมาแล้ว ลักษณะเด่นของเอกสารเลขที่ ๓๖๗ คือ ระบุชื่อคำประพันธ์ที่ปรากฏในเรื่องต่างกับฉบับอื่นๆ เช่น “ชื่อกาพยรัตณมาลา ๒๘ คำ” “ชื่อกาพยฉันธชบำ ๑๖ คำ” “ชื่อสุราฆะณาฉันธะ ๒๘ คำ” “ชื่อกาพสาญวิลาษนี ๑๑ คำ” “ชื่อกาพสะโลกขฉันธะ ๓๐ คำ” “ชื่อกาพยสุวัณมาลา ๑๘ คำ” “ชื่อกาพขันไม่เข้าซอ ๓๒ คำ” เป็นต้น
เรื่องเสือโค ก กา ที่ปรากฏในเอกสารเลขที่ ๓๖๗ ดำเนินเรื่องไปจนจบความและมีโคลงกระทู้ท้ายเรื่อง ๑ บท เช่นเดียวกับเอกสารเลขที่ ๓๖๑ และเลขที่ ๓๖๔ แต่ตอนท้ายเล่มสมุดไทยเอกสารเลขที่ ๓๖๗ มีเนื้อความแต่งเป็นคำประพันธ์ต่อไปอีก ๓ เรื่อง คือ “ประถม กข” หรือ “สุภาษิต ก ข้” “เพลงยาวอาวาสโวหาร” และ “สุภาษิตอิศริญาณ” เรื่อง ประถม กข นั้นแต่งเป็นคำกาพย์ ประกอบด้วย กาพย์ ๑๑ (ยานี) กาพย์ ๑๖ (ฉบัง) และ กาพย์ ๒๘ (พิลาพ) เนื้อหาของ ประถม กข เป็นการนำตัวอักษรพยัญชนะตั้งแต่ ก ถึง ฮ มาขยายความด้วยข้อธรรมในพระพุทธศาสนา เช่น
“๒๘ พิลาพ | ๏ จะกล่าวบทไป |
ตัว ฃอ นี้ไซ้ | ประสงค์ขันตี |
อดได้ไม่โกรธ | ประโยชน์มากมี |
ทั้งในชาตินี้ | ชาติ์หน้าต่อไป |
หนึ่งเล่าเรานี้ | |
ถือมั่นขันตี | จงมีในใจ |
ถึงเวทนา | จะมาฉันใด |
ข่มขี่ลงไว้ | อย่าร้องวุ่นวาย |
อย่าสำคัญคิด | |
อย่าถือว่าจิตร์ | เป็นมิตร์กับกาย |
จงแยกออกดู | ให้รู้แยบคาย |
ชั้นเชิงอุบาย | รูปนามต่างกัน |
ฯลฯ
ตัว ขอ ขันตี | |
หยุดยกไว้ที | คอ นี้พรรณนา |
ประสงค์เอาคุณ | อุดหนุนเกิดมา |
พบพระสาสนา | ได้ฟังสั่งสอน |
พระคุณพุทโธ | |
ทั้งคุณธรรโม | สังโฆถาวรณ์ |
เป็นที่นับถือ | เลื่องฦๅขจร |
ท่านนั้นหลุดถอน | อะวิชชาตัณหา” |
ส่วน “เพลงยาวอาวาสโวหาร” แต่งเป็นกลอนเพลงยาว กล่าวถึงพระภิกษุ ๒ รูป ไปลาสิกขากับพระอุปัชฌาย์ พระอุปัชฌาย์ทำนายดวงชะตาของทั้ง ๒ ว่า คนหนึ่งจะรำรวยแต่อีกคนหนึ่งจะตกยาก ครั้นลาสิกขาแล้ว “ทิดดี” ซึ่งพระอุปัชฌาย์ทำนายว่าจะร่ำรวยนั้น ไปได้ภรรยามีฐานะดีแต่ภรรยาเป็นคนหละหลวมไม่ถี่ถ้วน ภายหลังกลับยากจนลง ส่วน “ทิดร้าย” ซึ่งพระอุปัชฌาย์ทำนายว่าจะตกยากไปได้ภรรยาเป็นชาวสวน มีความละเอียดถี่ถ้วนกลับรำรวยขึ้นเป็นลำดับ ผิดไปจากคำทำนายของพระอุปัชฌาย์
เรื่อง “ปถม กข” และ “เพลงยาวอาวาสโวหาร” ที่อยู่ต่อจาก “เสือโค ก กา” ในสมุดไทยเอกสารเลขที่ ๓๖๗ นั้นไม่ปรากฏข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้แต่ง จึงไม่สามารถสรุบได้ว่าเป็นผลงานของผู้แต่งเรื่องเสือโค ก กา หรือไม่ อย่างไรก็ตามเอกสารฉบับนี้มีแผ่นกระดาษบันทึกความเห็นของ “พระยาบปริยัติ” ซึ่งน่าจะหมายถึง พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษณ์) ปิดอยู่บนปกหน้าปลายสมุดความว่า
“หนังสือเสือโค ก กา และต่อไปว่าด้วยกำเนิดพยัญชนะตั้งต้น ก ถึง ฮ พระสมีมี ผู้นี้เป็นนักประพันธ์อักขรวิธี และจินตกวีผู้หนึ่งมีชื่ออยู่ ได้พบในเรื่องสุบิน ก กา แห่งหนึ่ง สมุดตัวรงมีอยู่ในหอพระสมุดแล้ว เนื้อความทั้งสองฉบับดูเป็นแต่งถวายพระอักษรเจ้านาย เคยมีผู้บอกเล่าว่าได้เป็นพระมหาราชครู
พระยาปริยัติ”
เอกสารเลขที่ ๓๖๘ เอกสารฉบับนี้เป็นสมุดไทยดำเส้นหรดาล ตัวอักษรค่อนข้างลบเลือน หน้าแรกแต่งเป็นโคลงนำเรื่อง ๑ บท ดังนี้
ประถม ก กา น่าต้น | เสือโค |
พระสมีมีพุตโต | แต่งไว้ |
หวังสืบพระสาศโน | นับท่วน ห้าพรรษ์ |
ขอเดชจงอย่าได้ | ลบล้างเลือนมลาย |
เริ่มเนื้อเรื่องเสือโค ก กา โดยบอกเลขจำนวนอักษรและชื่อคำประพันธ์ ไม่แจ้งนามผู้แต่งในวรรคแรก แต่ข้อความต่อไปใกล้เคียงกับเอกสาร ๓ ฉบับที่กล่าวมาแล้ว
๏ ๒๘ ๏ ชื่อกาพยรัตนมาลา | ๏ ยอกรชุลี |
ข้าไหว้พระสี | รตนไตร |
มาอยู่เกษา | ขออย่ามีไภย |
ไหว้ครูผู้ไตร | ที่ร่ำรู้มา |
๏ ขอให้ไชยะ | |
ปรุในสะระ | ทำคำ ก กา |
ทวีอะขะระ | ทะศะเลขา |
มาที่พระมหา | ราชาธิบดี |
๏ ถ้าพล้ำคำไหน | |
ขอพระอะไภย | อย่าได้ราคี |
ขอให้มีไชย | ที่ในวาที |
ชูพระบารมี | ไว้ชื่อฦๅคำ |
๏ ไว้ให้พระหน่อ | |
เยาเยาลออ | แต่พอเล่าจำ |
ให้ฬ่อพระไท | ที่ในลำนำ |
สาราที่ทำ | ให้นำปรีชา |
จากนั้นเริ่มเรื่องเสือโคโดยใช้คำที่อยู่ในมาตรา ก กา (ไม่มีตัวสะกด) เช่นเดียวกับฉบับอื่น ๆ ดำเนินเรื่องไปจนถึงคาวีเดินทางจากเมืองจันทบุรา ตอนท้ายสมุดไทยเอกสารเลขที่ ๓๖๘ มีโคลง ๔ สุภาพ ๘ บท โคลงบางบทนำมาจากหนังสือจินดามณีของพระโหราธิบดี เช่น โคลงกลไทยหลง โคลงกลฤๅษีแปลงสาร ส่วนโคลง ๒ บทสุดท้ายเป็นโคลงท้ายเรื่อง เสือโค ก กา ดังนี้
๏ ถวายกรวรบาทน้อม | กฤษดาล |
โอนอ่อนศริรากราน | กราบเกล้า |
พุทธคุณอดุลปาน | สรรเพชญ |
ปกห่มร่มเกษเช้า | ค่ำเพียรนิจกาล ฯ |
๏ อักษรบวรสารสร้อย | ศรีสวัสดิ |
วนิดานารีรัตน | แต่งไว้ |
ยุบลกลโคลงผลัด | เพี้ยนชื่อ |
คือไทหลงผจงให้ | อ่านอ้าเปนผน ฯ |
๏ ฃอแถลงแสดงสร้อย | สุภอัษฐ |
มธุรศพจนคำพรัด | พรอกพร้อง |
ไทนับลับฦกฉบัด | โดยเลศ |
เปนบันเทิงเรื่องร้อง | ร่ำเหล้นเปนเขษม ฯ |
๏ อักษรทรธรงไว้ | โดยขบวน |
เล่หเล่นเปนเสสรวน | ชื่นช้อย |
ลำนำทำสำรวน | เร้นซ่อน |
ลับฦกตรึกตริถ้อย | ยากพ้นคณนา ฯ |
๏ ลิขิตอิษเรษไท้ | นฤบาล |
ฟงงถี่ถ้วนข่าวสาร | หนุ่มเหน้า |
มรคาทุเรษสถาน | ยังลุ ถึงเลย |
อำมฤตยรศพจนเจ้า | เนิ่นช้าเพื่อใด ฯ |
๏ อักษรบวรลักษณล้วน | เพลงพาล |
ชื่อฤๅษีแปลงสาร | สืบไว้ |
ผลัดเปลี่ยนเพี้ยนกลอนกาล | กลายกลับ |
สนเท่เล่หลับไท้ | อ่านเหล้นเปนเกษม ฯ |
๏ ปะ ดิษฐศุภสร้อย | อักษร |
ถม ปะทุกกลกลอน | กล่าวไว้ |
ก ก้ก่อักษร | สามสี่ ห้าแฮ |
กา กะบาทบอกให้ | เด็กน้อยแรกเรียน ฯ |
๏ ปะถมกกาน่าต้น | เสือโค |
พระสมีมีพุตโต | แต่งไว้ |
หวังสืบพระสาศโน | นับท่วน ห้าพรรษ์ |
ขอเดชจงอย่าได้ | ลบล้างเลือนมลาย ฯ |
เอกสาร ๓ ฉบับที่ใช้ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ระบุชัดเจนว่าผู้แต่งคือ พระสมีมี คำว่า สมี หรือ พระสมี ในสมัยที่แต่งเรื่องนี้หมายถึงพระภิกษุ นักวิชาการวรรณคดีไทยสันนิษฐานว่า พระสมีมีเป็นบุคคลเดียวกับ “นายมี” “เสมียนมี” หรือ “หมื่นพรหมสมพัตสร” กวีผู้มีชื่อเสียงในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
อาจิณ จันทรัมพร และประพนธ์ เรืองณรงค์ กล่าวถึงนายมีไว้ในหนังสือ “นายมี (เสมียนมี) ศิษย์เอกสุนทรภู่ กวีจิตรกรผู้สรรค์ศิลป์แห่งแผ่นดินรัชกาลที่ ๓” ว่า
“นายมีหรือเสมียนมีนอกจากจะได้มีผลงานทางบทกลอน คือได้แต่งนิราศอันโดดเด่นขึ้นไว้ ๔ เรื่อง คือนิราศถลาง นิราศพระแท่นดงรัง นิราศเดือนและนิราศสุพรรณแล้วยังได้แต่งหนังสือซึ่งใช้เป็นแบบเรียนในสมัยนั้นเรื่องหนึ่งนั่นคือ เรื่องทศมูลเสือโค”
(นายมี (เสมียน) ศิษย์สุนทรภู่กวีจิตรกร ผู้สรรค์ศิลป์แห่งแผ่นดินรัชกาลที่ ๓, ๒๕๕๕ : ๑๖๔)
นอกจากนี้ในหนังสือ “นายมี (เสมียน) ศิษย์สุนทรถู่กวีจิตรกรผู้สรรค์ศิลป์แห่งแผ่นดินรัชกาลที่ ๓” ยังอ้างถึงข้อมูลตอนท้ายของหนังสือทศมูลเสือโคว่า
“เรื่องทศมูลเสือโคเล่มนี้รักษ์ที่สุด ข้าพระพุทธิเจ้าบุตรพญาโหราราช มาอภิวาทไว้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทยุคัล ณ วันพุธ แรมสองค่ำ เดือนยี่ ปีจอจุลศักราชพันสองร้อยสัมฤทธิศก ยกขึ้นในวันศรีศุภฤกษ์ โชคอมฤต ซึ่งตื้นและลึกในคำ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดฯ ขอเดชะ”
(นายมี (เสมียนมี) ศิษย์สุนทรภู่กวีจิตรกร ผู้สรรค์ศิลป์แห่งแผ่นดินรัชกาลที่ ๓, ๒๕๕๕ : ๑๖๕)
พระสมีมีแต่งหนังสือ เสือโค ก กา หรือทศมูลเสือโคเมื่อจุลศักราช ๑๒๐๐ ซึ่งตรงกับพุทธศักราช ๒๓๘๑ ทั้งหลักฐานดังกล่าวยังระบุว่า ผู้แต่งเป็นบุตรของ “พญาโหราราช” สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ประวัติของนายมีไว้ในคำนำหนังสือ “กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว” ซึ่งนายมีแต่งขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๖ ว่า
“เรื่องเพลงยาวของนายมีมหาดเล็กนี้ ได้ความปรากฏอยู่ข้างท้ายว่าเดิมนายมีเป็นมหาดเล็กช่างเขียน เกิดเบื่อหน่ายวิชาช่าง เห็นว่าตัวชำนาญในทางบทกลอน จึงแต่งเพลงยาวนี้ทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงเห็นความสามารถในทางกวี เพื่อจะทูลขอไปรับราชการเป็นอาลักษณ์ แต่จะสำเร็จดังความประสงค์หรือไม่นั้นหาปรากฏไม่ เข้าใจว่าไม่สำเร็จ ด้วยนายมีนี้เป็นช่างเขียนที่มีชื่อเสียงครั้งรัชกาลที่ ๓ คนหนึ่ง”
(กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว, ๒๕๓๐ : พระนิพนธ์คำนำ)
ผลงานที่สำคัญยิ่งเรื่องหนึ่งของนายมีคือนิราศเดือน ซึ่งนักวิชาการวรรณคดีไทยสันนิษฐานว่า นายมีน่าจะแต่งเรื่องนี้ในวัยหนุ่มขณะที่บวชเป็นพระจำพรรษาอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ หลังจากนั้นเข้าใจว่านายมีคงจะลาสิกขาไปประกอบอาชีพตามฆราวาสวิสัย ระยะนี้นายมีเป็นช่างเขียนและเป็นเจ้าอากรเมืองสุพรรณบุรี เมื่อเดินทางไปเก็บอากรที่เมืองสุพรรณบุรีได้แต่งกลอนนิราศสุพรรณขึ้น
นายมีเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งในแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีลายพระหัตถ์กราบทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ทรงอธิบายถึงนามช่างที่ปรากฏในตำราไหว้ครูช่างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นว่า
“ได้ยินเรียกกันว่าตามีบ้านบุะ เขียนห้องภูริทัตในพระอุโบสถวัดอรุณ ซึ่งไฟไหม้เสียแล้ว ยังมีขึ้นปูนแตกมีรูปภาพติดดูได้ อยู่ที่วังสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงษ์วรเดช ทรงเก็บมารักษาไว้ขึ้นหนึ่ง เปนฝีมือดีในรัชกาลที่ ๓ เหมือนกัน แต่ไม่เอก”
(ประชุมหนังสือเก่าภาคที่ ๒, ๒๕๕๒ : ๒๓)
เมื่อนายมีลาสิกขาจากวัดพระเชตุพนฯ แล้วได้พึ่งบุญเจ้านายพระองค์หนึ่ง และรับพระราชทานที่ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านบุ ใกล้วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย ดังในกลอนนิราศสุพรรณว่า
ถึงวัดทองทัศนาดูอาวาส | คิดถึงบาทบพิตรเหมือนจิตหวัง |
เคยเสด็จมาที่นี่ปีละครั้ง | ทั้งเรือดั้งเรือกันเป็นหลั่นไป |
ด้วยทรงพระราชศรัทธาอุตสาหะ | ถวายพระกฐินทิพโกไสย |
สร้างกุศลต่างต่างทุกอย่างไป | ตั้งพระทัยหมายประโยชน์โพธิญาณ |
เมื่อข้าบาทบรรพชารักษากิจ | ที่สถิตเชตุพนวิมลสถาน |
ได้เล่าเรียนเพียรภาวนานาน | รับประทานนิจภัตเป็นอัตรา |
ครั้นสึกออกจากพระสละวัด | เป็นคฤหัสต์ลำบากยากหนักหนา |
ได้อาศัยในสมเด็จพระน้องยา | ทรงเมตตาโปรดปรานที่บ้านเรือน |
(นิราศสุพรรณ, ๒๕๐๖ : ๔)
“สมเด็จพระน้องยา” ในรัชกาลที่ ๓ ที่ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า น่าจะหมายถึง “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์” ซึ่งต่อมาคือ “พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว”
แม้ว่านายมีจะเป็นศิลปินที่มีความสามารถทั้งทางจิตรกรและกวี สันนิษฐานว่านายมีต้องการมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในเชิงประพันธ์มากกว่าทางช่างเขียน ดังที่นายมีพรรณนาไว้ในกลอนนิราศสุพรรณซึ่งท่านแต่งเมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๗ เมื่อเดินทางผ่านวัดเพลงว่า
มาถึงหน้าวัดเพลงวังเวงจิต | นั่งพินิจศาลาที่อาศัย |
มีตะพานลูกกรงลงบันได | จึงจำได้แน่จิตไม่ผิดเพี้ยน |
แต่ก่อนพระวัดนี้ท่านดีมาก | ชื่อขรัวนาคช่างฉลาดข้างวาดเขียน |
มีคนจำแบบอย่างมาวางเรียน | จนช่างเขียนประเดี๋ยวนี้ก็ดีจริง |
ทุกวันนี้ฝีมือเขาลือมาก | แต่ฝีปากอับชื่อไม่ลือถึง |
ไม่มีใครยอยกเหมือนตกบึง | ต้องนอนขึงคิดอ่านสงสารตัว |
เสียแรงเรียนวิชาสารพัด | เที่ยวหยิบยัดยกใส่ไว้ในหัว |
เหมือนมณีสีอับพยับมัว | จะเอาตัวเห็นไม่รอดตลอดไป |
(นิราศสุพรรณ, ๒๕๐๖ :๖)
นายมีคงจะได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้งหนึ่ง หลังจากพุทธศักราช ๒๓๘๗ แต่ไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่า ท่านอุปสมบทในปีใด และจำพรรษาอยู่ที่ใด ปรากฏหลักฐานในเสือโค ก กา ว่า “พระสมีมี” เป็นผู้แต่ง ส่วนจุดประสงค์ในการแต่งก็ระบุว่า แต่งถวายเป็นแบบเรียนสำหรับราชกุมารและเฉลิมพระเกียรติเป็นศรีสง่าของบ้านเมือง
๏ ไว้ให้พระหน่อ | |
เยาวเยาวลออ | แต่พอเล่าจำ |
ให้ฬ่อพระไท | ที่ในลำนำ |
สาราที่ทำ | ให้นำปรีชา |
และ
สิ้น อักษรสืบสู้ | พยายาม |
สุด คิดสุดค้นความ | ยากแท้ |
สมุด เขียนประดิษฐ์ตาม | สติ เชาว์นา |
แต่ง ถวายให้แผร้ | พระเกียรติท้าวเฉลิมเมือง |
อนึ่งในรัชกาลที่ ๓ นั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระปริวิตกถึงพระราชโอรสที่ยังทรงพระเยาว์ว่า ไม่ทรงมีความรู้ในเชิงอักษรศาสตร์และการกวี ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือจินดามณี เล่ม ๒ พระนิพนธ์ในกรมหลวงวงษาธิราชสนิทว่า
๏ พระทรงอาโภคด้วย | เอารส ราชฤๅ |
ไป่เชี่ยวไป่ชาญพจน์ | พากย์พร้อง |
เลบงแบบแยบอย่างบท | กลอนกาพย์ โคลงนา |
จึงเร่อมรินิพนธ์ต้อง | ฉบับตั้งงแต่เพรง ฯ |
(จินดามณี เล่ม ๑ - ๒ กับบันทึกเรืองหนังสือจินดามณี และจินดามณีฉบับพระเจ้าบรมโกศ, ๒๕๐๔ : ๑๐๘)
กระทั่งวันพุธเดือน ๖ แรม ๓ ค่ำ ปีระกา เอกศก จุลศักราช ๑๒๑๑ ตรงกับพุทธศักราช ๒๓๙๒ มีรับสั่งให้พระราชโอรสเล่าเรียนคัมภีร์วุตโตทัยซึ่งเป็นตำราการประพันธ์ในสมัยนั้น
๏ จวบจุลศักราชถ้วน | พันอุไภย ร้อยฤๅ |
สิบเอ็ดรกาศกไสมย | ลุะแล้ว |
วิสาขมาสดฤถีไตร | กาฬปักษ์ ปางพ่อ |
วารพุฒมกุฏกรุงแก้ว | โอษฐเอื้อนโองการ ฯ |
๏ สารส่งงสุริยชาติถ้วน | ขัติโย รสฤๅ |
เรียนเรียบพจน์พฤตโต | พากย์อ้าง |
จงเฉลียวลักษณในโว | หารแห่ง ปราชญ์เฮย |
ผดุงพระเกียรดิสืบสร้าง | เฟื่องฟื้นฟูไผท ฯ |
(จินดามณี เล่ม ๑ - ๒ กับบันทึกเรืองหนังสือจินดามณี และจินดามณีฉบับพระเจ้าบรมโกศ, ๒๕๐๔ : ๑๐๙)
ครั้งนั้นกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เมื่อยังดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นวงษาสนิทซึ่งทรงเป็นศิษย์ในกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ได้ทรงพระนิพนธ์ “จินดามณี เล่ม ๒” ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นแบบเรียนสำหรับพระราชโอรสสนองพระราชปรารภ
๏ กรมวงษาสนิทอ้าง | นามเสนอ |
นิพนธ์พจน์โดยอำเภอ | พจน์รู้ |
ปองเปนประโยชน์เผยอ | พระยศหน่อ นเรศร์ฤๅ |
รงงรักษ์อักษรกู้ | กอบไว้เฉลอมเวียง ฯ |
(จินดามณี เล่ม ๑ - ๒ กับบันทึกเรืองหนังสือจินดามณี และจินดามณีฉบับพระเจ้าบรมโกศ, ๒๕๐๔ : ๑๐๙)
จะเห็นว่าพระสมีมีแต่งเสือโค ก กา ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเดือนยี่ สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๐๐ ต่อมาจึงมีรับสั่งให้พระราชโอรสเล่าเรียนคัมภีร์วุตโตทัยเมื่อเดือน ๖ เอกศก จุลศักราช ๑๒๑๑ แต่จะโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เสือโค ก กา ที่พระสมีมีแต่งถวายเป็นหนังสือเรียนสำหรับพระราชโอรสหรือไม่นั้น ไม่ปรากฏหลักฐาน
ผลงานการประพันธ์ของนายมี หรือพระสมีมี ได้แก่ นิราศถลาง นิราศเดือน นิราศสุพรรณ นิราศพระแท่นดงรัง กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากที่กล่าวแล้วยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่ เช่น สุบิน ก กา และศรีสวัสดิวัด ทั้ง ๒ เรื่องยังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่ ซึ่งสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์จะตรวจสอบชำระเพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่ในโอกาสต่อไป
-
๑. นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ ผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ เรียบเรียง ↩