อธิบายถึงเรื่องเที่ยว

พระนิพนธ์

พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ

การเที่ยวเตร่นี้ ว่าที่จริงใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะได้เคยด้วยกันแทบทุกคน จะต่างกันก็ที่ได้ไปไกลบ้างใกล้บ้าง แลได้เที่ยวน้อยบ้างมากบ้าง ที่ว่านี้ประสงค์ว่าเที่ยวเตร่ไปต่างบ้านต่างเมืองฤาไปบ้านนอกคอกนา มิใช่เที่ยวเสเพลตามบ่อนเบี้ย ฤาไปเที่ยวนอนเสียตามศาลาวัดพอกันเขาใช้

การเที่ยวเตร่นี้ประโยชน์ว่ารวบยอดก็มี ๒ ประการ คือได้ความศุขสำราญประการ ๑ ได้ความรู้ประการ ๑ ที่ว่าได้ความศุขสำราญนั้น ความสนุกสนานรื่นเริง ซึ่งได้ไปดูแลพบเห็นภูมิประเทศ์แลผู้คนสิ่งของซึ่งยังไม่เคยพบเคยเห็นจะมีฉันใด ไม่ต้องพรรณาชี้แจงก็จะพอเข้าใจอยู่แล้ว อันส่วนความศุขนั้นก็เปนสิ่งซึ่งอนุโลมต่อกัน แม้แต่คนไข้ได้แปรสถานในเวลาอันสมควร หมอก็ย่อมถือว่าเปนทางที่จะหายได้เร็ว ถึงคนซึ่งไม่มีอาการถึงป่วยเจ็บ เปนคนที่ประจำการมีกิจธุระต่าง ๆ ย่อมมีเวลาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เมื่อได้ละกิจกังวลแปรสถานไปเที่ยวเตร่ตามอำเภอใจเสียได้ครั้งหนึ่งคราวหนึ่ง ก็ย่อมชื่นบานสำราญกายตลอดจนจิตรใจ กลับมาตั้งหน้าทำการได้แขงแรงดีขึ้นกว่าเก่า เปรียบอย่างต่ำ ๆ เหมือนกับม้าที่เขาแก้เครื่องอานปละปล่อยให้ได้เที่ยวโลดโผนไปตามสยายเสียคราวหนึ่ง พอหายเมื่อยล้าแล้วเอามาใช้สอยอิก ย่อมหายซบเซาเหงาเงื่องฉันใด คนเราก็เหมือนกัน เพราะม้าก็ดีคนก็ดี ร่างกายมิใช่ทำด้วยเหล็กด้วยไหลผิดกันอย่างใด ความข้อนี้จะอธิบายไปทำไมให้ป่วยการ ท่านผู้ใดยังสงไสยก็จงลองหาวันว่าง ๆ สักวัน ๑ เอาเสยียงอาหารบรรทุกเรือแจวไปเที่ยวจอดหุงเข้าต้มแกงกินตามเรือกสวน ก็จะออกสนุกกินเข้าเอร็ดอร่อยได้มากกว่ากินที่บ้านเมื่อวันก่อน

ในข้อที่ว่าได้ความรู้นั้น เปนข้อสำคัญควรจะอธิบายให้ชัดเจนแต่จะต้องขอยกความข้อต้นให้เปนอันเข้าใจกันเสียว่า “มีความรู้ย่อมเปนทางที่จะได้ความดี” ดังนี้ อย่าให้ต้องอธิบายเปลืองกระดาษ จะตั้งต้นแต่ว่า การอย่างใด ๆ ที่คนเราจะรู้นั้นอาไศรยเหตุ ๓ อย่าง รู้ได้โดยรู้สึกเอง กล่าวคือที่ได้เห็นได้ยินได้ถูกต้องแลชิมรศเปนต้นอย่าง ๑ รู้ได้โดยความรู้สึกของผู้อื่นกล่าวคือ ได้ฟังคำฤๅได้อ่านหนังสือที่ผู้อื่นเขาได้รู้สึกมาเองแล้ว มาพรรณาให้เข้าใจอย่าง ๑ แลคิดตริตรองตามด้วยสติปัญญาของตนอิกอย่าง ๑ ที่ว่าตริตรองตามด้วยสติปัญญานั้น เพราะความคิดย่อมต้องอาไศรยความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ว่ามาก่อนนั้นเปนเหตุ

การสิ่งใดถ้าคิดด้วยความรู้สึกของผู้อื่น ยากที่จะถูกต้องตามจริงได้ จะยกตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย ๆ เหมือนหนึ่งพระพุทธบาทที่เขาสัจพันธ์นี้เอง เมื่อแรกเรายังไม่ได้เคยไป ได้ยินแต่สัปรุษเขามาเล่าให้ฟัง ต้องนึกเดาคาดรูปร่างภูเขาแลลานพระพุทธบาทแลภูมิลำเนาเขาตกท้ายพิกุลไปตามคำของเขาว่า รูปร่างภูมิฐานคงจะเปนอย่างนั้น ๆ ครั้นได้ไปพระบาทไปแลเห็นเข้าด้วยในตาของเราเองไปคนละอย่าง ผิดกับที่เดาไว้ด้วยความคิดแท้ ๆ มิใช่ฤา เอานี่เปนตัวอย่างเทียบตลอดไปได้ ถึงการทั้งปวงก็อย่างเดียวกัน ถึงจะฟังเขาเล่า จะอ่านหนังสือ ฤาจะดูรูปที่เขาวาดเขียนถ่ายมาสักเท่าใด ๆ ที่จะให้เข้าใจถูกต้องตามที่จริง เท่าได้แลเห็นด้วยตาของตัวเองนั้นเปนอันไม่มี เมื่อว่าโดยย่อ การที่จะแสวงหาความรู้ในกิจการใด ๆ ถ้ารู้ด้วยตัวเองดีกว่าที่จะรู้ได้แต่ด้วยคำบอกเล่าเปนอันมาก

การต่าง ๆ ในภูมิประเทศบ้านเมือง อันเปนเครื่องบังเกิดแลประกอบความดีแก่ผู้รู้เห็นมีเปนอันมากมิใช่น้อย นับตั้งแต่คนประกอบการค้าขายขึ้นไป ถ้าได้เที่ยวเตร่รู้ภูมิลำเนาทำเลที่เพาะปลูกแลท่าทางสินค้าขึ้นล่องมากมายหลายตำบล ก็อาจจะรู้เลือกสรรการอันควรจะลงทุนให้เกิดผลยิ่งขึ้นได้โดยลำดับ ถ้าเปนคนรับราชการบ้านเมือง การเที่ยวเตร์ก็ยิ่งเปนประโยชน์สำคัญขึ้น เพราะราชการเปนที่รวบยอดของสรรพการทั้งปวงอันจะพึงมีในประเทศ ถ้าผู้ทำราชการได้เที่ยวเตร่ ได้รู้ได้เห็นภูมิลำเนาบ้านเมือง แลความศุขทุกข์ของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ก็เหมือนหนึ่งมีทุนในทางที่จะดำริห์ตริตรองราชการอันควรแก่น่าที่ของตน แท้จริงธุระในน่าที่คนทำราชการผิดกับธุระของคนค้าขายที่ไม่อาจจะกำหนดว่า จะมีแต่อย่างนั้นดอกอย่างนี้ดอกได้ ตกอยู่ในเหมือนกับเปนทาษอยู่กลางเรือน แล้วแต่จะมีอันใดก็จำเปนจะต้องทำ จะคาดคเนฤาจะเลือกที่รักมักที่ชังมิได้เพราะฉนั้น ยิ่งมีความรู้เห็นสำรองไว้เปนทุนของตัวมากเท่าใดก็เสมอมีกำลังความสามารถยิ่งขึ้น ที่ว่านี้หน่อยผู้ที่เปนข้าราชการผู้น้อยเช่นชั้นเสมียนแลมหาดเล็ก จะเข้าใจว่าว่าเฉภาะการซึ่งควรแต่แก่ข้าราชการผู้ใหญ่ ถึงผู้น้อยก็เหมือนกัน ขอให้เข้าใจว่าข้าราชการผู้ใหญ่นั้น แต่แรกก็เปนผู้น้อยมาก่อนทั้งนั้น ผู้น้อยในเวลานี้ก็ย่อมมีช่องทางที่จะได้เปนผู้ใหญ่ไปภายน่า แสวงหาทุนรอนในความรู้สำหรับตัวไว้เสียแต่ยังเปนผู้น้อย ที่มีเวลาแลกำลังร่างกายมาก ดีกว่าจะไปแสวงหาต่อเมื่อต้องรับผิดกราดกรึ้งเสียเต็มตัว ถึงผู้ที่มีน่าที่ราชการอยู่แล้ว ถ้าได้เที่ยวดูการบ้านเมืองมากขึ้นก็ย่อมจะเปนประโยชน์ทั้งจะเปนเครื่องป้องกันความพลาดพลั้งได้ด้วยอิกส่วนหนึ่ง เพราะทางที่ผู้ต้องรับผิดชอบในราชการ จะพึงพลาดพลั้งด้วยอย่างใด จะมีมากกว่าเพราะที่ไม่รู้ความจริงนี้เปนไม่มี เพราะเหตุฉนั้น จึงว่าการที่ได้เที่ยวเตร่ตรวจตราให้รู้เห็นภูมิประเทศแลกิจการทุกข์ศุขของผู้คนพลเมืองชำนาญมากขึ้น ก็เหมือนมีเครื่องป้องกันที่จะพลาดพลั้งให้น้อยลงด้วย

เหล่านี้เปนคุณสำคัญของการเที่ยว แต่อย่าเข้าใจว่าไปเที่ยวละคงจะได้คุณสมบัติเหล่านี้ คนอยู่ฟากข้างโน้นข้ามเรือจ้างมาทำงานฟากข้างนี้ทุกวี่ทุกวันมีถมไป ลองไปถามดูเถิดว่าน่าน้ำกับน่าแล้ง ฤาน้ำขึ้นกับน้ำลง คนแจวเรือจ้างเขาแจวเลียบลัดตัดสายน้ำผิดกันอย่างไร น้อยคนดอกจะชี้แจงให้ถูกต้องได้ เพราะคนโดยสานลงเรือแล้วก็ตั้งหน้าแต่จะถึงฟาก น้อยคนที่จะสังเกต คนข้ามเรือจ้างเหล่านี้ฉันใด คนที่ไปเที่ยวเตร่ก็ทำนองเดียวกัน มีธุระก็มักตั้งหน้าหมายแต่จะไปให้ถึงที่ธุระซึ่งอยู่สุดหนทาง ที่จะเอาใจใส่สอดส่ายพิจารณาดูการงานฤๅภูมิประเทศไปตามทางนั้นมีน้อย เพราะเหตุนั้นการเที่ยวที่จะได้ประโยชน์จำต้องตั้งใจแสวงหาความรู้ด้วย จึงจะได้ประโยชน์เต็มตามควร นี่และเปนความสำคัญอิกข้อหนึ่ง

การเที่ยว ถ้าจะว่าโดยส่วนโทษก็มีอยู่บ้าง กล่าวคือที่ต้องใช้เงินเปลืองกว่านั่งนอนอยู่บ้านอย่าง ๑ บางทีเคราะห์หามยามร้ายไปเปนไข้เจ็บล้มตายลงก็เปนได้บ้างอย่าง ๑

แต่โทษเหล่านี้เมื่อพิจารณาไปก็เหมือนกับไม่มี เหตุใดจึงว่าดังนี้ เพราะการแสวงหาคุณสมบัติฤๅทรัพย์สมบัตินี้ เปนการจำต้องลงทุนจึงจะได้ เด็ก ๆ จะเรียนหนังสือก็ต้องซื้อสมุดเครื่องเล่าเรียน ถ้าจะเรียนวิชาให้รู้ถึงอย่างสูง ก็ยังต้องจ้างครูบาอาจารย์ที่ดีให้ฝึกสอนต่อขึ้นไป การค้าขายก็ต้องลงทุนซื้อหาสิ่งสินค้าแลเครื่องมือที่จะทำการ การจะเที่ยวเสาะแสวงหาความรู้เห็นก็ทำนองเดียวกัน จำต้องลงทุนหมายกำไรในคุณสมบัติ ควรแลฤๅที่จะเสียดาย ถ้าว่าโดยอันตรายไข้เจ็บ จะวินิจฉัยในทางธรรมว่า “ความแก่ความเจ็บความตายเปนธรรมดาของมนุษย์ จะอยู่ที่ไหน ๆ ก็พ้นวิไสยที่จะพึงหลีกให้พันไป” เช่นนี้ก็ได้ ฤาจะพิจารณาดูทางโลก ที่แห่งใดที่มนุษย์อาไศรยได้ เขาอยู่ได้ทำไมเราไปไม่ได้ แท้จริงที่ซึ่งเลืองฦๅชื่อเสียงว่ามีไข้เจ็บชุกชุม เช่นดงพระยาไฟก็ตาม ฤาบางตะพานก็ตาม ใช่จะมีไข้เจ็บไปตลอดชั่วนาตาปี ไข้ก็ชุกชุมอยู่แต่ในฤดูฝน ก็เวลามันชุมเราจะไปทำไม เลือกไปเอาฤดูที่ไม่มีไข้เจ็บไม่ได้ฤๅ ว่าโดยแท้จริง ถึงคนซึ่งเขาต้องจำผ่านไปในป่าไข้เมื่อฤดูฝนใช่จะเจ็บจะตายเสียหมดทุกคนก็หาไม่ ในร้อยหนึ่งจะเจ็บสัก ๓๐ ใน ๓๐ นั้นจะตายก็ไม่กี่คน ถ้าระวังรักษาตัวให้ดีแล้วก็ไม่สู้กะไร คนอยู่กับบ้าน ๆ นี้อยู่ดีไปหมดทุกคนเมื่อไร คิดดูแล้วมันก็ลงอยู่ในทางธรรมว่า “แล้วแต่บุญแต่กรรมเปนข้อใหญ่ ” เมื่อตั้งใจจะแสวงหาคุณสมบัติ ก็ไม่ควรจะขี้ขลาดหวาดหวั่นไปโดยมิบังควร ได้พรรณามาในคุณแลโทษของการเที่ยวก็พิศดารอยู่แล้ว จะอธิบายด้วยลักษณะการเที่ยวต่อไป

ลักษณะการที่จะเที่ยวนี้มีเปนหลายประเภท ถ้าจะว่าประสาอย่างคนหนุ่ม ๆ ซึ่งจะตั้งหน้าหาความรู้ในราชการบ้านเมืองแล้วอาสาเปนผู้ช่วยฤาเสมียนทนาย ไปรับราชการกับข้าหลวงตามหัวเมืองนี้เปนดีกว่าอย่างอื่น เพราะไปอย่างนี้มักจะได้รับเงินเดือนเปนผลประโยชน์ ถึงมิมากมายก็พอเลี้ยงตัว ไม่ต้องชักทุนเรือนแลการที่จะกินจะอยู่ก็เสมออยู่ในอกของข้าหลวงผู้ใหญ่ ย่อมเปนธุระทำนุบำรุงให้ ธุระของตัวมีแต่จะตั้งใจทำราชการแลประพฤติตัวตามคำสั่งของข้าหลวง ให้เปนอย่างดีที่สุดที่จะพึงทำได้ เท่านี้ก็ไม่มีทางที่ควรวิตกอย่างใด ถึงว่าจะมิได้เคยเปนที่พึ่งฤๅคุ้นเคยกันมาแต่ถ่อน การที่ไปทางไกลไม่เหมือนอยู่กับบ้าน ไปร่วมทุกข์ศุขคุ้นเคยกัน ไม่ช้านานเท่าใดก็ย่อมเปนธรรมดาที่จะบังเกิดรักใคร่มีไมตรีจิตรต่อกัน

ถ้าผู้ใดไม่พอใจฤาไม่มีโอกาศที่จะไปเที่ยว ในตำแหน่งราชการได้ดังเช่นว่า จะอาไศรยพระเจ้าพระสงฆ์ไปธุดงค์ฤๅจะอาไศรยพ่อค้าม้าขายไปเที่ยวก็ได้เหมือนกัน ถึงไปอย่างนี้จะไม่ได้เงินเดือนเบี้ยเลี้ยง การที่จะต้องลงทุนรอนก็ไม่พอกะไรนัก จะผิดกับอย่างก่อนก็ที่จะลำบากกว่าสักหน่อย แลที่ไม่ได้เกี่ยวแก่ราชการ

ถ้าหากว่าเปนคนมีกำลัง จะหาพาหนะไปเที่ยวโดยลำพังของตนเอง อย่างที่เขาขึ้นพระบาทฤาเขาไปไทรโยคกันเปนตัวอย่างก็ไปได้ ไปอย่างนี้ย่อมเปนอิศรอยู่แก่ตัว จะไปที่ใดจะดูอะไร จะหยุดจะอยู่จะไปเมื่อใดก็ทำได้ตามใจ แต่เปนการเปลืองทุนมากขึ้นเปนธรรมดา

การที่จะไปเที่ยวจะไปโดยประเภทใด ๆ ก็ตาม ความสำคัญซึ่งจำจะต้องถือเสมอเหมือนกันทุกชนิดมี ๒ อย่าง คือ การป้องกันไข้เจ็บอย่าง ๑ การรักษาความเรียบร้อยอย่าง ๑ ก็แลการป้องกันความไข้เจ็บนั้น ถึงจะไปในทางที่ไม่มีไข้เจ็บก็ควรระวัง เพราะเหตุที่น้ำท่าอาหารแปลกเปลี่ยนนั้นประการ ๑ ถ้าไปมีเหตุป่วยเจ็บลงแม้แต่เล็กน้อย จะหาแพทย์หมอที่ดีตามบ้านนอกหายากประการ ๑ จะประมาทหาควรไม่ เพราะฉนั้น ควรศึกษาให้เข้าใจในการที่จะใช้ยารักยาโรคบางอย่าง แลหายาเหล่านั้นให้มีติดตัวไปด้วย ยาซึ่งคนเดินทางมักนับถืออยู่ ๕ ขนาน คือ ยาคินินแก้ไข้จับขนาน ๑ ยาคลรอดินแก้ปวดท้องลงท้องขนาน ๑ ดีเกลือฝรั่งสำหรับใช้เปนยาถ่ายขนาน ๑ ไบคาร์บอเน็ตโซดากินแก้จุกเสียดฤาท้องขึ้นท้องเฟ้อแลละลายน้ำทาแก้พิษไฟ แลพิษตะขาบแมลงป่องเปนต้นได้ด้วยขนาน ๑ ยาอิบิแคกเปนยากินให้อาเจียนถอนพิษใช้แลพิษที่เบื่อเมาต่าง ๆ ขนาน ๑ ยาเหล่านี้จัดว่าเปนยาสำคัญ นอกจากนี้ถ้าเคยใช้สอยชอบยาขนานใดก็ควรจะติดตัวไปด้วย แลในการที่จะรักษาตัวไม่ให้เปนไข้เจ็บนั้นอย่างสำคัญที่ ๑ ก็เรื่องอาหาร เพราะการเดินทางมิได้มีครัวม่อตั้งหุงต้มได้เปนที่ ต้องระวังตรวจตราอาหาร อย่ากินของที่เสีย อิกประการหนึ่งเรื่องน้ำที่จะกินต้องระวังให้มาก ตามตำราหมอมักว่าที่เกิดเปนโรคไภยแก่ผู้เดินทาง มักเปนด้วยผิดน้ำมากกว่าอย่างอื่น เพราะห้วยหนองคลองบ่อบึงที่ใกล้ป่า เปนน้ำที่ไหลออกมาจากซอกห้วยธารเขา ชำระพิษว่านยาของเน่าเปื่อยต่าง ๆ ติดออกมา ถ้าจะกินควรจะกรองให้ใสสอาด แลต้มทำลายพิษลงเสียก่อน อิกประการ ๑ ผ้าผ่อนที่จะนุ่งห่มฤๅจะปูแลคลุมนอนต้องระวังอย่าให้ชื้น เพราะอายตัวออกไปกระทบของชื้นแฉะอยู่เสมอ ๆ มักจะเปนไข้ ฤามิฉนั้นก็มักท้องจะเสีย ถึงที่ซึ่งจะนอนในกลางทาง ถ้าพอจะหาอะไรทำได้ ควรจะยกพื้นขึ้นปูที่นอนให้สูงจากแผ่นดินราวคืบ ๑ เปนอย่างต่ำ ให้พ้นอายดินจึงจะไม่เปนไข้ อิกประการ๑ การที่จะอาบน้ำควรระวังอย่าอาบในเวลาที่กำลังเหน็ดเหนื่อยเหื่อโทรมตัว ถ้าอาบในเวลาเช่นนั้นมักจะเจ็บ แต่เวลาที่อาบน้ำนี้ บางคนชอบอาบในเวลาไม่มีแดด เช่นเวลาตื่นเช้าแลเวลาเย็น แต่บางคนเขาก็ไม่ถือ อยู่ในตามใจตามเคยเปนใหญ่ ความสำคัญในการรักษาตัวไม่ให้เจ็บอันเปนข้อรวยยอดนั้น คือถ้ารู้สึกไม่สบายต้องกินยารักขาเสียทันทีทีเดียว เปนต้นว่าถ้ารู้สึกครั่นตัวขึ้นมาเวลาใด ก็กลืนยาคินินเปนประกันเสียเม็ด ๑ ดังนี้ กับอิกอย่าง ๑ ต้องคอยระวังอย่าให้ท้องผูกไปจน ๒ วัน ถ้าเห็นตั้งท่าจะผูกเมื่อใดก็เอาดีเกลือละลายน้ำร้อนกินระบายให้ไปเสียครั้งหนึ่งสองครั้ง ถ้าระวังรักษาตัวอยู่เช่นว่านี้ การที่จะเจ็บไข้ก็เกือบประกันได้ เว้นไว้แต่จะเปนกรรมตามมาทัน นั่นเปนเหลือแก้อยู่เอง

ส่วนการที่จะรักษาความเรียบร้อยนั้น กล่าวคือจะไปเที่ยวเตร่ได้โดยสดวก อย่าให้มีเหตุการณ์ฤาข้อขัดข้องได้ในระหว่างทาง ความข้อนี้เบื้องต้นควรพิเคราะห์ดูในจำนวนคน แลสิ่งของซึ่งจะพาไปใช้สอย ทั้งสองอย่างนี้ยิ่งเอาไปมาก ความลำบากชักช้าก็ยิ่งมากขึ้น การเที่ยวเตร่ตามหัวเมือง ถ้ามีพวกพ้องอยู่ตามระยะทางก็เปนการดี ไปมีความขัดข้องขึ้นประการใดก็พอได้พึงพาอาไศรย ถ้าหากว่าไม่มีพวกพ้องอยู่ตามหัวเมือง ควรจะไต่ถามดูตามพวกพ้องใกล้เคียงที่เขากว้างขวาง ให้ช่วยเปนธุระชักนำไปตามพวกพ้องของเขา เช่นนี้ก็พอจะเปนประโยชน์ได้ ถ้าจะว่ารวบยอดของความจำเปนในลักษณะที่จะเที่ยวเตร่ก็คิดเห็นแต่เท่านี้ จะยังมีนอกออกไปก็เรื่องเงินที่จะใช้สอยตามระยะทางอิกอย่าง ๑ การที่เอาเงินสดติดตัวไปมาก ๆ ลำบากทั้งในการรักษาแลในการที่จะยกขน เมืองเราถึงการแบงก์ย่อยยังไม่มีทั่วไป คนเดินทางจะวางเงินไว้ที่กระทรวงซึ่งได้ว่าหัวเมือง ขอตราไปขึ้นเอาในเวลาต้องการตามหัวเมืองในระยะทาง ฤาจะวางเงินตามห้างแลพ่อค้าซึ่งเขามีเอเยนต์ตามหัวเมือง ขอตั๋วของเขาไปขึ้นเอาเงินก็ได้ อย่างนี้ถึงจะต้องเสียค่าธรรมเนียมบ้างเล็กน้อย ก็เปนการสดวกดีกว่าหอบเอาเงินไปด้วยมาก ๆ

เมื่อได้กล่าวถึงลักษณะการเดินทางพอสมควรแล้ว จะลองกะทางที่ควรจะเที่ยวเตรได้ในเมืองไทยลงไว้ให้ดูเปนเค้า ทางที่จะเที่ยวได้ในพระราชอาณาเขตรมีเปนอันมากมิใช่น้อย ที่จะกะนี้ต่างว่าผู้จะเที่ยวมีเวลาราวปีละ ๓ เดือน ๔ เดือน ตั้งใจจะเที่ยวดูภูมิประเทศใช้พระราชอาณาเขตรให้ตลอด

ทางที่ ๑ เที่ยวทางชายทเลตวันออก จับตั้งแต่เมืองชลบุรีลงไปจนเมืองประจันตคิรีเขตร

ทางที่ ๒ เที่ยวทางชายทเลปักษ์ใต้ จับตั้งแต่เมืองเพ็ชรบุรีลงไปจนเมืองตรังกานู

ทางที่ ๓ เที่ยวทางชายทเลตวันตก จับตั้งแต่เมืองกระบุรีลงไปจนเมืองไทรบุรี

ทางที่ ๔ เที่ยวทางลำน้ำแม่กลอง จับแต่เมืองสมุทสงครามขึ้นไปจนไทรโยคแลศรีสวัสดิ

ทางที่ ๕ เที่ยวทางลำน้ำท่าจีน จับแต่เมืองสาครบุรี ขึ้นไปพระปฐมเจดีย์ สุพรรณบุรี จนออกเมืองไชยนาท

ทางที่ ๖ เที่ยวลำน้ำเจ้าพระยา จับแต่กรุงเทพ ฯ ขึ้นไปทางแควใหญ่จนเมืองฝาง แล้วเดินบกมาสวรรคโลก ศุโขไทย แล้วข้ามไปลงเรือล่องกลับลงจากเมืองตาก

ทางที่ ๗ เที่ยวลำน้ำศัก จับตั้งแต่กรุงเก่าขึ้นไปพระบาทพระฉาย จนเมืองหล่มศักดิ

ทางที่ ๘ เที่ยวลำน้ำบางปะกง จับแต่ฉเชิงเทรา ไปจนนครนายก ปราจิณบุรี

ทางที่ ๙ เที่ยวนครราชสิมา ขึ้นทางสระบุรี ลงช่องตะโก

ทางที่ ๑๐ เที่ยวหัวเมืองลาวเฉียง จับแต่เมืองตากขึ้นไป กลับมาลงเมืองน่าน

ทางที่ ๑๑ เที่ยวหัวเมืองลาวพุงขาว จับขึ้นเดินแต่อุตรดิฐไปปากลาย แล้วล่องน้ำโขงลงมาจนหนองคาย

ทางที่ ๑๒ เที่ยวหัวเมืองในเขตรลาวพวน

ทางที่ ๑๓ เที่ยวหัวเมืองในเขตรลาวกาว

ทางที่ ๑๔ เที่ยวหัวเมืองเขมร ขึ้นเดินแต่ปราจิณ แล้วกลับลงเรื่อที่จันทบุรี

ทางที่ ๑๕ เที่ยวในกรุงเทพ ฯ ที่นับกรุงเทพ ฯ ไว้เปนทาง ๑ ด้วยดังนี้ เพราะเชื่อได้แน่ว่าในบรรดาท่านผู้อ่าน ที่ใคร่จะได้เที่ยวในกรุงเทพ ฯ ทั่วเห็นจะไม่มีเลยก็ว่าได้

ทางที่จะเที่ยวคิดดูเปนเลา ๆ แม้แต่เพียงในกรุงสยาม ถ้าเที่ยวเพียงปีละ ๓ เดือน ๔ เดือนทุก ปีก็กว่า ๑๐ ปีจึงจะทั่วได้ ทางเที่ยวเหล่านี้ผู้ที่ได้เคยไปก็มีมากด้วยกัน ที่ได้ไปทั่วทุกทางก็น่าจะมีบ้าง แต่หากไม่ใคร่มีผู้ใดเรียบเรียงระยะทางไว้แนะนำคนข้างหลัง ดูการเที่ยวเตร่จึงยังมืดไม่เปนเครื่องชักชวนคนชั้นหนุ่มซึ่งกำลังแสวงหาวิชาความรู้ ที่มีก็มักเปนแต่นิราศพรรณาเห็นต้นนั่นเหมือนนั่นถึงบางโนนเหมือนนี่ ลงปลายแปลว่าคิดถึงเมีย ไม่มีแก่นสารอันใด

ก็แลการเที่ยวเตร่ย่อมมีคุณแก่เพื่อนมนุยย์ ดังได้พรรณามาข้างต้นแล้ว สมควรที่ท่านทั้งหลาย ผู้รู้เห็นคุ้นเคย จะช่วยอนุเคราะห์ชักนำบำรุงให้ยิ่งขึ้น เพราะฉนั้นข้าพเจ้าขออัญเชิญด้วยถ้อยคำซึ่งได้พรรณามาในเรื่องนี้ ให้ท่านทั้งหลายผู้ได้เคยเที่ยวเตร่ในทิศทางใด ๆ จงได้เรียบเรียงพรรณาความรู้เห็นคุ้นเคยของท่านมาลงพิมพ์ต่อไปให้เปนประโยชน์แก่กุลบุตรทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นต่อไปในภายน่าเทอญ ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ