ศรีสวัสดิ์วัด
๏ ๑๑ ๏
๑๏ ขอน้อมประนมหัตถ์ | รัตนตรัยชุดาญาณ |
นบนิ้วพระอาจารย์ | พระชนกแลชนนี |
๒๏ ขอคุณประมูลมวล | พรพิพัฒน์สวัสดี |
สิริสุขกระเษมศรี | บริวารนานา |
๓๏ ขอคิดประดิษฐ์คำ | มธุรสสารา |
ไว้สืบพระศาสนา | ปรโลกยเล็งยล |
๔๏ เป็นสารสุภาษิต | วรกิจจสืบกล |
กุลบุตรที่ปุถุชน | ปฏิสนทนานัย |
๕๏ จักได้ประพฤติตาม | ลิขิตเรื่องประดับสมัย |
ทุกข์สุขประเภทภัย | ก็จะแจ้งประจักษ์ความ |
๖๏ ชื่อศรีสวัสดิ์วัด | อนุญาตประญัตินาม |
ขอให้เจริญงาม | ยุติชั่วพุทธันดร |
๗๏ ขอคุณพระไตรรั- | ตนเจ้าสโมสร |
ปกครองลิขิตกลอน | วรวัฒนาการ |
๘๏ ขอเทพยเจ้า | ทั่วโลกยช่วยพยาบาล |
เชิญสิงสถิตศาล | อนุเคราะห์ประจำเรียง |
๙๏ ขอเดชะภินิหาร | อธิษฐานประกาศเสียง |
ด้วยสัตยประเดียง | สิทธิเมอย่าเปรปรวน ฯ |
๏ ๒๘ ชื่อกาพย์สุวรรณมาลา ๏
๑๐๏ ดูรากุมาร | |
จงมาเล่าอ่าน | ในสารทั้งมวล |
ไว้สั่งสอนใจ | อย่าได้เรรวน |
ถ้อยคำน้ำนวล | แต่ล้วนคำครู |
๑๑๏ จำไว้ให้แน่ | |
อย่าเบือนเชือนแช | เกลื่อนกลบลบหลู่ |
เร่งพิจารณา | ปากว่าตาดู |
อย่าทำพร่ำพรู | หูฟังตั้งใจ |
๑๒๏ อย่าฟังแต่กลอน | |
จงจำคำสอน | อย่างงหลงใหล |
อย่าทำซุกชน | เล่ห์กลโหดไร้ |
เล่าเรียนอะไร | เอาแต่ใจเอง |
๑๓๏ มาอยู่กับครู | |
ไม่เล่าเรียนรู้ | ดีแต่โฉงเฉง |
ครูสอนเช้าค่ำ | ไม่จำยำเกรง |
เป็นคนหลงเอง | เอาแต่สบาย |
๑๔๏ เวลาขบฉัน | |
กับปีย์จังหัน | ไม่หาถวาย |
น้ำใช้น้ำฉัน | สารพันดูดาย |
จนเที่ยงจนสาย | มิใคร่นำพา |
๑๕๏ เที่ยวไปไม่อยู่ | |
ต่อไก่ไล่หมู | วิ่งไปวิ่งมา |
หนังสือทิ้งไว้ | มิได้ศึกษา |
ก ข ก กา | เลอะเข้าหากัน |
๑๖๏ ไม่เรียนเขียนอ่าน | |
ครูบาว่าขาน | ไม่จำสำคัญ |
ครูไล่หนังสือ | ดึงดื้อดุดัน |
ครูขู่ตีรัน | ลงทำหน้าเซียว |
๑๗๏ ครูกักตัวไว้ | |
ไปไหนไม่ได้ | แลดูไม้เรียว |
คิดอ่านมารยา | ลาไปขี้เยี่ยว |
แกล้งคิดบิดเบี้ยว | บ่ายเบือนเชือนแช |
๑๘๏ ครูรู้ครูตี | |
คอยได้ท่วงที | หนีไปฟ้องแม่ |
นินทาอาจารย์ | ท่านพาลรังแก |
ขี้อ่อนขี้แก่ | เล่าให้แม่ฟัง |
๑๙๏ เอาแต่ความชั่ว | |
ยกใส่โทษขรัว | กล่าวร้ายภายหลัง |
ปะพ่อแม่ดี | เขามิอินัง |
พาตัวเก้กัง | มาส่งอาจารย์ |
๒๐๏ ตีกันวุ่นวาย | |
แช่งให้ครูตาย | จะได้ไปบ้าน |
ลางแห่งพ่อแม่ | ฟังแต่กุมาร |
กล่าวโทษอาจารย์ | เชื่อถือว่าจริง |
๒๑๏ ไปไว้ครูอื่น | |
เป็นคนบ้องตื้น | ไม่ตรึกนึกกริ่ง |
ปะครูตีรัน | ลูกก็พันสุงสิง |
พากันยุ่งยิ่ง | เร่วัดซัดไป |
๒๒๏ นับครูไม่ถ้วน | |
ลูกเจ้ากระบวน | เกิดกวนน้ำใจ |
ขนเอาแต่โง่ | จนโตโต้งใหญ่ |
เขามักว่าไว้ | โง่สำหรับวัด |
๒๓๏ ปะครูโล้เล้ | |
ลูกศิษย์เกเร | ไปไหนไม่ขัด |
ครูพาลศิษย์พาล | ไม่ทานไม่ทัด |
เที่ยวตามถนัด | ไม่ขัดน้ำใจ |
๒๔๏ อยู่จนโตโต้ง | |
บวชเป็นเณรโค่ง | ไม่เกรงกลัวใคร |
กินแต่เข้าค่ำ | ทำกรรมลักไก่ |
ไก่หือไม่ได้ | ลักกินสิ้นเตียน |
๒๕๏ กลายเป็นหัวไม้ | |
ใครว่าขัดใจ | สร้างไม้ตีเศียร |
สี่เหลี่ยมแปดเหลี่ยม | ถือแอบแนบเนียน |
เที่ยวไล่เบียดเบียน | สงฆ์เถรเณรชี |
๒๖๏ ท่านเป็นนักปราชญ์ | |
เทศน์ได้กระจาด | เครื่องกัณฑ์อันดี |
คอยวิ่งชิงฉวย | กล้วยส้มอันมี |
ราวกับพวกผี | เปตรวิ่งชิงกิน |
๒๗๏ เห็นศิษย์ท่านงาม | |
ติดต้อยห้อยตาม | เหมือนควายได้กลิ่น |
ปราศรัยไค้แคะ | และโลมโฉมฉิน |
ถ้าเด็กไม่ยิน | เดือดดิ้นด่าทอ |
๒๘๏ คบเพื่อนเกลื่อนไป | |
ดูหนังดอกไม้ | ตามกันสอสอ |
ตีเขาจับได้ | เอาค่าใส่คอ |
ร้อนถึงแม่พ่อ | ครูบาอาจารย์ |
๒๙๏ เขาจับตัวไป | |
ขนฟืนลากไม้ | ได้ความรำคาญ |
สาระพาเฮโล | ล่ามโซ่ประจาน |
เพราะตนคนพาล | ไม่จำคำครู |
๓๐๏ ถึงโดยหลบได้ | |
เขาไม่จับไป | ก็ไม่เฟื่องฟู |
ครั้นสึกออกไป | ตนไม่เรียนรู้ |
อัปยศอดสู | เพื่อนบ้านเรือนตน |
๓๑๏ ถึงรูปตนงาม | |
สูงศักดิ์วงศ์นาม | ไม่รู้เทียมคน |
จะพายศศักดิ์ | สูญจากสกนธ์ |
เพราะตนมืดมน | จนใจไปเอง |
๓๒๏ คิดผิดเป็นชอบ | |
ไม่สมประกอบ | เป็นคนเส็งเครง |
สูบฝิ่นกินเหล้า | ถือเผ่านักเลง |
ชมแต่ตนเอง | เหมือนหนึ่งไส้เดือน |
๓๓๏ ปลอกปลิ้นลิ้นล่อ | |
ขี้หกกฉ้อ | ไม่มีใครเหมือน |
ทรัพย์สินแม่พ่อ | ไม่หลอติดเรือน |
ลักไปสู่เพื่อน | ไขว้เขวจำนำ |
๓๔๏ พ่อแม่สอนสั่ง | |
ขึ้นเสียงเถียงดัง | กลับพูดแดกตำ |
ตีขลุมคุมเหง | ไม่เกรงบาปกรรม |
เหล่าเผ่าโกลำ | เสียทีเกิดมา |
๓๕๏ เสียแรงพ่อแม่ | |
ฟูมฟักอักแอ | พิทักษ์รักษา |
เอาแต่น้ำใจ | มิได้พึ่งพา |
ไม่รู้จักว่า | บาปกรรมฉันใด |
๓๖๏ เสียแรงมาอยู่ | |
ในสำนักครู | ท่านรู้วินัย |
เหมือนอยู่ใกล้เกลือ | ให้เนื้อเน่าไป |
เหมือนกบอยู่ใต้ | ดอกอุบลบาน |
๓๗๏ ห่อนรู้จักรส | |
เกสรบัวสด | รสอันหอมหวาน |
นี่แลสูเจ้า | ทั้งหลายได้อ่าน |
เช่นนี้สาธารณ์ | อย่าได้ถือเอา |
๓๘๏ ชั่วหน้าชั่วนี้ | |
บได้มีดี | แต่เท่าไข่เหา |
บาปกรรมทำไว้ | ตามตนกลเงา |
เจ้าอย่าโฉดเขลา | เหมือนคำร่ำมา ฯ |
๏ ๑๑ ชื่อกาพย์สารวิลาสินี ๏
๓๙๏ เจ้าจงมานะเรียน | หมั่นขีดเขียนในสารา |
เมื่อน้อยเรียนวิชา | ธรรมเนียมมาแต่โบราณ |
๔๐๏ ครั้นใหญ่ให้หาทรัพย์ | ควรคำนับเป็นแก่นสาร |
เร่งเรียนวิชาการ | จงทรมานกายแลใจ |
๔๑๏ วิชาเหมือนสินค้า | อันมีค่าอยู่เมืองไกล |
ต้องยากลำบากไป | จึงจะได้วิชามา |
๔๒๏ จงตั้งเอากายเจ้า | เป็นสำเภาอันโสภา |
ความเพียรเป็นโยธา | แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ |
๔๓๏ นิ้วเป็นสายระยาง | สองเท้าต่างสมอใหม่ |
ปากเป็นนายงานไป | อัชฌาสัยเป็นเสบียง |
๔๔๏ สติเป็นหางเสือ | ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง |
ถือไว้อย่าให้เอียง | ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา |
๔๕๏ ปัญญาเป็นกล้องแก้ว | ส่องดูแถวแนวหินผา |
เจ้าจงเอาหูตา | เป็นล้าต้าฟังดูลม |
๔๖๏ ขี้เกียจคฤๅปลาร้าย | มากล้ำกรายให้เรือจม |
เอาใจเป็นปืนคม | ยิงระดมให้จมไป |
๔๗๏ จึงจะไปได้สินค้ามา | คือวิชาอันพิสมัย |
เจ้าจงตั้งจิตใจ | อย่าได้คร้านการวิชา |
๔๘๏ อดเปรี้ยวได้กินหวาน | เอาอย่างท่านพระครูบา |
สู้ยากพากเพียรมา | หลายวสาอุส่าห์เพียร |
๔๙๏ สู้ยากลำบากกาย | ไม่เหนื่อยหน่ายในเล่าเรียน |
ท่านรู้กว่าเล่มเกวียน | ท่านยังเวียนดูบาลี |
๕๐๏ รุ่งรางครองจีวร | ภิกขาจรจากกุฎี |
ฉันแล้วจับคัมภีร์ | อยู่กับที่เอนอิงกาย |
๕๑๏ อุส่าห์บอกบาลี | แก่พระสมีเณรทั้งหลาย |
จนเที่ยงจึงเคลื่อนคลาย | เพลแล้วบ่ายลงชายตา |
๕๒๏ ซ้ำสอนกระหัสถ์เณร | เล่าสูตรเกณฑ์ทั้งซ้ายขวา |
ครั้นค่ำย่ำเวลา | ไม่นิทรากว่าสองยาม |
๕๓๏ ตามไฟไว้ข้างที่ | ดูบาลีแปลเนื้อความ |
บางที่พระมีนาม | ไปเทศน์ตามเขานิมนต์ |
๕๔๏ ใกล้ไกลมิได้ขัด | ประนิบัติตามทศพล |
เที่ยวสอนประชาชน | บำเพ็ญผลโพธิญาณ |
๕๕๏ เจ้าไทท่านอดเหนียว | คืออดเปรี้ยวได้กินหวาน |
สู้ยากทรมาน | หมายนิพพานนั้นฝ่ายเดียว |
๕๖๏ นี่แลเจ้าจงดู | อย่างพระครูอันปราดเปรียว |
ความเพียรท่านมากเจียว | จึงเชี่ยวชาญการบาลี |
๕๗๏ เหมือนหนึ่งสุริยัน | เมื่อกลางวันเที่ยงรัศมี |
ส่องแสงแจ้งธาตรี | ตัวเจ้านี้เหมือนอุทัย |
๕๘๏ แม้นเจ้าหมั่นเล่าเรียน | ตั้งพากเพียรตะบึงไป |
ทรมานซึ่งจิตใจ | ใหญ่จะได้เหมือนพระครู |
๕๙๏ เมื่อแรกเรียนแลเจ้า | ให้ง่วงเหงาเกาหัวหู |
มืดมัวทั่วชมพู | ครั้นรู้เข้าเบาใจตน |
๖๐๏ เหมือนกินอ้อยเบื้องปลาย | กัดลามไล่ไปถึงต้น |
เมื่อแรกจืดเจือปน | ครั้นถึงต้นหวานเพลิดเพลิน |
๖๑๏ เหมือนกันนั่นแลเจ้า | จงถือเอาอย่าห่างเหิน |
เล่าเรียนอย่าละเมิน | จะเพลิดเพลินในวิชา |
๖๒๏ เจ้าอย่าทำโหดหืน | เรียนตื้นตื้นแล้วร้างรา |
ขุดบ่อล่อคงคา | จงอุส่าห์ขุดลงไป |
๖๓๏ ตื้นตื้นน้ำไม่มี | ต่อถึงที่น้ำจึงไหล |
ตักกินสำราญใจ | ก็อาศรัยแก่ความเพียร |
๖๔๏ ถึงว่าปัญญาดี | มิได้มีความเพียรเรียน |
ดีแต่เที่ยวแวะเวียน | ไม่หมั่นเพียรเรียนวิชา |
๖๕๏ ที่ไหนจะได้รู้ | ถือว่ากูมีปัญญา |
ถึงเที่ยวจำเขามา | ถึงว่ารู้ไม่สู้ดี |
๖๖๏ ความรู้เหมือนแก้วแหวน | ท่านหวงแหนแสนทวี |
แม้นใครความเพียรมี | ตั้งภักดีไหว้บูชา |
๖๗๏ ท่านจึงจะบอกให้ | เป็นนิสัยสืบสืบมา |
แต่ครั้งพระจักรา | เป็นรามาเจ้าธานี |
๖๘๏ ไปเรียนแผลงธนู | ด้วยพราหมณ์ครูผู้มนตรี |
ชื่อขมังธนูดี | คือบิดากุขันธ์พราหมณ์ |
๖๙๏ นารายณ์ต้องนบนอบ | ครูจึงมอบวิชางาม |
แม้นมิคำรพนาม | พราหมณ์ไม่บอกวิชาชาญ |
๗๐๏ เยี่ยงอย่างใช่เท่านี้ | เรื่องบาลีก็วิถาร |
อมอำวิชาการ | ชื่อภูบาลท้าวอุเทน |
๗๑๏ หน่อเนื้อกระษัตรา | มีวิชาอันจัดเจน |
ร่ายมนตร์ประกาศเกณฑ์ | เรียกคเชนทร์ดังจินดา |
๗๒๏ ท้าวจัณฑประโชติ | หวังประโยชน์ในมนตรา |
ใช้กลยกโยธา | จับพญาอุเทนไป |
๗๓๏ อยากได้ในวิชา | จะเข่นฆ่าก็อาลัย |
ตรัสกับอุเทนไท | เรานี้ไซร้ใคร่เรียนมนตร์ |
๗๔๏ อุเทนทูลสนอง | พระคิดปองวิชากล |
แม้นท้าวไม่ถือตน | จะเรียนมนตร์ต้องนบครู |
๗๕๏ ท้าวจัณฑประโชติ | ทรงพิโรธเร่งอดสู |
ว่าท่านอำความรู้ | ท่านจะสู้มรณา |
๗๖๏ แม้นท่านบอกมนตร์ให้ | จะปล่อยไปไม่สังขาร์ |
อุเทนตอบบัญชา | ไม่วันทาไม่บอกมนตร์ |
๗๗๏ จะฆ่าก็จงฆ่า | จะก้มหน้าสู้เสียชนม์ |
ผู้ดีมีฤๅจน | ยอมตนไหว้จึงได้เรียน |
๗๘๏ นี่แลเจ้าทั้งหลาย | จงขวนขวายตั้งพากเพียร |
นบครูให้แนบเนียน | จึงเรียนได้วิชาดี |
๗๙๏ เจ้าเป็นชาติเชื้อชาย | ความละอายเจ้าจงมี |
ความรู้ชูราศี | เป็นสัตรีรูปเป็นทรัพย์ |
๘๐๏ ชาติชายถึงรูปงาม | วิชาทรามก็ตกอับ |
เป็นคนตกฦกลับ | ใครจะนับว่าตนดี |
๏ เหมือนหนึ่งดอกชะบา | เห็นต้องตาก็แต่สี |
กลิ่นอายมิได้มี | เหมือนคนที่วิชาทราม |
๘๒๏ อบเชยรากฝังดิน | มีกลิ่นหอมย่อมฦๅนาม |
เหมือนคนรูปไม่งาม | มีความรู้ชูศรีตน |
๘๓๏ วิชาอย่าสงสัย | เรียนไว้ได้จะให้ผล |
สำหรับแก้อับจน | จะรอดตนด้วยวิชา |
๘๔๏ รู้ใดให้รู้แท้ | อย่ารู้แต่งูงูปลาปลา |
รู้แท้อย่าสงกา | ไปเบื้องหน้าจะเห็นคุณ |
๘๕๏ ความรู้นี้คู่ยาก | ได้เลี้ยงปากเป็นต้นทุน |
ถึงโดยจะสถุล | บุญตนน้อยเป็นพิการ |
๘๖๏ คงมีซึ่งศิษย์หา | จะนับหน้าเป็นอาจารย์ |
จะค่อยได้สำราญ | เหมือนนิทานมะหะลี |
๘๗๏ ตาบอดมีความรู้ | หมู่กระษัตริย์ธิบดี |
ทั่วทั้งไพศาลี | เข้ามาเพียรเรียนวิชา |
๘๘๏ อีกมุขหนึ่งนายเปลี้ย | เป็นคนเสียเข่าแข้งขา |
ถัดอยู่กับสุธา | มีวิชาดีดกรวดดี |
๘๙๏ มือแม่นเหมือนใจคิด | ดีดไม่ผิดเลยสักที |
ดีดใบไม้ให้รอยมี | เป็นรูปหมีเม่นโคควาย |
๙๐๏ เด็กเด็กชอบใจชม | ให้ขนมของทั้งหลาย |
นายเปลี้ยได้เลี้ยงกาย | ด้วยลายมือดีดให้ดู |
๙๑๏ ทราบถึงกระษัตรา | ด้วยวิชาอันเฟื่องฟู |
ตั้งเป็นราชครู | ด้วยความรู้อันจัดเจน |
๙๒๏ นี่แลเจ้ากุมาร | วิชาการยกเป็นเกณฑ์ |
ศิษย์วัดแลเณรเถร | ถือเป็นครูรู้จงจำ |
๙๓๏ เรียนได้อย่าละเสีย | เรื่องบายเปลี้ยอย่าลืมคำ |
เรียนได้ให้แม่นยำ | บ่นร่ำซ้ำให้ชำนาญ |
๙๔๏ นั่งนอนแลยืนเดิน | อย่าละเมินวิชาการ |
ตรึกไว้ในสันดาน | จะเชี่ยวชาญด้วยตรึกตรอง |
๙๕๏ หนังสือภาษาไทย | สอนกันได้ดั่งใจปอง |
เจ๊กแขกแปลกทำนอง | เรียนรู้ต้องจ้างออนครู |
๙๖๏ ต้องคิดเงินเดือนให้ | เงินเป็ดไก่เหล้าเข้าหมู |
นี่เจ้ามาเรียนรู้ | กับพระครูผู้สังวร |
๙๗๏ มิได้เสียสินจ้าง | ท่านบ่ร้างสู้สั่งสอน |
ลางศิษย์นั้นมารดร | ทุนรอนนั้นพันธุ์มั่งมี |
๙๘๏ ศรัทธามีแตใจ | ลูกฝากไว้ส่งกัปปีย์ |
พอคุ้มทุนพระชี | บ้างตระหนี่มิใคร่มา |
๙๙๏ ลางคนจนจริงจริง | ทิ้งลูกไว้กับครูบา |
ตัวไปเที่ยวขายค้า | ครูต้องหามาเลี้ยงดู |
๑๐๐๏ เทศน์ได้พอยังชั่ว | ค่อยเบาตัวท่านขรัวครู |
หาไม่ก็เจ้ากู | เป็นเจ้าสู้บินฑบาตมา |
๑๐๑๏ ได้น้อยค่อยออมฉัน | สู้อดกลั้นเผื่อศิษย์หา |
มาอยู่กับครูบา | เรียนวิชาครูเปลืองทุน |
๑๐๒๏ หาไหนได้เช่นนี้ | เหมือนพระชีผู้มีคุณ |
ใจท่านมั่นหมายบุญ | การุณย์เจ้าดังเผ่าปราณ |
๑๐๓๏ แม้นเจ้าไปหัดปรือ | เรียนหนังสือพวกโรงศาล |
กว่าจะรู้ชำนาญ | เขาใช้งานไม่มีเบา |
๑๐๔๏ ให้แบกสมุดเข้าวัง | เดินตามหลังดังข้าเขา |
พินอบทำพิเทา | ต้องเอาใจดังนายมุล |
๑๐๕๏ ถือชุดถือกล้องล่วม | กินนอนร่วมลูกสถุล |
หยาบช้าล้วนทารุณ | ต่อยกันวุ่นกับข้าไท |
๑๐๖๏ กินกริบกินกรอบกรัง | จะนอนนั่งไม่ผ่องใส |
ลูกเมียของครูใช้ | ทุกสิ่งไปได้รำคาญ |
๑๐๗๏ ถึงว่าปัญญาตี | รู้วิธีพวกโรงศาล |
แต่หากนิสัยพาล | เป็นมารยาพิรากล |
๑๐๘๏ เบียดเบียนลูกความกิน | พูดปลอกปลิ้นลิ้นลาวน |
ล่อนล่อนพอเลี้ยงตน | เห็นแต่ผลประจุบัน |
๑๐๙๏ อดีตอนาคต | มืดมัวหมดด้วยโมหันธ์ |
รู้แต่เบียดเบียนกัน | ไม่รู้ชั้นเชิงบาปบุญ |
๑๑๐๏ ไม่เหมือนหนึ่งอยู่วัด | ปรนนิบัติสงฆคุณ |
ไปอยู่ศาลลูกขุน | นั้นมีคุณแต่เลี้ยงตน |
๑๑๑๏ ไม่เห็นภัยข้างหน้า | เมื่อหลับตาตายวายชนม์ |
มิได้เป็นภัพผล | สิ้นบุญตนก็สูญกัน |
๑๑๒๏ มาอยู่วัดนี้โสตถิ์ | รู้คุณโทษทุกสิ่งสรรพ์ |
อนาคตปัจจุบัน | อดีตนั้นก็เป็นคุณ |
๑๑๓๏ แจ้งความสามประเภท | จงแจ้งเหตุอย่าหวนหุน |
พระชีนี้ใจบุญ | มีพระคุณล้นคณนา |
๑๑๔๏ ชาวเจ้ามาอยู่ด้วย | ท่านก็ช่วยเลี้ยงรักษา |
พระผู้ทรงศีลา | บุตรภรรยาท่านไม่มี |
๑๑๕๏ ไม่เหมือนหนึ่งโรงศาล | ลูกเมียท่านวานจู้จี้ |
เจ้าอยู่กับพระชี | กินนอนมีแต่เพื่อนกัน |
๑๑๖๏ ลูกทาสนั้นไม่มี | ล้วนแต่ดีมีเผ่าพันธุ์ |
ถึงโดยจะเดียดฉัน | ชกด่ากันไม่เจ็บใจ |
๑๑๗๏ ไม่เหมือนหนึ่งข้าด่า | หนึ่งนั้นหนาพระครูไท |
ไปฉันไปเทศน์ไหน | เจ้าตามไปก็ดูงาม |
๑๑๘๏ หน้าตามีราศี | เป็นที่รักน่าทักถาม |
จะเดินถือพัดตาม | ฤๅถือย่ามแบกคัมภีร์ |
๑๑๙๏ สมรูปเจ้าน้อยน้อย | เดินต้อยต้อยตามพระชี |
ใครเห็นก็ปรานี | ชมว่าดีน่าเอ็นดู |
๑๒๐๏ บิดามารดาเจ้า | จึงได้เอามาฝากครู |
หวังใจให้เฟื่องฟู | ให้เรียนรู้ในพระชี |
๑๒๑๏ หมายใจจะได้พึ่ง | อย่าดื้อดึงให้ท่านตี |
ทำดีท่านก็ดี | เหมือนฤๅษีเธอเลี้ยงลิง |
๑๒๒๏ ด้วยเจ้าเยาว์กุมาร | มีสันดานพาลสุงสิง |
ไม่ดีท่านตีจริง | ท่านยิ่งนิ่งยิ่งหนักไป |
๑๒๓๏ มิตีก็จำตี | ด้วยปรานีมีอาลัย |
เจ้าอย่าได้น้อยใจ | โกรธเจ้าไทว่าด่าตี |
๏ ชื่อกาพย์ฉันทฉบำ ๏
๑๒๔๏ เป็นธรรมดาอาจารีย์ | ทั่วโลกย์อันมี |
อาญานั้นต่างต่างกัน | |
๑๒๕๏ กระษัตริย์ต้องมีราชทัณฑ์ | เฆี่ยนฆ่าตีรัน |
เช่นนั้นจึงไม่อันตราย | |
๑๒๖๏ นายม้าย่อมมีแส้หวาย | นายเกวียนโคควาย |
อาญากระตักติดมือ | |
๑๒๗๏ แม้นไม่ข่มขี่หัดปรือ | ตามใจแล้วคือ |
แกล้งชังจะให้เสียปราณ | |
๑๒๘๏ ธรรมเนียมมีแต่โบราณ | เล่าเป็นนิทาน |
ทำนุกทำเนียบอาญา | |
๑๒๙๏ ป่างหลังยังมีสิทธา | อยู่ในศาลา |
สถิตประเทศอารัญ | |
๑๓๐๏ กระษัตริย์เคยมาอภิวันท์ | แต่พระนักธรรม์ |
เลี้ยงลิงกำพร้าทะโมน | |
๑๓๑๏ ลิงนั้นมันแสนเหลือโลน | เต้นโดดโลดโผน |
เข้าแย่งเข้ายื้อโยคี | |
๑๓๒๏ นักสิทธ์สั่งสอนต้อนตี | ทำโทษแต่ละที |
แทบม้วยไม่เข็ดเหลือลิง | |
๑๓๓๏ แม้นเห็นสีกากล้าจริง | ไล่ยุดฉุดชิง |
จับติ่งจับเต้าจาวตาล | |
๑๓๔๏ วันหนึ่งกระษัตริย์สำราญ | พาพลบริพาร |
มาสู่สถานกุฎี | |
๑๓๕๏ ลิงนั้นเข้าพันฤๅษี | เล่นโลนกระลึ |
เข้าจี้เข้าไชไปมา | |
๑๓๖๏ นักสิทธ์คิดแค้นแสนสา | ทำโทษแก่วา |
นเรศบได้สมประดี | |
๑๓๗๏ กระษัตริย์ทัดทานฤๅษี | ไม่ถือขันตี |
ดังฤๅมาตีวานร | |
๑๓๘๏ ดาบสตอบพจน์ถวายพร | รูปนี้สั่งสอน |
จะให้มันดีบ่มิดี | |
๑๓๙๏ กระษัตริย์ตอบอรรถฤๅษี | ชาติลิงย่อมมี |
จริตนั้นติดโลนเอง | |
๑๔๐๏ บ่มิควรจะปราบให้เกรง | ทำโทษอลเวง |
ชาติลิงบ่หายลุกลน | |
๑๔๑๏ ข้าบาทราธนานิมนต์ | ขอสัตย์ทัณฑ์บน |
อย่าได้ทำต่อก่อกรรม | |
๑๔๒๏ นักสิทธ์ตอบกิจสนองคำ | มิให้รูปทำ |
ข้อนั้นจะเป็นไรมี | |
๑๔๓๏ รูปขอบพิตรด้วยดี | ราชทัณฑ์ฆ่าตี |
บพิตรอย่าทำสืบไป | |
๑๔๔๏ ดังนี้จะได้ฤๅไฉน | บพิตรอดใจ |
รูปนี้จะถือขันตี | |
๑๔๕๏ กระษัตริย์รับคำฤๅษี | คืนเข้าธานี |
บ่ได้จะมีอาญา | |
๑๔๖๏ ฤๅษีอยู่ที่ศาลา | จำเริญเมตตา |
ขันตีอดใจไม่เริง | |
๑๔๗๏ ลิงยิ่งคะนองลองเชิง | แย่งกุฎีเปิง |
อีเลิ้งหม้อพิงทิ้งทอย | |
๑๔๘๏ ย่ามพัดกัดเป็นริ้วรอย | บ่ห่อนหย่อนถอย |
พยศยิ่งกว่าก่อนมา | |
๑๔๙๏ เห็นพระนักสิทธ์ภาวนา | โดดดึงชฎา |
มือคว้าตะครุบลูกประคำ | |
๑๕๐๏ เห็นขนรักแร้แหย่คลำ | ถอนทึ้งขยำ |
ขยุ้มขยี้ตามคะนอง | |
๑๕๑๏ ดาบสอดใจไม่หมอง | เคร่งขันตีครอง |
สติบ่ได้ไหวติง | |
๑๕๒๏ มิได้ทำโทษโกรธลิง | อดใจได้จริง |
นั่งนิงดั่งสิงขรคง | |
๑๕๓๏ ป่างจอมขัตติยสุริย์วงศ์ | ตั้งแต่พระองค์ |
รับคำตั้งมั่นขันตี | |
๑๕๔๏ ชาวเมืองเคืองแค้นแสนทวี | เกิดฆ่าราคี |
ที่ขลาดก็หนีซบซอน | |
๑๕๕๏ ที่กล้าร่าเริงฟันฟอน | คบพวกเพื่อนจร |
เที่ยวปล้นสะดมวิ่งราว | |
๑๕๖๏ เจ้าชู้คบเพื่อนเกลื่อนฉาว | ไล่ยุดฉุดสาว |
ลูกเขาเมียเขาขืนทำ | |
๑๕๗๏ ชาวกรุงยุ่งยับระยำ | ร้องฎีกากรรม |
กระษัตริย์บ่ได้ไยดี | |
๑๕๘๏ เหล่าพวกคนร้ายได้ที | ยิ่งสำทับทวี |
บ่ได้จะมีเกรงภัย | |
๑๕๙๏ ลอยชายเข้าวังท้าวไท | ห้ามแหนนางใน |
เข้ากอดเข้ากวนยวนยี | |
๑๖๐๏ กระษัตริย์ขัดแค้นแสนทวี | ไปหาฤๅษี |
แล้วแจ้งคดีโดยจง | |
๑๖๑๏ ขันตีข้านี้บมิคง | ขอคืนพระองค์ |
ข้านี้มิอาจจำเริญ | |
๑๖๒๏ นักสิทธ์ว่าท่านยับเยิน | รูปปากคอเลิน |
ทั้งนี้ก็เพราะขันตี | |
๑๖๓๏ บพิตรไม่เชื่อรูปดี | ทำผิดวิถี |
ขันตีขันแตกขันตาย | |
๑๖๔๏ ใจดีผีเข้าฤๅวาย | คลั่งคลุ้มบคลาย |
ร้ายบ้างพอตั้งอาตมา | |
๑๖๕๏ บพิตรจะคืนอาญา | รูปจักคืนลา |
ออกจากภิเนษก์ขันตี | |
๑๖๖๏ กระษัตริย์คืนสัตย์ฤๅษี | คืนครองบูรี |
คืนมีอาญาต่อไป | |
๑๖๗ ๏ อยู่สุขกระเษมหฤทัย | ทั่วทั้งกรุงไกร |
ทั้งนี้เพราะมีอาญา | |
๑๖๘๏ ฤๅษีตั้งแต่นั้นมา | คืนทำโทษวา |
นเรศให้อยู่ในคำ | |
๑๖๙๏ สอนให้ไหว้นบแม่นยำ | นี่แลเรานำ |
เรื่องราวมากล่าวให้ฟัง | |
๑๗๐๏ ด้วยอย่างมีมาแต่หลัง | เจ้าอย่าแช่งชัง |
พระครูว่าขู่ด่าตี | |
๑๗๑๏ ด้วยเจ้าทำผิดไม่ดี | ครูนั้นปรานี |
จึงตีเจ้าตามธรรมเนียม | |
๑๗๒๏ เจ้าอย่าทำใจเหี้ยมเกรียม | รักษาจิตเจียม |
สงบเสงี่ยมอิริยา | |
๑๗๓๏ ทำใดให้พิจารณา | อาสัยอัชฌา |
อาจารย์จะรักฟักฟูม | |
๑๗๔๏ จะได้วิชาเต็มภูมิ | เจ้าอย่าตื่นตูม |
เหมือนหนึ่งกระต่ายไม่ดี | |
๑๗๕๏ อัชฌาอาสัยไม่มี | ไม่ตรึกท่วงที |
ชั่วดีให้พิจารณา | |
๑๗๖๏ เหมือนเรื่องกระต่ายนิทรา | มัวนอนหลับตา |
ฝันว่าแผ่นดินจมลง | |
๑๗๗๏ พอผลมะตูมสูงทรง | ตกต้องตาลดง |
กระทบกระทั่งใบตาล | |
๑๗๘๏ เสียงดังโกร่งกร่างกังวาน | บมิตรึกตรองการ |
ให้แจ้งประจักษ์ใจจง | |
๑๗๙๏ กระต่ายตื่นเต้นเผ่นพง | วิ่งร้องเสียงหลง |
แผ่นดินจมลงวุ่นวาย | |
๑๘๐๏ สารพัดฝูงสัตว์ทั้งหลาย | พลอยตื่นกลัวตาย |
กระจัดกระเจิงตามกัน | |
๑๘๑๏ มาถึงสำนักนักธรรม | เสียงแซ่แจจัน |
จงช่วยข้าด้วยมุนี | |
๑๘๒๏ ป่างนั้นท่านไทฤๅษี | ถามแจ้งคดี |
เธอมีวิจารณ์ยิ่งยง | |
๑๘๓๏ พิเคราะห์เหมาะความตามตรง | ท่านไทจึงทรง |
ติเตียนกระต่ายไม่ดี | |
๑๘๔๏ ไม่พิจารณาท่วงที | พากันแล่นหนี |
ถ่อยแท้ไม่พิจารณา | |
๑๘๕๏ นี่แลเราน้าวนำมา | จำเป็นตำรา |
อัชฌาอาสัยท่วงที | |
๑๘๖๏ ถือจิตคิดอย่างฤๅษี | วิจารณ์ท่านมี |
พิเคราะห์จึงเหมาะแม่นความ | |
๑๘๗๏ แม้นเป็นคนดีมีนาม | อัชฌาพยายาม |
แลความวินิจพิจารณา | |
๑๘๘๏ อ่อนน้อมให้ครูเมตตา | อย่าทำมารยา |
หน้าไหว้ลับหลังหลอกลวง | |
๑๘๙๏ ไม่ดีมีโทษใหญ่หลวง | จักเข้าดลดวง |
ใจท่านให้ขังเกลียดไกล | |
๑๙๐๏ เหมือนเรื่องเจ้าชดเจ้าไหว้ | ชักมาแต่ใน |
นนทุกปกรณัม | |
๑๙๑๏ มีเด็กเลี้ยงวัวตรากตรำ | สองคนประจำ |
เป็นทาสท่านผู้มีนาม | |
๑๙๒๏ คนหนึ่งนั้นมีใจงาม | ประพฤติตนตาม |
ใจเจ้าของตนถ่อมตน | |
๑๙๓๏ คนหนึ่งใจคดอกุศล | เป็นคนซ่อนกล |
หน้าไหว้หลังหลอกกลอกตา | |
๑๙๔๏ ทั้งสองเลี้ยงวัวทุ่งนา | แกะดินเหนียวมา |
แล้วปั้นเป็นรูปนายตน | |
๑๙๕๏ แล้วนั่งลงไหว้บัดดล | คนหนึ่งซ่อนกล |
ปั้นดินเป็นรูปนายตัว | |
๑๙๖๏ ครั้นแล้วชกตีบี้หัว | เย็นแล้วพาวัว |
มาสู่สำนักบ้านนาย | |
๑๙๗๏ นายนั้นครั้นเห็นรูปกาย | เจ้าคนหยาบคาย |
ที่ปั้นรูปตนชกตี | |
๑๙๘๏ ดลใจให้แค้นแสนทวี | มิได้ปรานี |
ไล่ตีไล่ด่ายับเยิน | |
๑๙๙๏ เจ้าคนไหว้รูปจำเริญ | ดลใจเผอิญ |
ให้เรียกให้เชิญอุ้มชู | |
๒๐๐๏ นี่แลเจ้าจำเป็นครู | จะให้ท่านเอ็นดู |
ให้ทำเหมือนคนไหว้นาย | |
๒๐๑๏ หนึ่งนั้นครูหนึ่งศิษย์หลาย | เจ้าอย่าให้อาย |
แก่ศิษย์ผู้เพื่อนเหมือนกัน | |
๒๐๒๏ เปรียบเหมือนหนึ่งมวยคู่ขัน | คาดเชือกประชัน |
จะชกให้ท่านครูดู | |
๒๐๓๏ อย่าทำย่อหย่อนอ่อนหู | ใครแพ้อดสู |
ชนะจะมีคนชม | |
๒๐๔๏ พระครูจะชอบอารมณ์ | กล้วยอ้อยขนม |
ท่านได้จะให้รางวัล | |
๒๐๕๏ ด้วยเจ้าเล่าเรียนฉะฟัน | แหลมล้ำเพื่อนกัน |
เช่นนั้นท่านมีเมตตา | |
๒๐๖๏ หนึ่งเจ้าอย่าคิดฤษยา | เห็นครูกรุณา |
แก่เพื่อนที่เล่าเรียนดี | |
๒๐๗๏ อย่าแกล้งมุสาพาที | ยุครูให้ตี |
ที่รักให้กลับเป็นชัง | |
๒๐๘๏ ทุกขโตทุกขฐานัง | ให้ทุกข์ท่านหวัง |
ทุกข์นั้นจะมาถึงตน | |
๒๐๙๏ เยี่ยงอย่างป่างก่อนโดยกล | มีโจรสี่คน |
เที่ยวปล้นเที่ยวล้วงเขามา | |
๒๑๐๏ วันหนึ่งขึ้นเรือนยายตา | แกแก่ชรา |
ไม่มีสมบัติอันใด | |
๒๑๑๏ ปะแต่หม้อเข้าเตาไฟ | โจรแค้นขัดใจ |
ไปไล่จับงูร้ายมา | |
๒๑๒๏ ใส่ในหม้อเข้ายายตา | เสร็จแล้วปิดฝา |
เอามาไว้ริมตายาย | |
๒๑๓๏ หมายจะให้งูขบตาย | สองเฒ่าฟื้นกาย |
ก็เห็นหม้อเข้าของตน | |
๒๑๔๏ เปิดหม้อขึ้นดูบัดดล | งูร้ายทรพล |
กลายเป็นทองเนื้อนพคุณ | |
๒๑๕๏ โจรรู้นึกชมว่าบุญ | หมายจักทำทุน |
ไปจับเอางูร้ายมา | |
๒๑๖๏ เอาใส่ในหม้อปิดฝา | เห็นเมียนิทรา |
ก็ทำเหมือนอย่างตายาย | |
๒๑๗๏ ครั้นเห็นเมียตื่นฟื้นกาย | เปิดหม้อโดยหมาย |
งูร้ายก็กัดมรณา | |
๒๑๘๏ นี่แลโทษคิดอิจฉา | จำเป็นตำรา |
อุส่าห์จำไว้สอนใจ | |
๒๑๙๏ เห็นครูรักศิษย์คนใด | ที่เล่าเรียนไว |
จงจำให้เหมือนโดยตรา | |
๒๒๐๏ ใจครูสองใจธรรมดา | สอนตามธรรมา |
ใครดีก็สอนตามดี | |
๒๒๑๏ ธรรมเนียมศิษย์สองอย่างมี | ศิษย์หนึ่งกระลี |
ต้องติต้องด่าสาธารณ์ | |
๒๒๒๏ แข็งขืนขัดคำอาจารย์ | สู่รู้การงาน |
ครูสอนกลับสอนสอพลอ | |
๒๒๓๏ เป็นศิษย์ฝ่ายนอกไม่ยอ | ครูไม่ชอบพอ |
ถึงสอนก็สอนหยาบคาย | |
๒๒๔๏ ศิษย์หนึ่งรู้จักฝากกาย | ความเพียรบคลาย |
กระทำให้ได้ใจครู | |
๒๒๕๏ ไม่ต้องตีด่าอดสู | เพียงแต่แลดู |
ก็รู้อัชฌาอาจารย์ | |
๒๒๖๏ ศิษย์นี้เป็นศิษย์ในสถาน | อาจจักเชี่ยวชาญ |
สันดานละเอียดเอกคน | |
๒๒๗๏ เหมือนไหมเส้นน้อยร้อยสน | เข็มเล็กสอดชน |
เย็บผ้ากัมพลเนื้อดี | |
๒๒๘๏ จึงแนบเนียนเสียดดี | เข็มใหญ่ด้ายพี |
เย็บผ้าเนื้อดีคลี่กลาย | |
๒๒๙๏ เหมือนศิษย์สันดานหยาบคาย | หลู่ครูบาธิบาย |
บ่ดีบ่ได้รู้ดี | |
๒๓๐๏ จงจำคำเราพาที | เปรียบมามากมี |
ทีนี้จะตีความตรง | |
๒๓๑๏ ในการปฏิบัติโดยจง | จำให้มั่นคง |
ให้รู้เพลาอาการ ฯ |
๏ สุรางคนางค์ ๒๘ ๏
๒๓๒๏ ครั้นรุ่งสุริยา | |
พระครูครองผ้า | ไปภิกขาจาร |
เจ้าอยู่เฝ้าวัด | จัดกระบายสาน |
สำหรับรองงาน | ถ่ายเข้าบาตรครู |
๒๓๓๏ ลักระจั่นโอใหญ่ | |
ตักน้ำใสใส่ | ผงไผ่ให้ดู |
ชามช้อนถ้วยจาน | คิดอ่างล้างถู |
จัดสำรับปู | เสื่อแล้วติดไฟ |
๒๓๔๏ เผื่อบิณฑบาตขัด | |
เข้าปลาอัตคัด | จะได้อาศัย |
ปลาสลิดปลาทู | ดูปิ้งแกงไว้ |
สังเกตคาดใจ | ท่านฉันตัวกิน |
๒๓๕๏ ถึงบิณฑบาตได้ | |
ต้องอาศัยไฟ | อุ่นดีมีกลิ่น |
ให้เสร็จสรรพไว้ | แล้วลงไปดิน |
ไปคอยท่านบิณ | ฑบาตกลับมา |
๒๓๖๏ เข้าไปรับบาตร | |
อย่าทำพล้ำพลาด | อ่อนน้อมกายา |
ท่านส่งบาตรให้ | อาสัยอัชฌา |
อย่าให้เข้าปลา | ต้มแกงหกเอียง |
๒๓๗๏ ยกเจ้าจดจ้อง | |
ตานั้นมุ่งมอง | ดูทางให้เที่ยง |
แม้นทำบาตรพลัด | เหมือนตัดลำเลียง |
เจ้าอย่าเมินเมียง | มุ่งมากุฎี |
๒๓๘๏ แม้นบิณฑบาตเรือ | |
รุ่งเช้าหาเสื่อ | ไปปูทอดที่ |
บาตรโอถาดมุม | ตลุ้มฝาชี |
มิใช้วันดี | จัดพอประมาณ |
๒๓๙๏ วันสารทวันตรุษ | |
เพ็งจันทร์วันพุธ | เข้าวสาสงกรานต์ |
ทวีถ้วยชาม | ตามเทศกาล |
ตลุ้มโอสาน | ทบทวีไป |
๒๔๐๏ พวกเณรโค่งโค่ง | |
นั่งหัวโขมง | คัดวาดว่องไว |
เณรโค่งถือท้าย | เด็กรายแคมไป |
พระครูครองไตร | นั่งกลางสำรวม |
๒๔๑๏ พร้อมศิษย์หัวท้าย | |
ช่วยกันพุ้ยพาย | อย่าทำหละหลวม |
เมื่อเข้ารับบาตร | คัดวาดอย่ากรวม |
อย่าเกยเสยสวน | เรือสงฆ์เพื่อนกัน |
๒๔๒๏ ประเทียบเรียบร้อย | |
อย่ามัวชม้อย | เขม้นดูขัน |
ไม่ดีเณรโค่ง | โตโต้งตามัน |
อย่าทำหูชัน | แลเกี้ยวสีกา |
๒๔๓๏ ใส่บาตรหน้าแพ | |
เขาแลอย่าแล | เขม้นเล่นตา |
เขาจะว่าโลน | จะโพนทะนา |
เขาสาปน้ำหน้า | พากันอดตาย |
๒๔๔๏ ไม่ชั่วแต่ตัว | |
พลอยพาท่านขรัว | ต้องรับอับอาย |
ถึงใครรู้จัก | อย่าทักอย่าทาย |
เขาจะว่าชีนาย | เห็นแก่กัปปีย์ |
๒๔๕๏ ถ้าเขาถามหา | |
จึงค่อยพูดจา | ไปตามคดี |
คำหนึ่งสองคำ | ตามกิจอันมี |
เห็นสายเต็มที | ช่วยกันพายลง |
๒๔๖๏ อย่าร้องโยนยาว | |
เหมือนหนึ่งเรือเจ้า | ไม่ต้องกิจสงฆ์ |
เป็นเรือบิณฑบาต | เที่ยววาดแวะวง |
เห็นขันบรรจง | ประมาณการพาย |
๒๔๗๏ เมื่อถึงท่าวัด | |
เข้าของเร่งจัด | อย่าได้ดูดาย |
ท่านหิวเต็มที | ท่านตีง่ายง่าย |
รีบร้นขวนขวาย | ให้ทันเวลา |
๒๔๘๏ ท่านขึ้นตะพาน | |
เด็กเด็กอย่านาน | ถวายรองบาทา |
เณรใหญ่ยกอุ้ม | ตลุ้มแกงปลา |
หมูไก่ได้มา | ช่วยกันตามมี |
๒๔๙๏ บาตรย่ามยกไป | |
ได้มาเท่าไร | ขนไปกุฎี |
ใครอยู่ตีนท่า | อย่าช้าท่วงที |
เอาเรือเข้าที่ | ผูกให้มั่นคง |
๒๕๐๏ รีบเก็บพายไว้ | |
อย่าได้ไว้ใจ | ว่าเป็นของสงฆ์ |
คนดีมีน้อย | คนถ่อยดื่นดง |
ยิ่งเป็นของสงฆ์ | มันยิ่งชอบใจ |
๒๕๑๏ อาญาพระน้อย | |
จับได้ถองปล่อย | มันไม่เป็นไร |
ไม่เหมือนกระหัสถ์ | เขามัดเอาไป |
เฆี่ยนถามติดไม้ | เช่นนั้นมันเกรง |
๒๕๒๏ พวกมากุฎี | |
จังหันวันศรี | จัดให้เหมาะเหมง |
คาวหวานอย่าปน | กันอลเวง |
จัดไว้ตามเพลง | ดูโดยสมควร |
๒๕๓๏ เสร็จแล้วน้อมตัว | |
ประเคนท่านขรัว | นบนอบน้ำนวล |
ให้ได้หัตถบาศ | อย่าคลาดแปรปรวน |
ลูกไม้ป่าสวน | ให้กัปปียัง |
๒๕๔๏ แล้วอย่าหลบหน้า | |
เจ้าจงอตส่าห์ | นั่งคอยระวัง |
ดูเอาใจใส่ | กัปปีย์สูปัง |
ตาดูหูฟัง | ท่านเรียกจืดเค็ม |
๒๕๕๏ ท่านเรียกจืดมา | |
ตำเกลืออย่าช้า | แขยะและเล็ม |
อย่าทำฟูมฟาย | กระจายตกเต็ม |
เร็วรวดกวดเข้ม | ให้ทันบัญชา |
๒๕๖๏ ครั้นท่านฉันแล้ว | |
เข้าพระเครื่องแก้ว | ลูกเล็กเด็กลา |
เณรใหญ่ให้ยก | สำรับกับปลา |
นั่งล้อมพร้อมหน้า | กินด้วยกันพลัน |
๒๕๗๏ อย่าชิงกันกิน | |
ถ้วยชามจะบิ่น | น่าเกลียดเดียดฉันท์ |
ปะท่านแลเห็น | นิดเน้นตีรัน |
อับอายด้วยกัน | เพราะชิงกันกิน |
๒๕๘๏ หนึ่งนั้นเณรโค่ง | |
กับเพื่อนเณรโต้ง | รู้กันโดยถวิล |
ซดโถโต้กัน | แกงนั้นหมดสิ้น |
เด็กน้อยคอยกิน | แหงนหน้าตาปรอย |
๒๕๙๏ หมายจะได้กิน | |
เณรโค่งโพงสิ้น | ศัตรูคอหอย |
ริทำเช่นนี้ | ท่านตีไม่น้อย |
หลังเป็นริ้วรอย | เพราะชิงเด็กกิน |
๒๖๐๏ หนึ่งเมื่อกินนั้น | |
พรึบพร้อมชิงกัน | หยิบกับหยิบชิ้น |
เกือบอิ่มเณรโค่ง | รีบโพงจนสิ้น |
ลุกสะบัดมือบิน | กินกล้วยพลามพลาม |
๒๖๑๏ เด็กกินล้าหลัง | |
เณรโค่งร้องดัง | มึงต้องล้างชาม |
ได้ยินเณรโค่ง | เณรโต้งลุกตาม |
กล้วยส้มเข้าหลาม | เลือกกินสิ้นเจียว |
๒๖๒๏ เด็กไม่ได้กิน | |
น้ำตาไหลริน | ลงนั่งหน้าเซียว |
ต่างคนต่างแค้น | ลุกแล่นเกรียวเกรียว |
เข้าปลารกเรี้ยว | เลอะเทอะเปรอะปรึง |
๒๖๓๏ กากินบินเกรียว | |
แมลงวันหัวเขียว | ตอมอึงคะนึง |
ท่านมาพบเข้า | ตีโทษโกรธขึ้ง |
หาตัวมาอึง | ซักไซ้ได้ความ |
๒๖๔๏ ตีเณรโค่งก่อน | |
ใครสั่งใครสอน | มึงไม่ล้างชาม |
มึงเป็นผู้ใหญ่ | ทำไว้เห็นงาม |
อ้ายน้อยพลอยตาม | ตีเสียด้วยกัน |
๒๖๕๏ ใครทำเช่นนี้ | |
ดูหน้าบัดศรี | เป็นที่เย้ยหยัน |
รู้ไปถึงไหน | อายไปถึงนั่น |
ขี้เกียจครามครัน | จนชั้นล้างชาม |
๒๖๖๏ แม้นชาวบ้านรู้ | |
ดูน่าอดสู | เขาจะตรานาม |
แม้นสึกออกไป | รู้ในเรื่องความ |
ลูกสาวเขางาม | เขาไม่ให้เลย |
๒๖๗๏ นี่แลจงจำ | |
เบื้องหน้าอย่าทำ | นะเจ้าเณรเอ๋ย |
หนึ่งนั้นปากคอ | ด่าทอประเปรย |
ปากใส่เดือยเคย | หมิ่นเย้ยกุมาร |
๒๖๘๏ เห็นเด็กรูปชั่ว | |
ด่าพล่อยต่อยหัว | ไม่คิดสงสาร |
ข้อนว่าถากถาง | รูปร่างสาธารณ์ |
เฉโกโวหาร | ว่าเด็กอับอาย |
๒๖๙๏ ในรูปธรรม | |
อาศัยบุญกรรม | เกิดเป็นรูปกาย |
ไม่ควรเอื้อมอาจ | ประมาทหมิ่นชาย |
บางทีรูปร้าย | ใจดีมีบุญ |
๒๗๐๏ ครั้นอยู่นานไป | |
เด็กนั้นโตใหญ่ | วิชาให้คุณ |
มีความเพียรกล้า | วาสนาอุดหนุน |
ตนกลับสถุล | ขายหน้าสาใจ |
๒๗๑๏ เหมือนประมาทงู | |
ไม่มีใบหู | ตีนมือหาไม่ |
มีตัวยาวเฟื้อย | รู้เลื้อยไต่ไม้ |
หนึ่งนั้นแม่ไก่ | บ่ได้มีนม |
๒๗๒๏ ไก่ฟักลูกออก | |
เป็นครอกสองครอก | รอดอยู่มีถม |
หนึ่งนั้นปูเปี้ยว | เที่ยวไต่ตามตม |
หัวนั้นหายจม | มีแต่ตีนตา |
๒๗๓๏ อกติดกระดอง | |
มีแต่ก้ามสอง | เขี่ยเลี้ยงอาตมา |
เป็นคนเหมือนกัน | ไม่ควรฉันทา |
ควรคิดอนิจจา | อย่าได้วายคราว |
๒๗๔๏ หนึ่งนั้นเล่าโสด | |
เห็นเด็กระโอด | ระองขำขาว |
ชื่นชมว่าดี | ถามถึงพี่สาว |
ค่ำค่ำเช้าเช้า | เข้าเคล้าเข้าเคลีย |
๒๗๕๏ พ่อแม่เขารู้ | |
ติเตียนลบหลู่ | พาครูพลอยเสีย |
เขาเคยมาส่ง | สำรับกับเขี่ย |
เขาเงินเมินเสีย | ครูพลอยอดโซ |
๒๗๖๏ เหมือนทุบหม้อเข้า | |
บาตรพระครูเจ้า | สิ้นทั้งถ้วยโถ |
เจ้าเณรอดเข้า | หน้าเว้าตาโต |
เขาไม่พุทโธ | ด้วยเณรรังแก |
๒๗๗๏ หนึ่งเด็กรูปงาม | |
ไม่อ่อนผ่อนตาม | เข้าทำตอแย |
ข่มขืนคุกคั้น | เด็กก็พันวอแว |
ด่าแม่เณรแซ่ | เณรก็แร่ชกตี |
๒๗๘๏ เพราะเณรทำชั่ว | |
เด็กจึงไม่กลัว | ไว้ตัวไม่ดี |
เด็กจึงด่าได้ | เพราะใจโลกีย์ |
เพราะเด็กรูปดี | จู้จิ้จริงจริง |
๒๗๙๏ หนึ่งนั้นสีกา | |
พี่สาวเด็กมา | หน้าตาเพริศพริ้ง |
มาส่งกัปปีย์ | อย่าตีประวิง |
พูดแยบแอบอิง | เกี้ยวพานมารยา |
๒๘๐๏ เขาขังยังชั่ว | |
ฟ้องแต่ท่านขรัว | เป็นแต่โกรธา |
แต่เพียงด่าทอ | ให้พอร้างรา |
เขาไม่เมตตา | จะพากันนุง |
๒๘๑๏ ทำผิดสิกขา | |
เพื่อนคิดอิจฉา | ไปว่าในกรุง |
เขาจะจับไป | หายใจครึ่งพุง |
ลงทอดตัวผลุง | น้ำตากระเด็น |
๒๘๒๏ ร้อนถึงอาจารย์ | |
พลอยเป็นพยาน | ไม่รู้ไม่เห็น |
เพราะเณรชั่วถ่อย | ครูพลอยยากเย็น |
เณรจะไปเป็น | ตะพุ่นสูญความ |
๒๘๓๏ ไม่ดีอย่าทำ | |
แม้นสอนไม่จำ | ขืนทำตะกลาม |
ตีให้เลือดไหล | ไล่จากอาราม |
สาปหน้าตรานาม | ไม่ขอรอกัน |
๒๘๔๏ แม้นอยากสึกหา | |
จะให้สีกา | ใส่ใจใฝ่ฝัน |
อุส่าห์ศึกษา | วิชาฉับพลัน |
จึงสึกจากบรร | พชิตจึงดี |
๒๘๕๏ เดี๋ยวนี้ยังอ่อน | |
อย่าเพิ่งสึกก่อน | วิชาไม่มี |
หัดสอนเก็บเขี่ย | มีเมียจึ่งดี |
หัดเสียในชี | ให้มีคนชม |
๒๘๖๏ ฉันแล้วแผ้วกวาด | |
ข้าวของกองกลาด | เก็บจัดประสม |
อาหารเหลือเดน | เณรอย่าหมักหมม |
เข้ากับแกงต้ม | เทใส่ชามลง |
๒๘๗๏ อย่าเทใต้ถุน | |
น้ำแกงเป็นจุณ | เสื่อมสูญอานิสงส์ |
ไปให้สุนัข | ของจักคืนคง |
ชาติหน้ายืนยง | คงเป็นของดี |
๒๘๘๏ ของไม่ควรเสีย | |
อตส่าห์เก็บเขี่ย | ตามสิ่งอันมี |
อย่าให้สูญเปล่า | เขาจึงว่าดี |
ชาติหน้าชาตินี้ | ให้พิจารณา |
๒๘๙๏ จงรู้ประมาณ | |
สังเกตควรการณ์ | เข้าสารผักปลา |
ของเสียของเน่า | เอาให้ทานกา |
ให้รู้ธรรมดา | สิ่งของทั้งปวง |
๒๙๐๏ หนึ่งท่านเทศน์ได้ | |
เครื่องกัณฑ์นั้นไซร้ | มากมายใหญ่หลวง |
เก็บไว้ให้งาม | จัดตามกระทรวง |
แรกได้ให้หวง | ปิดงำจงดี |
๒๙๑๏ อย่ากินก่อนสงฆ์ | |
เจ้าของเขาบง | การแก่พระสมี |
เณรเหมือนเรือน้อย | ห้อยท้ายเรือรี่ |
ฉันก่อนพระชี | ไม่มีอัชฌา |
๒๙๒๏ ลางทีท่านนั้น | |
อยากของสำคัญ | ท่านไปได้มา |
เณรฉันเสียหมด | ท่านงดปรารถนา |
เครื่องขัดอัธยา | โทษสองประการ |
๒๙๓๏ โทษกินของสงฆ์ | |
โทษขัดใจองค์ | สงฆ์ผู้อาจารย์ |
ไปอเวจี | อัคคีเผาผลาญ |
แล้วไปทรมาน | เปนเปรตพุงโร |
๒๙๔๏ ปากเท่ารูเข็ม | |
อาหารและเล็ม | ไม่เต็มพุงโต |
กรรมกินของสงฆ์ | รูปทรงเน่าโน |
เห็นเปรตเศษโซ | ใครรู้เร่งจำ |
๒๙๕๏ สัจจังดังนี้ | |
พระบารมี | หนักแน่นแม่นยำ |
ใช่จะหวงของ | ด้วยตรองเห็นกรรม |
ปรานีมีคำ | สอนทำให้ดี |
๒๙๖๏ ควรพระฉันก่อน | |
เณรจึงค่อยผ่อน | ภายหลังพระชี |
ประการหนึ่งนั้น | เครื่องกัณฑ์ยังมี |
มากอยู่ดูดี | ใส่ตลุ้มลง |
๒๙๗๏ ไปถวายพระ | |
อาคันตุกะ | อันเป็นเพื่อนสงฆ์ |
ถวายพระอาพาธ | ไร้ญาติวงศ์ |
บุญคุณยิ่งยง | อดีตปัจจุบัน |
๒๙๘๏ ในอนาคต | |
เบื้องหน้าปรากฏ | ทิพรสสวรรค์ |
ตราบจนนิพพาน | ผลทานครามครัน |
คุณในปัจจุบัน | นั้นก็เกิดมี |
๒๙๙๏ คือสงฆ์องค์นั้น | |
เมื่อเธอได้ฉัน | เครื่องกัณฑ์อันดี |
คิดถึงคุณเณร | เห็นหน้าปรานี |
คุณอดีตมี | เมื่อเณรบรรลัย |
๓๐๐๏ เธอคิดถึงคุณ | |
จักบำเพ็ญบุญ | อุทิศไปให้ |
เพื่อนฝูงที่ยัง | สังระเสริญชอบใจ |
อำนวยพรให้ | จำไว้นะเณร |
๓๐๑๏ หนึ่งของยังอีก | |
เป็นเสี้ยวเป็นซีก | เหลือพระมหาเถร |
ให้เณรเพื่อนรัก | กระหัสถ์กินเดน |
นอกนั้นเหลือเกณฑ์ | ให้สัตว์นานา |
๓๐๒๏ หนึ่งเณรตั้งตัว | |
จะให้เด็กกลัว | อาศัยปัญญา |
นึกตรึกคาดใจ | อาสัยอัชฌา |
ควรว่าจึงว่า | พูดจาปรานี |
๓๐๓๏ หนึ่งเด็กนั้นผิด | |
อ่านหนังสือติด | ชอบบอกท่วงที |
หนึ่งเด็กอื่นชก | เด็กในกุฎี |
เณรช่วยขวางรี | ป้องกันอันตราย |
๓๐๔๏ หนึ่งได้อ้อยกล้วย | |
เรียกเด็กกินด้วย | ปากหวานภิปราย |
หนึ่งเด็กเจ็บป่วย | เณรช่วยขวนขวาย |
เด็กจะฝากกาย | ใช้ง่ายใจดี |
๓๐๕๏ ถึงโดยเบื้องหน้า | |
เณรจะสึกหา | ชอบเชิงโลกีย์ |
ด้วยรู้เก็บหอม | โอบอ้อมอารี |
หญิงหม้ายสาวศรี | เป็นที่พึงใจ |
๓๐๖๏ นี่แลจงจำ | |
ลงทำตามคำ | นะเณรน้อยใหญ่ |
ประพฤติเช่นนี้ | จะดีมีไชย |
พวกเด็กเล่าไซ้ | หัวโล้นหัวเปีย |
๓๐๗๏ หัวจุกหางแหยม | |
อย่าทำพลอมแพลม | ว่างานส่ำเสีย |
เห็นพระเห็นเณร | ทำเป็นเคล้าเคลีย |
ขอเงินขอเบี้ย | เล่นคำตัดกัน |
๓๐๘๏ อย่าได้ทำฉาว | |
ยกยอพี่สาว | ให้สงฆ์ใฝ่ฝัน |
เจ้ากูจะฮึก | สึกออกไม่ทัน |
วานเขียนพัดจันทน์ | ให้พี่สาวตน |
๓๐๙๏ พูดพลอดสอพลอ | |
เหมือนหนึ่งนกต่อ | ทีล่อทีชน |
เอาโน่นชนนี่ | ซุกซี้ซุกชน |
ลุกลี้ลุกลน | เหลาะแหละและเล็ม |
๓๑๐๏ ไปบ้านทีไร | |
เอาเรื่องวัดไป | พูดต่อแต้มเต็ม |
ว่าสงฆ์องค์นั้น | รักฉันกวดเข้ม |
ท่านพูดและเล็ม | ถึงพี่ทุกวัน |
๓๑๑๏ แล้วกลับมาวัด | |
เอาเรื่องกระหัสถ์ | มาพูดเสกสรร |
พี่สาวเขาว่า | สั่งมากับฉัน |
วานเขียนพัดจันทน์ | ไม้สอยส้นงา |
๓๑๒๏ เช่นนี้อย่าทำ | |
ไม่ดีมีกรรม | ทำลายศาสนา |
จะเป็นราคี | ชั่วนี้ชั่วหน้า |
ฉวยว่าชะตา | ทั้งสองต้องกัน |
๓๑๓๏ พระเถรจะสึก | |
ไปชมสมนึก | เหมือนใจใฝ่ฝัน |
ไม่ต้องขอสู่ | ลอบชู้หากัน |
ขนมขันหมากนั้น | เจ้าชวดกินเอง |
๓๑๔๏ เสียพี่สาวเปล่า | |
ไม่ได้เบี้ยเข้า | เพราะเจ้าแสนเพลง |
ครูรู้ครูตี | วิ่งหนีปะเลง |
เข้าไปบ้านเอง | แม่ซ้ำสำทับ |
๓๑๕๏ เขาจับส่งไป | |
ให้ตาย่ามใหญ่ | แกไปกินตับ |
ไม่ควรอย่าทำ | จงจำคำนับ |
อย่าซ่อนสับปลับ | สอพลอส่อความ ๚ |
๏ ๑๖ ๏
๓๑๖๏ ประการหนึ่งอย่าทำสำผลาม | โลนเล่นคะนองลาม |
ล้อเลียนสงฆ์เถรเณรชี | |
๓๑๗๏ เห็นเจ้ากูชมว่ารูปดี | อย่าทำเล่นตัวตี |
เข้าข่วนเข้าจี้เจ้ากู | |
๓๑๘๏ ฉวยผ้าอุดกระชากลากถู | ประมาทหมิ่นพระผู้ |
เป็นเจ้าให้ได้อับอาย | |
๓๑๙๏ ทำยักคิ้วหลิ่วตาท้าทาย | กระโดดเต้นเล่นกาย |
ออกโขนออกหนังกลางชาน | |
๓๒๐๏ ทะลึ่งไล่เพื่อนตนลนลาน | พระสงฆ์เถรเณรจาร |
หนังสือแลทำใดใด | |
๓๒๑๏ วิ่งผ่านบมิได้เกรงใจ | เฉียดชิดสะกิดไป |
บ่ห่อนจะอ่อนโอนกาย | |
๓๒๒๏ ปะเจ้ากูเกรงครูบาทิยาย | บ่มิได้หยาบคาย |
ก็นิ่งรำงับดับใจ | |
๓๒๓๏ ปะลางองค์สงฆ์เถรใจไฟ | มุทะลุมือไว |
ก็เหงาะก็โหงกโขกลง | |
๓๒๔๏ แล้วร้องขัดใจเถรสงฆ์ | ส่งกระแสเสียงหลง |
ให้อึงถึงองค์อาจารย์ | |
๓๒๕๏ ครั้นท่านเรียกเอาอาการ | แสร้งแกล้งพาโลพาล |
ใส่โทษที่ร้ายนานา | |
๓๒๖๏ ใครทำเหมือนคำร่ำมา | บมิได้เมตตา |
จะตีให้สะสมใจ | |
๓๒๗๏ ใครอย่าทำเช่นนี้ต่อไป | เห็นพระสงฆ์องค์ใด |
ให้นบให้นอบยำเกรง | |
๓๒๘๏ พูดจาให้เพราะเหมาะเหมง | เป็นศรีตนเอง |
สวัสดีเดโชไชย | |
๓๒๙๏ เจ้ากูวานหยิบการใด | ดูอัชฌาสัย |
ที่ใกล้พอหยิบหยิบมา | |
๓๓๐๏ ที่ล้นเหลือกำลังวังชา | เบือนบอกสุนทรา |
ไปตามคดีดูดี | |
๓๓๑๏ ให้ท่านเมตตาปรานี | กล้วยส้มขนมมี |
จะได้ให้กินโดยสบาย | |
๓๓๒๏ หนึ่งโกรธเพื่อนกันทั้งหลาย | อย่าเทียบเปรียบปราย |
ประชดประชันหมาแมว | |
๓๓๓๏ หนึ่งเห็นสิ่งของถ่องแถว | เห็นเพื่อนที่โกรธแวว |
มาแล้วก็ด่ากลบไป | |
๓๓๔๏ อย่าด่าสารพันใดใด | เครื่องล้วนกวนใจ |
อาจารย์บ่ห่อนจะได้สบาย | |
๓๓๕๏ อย่าได้เรียกกันนั้นหยาบคาย | อ้ายอีอภิปราย |
มึงมันกูเอ็งไม่ดี | |
๓๓๖๏ เป็นคำทรลักษณ์อัปรีย์ | หีนชาติกระลี |
เช่นนี้อย่าได้เรียกกัน | |
๓๓๗๏ ธรรมดาชาตรีมีพันธุ์ | เจรจาพึงสรร |
สารพัดเสนาะน้ำนวล | |
๓๓๘๏ เรียกเจ้าเรียกเราจึงควร | ชอบเชิงสำรวล |
ละไมพอเหมาะยิ้มพราย | |
๓๓๙๏ บ่มิได้อ้าปากมากหลาย | ยามเมื่อจะทักทาย |
ก็ทักให้ถูกทางความ | |
๓๔๐๏ บ่มิได้พูดมากลามปาม | แต่พอละไมงาม |
ก็นิ่งก็นึกตรึกการ | |
๓๔๑๏ หนึ่งเห็นผู้ใหญ่สัณฐาน | เทียบเท่าวงศ์วาน |
ควรพี่เรียกพี่ปรีดิ์เปรม | |
๓๔๒๏ ควรแม่เรียกแม่โดยกระเษม | ลิ้นหวานปานชะเอม |
คราวพ่อเรียกพ่อล่อใจ | |
๓๔๓๏ แม้นจะประสงค์สิ่งใดใด | ท่านเมตตาอาลัย |
ควรให้คงให้ไม่อำ | |
๓๔๔๏ อย่าได้มือไวใจดำ | นัยหนึ่งพึงจำ |
ให้รู้เวลาเล่าเรียน | |
๓๔๕๏ เวลาเขียนให้เร่งเขียน | ยามเล่าเร่งเพียร |
ให้เรียนบ่นร่ำซ้ำไป | |
๓๔๖๏ อย่าให้ครูต้องจี้ไช | จงมีแก่ใจ |
ให้ได้น้ำใจอาจารย์ ๚ |
๏ ๑๑ ๏
๓๔๗๏ หนึ่งท่านจะไปเทศน์ | ในนิเวศเขตสถาน |
ที่ใดให้ประมาณ | ยามใดจะไปบกเรือ |
๓๔๘๏ ทิศทางจะใกล้ไกล | สำนักไหนใต้ฤๅเหนือ |
ให้แม่นในทางเมือ | จึงต้องในกระบวนนวล |
๓๔๙๏ พึงพิศชนิดครู | ที่ตนอยู่ให้ใคร่ครวญ |
สถานใดจึงจะควร | คุณรูปสังเกตใจ |
๓๕๐๏ เป็นพระราชาคณะ | ฤๅพระครูนั้นเป็นไฉน |
เป็นพระสมุห์ฤๅพระใบ | ฎีกาขรัวตาฤๅเปรียญ |
๓๕๑๏ นายหมวดฤๅพระปลัด | เจ้าจงจัดให้แนบเนียน |
ตามเภทพระผู้เพียร | ภิญโญภาคผู้ทรงไตร |
๓๕๒๏ แม้นท่านจะไปบก | ในเกณฑ์ยกจงแจ้งใจ |
ร่มพัดจงจัดไป | เครื่องย่ามใส่ในย่ามงาม |
๓๕๓๏ รองเท้าจงเป่าปัด | กาน้ำจัดจะคอยตาม |
แม้นมาตรพระทรงนาม | เป็นที่สังฆราชา |
๓๕๔๏ เร่งวิ่งไปสั่งวอ | ให้มารอประทับรา |
อยู่ที่บันไดปรา | กฏเคยที่ขึ้นลง |
๓๕๕๏ เกือบท่านจะจากที่ | พันคัมภีร์ที่ยิ่งยง |
เด็กที่จำเริญทรง | เคารพรับคัมภีร์งาม |
๓๕๖๏ วางในพระวอไป | ท่านนั่งในพระวอหาม |
ศิษย์หลังสะพรั่งตาม | สะพรึบพร้อมดำเนินเรียง |
๓๕๗๏ เดินให้เป็นแถวถัด | อย่าหลีกลัดเฉลียงเฉียง |
นอกเวียงแลในเวียง | อย่าหลุกหลิกกระดางลาง |
๓๕๘๏ เครื่องบริขารถือ | จงมั่นมืออย่าเมินทาง |
ถือไว้จังหวะวาง | อย่ากวัดแกว่งให้แพลงพลำ |
๓๕๙๏ ครั้นถึงที่สถาน | วังแลบ้านศาลาธรรม |
เด็กแบกคัมภีร์นำ | พระผู้ทรงสังวรจร |
๓๖๐๏ เห็นชนประชุมอัด | ดูเยียดยัดสลับสลอน |
จงเอื้อนสุนทรวอน | ให้อ่อนหวานขอหลีกทาง |
๓๖๑๏ ครั้นถึงธรรมาสน์อาสน์ | คัมภีร์พาดประจงวาง |
เหนือที่อันสำอาง | เขาจัดไว้แล้ววันทา |
๓๖๒๏ เณรโค่งไปข้างหลัง | จงยับยั้งซึ่งกิริยา |
หลีกเลี่ยงเหล่าสีกา | อย่าให้ถูกกระทั่งกาย |
๓๖๓๏ อย่าเดินทำลอยหน้า | แขนซ้ายขวาอย่าส่ายกราย |
ระงับเนตรอย่ามุ่งหมาย | ไปเล่นตาสีกางาม |
๓๖๔๏ ครั้นถึงซึ่งอาสน์สงฆ์ | ค่อยนั่งลงอย่าสำผลาม |
อย่าพูดรำพันความ | ให้เด็กโจษอยู่จอแจ |
๓๖๕๏ นั่งฟังจนเทศน์จบ | จึงปรารภชำเลืองแล |
เจ้ากัณฑ์จะผันแปร | มานอบน้อมถวายทาน |
๓๖๖๏ เด็กถ่ายประจำกัณฑ์ | เณรโค่งนั้นกระบุงสาน |
ร่ายของในโตกพาน | เข้าสารส้มขนมกง |
๓๖๗๏ เนื้อปลาแลกล้วยอ้อย | ทั้งใหญ่น้อยค่อยถ่ายลง |
มั่นมือถือบรรจง | จงถ่ายการให้ควรการ |
๓๖๘๏ อย่าทำให้กัมปนาท | กระบุงฟาดถูกโตกพาน |
ของตกประจาดจาน | เจ้าทานเห็นจะเสียใจ |
๓๖๙๏ หนึ่งท่านจะไปเรือ | จัดหมอนเสื่อให้สดใส |
ลาดพื้นกัญญาใน | แล้วเป่าปัดให้เลี่ยนเตียน |
๓๗๐๏ ไปค่ำให้ตามโคม | ให้รุ่งโรมด้วยแสงเทียน |
กาน้ำถมปัดเขียน | จงตั้งไว้อย่าให้เอียง |
๓๗๑๏ กระโถนล้างแล้วตั้งถัด | ขวดยานัดถุ์แลยาเสียง |
ทอดเรียบประเทียบเรียง | เป็นของเลิศในลำเรือ |
๓๗๒๏ อย่าให้พิกลเภท | จะเกิดเหตุเมื่อเสียงเครือ |
ดังตัดอาหารเสือ | จะดุเดือดบ่มีดี |
๓๗๓๏ พนักให้พิงพัด | เครื่องเภสัชใส่ย่ามสี |
หมากดิบที่อย่างดี | ประจงเจียนให้เสี้ยนซุย |
๓๗๔๏ หมากสงมักเสียเสียง | อย่าประเดียงใส่ถุงครุย |
หมากดิบอันเฉิดฉุย | จึงชอบเชิงพระอาจารย์ |
๓๗๕๏ คัมภีร์จะพิงพาด | อย่าประมาทพระธรรมสาร |
ที่สูงอันควรการ | จึงถูกที่คัมภีร์พิง |
๓๗๖๏ ครั้นท่านลงกัญญา | ออกนาวาอย่าประวิง |
พายลงประจงจริง | ไปตามจิตอาจารย์จง |
๓๗๗๏ ถือท้ายให้เที่ยงทาง | อย่าคัดง้างให้แวะวง |
อย่าโคลงขย้อนองค์ | อาจารย์อิงพระปฤษฎางค์ |
๓๗๘๏ หนึ่งท่านไปอันใน | พระโรงไชยตำหนักปรางค์ |
เณรอย่ากระดางลาง | ซัดสีแสดอังสะดำ |
๓๗๙๏ กฎหมายท่านห้ามปราม | นุ่งห่มตามสิกขากรรม |
ห่มดองทำนองธรรม | อย่าประมาทแก่สังกรี๑ |
๓๘๐๏ วาจามันสามารถ | ผรุสวาทล้วนบัดศรี |
บางทีก็ทำดี | ถ้าดีต่อก็ขอกิน |
๓๘๑๏ ให้บ้างก็ยังชั่ว | ค่อยเบาตัวไม่ติฉิน |
แม้นใครไม่ยลยิน | ตระหนี่เหนียวก็ว่าเวียน |
๓๘๒๏ เณรไปถ้ามันมา | จงพูดจาให้แนบเนียน |
แม้นมันมาเบียดเบียน | มาขอกินจงดูการ |
๓๘๓๏ ควรให้ก็จงให้ | จงตั้งใจว่าเป็นทาน |
อย่าให้มันประจาน | จงเอาใจมันให้ดี |
๓๘๔๏ เณรคอยอยู่ทิมสงฆ์ | อย่าทะนงว่าเป็นชี |
อย่าให้เภทภัยมี | ระมัดใจอย่าตามใจ |
๓๘๕๏ ระวังบรรดาเด็ก | ลูกเล็กเล็กที่ตามไป |
ยังเยาว์บเข้าใจ | จะกระเจิงปะเจ้านาย |
๓๘๖๏ ข้าเจ้าที่เล็กเล็ก | เห็นเด็กเราที่เดินกราย |
มือนั้นมันไวหวาย | จะหวดยับระยำมา |
๓๘๗๏ พวกมันเป็นกลุ่มกลุ้ม | มันรุมชกพวกวัดวา |
อย่าไปให้ไกลตา | รักษาภัยอย่าให้มี |
๓๘๘๏ หนึ่งท่านไปสวดมนต์ | ตำบลบ้านให้จงดี |
ระมัดสิกขาชี | เณรอย่าทำให้เสียเณร |
๓๘๙๏ อย่าได้เที่ยวซุกชน | พระสวดมนต์อยู่เกนเกน |
หลบหน้าเที่ยวหน้าเป็น | เห็นต้นไม้ขึ้นนั่งโขน |
๓๙๐๏ ผ้าผ่อนก็ล่อนหลก | ดังประสกที่แสนโลน |
เขาจักรำพันโพน | ทนาเหน็บให้เจ็บใจ |
๓๙๑๏ ทุกวันเขาพลันหมิ่น | ว่าศีลเณรนั้นน้อยไป |
นับถือแต่เจ้าไท | เขาเห็นเณรเขาเบนหนี |
๓๙๒๏ เณรยิ่งไปทำโลน | เขาจะโพนทะนามิดี |
แทบเจียนจะไล่ตี | ลงจากเรือนมิใคร่ทัน |
๓๙๓๏ ลางทีเขาแท้สัป | ปรุษนับพระธรรมขันธ์ |
พระเณรไปถึงพลัน | ก็รับพระแล้วรับเณร |
๓๙๔๏ ให้นั่งที่ควรอาสน์ | อย่าประมาทในกรรมเวร |
พานหมากก้มประเคน | ให้เณรฉันแล้ววันทา |
๓๙๕๏ เณรอย่าทะนงจิต | วิปริตในสิกขา |
ฉันหมากแล้วพูดจา | ให้เปรอะปากแล้วขากลง |
๓๙๖๏ เรี่ยราดเปื้อนสาดเสื่อ | ให้เสียเชื้อพระชินวงศ์ |
เขาจักกำสรดปลง | เสียใจถอยศรัทธาทาน |
๓๙๗๏ เณรจงรักษากิจ | ไว้จริตให้ควรกาล |
คอยฟังพระอาจารย์ | ท่านสวดมนต์ให้ฟังมนต์ |
๓๙๘๏ จักได้เข้าใจจำ | คำนับธรรมพระทศพล |
เบื้องหน้าบำเพ็ญผล | จะสวดมนต์ก็ง่ายดาย |
๓๙๙๏ หนึ่งนั้นเมื่อฉันเช้า | ฝูงชาวบ้านทำบุญหลาย |
ศิษย์วัดก็มากมาย | ระวังโอจะเปลี่ยนกัน |
๔๐๐๏ แล้วยกประเคนครู | ระวังดูท่านขบฉัน |
ฉันหวานสำเร็จพลัน | เอาผ้าอาบเข้าคอยเคียง |
๔๐๑๏ ครั้นเสร็จท่านเช็ดหัตถ์ | เอาเภสัชเข้าพระเดียง |
จึงยกของหวานเมียง | มาถ่ายไว้ในโอพลัน |
๔๐๒๏ แม้นครูพฤฒาจารย์ | ท่านฉันหวานแล้วจัดสรร |
ตะบันมากให้ทันควัน | ท่านเช็ดมือก็ถึงมือ |
๔๐๓๏ หนึ่งนั้นอาจารย์ไข้ | เอาใจใส่โดยสัตย์ซื่อ |
เป็นข้อสำคัญคือ | ตนจะได้วิชาชาญ |
๔๐๔๏ ครูทุกข์ช่วยดับทุกข์ | ครั้นเป็นสุขสำเร็จการ |
วิชาพระอาจารย์ | ที่ลึกลับไม่อับปาง |
๔๐๕๏ ท่านรักคงจักให้ | วิชาในไม่ขัดขวาง |
เมื่อครูเป็นไข้คราง | ปรนนิบัติให้พร้อมเพรียง |
๔๐๖๏ จังหันแลว่านยา | จงอุส่าห์หาประเดียง |
คอยนั่งระวังเคียง | พิจารณาดูอาจารย์ |
๔๐๗๏ เมื่อหมอมาถึงถาม | จงแจ้งความตามอาการ |
อย่าเห็นกับสำราญ | จะนอนนั่งระวังครู |
๔๐๘๏ พยายามได้ความชอบ | ครูจะมอบวิชาชู |
ด้วยตนกระตัญญู | ท่านผู้รู้จะหัดปรือ |
๔๐๙๏ หนึ่งนั้นไปบัง | สุกุลยังที่ศพฤๅ |
เครื่องศพงามคือ | จะบาดตาด้วยทาทอง |
๔๑๐๏ อย่าชมว่าศพงาม | อร่ามนอกข้างในหมอง |
อย่ามัวเขม้นมอง | ให้เร่งคิดอนิจจัง |
๔๑๑๏ คอยฟังท่านชักผ้า | ว่าอนิจจาให้เร่งฟัง |
ตาเณรคอยระวัง | เขาถวายซึ่งไทยทาน |
๔๑๒๏ คอยรับเมื่อท่านส่ง | บรรจงถืออย่าลนลาน |
หกเรี่ยจะเสียการ | เป็นที่ชั่วคือตัวชัง |
๔๑๓๏ หนึ่งนั้นเมื่อท่านไป | สถิตในป่าช้าหวัง |
ยืนชักมหาบัง | สุกุลที่สงัดคน |
๔๑๔๏ เณรไปคอยรับผ้า | เมื่อท่านมาถึงถนน |
รับผ้าอย่าเกียจกล | ว่าเหม็นเน่าไม่เข้าการ |
๔๑๕๏ ปลงร่างจงวางจิต | ควรจะคิดพระกรรมฐาน |
ทั่วโลกย่อมสาธารณ์ | ไม่ยืนนานคงจะตาย |
๔๑๖๏ อย่าคิดเช่นคนพาล | บ่พิจารณ์ในร่างกาย |
เห็นรูปอศุภตาย | บมิคิดอนิจจา |
๔๑๗๏ ถือรูปเป็นอารมณ์ | นิยมรูปว่ารจนา |
บ่คิดถึงซึ่งอาตมา | จะตายเหม็นเหมือนเช่นกัน |
๔๑๘๏ เห็นศพตลบกลิ่น | ก็ดีดดิ้นทำบิดผัน |
ขากถ่มน้ำลายพลัน | บ่นว่าเหม็นก็เป็นกรรม |
๔๑๙๏ เมื่อตนทำลายขันธ์ | บาปตนนั้นจะอุปถัมภ์ |
เหม็นทั่วรูปธรรม | ยิ่งกว่าศพสิ้นทั้งปวง |
๔๒๐๏ ดับจิตไปจากอก | ตกนรกอันใหญ่หลวง |
ทนทุกข์ระทมทรวง | สิ้นบาปแล้วก็เกิดมา |
๔๒๑๏ เป็นคนพิกลชั่ว | ดูเนื้อตัวไม่ต้องตา |
ปากเหม็นเมื่อเจรจา | ตลบกลิ่นเพราะหมิ่นกรรม |
๔๒๒๏ เณรจงเร่งปลงจิต | ควรพินิจในรูปธรรม |
ทั่วโลกเห็นแม่นยำ | ก็แท้เที่ยงอยู่เพียงตาย |
๔๒๓๏ สอนจิตสังเวชจิต | อนิจจังสิ้นทั้งหลาย |
เกิดมาเป็นรูปภาย | ตายบ่พ้นสักตนเดียว |
๔๒๔๏ มาตรแม้นจะมีฤทธิ์ | เรืองมหิทธิ์ฉลาดเฉลียว |
ล้ำโลกเป็นโจกเดียว | เมื่อถึงกรรมก็จำตาย |
๔๒๕๏ แต่องค์พระสัพพัญ | ญุตัญญาณอันเพริศพราย |
ล้ำโลกย์สิ้นทั้งหลาย | เมื่อถึงที่ก็นีฤพาน |
๔๒๖๏ เณรเร่งคิดเล็งลึก | ให้แน่นึกพระกรรมฐาน |
บำเพ็งอภิญญาณ | ให้ถือศพว่ายิ่งยง |
๔๒๗๏ คือเครื่องประดับเอก | พระปัจเจกโพธิ์ทรง |
จึงเด็ดซึ่งกำกง | สังสารจักรด้วยหักใจ |
๔๒๘๏ ห้ามจิตอย่าตามจิต | อย่าคิดอื่นอื่นไป |
แน่ลงที่ตรงใน | พระกรรมฐานเป็นการบุญ |
๔๒๙๏ ให้คิดพิจารณา | เอาเกศาเป็นต้นทุน |
สำหรับจะเป็นจุณ | จะวินาศจนมัตถลุงค์ |
๔๓๐๏ บ่เห็นเป็นแก่นสาร | พระกรรมฐานเป็นที่จุง |
ข้ามเขตกิเลสนุง | เข้ากรุงแก้วก็แล้วกัน |
๔๓๑๏ มีแต่จะสำราญ | คือนิพพานอันเฉิดฉัน |
ตามเสด็จพระสัพพัญ | ญุตัญญาอณาญาณ |
๔๓๒๏ สุขอื่นสักหมื่นแสน | บ่เหมือนแม้นพระนิพพาน |
บ่มีที่เปรียบปาน | พระนิพพานอันภิญโญ |
๔๓๓๏ โชติช่วงดังดวงแก้ว | ใครถึงแล้วก็สุโข |
แม้นจิตนั้นยังเป็นโล | กียะนั้นบ่เล็งยล |
๔๓๔๏ เณรยังปัญญาอ่อน | จะสอนเณรให้เป็นผล |
นิพพานนั้นชอบกล | บ่ห่อนเห็นเป็นรูปภาย |
๔๓๕๏ มิได้เป็นบุทคล | แลสกนธ์ทั่วทั้งหลาย |
บ่ได้เวียนเกิดตาย | ในสามภพนี้ขาดกัน |
๔๓๖๏ แม้นใครปัญญาตื้น | บ่ฝ่าฝืนบ่ใฝ่ฝัน |
สงสัยในใจครัน | ให้มืดมนบ่ยลยิน |
๔๓๗๏ เมื่อไปเป็นรูปกาย | ไม่ตายเกิดสวรรค์ดิน |
บ่ได้เป็นพรหมอินทร์ | จะเอาสุขแต่ไหนมา |
๔๓๘๏ ต่อใครปัญญาลึก | จึงจะนึกเป็นบุญญา |
จะเปรียบวิสัชนา | พระนิพพานให้เห็นจริง |
๔๓๙๏ เปรียบเหมือนนอนฝันเห็น | ที่เย็นใจให้ประวิง |
ไม่มีที่อ้างอิง | ให้เห็นหนไปคนเดียว |
๔๔๐๏ ตื่นขึ้นแล้วชื่นชม | นิยมเล่ากันกราวเกรียว |
ว่านอนสนุกเจียว | ข้าฝันเห็นเป็นอัศจรรย์ |
๔๔๑๏ เมื่อนอนนั้นหลับตา | ไยจึงว่าสนุกครัน |
พระนิพพานก็คล้ายฝัน | จงเร่งแจ้งอย่าแหนงใจ ฯ |
๏ ๑๖ ๏
๔๔๒๏ ในคำร่ำแจ้งแถลงไข | แม้นศิษย์ผู้ใด |
ไม่ตามก็ต้องมัดตี | |
๔๔๓๏ เขียนไว้ดังตราพระราชสีห์ | ใครรักอยากดี |
ได้อ่านจงจำคำเรา | |
๔๔๔๏ ดังได้แว่นแก้วแววเฉลา | เห็นโทษหนักเบา |
ตรลบตรลอดธาตรี | |
๔๔๕๏ เราแต่งแจ้งนามนายมี | รูปพรรณพอดี |
เหมือนหนึ่งมะพร้าวจาวทอง | |
๔๔๖๏ เปลือกนอกพอกอยู่ดูหมอง | ในตรึกนึกตรอง |
พิลึกวิไลในการ | |
๔๔๗๏ อาศัยด้วยใจพิจารณ์ | โลกยสัณฐาน |
จึงแต่งเป็นกลอนสอนใจ | |
๔๔๘๏ แม้ว่าท่านผู้ใดใด | ได้อ่านสารไซร้ |
ที่เราทำไว้จงจำ | |
๔๔๙๏ ให้คิดถึงบุญคุณคำ | อย่าได้ใจดำ |
จงอวยพิพัฒน์สวัสดี | |
๔๕๐๏ แผ่กุศลให้เราโดยมี | จึงจะเป็นศรี |
สวัสดิ์แก่ผู้เล่าเรียน | |
๔๕๑๏ เดชะข้าคิดขีดเขียน | สู้ยากพากเพียร |
สิ้นเทียนสิ้นไต้น้ำมัน | |
๔๕๒๏ ตรมจิตคิดกลอนผ่อนผัน | แต่งถวายใส่กัณฑ์ |
บูชาพระธรรมสำราญ | |
๔๕๓๏ ขอให้หักกงสงสาร | สู่ที่พระนิพพาน |
หมู่มารอย่าได้ประจญ | |
๔๕๔๏ แม้นยังบ่สำเร็จมรรคผล | นิสัยติดตน |
ให้ปราชญ์ให้เปรื่องปรีชา | |
๔๕๕๏ อาจจักแก้กิจปริศนา | ใครในโลกา |
อย่าเทียมอย่าเท่าเราเอย ๚ะ |
-
๑. สังกรี = สังฆการี ↩