คำชี้แจงในการตรวจสอบต้นฉบับเรื่องศรีสวัสดิ์วัด
ศรีสวัสดิ์วัด เป็นหนังสือแบบเรียนไทยโบราณ ซึ่งสอนจริยปฏิบัติแก่เด็กวัด แต่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สันนิษฐานว่า ผู้แต่งคือนายมี หรือหมื่นพรหมสมพัตสร คนเดียวกับที่แต่งเรื่อง สุบิน ก กา และ เสือโค ก กา เนื้อหาเน้นเรื่องการอบรมความประพฤติของศิษย์วัด และสามเณร หนังสือเรื่องศรีสวัสดิ์วัดนี้ยังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน
เอกสารสมุดไทยและสมุดฝรั่งเรื่อง ศรีสวัสดิ์วัด
เรื่องศรีสวัสดิ์วัด พบต้นฉบับทั้งเอกสารสมุดไทยและสมุดฝรั่ง เก็บรักษาไว้ที่กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติ ทั้งหมด ๕ เล่ม ดังนี้
เอกสารสมุดไทย เลขที่ ๓๗๙ |
สมุดไทยขาว เส้นหมึก หมวดอักษรศาสตร์ เรื่องศรีสวัสดิวัด ประวัติ หอสมุดซื้อเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๐ |
เอกสารสมุดไทย เลขที่ ๓๘๑ |
สมุดไทยขาว เส้นหมึก หมวดอักษรศาสตร์ เรื่อง ศรีสวัสดิวัตร ประวัติ จ่าช่วงไฟประทีปวังกองแก้ว) มอบให้ พ.ศ. ๒๔๕๓ |
เอกสารสมุดฝรั่ง เลขที่ ๗๐๑ |
สมุดฝรั่ง หมวดวรรณคดี หมู่กลอนสวด เรื่อง ศรีสวัสดิวัตร ประวัติ หอสมุดฯ คัดจากฉบับของพระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษณ์) ให้เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๑ |
เอกสารสมุดฝรั่ง เลขที่ ๗๑๒ |
สมุดฝรั่ง เส้นดินสอ หมวดวรรณคดี เรื่อง ศรีสวัสดิวัตร |
ในการตรวจสอบชำระเรื่อง ศรีสวัสดิ์วัด เพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่ครั้งนี้ ใช้เอกสารทั้งสมุดไทยและสมุดฝรั่งทั้งหมด ๕ ฉบับข้างต้นมาสอบทาน และได้อ้างอิงจากงานวิจัยเรื่อง ศรีสวัสดิ์วัด การศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูมิจิต เรืองเดช ศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๓ เพื่อให้การตรวจสอบชำระครั้งนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ศรีสวัสดิ์วัด
ศรีสวัสดิ์วัด เป็นตำราสอนจริยปฏิบัติในระบบการศึกษาไทยโบราณ เดิมมีผู้สันนิษฐานว่าเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน แต่เมื่อสอบทานจากเอกสารต้นฉบับสมุดไทยและสมุดฝรั่งแล้วพบว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นวรรณกรรมภาคกลาง และแต่งโดยกวีคนสำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือ นายมี หรือ หมื่นพรหมสมพัตสร ดังมีหลักฐานแสดงในคำประพันธ์ท้ายเรื่อง คือ
๏ เราแต่งแจ้งนามนายมี | รูปพรรณอันดี |
เหมือนหนึ่งมะพร้าวจาวทอง | |
๏ เปลือกนอกพอกอยู่ดูหมอง | ในตรึกนึกตรอง |
พิลึกวิไลในการ |
ดังนั้น จึงเป็นข้อสันนิษฐานว่า เรื่องศรีสวัสดิ์วัด น่าจะเป็นวรรณกรรมภาคกลาง ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ
เนื้อหาของศรีสวัสดิ์วัด กล่าวถึงหน้าที่ของสามเณรและเด็กวัด ที่พึงปฏิบัติต่อตนเองและต่อพระสงฆ์ผู้เป็นอาจารย์ บางตอนนำนิทานจากธรรมบทมาเป็นตัวอย่างประกอบ ที่สำคัญคือ เป็นหนังสือสะท้อนวิถีสังคมและระบบการศึกษาในวัดไว้หลายด้าน เช่น กิจวัตรประจำวันของศิษย์วัดคือ การพายเรือบิณฑบาต ซึ่งการบิณฑบาตโดยเรือนี้ แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมของชาวบ้านภาคกลางอย่างชัดเจน คือ
๏ ศิษย์พร้อมหัวท้าย | |
ช่วยกันพุ้ยพาย | อย่าทำหละหลวม |
เมื่อเข้ารับบาตร | คัดวาดอย่ากรวม |
อย่าเกยเสยสรวม | เรือสงฆ์เพื่อนกัน |
๏ ประเทียบเรียบร้อย | |
อย่ามัวชม้อย | เขม้นเล่นตา |
เขาจะว่าโลน | จะโพนทะนา |
เขาสาปน้ำหน้า | พากันอดตาย |
กิจวัตรและข้อควรปฏิบัติของสามเณร และศิษย์วัดที่กล่าวถึงในเรื่องนี้ หลายประเด็นเป็นสิ่งที่ผู้เป็นฆราวาสก็ควรนำไปปฏิบัติ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ดังนี้
๏ เจ้าจงมานะเรียน | หมั่นขีดเขียนในสารา |
เมื่อน้อยเรียนวิชา | ธรรมเนียมมาแต่โบราณ |
๏ ครั้นใหญ่ให้หาทรัพย์ | ควรคำนับเป็นแก่นสาร |
เร่งเรียนวิชาการ | จงทรมานกายและใจ |
คำสอนในเรื่องศรีสวัสดิ์วัดมีเนื้อหาที่ดีและเหมาะสมแก่เด็ก หนังสือแบบเรียนภาษาไทยระดับประถมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการเคยนำตัวอย่างคำประพันธ์บางตอนมาบรรจุเป็นแบบเรียน เช่น
๏ วิชาเหมือนสินค้า | อันมีค่าอยู่เมืองไกล |
ต้องยากลำบากไป | จึงจะได้วิชามา |
๏ จงตั้งเอากายเจ้า | เป็นสำเภาอันโสภา |
ความเพียรเป็นโยธา | แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ |
ศรีสวัสดิ์วัด แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทกาพย์ ประกอบด้วยกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ คำประพันธ์ยานี ๑๑ ตอนต้นเรื่องมีลักษณะคล้ายกับอินทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑ ซึ่งรูปแบบฉันทลักษณ์ดังกล่าวได้รับความนิยมในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนสำนวนโวหารผู้แต่งเลือกใช้คำเข้าใจง่าย เพื่อให้เหมาะกับผู้เรียนซึ่งอยู่ในวัยเด็ก
นายมี หรือหมื่นพรหมสมพัตสร เป็นกวีที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้างสรรค์ผลงานวรรณคดีไว้หลายเรื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ นิราศเดือน นิราศสุพรรณ นิราศพระแท่นดงรัง เป็นต้น นอกจากผลงานกวีนิพนธ์แล้ว นายมียังได้แต่งตำราเรียนภาษาไทย ได้แก่ สุบิน ก กา เสือโค ก กา และศรีสวัสดิ์วัด นายมีจึงเป็นกวีที่มีคุณสมบัติของความเป็นครู ซึ่งเห็นคุณค่าของพุทธิศึกษาและจริยศึกษา และได้พยายามสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะ ศรีสวัสดิ์วัด เป็นหนังสือที่มุ่งสอนจริยธรรมแก่ศิษย์ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ผลงานแบบเรียนดังกล่าวสะท้อนถึงอุดมคติของผู้แต่งว่า เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นที่จะให้กุลบุตรไทยมีความรู้ควบคู่กับคุณธรรม อันจะทำให้สังคมไทยมีความเจริญก้าวหน้า และสงบร่มเย็น นับเป็นคุณปการยิ่งใหญ่ที่ผู้แต่งมีต่อสังคมไทย