- วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๐ ดร
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๐ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ดร
- —วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ดร
- วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ ดร
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ น
ชลบุรี
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๗๐
กราบทูลทราบฝ่าพระบาท
เกล้ากระหม่อมขอถวายพระกุศล ได้ไปดูหนังฉายมาเมื่อวานซืนนี้ เขาเชิญไปดู เขามารับไปทั้งครัวเรือน พอไปนั่งลงพร้อมกัน ทุกคนในครัวเรือนบ่นคิดถึงฝ่าพระบาท เกล้ากระหม่อมจึงรับฉันทะที่จะเขียนหนังสือมาถวายพระกุศล แต่หนังเล่นเรื่องอไร มีเนื้อเรื่องเปนอย่างไรหาทราบไม่ เพราะเมื่อไปถึงนั้นเขาฉายอยู่แล้ว แลพอนั่งดูได้ครู่หนึ่ง โมเตอก็หยุด แก้กันกึกกักอยู่ช้านานจึ่งหมุนได้อีก แต่ประเดี๋ยวก็หรี่แลไม่เหน ประเดี๋ยวก็โพลงขึ้น ประเดี๋ยวหยุดอีก ดูบ้างนั่งคอยบ้างสิ้นเวลาถึง ๕ ทุ่ม ๑๕ นาที เลยต้องลาเขากลับ ได้ความว่ารับเลหลังเชื่อกันมาเล่น แปลว่าเขาเอาเครื่องเสียมาปล่อยพระบาท เวลาฉายมีแตรแป๊ด ๆ เหมือนบางกอก แต่จะต้องชมโรงเขาดีกว่าบางกอกมีช่องลมโปร่ง แลมีลมมากพอพัดเข้าไปได้ นั่งในนั้นมีลมโชยสบายไม่อบอ้าวอย่างโรงหนังบางกอก
ได้โปรสรับสั่งบอกหญิงพูน แม่โต๑ขอให้เขียนบอกคุยมาว่า ทุกทีมีหนังแล้วเปนเจ็บไปดูไม่ได้ แต่ทีนี้แม่โตไม่เจ็บ แต่หนังกลับเจ็บมีอภินิหารดีพิลึก
วันที่ ๒ มิถุนายนจะพากันออกจากเมืองชลไปแปดริ้ว จะค้างที่นั่นคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นวันที่ ๓ จะกลับกรุงเทพฯกับรถเย็น
ทั้งครอบครัวที่มามีความสุขสนุกสบายด้วยกันหมด พากันมาจากศรีราชาโดยทางบกด้วยรถยนตรแต่วันที่ ๒๗ มาพักอยู่เมืองชลอาศัยยังสถานที่เรียกว่าตำหนักน้ำ ได้เที่ยวเดิรเกะกะเหนวัดใหญ่๒เปนวัดเก่าที่สุด มีการเปรียญทำหลังคาอย่างศาลาลูกขุนเก่า มุงกเบื้องกบู แต่ฝีมือหยาบๆ เปนอย่างชานนอก โบสถวิหารก็ทรงอย่างเก่าเหมือนกัน แต่ไม่ประณีตน่าดูเท่าใดนัก วัดกลาง๓ไม่มีอไรที่ทำให้หูผึ่งเลย วัดป่าปลาดหน่อย มีรูปเขียนรัชกาลที่ ๔ ที่ในโบสถ เปนเรื่องปฐมสมโพธิ เปนยุคเขียนเลียนขรัวอินโค่ง มีตึกฝรั่งสีมัวๆ เหนจะเปนพวกพรหมพิจิตรม่วง ฤๅอะไรพวกนั้นออกมาเขียน คงได้ซ่อมในรัชกาลที่ ๔ แต่ตัวโบสถนั้นทรงเก่ามาก ได้ซ่อมชั้นหลังนี้เจ๊กทำตามใจเสียหมดแล้ว มีพระเจดียรูปหม้อเข้าคว่ำ เหนเข้ายังทำให้ชื่นใจ บันดาวัดวาในเมืองชล แม้มีมากเขาก็ได้ซ่อมแซมกันไว้ดีอยู่ทั่วไป ไม่มีซุดโซมที่ทำให้สังเวชใจ ข้อนี้ควรสรเสริญยิ่งนัก
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรส