ฉากที่ ๑

ตลาดในกรุงหัสดิน

(มีร้านฃายของต่างๆ จัดไว้พอสมควร. เมื่อเปิดม่านแล้วมีคนออกมาซื้อของ, และมีหาบของออกมาฃาย. เล่นกวนมุกพอควรแก่เวลา. แล้วกุมภิลจึ่งออก, เอาแหวนเที่ยวบอกขาย, แต่ไม่มีใครซื้อเพราะเปนของราคาแพง. บัดนี้จึงมีราชบุรุษกองตระเวนสองคนออกมา, เห็นกุมภิลบอกฃายแหวนก็ไปดู. พอกุมภิลฃายใครไม่ได้แล้วกำลังจะออกเดินต่อไป, พลตระเวนก็จับ.)

เจรจา

ราชบุรุษที่ ๑ ช้าก่อน ! แกไปไม่ได้.
กุมภิล ทำไมล่ะนาย ?
ราชบุรุษที่ ๒ ก็แกเปนผู้ร้ายน่ะสิ.
  (แย่งแหวนไปจากกุมภิลและพิจารณาดู)
กุมภิล อ๊ะ ! จะหาความกันเช่นนี้ง่าย ๆ ได้อยู่ฤๅ?
ร.บ. ๑ ยังจะต่อล้อต่อเถียงอีกฤๅ ? (ตี)
กุมภิล โอย! ทำไมตีกันง่าย ๆ ?
ร.บ. ๑ ไม่ต้องพูดหนวกหู. แกต้องไปกับฉัน. (ฉุด)
ร.บ. ๒ ร่ำไรจริงๆ (ตี)
กุมภิล โอย ! ไม่ต้องตีดอกเจ้าประคุณ. ฉันจะไปดี ๆ. นี่จะพาฉันไปไหน ?
ร.บ. ๑ ไปหาเจ้าคุณนครบาลน่ะสิ. (มัดกุมภิล)
ร.บ. ๒ อ้าว, เคราะห์ดี. ไม่ต้องเดินไปไหนไกล. เจ้าคุณท่านมานี่แล้ว.
  (มิตราวะสุ, นครบาล, ออกมา. มีเจ้าน่าที่ตามหลังมาอีก.)
มิตราวะสุ อะไรกันวะ ? กูได้ยินเสียงเอะอะกันทางนี้.
ร.บ. ๑ ผมจับผู้ร้ายได้คนหนึ่งขอรับ.
มิตราวะสุ ผู้ร้ายอะไรวะ ?
ร.บ. ๑ นั่นและขอรับ, มันจะฉกชิงวิ่งราวหรือตัดช่องย่องเบาอย่างไรผมก็ทราบไม่ถนัด; แต่ข้อสำคัญคือจับของกลางได้คามือ. นี่แน่ะขอรับ แหวนวงอ้ายกะโต, เรือเก็จเพ็ชร์ออกเป้ง. แล้วมีพระนามเจ้านายของเราจาฤกอยู่ด้วยขอรับ. (ส่งแหวนให้นครบาล.)
กุมภิล ขอประทานโทษทีเถอะขอรับ. กระผมไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอย่างฉกรรจ์อะไรเลย.
ร.บ. ๑ อ้อ ! ท่านมหาพราหมณ์ ! ถ้าเช่นนั้นแกได้ทำความชอบอย่างไร. เจ้านายจึ่งได้โปรดปรานถึงแก่ถอดพระธำมรงค์ประทานแก ? (เงื้อจะตี.)
กุมภิล ฟังผมก่อนสิขอรับ. ผมชื่อกุมภิล, อยู่ที่บ้านศักราวะตาร.
ร.บ. ๒ ก็นี่ใครไต่ถามถึงชื่อถึงเสียง หรือถิ่นฐานบ้านช่องของแก ?
มิตราวะสุ ช่างเถอะ ! ปล่อยให้มันเล่าเรื่องของมันเอง, ฃ้าอยากฟังดูที. ว่าไปสิ, อย่าบิดบังอะไรนะ.
กุมภิล กระผมเปนคนทำมาหาเลี้ยงบุตรภรรยาโดยทางจับปลา, ทอดแห, ตกเบ็ด ดักลอบ.
มิตราวะสุ (หัวเราะ) หากินดีจริงนะ ! ล้วนแต่ปาณาติบาตทั้งเรื่อง.
กุมภิล ใต้ท้าวอย่าติเตียนผมเลยขอรับ. การสิ่งใดที่ปู่ย่าตายายได้เคยกระทำมาแล้ว ลูกหลานจะละทิ้งเสียไม่เปนการสมควร; และคนที่ฆ่าสัตว์ฃายเลี้ยงชีพก็อาจจะเปนคนที่มีใจกรุณาได้เหมือนกัน.
ร.บ. ๑ หรือขะโมยก็ได้เหมือนกัน.
มิตราวะสุ เล่าต่อไปสิ, อย่าเสียเวลา.
กุมภิล วันหนึ่งผมจับปลาเทโพตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง, พอชำแหละออกก็พบแหวนวงนี้อยู่ในท้อง. ผมเอามาฃายก็พอนายทั้งสองนั่นมาพบเฃ้าเลยจับตัว. จะว่าผมมีผิดคิดร้ายอย่างไร ? ผมไม่ใช่ขะโมยขะโจรเลย, เปนความสัตย์จริงเช่นนี้แหละขอรับ.
มิตราวะสุ (ดมแหวน) แหวนนี้ยังมีกลิ่นคาวติด, บางทีจะได้อยู่ในท้องปลาจริงตามมึงให้การ.
ร.บ. ๑ ก็มือของมันเหม็นคาวจับแหวนก็ทำให้แหวนมีกลิ่นไปด้วยน่ะสิขอรับ.
มิตราวะสุ เอาเถอะ, ฃ้าจะเฃ้าไปถามท่านมณเฑียรบาลดูทีก่อน. คุมตัวชาวประมงนี่ไว้ก่อนนะ.
ร.บ. ๑ อย่าวิตกเลยขอรับ, ผมไม่ให้หนีได้.
  (มิตราวะสุเฃ้าโรง. ชาวตลาดมามุงถามเรื่องกันกลุ้ม.)
ร.บ. ๒ นายเราน่ากลัวจะอีกนานกว่าจะกลับออกมา.
ร.บ. ๑ แน่ละ. การเฃ้าเฝ้าเฃ้าแหนมิใช่จะเฃ้าไปถึงง่าย ๆ.
ร.บ. ๒ เบื่อจริง ๆ ต้องมานั่งคุมอ้ายตานี่อยู่! กูละคันๆ มืออยากจ้ำมันเสียให้เสร็จกันไป, ให้รู้แล้วรู้รอด.
กุมภิล โอย ! โอย ! อะไรนายจะฆ่าคนเล่นง่าย ๆ ! ผมไม่มีผิดเลย.
ร.บ. ๑ ดูเอาสิ! ตานี่มารยาพิลึก; ยังไม่ทันจะทำอะไรร้องก่อนแล้ว.
กุมภิล ก็นายว่าจะฆ่าผมก็ร้องน่ะสิ.
ร.บ. ๒ ก็เอาไว้ให้ฆ่าเสียก่อนจึงค่อยร้องไม่ได้ฤๅ ?
กุมภิล ตายแล้วจะร้องแร้งอะไรออกล่ะนาย ?
ร.บ. ๑ เออ! ก็จริงของมัน. อ้อนั่นแน่นายกลับออกมาแล้ว. เอาละพ่อตัวการ, ประเดี๋ยวก็ได้รู้กันว่าแกจะได้กลับบ้าน หรือจะต้องเปนเหยื่ออีแร้ง.
  (มิตราวะสุออกมา)
มิตราวะสุ เฮ้ย ! ตาประมงนั่นอยู่ไหน ?
กุมภิล ตายกู ! ตายแน่ ! (สั่นเทิ้ม)
มิตราวะสุ แกไม่ต้องสทกสท้าน; แกไม่มีความผิด. (สั่งพลตระเวน) ปล่อยตัวตาประมง. เจ้านายของเรารับสั่งว่าข้อความที่เล่าเห็นจะเปนความจริง.
ร.บ. ๒ พ้นนรกไปทีหนึ่งละแก (แก้มัดกุมภิล)
กุมภิล ใต้ท้าวขอรับ, ขอบพระเดชพระคุณจริง ๆ. ถ้าไม่ได้ใต้ท้าวผมก็คงไม่รอดตัวในครั้งนี้.
มิตราวะสุ แกมันเคราะห์ดีมาก. นี้แน่, โปรดเกล้า ฯ ให้กูนำเงินมาพระราชทานเท่าค่าพระธำมรงค์ที่แกนำมา. แกเลยมั่งมีใหญ่ละ (ส่งถุงเงินให้)
กุมภิล แหม! ผมดีใจจนพูดไม่ออก. (ถวายบังคมสามคาบ)
ร.บ. ๑ แกน่ะมันเหมือนผู้ร้ายที่เฃาเอาลงจากฃาหยั่ง, แล้วมิหนำซ้ำให้ขี่ช้างกูบทอง.
รบ. ๒ ใต้ท้าวขอรับ, พระธำมรงค์นั้นเห็นจะเปนของมีราคามากนะขอรับ ?
มิตราวะสุ ส่วนราคาค่างวดดูเหมือนจะไม่สำคัญ, แต่ดูเหมือนจะเปนของที่เจ้านายเราโปรดปรานมาก. พอนำไปถวายทอดพระเนตร์เห็นดูทรงตลึงอยู่ครู่ใหญ่ๆ, แล้วจึงได้มีพระดำรัสให้กูนำเงินมาประทานตาประมง. (พูดกับกุมภิล) แกจะไปก็ไปสิ. (เฃ้าโรง)
ร.บ. ๑ ชะๆ อ้ายช่างหาปลา ! มาวันเดียวได้เปนเศรษฐี. ที่กูทำราชการวันยังค่ำ ๆ หลายปีดีดักมาแล้ว, จนกรอบอยู่อย่างนี้เอง.
กุมภิล นายอย่าโกรธอย่าขึ้งเลย. วันนี้ฉันมีลาภแล้วก็อยากให้เพื่อนฝูงได้สนุกสบายด้วย. เชิญนายทั้งสองไปหาเหล้ากินกันเล่นพอสบายบ้างประไร.
ร.บ. ๒ เออ ! พูดยังงี้มันค่อยน่าฟังหน่อย. ฉันรู้จักที่ดีอยู่แห่งหนึ่ง, มาไปด้วยกันเถอะ.

(พิณพาทย์ทำรัว. คนที่เหลืออยู่เฃ้าโรงหมด.)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ