ฉากที่ ๑

ห้องในกุฎีที่อยู่ของศกุนตลา

(เมื่อเปิดม่าน ศกุนตลานั่งเตียง, อนุสูยากับปิยวาทนั่งกับพื้น, จัดดอกไม้.)

บทร้อง-ศกุนตลากับอนุสูยา

(สรภัญญะ)

ศกุนตลา ๏ อ้ากรรมะบันดาล ฤประหารประหัดตู
  ฃ้าน้อยละห้อยอยู่ ณพะนัสพะนาลี
  ๏ ห่างองค์พระยอดรัก วรอัคคะสามี
  โศกศัลยะพันทะวี กลชีพจะวายวาง
  ๏ อ้าองค์พระทรงขัณฑ์ ฤธพลันจะจืดจาง
  ลืมรักสมัคหมาง ก็ศะกุนตะลาตาย
อนุสูยา ๏ แม่เอยจะคร่ำครวญ บมิควรนะโฉมฉาย
  อันองค์พระฦๅสาย ฤจะลืมพระชายา
  ๏ พระคงจะมีกิจ กรณียะนานา
  มิอาจเสด็จมา ณพะนัสพนาคร
  ๏ โฉมยงประกอบขัน ติและคอยพระภูธร
  ไม่ช้าสโมสร ณนิเวศะวังใน ฯ

เจรจา

ศกุนตลา อันพี่สาวกล่าวปลอบขอบใจนัก;
  แต่โรครักนี้แรงหาน้อยไม่,
  ร้ายยิ่งกว่าโรคาอย่างใด ๆ,
  ยิ่งกว่าไข้จับหนาวร้าวราญครัน.
  แม้มิได้ชื่นชมให้สมจิต
  เหมือนเพลิงพิษเผาอุราแทบอาสัญ,
  ไม่เห็นหน้าคู่รักเพียงสักวัน
  จิตก็พลันร้อนผ่าวราวอัคคี.
  น้องจะต้องเฃ้าห้องกุฎีใน
  และนบไหว้แม่เจ้าลักษมี,
  เผื่อพระองค์นงลักษณ์ภควดี
  จงทรงพระปราณีให้สมปอง.
อนุสูยา ดีแล้วหล่อน, หมั่นวอนพระแม่เจ้า,
  จะส่างเศร้ากมลที่หม่นหมอง.
  พี่ก็จะประนมกรวอนแทนน้อง
  ให้ทรามชมสมปองมิช้าที.
  (ศกุนตลาเฃ้าโรง)
ปิยวาท ที่จริงฉันก็พลอยนึกรำคาญ,
  ดูเจ้านายนิ่งนานเกินนักนี่;
  หรือเหตุด้วยคำแช่งพระฤษี ?
อนุสูยา อุ๊ย ! เรื่องนั้นไม่ดี, อย่าอึงไป.
  (โคตมีพราหมณีออก)
โคตมี ปิยวาท ! อนุสูยา !
  แม่ศกุนตลาหล่อนอยู่ไหน ?
ปิยวาท หล่อนเฃ้าไปในที่กุฎีใน
  เพื่อกราบไหว้องค์พระภควดี.
โคตมี ก็ดีแล้ว, นางแก้วหล่อนศรัทธา.
  บัดนี้ป้ารับบัญชาพระฤษี,
  ว่าวันนี้ฤกษ์งามยามดี
  ท่านจะส่งบุตรีเฃ้าวังใน.
ปิยวาท อุ้ยตายจริง ! ยิ่งนึกยิ่งใจหวาด,
  กรรมจริง ๆ !
โคตมี ปิยวาท เปนไฉน
  จึงกล่าวว่าหวั่นหวาด, ประหลาดใจ ?
  ทำไมต้องทำหน้าตื่นเช่นนั้น ?
  มีเรื่องราวอะไร, เล่าให้ป้า;
  อย่าชักช้า.
ปิยวาท ไม่ใช่เรื่องของดิฉันถาม
  อนุสูยา, ป้าจะพลัน
  ได้ทราบเรื่องอัศจรรย์เปนพ้นไป.
อนุสูยา เอาเถอะคะ, ฉันจะเล่าทุกสิ่งสรรพ์,
  ดิฉันนับถือป้าเปนผู้ใหญ่;
  เมื่อพลั้งพลาดขาดเกิน ณ ข้อใด
  ขออภัยหลานเขลาเบาปัญญา.
  เมื่อหลายเวลาล่วงมานี่
  ได้เกิดมีเหตุการร้ายหนักหนา
โคตมี เอ๊ะ ! เกิดเหตุอะไร ? ไฉนป้า
  มิได้รู้กิจจาในครานั้น.
อนุสูยา เพราะเหตุเกิดแต่เวลายังเช้าตรู่,
  ยังมืดอยู่ไม่มีสุริย์ฉัน,
  ดิฉันกับปิยวาทนี้เท่านั้น
  ถือกระจาดไปด้วยกันเก็บดอกไม้.
  เดินไปหน่อยก็ได้ยินเสียงสำเหนียก
  ชายร้องเรียกอยู่ที่หน้าศาลาใหญ่;
  เวลานั้นแม่ศกุนตลาไซร้
  หล่อนนอนหลับอยู่ในห้องกุฎี.
  ดิฉันรู้อยู่ว่าหล่อนไม่สบาย
  จึงได้รีบผันผายไปแทนที่,
  แต่ไม่ทันถึงเลยคะ, พระฤษี
  ท่านก็มีสิงหนาทตวาดมา.
โคตมี ฤษีไหน ?
อนุสูยา พระทุรวาส.
โคตมี เจ้าประคุณ !
  ท่านเฉียวฉุนราวกับไฟที่ไหม้ป่า.
อนุสูยา ดิฉันเกือบถึงบรรณศาลา
  ได้ยินเสียงพระสิทธาท่านแช่งดัง.
โคตมี กรรมจริง ๆ !
อนุสูยา ยิ่งนึกยิ่งขนพอง,
  แสนสยองตัวแขงราวเปนงั่ง.
โคตมี ท่านกล่าวแช่งว่ากระไร ?
อนุสูยา หลานได้ฟัง
  ยังจำคำได้คล่อง, ลองว่าดู.
  ๏ สาวงามหยามบังอาจ ประมาทคนเช่นตัวกู
  ปล่อยให้มายืนอยู่ บ่มิออกมาต้อนรับ
  กูสิเปนนักบุญ สิริสุนทราสรรพ
  สมควรจะได้รับ ความเคารพนบประนม
  ฤๅสูจะทอดทิ้ง กิจะการประจุคม
  ปล่อยใจใฝ่อารมณ์ รำพึงถึงแต่ชู้ชาย
  ดังนี้กูสาบสู ขอให้ชู้ผู้มาตร์หมาย
  เลิกคิดถึงโฉมฉาย และลืมมิตร์ดังปลิดทิ้ง
  จะกล่าวเตือนสักปานใด อย่าจำได้เลยสักสิ่ง
  จงลืมสมรมิ่ง มิตระหมดณปางหลัง
  เหมือนนักสุราเมา นิทระตื่นขึ้นจังงัง
  ลืมพจะนาทั้ง หมดที่กล่าวยามเฮฮา ฯ”
โคตมี ช่างว่าได้ กระไรไม่สงสาร.
  สิทธาจารย์นี้ไซร้ใคร ๆ ว่า
  ท่านเป็นเจ้าโทโสเต็มประดา.
  เออแล้วหลานพูดจาตอบฉันใด ?
อนุสูยา ดิฉันรีบไปบังคมก้มกราบวอน,
  แต่ท่านโกรธเป็นไฟฟอนไม่รับไหว้;
  ท่านหันหน้าตั้งท่าจะเดินไป,
  ดิฉันกอดบาทไว้แล้วเรียนความ,
  ว่าศกุนตลามารศรี
  มิได้มีจงจิตคิดหยาบหยาม,
  มีโรครักหนักใจดังไฟลาม
  จึ่งโฉมงามโศกศัลย์พันทวี.
  มิรู้ว่าสิทธามาอาศรม,
. ถ้ารู้คงมาบังคมมุนีศรี,
  เพราะศกุนตลานารี
  นับถือพระมุนีแม้นพรหมา.
โคตมี เออช่างพูดสรรเสริญเยินยอใหญ่.
  แล้วท่านตอบว่ากระไร ?
อนุสูยา ท่านตอบว่า
  “ไม่แกล้งก็แล้วไป; แต่วาจา
  ที่กูกล่าวแล้วนาย่อมยืนยง.
  เอาเถิดกูให้อภัย, และให้พร:
  ยามบังอรพบผัวผู้รักหลง,
  ถ้าเฃาเห็นแหวนมณีที่โฉมยง
  ได้เมื่อยามใจปลงปรองดองกัน,
  เมื่อนั้นแลให้เฃารำลึกได้
  ว่าเปนคู่รักใคร่เกษมสันต์.”
โคตมี ก็นางได้ธำมรงค์ของทรงธรรม์
  ให้ยามรักสมัคกันหรือฉันใด ?
อนุสูยา ได้เจ้าฃ้า, กัลยาสรวมไว้มั่น
  ทุกคืนวันบ่มิห่างนิ้วนางได้,
โคตมี ถ้าเช่นนั้นจะเปนอะไรไป,
  ดูจะไม่ต้องวิตกวิจารณ์เลย.
  พอพระเห็นธำมรงค์คงจำได้,
  อย่าร้อนอกร้อนใจนะหลานเอ๋ย.
  และศกุนตลาผู้ทรามเชย
  ไม่รู้เหตุนี้เลยหรืออย่างไร?
อนุสูยา หล่อนไม่รู้, หลานดูไม่ควรเล่า,
  เกรงว่าหล่อนจะเศร้าอารมณ์ใหญ่.
โคตมี เออดีแล้ว, ทรามสงวนนิ่มนวลใย
  จะได้ไม่หนักใจจนเกินการ.
  เมื่อเดินทางต่อไปในไพรสัณฑ์
  ป้าจะคอยป้องกันทุกสถาน
  มิให้พระธำมรงค์ของภูบาล
  ห่างเหินองค์นงคราญสักนาที
  เออก็นี่แม่ศกุนตลา
  เมื่อไรจะออกมาสักทีนี่.
ปิยวาท หล่อนอายุจะยืนตั้งหมื่นปี !
  พอพูดถึงโฉมศรีก็เดินมา.
  (ศกุนตลาออก, เห็นโคตมีก็ไหว้)
โคตมี แน่หลานยา, ป้านำข่าวมาเล่า,
  โฉมเฉลาจงโสมะนัสสา;
  เดี๋ยวพรุ่งนี้พระมุนีผู้บิดา
  จะให้ป้าพาเจ้าเฃ้าวังใน.
ศกุนตลา นี่ก็แลเห็นชัดถนัดดี
  พระลักษมีการุญหาน้อยไม่.
  ตัวหลานนี้มีบุญเปนพ้นไป
  จึ่งมาได้เปนบาทบริจา
  แห่งพระจอมธรณินทร์ผู้ปิ่นรัฐ
  จอมกษัตริย์วงศ์จันทร์หรรษา,
  หลานตั้งใจปรณิบัติพระภัสดา
  ให้สมที่พระเมตตาปราณี.
โคตมี ดีแล้วแม่ศกุนตลา,
  ตัวของป้าดีใจด้วยโฉมศรี.
  นี่แน่แม่เล็ก ๆ จ๋าอย่าช้าที,
  ช่วยแต่งองค์เทวีวิลาวัณ.
  หยิบสุคนธ์ปนแป้งน้ำมันหอม.
อนุสูยา ดิฉันเตรียมไว้พร้อมทุกสิ่งสรรพ์.
โคตมี จงแต่งองค์โฉมเฉลาเสาวพรรณ
  ให้งามสรรพ์สมควรเปนเทวี.

(อนุสูยาเรียกนางกำนัลเชิญเครื่องแป้ง, ผ้านุ่งห่ม, ฯลฯ ออกมา, และอนุสูยากับปิยวาทช่วยกันแต่งตัวศกุนตลา ในระหว่างบทร้องต่อไปนี้.)

บทร้อง-อนุสูยากับพวกนาง

(ชมตลาด)

  ๏ ชำระสระสนานสำราญองค์
  ขัดสีโฉมยงผ่องฉวี
  สุคนธ์ทาลูบไล้อินทรีย์
  หอมกลิ่นมาลีที่ปรุงปน
  จัดแต่งเกศาผกาแซม
  ผัดหน้าแชล่มด้วยแป้งป่น
  อัญชันทาคิ้วนฤมล
  ใครยลก็ย่อมพึงใจ
  นุ่งผ้ายกทองผ่องพรรณ
  ซึ่งนางฟ้าจัดสรรเอามาให้
  ห่มผ้าปักทองผ่องอุไร
  วิไลยเหมือนอย่างนางฟ้า
  ประดับรัตนาวราภรณ
  ทองกรธำมรงค์มีค่า
  งามลม่อมพร้อมพรั่งทั้งกายา
  ดวงสุดาไปเฝ้าพระทรงพรต ฯ

(เพลง. โคตมีพราหมณีรำนำหน้า, แล้วถึงศกุนตลา, อนุสูยา, ปิยวาท, และนางกำนัล. รำพอสมควรแล้วหายเฃ้าโรง.)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ