ว่าด้วยคนชาติกะเหรี่ยง แขวงเมืองไทรโยค

เมื่อข้าพเจ้าไปตามเสด็จพระราชดำเนิรประพาสลำน้ำน้อย เมืองกาญจนบุรี ในปีชวด สัมฤทธิศก ๑๒๕๐ นั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าพเจ้าถามความเสี่ยงชีพของพวกกะเหรี่ยงที่อยู่ในเมืองเหล่านั้น ข้าพเจ้าได้ไต่ถามและเขียนข้อความขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายแล้ว ร่างหนังสือฉะบับนั้นเก็บทิ้งอยู่พึ่งมาปะเข้าในบัดนี้ พอประจวบเหมาะที่ได้เห็นหนังสือพิมพ์วชิรญาณวิเศษลงเรื่องชาวป่าต่าง ๆ ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ เห็นเป็นเรื่องคล้าย ๆ กับเรื่องนี้ พอจะติดต่อกันได้ จึงได้ส่งมาลงพิมพ์ไว้เป็นเรื่องเนื่องกันกับที่ได้ลงมาแล้ว

ความเลี้ยงชีพ

พวกกะเหรี่ยงนี้เป็นคนชาติหนึ่ง มีรูปพรรณร่างกายไม่ผิดกับไทยนัก ภาษาพูดก็เป็นภาษาอย่างหนึ่ง และย่อมจะรู้ภาษาสยาม ภาษารามัญด้วยแทบจะทั่วทุกคน มีอาการที่เลี้ยงชีพและความประพฤติคล้ายกันหมด ในบรรดาที่เป็นพวกกะเหรี่ยงด้วยกัน ตามที่สอบถามได้ความดังต่อไปนี้

อาหาร

อาหารที่พวกกะเหรี่ยงบริโภคนั้น มีเข้าและผักเนื้อปลาเหมือนอย่างไทย เข้านั้นใช้ทำไร่อาศัยน้ำฝนไม่ต้องมีน้ำขังอย่างที่ไทยทำ เมื่อถึงระดูก็เอาเข้าไปหยอดในไร่ เข้านั้นก็ตั้งต้นแตกใบออก เป็นแต่คอยระวังรักษามิให้สัตว์ทำอันตราย เมื่อมีผลแล้วก็เกี่ยวเก็บทำเป็นฟ่อน แล้วฟาดให้ร่วงซ้อมเป็นเข้าสาร ปีหนึ่งทำแต่พอบริโภค ที่ซื้อขายบ้างนั้นน้อยทีเดียว กับเข้านั้นยิงสัตว์ป่า คือเนื้อกวางและหมูป่าเป็นต้น และสัตว์ที่ดักจับมีอ้นและหนูเป็นต้น ใช้ทาเกลือปิ้งเป็นพื้น ที่ตกเบ็ดปลาในแม่น้ำได้บ้างก็ใช้ย่างปิ้งและต้มเค็มบ้าง หมักทำปลาร้าบ้าง เกลือและเยื่อเคยเป็นของลูกค้าเอาขึ้นมาขาย พริกและสรรพผักต่าง ๆ เป็นของปลูกบ้าง เก็บตามป่าบ้าง ผักใช้เจือในแกงบ้าง ต้มน้ำพริกบ้าง น้ำตาลไม่ใคร่จะได้ใช้ มีบ้างก็เป็นของซื้อลูกค้า ผลไม้มีแต่ฟักแฟงแตงเผือกมันเป็นของปลูก ผลไม้ที่ลูกค้าบรรทุกขึ้นไปไม่ใคร่จะมี

แต่งกาย

กะเหรี่ยงที่เป็นผู้ชายใช้เกล้าผมมวย ตั้งมวยไว้ที่ท้ายทอย ที่เป็นคนเจ็บไข้ก็ตัดเป็นดอกกะทุ่ม และโกนอยู่บ้าง ที่เป็นเด็กไว้เปียมีอยู่บ้าง แต่น้อยคน เครื่องนุ่งห่มของผู้ชายใช้เสื้อยาวตัวเดียวปกปิดลงมาจนถึงแข้ง ไม่ต้องนุ่งผ้า ที่แต่งตามประเภทภาษาอื่น ๆ ก็มีโดยมาก คือนุ่งผ้าลาย ผ้าพื้น ผ้าโสร่ง ผ้าพะม่า กางเกงเจ๊ก สรวมเสื้อต่าง ๆ ศีร์ษะมีผ้าโพกซ่อนมวยเข้าไว้ในผ้าโพก ผู้หญิงแต่งตัวนุ่งผ้าเหมือนอย่างซิ่น สรวมเสื้อประดับประดาลวดลายวิจิตรต่าง ๆ ไว้ผมมวยหวีแสกกลางมีผ้าพัน น้ำมันที่ทาผมใช้น้ำมันมะพร้าว ไม่ใคร่จะได้ทาเสมอ เจาะหูโตทั้งหญิงทั้งชาย มีเครื่องประดับต่าง ๆ กัน เป็นเงินบ้างเป็นทองเหลืองบ้าง เป็นสักหลาดแดงม้วน ๆ บ้าง เครื่องประดับคอทั้งหญิงทั้งชาย ใช้ลูกปัดลูกเดือยเป็นสร้อยผูกตึงบ้างห้อยย่อน ๆ บ้าง

ที่อยู่

เรือนที่พวกกะเหรี่ยงอยู่ เป็นเรือนเสาไม้แก่นบ้างไม้ไผ่บ้าง หลังคามุงแฝกมุงคา ฝาขัดแตะบ้าง ฟากไม้ไผ่บ้าง มีระเบียงมีนอกชาน ครัวไฟอยู่ในเรือน ที่นอนใช้เสื่อเป็นของซื้อจากลูกค้า ฟูกหมอนเป็นของทำใช้เอง ใช้ยัดสำลี เรือนหลังหนึ่งมักมีเป็นยุ้งเข้าด้วยอีกห้องหนึ่งต่างหาก เป็นเครื่องไม้ไผ่มุงแฝกเหมือนกับเรือนใหญ่

เครื่องยา

ยาที่สำหรับรักษาโรคต่าง ๆ นั้น มักถือตามปู่ย่าตายายสืบมา ว่ายาอย่างนี้แก้โรคอย่างนั้น ผู้ที่จะเป็นแพทย์หมอรู้ตำหรับตำรานั้นไม่มี มีแต่หมอผดุงครรภ์อยู่บ้าง เวลาคลอดลูกใช้อยู่ไฟ นอนกับพื้นเรือนไม่มีกระดาน รกของทารกนั้นใช้ลงกระบอกฝังบ้าง เอาขึ้นไว้บนค่าคบไม้บ้าง โรคที่ต้องรักษาพยาบาลกันอยู่นั้นคือ คลอดบุตรอย่าง ๑ ไข้จับอย่าง ๑ ถ้าเป็นโรคที่จรมาบ้างก็ไม่มีใครรู้จักรักษา ถ้าโรคถึงตายก็จำเป็นต้องตาย โรคบาดแผลที่เป็นภายนอกตามผิวเนื้อผิวหนัง เป็นต้นว่าโรคเรื้อนมะเร็งไม่มีใครเป็น โรคสำหรับบุรุษก็ไม่มี โรคที่กลัวกันอย่างยิ่งคือ โรคฝีดาษอย่าง ๑ โรคประจุบันเรียกว่าไข้พยุห์อย่าง ๑ ถ้าเกิดขึ้นแล้วไม่มีทางที่จะรักษา ต้องให้ไปอยู่ที่ไกล ๆ หรือคนที่ไม่เจ็บต้องหนีไปเสีย ถ้าคนไข้นั้นมีกำลังร่างกายอันแขงแรง สามารถที่จะทนความไข้ได้ก็หายได้บ้าง ที่เป็นคนทุพลภาพก็ต้องตาย หมากพลูใช้กินกันจัดจนฟันดำ ยาฟันใช้ชี่ที่เกิดจากยางกิ่งไม้ต่าง ๆ หมากใช้หมากสงซื้อจากลูกค้า หมากที่สระสี่มุมมีอยู่บ้างแต่ซื้อนั้นเป็นพื้น พลูใช้ปลูกเอาเอง ปูนใช้เผาเอาเองเป็นปูนขาว ยาสูบปลูกเองไม่ใคร่จะฉุน ใช้ยัดกล้องสูบบ้าง มวนด้วยใบไม้สูบบ้าง

สาสนา

การสาสนาที่นับถือนั้นไม่เป็นหลักฐาน แต่ถ้าจะกล่าวโดยรวบยอดต้องว่าถือพุทธสาสนา คือใหว้พระและได้บวชเรียนกันอยู่บ้าง ผู้ที่ได้บวชนั้นน้อยคน ลงไปบวชที่เมืองกาญจนบุรีบ้าง ที่โพธารามบ้าง และข้อปฏิบัตินั้นไม่รู้อะไร ที่สุดจนศีลห้าก็ไม่รู้จัก และสวดมนตร์ได้บ้าง ก็เป็นภาษารามัญหรือภาษากะเหรี่ยง รู้ได้ว่าสวดมนตร์แต่ที่ขึ้นต้นว่า อุกาสะ คำเดียวเท่านั้น และถ้าถึงวันพระแปดค่ำสิบห้าค่ำแล้ว ย่อมเว้นการงานทั้งปวงทุกสิ่งทุกอย่าง และการนับถือผีสางนางไม้เจ้าป่าเจ้าดงก็มีอยู่บ้าง

การค้าขาย

สินค้าที่เป็นของทำขายมีแต่เมล็ดฝ้ายและขมิ้นชันสองสิ่งนี้เป็นประธาน เป็นของเพาะปลูกขึ้นสำหรับขาย ของอื่นเป็นเครื่องหยูกเครื่องยาบ้างเล็กน้อย ก็เป็นแต่ของซื้อปันกัน การค้าขายในพวกกะเหรี่ยงด้วยกันไม่ใคร่จะมี ใช้ค้าขายกับพวกลูกค้าที่บรรทุกเกลือเยื่อเคยเป็นต้นขึ้นไป ลูกค้าเหล่านั้นเมื่อขายของหมดแล้วก็ได้ซื้อฝ้ายขมิ้นและของอื่นเล็กน้อยกลับมา มีเรือลูกค้าขึ้นล่องเสมอเป็นนิตย์มิได้ขาด

การปกครอง

ในหมู่บ้านหนึ่งมีผู้เป็นหัวหน้ามีตำแหน่งต่าง ๆ ขึ้นเมืองกาญจนบุรี มีถ้อยความอันใดขึ้นผู้เป็นหัวหน้าก็ว่ากล่าวเปรียบเทียบ แต่ไม่ใคร่จะมีถ้อยความเลย เพราะบ้านหนึ่งก็มีคนน้อยเที่ยวกระจัดกระจายกันอยู่

ศิลปวิทยา

การช่างต่าง ๆ ในคนพวกนี้ ผู้ชายเป็นช่างทำเรือนและจักสานในการไม้ต่าง ๆ ผู้หญิงทำการปั่นฝ้ายทอหูกเย็บปักเสื้อผ้า การช่างนอกจากนี้ไม่มีผู้ใดทำเป็น

ภาชนะใช้สอย

ของที่คนพวกนิ้ทำใช้เองนั้น คือย่ามอย่าง ๑ ใช้ทั่วไปแทบจะทุกคน กระบอกไม้ทำเป็นเครื่องตักน้ำและทำเป็นกลักเก็บของต่าง ๆ กล่องหมากใช้กล่องพะม่าโดยมาก เครื่องดินคือหม้อไหเป็นต้น กับเครื่องเหล็กมีมีดพร้าและสิ่วขวานเป็นต้น กับเครื่องทองเหลืองทองขาวเหล่านี้ เป็นของลูกค้าบรรทุกขึ้นไปขาย

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ