พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒

โคลง

๏ แกงไก่มัศหมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารศฉุน เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาศ หวังนา
แรงอยากยอหัดถ์ข้อน อกไห้หวนแสวง ๚

กาพย์

๏ มัศหมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารศร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รศดีด้วยน้ำปลา ยี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรศ พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รศทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจักเปรียบเทียบทันขวัญ
๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง เปนมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรศครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์
๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น
๏ เข้าหุงปรุงอย่างเทศ รศพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เปน เช่นเชิงมิตรประดิษฐทำ
๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วซ่มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฎรศหื่นหอม
คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทร์คิดแนบนอน
๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
๏ รังนกนึ่งน่าซด โอชารศกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
๏ ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ
๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เปนโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚

โคลง

๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน อกชู้
รื่นรื่นรศรมย์ใด ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้ แต่เนื้อนงพาล ๚

กาพย์

๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตระหลบล้ำเหลือหวาน
รศไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง รศเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิศมัย หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแล้วจากจำเปน
จากช้ำน้ำตากระเด็น เปนทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง อิกอกร่องรศโอชา
คิดความยามนิทรา อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน ชอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐอ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเปนอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏ ผลเกดพิเศษสด โอชารศล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง สางเกษเส้นขนเม่นสอย
๏ ทับทิมพริ้มตาตรู ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
๏ ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลืองเรืองพราย
เหมือนศรีฉวีกาย สายสวาดิพี่ที่คู่คิด
๏ ลางสาดแสวงเนื้อหอม ผลงอมงอมรศหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ คิดยามสารทยาตรามา
๏ ผลเงาะไม่งามแงะ มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
๏ สละสำแลงผล คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม นามสละมละเมตตา ๚

โคลง

๏ สังขยาน่าไข่คุ้น เคยมี
แกมกับเข้าเหนียวสี โศกย้อม
เปนไนยนำวาที สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม เพียบแอ้อกอร ๚

กาพย์

๏ สังขยาน่าตั้งไข่ เข้าเหนียวใส่สีโศกแสดง
เปนไนยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพย์หริ่มภิมเสนโรย
๏ ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม
๏ มัศกอดกอดอย่างไร น่าสงไสยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
๏ ลุดตี่นี้น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาน่าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ งามสมส่อประพิมประพาย
นึกน้องนุ่งจีบทวาย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏ รศรักยักลำนำ ประดิษฐทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
๏ รังไรโรงด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
๏ ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
๏ งามจริงจ่ามงกุฏ ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง สอิ้งน้องนั้นเคยยล
๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
๏ ช่อม่วงเหมาะมีรศ หอมปรากฎกลโกสุม
คิดสีสไบคลุม หุ้มห่มม่วงดวงพุดตาล
๏ ฝอยทองเปนยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚

โคลง

๏ หวนเห็นหีบหมากเจ้า จัดเจียน มาแม่
พลูจีบต่อยอดเนียน น่าเคี้ยว
กลี่กล่องกระวานเขียน มือยี่ ปุ่นเฮย
บุหรี่ใส่กล่องเงี้ยว ลอบให้เหลือหาญ ๚

กาพย์

๏ หมากเจียนเจ้างามปลอด พลูต่อยอดน่าเอนดู
กระวานอิกกานพลู บุหรี่ให้ใจเหลือหาญ
๏ เช็ดหน้าชุบน้ำอบ หอมตระหลบดอกดวงมาลย์
บังอรซ่อนใส่พาน ส่งมาให้ไม่เว้นวัน
๏ เดือนสามสำเภามา มีใบชาชาติจุหลัน
ถ้ำคู่อยู่เคียงกัน กับให้เห็นเปนปฤษณา
๏ เดือนห้าน่าร้อนจัด เจ้าให้พัดด้ามจิ้วมา
เรื่องร้อนผ่อนเพทนา เพื่อพนิดาไม่ละเลย
๏ คำนึงถึงเดือนหก ทั่วทายกตามโคมเคย
งามสุดนุชพี่เอย ได้เห็นกันวันบูชา
๏ เดือนแปดวันเพ็ญเจ้า ย่อมไปเข้าพระพรรษา
รับศีลอย่างสีกา ด้วยเจตนาจำนงใน
๏ เห็นนวลครวญครุ่นคิด กำเริบจิตรวาบหวั่นไหว
ไปได้ก็จะไป โอบเอวอุ้มพุ่มพวงพยุง
๏ ยามฝนดลเดือนสิบ เริ่มเข้าทิพย์เจ้าจะหุง
หาของต้องการปรุง มุ่งใจจิตรประดิษฐประดอย
๏ เดือนสิบเอ็ดเด็ดแดดิ้น ยามกฐินทุกวันคอย
เห็นเรือไล่ถี่ซอย กลอยกลับเห็นเช่นแรกสม
๏ คิดรูปน่ารักเหลือ คิดนุ่มเนื้อน่าเชยชม
คิดเนตรขำค้อนคม ผมหอมชื่นรื่นรศคนธ์
๏ ฤดูเดือนสิบสอง หญิงชายซ้องแซ่อึงอล
ขึ้นล่องท่องเที่ยวชล ยลผ้าป่าราตรีกาล
๏ เซงแซ่เสียงเภรี ปานเรียมตีทรวงประหาร
พาทย์ฆ้องก้องกังวาล สารดุจน้องร้องเรียกเรียม
๏ ทุกลำลอบเล็งลักษณ์ ไม่พบภักตร์เจ้างามเสงี่ยม
ดูไหนไม่เทียบเทียม ร่วมรักเรียมรูปร่างรัด
๏ เดือนยี่พิธีพญา โยนชิงช้าชนแออัด
สาวหนุ่มกำหนดนัด ทัศนาแห่แลหากัน
๏ เรียมเตร่ตรวจทุกช่อง ไม่เห็นน้องเนื้อนวลจันทร์
ว้าหวิ้นดิ้นแดยัน หันเห็นท่าชิงช้าโยน
๏ เชี่ยวชาญกระดานต้น โยกเยกยลคนหกโหน
ถือท้ายกายอ่อนโอน โดนคิดได้ดั่งใจถวิล
๏ แรมค่ำร่ำไห้หวน แห่อิศวรย่ำยามยิน
เคยเห็นเปนอาจิณ ช้าหงษ์เห่เล่ห์ลมพราหมณ์
๏ โอมอวดสวดสำเนียง ไม่เหมือนเสียงนางนงราม
ล้ำเลิศเฉิดโฉมงาม ยามเย็นเช้าเจ้าอ่านฉันท์
๏ อ่อนหวานสารเสนาะ เพราะอักษรกลอนพาดพัน
แจ้งเจื้อยใจจาบัลย์ ทุกวันหวังฟังเสียงสมร
๏ ห้าค่ำย่ำยามปลาย แห่นารายน์เร่งอาวรณ์
อยู่ใกล้จะใคร่จร ไปรับเจ้าเคล้าคลอมา
๏ เดือนแรมเหมือนเรียมค้าง เรื่องรักร้างแรมขนิษฐา
แรมรศแรมพจนา แรมเห็นหน้านิ่งนอนแรม

โคลง

๏ ดลเดือนมหะหร่ำเจ้า เซ็นปี ใหม่แม่
มะหง่นประปรานทวี เทวศไห้
ห่อนเห็นมิ่งมารศรี เสมอชีพ มานา
เรียมลูบอกไล้ไล้ คู่ข้อนทรวงเซ็น ๚

กาพย์

๏ ดลเดือนเรียกมหะหร่ำ ขึ้นสองค่ำแขกตั้งการ
เจ้าเซ็นสิบวันวาร ประหารอกฟกฟูมไนยน์
๏ มหะหร่ำเรียมคอยเคร่า ไม่เห็นเจ้าเศร้าเสียใจ
ลูบอกโอ้อาไลย ลาลดล้ำกำสรวญเซ็น ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ