กาพย์ห่อโคลง พระราชนิพนธ์ รัชกาลปัจจุบัน

โคลง

๏ ปางเสด็จประเวศห้วง ชลธี
ทรงมหาจักรี เกียรติก้อง
พรั่งพร้อมยุทธนาวี แหนแห่
เสียงอธึกทั่วท้อง ถิ่นด้าวอ่าวสยาม ฯ

กาพย์

๏ พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามสดศรี
มหาจักรีมี เกียรติก้องท้องสาคร
๏ นาวาวรายุทธ อุตลุดแลสลอน
แห่ห้อมจอมนคร ราวจะรอนริปูเปลือง
๏ ธงทิวปลิวระยับ สีสลับขับแดงเหลือง
อันธงพระทรงเมือง เหลืองอร่ามดูงามตา
๏ ธงตรามหาราช ผ่องผุดผาดในเวหา
รูปครุฑะราชา อ้าปีกกว้างท่าทางบิน
๏ ธงแดงดังแสงชาด ลายช้างกาจก่องกายิน
บอกตรงธงแผ่นดิน ถิ่นสยามอันงามงอน
๏ จักรีนารีราช ทิพอาสน์องค์ภูธร
สง่าราวอาภรณ์ เพื่อประดับทัพเรือไทย
๏ ใหญ่กว่านาวาสรรพ ในกองทัพพหลไกร
บรรดานาวาไทย ในบัดนี้ไม่มีทัน
๏ ปืนไฟใหญ่ประเภท สี่นิ้วเศษสุดแขงขัน
สามารถอาจเหียนหัน ผันหน้าสู้สัตรูแรง
๏ อีกศรหกปอนด์หนัก ก็พร้อมพรักศักดิ์กำแหง
เตรียมอยู่สู้ศึกแขง แย้งยื้อยุทธ์สุดกำลัง
๏ พาลีรั้งทวีป รีบแล่นตามงามเงื่อนขลัง
เรือปืนยืนยุทธ์ยัง ดังกระบี่พาลีหาญ
๏ เรือแรงกำแหงยุทธ มกุฎราชะกุมาร
คอยสู้ศัตรูพาล ผู้ยื้อยุดมกุฎไทย
๏ สุครีพครองเมืองศรี สุรนาวีมุ่งชิงไชย
เรือปืนยืนยุทธไกร เหมือนพญาพานะเรนทร์
๏ สุริยมณฑลกล้า นาวากาจลาดตระเวน
หาญต่อบ่รอเกณฑ์ สอึกสู้ริปูรอญ
๏ เรือเสือทยานชล พิฆาฏพลริปูสยอน
กั่นกล้าในสาคร บ่ย่อหย่อนยุทธนา
๏ เรือเสือคำรนสินธุ์ พิฆาฏภินอริผลา
จู่โจมและโถมถา กล้าประยุทธ์จนสุดแรง
๏ อีกเรือตอร์ปิโด วิ่งโร่รี่ฝีเท้าแขง
ว่องไวไล่ย้อนแย้ง ยักย้ายลอดดอดเอาไชย
๏ กระบวนล้วนแล่นล่อง ไปแทบท้องชลาไลย
อธึกดูคึกใจ จิตจักสู้ศัตรูพาล ฯ

โคลง

๏ ล่องลอยในน่านน้ำ เจ้าพญา
จากเทพนครคลา คลาดเต้า
ชมวังสพรั่งปรา สาทรัตน์
ชมนครเขตรเค้า เงื่อนแม้นเมืองราม ฯ

กาพย์

๏ ล่องลอยในน่านน้ำ วิเศษลำเจ้าพญา
จากกรุงเทพมหา นครราชะธานี
๏ ค่อยเลื่อนเคลื่อนนาวา จากน่าท่าวาสุกรี
ใช้จักร์ล่องนที นาวีเรื่อยเฉื่อยตามลม
๏ เหลือบแลชะแง้พิศ ดูดุสิตวนารมย์
เคยเที่ยวลดเลี้ยวชม ดมบุบผาสารพรรณ
๏ ชมวังดังวิมาน ถิ่นสถานมัฆวัน
เพลินพิศไพจิตรสรร พะงามเนตรวิเศษชม
๏ สล้างปรางมหันต์ อนันตสมาคม
อัมพรสถานสม เปนสถานพิมานอินทร์
๏ สถานวิมานเมฆ เอกอาสน์โอ่ท้าวโกสินทร์
อภิเศกดุสิตภิญ โญยศยงองค์ภูบาล
๏ ตำหนักสำนักตา จิตรลดาระโหฐาน
ที่พระอวตาร สำราญรมย์ภิรมยา
๏ สะพรั่งวังอนุช ผู้ทรงสุดเสนหา
ปารุสก์สุดเพลินตา สวนกุหลาบปลาบปลื้มใจ
๏ ตำหนักพระชนนี มีนามว่าพญาไทย
อยู่ทางบ่ห่างไกล ใกล้ดุสิตวนาภา
๏ นาวาผ่านนิเวศน์ พระทรงเดชจอมประชา
พินิจพิศเพลินตา ตระการตรูดูเลิศดี
๏ สล้างปรางค์ปราสาท ประกอบมาศมณีศรี
ระยับจับระพี สีสว่างกลางอัมพร
๏ ปราสาทราชะฐาน อวตารสโมสร
ยงยอดสอดสลอน ยอนยั่วฟ้าน่านิยม
๏ จักรีพระที่นั่ง สามยอดตั้งตรูตาชม
สำราญสถานสม สถิตย์ถิ่นปิ่นนรา
๏ ดุสิตปราสาทตั้ง พระมนงงคะศิลา
พิมานรัถยา อุดมอาสน์ราชะฐาน
๏ มณเฑียรเสถียรศักดิ์ จักรพรรดิพิมาน
เคียงใกล้คือไพศาล ทักษิณที่สุขาลัย
๏ ฝ่ายน่าสง่าสิ้น อมรินทร์วินิจฉัย
พระโรงภูวนัย ธประศาสน์ราชะการ
๏ อารามวัดพระศรี รัตนศาสดาคาร
มงคลมหาสถาน ปูชนีย์ที่นิยม
๏ อันกรุงรุ่งเรืองกิตติ์ ที่สถิตย์พิโรดม
เลิศล้วนชวนจิตชม สมเกียรติ์เลื่องเมืองสยาม
๏ ถนนสถลมารค อีกคลองหลากล้วนแลงาม
รุ่งเรืองดังเมืองราม จักรพรรดิฉัตรสากล ฯ

โคลง

๏ แล่นเรือมาแช่มช้า ตามกระแส
แลเหลือบเหลียวหลังแล ไฝ่บ้าน
ใจโยนประหนึ่งแพ โดนคลื่น
ลมเฉื่อยระเรื่อยสร้าน จิตเศร้าหาศรี ฯ

กาพย์

๏ เรื่อยเรื่อยเรือลอยลำ ตามสายน้ำถูกกระแส
แลเหลือบเหลียวหลังแล ไฝ่ถึงบ้านสร้านโศกใจ
๏ เรือนแพแลสพรั่ง คลื่นโดนฝั่งก็กวัดไกว
แพโยนโยนเหมือนใจ เรียมผู้ไฝ่ถึงเคหา
๏ ผ่านหน้าวัดอรุณ เคยทำบุญญะบูชา
ขอบุญการุญพา ให้ข้าสมอารมณ์หวัง
๏ ขออย่าให้ข้าศึก ผู้พิลึกกาจกำลัง
สามารถอาจภินพัง พระปรางค์ศรีธานีไทย
๏ ผ่านทางบางคอแหลม ชื่อบางแนมเหน็บดวงใจ
แหลมหลักจักหาไหน เหมือนแหลมคำเจ้าร่ำวอน
๏ ปากลัดตัดวิถี ทางนทีสู่สาคร
วานลัดตัดทางจร ดลสู่เจ้าตัดเศร้าใจ
๏ ยามมองช่องนนทรีย์ เห็นธานีอยู่ไกล ๆ
หลังคาเคหาใน นครยวนชวนจิตผัน
๏ เห็นเสาวิทยุเด่น เปนของเลิศประเสริฐครัน
ถนัดอัศจรรย์ พูดกันได้ไม่มีสาย
๏ ดูราวกับสองจิต มิตร์ต่อมิตร์คิดเหมือนหมาย
เหมือนตารักตาชาย ตาเห็นรักประจักษ์ใจ
๏ ผ่านป้อมเสือซ่อนเล็บ นึกน่าเจ็บดวงหทัย
โบราณท่านตั้งไว้ ให้เล็งเหมาะจำเภาะดี
๏ ยิงเป้งเผงกลางน้ำ ไม่ผิดลำถูกนาวี
อนิจจามาบัดนี้ ป้อมปรักแลหักพัง
๏ ผีเสื้อสมุทป้อม หนึ่งนั้นย่อมดูแขงขลัง
ยิงปืนครั่นครืนดัง คำนับองค์พระทรงศร
๏ สมุททะเจดีย์ บูชะนีย์ประนมกร
เอี่ยมโอ่สโมสร กลางวิมลชลธาร
๏ นาวามายั้งหยุด ยังสมุททะปราการ
ดูเมืองรุ่งเรืองร้าน ตลาดของที่ต้องใจ
๏ เรือรอพอเวลา น้ำขึ้นมามากพอไป
ก็เลื่อนเคลื่อนคลาไคล ไปสู่ท้องทเลลม
๏ ลมเฉื่อยเรื่อย ๆ พา กลิ่นบุบผามารวยรมย์
รื่นรวยราวมวยผม ที่เคยดมชมชื่นใจ
๏ ลมพัดไม่จัดจ้าน พอประมาณไม่แรงไป
เหมือนยามเจ้าทรามไวย พัดรำเพยเชยฤดี
๏ อากาศสอาดโปร่ง สบายโล่งกลางวารี
แต่จิตคิดถึงศรี จิตจึ่งเหงาเศร้าอาดูร ฯ

โคลง

๏ ฝูงปลาดาดาษท้อง ทเลหลวง
ดูชาติมัตสยาปวง คู่เคล้า
ยิ่งดูยิ่งโทรมทรวง แสนโศก
โอ้คะนึงถึงเจ้า จิตว้าเหว่ถวิล

กาพย์

๏ ฝูงปลาดูดาดาษ ว่ายเกลื่อนกลาดทเลหลวง
ดูชาติมัตสยาปวง เคียงคู่เคล้าเย้ายวนเชย
๏ ยิ่งแลชะแง้พิศ ยิ่งเศร้าจิตนิจจาเอ๋ย
ราวปลามาแสร้งเย้ย ให้เรียมเศร้าเหงาวิญญา
๏ ปลาทูชื่อดูชวน หวลคำนึงถึงเคหา
คำนึงถึงแก้วตา พธูน้อยผู้กลอยใจ
๏ กุเราเย้ายวนจิต คิดถึงมิตร์ชิดหทัย
เราอยู่คู่พิสมัย เราทั้งสองครองคู่กัน
๏ เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ ฤๅเปรียบเนื้อนางสวรรค์
นวลจันทร์ชื่อนวลจันทร์ ไม่นวลเท่าเจ้านวลแข
๏ กะพงเปรียบพงชัฏ อันแออัดในดวงแด
ห่างเจ้าเฝ้าท้อแท้ เหมือนบุงพงดงหน่ายหนาม
๏ โลมามาว่ายล่อ พอเห็นได้ใต้น้ำงาม
วานมาหานงราม ทรามสงวนชวนนางมา
๏ ตาเดียวลดเลี้ยวลี้ ก็ยังดีกว่าพี่ยา
เริศร้างห่างแก้วตา สองตาแลแพ้ตาเดียว
๏ ฉลาดตะกลามเหลือ ว่ายตามเรือรวดเร็วเจียว
ดูคล้ายชายช่างเกี้ยว เที่ยวคอยมองหาช่องเชย
๏ ฉลามอันหยามหยาบ เสียทีราบละเจ้าเอ๋ย
น้องเราเจ้าคงเฉย มิให้ชู้ชิงคู่ครอง
๏ นางนวลนกทะเล บินร่อนเร่เหหันมอง
นางนวลเปรียบนวลน้อง นกฤๅเท่าเจ้านวลใย
๏ ดูนกแสนฉลาด เหมือนอากาศะยานไคล
ร่อนเร่เหหันไป เที่ยวตรวจดูหมู่อรี
๏ เปรียบปลาเหมือนเรือดำ เดินใต้น้ำสาครศรี
แล่นลอดดอดมาตี เรือลำใหญ่ได้บางครา
๏ นางนวลบินลอยล่อง มองถนัดมัตสยา
ไวเจียวเฉี่ยวโฉบปลา ไปกินเล่นเปนอาหาร
๏ ดูนกฉกโฉบปลา ก็เหมือนอากาศะยาน
สามารถอาจสังหาร เรือใต้น้ำระยำไป
๏ อ้านกวิหคหาญ เราขอวานบ้างเปนไร
ช่วยถือหนังสือไป ถึงเรือนเจ้าเยาวพา
๏ พิราบเขาเลี้ยงไว้ เขาก็ใช้ถือสารา
นางนวลชวนเชิญมา เปนทูตาถึงนวลเชย
๏ กระไรช่างใจดำ ไม่ฟังคำเราบ้างเลย
แดดจ้านิจจาเอ๋ย เหมือนเพลิงรุมสุมอกกรม
๏ คำนึงถึงเจ้าพี่ ราวไฟจี้จ่ออารมณ์
เริศร้างห่างเหินชม ว้าเหว่จิตคิดถวิล ฯ

โคลง

๏ สีชังชังชื่อแล้ว อย่าชัง
อย่าโกรธพี่จริงจัง จิตข้อง
ตัวไกลจิตก็ยัง เนาแนบ
เสน่ห์สนิทน้อง นิจโอ้อาดูร ฯ

กาพย์

๏ สีชังชังแต่ชื่อ เกาะนั้นฤๅจะชังใคร
ขอแต่แม่ดวงใจ อย่าชังชิงพี่จริงจัง
๏ ตัวไกลใจพี่อยู่ เปนคู่น้องครองยืนยัง
ห่างเจ้าเฝ้าแลหลัง ตั้งใจติดมิตร์สมาน
๏ บางพระนึกถึงพระ บูชะนีย์ที่สักการ
แต่งตั้งยังสถาน แทบหัวนอนขอพรครอง
๏ ผ่านทางบางปลาสร้อย จิตละห้อยละเหี่ยหมอง
นึกสร้อยสายเพชร์ทอง คล้องศอเจ้าเย้ากะมล
๏ บางนี้บุรีงาม อันออกนามว่าเมืองชล
แลท้องทเลวน ชลนัยน์ไหลลงธาร
๏ อ่างหินนึกอ่างหิน ที่ยุพินเคยสนาน
โอ้ว่ายุพาพาล จะอ้างว้างริมอ่างหิน
๏ เรือผ่านเกาะกระดาษ แม้สามารถจะพังภิน
จะเขียนสาราจิน ตนาส่งถึงนงเยาว์
๏ ถึงอ่าวพุดซาวัน ริกริกสั่นสิอกเรา
คิดถึงพุดซาเจ้า เคยเก็บไว้ให้พี่ยา
๏ คลุกพริกกับเกลือดี ไว้ให้พี่จิ้มพุดซา
เสร็จงานกลับบ้านมา พอได้ลิ้มชิมชอบใจ
๏ ครั้นถึงทุ่งไก่เตี้ย ยิ่งละเหี่ยละห้อยใจ
นึกยามเจ้าทรายไวย ปรุงแกงไก่ให้พี่กิน
๏ เดินผ่านร้านดอกไม้ ก็ยิ่งไฝ่ใจถวิล
เคยชวนโฉมยุพิน ชมดอกไม้ที่ในสวน
๏ เกาะยอเหมือนยอเจ้า ยุพเยาว์อนงค์นวล
แสร้งยอบ่มิควร เพราะนิ่มเนื้อเหลือเลิศชม
๏ เข้าถึงสัตะหีบ รีบหลบลี้หนีคลื่นลม
นึกยามเจ้าทรามชม จัดผ้าจีบลงหีบน้อย
๏ ขบวนเรือประพาศ ดูดาดาษกลาดเกลื่อนลอย
ขึงขังดังหนึ่งคอย จะต่อสู้ศัตรูผลา
๏ จอดห้อมล้อมเปนวง รอบเรือองค์พระราชา
ดูเหมือนเดือนสง่า อยู่ท่ามกลางหว่างหมู่ดาว
๏ ดูพลางทางรำพึง นิ่งคำนึงถึงเนื้อขาว
นึกนึกรู้สึกราว ไปงานศึกพิลึกใจ
๏ แม้มีศึกสงคราม ถึงสยามในวันใด
จำพรากจากทรามไวย ไปต่อสู้ศัตรูพาล
๏ เกิดมาเปนชาวไทย ต้องทำใจเปนทหาร
รักเจ้าเยาวมาลย์ ก็จำหักรักรีบไป
๏ จะยอมให้ไพรี เหยียบย่ำยีแผ่นดินไทย
เช่นนั้นสิจัญไร ไม่รักชาติศาสนา
๏ เพราะรักประจักษ์จริง จึ่งต้องทิ้งเจ้าแก้วตา
จงรักภักดีมา อาสาต้านราญริปู ฯ

โคลง

๏ รอนรอนอ่อนอกโอ้ อัษฎงคต์
สุริยพระมืดลง หมดแล้ว
ยามมืดชืดเย็นองค์ วายุพัด
ยิ่งตรึกนึกถึงแก้ว พี่เศร้าทรวงศัลย์ ฯ

กาพย์

๏ รอนรอนอ่อนอัษฎงคต์ ตวันลงลับเหลี่ยมผา
มืดมลสนธยา พามืดมัวทั่วดวงใจ
๏ ชะแง้แลเทือกเขา เปนเงาเงาอยู่รำไร
รำพึงคะนึงไป ชวนให้นึกถึงตึกราม
๏ ตึกแถวเปนแนวข้าง ถนนทางนครงาม
สว่างกระจ่างวาม ด้วยไฟฟ้าอ่าเอี่ยมแสง
๏ อีกตามถนนหลวง ไฟฟ้าดวงรุ่งเรืองแรง
สว่างกระจ่างแจ้ง แสงสว่างราวกลางวัน
๏ ยามเย็นเคยเห็นคน ขึ้นรถยนตร์ขับอวดกัน
นารีที่คมสัน ต่างขันแขงแต่งยวนชาย
๏ ผ้าม่วงสีช่วงโชติ เหลืองแดงโรจนสีหลากหลาย
เสื้อแพรแลดอกลาย ผ้าแพรห่มล้วนสมสรวย
๏ หน้านวลนวลแต่น้อย แช่มช้อยสมกับผมมวย
อาภรณ์ซ้อนแซมด้วย แวววับวับพอจับตา
๏ ดูใครไม่ชื่นจิต เท่ามิ่งมิตร์วนิดา
ดูพลางทางจับตา ชายตารักชักตาชม
๏ ตาดำขำแก้วพี่ พอสมดีกับสีผม
ฟันขาวดูราวชม แก้วมุกดาน่ายินดี
๏ หนังสือฤๅเจ้ารู้ พอควรอยู่แก่สัตรี
ประเสริฐเลิศนารี เจ้าไม่ทิ้งสิ่งที่ควร
๏ กิจการในบ้านช่อง เจ้าช่ำชองสิ้นทั้งมวล
ทุกสิ่งยอดหญิงล้วน จะขยันหมั่นการงาน
๏ ไม่เหมือนหญิงบางคน สาละวนไม่เข้าการ
มัวมุ่งยุ่งแต่งสาร จนลืมงานการบ้านเรือน
๏ สำแดงแต่วิชา หนังสือบ้าจนแชเชือน
ยุ่งนักชักฟั่นเฟือน ฟุ้งสร้านไปจนไร้ผัว
๏ น้องพี่สิฉลาด แสนสามารถในการครัว
ช่างชวนและยวนยั่ว ให้พี่ชิมลิ้มอาหาร ฯ

โคลง

๏ เข้าต้มอมรสเปรี้ยว เค็มปน
เนื้อนกนุ่มระคน ผักเคล้า
ร้อนร้อนตักหลายหน ห่อนเบื่อ
รสหลาก ๆ รสเร้า เร่งให้ใฝ่กิน ฯ

กาพย์

๏ เข้าต้มอมรสเปรี้ยว ดีจริงเจียวเปรี้ยวเค็มปน
เนื้อนกนุ่มระคน ปนผักเคล้ารสเข้าที
๏ เข้าต้มเนื้อโคกลั้ว ปนถั่วเขียวกลมเกลียวดี
มันเทศวิเศษมี รสโอชาแสนน่ากิน
๏ สาคูเม็ดใหญ่กลม แทนเข้าต้มสมถวิล
รสยวนชวนให้กิน สิ้นทั้งหมดรสเหลือแหลม
๏ ขนมจีบเจ้าช่างทำ ทั้งน้ำพริกมะมาดแกม
มะเฟืองเปนเครื่องแกล้ม รสเหน็บแนมแช่มชูกัน
๏ ขนมเบื้องญวนใหม่ ประกอบไส้วิเศษสรร
ทอดกรอบชอบกินมัน เคี้ยวกรอบ ๆ ชวนชอบใจ
๏ หมูแนมแกมเครื่องเรี่ยม หอมกระเทียมผักชีใหม่
พริกแดงแซงสอดไว้ ใบทองหลางวางชิ้นหมู
๏ เมื่ยงคำน้ำลายสอ เมี่ยงสมอเมี่ยงปลาทู
เข้าคลุก ๆ ไก่หมู น้ำพริกกลั้วทั่วโอชา
๏ เข้าตังกรอบถนัด น้ำพริกผัดละเลงทา
เข้าตังปิ้งใหม่มา จิ้มน่าตั้งทั้งเค็มมัน
๏ อีกทั้งขนมเบื้อง เครื่องช่างเคล้าเข้าเหมาะกัน
ละเลงเก่งเหลือสรร ชูโอชาไม่ลาลด
๏ แกงไก่ใส่เครื่องถม คลุกขนมจีนแป้งสด
เข้ามันมันแกมรส ส้มตำเปรี้ยวชวนเคี้ยวกิน
๏ ลูกไม้ใส่โถแก้ว ล้วนเลิศแล้วสมใจจินต์
สารพัดจัดให้กิน เสมอได้ไม่ขัดขวาง
๏ ทั้งหมดรสอาหาร เปรี้ยวเค็มหวานไม่จืดจาง
รสเหมาะเพราะมือนาง แก้วพี่เคล้าเย้ายวนใจ ฯ

โคลง

๏ เงียบเหงาเปล่าอกโอ้ อกครวญ
หยิบสมุดชุดชวน อ่านบ้าง
นอนอ่านอ่านยิ่งหวล ใจโศก
น้องพี่เคยเคียงข้าง ช่วยชี้ชวนหัว ฯ

กาพย์

๏ เงียบเหงาเปล่าอกหมอง คิดถึงน้องหมองวิญญา
จึ่งหยิบหนังสือมา แก้รำคาญอ่านเรื่อยไป
๏ อ่าน ๆ รำคาญฮือ แบบหนังสือสมัยใหม่
อย่างเราไม่เข้าใจ ภาษาไทยเขาไม่เขียน
๏ ภาษาสมัยใหม่ ของถูกใจพวกนักเรียน
อ่านนักชักวิงเวียน เขาช่างเพียรเสียจริงจัง
๏ แบบเก๋เขวภาษา สมมตว่าแบบฝรั่ง
อ่านเบื่อเหลือกำลัง ฟังไม่ได้คลื่นไส้เหลือ
๏ อ่านไปไม่ได้เรื่อง ชักชวนเคืองเครื่องให้เบื่อ
แต่งกันแสนฝั้นเฝือ อย่างภาษาบ้าน้ำลาย
๏ โอ้ว่าภาษาไทย ช่างกระไรจวนฉิบหาย
คนไทยไพล่กลับกลาย เปนโซ็ดบ้าน่าบัดสี
๏ หนังสือฤๅหวังอ่าน แก้รำคาญได้สักที
ยิ่งอ่านดาลฤดี เลยต้องขว้างกลางสาคร
๏ ลองหามาอ่านใหม่ พะเอินได้เปนบทกลอน
สมมตบทลคร ขึ้นชื่อเสียงเฉวียงไว
๏ พุทโธ่โอ้ใจหาย เราเคราะห์ร้ายนี่กระไร
จบหมดบทกลอนไทย ไม่เปนส่ำระยำมัง
๏ ทั้งมวลล้วนเหลวแหลก ทุกแพนกอนิจจัง
เรื่องเปื่อยเลื้อยรุงรัง ทั้งถ้อยคำซ้ำหยาบคาย
๏ กลับหันหาเรื่องดี ที่เอาไว้ใกล้ ๆ กาย
อ่านให้ใจสบาย หายง่วงเหงาเศร้ากระมล ฯ

โคลง

๏ แถลงปางนางแน่งน้อย สีดา
ถูกยักษ์อัประลักษณ์พา ห่างห้อง
พระรามพระโกรธา ยักษ์โหด
พระจึ่งยกพลก้อง กึกเข้าไปรอญ ฯ

กาพย์

๏ กล่าวปางนางสีดา ถูกพญาทศศีรษ์
ลักพาไปธานี จึ่งเกิดศึกพิลึกหาญ
๏ เหตุสุรปนขา บ้ากามาแสนสามาญ
มุ่งพระอวตาร ให้เปนผัวเพื่อตัวครอง
๏ เสแสร้งจำแลงกาย ให้เฉิดฉายนวลลออง
ไปเกี้ยวเลี้ยวลดลอง พรากพธูผู้เคียงกัน
๏ พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ ไม่จงรักด้วยกับมัน
หญิงชั่วมั่วโมหัน มันจะพาเสียราศี
๏ นางยักษ์เข้าหักหาญ ราญสีดายอดนารี
น้องรักพระจักรี จึ่งบำราบปราบนางมาร
๏ พระตัดจมูกมัน อีกทั้งฟันหูแหลกลาญ
ทาสาแสนสามาญ ก็รีบรี่หลีกหนีไป
๏ ไปชวนทั้งทูษณ์ขร มาราญรอนภูวนัย
ยักษาปราชัย ไม่ทนพระบารมี
๏ เดือดดาลนางมารบ้า วิ่งไปหาทศศีรษ์
กลอกกลับแสนอัปรี สาระแนยุแหย่ไป
๏ ท้าวยักษ์ได้ฟังความ เหมือนไฟกามจ่อจี้ใจ
ให้คิดพิสมัย ไฝ่อนงค์องค์สีดา
๏ ใช้มารีจจำแลง แปลงเปนกวางร่างโสภา
พอพบประสบตา สีดาเจ้าเฝ้าถวิล
๏ ทูลวอนชอ้อนง้อ ต่อสมเด็จพระจักริน
จนองค์พงษ์นรินทร์ พระเกรงน้องจะหมองหมาง
๏ จับศรสุรพล เสด็จด้นไปตามกวาง
ให้ลักษมณ์พักอยู่พลาง เปนผู้เฝ้าเจ้าสีดา
๏ มารีจครั้นถูกศร ทำเสียงอ่อนด้วยมารยา
เรียกลักษมณ์อนุชา มาช่วยพี่ที่ในพง
๏ ยุพินยินเสียงมัน ให้สำคัญเคลือบแคลงหลง
ใช้ลักษมณ์รีบสู่ดง ช่วงองค์พระอวตาร
๏ ครานั้นทศศีรษ์ จึ่งได้ทีเหมือนใจพาล
เข้ามาหานงคราญ จำแลงร่างอย่างโยคี
๏ กล่าวคำร่ำเกลี้ยกล่อม นางไม่ยอมฟังวาที
พูดไปไม่ไยดี พิษเพลิงกามยิ่งลามลน
๏ ยิ่งขัดยิ่งกลัดกลุ้ม เข้าโอบอุ้มนฤมล
พาล่องฟองเวหน สู่ลงกาธานีมาร
๏ พระรามกลับศาลา ไม่เห็นหน้ายอดสงสาร
องค์พระอวตาร ก็แสนโศกวิโยคนาง
๏ ชวนพระอนุชา รีบลีลาในเถื่อนทาง
เดินพลางแลครวญพลาง จนประสบพบพานร
๏ ช่วยลูกพระอาทิตย์ รณชิตชิงนคร
กำแหงพระแผลงศร ต้องพาลีชีวีลาน
๏ สุครีพจึ่งจัดพล พร้อมพหลพลทวยหาญ
เพื่อพระอวตาร ผลาญขุนราพณ์ปราบลงกา
๏ เกิดศึกพิลึกเดช ก็เพราะเหตุด้วยสีดา
ชิงรักชักชวนพา ให้ประยุทธ์สุดเริงรณ
๏ ยุทธ์แย้งแย่งสีดา ยังอุส่าห์ยอมเสียชนม์
แย่งดินถิ่นถกล ฤๅจะห่วงหวงชีวัน ฯ

โคลง

๏ นึกถึงพระร่วงเจ้า จอมไทย
แค้นพวกขอมจัญไร โหดห้าว
ทนงคิดจงใจ กู้ชาติ
กระเดื่องเดชะท้าว ร่วงผู้ผดุงเสียม ฯ

กาพย์

๏ นึกถึงพระร่วงเจ้า ผู้ผ่านเผ่าประชาไทย
ดำรงทรงราชัย ในละโว้โอ่เอี่ยมงาม
๏ คั่งแค้นขอมอัปรี มันกดขี่ชาวสยาม
จะคิดทำสงคราม ฤๅก็อ่อนหย่อนแรงพล
๏ พระจึ่งคิดอุบาย และยักย้ายด้วยเล่ห์กล
เอาเปรียบทุรชน ด้วยว่องไวใช้ปรีชา
๏ จักไม้สานชลอม รูปกลมกล่อมเอาชันยา
จึ่งตักเอาน้ำมา สำเร็จได้ดังใจจินต์
๏ ความรู้ถึงภูธร นครขอมจอมนรินทร์
จึ่งใช้ให้โยธิน กรีธาทัพมาจับตัว
๏ พระร่วงแสร้งหลบไป เดโชไชยคิดว่ากลัว
โมหันอันมืดมัว ไม่เข้าใจในอุบาย
๏ เชื่อฤทธิ์อิทธิ์กำแหง จึ่งปลอมแปลงจำแลงกาย
จำนงจงใจหมาย ไปสังหารผลาญเจ้าไทย
๏ ด่วนไปให้ลี้ลับ ดูราวกับดำดินไป
ถึงกรุงสุโขทัย เข้าสถานลานอาราม
๏ พบพระรูปหนึ่งไซร้ ขอมจัญไรไม่รู้ความ
จึ่งไหว้และไต่ถาม ถึงร่วงเจ้าเธออยู่ไหน
๏ พระร่วงภิกษุรู้ ว่าศัตรูไม่รู้นัย
จึ่งตอบประวิงไป ว่าจงรอพอเธอมา
๏ แล้วรีบเรียกโยมวัด มาจับมัดขอมพาลา
เดโชโง่หนักหนา ก็แพ้พระบารมี
๏ ชาวเมืองก็เลื่องฦๅ เสียงเฮฮือทั้งธานี
ไพร่ฟ้าประชาชี ไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
๏ ชีบาเสนามาตย์ อภิวาทน์บังคมคัล
เชิญทรงดำรงขัณฑ์ สุโขทัยอันไพศาล
๏ พระร่วงรับคำเชิญ ดำเนินสู่ราชฐาน
จึ่งทำภิเศกการ ขึ้นผ่านเผ้าเปนเจ้าไทย
๏ ต่อมาราชาคิด รณชิตขอมจัญไร
กู้แคว้นแดนกรุงไทย ให้พ้นเอื้อมเงื้อมมือขอม
๏ ทุกแคว้นแดนนิคม ก็นิยมระยอบยอม
ทั้งหมดประณตน้อม นอบพระร่วงปวงพำนัก
๏ นึกถึงพระร่วงฤท ธิมหิทธิ์วิสิฐศักดิ์
นามเพราะดูเหมาะนัก เปนนามาแห่งนาวี
๏ พระร่วงเรือรบหมาย ไว้ถวายพระภูมี
ชื่อดีขอโชคดี จงประสบเรือรบไทย
๏ ยามใดใช้แย่งยุทธ์ ฤทธิรุทจงเกรียงไกร
เหมือนร่วงขุนหลวงไทย บำราบศึกพิลึกหาญ ฯ

โคลง

๏ โครมโครมคะครึกครื้น ครืนคราน
ปืนใหญ่ยิงประหาร ศึกซ้อม
ซ้อมรบเพื่อชำนาญ เชิงประชิต
ยามอริมาห้อม จักสู้เศิกขลัง ฯ

กาพย์

๏ โครม ๆ เสียงครื้นครึก เมื่อยากดึกครืนครานดัง
ปืนตึงปึงโป้งปัง ดังสนั่นลั่นสาคร
๏ เรือตอร์ปิโดไว เล็ดลอดไปไม่สยอน
วิ่งจี๋รี่ไปรอน ราญเรือปืนเสียงครืนคราน
๏ เรือปืนต่างจอดซุ่ม เห็นตะคุ่มในท้องธาร
รอไว้พอได้การ จึ่งต้านต่อตอร์ปิโด
๏ เรือตอร์ปิโดวิ่ง รวดเร็วจริงวิ่งอะโข
เรือปืน ๆ โต ๆ ยิงปืนใหญ่มิใคร่ทัน
๏ อาไศรยความมืดมล จึ่งประจญได้แขงขัน
สว่างในกลางวัน ฤๅจะกล้าเข้าราวี
๏ เรือเล็กเหมือนเด็กน้อย ได้แต่คอยดูท่วงที
ต้องรอพอเหมาะดี ผู้ใหญ่เผลอเหม่อจึ่งทำ
๏ จะเข้าไปตรง ๆ คงต้องปืนครืนกระหน่ำ
ให้ดีมีหลายลำ จำต้องมีพี่เลี้ยงไป
๏ นาวีฝีเท้ารวด จึ่งจะกวดไปทันได้
บัดนี้นาวีไทย หาลำไหนไม่พอการ
๏ แต่ดูการซ้อมศึก ยังต้องนึกร้อนรำคาญ
ชาวไทยถึงใจหาญ ไม่มีเรือเหลือสู้เขา
๏ คนไทยอย่างไรท่าน ไม่รำคาญหรือไทยเรา
ไฉนทำใจเบา จะไม่ช่วยกันด้วยฤๅ ฯ

โคลง

๏ ขอชวนกันช่วยเร้า ระดม
เร่งเพาะความนิยม อย่าช้า
นาวีสมาคม ชวนชัก
ชวนพวกไทยทั่วหน้า ปักรั้วกันสยาม ฯ

กาพย์

๏ ขอชวนกันช่วยเร้า พวกไทยเรารีบระดม
เร่งเพาะความนิยม อย่าชักช้าจะล่าไป
๏ นาวีสมาคม แนะนิยมแห่งชาวไทย
ชวนกันพลันพร้อมใจ ล้อมรั้วกั้นกันสยาม
๏ บนบกมีทหาร คอยเริงราญรุกสงคราม
เสือป่าสง่างาม คอยช่วยรบบรรจบพล
๏ ยังว่างแต่ทางเรือ เพื่อป้องกันขันผจญ
ทางที่วิถีชล ไร้กำลังตั้งรักษา
๏ จะทิ้งนิ่งเฉยอยู่ เหมือนประตูเปิดไว้ร่า
ศัตรูจู่โจมมา ฤๅจะสู้ศัตรูไหว
๏ อย่าเหม่อเผอเรอเพลิน เราขอเชิญช่วยร้อนใจ
ทำเผินเนิ่นนานไป จะลำบากยากใจเรา
๏ ศัตรูเข้าสู่ได้ จะเอาไฟเที่ยวจุดเผา
เรือนชานลานเปนเฒ่า ทรัพย์สมบัติพลัดกระจาย
๏ ลูกเมียจะเสียหมด ทุรยศเยินฉิบหาย
เราอยู่ดูน่าอาย ตายดีกว่าอย่าเสียศรี
๏ ตื่นเถิดเราเกิดมา เปนไทยอย่าให้เสียที
ช่วยหานาวามี กำลังขันไว้กันเมือง ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ