๔ ออกจากเมืองพนมเพ็ญไปเมืองเสียมราษฐ

เวลาค่ำ ๗ นาฬิกาครึ่ง กินอาหารเย็นกับเรสิดังสุปีริเอแล้ว พอ ๙ นาฬิกาก็ไปลงเรือเมล์ ชื่อว่าเรือแม่โขงของบริษัทเมสซาจรีฟลูเวียลออกจากท่าหน้าเมืองพนมเพ็ญ บริษัทเมสซาจรีฟลูเวียลนี้ได้รับสัญญาอนุญาตของรัฐบาลฝรั่งเศสให้เดิรเรือเมล์ในลำแม่น้ำเหล่านี้ได้แต่บริษัทเดียว เรือไฟที่เดิรรับส่งไปรษณีย์และคนโดยสารทางลำน้ำโขงข้างฝ่ายเหนือที่ต่อมณฑลอุดรและมณฑลอุบล ก็เรือบริษัทนี้ ส่วนการรับส่งคนโดยสารไปเมืองเสียมราษฐ เมืองพระตะบอง บริษัทมีเรือไฟทั้งขนาดใหญ่และขนาดย่อม เวลาน้ำมากก็เดิรเรือขนาดใหญ่ ถ้าน้ำลดน้อยลงก็เดิรเรือขนาดย่อม รับคนโดยสารและสินค้าตั้งแต่เมืองไซ่ง่อนเปนระระไปจนถึงเมืองเสียมราษฐ เมืองพระตะบอง แต่เดิรได้ไม่ตลอดปี ในระหว่างเดือนมกราคม จนเดือนกรกฎาคมน้ำลงขอด ที่ปากทะเลสาปตื้นต้องหยุดเดิรเรือเมล์อยู่หกเดือน แต่ในหกเดือนนั้นเปนเวลาปลาชุมในท้องทเลสาป พวกราษฎรพากันลงไปจับปลา นัยว่าผู้คนมากมาย ราวกับไปตั้งเมืองอยู่ในทเลสาป ทำปลาย่างปลากรอบขายไปยังที่ต่างๆ ที่ส่งเข้าไปยังเมืองเราก็ปีละมากๆ เวลาที่เรามานี้กำลังน้ำมาก เขาใช้เรือใหญ่เดิรสัปดาหะละ ๒ ครั้ง ออกจากเมืองไซ่ง่อนมาแวะเมืองพนมเพ็ญ ออกจากเมืองพนมเพ็ญวันอาทิตยเวลาเช้าครั้งหนึ่ง วันพฤหัสบดีเวลาค่ำครั้งหนึ่ง ส่งคนและสินค้าเปนระยะไปถึงเมืองเสียมราษฐ์ แล้วเลยไปจนถึงเมืองพระตะบอง ขากลับก็เช่นเดียวกัน กลับถึงเมืองพนมเพ็ญวันอังคารครั้งหนึ่ง กับวันศุกร์ครั้งหนึ่ง ทุกสัปดาหะ เรือชื่อแม่โขงลำที่เรามาห้องคนโดยสารชั้นที่หนึ่งอยู่บนดาดฟ้าทั้งนั้น ดูเหมือนจะมีสัก ๑๐ ห้อง อยู่ได้ห้องละ ๒ คน คนโดยสารชั้นที่สองก็มีห้องอยู่ แต่ห้องลงไปอยู่ชั้นกราบเรือ ส่วนคนโดยสารชั้นที่สามนั้นปูเสื่อนอนกันตามดาดฟ้า มาเที่ยวนี้คนโดยสารชั้นที่หนึ่งมีแต่พวกเรากับฝรั่งคนเดิรทางมาแต่เมืองจีนคนหนึ่ง แต่คนโดยสารชั้นที่สามมีมาก

วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เวลารุ่งสว่างเรือถึงตำบลชนกกรูปากช่องทเลสาป แลดูซ้ายขวาเปนที่น้ำท่วมป่าเกือบถึงยอดไม้ คล้ายกับที่บึงบรเพ็ดไปทุกด้าน เมื่อแล่นมาในตอนกลางคืนเรือหยุดรับคนโดยสารสามแห่ง มาในตอนกลางวันวันนี้ก็หยุดรับคนเปนระยะมา เมื่อถึงที่รับคนเปนแต่หยุดเรือแล้วเปิดแตรเปนสัญญา แต่ไม่ต้องลงสมอ เพราะคนโดยสารลงเรือแจวของบริษัทรับบรรทุกมาคอยอยู่แล้ว บางแห่งเห็นจะมาแต่ไกลๆ ด้วยน้ำท่วมเข้าไปมาก ตามทางที่มามีประภาคารย่อมๆ รายหนทางตลอดทุกระยะ ที่ในทเลสาปนั้น เวลาลมจัดอาจมีคลื่นจนเรือเมล์ใหญ่แคลง แล่นมาเห็นฝั่งทางตวันออกแต่ข้างเดียวตลอดทาง กินอาหารเช้าและกลางวันในเรือ อาหารอยู่ข้างเลว เรือก็เปนเรือเก่าไม่สู้สอาด พนักงารเดินเรือดูไม่ถือสัมมาคารวะ เปนต้นว่ากัปตันฝรั่งก็ไม่แต่งตัวเปนระเบียบ ไม่รู้จักตอนรับคนโดยสาร เปนแต่เกรงใจก็เลี่ยงๆ ไปไม่เห็นมารอหน้า ฝรั่งคนโดยสารที่มาพร้อมกับพวกเราอิกคนหนึ่งนั้น จะเปนชาติใดหาทราบแน่ไม่ บอกแต่ว่ามีตำแหน่งอยู่กรมศุลกากรเมืองจีน พูดภาษาอังกฤษคล่องก็เลยคุ้นกัน แต่ไปดูพระนครวัดอยู่วันเดียวก็กลับ ดูเสียเที่ยวที่มาเปล่า ๆ เขาเล่าว่ามีอเมริกันบางคนยังเก่งกว่านี้ ไปนั่งดูพระนครวัดอยู่เพียงที่โฮเต็ล และเลือกซื้อไปรษณียบัตรรูปพระนครวัดได้แล้วก็กลับ แต่เรื่องนี้จริงเท็จอยู่กับผู้กล่าว

เรือถึงปากน้ำเมืองเสียมราษฐเวลาบ่าย ๓ นาฬิกา มองสิเออลองแบต์เรสิดังมณฑลพระตะบอง กับฝรั่งเศสนายพลตระเวน ซึ่งเปนผู้รั้งราชการเมืองเสียมราษฐมารับ พาพวกเราลงเรือไฟเล็กของรัฐบาลเข้าคลองมา มาตอนนี้ได้สังเกตเห็นอะไรชอบกลอิกอย่างหนึ่ง คือเรือมาดของเขมร ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่อย่างไร ทำหัวเรือท้ายเรืออย่างเรือดั้งของเราทั้งนั้น แม้ขนาดเรือสำปั้นสองพายก็ทำเช่นนั้นทุกลำ คงเปนแบบมาแต่โบราณ เพราะฉนั้นจึงเปนปัญหาว่า เขมรจะเอาอย่างเรือไทยมาทำใช้ในพื้นเมือง หรือไทยจะเอาอย่างรูปเรือมาดเขมรไปทำเรือดั้งเรือศรี ตลอดจนเรือสำปนี ความจริงน่าจะเปนอย่างหลัง ด้วยเรือไทยทำเช่นนั้นแต่บางอย่าง แต่เรือเขมรทำเช่นนั้นทุกอย่าง และทำเช่นเดียวกันทั่วไปทุกเมือง เรือไฟเล็กแล่นมาประมาณ ๒๐ นาฑีถึงท่า ที่เรียกว่าท่านี้ไม่ใช่ท่าประจำ รัฐบาลทำถนนรถลงไปจนถึงชายทเลสาป หน้าน้ำ ๆ ขึ้นท่วมถนนเพียงไหนก็เลื่อนท่าหนีน้ำขึ้นมา ท่าที่ขึ้นวันนี้เปนแต่เอาเรือพายสองลำขนาน ปูกระดานเปนทางเดินขึ้นไปถึงถนน เรสิดังสุปีริเอมีแก่ใจให้ส่งรถยนต์มาจากเมืองพนมเพ็ญสำหรับเราใช้เองหลัง ๑ ให้ใช้รถหลวงที่เมืองเสียมราษฐสำหรับเปนรถบริวารอิก ๒ หลัง ขึ้นรถมาตามถนน เข้าเขตเมืองเสียมราษฐ เห็นบ้านเรือนราษฎรตั้งอยู่ริมลำน้ำทั้งสองฟาก ถนนผ่านหลังบ้านทางฝั่งตวันตก ทำคดค้อมไปตามรูปลำน้ำ มาถึงเมืองเสียมราษฐใหม่คือที่ฝรั่งเศสสร้างตึกสถานที่ว่าการอยู่ริมเมืองเก่าซึ่งก่อป้อมปราการครั้งรัชกาลที่ ๓ เรสิดังชวนหยุดพักเลี้ยงของว่าง และเผอิญฝนตกต้องรอฝนด้วยแล้วจึงขึ้นรถต่อมา ผ่านเมืองเก่าดูป้อมปราการที่ไทยเราสร้างไว้อยู่ข้างเลวทรามและเล็กด้วย ทางรถยนต์แต่เมืองเสียมราษฐประมาณ ๖ กิโลเนตร (๑๕๐ เส้น) ถึงที่นครวัด มีที่อยู่แห่งเดียวคือโฮเต็ลแองกอร์ เปนตึกชั้นเดียวคล้ายโฮเต็ลที่เมืองชวา แต่จัดดีพอพักได้ไม่ลำบาก มีทั้งประปาและไฟฟ้าอาหารก็ไม่เลว เวลาพวกเรามาถึงจวนค่ำแล้ว ได้แต่ถวายเนตรชมโฉมนครวัดจากโฮเต็ล ยังหาได้ขึ้นไม่

เวลาค่ำได้เชิญมองซิเออลังแบต์เรสิดังมากินอาหารด้วย เรสิดังคนนี้ได้เคยรับเสด็จทูลกระหม่อมชาย ทูลกระหม่อมโปรดเคยได้ยินตรัสสรรเสริญ อัธยาศัยดีจริง เสียแต่กับเราพูดกันต้องมีล่าม

  1. ๑. ได้ยินว่าฝรั่งเศสจะแยกการปกครองมณฑลพระตะบองออกเปน ๒ มณฑล เมืองเสียมราษฐจะเปนที่ว่าการมณฑลที่จะตั้งใหม่

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ