กัณฑ์ที่ ๒

๏ มิกาทุโร ชีปนราชา ปุตฺตสฺส นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย โลกาภิภูโต อโหสิ อเถกทิวสํ กติจฺฉกา รฺโ สนฺติกํ คนฺตวา เอกงฺสํ ปารุปนํ กตฺวา ราชปุตฺตสฺส ปวุตฺตึ รฺโ อาโรเจสีติ ฯ

อนุสนธิเทศนา มี บุพพาปรลำดับสืบเนื่องตามกระแสความในพระคัมภีร์มา บัดนี้จะได้วิสัชชนาความในหริสตนฺลีโอพรสืบต่อไป ดำเนินความว่า ชีปน ราชา อันว่าพระยามิกาทุรชีปนะราช จำเดิมแต่พระโอรสปลาศนาการจากพระนครแล้ว ก็มิได้มีความผ่องแผ้วเบิกบานพระหฤทัย อเกกทิวสํ อยู่มากาลวันหนึ่ง นางกติจฉกาขึ้นมายังที่เฝ้า กระทำพระภูษาเฉียงพระอังษาประเทศเบื้องขวา ถวายวันทนาการแล้วกราบทูลว่า เทว ข้าแต่พระองค์ผู้เปนสมมติเทวดา ดังข้าพระองค์ได้สดับข่าวสาสน์แห่งพระลูกเจ้าว่าเดี๋ยวนี้เสด็จอยู่ที่ติติปุระประเทศ แปลงเพศเปนคีตกะบุรุษย์ ผิแลถ้าพระองค์จะใคร่ประสบพระลูกเจ้าแล้วไซร้ ขอพระองค์จงเสด็จไปยังติติปุระบุรีโน้นเถิด

คำพระคันถรจนาจารย์กล่าวว่า กิร ดังได้สดับมา นางกติจฉกามหัลกะนารีผู้นี้ มีความเสน่หาพระราชบุตรมาแต่ยังทรงพระเยาว์ จึงคิดอ่านโลมเล้าพระราชบุตรให้ทรงสำราญด้วยตน เหตุว่าพระเจ้ามิกาทุรราชตั้งพระราชกำหนดไว้ว่า บุรุษย์แลนารีซึ่งมิได้สู่ฃอเปนสามีภริยาด้วยกัน ห้ามมิให้ยิ้มหัวหยอกเอินด้วยกันแลกัน ถ้าผู้ใดล่วงลเมิดพระราชกำหนดนั้นไซร้โทษถึงสิ้นชีวิต เมื่อนางกติจฉกาเล้าโลมพระราชบุตรให้มีความผิดล่วงลเมิดฉนี้ พระบิดาจึ่งดำรัสให้ทำการวิวาหมงคล จนพระราชโอรสปลาศนาการไป นางกติจฉกาก็มิได้มีน้ำใจละเลย ติดตามไปสืบถามหาจนพบนังกิปุระในเวลาเมื่อโกโกกะอำมาตย์อนุญาตนางยัมมะยัมมาให้ ในขณะเมื่อนารีแวดล้อมกันไปนั้น นางจึงกล่าววาจาทักทายเปนคำหยาบคายพ้อตัด ว่านังกิปุระมิได้ซื่อตรงต่อตน ฝ่ายชนซึ่งแวดล้อมนังกิปุระแลนางยัมมะยัมมาไปนั้น ครั้นได้ฟังคำนางกติจฉกามากล่าวผรุสวาจาต่าง ๆ ในระหว่างการวิวาหมงคล ก็พากันห้ามปรามขับไล่ ฝ่ายนางกติจฉกามีความขัดเคืองเปนสาหัส จึ่งได้คิดจะบอกนามนังกิปุระให้ปรากฎแก่ชนทั้งปวงเวลานั้น ฝ่ายนังกิปุระแลนางยัมมะยัมมา เมื่อทัศนาการเห็นนางกติจฉกาก็แจ้งว่าจะมีเหตุ จึ่งเปล่งศัพทสำเนียงเปนลำนำขับร้องให้กึกก้องกลบเสียงนางกติจฉกา หาให้ผู้ใดตรับตระหนักสำเนียงนางนั้นได้ไม่ นางกติจฉกาก็กลับไปยังโตกิยะราชธานี นำเอาข่าวสารอันนี้ทูลแด่พระเจ้ามิกาทุรราชดังแสดงมาด้วยประการฉนี้

ดำเนินเนื้อความตามนิทานกะถาสืบไปว่า มิกาทุโร ชีปนราชา พระยามิกาทุรราช อันเปนใหญ่ในชีปนะประเทศ เมื่อได้สดับข่าวสารแห่งพระราชกุมารปิโยรสก็ทรงพระปีติปราโมชเบิกบาน ประหนึ่งว่าชนจรดลโดยทางกันดาร ร้อนด้วยแสงแดดอันแผดเผาทั่วทั้งกาย กอปด้วยความกระหายอุทกวารีแล้วแลมีผู้นำมาโสรจสรงทั่วสรรพางค์ ให้เสื่อมส่างความเร่าร้อนได้ในทันใด มีอุปมัยดังพระหฤทัยพระยาชีปนะราชฉนั้น จึ่งดำรัสสั่งให้ตรวจเตรียมโยธาหาญพร้อมเสร็จ ก็เสด็จออกจากพระนคร พักผ่อนพลไกรไปในอรัญประเทศเพื่อจะประเวศยังติติปุระบุรี มหาชนา ส่วนมหาชนทั้งหลาย เมื่อได้ทราบความอันนี้ ก็บอกกล่าวกันอึงอื้อต่อไปมิได้เนิ่นช้า ข่าวนั้นก็ปรากฏถึงโกโกกามาตย์ โส อมจฺโจ ส่วนอำมาตย์ผู้นั้น ครั้นได้สดับข่าวสารก็มีความสดุ้งตกใจ มีครุวนาดังบุคคลยกขึ้นซึ่งก้อนเหล็กอันใหญ่ แล้วแลประหารลงยังศิระประเทศให้ภินทนาการได้เจ็ดภาค จึ่งได้ประชุมเชิญท่านมหาสัพพเสนาบดี กับนารีอันชื่อว่าปีติสิหิงค์มาปฤกษาว่า อันว่าพระเจ้ามิกาทุรราชเสด็จมาณครั้งนี้ ชรอยจะทรงพระพิโรธในการที่เรามิได้ประหารชีวิตชนตามพระราชบัญชา ข้าพเจ้านี้ก็เกรงพระอาญาพ้นประมาณ จะคิดผ่อนผันฉันใดในกาลบัดนี้ มหาสัพพเสนาบดีจึงตอบว่า ถ้าแลท่านจะใคร่ให้พ้นพระอาญาไซร้ จงแขงใจประหารชีวิตนังกิปุระเสียให้จงได้ ถ้าท่านไม่สามารถฉนั้นไซร้ จงสังหารตนเองให้ถึงแก่ความตาย ถิ่นประเทศแห่งเราทั้งหลายจึ่งจะมีสุขสืบไปเมื่อน่า โกโกกามจฺโจ ฝ่ายโกโกกะอำมาตย์ได้สดับคำแนะนำดังนั้น ก็ให้อัดอั้นตันใจเปนนักหนา จึ่งตอบว่า มหาเสนาปติ ดูกรท่านเสนาบดีผู้เจริญ อันตัวข้าพเจ้านี้มิสามารถที่จะสังหารผลาญชีวิตผู้อื่นได้แล้ว จะป่วยกล่าวไปไยถึงการที่จะประหารชีวิตตัวข้าพเจ้าเองได้เล่า อนึ่งมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า พระราชกำหนดตั้งขึ้นใหม่ว่า มาตรแม้นผู้ใดโทษถึงตาย ภริยาทั้งหลายให้ฝังดินด้วยทั้งเปน ข้าพเจ้าจึงมาคิดเห็นว่า ถ้าข้าพเจ้าฆ่านังกิปุระให้ถึงแก่ความตายไซร้ นางยัมมะยัมมาอันเปนที่เสน่หาแห่งข้าพเจ้า ก็จะต้องฝังด้วยทั้งเปน ไหนเลยข้าพเจ้าจะได้พบเห็นสืบไปภายน่า ครั้นข้าพเจ้าจะพิฆาฏฆ่าตนเองก็คงจะอยู่ในไม่ได้นางยัมมะยัมมา จึ่งมิรู้จะประพฤติฉันใดให้พ้นภัยในกาลครั้งนี้ เมื่อท่านมหาสัพพเสนาบดียังมิได้ทันที่จะตอบวาจาประการใด ก็ได้ยินศัพทสำเนียงเสียงกาหลแห่งพลโยธาสนั่นเนียรนาท ก็แจ้งว่าพระเจ้ามิกาทุรราชเสด็จมาถึงเมือง ชนทั้งหลายเหล่านั้นก็ยิ่งตกใจเปนกำลัง สั่งคนใช้ให้ไปนำมาซึ่งนังกิปุระแลนางยัมมะยัมมา โกโกกะอำมาตย์จึ่งกล่าววาจาว่า ภเณ ดูกรภณายเรานี้มิสามารถที่จะสังหารผลาญชีวิตท่านได้ ท่านจงนำไปซึ่งนางยัมมะยัมมาตามความปราถนาแห่งท่านเทอญ เราขอแต่ให้ท่านพาไปจงลี้ลับอย่าได้กลับมายังติติปุระประเทศ ท่านจงแปลงเพศอย่าให้ผู้ใดจำได้ แล้วจงพาไปยังเคหสถานแห่งท่านตามปราถนา นงฺกิปุโร ฝ่ายนังกิปุระได้สดับวาจาโกโกกะอำมาตย์ ก็มีความปรีดาปราโมชบันเทิงใจ แล้วแลนำไปซึ่งนางยัมมะยัมมา ด้วยประการฉนี้

เต อฺมฺ ํ มนฺตยึสุ ส่วนอำมาตย์เสนาบดีทั้งสอง กับทั้งปิชะตุชะแลนางปีติสิหิงค์นั้น ครั้นเมื่อนังกิปุระพานางยัมมะยัมมาหลีกไปแล้ว ก็ปฤกษาด้วยกันแลกันสืบไป โกโกกะอำมาตย์กล่าววาจาว่า ข้าแต่ท่านผู้เปนอรรคมหาเสนาบดี คาบนี้เปนความคับแค้นอันยิ่งใหญ่ในตัวข้าพเจ้า ขอท่านจงได้กรุณารับอาสาเปนพยานว่า ข้าพเจ้าได้ประหารชีพนังกิปุระถึงแก่ความตายแล้ว ถ้าแลว่าการนี้ตลอดล่วงลุแล้วไซร้ ข้าพเจ้าจะแทนคุณท่านให้ถึงขนาด

ตามคำคันถรจนาจารย์พรรณาไว้ว่า บุรพาหะมหาสัพพเสนาบดีผู้นี้เปนผู้มีตระกูลต่ำ เปนผู้ขัดสนด้วยโภคสมบัติ ย่อมซื้ออาหารบริโภคอยู่ตามโรงเข้าแกง แลย่อมเปนผู้ทำความลับอันใดในกิจการพระนครออกแสดงให้แพร่งพรายด้วยได้รับสินจ้าง ลาภสักการะเล็กน้อยอันใด ที่พอจะได้ถึงมือแล้วก็มิได้เลือกว่าผิดแลชอบ ย่อมถือเอาโดยความยินดีทุกเมื่อ แม้ถึงในกาลครั้งนี้ นังกิปุระก็สอดสินสักการะให้แก่บุระพาหะ เพื่อจะให้ช่วยให้ได้นางยัมมะยัมมาตามปราถนา แลให้พ้นจากอาญาในบทพระอัยการ ครั้นเมื่อโกโกกามาตย์ขอให้ช่วยเปนพยานก็เปนที่ยินดีชอบใจ ด้วยตัวได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายฉนี้

ฝ่ายปิชะตุชะนั้นก็เปนราชบุรุษย์ผู้หนึ่ง ซึ่งได้รับราชกิจอยู่ในตำแหน่งผู้น้อย เปนที่ชอบอัชฌาศรัยกับโกโกกะอำมาตย์ พอที่จะว่าวานให้ช่วยเปนพยานได้อิกนายหนึ่ง ส่วนนางปีติสิหิงค์ เปนเอกาจาริยกาแลชอบอัชฌาศรัยไว้ใจกันกับนางยัมมะยัมมา จึ่งเข้าชื่อกันรับอาสาเปนพยานได้ด้วยอิกนางหนึ่งฉนี้

วิสัชชนาความตามนิทานกะถาสืบไปว่า สพฺพเสนาปติ บุรพาหะมหาเสนาบดี เมื่อได้ฟังคำโกโกกามาตย์กล่าวดังนั้นก็มีความยินดีรับว่าการอันนี้ท่านอย่าร้อนใจ ว่าแล้วก็เรียกกระดาษมาเขียนข้อความตามประสงค์ให้ทุกสิ่งทุกอันแล้ว ก็พากันออกไปรับเสด็จพระเจ้ามิกาทุรราช ราชา ติติปุรํ ปตฺวา ส่วนว่าพระเจ้ามิกาทุรราชชีปนาธิบดี เสด็จถึงติติปุระประเทศก็หยุดประทับสำราญพระหฤทัย สองอำมาตย์กับนางปีติสิหิงค์ก็พากันเข้าไปยังที่เฝ้า ถวายอัญชลีแล้ว โกโกกะอำมาตย์ก็นำหนังสือที่ทำไว้ ถวายแด่พระเจ้ามิกาทุรราชรับมาทรงอ่านทราบการว่า โกโกกะอำมาตย์ได้พิฆาฎฆ่าบุรุษย์ผู้หนึ่งซึ่งมีนามนังกิปุระ ต่อหน้าท่านมหาสัพพเสนาบดีมีตำแหน่งสำเร็จราชการทั่วพระนคร แลเสนาบดีผู้ว่าที่ขุนคลัง อิกทั้งวินิจฉัยอำมาตย์รับตำแหน่งที่รงับทุกข์สุขราษฎร แลตำแหน่งราชปุโรหิตแลราชปรินายกเสนาบดีแลอำมาตย์มีชื่อทั่วทุกนาย แลตำแหน่งทั้งหลายเหล่านั้นบุรพาหะเสนาบดีผู้เดียวได้ว่าทุกตำแหน่ง จึ่งแบ่งนับออกไปเปนพยานได้หลายคน แต่ที่จริงก็ผู้เดียวเท่านั้น กับทั้งปิชะตุชะกับนางปีติสิหิงค์ก็เปนพยานรับสำอ้างอิงอิกสองคน ครั้นเมื่อพระเจ้ามิกาทุรราชได้ทอดพระเนตรหนังสือนั้นก็ทรงชื่นชมยินดี ดำรัสถามถึงการที่ประหารชีวิตนั้นได้ทำประการใด สองอำมาตย์แลปิชะตุชะกับนางปีติสิหิงค์ก็กราบทูลเปนเรื่องราวไปโดยทางมุสาวาท เอวํ วุตฺเต ครั้นเมื่อพระเจ้ามิกาทุรราชตรัสประภาษด้วยเรื่องฆ่าคนเสร็จแล้ว จึ่งดำรัสว่าซึ่งเรายกพยุหโยธามาดังนี้ เพราะได้ทราบข่าวว่าพระราชโอรสแห่งเราซึ่งปลาศนาการจากพระนครมาแต่ก่อนกาล มีประมาณปีหนึ่งเปนกำหนด ได้แปลงปลอมเปนคีตกะบุรุษย์เรียกนามว่านังกิปุระมาอยู่ในพระนครนี้ เราจึ่งมีความยินดีที่จะได้เห็นพระโอรส ท่านทั้งหลายยังแจ้งความปรากฎว่าโอรสแห่งเราบัดนี้อยู่ในสถานที่ดังฤๅ เทฺว อมจฺจา ฝ่ายอำมาตย์ทั้งสองได้เสาวนาการ พระราชดำรัสแห่งพระเจ้ามิกาทุรราชฉนั้น ก็พากันสดุ้งตกใจเปนกำลัง มิอาจที่จะยับยั้งดำริห์ตริตรองได้ ก็กราบทูลไปตามความที่จริงว่า นังกิปุระซึ่งเปนพระราชโอรสนั้น พึ่งออกจากนครไปมิได้นาน กติจฺฉกา ปน ฝ่ายนางกติจฉกาเมื่อได้สดับวาจาสองอำมาตย์กราบทูลพระเจ้ามิกาทุรราช มิต้องด้วยหนังสือซึ่งนำมาถวาย ก็เข้าใจว่าชรอยอำมาตย์นี้จะพิฆาฎฆ่านังกิปุระถึงแก่ชีวิตอันตรายแล้ว ครั้นทราบว่าเปนพระราชโอรสเกรงความผิด จึ่งได้คิดกลบเกลื่อนเงื่อนสาย กราบทูลจำหน่ายว่านังกิปุระออกจากนครไป หวังจะให้ข้อความนั้นเสื่อมสูญ เมื่อนางรลึกถึงนังกิปุระซึ่งเปนที่เสนหามาแต่กาลก่อน ก็ข้อนทรวงโสกาดุรพิลาป แล้วกราบทูลแด่พระเจ้ามิกาทุรราชว่า เทว ข้าแต่พระองค์ผู้เปนสมมติเทวดา ขอพระองค์จงทรงพิจารณาในถ้อยคำแห่งสองอำมาตย์ ซึ่งกราบทูลว่าพระราชโอรสเสด็จจากนครไปนั้น หาต้องกันไม่กับหนังสือซึ่งถวายไว้ ว่าได้ประหารชีพนังกิปุระ ชรอยว่าพระลูกเจ้าจะสิ้นชีพเสียแล้วเปนมั่นคง ปณฺณํ ปุน โอโลเกตฺวา ครั้นเมื่อพระเจ้ามิกาทุรราชได้ทรงสดับดังนั้นจึ่งทรงหยิบหนังสือซึ่งสองอำมาตย์ได้ความชัดว่า ได้พิฆาฎนังกิปุระตามคำนางกติจฉกากล่าว จึ่งดำรัสซ้ำสอบถามสองอำมาตย์นั้นเล่า ว่าถ้อยคำแห่งท่านทั้งสองคราวนี้คำใดจะเปนคำจริง สองอำมาตย์ก็มีความสดุ้งตกใจ ซบเศียรเกล้าลงเกลือกกลิ้งเหนือพื้นแผ่นดินสุดสิ้นสมฤดี มิรู้ที่จะกราบทูลประการใดได้ ครั้นดำรัสซ้ำซักถามก็กลับกราบทูลไปโดยทางมุสาวาท ว่าได้พิฆาฎฆ่านังกิปุระจริงดังหนังสือที่ถวายนั้น เพราะมิได้ทันที่จะสังเกตว่าเปนพระราชโอรสแปลงปลอมมา เมื่อเห็นว่าทำการผิดด้วยพระราชกำหนดบทพระอัยการ ก็สังหารชีวิตเสียตามพระราชกำหนด ด้วยความตั้งใจว่าพระองค์พระราชทานเกียรติยศให้เปนเพ็ชฌฆาฎผู้ใหญ่ หวังว่าจะให้ทำการในตำแหน่งโดยซื่อสัตย์สุจริต จึ่งได้อุสาหทำราชกิจตามตำแหน่งมิได้ย่อหย่อน โดยความกตัญญูกตเวที การซึ่งมาเปนเช่นดังนี้ เปนกรรมแห่งข้าพระองค์ ขอจงได้ทรงพระกรุณา มิกาทุโร ราชา พระยามิกาทุรราชได้สดับคำสองอำมาตย์ ก็มิได้ทรงพระพิโรธ โปรดประภาษว่า ซึ่งท่านประหารชีวิตนังกิปุระเสียตามโทษนั้น เปนการสมควรกันกับที่กระทำความผิด น โสจามิ น โรทามิ เรามิได้มีความโศกเศร้าแลมิได้ร่ำไห้ ด้วยคิดจะตั้งใจรักษาแต่กฎหมายแบบอย่างสำหรับแผ่นดิน มิให้มีผู้ใดดูหมิ่นล่วงลเมิด ถึงว่าจะเปนบุตรเกิดในอุทรก็มิได้อาลัย ท่านอย่าได้มีความสดุ้งตกใจในการที่กระทำนั้นเลย เตอตฺตมนา อเหสุํ สองอำมาตย์เมื่อได้สดับรับสั่งแห่งพระเจ้ามิกาทุรราชดังนี้ ก็มีความยินดีชื่นชมบันเทิงใจ มิกาทุโรราชา พระเจ้ามิกาทุรราช เมื่อยังสองอำมาตย์ให้พ้นจากความสดุ้งตกใจฉนั้นแล้ว จึ่งดำรัสข้อความสืบไป ว่า ดูกรภณาย การซึ่งท่านทั้งหลายสังหารชีวิตผู้ซึ่งทำความผิดเปนการชอบแล้วดังเราได้กล่าวมา อปิจโข ปน แต่ส่วนพระราชกำหนดอิกแพนกหนึ่งนั้นกล่าวว่า ถ้าผู้ใดประทุษฐร้ายต่อพระราชโอรสแห่งพระเจ้าแผ่นดินไซร้ ให้ลงโทษถึงสิ้นชีวิต โดยความลำบากแสนสาหัส คือทอดน้ำมันเสียเปนต้นจนสิ้นชีวิต ส่วนการอันนี้ก็เปนราชกิจสำหรับเราจะต้องทำเว้นมิได้ ท่านจงตระเตรียมกายไว้ให้พร้อมเสร็จ เราจะไปบริโภคโภชนาหาร กลับมาจึ่งจะพิฆาฎฆ่าท่านโดยทอดน้ำมันตามกฎหมาย ท่านทั้งหลายยังจะเห็นเปนที่ชอบด้วยฤๅประการใด สองอำมาตย์มิรู้ที่จะทูลสนองพระราชบัญชาได้ ก็ซบหน้านิ่งอยู่ในที่นั้น พระเจ้ามิกาทุรราชก็เสด็จเข้าสู่ที่เสวยสำราญพระราชหฤทัยในราชมาฬก อันบุคคลตกแต่งถวายเปนอันดี ด้วยประการฉนี้ ๚

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ