ตำรายาโรงพระโอสถ

บานแพนก

๏ ศุภมัสดุ จุลศักราช ๑๑๗๔ มกฏะสังกัจฉร มฤคศิรมาศกาฬปักษ์ เตรสมีดฤถีครุวาร บริเฉท กาลกำหนด พระบาทสมเด็จบรมธรรมฤกราชาธิบดี ศรีวิสุทธิวงษ์ องควรามหาพุทธางกูรราช บรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ประกอบด้วยพระกรุณาคุณอันประเสริฐ ได้มหาปราบดาภิเศกผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ เสด็จออกณพระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน โดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยเสวกากรบวรราชกระวี มนตรีมุขมาตยานุชิต อุทิตยชาติราชสุริยวงษ์ พงษ์พฤฒาโหราจารย์ พร้อมเฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศโดยอันดับถานาศักดิ จึงทรงพระดำริห์ว่า ทุกวันนี้คัมภีร์แพทย์ณโรงพระโอสถเสื่อมสูญไป มิได้เปนเรื่องต้นเรื่องปลาย อนึ่งเล่าแพทย์ผู้เถ้าที่ชำนิชำนาญในลักษณโรค แลสรรพคุณแห่งยานั้น ก็มีอยู่น้อย ภายหลังยากที่กุลบุตรจักเล่าเรียนให้ชัดเจนได้ แล้วทรงพระมหากรุณาจะให้เปนหิตานุหิตประโยชน์แก่สมณะชีพราหมณ์ อาณาประชาราษฎรในขอบขัณฑสิมาสืบต่อไป จึงมีพระราชโองการมาณพระบัณฑูรสุรสีหนาท ตำรัสสั่งพระพงษ์อำมรินทรราชนิกูล ให้สืบเสาะหาตำรายาลักษณโรคทั้งปวง ในข้าทูลลอองธุลีพระบาท แลราษฎร พระราชาคณะทุกอาราม ก็ได้ส่งมาทูลเกล้า ฯ ถวายหลายฉบับ มีวิธีต่าง ๆ กัน

ตำรายาโรงพระโอสถ

๏ สิทธิการิย จะกล่าวคัมภีร์ยา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในกาลก่อน ประมวญไว้ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพคุณยา ซึ่งจะแก้สรรพจักษุโรค สมมุติว่าต้อนั้น โดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อสรรพคุณวุฒิ เอาพิมเสน ดินถนำสุทธิบัลลังก์ศิลาสุทธิ โกฏทั้งห้า กระวาน ตรีกะฏุก ตรีผลา รากกระพังโหม รากหญ้านาง รากชาเกลือ กะชาย ไพล หอม กะเทียม ขมิ้นอ้อย ศีศะชัณกาด ดีงูเหลือม ดีจรเข้ ดีเต่า เอาเสมอภาค ทำเปนจุณ บดด้วยน้ำมะนาว บดทำแท่งไว้ ฝนบ้ายจักษุ แก้สรรพต้อทั้งปวงหายดีนัก ๚

๒ ยาชื่อกลิ่นธรณี เอาพิมเสนส่วน ๑ รากอัญชันทั้ง ๒ รากขี้เหล็ก รากขี้กาแดง รากขัดมอน สิ่งละ ๒ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำมะนาวบ้ายจักษุ แก้ต้อหมอกให้เกลื่อนจากองค์จักษุหายดีนัก ๚

๓ ยาชื่อเฟื่องสมุท เอาดีจรเข้ สานส้ม สิ่งละส่วน ดินถนำสุทธิ ๒ ส่วน ใบทองหลางใบมน ๓ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำมะนาว บ้ายจักษุ แผ้วต้อหมอกให้เกลื่อนไปหายดีนัก ๚

๔ ยาชื่ออินทประทาน เอาพิมเสน ดินถนำสุทธิ พริกอ่อน ขิงสด สิ่งละส่วน ใบผักเค็ด ใบฆ้อนกลอง สิ่งละ ๒ ส่วน ทำเปนจุณ เอาสรรพดีแช่น้ำมะนาวเปนกระสาย บดทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำมะนาวบ้ายจักษุ แก้ไม่สดจักษุกระทำให้จักษุช้ำให้แดง แก้ยอดฤกดวง (ริดสีดวง) ขึ้นจักษุแก้ต้อหมอกต้อดงนั้นหายดีนัก ๚

๕ ยาชื่อมหาอาวุธ เอาพิมเสนเกล็ด ดอกจันทน์ กระวาน โกฏสอ โกฏเขมา เทียนสัตบุษ ตามยา ขิงสด ขมิ้นอ้อย ดีจรเข้ ดีตะพาบน้ำ สิ่งละส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ฝนใส่จักษุ แก้สรรพฤกดวง (ริดสีดวง) ขึ้นจักษุ แลสรรพต้อทั้งปวงหายดีนัก ๚

สรรพยา ๕ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้าขุนราชเนตร ทูลเกล้า ฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวคัมภีร์ยา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยกล่าวประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยาที่จะแก้ ซึ่งโรคอันบังเกิดแก่กุมาร กุมารี ทั้งหลาย อันเปนอาคันตุกะโรค ซึ่งโลกสมมุติว่าลำบองราหูนั้น โดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อสุริยองครักษ์ เอากระดูกศีศะวานรเผาไคลเสมา ดอกหนาด รากกะทกรก เปราะหอม สิ่งละส่วน ผิวมะตูมอ่อน ๓ ส่วน คราบงูเห่า ๘ ส่วน ทำเปนจุณบดละลายน้ำดอกพิกุลต้ม แทรกทองคำเปลวลง ๑๑ แผ่น ทำแท่งไว้ ละลายน้ำใบหญ้าแพรก น้ำใบพิมเสนก็ได้ ต้มตามวิธีให้กิน แก้ไข้ในกุมารอันต้องลำบองราหู ๑๒ เดือน แลต้องแม่ซื้อ ๗ วัน แลแก้สรรพปักษีทั้งปวง มีสุนนทปักษีเปนต้น มีกาฬปักษีเปนที่สุด นั้นหายสิ้นวิเศษนัก ๚

๒ ยารมผ้าอ้อม เอาใบสาบแร้ง ใบสาบกา ใบหนาด ใบหว้านน้ำ ใบหิงหายนา ไคลบันได กะดองแมงดา เขากระบือ มหาหิงคุ์ เอาเสมอภาค ทำเปนจุณ แล้วเอาโรยในถ่านไฟรมผ้าอ้อมแลแก้ลำบองราหูหายดีนัก ๚

๓ ยาชื่อมหาระรันพิศ เอาโกฏกระดูก กฤษณา ใบหนาด หอมแดง สิ่งละส่วน เปราะหอม ๒ ส่วน ทำเปนจุณ บดด้วยน้ำหอมแดง ทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้พ่นแก้พิศม์ลำบองราหู อันบังเกิดมาด้วยธาตุทั้ง ๔ ภายนอกนั้นหายดีนัก ๚

๔ ยาชื่อสหัสรังษี เอาขนแร้ง ขนกา ไคลเสมา ใบหนาด เล็บแมงดา มหาหิงคุ์ เอาเสมอภาค ทำเปนจุณ บดด้วยน้ำใบหิงหายนา ทำแท่งไว้ ละลายน้ำครำน้ำมูตร ก็ได้ ทาตัวกุมารอันต้องลำบองราหู ๑๒ เดือน ซึ่งเปนอาคันตุกะโรคหายสิ้นดีนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ขุนกุมารประเสริฐ ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ที่จะแก้ซึ่งโรค อันเปนชาติโลหิต อันบังเกิดตามฤดูเคย อันเปนปรกติโทษโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อพรหมภักตร เอาผลจันทน์ ดอกจันทน์ สิ่งละส่วน มหาหิงคุ์ ยางสลัดได การบูร สิ่งละ ๔ ส่วน พริกหอม ๕ ส่วน ทำเปนจุณ เอาน้ำเปลือกมะรุมต้มเปนกระสาย บดแล้วจึงเอาใส่กะทะขึ้นตั้งไฟกวนพอปั้นได้ ทำแท่งไว้กินตามธาตุหนักธาตุเบา ขะระโลหิตเน่าร้าย ซึ่งกระทำให้ปวดท้องให้จุกเสียด หายสิ้นวิเศษนัก ๚

๒ ยาชื่อกำลังราชสีห์ เอาผลจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู เลือดแรด สิ่งละส่วน โกฏสอ โกฐเขมา โกฏเชียง โกฎจุลาลำพา โกฏบัว เทียนดำ เทียนแดง เทียนขาว เทียนเข้าเปลือก เทียนตาตั๊กแตน สิ่งละ ๒ ส่วน เจตมูลเพลิง สค้าน ดีปลี ขิงแห้ง รากชะพลู ดอกพิกุล ดอกบุนนาค สารภี เกสรบัวหลวง ดอกมลิ ดอกจำปา ดอกกะดังงา ดอกคำ กฤษณา กลำพัก ชลูด ขอนดอก อบเชย ชะเอมเทศ จันทน์แดง จันทน์ขาว สิ่งละ ๔ ส่วน ฝางเสน ๙ ส่วน ต้มตามวิธีให้กินบำรุงโลหิตให้งามบริบูรณ์วิเศษยิ่งนัก ๚

๓ ขนานหนึ่ง เอารากคนทีสอ รากมะอึก เปลือกไม้แดง เปลือกนนทรี พริกไทย ขิงแห้ง ดีปลี เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ เอาเสมอภาค ต้มตามวิธีให้กิน ขับโลหิตอันเน่าร้ายหายสิ้นวิเศษนัก ๚

๔ ขนานหนึ่ง เอาสานส้มส่วน ๑ ใบมะกา แก่นแสมสาร ฝางเสน เปลือกนนทรี สิ่งละส่วน ต้มตามวิธีให้กินบำรุงโลหิตให้งาม ทั้งขับโลหิตเน่าร้ายซึ่งกระทำอาการให้จุกเสียดแน่นเฟ้อคลื่นเหียน แลแก้โลหิตตัวปลิงเกาะตามกระดูกสันหลังนั้นหายสิ้นวิเศษนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า หมื่นอินแวทย ทูลเกล้า ฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ซึ่งจะแก้สรรพโลหิตโรค อันบังเกิดในวิธีกูลเพลิง กล่าวคือคลอดบุตรแล้ว แถนอนเพลิงอยู่นั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อสุรามะธิคุณ เอารากกุ่มทั้งสอง สิ่งละ ๓ ส่วน รากกนาก ๑๒ รากขี้กาแดง ใบมะตูม รากตองแตก ยาดำ สิ่งละ ๑๖ ส่วน รากคัดเค้าสด ๔๐ ส่วน ใบมะกา ๘๐ ส่วน รากชะพลู ๒๐๒ ส่วน ต้มตามวิธีให้กิน ขับโลหิตเน่าร้ายให้ตกสิ้นดีนัก ๚

๒ ยาชื่อหนูกัด เอาตรีกะฏุก สานส้ม สิ่งละบาท ๑ ถ่านไม้สัก หอยแครงเผาสิ่งละ ๓ บาท หญ้ายอนไฟ ๕ บาท ผลมะกรูด ๓ ผล ทำเปนจุณบดทำ ท่งไว้ ละลายสุราให้กินตามกำลัง ขับสรรพโลหิตซึ่งเน่าร้ายทั้งปวงอันบังเกิดขึ้นในวิธีกูลเพลิงก็ดี แลบังเกิดขึ้นในโลหิตปรกติโทษ แต่ทุจริตโทษก็ดี ยาขนานนี้สามารถแก้ได้ทุกประการ ตามอาจาริยกล่าวไว้สืบกันมา ว่าวิเศษยิ่งนัก ๚

๓ ยาชื่อเพลิงกรด เอาสังข์เผา สานส้ม ดินประสิวขาว เทียนดำ เทียนขาว ผลจันทน์ ดอกจันทน์ ตรีกะฏุก ไพล ขมิ้นอ้อย เกลือสินเธาว์ สิ่งละส่วน เปลือกทิ้งถ่อน เปลือกมะพูด เปลือกมะเกลือ รากตองแตก สิ่งละ ๒ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำส้มสายชูให้กินตามกำลัง ขับโลหิตในวิธีกูลเพลิง คือคลอดบุตรแล้วแลนอนเพลิงอยู่นั้น โลหิตเน่าร้ายทั้งปวงตกสิ้นดีนัก ๚

๔ ยาชื่อจักรรัตนทิพย์ เอาโกฏเขมา โกฏพุงปลา เทียนดำ เทียนขาว เปราะหอม ดีปลี ผลคัดเค้า สิ่งละส่วน เจตมูล ๒ ส่วน ดองดึง ๘ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายสุราให้กินตามกำลัง ดันโลหิตเน่าร้ายอันเกิดขึ้นในวิธีกูลเพลิงนั้นหายวิเศษนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า หมื่นจะมระสิน ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าด้วยสรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ซึ่งจะแก้วาโย อันบังเกิดในกุมาร โลกสมมุติว่าลมทราง ๗ จำพวกนั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อประสะไพล เอาผลจันทน์เทศ กระวาน กานพลู ผิวมะกรูด หว้านน้ำ ขิงแห้ง หอมแดง มหาหิงคุ์ ยาดำ น้ำประสานทองสุทธิ การบูร สิ่งละส่วน ไพล ๑๑ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำมะกรูดเผาให้สุก แทรกการบูรให้กิน แก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวก ซึ่งกระทำพิศม์ต่าง ๆ นั้นหายดีนัก ๚

๒ ยาชื่อประสะขาว เอาสังข์เผา เบี้ยผู้เผา กระดูกงูทับสมิงคลาเผา พยายา รากพุงดอ รากมะนาว ปูนขาว ชะมดเชียง พิมเสน เอาเสมอภาค ทำเปนจุณ เอาน้ำทศเขา เอาน้ำเนาวเขี้ยว แทรกดีงูเหลือมเปนกระสายบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้ไว้ให้กินแก้พิศม์ลมทรางทั้ง ๗ จำพวกหายดีนัก ๚

๓ ยาชื่อมหาเปราะ เอาดอกบุนนาค กฤษณา กลำพัก ผิวมะกรูด หว้านน้ำ การบูร ไคร้หอม หอมแดง สิ่งละส่วน เปราะหอม ๓ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้แทรกพิมเสน ทั้งกิน, ทั้งชะโลม, ทา, ก็ได้ แก้พิศม์ลมทรางทั้ง ๗ จำพวก แลสรรพทรางอันจรมานั้นหายสิ้นดีนัก ๚

๔ ยาชื่อประสะกระดูก เอาตรีกะฏุก สค้าน ชะพลู เปล้าน้อย กะเทียม สมอเทศลูกใหญ่ สิ่งละส่วน กระดูกงูเห่าเผา ๘ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำผักเป็ดแดงต้มให้กิน แก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวกนั้นหายดีนัก

๕ ขนานหนึ่งแก้ลมทราง เอามูลแพรภู่ พริกไทยคั่ว ๒ ถ่านไม้สัก ๓ ปูนแดง ๔ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำมะกรูดทาท้องกุมาร แก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวกหายดีนัก ๚

สรรพยา ๕ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า หมื่นพรหมาเนตร ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าด้วยสรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ที่จะแก้จักษุโรค สมมุติว่าต้อต่าง ๆ นั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อแดงวัดสุธา เอาชะมดเชียง พิมเสน ฝิ่นดิบ ผลจันทน์เทศ อบเชยเทศ กฤษณา สิ่งละส่วน จันทน์ทั้ง ๒ สิ่งละ ๒ ส่วน ขอนดอก ครั่งดุ้น เปลือกมะขามขบ เปลือกมะไฟ สิ่งละ ๔ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำดอกมะลิสด ทำแท่งไว้ในร่มกว่าจะแห้ง ฝนบ้ายจักษุ แก้จักษุแดง ให้ปวดให้เคือง แผ้วหมอกมัวให้สว่าง สมานจักษุแตกร้าวเปื่อยเน่าทั้งปวง หายดีนัก ๚

๒ ยาชื่อมหาสุขุม เอาขมิ้นอ้อย กระทือ ไพล สิ่งละส่วน พริกล่อน ขิงแห้ง สิ่งละ ๒ ส่วน ดินถนำ ใบผักเค็ด สิ่งละ ๑๖ ส่วน ใบปีบ ๓๖ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำใบผักเค็ด ทำแท่งตากไว้ในร่มกว่าจะแห้ง ฝนบ้ายจักษุ ชำระต้อสายโลหิตในดวงจักษุขาว แก้น้ำในจักษุตา แต่แก้ฤศดวงในจักษุแล แลแก้สรรพต้อทั้งปวงหายดีนัก ๚

๓ ยาชื่อมหาอุดม เอาเทียนดำ เทียนขาว เทียนสัตบุษ ดอกจันทน์ ลิ้นทเล ผลปราย ผลมะขามป้อม แก่นเทียนสัตบุษ แก่นสนเหนือ ดอกชลูด สิ่งละส่วน ชมดเชียง พิมเสน สิ่งละ ๒ ส่วน ดีฟาน ดีจรเข้ ดีแพะ สิ่งละ ๓ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำเถาตำลึง ทำแท่ง ฝนด้วยน้ำค้างบ้ายจักษุ แผ้วจักษุแก้หมอกมัวให้สว่าง แก้ฤศดวงจักษุแฉะ แลแก้สรรพต้อทั้งปวง หายวิเศษนัก ๚

๔ ยาชื่อสุริยาธิจร เอาผลจันทน์เทศส่วน ๑ ดอกขจร ๒ ส่วน ที่เปนจุณบดทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำท่าบ้ายจักษุ เปนยาชูผิวจักษุ แลจำเริญซึ่งน้ำเลี้ยงจักษุ ให้บริบูรณ์วิเศษนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ขุนประสาทไนยนา ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ซึ่งจะแก้สรรพจักษุโรค สมมุติว่าต้อต่าง ๆ นั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อเทวจักษุ เอาพิมเสน พริกล่อน ขิงแห้ง กะเทียม ขมิ้นอ้อย ไพล สิ่งละส่วน ยอดมะกอก ยอดมะตูม สิ่งละ ๒ ส่วน ดินถนำสุทธิ ๔ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำมะนาว ทำแท่งไว้ ฝนบ้ายจักษุ แก้ต้อเนื้อ ต้อสาย แลแก้จักษุแดงเปนสายโลหิตต่าง ๆ แก้ไม้ลัดให้จักษุช้ำ แก้ยอดฤศดวงขึ้นในจักษุก็หายดีนัก

๒ ยาชื่ออินทจักษุ เขาพริกล่อน ขิงสด กระทือ ไพล กะเทียม ใบผักเค็ด ใบปีบ สิ่งละส่วน ดินถนำสุทธิ ๕ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำมะนาว ทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำมะนาวบ้ายจักษุ แก้ฤศดวงลมขึ้นจักษุให้จักษุเปียก แก้น้ำจักษุตกหายสิ้นดีนัก ๚

๓ ยาชื่อเทพยจักษุ เอาพิมเสน พริกล่อน สมอไทย สมอพิเภก ตุกกะต่ำน้ำเงินสุทธิ สังข์สุทธิ บัลลังก์ศิลาสุทธิ สิ่งละส่วน ดินถนำ ๒ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำนมแพะ ทำแท่งตากไว้ในร่มกว่าจะแห้ง ฝนด้วยน้ำท่าบ้ายจักษุ แก้สรรพต้อต่าง ๆ ทั้ง ๓ ฤดูนั้นหายสิ้นวิเศษนัก ๚

๔ ยาชื่อสังขรัศมี เอาชมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่ง แล้วเอาล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากแดดให้แห้ง ๓ ส่วน รากฟ้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ ๔ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ฝนบ้ายจักษุ แก้สรรพต้อให้ปวดให้เคืองต่าง ๆ แก้ฝีดาดขึ้นจักษุก็ได้ หายวิเศษนัก ๚

๕ ยาชื่อแผ้วไนยนา เอาพิมเสนส่วน ๑ ใบผักเค็ดหอม ขิง กลีบบัวหลวง ลิ้นทเล ดินถนำสุทธิสิ่งละ ๘ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำมะนาว ฝนใส่แผ้วจักษุหายวิเศษนัก ๚

สรรพยา ๕ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ขุนราชเนตร ทูลเกล้า ฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ คือคณะสรรพยา ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ซึ่งจะแก้สรรพโรค สมมุติว่าต้อทั้งปวงนั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่ออินทโชติ เอาชมดสด ตุกกะต่ำน้ำทอง สิ่งละ ๔ ส่วน ฝิ่นสุทธิ เบี้ยผู้เผา สังข์เผา อุตพิศ ดีปลี สิ่งละ ๒ ส่วน ดีงูเหลือม ศิลายอน กำยาน สิ่งละ ๓ ส่วน พิมเสน ดินถนำ บัลลังก์ศิลา ครั่งดุ้น เปลือกมะขามขบ สีเสียดเทศ ผลจันทน์เทศ แก่นจันทน์ทั้ง ๒ แก่นสน แก่นซร้องแมว แก่นเหล็ก รากหญ้านาง รากคัดมอน รากตาลหม่อน แห้วหมู ผลมะฝ่อ สิ่งละ ๔ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำมะงั่ว ทำแท่งไว้ ฝนใส่จักษุ แก้สรรพต้อทั้งปวงหายดีนัก ๚

๒ ยาชื่อรัตนโรค เอาเบี้ยผู้เผา ดีปลี สิ่งละ ๒ ส่วน ศิลายอน ๓ ส่วน พิมเสน ดินถนำ บัลลังก์ศิลา แก่นสมอไทย แก่นซร้องแมว แก่นเหล็ก รากกำจาย สิ่งละ ๔ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำมะนาว ทำแท่งไว้ ฝนใส่จักษุแก้ต้อหมอก แลแก้ตาช้ำทั้งปวงก็ดี หายสิ้นวิเศษนัก ๚

๓ ยาชื่อสุวรรณไกรลาศ เอาชาดหรคุณจีนส่วน ๑ บัลลังก์ศิลา เมล็ดในมะฝ่อ เปลือกมะขามขบ แก่นจันทน์แดง แก่นซร้องแมว พิมเสน สิ่งละ ๔ ส่วน ทำเปนจุณบดแทรกทองคำเปลวพอควร บดด้วยน้ำดอกไม้เทศทำแท่งไว้ ฝนใส่จักษุ แก้สรรพต้อทั้งปวง ซึ่งกระทำให้ปวดเคือง แลลืมจักษุมิขึ้นนั้นหายดีนัก ๚

๔ ยาชื่อแผ้วอากาศ เอาชมดสดส่วน ๑ ดีปลี พริกไทย สิ่งละ ๔ ส่วน ขิงแห้ง ๘ ส่วน ดินถนำ ขมิ้นอ้อย ไพล สิ่งละ ๑๖ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำท่าใส่จักษุ แก้สรรพต้อทั้งปวง แลแก้จักษุช้ำแดงเปนสายโลหิต แลแก้หมอกมัวกลุ้มจักษุมิได้เห็นอันใด หายสิ้นดีนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของขุนทิพยเนตร ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าด้วยสรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ที่จะแก้ซึ่งโรค อันเปนชาติคือสรรพหืดนั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อประสะเกลือ เอาน้ำผึ้ง น้ำบวบขม น้ำรากหญ้าคา น้ำเกลือ น้ำสลัดได น้ำกระทือ น้ำบรเพ็ด เอาเสมอภาคใส่กะทะลงกวนไปให้จนปั้นได้ ให้กินหนักสลึง ๑ แก้สรรพโรคหืด ซึ่งกระทำให้หายใจดังครอก ๆ แก้ไอแลโรคเกิดในกองสมุฐานนั้นหายสิ้นวิเศษนัก ๚

๒ ยาชื่อประสะน้ำมะนาว เอาผลส้มป่อย รากส้มกุ้งทั้ง ๒ กะเทียม พริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง ดินประสิวขาว สานส้ม เอาเสมอภาค ทำเปนจุณ แล้วจึงเอาน้ำมะนาวใส่ลงให้ท่วมยาทั้งนั้น จึงเอาขึ้น ตั้งไฟกวนให้ปั้นได้ กินหนักสลึง ๑ แก้สรรพโรคหืดทั้งปวง ซึ่งกระทำอาการให้หอมให้จับ แก้ไอแลโรคอันเกิดแต่กองเสมหะสมุฐานนั้นหายสิ้นวิเศษนัก ๚

๓ ขนานหนึ่ง เอาลูกมะแว้งต้น ลูกมะแว้งเครือ น้ำลูกมะเขือขื่น น้ำสลัดได น้ำมะงั่ว น้ำมะนาว เอาเสมอภาค แล้วจึงเอาใส่ในขันสำริด เอาขึ้นตั้งไฟแกลบให้งวด แล้วจึงให้กินถ้วยน้ำนมหนึ่ง แก้สรรพโรคหืดทั้งปวง ซึ่งกระทำให้หอบให้ไอให้จับ หายใจดัง แลแก้สรรพโรคอันเกิดแต่กองเสมหะสมุฐานหายดีนัก ๚

๔ ขนานหนึ่ง เอารากมะแว้งทั้ง ๒ รากมะเขือขื่น ราชพฤกษ์ทั้ง ๕ มะเกลือทั้ง ๔ รากหวายขม รากหวายลิง รากไม้รวก เทียนดำ เอาเสมอภาค ดองด้วยน้ำตาลสด กินแก้สรรพโรคหืดหายดีนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของขุนสิทธิพรหมา ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ซึ่งจะแก้สรรพจักษุโรค สมมุติว่าต้อต่าง ๆ นั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อแดงใหญ่ เอาอบเชย ขมิ้นอ้อย กลอย สิ่งละส่วน โกฏเชียง โกฏบัว โกฏจุลาลำพา โกฏพุงปลา โกฏชฎามังษี กฤษณา กลำพัก ผลจันทน์ แก่นซร้องแมว แก่นเหล็ก แก่นปรู แก่นสน เปราะหอม กายาน ครั่งต้น สีเสียดเทศ เมล็ดในมะเฟือง เมล็ดในมะฝ่อ ชาดหรคุณไทย กำมถันแดงสุทธิ น้ำประสานทองสุทธิ สังข์เผา อุตพิศ แห้วหมู หว้านกีบแรด หว้านร่อนทอง ชลูด ดีปลี ฝิ่นสุทธิ อำพันทอง ชมดเชียง พิมเสน สิ่งละ ๒ ส่วน ดินถนำ บัลลังก์ศิลา สิ่งละ ๘ ส่วน จันทน์แดง จันทน์ขาว สิ่งละ ๑๖ ส่วน ทำเปนจุณหมักน้ำนมโคไว้คืนหนึ่ง จึงเอามาบดด้วยน้ำดอกมะลิ เมื่อจะบดนั้น ให้ดูฤกษ์ให้ดีแล้วจึงบด ทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำดอกมะลิ บ้ายจักษุแก้สรรพต้อมีพิศม์ กระทำให้ปวดเคืองต่าง ๆ ให้จักษุแดงก็หายสิ้นดีนัก ๚

๒ ยาชื่อสังขรัศมี เอาพิมเสนในปล้องไม้ เทียนสัตบุษ เปราะหอม เบี้ยผู้เผา หอยขมเผา สิ่งละ ๒ ส่วน แก้วแกลบสุทธิ ๓ ส่วน สังข์ขาว สังข์หนาม บัลลังก์ศิลา ตุกกะต่ำน้ำทองสุทธิ สิ่งละ ๔ ส่วน ก้านละหุ่งแดง ๔ ส่วน ลิ้นทเล ๕ ส่วน น้ำนมเสือ ฝุ่นจีน สิ่งละ ๖ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยน้ำเพ็ญเดือน ๑๒ ทำแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำดอกมะลิบ้ายจักษุ แก้เจ็บจักษุแดงเปนสายโลหิต แก้แสบ แก้ร้อน ปวดเคือง แลแก้น้ำจักษุไหลมิได้ขาดนั้นหายดีนัก ๚

สรรพยา ๒ ขนานนี้ ของขุนราชเนตร ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยาที่จะแก้ซึ่งโรค กล่าวคือชาติวาโยพรรดึก อันบังเกิดแต่กองปัศฆาฏ แลรัตฆาฏระคนกันนั้น โดยไนยดังนี้

๑ ยาชื่อตรีสวัสดิผลา เอาบรเพ็ด ขิงแห้ง สิ่งละส่วน รากอังกาบ พริกไทย สิ่งละ ๔ ส่วน ขมิ้นอ้อยสิ่งละ ๒๐ ส่วน ใบสมอทเลรูดเอาแต่ก้าน ๓๐ ส่วน คุลีการกันเข้าใส่หวดนึ่งให้สุก แล้วจึงเอามาทำเปนจุณ บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำขิง น้ำข่า น้ำส้มส้าก็ได้ ให้กินหนักสลึง ๑ แก้ลมพรรดึก อันบังเกิดในกองปัศฆาฏแลรัตฆาฏ ซึ่งระคนกันกระทำให้กำเริบขึ้นนั้นหายดีนัก ๚

๒ ยาชื่อทำลายเมฆ เอาพยาร้ายใบ ๗ ยอดมาหั่นให้สิ้น แล้วเอาปลาย่างนั้น ๑ มะขามเปียก ๓ ฝักตำให้แหลกดี แล้วจึงเอาน้ำปลามาเคล้าให้เข้ากัน แล้วจึงให้กินให้หมด แก้ลมในกองพรรดึกให้ตกสิ้นดีนัก ๚

๓ ยาชื่อมหาวายุเวก เอาผลมะกรูดสด ๕ ผล ศีศะหอม ๑๐ ศีศะ ศีศะกะเทียม ๔ ศีศะ มะขามเปียก ๑๐ ฝัก สลัดไดสด ๕ ตำลึง เกลือ ๒ บาท ทำเปนจุณบดให้กินเปนยาสดหนักสลึง ๑ แก้ลมในกองพรรดึกดีนัก ๚

๔ ยาชื่อตรีผลาใหญ่ เอากะเทียมบาท ๑ สมอไทย สมอเทศ สมอพิเภก สมอทเล สมอน้ำ ไพล หว้านน้ำ ผิวมะกรูด ใบกะเพรา มหาหิงคุ์ สิ่งละ ๒ บาท เกลือสินเธาว์ ๓ บาท ผลมะขามป้อม ดอกชุมเห็ดเทศ สิ่งละ ๕ ตำลึง ทำเปนจุณบดน้ำมะกรูดให้กินหนักสลึง ๑ แก้ลมพรรดึกอันบังเกิดในกองปัศฆาฏแลรัตฆาฏระคนกัน กระทำให้แน่นให้ตึงในนาภี แลอุจาระมิออกนั้น หายวิเศษนัก ๚

สรรพยา ๔ ขนานนี้ ของขุนราชโอสถ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวด้วยตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนกล่าวไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ที่จะแก้ซึ่งโรคสรรพลมทั้งปวง อันกำเริบพัดขึ้นเบื้องบนนั้น โดยไนยดังนี้

๑ ยาแก้ลมขึ้นสูง เอายาดำ กันชา อุตพิศ ดองดึง สิ่งละ ๔ ส่วน กะเทียม ๖ ส่วน หว้านน้ำ ชะเอมเทศ โกฏน้ำเต้า โกฏพุงปลา มหาหิงคุ์ สิ่งละ ๘ ส่วน หว้านเปราะ ผลผักชี ดีปลี สิ่งละ ๑๒ ส่วน ขิงแห้ง แก่นแสมทเล รากส้มกุ้ง สค้าน สิ่งละ ๑๖ ส่วน พริกไทย เปลือกกันเกรา สิ่งละ ๒๔ ส่วน ทำเปนจุณ บดละลายน้ำผึ้งรวงให้กินหนักสลึง ๑ แก้ลมขึ้นสูงหายดีนัก ๚

๒ หนึ่ง เอาการบูร ๔ ส่วน กะเทียม ขิงแห้ง ดีปลี ขมิ้นอ้อย ไพล หว้านน้ำ สิ่งละ ๘ ส่วน เง่าหญ้าชัณกาด แห้วหมู สิ่งละ ๑๖ ส่วน บรเพ็ด สิ่งละ ๒๔ ส่วน ใบมะตูม ใบคนทีสอ ใบสเดา พริกไทย สิ่งละ ๑๖ ส่วน ทำเปนจุณบดละลายน้ำผึ้งให้กินหนักสลึง ๑ แก้วาโยอันกำเริบกล้าขึ้นเบื้องบนนั้นหายดีนัก ๚

๓ หนึ่ง เอาโกฏ โกฏเขมา มหาหิงคุ์ สิ่งละ ๔ ส่วน การบูร กานพลู ดอกจันทน์ ผลพิลังกาสา กันชา สิ่งละ ๖ ส่วน โกฏบัว สมอเทศ กลำพัก จันชมด พริกหอม ดีปลี สิ่งละ ๘ ส่วน พริกไทย ๔๐ ส่วน ทำเปนจุณบดละลายน้ำผึ้งให้กินหนักสลึง ๑ แก้อุทธังคมาวาตกล้ากระทำให้คลุ้มคลั่ง แลแก้ลมอันให้มือตายเท้าตาย แลเปนเหน็บชา แลแก้สรรพลมใหญ่ทั้งปวง อันบังเกิดในกองธาตุนั้นหายวิเศษนัก ๚

สรรพยา ๓ ขนานนี้ ของหลวงทิพยรักษา ได้ใช้แล้ว

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยา ที่จะแก้โรคอันเปนจะระณะกล่าวคือวิทรากิโรค เหตุด้วย วาโย โลหิต มังษะทั้ง ๓ ระคนกันวิบัติ ตั้งเปนขอบขึ้น สมมุติว่าฝีมีพิศม์นั้นโดยไนยดังนี้

๑ ยาแก้วิทยาธิโรค ให้ไปกลั้นใจถากเอาเปลือกมะฝ่อทีละเปลือก ให้ได้ ๓ เปลือก ๆ สามนิ้ว เปลือกแรกลง อิ เปลือกที่สองลง สุ เปลือกสามลง ติ แล้วจึงเอาแซ่ม้าทลาย รากไม้รวก ยาเข้าเย็นทั้ง ๒ สิ่งละตำลึง ๑ ต้มตามให้กินแก้พิศม์ฝีภายในภายนอก ซึ่งกระทำพิศม์ให้คลั่ง แลสลบไปก็ดี หายวิเศษนัก ๚

๒ ขนานหนึ่งเอา ขมิ้นอ้อย ๑ แป้งเข้าหมาก ๒ ส่วน เข้าไหม้ ๔ ส่วน ใบชมดต้น ๘ ส่วน ทำเปนจุณบดด้วยสุราพอกสรรพฝีอันมีพิศม์ทั้งปวง ซึ่งกระทำให้คลั่ง แลสท้านร้อนสท้านหนาวนั้นหายดีนัก ๚

๓ ขนานหนึ่งเอา ขมิ้นอ้อย ๘ แว่น น้ำตาลโตนดหนักสลึง ๑ ศีศะป่านต้นสลึง ๑ ทำเปนจุณบดพอกฝีอันมีพิศม์ทั้งปวงหายดีนัก ๚

๔ ขนานหนึ่งเอา เข้าสุก ๓ ปั้นเผาให้ไหม้ พลูกินจีบ เปลือกโปลง ๒ สลึง ใบชมดต้นเท่ายาทั้งหลาย บดด้วยสุราพอกสรรพฝีอันมีพิศม์ แลทั้งดูดบุพโพด้วยดีนัก ๚

๕ ขนานหนึ่ง เอาไม้อันเน่าที่อยู่ในน้ำกำมือ ๑ ขมิ้นอ้อย ๗ แว่น เข้าเบือ ๓ หยิบ บดให้เลอียดพอกพ่นก็ได้ แก้สรรพพิศม์ฝีทั้งปวงหายดีนัก ๚

๖ ขนานหนึ่งเอา ใบมะกา ๑๘ ใบ เข้าสุกเผาให้ไหม้ ๓ ปั้น แป้งเข้าหมาก ๓ ลูก น้ำตาลโตนดหนักบาท ๑ ทำเปนจุณเคล้าด้วยสุรา พอกแก้ฝีทั้งปวง หายวิเศษนัก ๚

สรรพยา ๖ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ขุนประสิทธิแวทยา ทูลเกล้า ฯ ถวาย ๚

----------------------------

๏ สิทธิการิย จะกล่าวตำรายา คือวิเศษสรรพคุณสำเร็จ อันอาจาริยเจ้าในก่อนประมวญไว้ ให้แก้สรรพโรคทั้งปวงต่าง ๆ สืบกันมา

ในที่นี้จะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คือคณะสรรพยาที่จะแก้ซึ่งโรคอันเปนจะระณะโรค กล่าวคือป่วง ๕ ประการนั้นเปนต้น ป่วงอันเลิศเปนที่สุดตามอาจาริยกล่าวไว้ดังนี้

๑ ยาแก้ป่วง ๕ ประการ เอาไพล ผิวมะกรูด กะเทียม ขมิ้นอ้อย ตรีกะฏุก สิ่งละ ๔ ส่วน กระทือ หว้านน้ำ บรเพ็ด สิ่งละ ๖ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำร้อนแทรกพิมเสน ให้กินแก้ป่วง ๕ ประการ แลแก้สรรพชิณโรคอติสารก็ได้ หายสิ้นดีนัก ๚

๒ ขนานหนึ่ง เอากำมะถันเหลือง ผิวส้มโอ รากต่อไส้ รากหวายลิง นมจาก เอาเสมอภาค ต้มตามวิธีให้กินแก้สรรพป่วงทั้งปวงหายสิ้น ๚

๓ ขนานหนึ่งเอา กาบหมากเผา บรเพ็ดเผา กะปิดีเผา เอาเสมอภาค ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำปูนใสแทรกพิมเสนให้กิน แก้ป่วงทั้งปวงหายดีนัก ๚

๔ ขนานหนึ่งเอา ตรีกะฏุก ขมิ้นอ้อย กะเทียม สิ่งละ ๔ ส่วน สานส้ม แก่นแสมทเล เปลือกมะรุม ไพล ข่าลิง สิ่งละ ๕ ส่วน สค้าน ผิวมะกรูด การบูร สิ่งละ ๖ ส่วน กะทือ เจตมูลเพลิง สิ่งละ ๗ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำร้อนแทรกพิมเสน ให้กินแก้ป่วง ๕ ประการเปนต้น ป่วงอันเศษเปนที่สุดนั้นหายดีนัก ๚

๕ ขนานหนึ่งเอา ตรีกะฏุก หว้านน้ำ แฝกหอม เปราะหอม แห้วหมู เปลือกโมกมัน สิ่งละส่วน รากกะเทียม ๘ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำกระสายอันควรแก่โรคร้อนแลเย็น แทรกพิมเสนให้กิน แก้ป่วงลมซึ่งกระทำให้อาเจียนหายดีนัก ๚

สรรพยา ๕ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ขุนสิทธิชาญ ทูลเกล้า ฯ ถวาย ขอเดชะ ฯ ได้ใช้แล้ว

----------------------------

ตำรายาหอม

ของนายพันโท หม่อมเจ้ากรรมสิทธิ

๏ สิทธิการิย พระตำราหลวงตั้งไว้แต่ปฐม สำหรับได้ถวายพระมหากระษัตริย์มาทุกพระองค์ แก้พระโรคอันพิการต่าง ๆ ทั้งเจริญพระชนมพรรษา สำหรับมิให้พระธาตุพิการ เสวยให้รักษาพระดวงจิตรแลให้บรรธมหลับ แก้ไข้สลบต่าง ๆ แก้ริดสีดวง แก้ไอ แก้หืด แก้พระโลหิตตกทวารทั้ง ๙ แก้ฝีในท้อง แก้ฝีดาด

ถ้าจะทำยาอินทโอสถ

ให้เอาโคโรค ๑ สลึง ลูกจันทน์ ๑ สลึง กานพลู ๑ สลึง อำพันทอง ๑ สลึง กะลำพัก ๑ เฟื้อง กฤษณา ๑ สลึง หญ้าฝรั่น ๑ สลึง ทองคำเปลว ๒ ไพ ชเอมเทศ ๒ สลึง ขอนดอก ๑ สลึง โสม ๒ ไพ แฝกหอม ๒ สลึง อบเชยเทศ ๒ สลึง เห็ดมูลเสือ ๑ สลึง พิมเสนไม้ไผ่ ๑ สลึง ชาดหรคุณจีน ๑ สลึง กำมะถันแดง ๑ สลึง ชมดเชียง ๑ เฟื้อง เถามวกแดง ๑ สลึง จันทน์แดง ๑ สลึง จันทน์ขาวเทศ ๑ สลึง บดด้วยน้ำยาหมู่ละลายน้ำดอกไม้เทศ เสวยสำหรับแก้ไข้ทั้งปวง แก้สลบต่าง ๆ ปั้นเม็ดเท่าลูกพุทรักษา ๓ เม็ด แก้หืด แก้ริดสีดวง แก้ฝีในท้อง จำเริญพระอาหาร จำเริญพระธาตุ จำเริญพระชนม์ ๚

ยาเทพมงคล

ให้เอากระดูกแร้ง ๑ กระดูกกา ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ กระดูกงูเห่า ๑ กระดูกปลาพยุน ๑ กระดูกงูคลับสมิงคลา ๑ กระดูกห่าน ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขียวจรเข้ ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ เขากวาง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ยาทั้งนี้เผา รากดินขั้ว ๑ ขี้แมลงสาบขั้ว ๑ หน่อแรดขั้ว ๑ ลิ้นทเลขั้ว ๑ ไพลขั้ว ๑ งาช้างขั้ว ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑ คุลิก่า ๑ ม่าเหมี่ยว ๑ ทองคำเปลว ๑๐ แผ่น ชมดเชียง ๑ พิมเสน ๑ หญ้าฝรั่น ๑ อำพันทอง ๑ เอาสิ่งละเสมอภาค แก่หอบ แก้ชัก แก้สลบต่าง ๆ ให้แพทย์พิจารณาใช้ยาพอสมควรแก่โรค แก้สารพัดโรคสารพัดไข้ต่าง ๆ ๚

----------------------------

หมายรับสั่งครั้งรัชกาลที่ ๒

๏ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าครอกนวม (คือ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท) รับพระราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่าให้ยกขวัญเข้าครูหมอนั้นให้วิเศษแต่งเครื่องไหว้ครู บายศรีตอง ซ้าย, ขวา, ๒ สำรับ เครื่องกระยาบวด ๒ สำรับ ศีศะสุกร ๒ ศีศะ เป็ดพแนงคู่ ๑ ไก่พแนงคู่ ๑ แป้งหอม น้ามันหอม ธูป ๓ เล่ม เทียนหนักเล่มละ ๒ สลึง ๓ เล่ม ให้มาตั้งณโรงหมอเพลาเช้าย่ำฆ้องรุ่ง แต่ณวัน ๕ ๑๑ ค่ำ (ตรงปีมแมเบญจศก จุลศักราช ๑๑๘๕ พ.ศ. ๒๓๖๖) อนึ่งปี่พาทย์ฆ้องไชยเข้ามาประโคมแต่ณวัน ๔ ๑๑ ค่ำ เพลาบ่ายโมงหนึ่ง พระสงฆ์จะได้สวดมนต์ อย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง ๚ เวรนายรัตนบรรยงก์

----------------------------

วิธีต่อไปนี้ เข้าใจว่ากรมหลวงวงษาธิราชสนิททรงจดไว้ แต่เมื่อในรัชกาลที่ ๓ ด้วยหันแตรเข้ามาตั้งห้างแต่ในรัชกาลที่ ๒

วิธีรักษายาไทยนั้น เมื่อแรกจับเทพจรยังกำเริบอยู่ กำลังตัวยังไม่อ่อนลง ถ้าเปนดังนี้อย่าเพ่อกินยาให้ตัดไข้ขาดทีเดียวก่อนเลย ด้วยว่าขี้มักเปนอิก เถิงยาจะมีฤทธิ์มากตัดขาดเร็วได้ในเจ็ดวันเก้าวันสิบวันยี่สิบวัน ไข้นั้นมักมาจับอิก เปนไปดังนี้เพราะไม่ได้ถ่ายให้เทพจรอ่อนลงก่อนกินยาตัดให้ขาดนั้น ผู้ใดเปนโรคไข้สั่น ก็ให้ถ่ายด้วยดีเกลือไทยก็ได้ ดีเกลือเทศก็ได้ เอายาที่ให้รากตามที่ชอบใจกิน ใส่ปนกับดีเกลือสักน่อยหนึ่ง ก็ให้รากออกสามหนสี่หน ถ่ายให้ลงห้าหนหกหน ให้อดของแสลงมีเนื้อสัตว์ น้ำมัน เข้าเหนียว กะปิ สุรา เปนต้น ให้รักษาดังนี้สักสองวันสามวันก่อน ภายหลังจึงให้กินยาเทศชื่อคีนิน ที่ไทยเรียกว่ายาขาว เอาคีนินนั้นหนักหุนหนึ่งแบ่งเปนหกส่วน เมื่อไข้ส่างออกแล้วให้กินส่วนหนึ่ง แลในสองชั่วโมงกินทีหนึ่ง ๆ กินทุกทีจนเถิงเพลานอนหลับกลางคืน แลเมื่อตื่นขึ้นแต่เช้ากินเหมือนดังว่ามาแล้ว จนถึงเพลาที่เคยจับ ถ้าไข้มาจับอิก ก็ให้หยุดยาคีนินนั้นกว่าไข้จะส่งออกอิก แล้วก็รับคีนินกินอีกเหมือนหนหลัง รักษาดังนี้ไปคงหายขาดทีเดียว ไม่ใคร่จะกลับมาจับอีก คีนินนั้นบัดนี้มีขายที่ตึกหันแตรสักห้าสิบขวด เขาว่าถ้าผู้ใดซื้อทั้งหมดจะขายเปนขวดละสิบเหรียญ ถ้าซื้อแต่ขวดเดียว จะขายเปนสิบห้าเหรียญ คีนินในขวดเดียวน้ำหนัก ๒ บาท แบ่งเปน ๔๘๐ มื้อ พอรักษาคนไข้สั่นให้หายขาดประมาณได้ ๔๐ คน ดังนี้มิถูกหนักแล้วฤา ๚

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ