(สะกดการันต์ตามต้นฉบับเดิม)

กง ว่า กลม
กญจิก ว่า กุญแจ
กติกมาศ ว่า เดือนสิบสอง
กเตก ว่า ลำเจียก
กนก ดูที่ จามิกร
กนิย ดูที่ กนิษฐ
กนิษฐ ว่า นิ้วก้อย
กนิษฐ อนุช กนิย ผอูน ว่า น้อง
กบิล ว่า โคแดง
กมล ดูที่ ประทุม
กมล ว่า หัวใจเพราะเหมือนรูปดอกบัว
กมลาศน์ ดูที่ สุรเชฐ
กรกช ว่า ดอกบัวคือมือ
กรกฎ ว่า ปู
กรณท ว่า หีบ
กรรกัฏฏักขี ดูที่ ผลึง
กรรชิง ดูที่ ฉัตร
กรรฏิกะ ว่า เอว
กรรฐ ว่า คอ
กรรณ ว่า หู
กรรภุม ว่า ตูม
กรรษ ทารุณ ว่า หยาบ
กรรแสง โหย ว่า ร้อง
กรรแสงหา โหยหา ว่า ร้องหา
กรรแสงไห้ โหยไห้ ว่า ร้องไห้
กรองเชิง ว่า วไลบาท ดุจคำว่า เสียพาลย พันเหาทองแท่ง
กรองใด ทองกร ว่า วไลกร
กรเอา ว่า กลมกล่อม
กระช่างที่ ว่า กระจ่าง เหมือนคำว่า เจษฎา เอา จ. เป็น ฉ. แล้วเป็น ช. ไป
กระด้าง ดูที่ คำแหง
กระดาษ ว่า ร้อนด้วยความเขญ
กระบี่ธช ว่า ธงลิง
กระพัง ว่า หนอง
กระมวล ว่า ตำบล ว่า บก
กระยา ว่า เข้า ดุจคำว่า กระยาเสวย และกระยาหาร
กระยาบวด ว่า เครื่องบวช คือถั่วงาเนยนม
กระยาบูชา ว่า เครื่องบูชา
กระยารง ว่า เครื่องเขียนรง ดั้งฉัตรเบญจรง
กระยาสนาน ว่า เครื่องกระแจะจันปรุง
กระยาสังเวย คือ เครื่องพลีกรรม
กระลี ว่า โทษ
กระวี ว่า นักเลงกาพย์
กระหม่าใจ ดูที่ ตระดกใจ
กระหวัด ดูที่ เกี้ยว
กระหาย ว่า ร้อนไป
กระเอบ ดูที่ เอม
กราบถวายกร ดูที่ อัญชุลี
กรุงผไท ดูที่ ชัคติ
กราอวน ฉม ว่า หอม
กรุณา ว่า กั้นซึ่งความสุขให้
กฤษณ ดูที่ กัณห
กฤษณ วิศณุ หริ วาสุเทพ เกษพจักตรี ว่า มีจักรในมือ คือ พระนารายณ์
กฤษดีย ดูที่ ภูวนา
กฤษนา ว่า ไม้หอม
กล รอด จอด ลุ ว่า ถึง
กล ว่า หมุน หันไปดั่งจักร
กลปาสกพัตร ว่า ผ้าทอดด้วยสำลี
กล้อ ว่า เรือโกลน
กลองชวา ว่า กลองแขก
กละลึง ทาย ว่า ถือ
กลำภัก ตระดอน ว่า ผักบุ้ง
กลิ้งกลด ดูที่ ฉัตร
กวา ก็ว่า ก่า
กว่า ดูที่ พ้น
กวัด ไกว ว่า แกว่ง
กษณ ดูที่ ขนัน
กษมา ดูที่ ขันตี
กษัตรีย ดูที่ ภูวนา
กษิณาสพ ดูที่ ขีณาสพ
กสาบ ว่า กหาปน
ก่อง ดูที่ พฤา
กองโกรย ว่า กองหลัง
กะระ ดูที่ ขะนะ
กังขา ดูที่ ฉงน
กังวล ว่า ความเกี่ยวข้อง
กัญจุการาม ว่า ฉลองพระองค์
กัณห กฤษณ กาฬ เขม่า ว่า ดำ
กันกง ว่า กันรอบ
กันดาล ดูที่ มัทยม
กันลง ภมร ว่า แมลงภู่
กัปณก ว่า กำพร้า
กัมมาร ว่า บุคคลฆ่าเสียซึ่งน้ำ คือ ช่างทอง
กัลญา, กัลยา ดูที่ กัญ, สัตรี
กัลยาณี ดูที่ สุนทรี
กาจ ว่า ดุร้าย
ก้าน ดูที่ มรรค
กานดา ดูที่ สัตรี
กานน ดูที่ พฤน
การวิก ว่า นกการะเวก
กาษฐ ว่า ไม้
กาษฐ ว่า ฟืน
กาษฐมัย ว่า ของแล้วด้วยไม้
กาษร ว่า กระบือดุ
กาหล ว่า แตรงอน นักรู้บางแห่งเสมอ ใช้ว่าโกลหลก็มี
กาฬ ดูที่ กัณฑ
กำเดา ดูที่ ขเดา
กำธร ดูที่ แทตย
กำหนด ว่า กฎ
กำบัด ว่า ปัด
กำบีด ว่า มีด
กำโบล ดูที่ โอฐ
กำพชพากย์ ว่า คำเขมร
กำพล ว่า ผ้าส่าน
กำพุช, กัมพุช, กัมโพช ว่า กัมพูชา, เขมร
กำรอไร้ ว่า ยาก
กำราบ ว่า กราบ
กำไร ดูที่ ไกร
กำลูน ว่า ตรวจ
กำเลา ดูที่ เขลา
กำศรด ลาลด ว่า ละห้อย
กิงสุก ว่า ทองกวาว
กินเพรา ว่า เวลากิน
กิรินิ ว่า นางช้าง
กึกกัก ดูที่ จินจน
กึงกัง ดูที่ จินจน
กุงอน ว่า นกค้อนหอย
กุงาน ดูที่ หสก
กุโงก ดูที่ มะยุร
กุญชร ดูที่ ทวิรท
กุฎาคาระ ว่า เรือนยอด
กุณฑล ว่า เครื่องประดับกรรณ
กุณฑี ว่า น้ำเต้า
กุม จำนับ ว่า จับ
กุมภ ว่า ม่อ
กุมภ ฆฤฦ ฉนัง ว่า ม่อ
กุมภการ ว่า ช่างม่อ
กุมภิน ว่า จรเข้
กุล ว่า ฟุ้ง ดุจคำว่าบังษุกุล มีคำอธิบายว่าผู้ใด มีคนยกย่องนับถือว่าผู้มีทรัพย์แลมียศตรกูลแลลูกตรกูล
กุสม ผกา สร้อย ว่า ดอกไม้
กู ดูที่ เผื่อ
กูล ดูที่ โปดก
กูลว ว่า กลัว
เกตุ ว่า ธง
เกยลา ว่า เกยเล็ก ดุจคำว่าเตียลาแลมลิลา ดุจคำว่า ลออเอวัลลวาด เอวลา
เกลา ว่า เกลี้ยง ดุจคำว่า กลิ่นเกลา
เกษ ว่า ผม
เกษตร ดูที่ เขตร
เกษพจักตรี ดูที่ กฤษณ
เกษม ว่า ไม่มีไภย
เกษม ว่า หาไภยบมิได้
เกราะกราย ว่า เกราะกราย ดุจคำว่า เยื้องกราย กรีดกราย
เกียจ ว่า ใช้ยาก
เกี้ยว กระหวัด ว่า เกี่ยว
เกรียง ดูที่ หลวง
เกลียง ดูที่ ตฤณ
เกษียณ ดูที่ เลข
เกือเยีย ดูที่ คฤก
แกลน ดูที่ ไภย
แกล้ว ว่า แก้วกล้า ดุจคำว่า แก่นแก้ว
แกว ก็ว่า แก
แกว ว่า ยวนเมืองเวียดนาม
แก้วกรรฐี ว่า แก้วประดับในคอ
แกวน ว่า แก่น
โกช ว่า ญ่า ดุจคำว่า โกชเกบกรองแน่นนุ่ง
โกเชาว ว่า กำมหยี่
โกญจนาท ว่า เสียงแห่งนกเรียน
โกมิล ดูที่ ปทัมราช
โกรญจ ว่า นกเกรียน
โกลาหล ว่า ดั่งสนั่น
โกลิละ ว่า ดุเหว่า
โกวีพาร ดูที่ ปาริฉัตร
โกศ ดูที่ ตฤณ
โกศล ดูที่ เฉโก
โกษา ว่า คลัง มีคลังเงินเป็นต้น
โกสมภ ว่า คำ
โกไสยพัตร ว่า ผ้าทอด้วยไหม
ไกร กำไร ก็ว่า ยิ่ง ดุจคำว่า สี่อสงไขย กำไรแสนกับ
ไกรลาศ ดูที่ หิรัญ
ไกส ว่า ทา
ไกวกวา ว่า ยิ่งก่า ดุจคำว่า แตงกวา ไร่แตงแกวมาศโสก
ขจาย แย้ม ว่า บาน
ขจิตร ดูที่ รจิต
ขเดา กำเคา ว่า ร้อน
ขโดง ว่า สูง ดุจคำว่า ปักปิ่นเกล้าโจงขโดง แลใบจโดง
ขนน เขนย ว่า หมอน
ขนอง ดูที่ ปฤษฎางค
ขนัน ว่า ขนุน
ขนัน กษน ว่า ขัน
ขนาง ว่า สงไส
ขเน ดูที่ ประเมิล
ขบวน ดูที่ เขบจ
ขมม ยำยาม ว่า เชยชม คลึงเคล้าก็ว่า
ขยม ก็ว่า ข้า ทั้งสองผสมกัน ว่าข้าพเจ้า
ขยม ว่า ข้าหญิงชาย
ขลา ว่า เสือ
ขลาด ดูที่ ไภย
ขลิบขลับ ดูที่ จินจน
ขวย ว่า อาย
ขวาง ดูว่า ไพรศาล
ขวันเกียง ว่า ขวัญร้าย
ข้อย ดูที่ เผือ
ขะนะ กะระ จอก ว่า เล็บ
ขันดี กษมา ว่า อดใจ
ขา ว่า เขา
ขาว ผลึก ผลิก ว่า แก้ว
ขึ้ง ว่า โกรธ
ขึงขัง ดูที่ จินจน
ขีณาสพ. กษิณาสพ ว่า มีอาศะวะอันสิ้นแล้ว
ขีวิตรตัษไส ว่า สิ้นชีวิตร
เขจร ว่า ไปในอากาศ
เขตร เกษตร ว่า นา
เขนใจ ว่า ลำบาก
เขนย ดูที่ ขนน
เขบจ ขบวน ว่า ลดหลั้น
เขม่า ดูที่ กัณฑ
เขลา กำเลา ว่า โง่
เขิน ว่า ดอน
เขียวขจี ว่า เขียวอ่อน
เขียว ลคึก ว่า เร่ง ดุจคำว่า ลคึก ผดุง บอให้เซ แลคำว่า ไก่ขันเขียวผูกช้าง
เขือ ว่า ลาวว่าสอง นักรู้ที่ใช้ว่าเจ้าก็มี
แข ดูที่ อินท
ไข เบิก ผาย เผย ลเหย ว่า เปิด
โขมด ดูที่ ภูต
คคึง ดูที่ คำแคง
คง ดูที่ สิงสึง
คช ดูที่ ทวิรท
คณ ดูที่ นิกร
คดี ว่า เป็นที่ไปของชาวเมือง
คนสำนวน ว่า คนได้สดับมาก
คนโธทก ว่า น้ำหอม
คนึง ดูที่ อนุสร
ครรภสยน ว่า ห้องนอน
ครวี ว่า กวัด, แกว่ง
ครอบครอง ว่า ปกคลุม
คร้าม ดูที่ ไภย
ครามครัน ดูที่ มหึมา
คริร ว่า หน่อไม้
ครุฬ สุบรรณเวนตัย ว่า ครุธ
ครู ว่า พฤหัศ
คฤก เทวอ เกือเยีย ดอก ว่า กทำ ดุจคำว่า บางดอกฬ้อแล้วโลมคืน แลคำว่าดอกขายหูขายตาดอกน้ำภาปรู้
คฤห ว่า เรือน
คล บังคัล ว่า เฝ้า ดุจคำว่า บังคม บังคัล นองเนือง นักรู้บางแห่งใช้บังคัลว่า ไหว้ก็มี
คลอง ลำพัง ว่า ปริเวณ
คล่าวน้ำเนตร ว่า น้ำตาไหล
ควิปอก ดูที่ อำลา
คัฆณ ดูที่ เวหา
คัณนมาลา ว่า ระเบียบ นับคือปคำ
คันธวาหะ ดูที่ วาโย
ค้าน ว่า หัก
คานหาม ดูที่ สิวิกา
คำนัน ว่า ของบูชา
คำแคง คลึง ว่า ดังสนั่น
คำภีร ว่า ฦก
คำสาบ ดูที่ เตียน
คำแหง กระด้าง ว่า แขง
คิมหะอุตุ ว่า ระดูร้อน
คีด ว่า ขับ
คีรี ดูที่ บรรพต
คึกคัก ดูที่ จินจน
คุลา ว่า ฝารั่ง
เคร่า ว่า คอย
เค้า ดูที่ เผือ
เคียด   ก็ว่าคิด ดุจคำว่า เคียดอยู่ในใจ
โคดม ว่า เป็นลูกแห่งโคดมโคตร
ใคร่จง จำนงไม่ ว่า อยาก
ฆฤฦ ดูที่ กุมภ
ฆาณ ว่า จมูก
ฆำ ดูที่ จามิกร
เงน ก็ว่า เงิน
เงือด เงื่อน จรด ว่า จด
แง่ ว่า เหลี่ยม ดุจคำว่า แต่งแงให้เป็นกล
จงกลณี ดูที่ อุบล
จดหมาย บันทึก ว่า จดหมายย่อ
จร เทา ว่า ไป
จรด ดูที่ เงือด
จรทด จรเทีญ ว่า จับจน
จรเทีญ ดูที่ จรหด
จรรจา จำนรรจา เจรจา พาที วาท อ้าง ว่า กล่าว
จรรโลงจรงใจ ว่า จุงใจ
จรรโลงราษฎร ว่า ชักจูงชาวเมือง
จรลา ดูที่ เจียร
จลวิจล ว่า ไหวแฮไหวโดยยิ่ง
จอก ดูที่ ขะนะ
จอง จำนอง ว่า ผูก
จ่อง ดูที่ ฉัตร
จองคช ว่า ข้างที่เข้าระวางทัพ
จอด ดูที่ กล
จักษุ ดูที่ อักษี
จัดจวง ว่า เรือน้อย
จัตุรงค์ ว่า สำปทานสึ่
จัตุรรศโบษขณี สระสี่แจง ว่า   สระสี่เหลี่ยม
จัตุรภักตร์ ดูที่ สุรเชฐ
จัตุรมุข ดูที่ สุรเชฐ
จัตุโรบาย ว่า อุบายสี่
จัตุฤทธิ ว่า อิทธิบาทสี่
จัศ ดูที่ ชรา
จากวาก ว่า นกจากพราก
จาน จาร ว่า เขียน ดุจคำว่า ดั่งชาติ อันช่างจี้จาร
จาบัล ว่า หวั่นไหว
จามิกร กนก เหม สาม ฆำ มาศ ว่า ทอง
จำทับ จำแทง ว่า โผน ว่าไปมา
จำแทง ดูที่ จำทับ
จำนงไม่ ดูที่ ใคร่จง
จำนน ว่า จน
จำนอง ดูที่ จอง
จำนรรจา ดูที่ จรรจา
จำนับ ดูที่ กุม
จำนำ ว่า จำ
จำหน่าย ว่า จ่าย
จำเนียร ดูที่ เจียร
จำแนก ว่า แจก
จำบก ว่า จำปา
จำบัง ว่า หายตัว
จำเรียง ว่า ขับร้อง
จำลอง ว่า อาน ว่า สัปคับ
จำแลง ว่า แจงรูปเดียว แจงเป็นรูปต่าง ๆ จึ่งว่าจำแลง คือ นฤมิตร
จำหลัก   ที่จะว่าจัก
จำหัน ดูที่ อณหิศนาฬีบัตร
จำหาย ดูที่ อณหิศนาฬีบัตร
จำโหนฏ ว่า โจท
จิงจัง ดูที่ จินจน
จิตร ดูที่ อนุสร
จินดามณี ว่า แก้วนึกได้
จินจน จิงจัง ชิงชัง กึงกัง } คำพินธุกับไม้ผัดดังนี้ ผันได้ดุจคำเดียวกัน พิจารณาเห็นด้วยแล้ว จงถือ ฝ้ากับฟ้า เหมือนกัน ดุจคำว่า ดาดฝ้า ดาดฟ้าในแผ่นศิลาเมืองศุไขทัย ใช้ว่าไพร่ฟ้าบ้าง กำพชกำพุช ใช่เหมือนกัน ดุจคำว่า อันขยม แลขยุม จงจุง ท่งทุ่ง สยมภร สยุมภร อนึ่งคำว่าสมมต แลสมตุติก็ใช้ได้เหมือนกัน ดั่งว่ามาแล้วนี้
ขึงขัง ตึงตัง ปึงปัง ผึงผัง
รึงรัง ขลิบขลับ จิบจับ ฉิบฉับ
ประคิด ประดับ พริบพรับ ยิบยัง ไม่ได้สิบ ไม่ได้สับ
กึกกัก คึกคัก ตึกตัก ทึกทัก อีกอัก ฮึกฮัก
จิบจับ ดูที่ จินจน
จีวร ว่า ผ้าอันบุคคลพึงเย็บ
จุณ ดูที่ เป็น
จุธามณี ว่า ปิ่นแก้ว
จุฬามณี ศิโรมณี ว่า แก้วประดับเศียร
เจตรมาศ ว่า เดือนห้า
เจรจา ดูที่ จรรจา
เจ้ากู ว่า เจ้าของข้า
เจ้าคุณ ว่า เจ้าเหตุคุณ ดุจคำว่าธรรมสามิ
เจ้าน้อง ว่า เจ้าของน้อง ดุจคำว่า สองนาย เจ้าน้องอยู่ไหนนา
เจ้าพี่ ว่า เจ้าของพี่
เจ้าแม่ ว่า เจ้าของแม่
เจ้ายังกระหม่อม ว่า เจ้าอยู่หัว
เจรีญ ดูที่ มหึมา
เจียน ดูที่ เผดจ์
เจียร จำเนียร จรลา ว่า นาน
ฉงน สนเท่ห์ กังขา สงกา พวง ว่า กินแหนง
ฉนวน แหน ว่า ที่กำบัง
ฉนัง ดูที่ กุมภ
ฉนำ ดูที่ สมพัจษร
ฉม ดูที่ กราอวน
ฉม ดูที่ ชัคติ
ฉลิ ว่า เขียวคราม
ฉวัด เฉวียน ว่า เวียรวง
ฉวาง ดูที่ ไพรศาล
ฉวี ว่า ผิวหนัง
ฉัตร ว่า พระกรด
ฉัตร กรรชิง กลิ้งกลด จ่อง ว่า ร่ม
ฉัน ดูที่ ชั้น
ฉัน ว่า ฉิน
ฉาน ดูที่ ลวดลาย
ฉาย ว่า เงา
ฉิน ดูที่ เฉก
ฉิน ภินธ์ ว่า ขาด
ฉิบฉับ ดูที่ จินจน
ฉิบหาย ว่า หายพลัน
เฉลย ดูที่ จำเลย
เฉวียน ดูที่ ฉวัด
เฉก ฉิน ว่า เช่น
เฉโก โกศล ทรรษ ว่า ฉลาด
เฉีด บรรเจีด   ก็ว่างาม ดุจคำว่า โฉมเฉิด
ไฉน ว่า ปี่
โฉมสรรค์ ดูที่ ลำนัก
ชงค ว่า แค่ง
ชฎา ว่า ผูกผมไม่ยุ่ง มิใช่ชฎาเหมือนรูปปั้นรูปเขียน
ชนก บิดร ว่า บิดา
ชนนี ดูที่ มารดร
ชนาธิป ดูที่ ภูวนา
รร์ 2
ชนิด ว่า ชิด
ชปนมนต ว่า มนตกระชิบ
ชมภูนุช ว่า ทองชมภูนุช
ชไม ว่า สอง คือ ชมิแปลว่าลามก
ชร ดูที่ อุทก
ชรบาป ว่า ราบ
ชรลอง ดูที่ ชรลัด
ชรลัด ชรลอง ว่า ลำธารลัดได้
ชรอ่ำ ดูที่ ชอุ่ม
ชรา ชิณ จัศ ว่า แก่
ชล ดูที่ อุทก
ชลจร ดูที่ มัษยา
ชลุก ว่า ปลิง
ชวัค ว่า ชัก ดุจคำว่า แลช้างประจำชวัดมา
ชศ ว่า ยศ ดุจคำว่าชดอคร้าว อิงหมอนนอนอยู่
ชอุ่ม ชรอ่ำ ว่า คลุ้ม
ชัคติ ภูริ พสุธา พสุนทรา ฉม เวณี เมธนี กรุงไผท หล้า ว่า แผ่นดิน
ชัชวาลย์ ดูที่ ประภา
ชัฏชื้อ ว่า ชรอัดชรอื้อ
ชั้น พลัน ฉัน รบัดเสรีด ว่า เร็ว
ชั่ว ว่า เล่น
ช่า ว่า เห็น ดุจคำว่า นางนงคราญครั้นช่า อัศจรรย์ป่าเป็นลางหัน
ช้าซ่อน พิจ ว่า งามสลวย
ช้างชำนิ ว่า ช้างธินั่ง
ช้างประชดงา ว่า ช้างต่อ
ชาติ ดูที่ ประภา
ชาติลิขัติย์   พราหมณ์
ชามาดา ว่า ลูกเขย
ชาล ว่า เปลว
ชำงือ ดูที่ ซือ
ชำนาญ ว่า ที่เหยียบ คือ ชนัก แล โกรน
ชำนาญ ว่า ชาญ
ชำแรก ว่า แซก
ชิงชัง ดูที่ จินจน
ชิณ ดูที่ ชรา
ชิด ดูที่ แทบ
ชินะ ว่า ผจญ
ชี ว่า นักบวช
ชีผ้าขาว ว่า นักบวชนุ่งผ้าขาว
เชฐมาศ ว่า เดือนเจ็ด
เชษฐ ดูที่ บุพพช
เชีงโกรย ว่า เท้าหลัง
โชติ ดูที่ ประภา
โชยชายมนิมนา ดูที่ ปัตบรรลายเสี่ยมสาร
ไชยวิไช ว่า ชำนะ
ซือ ชำงือ ว่า ใจ
เซรา ว่า หลืบ ดุจคำว่าเซาะเซราเขาธาร
เซาะ ว่า ซอก
แซง ว่า วัง
ฑรทึก ว่า ร้ายยิ่ง
ฒาฒะ ว่า เขี้ยว
ณูก ดูที่ ประทุม
ดงจันทึก ว่า ดงร้าย
ดงดึก ว่า ดงลึก
ดนตรี ดุริยางค ว่า เครื่อง ดีด สี ตี เป่า นักเลง เล่น
ดไนย ดูที่ โปดก
ดรพี ว่า ประทุษฐร้าย
ดรุณ ยุว มานพ สุขุมาร หาล ว่า อ่อนอายุศม์
ดล ปดล ว่า พื้น
ด่วน ดูที่ เสวตร
ดอก ดูที่ คฤก
ดองไพร ดูที่ วนสณฑ์
ด้อม ว่า มอง
ดอย ดูที่ บรรพต
ดัชนี ว่า นิ้วชี้ แปลว่า คุกคาส
ดัตปลก ว่า เดือน
ด่าน ดูที่ มรรค
ดาบศ ดาบศ นี วี ว่า ฤาษี
ดาบศนี ดูที่ ดาบศ
ดาบศวี ดูที่ ดาบศ
ดามภ   ก็ว่าแดง
ดารก ดูที่ ดารา
ดารา คารก ว่า ดาว
ดาล ว่า ช่องราล ก็ว่าดังกุญแจ
ดำเนิร ดูที่ ยาตร
ดำเพลิง สินาถ ว่า ปืนไฟ
ดำรัสรู้ ว่า รู้แจ้ง
ดำราน ว่า ผ้าลาดคลุมหลัง
ดำรี ดูที่ ทวิรท
ดึมโดย ว่า ดื่มน้ำ
ดุน อาตมา ดุว ว่า ว่าตัว
ดุรงค ดูที่ อัศว
ดุริยางค ดูที่ ดนตรี
ดุษดี ดูที่ ปราโมทย์
เดจฉ ดูที่ เดจฉา
เดจฉา เดจฉ เต้า ว่า ไปมา
เดีมเฌอ ดูที่ พฤกษ
เดียง ว่า รู้
เดียรถ เนียฉร ว่า ฝั่ง
แดยัน ว่า ค้ำอก
โดรณ ว่า เสาใต้
โดม ว่า น้ำไหลจากช่องเขา
โดย   ก็ว่าตาม ดุจคำว่าโดยเสดจ์
ใด ดูที่ หัตถ
ใดเฉวียง ว่า มือซ้าย
ใดสดำ ว่า มือขวา
ตก ตริ ว่า นกนทา
ตจ สมบอก ว่า เปลือก
ตนุช ดูที่ โปดก
ตโนด ว่า ตาล
ตรกอง ตรโบม ดูที่ โอบ
ตรวจไตร ว่า นับ
ตรอม ว่า เจบ ว่ารบม
ตระดกใจ กระหม่าใจ ว่า ตกใจ
ตระดอน ดูที่ กลำภัก
ตระบอก ว่า กลีบ
ตระบัน ว่า กลีบซ้อน
ตระแปน ว่า แผ่ ดุจคำว่าดวงตระแปนบานงาม
ตระลาการ ว่า มีอาการดังตราชู
ตระศักดิ์ ว่า งาม, เพราะ, ดุจคำว่า เดิรดุจสิหตระศักดิ์ แลคำว่า ตระศักดิ์เพรียก ไพรดัง
ตระหนัก ว่า รู้แน่
ตรา ว่า จำดุจคำว่า ตรวจตราหาหน้า ไตรตรา
ตราบ ว่า ข้าง ดุจคำว่าสองแนบแนมนอนสอง ตราบไท้
ตราสีน ว่า จำทรัพย์
ตริ ดูที่ ติก
ตริ ดูที่ อนุสร
ตรี ดูที่ มัษยา
ตรีคม ดูที่ ผลา
ตรีนิศก ว่า ตรีศก
ตรีศุลี ดูที่ อิศวร
ตรีศูล ว่า หลาวสามง่าม
ตรู ดูที่ อำไพรุ
ตฤณ โกศ เกลียง เสมา ว่า ญ่า
ตฤป ว่า สูป
ตะจะ ว่า หนัง
ตะโต วะโร   ทวน อาวุธนามละอย่างๆ
ตาว   ง้าว
เสน่า สุล ธนู   กฤษ
ตรี   กระบี่
ตังวาย ว่า ถวาย
ตันเหิม ดูที่ หฤทัย
ต้านหน้า ว่า ประชันหน้า
ตาปศปริษการ ว่า ปริขารดาบศ
ตาว ดูที่ อสิ
ตำรวจ พลตรี ว่า พลช้าง
ตำริ ดูที่ อนุสร
ติง ว่า ไหว
ติชน ว่า แร้ง
ตึกตัก ดูที่ จินจน
ตึงตัง ดูที่ จินจน
ตุลย ว่า ชั่ง
ตุว ดูที่ ตุน
ตูว ว่า ตัว
เตรียบ ว่า เคียง
เต้า ดูที่ เดจฉา
เตียน คำสาบ ว่า คำแช่ง
แต้ม ดูที่ เลข
โตมร ว่า หอกซัด
ไต่ ว่า ต่าย ดุจคำว่า ไต่เต้า ว่าไปมา
ไตรทสาไล ดูที่ สุราไลย
ถกัด ดูที่ ราค
ถนอม ว่า รักษา
ถนัง ดูที่ สถน
ถนิมกาม ดูที่ นางนง
ถนิมมาลย์ ว่า เครื่องประดับ ทำเหมือนดอกไม้
ถนิมเมือง ว่า เครื่องประดับเมือง คือนางแพศยา แลนางนครโสเภณี
ถนอมสนด้วยสูด ว่า เครื่องประดับด้วยด้าย
ถมอ ว่า หิน เช่น ดาดดำถมอทะมึ่น
ถวัดถวิล ว่า ว่องไว
ถวัลราชประเพณี ถวัลราชสมบัติ ถวัลย ว่า ทรง ดุจคำว่าถวัลยพัตร พิสุทธิ ว่าทรงผ้าขาว
ถวัลราชสมบัติ ถวัลย ดูที่ ถวัลราชประเพณี
ถวิล ดูที่ อนุสร
ถ่อง ดูที่ พฤา
ถั่งแถม ว่า ให้ซ้ำ
เถร ว่า ผู้เถ้า
เถกีง ดูที่ ประภา
เถมิลไพร ว่า พรานป่า
เถลิง ดูที่ อุไทย
แถลง ว่า เล่า
ไถว ว่า ตวัน
ไถง ดูที่ ลงาจ
ทงัน ว่า กว้างใหญ่ ดุจคำว่า ทุ่งทงรร แลภูเขาทงรร
ทยรฆ รี แวง ว่า ยาว ดุจคำว่า ไพรแวง
ทม ดูที่ หลวง
ทรชน ว่า ชนร้าย
ทรชาติ ว่า ชาติร้ายชาติชั่ว
ทรพล ว่า กำลังน้อย
ทรพิศ ว่า พิศม์ร้าย
ทรภิกข ว่า เข้าแพง
ทรยศ ว่า ยศต่ำ ยศชั่ว
ทรรษ ดูที่ เฉโก
ทรลักษณ์ ว่า ชั่ว
ทรวง ดูที่ อุร
ทรหน ว่า ห่างร้ายทางผิด
ทรหึง ว่า ชั่วนาน
ทรหึง ว่า บ่นถึง
ทรหู ว่า หูไม่ดี
ทรอึง ว่า ถือตัว
ทรามใช้ ว่า อ่อนโดยมาก
ทริช ว่า ฟัน
ทฤษดี ประจัก ประตยักษ ว่า เห็น
ทเลสาบ ว่า ทเลน้ำจืด
ทวย ว่า ไท มีอย่างในอนิรุธ ว่าจำจวยจำเป็นแลว่ากรรม์บรรจวย สองสม จึงเห็นว่าจวยว่าใจ จึงเห็นตามอย่างทวยว่าไทก็ได้คือ ล.ง.ว. เป็นสกดดุจหนึ่งว่าทวีป
ทวยชุด ลมุล โอน ว่า อ่อน
ทวยหาญ ว่า ไทกล้า
ทวาย ว่า สองครั้ง
ทวิช ดูที่ สกุณ
ทวิรท หษดี กุญชร คช อภิกภิ ดำรี ว่า ช้าง
ทวีป ว่า เกาะ
ทศพล ว่า แรงสิบ
ทองกร ดูที่ กรองใด
ท้อถอย ว่า คำโต้ ดุจคำว่า ท้อถอยเรียงรมย์ รรักรรีไป
ทักทิน ว่า วันตาย ดุจคำว่า ลาญทักทั้งสอง
ทัณที ว่า คนถือไม้เท้า คือคนแก่
ทันทัด ดูที่ พางเพียร
ทาน อวย อำนวย ว่า ให้
ทานพ ดูที่ แทตย
ทาม ดูที่ มาลา
ทาย ดูที่ กละลึง
ทารุณ ดูที่ กรรษ
ทารุภัณฑ์ ว่า เครื่องไม้
ทำงล ว่า หนักดุจคำว่า ธุระทำงาน
ทำนูล ว่า ทูล
ทินกร ดูที่ ทิวากร
ทิพ ว่า เกิดมีในสวรรค์ ว่าเล่นก็ได้
ทิวงคต ว่า ไปสู่ทิพยสถาน
ที ดูที่ ผ้าย
ทึกกลา ว่า น้ำใส
ทึกตระชัก สินธุสฤรา ว่า น้ำเย็น
ทึกตึก ดูที่ อุทก
ทึกทัก ดูที่ จินจน
ทุกขกษัย ว่า สิ้นทุกข์
ทุกปลาก ทุกพาย ว่า ทุกแห่ง
ทุกพาย ดูที่ ทุกปลาก
ทุกุลพัตร ว่า ผ้าทอด้วยหยาก
ทุติย ว่า หญิงเต็มแห่งสอง คือ เมีย
ทุรสถาน ว่า ที่ไกล
เทพบุตร ดูที่ สุร
เทรีด ดูที่ อุณหิศนาฬีบัตร
เทวธิดา เทวี อับศร ว่า นางฟ้า
เทวโลกย์ ดูที่ สุราไลย
เทวศ ว่า ทุกข์
เทวโร ว่า พี่ผัว
เทวสวสถาน ว่า ที่อยู่แห่งเทวรูป
เทวอ ดุที คฤก
เทวันท ว่า เทวินท
เทวี ดูที่ เทวธิดา
เทศ ดูที่ สถาน
เทหะ ว่า กาย
เทา ดูที่ จร
เท่า ดูที่ เป็น
เทียงผา ว่า กำแพงหิน
เทียบเทียม ดูที่ พางเพียร
เทียม ดูที่ ชิด
เที่ยว ดูที่ ยาตร
เทือน ว่า ที่ไกล
แทตย ทานพ มาร ราพ กำธร บาบี ว่า ยักษ์
แทบ ชิด เทียม ว่า ใกล้
ไท ว่า กรุณา
ธนู ดูที่ เสน่า
ธนู ว่า คันธนู
ธนู ศักดิ ลำแพง ว่า หอก
ธนูจาป ว่า แสง
ธรรมปิฎก ว่า ตะกร้ารองธรรม
ธรรมราชา ว่า เป็นพระยาเหตุธรรม
ธรรมสามี ว่า เป็นเจ้าเหตุธรรม
ธัญชาติ ว่า เข้าเปลือก
ธาดา ดูที่ สุรเชฐ
ธาตรี ว่า แม่นม
ธิดา ว่า ลูกหญิง
ธิรางค ว่า องคนักปราชญ์
ธุม ธุโม ว่า ควัน
ธุมเกด ดูที่ อัคนิโรติเตโชสิขานล
ธุโม ดูที่ ธุม
ธุลี ดูที่ บางสุ
นคร บุร ว่า เมือง
นงคราญ ดูที่ นงเยาว
นงนุช ดูที่ นงเยาว
นงพงา ดูที่ นงเยาว
นงพาล ดูที่ นงเยาว
นงโพธิ ดูที่ นงเยาว
นงเยาว นงพาล นงโพธ นงนุช นงคราญ นงลักษ นงราม นงพงา ว่า หญิงอย่างดี
นงราม ดูที่ นงเยาว
นงลักษ ดูที่ นงเยาว
นทีจถ ว่า กาน้ำ
นทีสทึง ว่า แม่น้ำ
นนทลี ดูที่ มารดร
นยน ดูที่ อักษี
นยนามพุ อสุชน ว่า น้ำตา
นร ดูที่ ษนุษย์
นรรฎก ว่า คนฟ้อง
นราธิป ดูที่ ภูวนา
นราไล ดูที่ ษนุษย์
นราศภ ว่า ประเสริฐกว่าชนชาติ
นฤนณี ว่า ส้น
นะมัศิวาย ว่า ข้าไหว้พระอิศวร
นัก   คำนี้ใช้ทั่วไปทั้งไพร่แลผู้ดี คือคำว่า นักพระองคตน แลนักพระองคราม
นักขัตราชา ศศิ ศศิธร โสมสิตรังษี อินท ว่า พระจันทร์ ดุจคำว่าพระแจ่ม พระเจ้าจ้าแจ่ม
นักบวช ดูที่ นักพรต
นักปราชญ์ ดูที่ นักพรต
นักพรต นักบวช นักปราชญ์ นักพลเมือง   ใช้ดุจเดียวกัน
นักพลเมือง ดูที่ นักพรต
นักเลง ว่า นักเล่น
นังคัล ว่า ไถ
นางนง ถนิมกาม ว่า เครื่องประดับกาม
นางภัควดี ดูที่ ย่างเยื้อง
นาภี ว่า สดือ
นามพระเจ้าฯ บระเตยกโพธิ ว่า พระประเจกโพธิ
นายก ว่า ผู้นำสัตว์
นายเนมิตร ว่า คนถือเอาซึ่งนิมิตร คือ หมอดู
นารี ดูที่ สัตรี
น่าเอนดู   หยากจะว่าน่าเห็น น่าดู
น้ำคอง ว่า แม่น้ำเมืองพูน
น้ำน่าน ว่า แม่น้ำเมืองน่าน
น้ำพึง ว่า แม่น้ำเมืองเชียงใหม่
น้ำยม ว่า แม่น้ำเมืองแพร่
น้ำวัง ว่า แม่น้ำเมืองลำปาง
น้ำสัก ว่า แม่น้ำเมืองหล่มศัก
นิกร คณ พรรค ว่า หมู่
นิชรวัตถุ ว่า วัตถุไม่แก่
นิทร ดูที่ ผทม
นิพาน ว่า ออกจาก
นิพุติ ว่า ดับ ชื่อนิพาน
นิยต ว่า แน่
นิยม ว่า กำหนฎ
นิราไลย ว่า ปราศจากที่อยู่
นิลมณี ว่า แก้วสีดั้งดอกอังชัน
นิวาศ ดูที่ นิเวศ
นิเวศ นิวาศ สำนักนิ์ ว่า ที่อยู่
เน่งนิทร ว่า นอนหลับนิ่ง
เนบ ว่า ทัศ ดุจคำว่า นายเหนบ ดอกงิ้วงามสม
เนมี ว่า กง
เนสาท ดูที่ มฤคลุทร
เนา ดูที่ สิงสึง
เนียฉร ดูที่ เดียรถ
บง ว่า ชำเลือง
บงงคม ดูที่ อัญชุลี
บงกช ว่า เกิดแต่ตมก็ว่าบัว
บทจร ว่า ไปด้วยท้าว
บรม ว่า ยิ่ง
บรรจง ดูที่ รจิต
บรรเจีด ดูที่ เฉีด
บรรดาศักดิ์ ว่า มีร่มยศอันถึง
บรรพชา ว่า เว้นจากเบญจกาม
บรรพต สิขร คีรี พนม ดอย ภู ว่า เขา
บรรพสัตย์ ว่า สัปรุษย์
บรรยาย เหี้ยม ว่า เหตุ
บรรลิงก ว่า บรรพสัต ดุจคำว่าบรรลิงกก็หลายพรรณเพียงพบูแมนเขียน
บรรสาย สาข ว่า กิ่ง
บราง ว่า บได้ ดุจคำว่า ผิเรา บรางทูล ชีวิตเรา บรางนาน นักรู้บางแห่งว่าละ ก็ใส่บร้างว่าละ
บวร ว่า ประเสริฐ
บอง ดูที่ บุพพช
บ่อน ดูที่ สถาน
บอ้าว ว่า บ ขาม
บัง ว่า ปิด
บังคัล ดูที่ คล
บังอวด ว่า น่าต่าง
บังอิง ว่า พนัก
บัญชร ว่า หน้าต่างมีซี่กรง
บัญเชฐ ว่า ชมภู
บัณฑร ดูที่ เสวตร
บัณฑิต ว่า ไปด้วยปัญญา
บัตร สลึก ว่า ใบ
บัน ว่า บิน
บันดา ว่า เห็นแล้ว
บันโดย ว่า พลอยแสดง, ดำเนินตาม
บันเลง ว่า เล่น
บาแกง ว่า ทูต
บ้าง ว่า กาล
บางสุ ธุลี ลอองบาท ว่า ฝุ่นในบาท
บาบี ดูที่ แทตย
บาทยุคล ว่า ฝ่าเท้า
บาย ดูที่ โภชน
บายศรี ว่า เข้าอันเป็นศิริ
บำเทอง ดูที่ หรรษ
บำนาญ ดูที่ บำเนจ์
บำเนจ์ บำนาญ ว่า รางวัล
บำราน ว่า ปราน
บำรุง อำรุง ว่า เลี้ยง
บิดร ดูที่ ชนก
บิดามหานนทลาธิบดี ว่า ปู่
บิตุฉา ว่า อา
บิตุล ว่า ลุง
บีธา ดูที่ รันทำ
บุณฑริก เสวตร ประทุม ว่า   บัวขาว
บุปผา ดูที่ มาลา
บุพพช เชษฐ บอง ว่า พี่
บุร ดูที่ นคร
บุรินทร์ ดูที่ สหศเนตร์
บุริโสดม ว่า เป็นบุรุษย์มีมืดอันถอนเสียแล้ว
บุรุษย์ ดูที่ ษนุษย์
บุษ ดูที่ เสวตร
บุษ ว่า แก้ว
บุษบาราม ว่า สวนดอกไม้
บุษมณีสีสยาม ว่า บุษน้ำทอง
บุษมาศ ว่า เดือนยี่
บุษราคำ ว่า แก้วสีเหลืองเจือแดง
บูว ว่า บัว
เบกษา ว่า เพ่ง
เบญจประสาท ว่า ประสาทห้า
เบญจสกลธ์ ว่า เบญจขันธห้า
เบิก ดูที่ ไข
โบษขรณี ว่า สระบัว
ปฏิปักษ ดูที่ เวรุ
ปดล ดูที่ ดล
ปทัมราช ประธรรมราช โกมิล ปวาล ว่า แก้วแดงมีสีดังเม็ดทับทิม
ปทีเสนา ว่า เสนาเดิรเท้า
ปโยธร ดูที่ สถน
ปรปักษ ดูที่ เวรุ
ปรรจฐร ว่า เครื่องลาศ
ประกอป ดูที่ ประกิจ
ประกายพฤก ว่า ใกล้รุ่ง
ประกิจ ประกอป ว่า ประกับ
ประจน ดูที่ ผจญ
ประจัก ดูที่ ทฤษดี
ประเจียด ว่า ผ้าเช็ดหน้าสี่เหลี่ยม
ประดิด ประดับ ดูที่ จินจน
ประดิทิน สบไถง ว่า ทุกวัน
ประตยักษ ดูที่ ทฤษคี
ประทยด ว่า ประชด
ประทยุม ว่า ประชุม
ประทุม ดูที่ บุณฑริก
ประทุม ณูก กมล ว่า บัวหลวง
ประเทษ ดูที่ สถาน
ประธรรม ดูที่ ปทัมราช
ประนด ดูที่ อัญชุลี
ประนม ดูที่ อัญชุลี
ประปราณ ว่า ข้อน อก
ประภัทศร ว่า เลื่อมพราย
ประภาษกร ดูที่ ทิวากร
ประภาษะ ดูที่ ประภา
ประมง ว่า พรานปลา
ประเมิล ขเน ว่า ประมาณ
ประยน ดูที่ ผจญ
ประภาศ ประภาษะ อาภา โอภาษ รัศมี โชติ ชาติ ชัชวาลย์ เถกีง โพรงพราย ว่า รุ่งเรือง
ประลอง ดูที่ ไปรบ
ประลาศ ว่า หนี
ประสาท ว่า ให้ดุจคำว่าพระอิศวรประสาทพร
ประเหล้ ว่า คล้าย นักรู้บางแห่งเอาตัวลอขึ้นน่าใส่เอกว่าเปล่หดั่งนี้ก็มี
ประหว่า ว่า เปล่า
ประหาญ ว่า ทุบ
ปรัศ ดูที่ รจิต
ปราไช พ่าย ว่า แพ้
ปราณ ว่า ลมหายใจ
ปราณี อาสรู ว่า น่าเอ็นดู
ปราบดาภิเศก ว่า มีอภิเศกอันถึง
ปราโมทย์ ดุษดี ว่า ชื่นชม
ปริกขา ว่า ดู
ปรินายก ว่า นายพลว่าผู้นำพลคือแม่ทัพ
ปริโภค ว่า เป็นของสำหรับกิน
ปริโภชนีย ว่า น้ำใช้
ปริวารยศ ว่า ยศมีผู้ห้อมล้อม
ปริหาร ว่า ผู้แก้
ปรีชา ว่า รอบรู้
ปรีดีมะนะ ว่า อิ่มใจ
ปฤกษา ว่า ถาม
ปฤษฎางค ขนอง ว่า หลัง
ปลงธุระ ว่า ปลดแอก
ปลาเขมาโกรย ว่า ปลาหลังดำ
ปล้าง ดูที่ รสาย
ป่วยงาน ว่า ว่างงาน
ปวาล ดูที่ ปทัมราช
ปะณีตะ ว่า ของอย่างยิ่ง
ปักใต้ ว่า ฝ่ายใต้
ปักษี ดูที่ สกุล
ปักเหนือ ว่า ฝ่ายเหนือ
ปัจจันตชนบท สรกเกรา ว่า บ้านนอก
ปัจนึก ดูที่ เวรุ
ปัจามิตร ดูที่ เวรุ
ปัตบรรลายเสี่ยมสาร โชยชายมนิมมนา ว่า ค่อยยกย่าง
ปัตยุบัน ว่า ปี, เดือน, วัน, เวลา, เดี๋ยวนี้
ปัศวาศ ว่า ลมหายใจเข้า
ป่าชัฏ ว่า ป่ารก
ปาตลิ ว่า แคฝอย
ปาตังกี ดูที่ สิวิกา
ปาทัมพุช ว่า บัวรองบาท
ปาทุกา ว่า ฉลองพระบาท
ปาน ดูที่ ทันทัด
ปานียะ ว่า น้ำกิน
ปาริฉัตร โกวีฬาร ว่า ทองหลาง
ปาเรวตา ว่า นกพิราพ
ปาสาณ ว่า แผ่นหิน
ปิงคัล ดูที่ หรดาล
ปิโยธร ดูที่ สถน
ปี่ลู ว่า ปี่ลาว
ปีสาจ ดูที่ ภูต
ปึงปัง ดูที่ จินจน
ปู่เจ้า ดูที่ พนัศบดี
ปูน ดูที่ พางเพียร
เป็น จุณ เท่า ว่า เท่า
เปรมปรี ดูที่ เมตา
เปรียง ว่า น้ำมัน
โปดก ตนุช ดไนย ว่า ลูก
ไปโก ว่า พวก
ไปรบ ประลอง ว่า หัดรบ
ไปลาด ไปลอง ว่า ไปกระเวร
ไปลอง ดูที่ ไปลาด
ผกา ดูที่ กุสม
ผคุณมาศ ว่า เดือนสี่
ผจง ดูที่ รจิต
ผจญ ประจน ประยน ว่า ธรมา
ผดุง ผเดยัน ว่า ค้ำดุจคำว่าสันโทนท้าวศิโรราบ
ผเดยัน ดูที่ ผดุง
ผทม นิทร ว่า นอนหลับ
ผยอง ว่า เผ่น
ผลา ว่า คม
ผลา ตรีคม รุจี ว่า มีดคมแหลม
ผลิก ดูที่ ขาว
ผลึก ดูที่ ขาว
ผลึก ดูที่ ผลึง
ผลึง ผลิก กรรกัฏฏักขี ว่า แก้วตาปู
ผลู ดูที่ มรรค
ผสม ว่า ทำให้พร้อม
ผสาน ว่า ทำให้เข้าเสียง
ผอูน ดูที่ กนิษฐ
ผัง ดูที่ ลน
ผัน ว่า ผิน
ผาดำสามเส้า ว่า เขาตรีกูฏ
ผ่านฟ้า ดูที่ สุรเชฐ
ผาเผือก ว่า เขาไกรลาศ
ผาย ดูที่ ไข
ผ้าย ที ว่า ลูก ดุจคำว่า กู ก็จะผุดผ้ายไป ตามพราหมณ์
ผาหลวง ดูที่ สิเนรุ
ผาศุข ดูที่ สนุกนิ์
ผาหอมหวาน ว่า เขาคัณธมาทน์
ผี ว่า ว่องไวดี
ผึงผัง ดูที่ จินจน
ผูว ว่า ผัว
เผดจ์ เจียน ว่า ตัด ดุจคำว่าเจียน จอม ปลวก เพิ่มเมรู
เผย ดูที่ ไข
เผลียง ดูที่ พรรษ
เผื่อ ข้อย กู เค้า   ก็ว่าข้า
แผล ว่า ลูกไม้
ไผทโกรม ดูที่ ภูวนา
พงพีเผือน ดูที่ พฤน
พจน พากย โวทหาร ว่า ถ้อยคำ
พธู ดูที่ สัตรี
พ้น กว่า เลย ล้ำ ว่า เกิน
พนม ดูที่ บรรพต
พนัศบดี อารักษ ปู่เจ้า ว่า   พระไพรเจ้าป่า
พนาด ว่า เบาะ
พนาลี ว่า รเบียบป่า
พเนา ว่า มตูม
พยัม ว่า วิมาน
พยากร ว่า ทำนาย
พเยีย ดูที่ เรณู
พรรค ดูที่ คณ
พรรลาย ว่า ช้างพลาย ดุจคำว่าสัตว์ พรรฤก พรรลาย
พรรษ ดูที่ สมพัจษร
พรรษ วลาหก เผลียง ว่า ฝน
พรรษธาร ว่า ท่อแห่งฝน
พระขรรค์ ว่า ดาบสี่คม
พระมหา ว่า เช้ามืด
พรานต์ ว่า กลัว ดุจคำว่าใจพิบภิตพรานต์
พราหมณ ว่า ผู้ล้างบาป
พริบพรับ ดูที่ จินจน
พฤกษ เดีมเฌอ ว่า ต้นไม้
พฤกษะ พันฤก ว่า ใกล้รุ่ง
พฤน กานน พงพีเผือน ว่า ป่า เถื่อนก็ว่าป่า
พฤศภ ว่า โค
พฤศสภ ว่า โค
พฤา พันฤา ก่อง ถ่อง ว่า สว่าง
พลกาย พลนิกาย พลนิกร พลากร ว่า หมู่พล
พลตรี ดูที่ ตำรวจ
พลนิกร ดูที่ พลกาย
พลนิกาย ดูที่ พลกาย
พลพาห ว่า พลม้า
พลัน ดูที่ ชั้น
พลากร ดูที่ พลกาย
พลียักษา ว่า เหยี่ยวรุ้ง
พลุก ว่า งา
พวง ดูที่ ฉงน
พ่วง ว่า แพ
พสุธา ดูที่ ชัคติ
พสุนธรา ดูที่ ชัคติ
พหารัญ พหาวัน ว่า ป่าใหญ่ ป่าสูง
พหาวัน ดูที่ พหารัญ
พัก ดูที่ พำนัก
พัทปมาศ ว่า เดือนสิบ
พันฤก ดูที่ พฤกษะ
พันฤา ดูที่ พฤา
พันลอด ว่า หน่อ
พันเหา ว่า พหู
พัศวดิ ว่า ยังสัตว์ให้อยู่ในอำนาจดุจพัศวดิมาร ว่า ยังสัตว์ให้ตาย
พากย ดูที่ พจน
พางเพรียร เทียบเทียม ทันทัด ปูน ปาน ว่า เท่า
พาชี ดูที่ อัศว
พาที ดูที่ จรรจา
พ่าย ดูที่ ปราไช
พาล ดูที่ แหนง
พาลมฤคร้าย ว่า ราชสีห์แลเสือโคร่ง
พาษปธารา ว่า ท่อแห่งน้ำตา
พาสุกรี วาสุกรี ว่า นาค
พาหุรัด วารัด ว่า ต้นแขน
พำนัก พัก อาไศร อาไล โอก ว่า ที่อยู่
พิโกรตร ว่า ฟุ้ง
พิฆาฏ ว่า ฆ่า
พิจ ดูที่ ช้าซ่อน
พิจิก ว่า แมลงป่อง
พิตรรกจิตร ว่า จิตรวิตก
พินธุ ว่า หยาด
พินธุสร ว่า เสียงเพราะ
พิฤกษ ว่า พึงกลัว
พิลาพ ว่า ร่ำไรต่างไป
พิศม ดูที่ สับ
พิศวาศ ว่า คุ้นเคย
พีกเลนทรีย ว่า มีอินทรียอันพิกล
พี่แม่ ว่า แม่ของพี่
พุฒ ว่า หง่อม
พุฒะ ว่า พุทธ์
พุทธ ว่า บาน
เพตรา ดูที่ สำเภา
เพทางคสาตร ว่า คำภีร์ไตรเพท คือ นิติสาตร ราชสาตร โหราสาตร
เพรางาย ว่า เพลา เช้า, สาย,
เพลิง ดูที่ อัคนิโรติเตโชสิขานล
แพ่ง ว่า สร้าง ดุจคำว่า สองโสภาพระแต่งงามพ้น แพ่งมนุษยในโลกยนี้ แพ่งสวรรค์ก็ว่า
แพสย คือ พ่อค้า
โพรงพราย ดูที่ ประภา
ไพรแวง ว่า ป่ายาว
ไพรศาล ฉวาง ขวาง ว่า กว้าง ดุจคำว่าขุนขี่เมืองขวาง
ไพเราะ ว่า เพราะเสนาะวังเวง
ไพศาขมาศ ว่า เดือนหก
ฟ้อง ว่า กล่าว ดุจคำว่า อย่าเจ็บใจ ณน้อง ใช่พี่ฟ้องว่า บมิไป
ฟ้ากรรชิด ว่า ฟ้าคำรน
เฟื่อง ว่า เครื่องห้อย
เฟื่อย ดูที่ แม้น
ภคินิ ว่า น้องหญิง
ภมร ดูที่ กันลง
ภรรดา ดูที่ สามิ
ภรรยา ว่า เมีย
ภศว ดูที่ ลบมศิม
ภักตร มุข ว่า หน้า
ภังคัง ว่า ผ้าทอด้วยป่าน
ภัศม ว่า ให้แหลก
ภาคิไณย ว่า หลาน คือ ลูกของลูกชายลูกหญิง นักรู้บ้างใช้บาลีว่าภาคิไณยก็มี ใช้บุตรของเชษฐว่านดาใช้ไปได้
ภาณุมา ดูที่ อัคนิโรติเตโชสิขานล
ภาณุมาศ ดูที่ รำไพ
ภิก ดูที่ ไภย
ภิกษุ ว่า ขอ แลว่าเห็นไภย
ภินธ์ ดูที่ ฉิน
ภุมมะ ว่า อังคาร
ภู ดูที่ ลรรพต
ภูต ปีศาจ มาห โขมด ว่า ผี
ภูบดี ภูวนา รัษฐ์ธิป ชนาธิป นราธิป กษัตรีย กฤษดีย ไผทโกรม ว่า เจ้าแผ่นดิน
ภูริ ดูที่ ชัคติ
ภูษณ ภูษา ว่า ผ้าทรง
ภูษา ดูที่ ภูษณ
เภราคาร ว่า หอกลอง
โภคพันเหา ว่า ที่จะสมบัติมาก
โภชน โอทน บาย ว่า เข้าสุก
ไภย ภิก ขลาด ยำ คร้าม แสยง แกลน ว่า กลัว
มณฑก ว่า กบ
มณฑล ลาน กง ว่า กลม
มณฑิราไลย ว่า ที่อยู่คือมณเฑียร
มณีปทีป ว่า ตเกียงแก้ว
มต้อง ว่า สท้อน
มติก ว่า ดิน
มถ ดูที่ มรรค
มทธิ ว่า ธำมรงค์
มนุษย โลกย นราไล ว่า ที่อยู่แห่งมนุษย์
มนุษย์ ดูที่ ษนุษย์
มโนมัย ว่า แล้วไปด้วยใจ
มรกฎ ว่า แก้วสีเขียวใบไม้
มรกฏ ว่า ลิง
มรรค มถ ผลู ก้าน ด่าน ว่า ทาง
มรรษา มฤษา ว่า คำเท็จ
มรุ ดูที่ สุร
มฤค ว่า เนื้อทุกอย่าง
มฤคลุทร เนสาท ว่า พรานเนื้อ
มฤคสิรมาศ ว่า เดือนอ้าย
มฤตยวารี ว่า น้ำกินไม่รู้ตาย
มฤทิงค ว่า สโพน
มฤมล ว่า ปราศจากมลทิน
มฤมล ว่า ปราศจากมลทิน
มฤษา ดูที่ มรรษา
มลิน ว่า กบก
มเลื่อยมล้า ว่า เลื่อยล้า
มสารคัล ว่า แก้วลาย
มหานดาทยาไศรย ว่า มีอัชฌาไศรยมาก
มหาไพรบูลย ดูที่ มหึมา
มหาภิเนศกรม ว่า ออกบวชอันประเสริฐ คือแผลงมาจากมหาภิเนกขัม เอา ข. เป็นสกะเหมือนขันธ ว่าสกนธ์
มหาศาล ว่า มีสมบัติมาก
มหึมา มหาไพรบูลย เจรีญ ครามครัน แหล่   ก็ว่ามากดุจคำว่า แลเหลือบแลหลาย
มเหศวร ดูที่ สุรเชฐ
มเหษี ว่า แสวงหาซึ่งศิลาทิคุณ
มอน ว่า สนุกนิ์
มะยุร กูโงก ว่า นกยูง
มัก ว่า ชอบใจ ดุจคำลาว ว่าบมัก
มังกร ว่า มังกร
มังษ ว่า เนื้อ
มัจฉะ ดูที่ มิญ
มัชฌิม ว่า นิ้วกลาง
มัญจาสน ว่า อาศนคือเตียง
มัทยม กันดาล ว่า กลาง ดุจคำว่า กันดาล สกนธ แลท้าวทรงกันดาล
มัษยา มิน วาริช ชลจร ตรี ว่า ปลา
ม้าก่าน ว่า ม้าผ่าน
มาฆมาศ ว่า เดือนสาม
มาณ ว่า พม่า ดุจคำว่า ทรงว่ามารดา กาคุลาค้าไก่
มาตุคาม ว่า เป็นที่ไปแห่งบุรุษยดุจบ้านมารดา
มาตุฉา ว่า น้า
มาตุลานิ ว่า ป้า
มาทรุงแย ก็ว่า เฝ้า
มาธุสร ดูที่ ไส้หมินปี
มานพ ดูที่ ดรุณ
มานพ ดูที่ ษนุษย์
มาโนช ว่า ยังจิตรให้เจรีญ
มาบ ว่า บึง
ม้าแพน ว่า ม้าทวน
ม้าโยงยาน ว่า ม้าชักรถ
มาร ดูที่ แทตย
มารชิ ว่า ชะนะมาร
มารดร ชนนี นนทลี ว่า มารดา
มารศรี ว่า มีศรี
มารุต ดูที่ วาโย
มาลก สวภาคศาลา ว่า โรง ดุจคำว่า มาลกธรรม สวภาแล โคศาลา
มาลา มาลี บุบผา ทาม ว่า   พวงดอกไม้
มาลี ดูที่ มาลา
มาศ ดูที่ จามิกร
มาห ดูที่ ภูต
มิ่ง ว่า ขวัญ
มิญ มัจฉะ ว่า ปลา
มิน ดูที่ มัษยา
มิลาศ ว่า โรย
มีพยศ ว่า มีพิศม์
มุข ดูที่ ภักตร
มุข ว่า ช่องปาก
มุขมนตรี ว่า มีความคิดเป็นประทาน
มุจลินท์ ว่า จิก
มุดดามณี ว่า แก้วมุกดามีหมอก
มุล ว่า ราก
มูรธาภิเศก ว่า รดพระเศียร
เมขลา ว่า เสอ้ง คือ เข็มขัด
เมง ว่า มอญ
เมตตา ไมตรี เปรมปรี สงวน ว่า รักษ
เมถุน ว่า คู่
เมธนี ดูที่ ชัคติ
เมศ ว่า แพะ บ้างกล่าวว่าเนื้อ
เมิล ว่า ดู
เมื้อ ว่า กลับ ดุจคำว่า ไปแล้วใดเมื้อ นักรู้ที่ใช้เมื้อว่าไปก็มี
เมือบ ว่า ถนัด ดุจคำว่า มาจึงเอาให้ม้วยเมือบใจ
แม่ร้าง ว่า เริศร้าง
แมก ว่า แอบ
แม้น ลม้าย เฟื่อย รุหาร ว่า เหมือน ดุจคำว่า เนื้อรุหารทองแท่ง แลใจเฟื่อยฟ้าทำทาน
ไม่ได้สิบ ไม่ได้สับ ดูที่ จินจน
ไมตรี ดูที่ เมตา
ยงยรร ว่า ยิ่ง ดุจคำว่า สองยง ต่อยง ยรรยง ในกลางเวหา
ยติ ว่า ผู้มีศีลอันสังวรรณ
ยมขัน ว่า กองณรก
ยยิ้ม ว่า ยิ้ม
ยยุรบาท ว่า เสดจ์ดำเนิรด้วยบาท แลเสดจ์ดำเนินด้วยยาน ไม่เหมือนคำว่าพยุหบาตร
ยแย้ม สำรวญ ว่า สรวญ
ยวน ว่า ลาวพุงดำ
ยอ ดูที่ เยอ
ยักษากร ว่า หมู่ยักษ
ยา ว่า ทำให้หาย
ยาง ว่า เกรียง
ย่างเยื้อง รำบำ นางภัควดี ว่า มีส่วน
ยาตร ดำเนิร เที่ยว ว่า เดีน
ยายี ดูที่ รันทำ
ยำ ดูที่ ไภย
ยำยาม ดูที่ ขมม
ยินใจ   ทีจะว่าอร่อยใจ ดุจคำว่า รศยียวน แลยศยำยามยวนไส้หมินปี
ยิบยับ ดูที่ จินจน
ยุคลบาท ว่า คู่แห่งบาท
ยุคสี่ คือ กฤดายุค ไตรดายุค ทวาประยุค กุลียุค
ยุทธ ว่า รบ
ยุบล ว่า ใจความ
ยุว ดูที่ ดรุณ
เยอ ยอ ว่า ยกย่อง
เยือน ว่า เอย็น ดุจคำว่าน้ำค้างหยาดเยือน
แยง ว่า ขวาง
แย้ง ว่า ขวาง
แย้ม ดูที่ ขจาย
โยคาวจร ว่า ประพฤติเพียร
โยคี ว่า นักบวช
โยธา ว่า คนรบ
รจเลข ดูที่ เลข
รจิต ขจิตร รัง ผจง บรรจง ปรัศ สำอาง โอ่อ่า ว่า แต่ง
รณรงค ว่า สนามรบ
รถ ว่า เกวียนเทียมด้วยม้า
รบม ว่า รม
รบอบ ว่า รอบ
รบัดเสรีด ดูที่ ชั้น
รบำ ว่า รำ
รบิ รบิน รเบียน ว่า ฉบับ
รบิน ดูที่ รบิ
รเบียน ดูที่ รบิ
รเบียบ ว่า เรียบ
รเบีด ว่า เรีด
รมาศ ว่า แรด
รไม ดูที่ ราค
รฤก ดูที่ อนุสร
รลวง ดูที่ รลุง
รลุง รลวง ว่า อเนจพนาถ
รสาย สำรวย ปล้าง ว่า เปลื้อง
รอด ดูที่ กล
รัง ดูที่ รจิต
รัชัฏ ดูที่ หิรัญ
รัญจวน ดูที่ ศรวน
รัตจันทร์ ว่า จันแดง
รัตตะโลหิต ว่า แดง
รัถยา ว่า ตรอก
รันทำ รำบาน ยายี บีธา ว่า เบียฬ
รันแทะ ว่า เกวียนเทียมด้วยโค
รับสั่งตรัส ว่า รับสั่งแจ้ง ดุจคำว่าไปแจ้งความ
รัศมี ดูที่ ประภา
รัษฐ์าธิป ดูที่ ภูวนา
รา ว่า ทิ้ง ดุจคำว่า เสียไฟเท่าทิ่งห้อย แลคำว่า ได้กอบอย่าเสียกำ
รา ว่า เรา
รากษษ ว่า ผีเสื้อ
ราค ถกัด ฤดี รไม เหมือนรมย์ ว่า ยินดี
รางชาง   ก็ว่างาม ดุจคำว่า พระดูดำเนินหงษ พธูอันรางชาง
ราช ดูที่ ปัทมราช
ราชวันโนทยาน ว่า สวนของพระยา
ราชัญ ว่า พระยาไม่ได้อภิเศก
ราชี ว่า ตัว
ราพ ดูที่ แทตย
ราศ ว่า ส้น
ราษตรีมัทยม ว่า กลางคืน
ราหุ ว่า ราหู
รำบาน ดูที่ รันทำ
รำบำ ดูที่ ย่างเยื้อง
รำไพ ภาณุมาศ ทิวากร ทินกร ประภาษกร อุณหรังษี อังสุมาลี ว่า พระอาทิตย์
รำยวน ว่า ห้อย
ริปุ ดูที่ เวรุ
รี ดูที่ ทยรฆ
รึงรัง ดูที่ จินจน
รุจี ดูที่ ผลา
รุจี ดูที่ อำไพรุ
รุตธโร ว่า เลือด
รุหาร ดูที่ แม้น
รูปิย ดูที่ หิรัญ
รู้สำนึก ว่า รู้ศึก
เรณู พเยีย ว่า เกสร
แรม ว่า ค้าง
โรค ว่า เสียบ, แทง
โรงคัล ว่า โรงเป็นที่เฝ้า
โรงธารกำนัล ว่า โรงรับแขก
ไร ก็ว่า ทอง ดุจคำว่า พื้นไรราย แหวนแลเครื่องไร
ฤกษ ว่า นักษัตร์
ฤดี ดูที่ ราค
ฤษยา ว่า ความอยากได้
ลคึก ดูที่ เขียว
ลงาจ ไถง ว่า ตวันเย็น
ลน แล่น ผัง สรง ว่า วิ่ง
ลบมศิม ภศว ว่า มนต์พระอิศวร ว่าจิมีเท่าของพระอิศวร อธิบายว่าเจิมหน้าผาก
ลบัด ว่า อ่อน
ลม่อม ลำเภา ลำยอง ว่า อ่อนนุ่ม ดุจคำว่า ต้นกล้วยทองลำยอง
ลม้าย ดูที่ แม้น
ลมุล ดูที่ ทวยชด
ลวดลาย ฉาน ว่า แตก ดุจคำว่า ช่างม่อ ตีม่อใช้ ตีฉาน
ลหาน ว่า ห้วย
ลเหย ดูที่ ไข
ลอ ดูที่ เสวตร
ลอง ก็ว่า ทำ ดุจคำว่าลองดู แลคำว่า ยายจักลองเจ้าหล้า บได้หลานเอย
ลออ ดูที่ อำไพรุ
ลอองบาท ดูที่ บางสุ
ลาง ว่า หมาก
ลาน ดูที่ มณฑล
ลาภบาน ว่า ได้
ลายเลป ว่า ลลายไล้
ลาลด ดูที่ กำศรด
ลาวรรณ ดูที่ อำไพรุ
ลำนัก โฉมสวรรค์ ว่า เหมือนโฉมสวรรค์
ลำเนา ดูที่ สถาน
ลำพัง ดูที่ คลอง
ลำแพง ดูที่ ธนู
ลำเภา ดูที่ ลม่อม
ลำยอง ดูที่ ลม่อม
ล้ำ ดูที่ พ้น
ลิญจง ดูที่ อุบล
ลิ้นลาย ว่า ลิ้นกลับกลอก ดุจคำว่า ลิ้นลายกล่าวสองฝ่ายให้ดูดี
ลิลา ลิลาศ ว่า เยื้องกราย
ลิลาศ ดูที่ ลิลา
ลิลิต ดูที่ เลข
ลือลืด   คำในแผ่นศิลาเมืองสุโขทัย มีว่าครดถึงลูกถูกถึงหลาน สานตอเหลนเยนชั่ว ลืบลือ, สิ้นเพียงนี้
ลุ ดูที่ กล
เลข ลิลิต วาด แต้ม เกษียน รจเลข ว่า เขียน
เลย ดูที่ พ้น
เลศ ว่า อุบาย
เล่ห ว่า เงื่อนงำ พี่เลี้ยงเห็นเล่ห์แล้ว ยิ้มฉงน
เลากา ดูที่ สำเภา
เลีก ว่า ยก
เลียว ว่า ลาว
แล้ง ดูที่ สุกะ
แล่น ดูที่ ลน
โลกนารถ ว่า ที่พึ่งแห่งโลกย์
โลกุตรธรรม ว่า ธรรมอันค่ามขึ้นจากโลกย์
โลกย ดูที่ มนุษย
โลเกษ ดูที่ สุรเชฐ
โลม ว่า ลูบ
โลมะ ว่า ขน
โลห ว่า เหล็ก
ฦๅชา ว่า ดั่งอยู่นาน
ฦๅบันฦๅ ว่า ดั่ง
วงวัง ว่า ล้อม
วนสณฑ์ ดองไพร ว่า ราวป่า
วนัศดมภ์ ว่า ป่าเสา
วนิดา ดูที่ สัตรี
วรอุจ ว่า เจบ
วราห ว่า หมู
วลาหก ดูที่ พรรษ
วสันตะอุตุ ว่า ระดูหนาว
วะโร ดูที่ ตะโต
วัชรินทร์ ว่า เป็นใหญ่เหตุวิเชียร
วัฏ   ก็ว่าทาง ดุจคำว่า สังสารวัฏ
วัฏก ว่า นกคุ่มนกจาบ
วัฒกี ว่า ช่างไม้
วัศดี ดูที่ สนุน
วาชวิชนี ว่า พัชนี
วาด ดูที่ เลข
วาตะ ดูที่ วาโย
วาท ดูที่ จรรจา
วาน ว่า กำ
วานะ คือ ดำ ฤษณา
ว่าย ว่า ตี
วายทรวง ว่า ตีอก
วายุ ดูที่ วาโย
วาโย วายุ มารุต วาตะ คันธวาหะ ว่า ลม
วารัด ดูที่ พาหุรัด
วาริช ดูที่ มัษยา
วารี ดูที่ อุทก
วาสุกรี ดูที่ พาสุกรี
วาสุเทพ ดูที่ กฤษณ
วิกล ว่า ไม่มีใครนับ
วิงวร ว่า ดีใจ
วิชุลดา ว่า ฟ้าแลบ
วิเชียร ว่า เพชร์
วิฑูริย ว่า แก้วไพฑูริยมีสังวาลกลอกได้
วิทยา ว่า วิชา
วิทยาธร ว่า คนทรงไว้ซึ่งวิชา
วิธูร สุเมธ ว่า นักปราชญ์
วินาศ ว่า ฉิบหาย
วิบัติ ว่า ถึงซึ่งปราศจาก
วิปัศนา ว่า วิปัศนา
วิพุธ ดูที่ สุร
วิมุต ว่า พ้น
วิโมกษ ว่า พ้นโดยวิเศษ
วิวาท ว่า เถียงกันต่าง ๆ
วิศณุ ดูที่ กฤษณ
วิสุทธิ ว่า ใสสอาด
วิหก ดูที่ สกุณ
วุทธิไกร ว่า ปัญญายิ่ง
เวณี ดูที่ ชัคติ
เวรุ ริปุ ปัจนึก ปรปักษ ปฏิปักษ อมิตร ศัตรู ปัจามิตร ว่า คนมีเวรเป็นฆ่าศึก
เวหา เวหาศ คัฆณ ว่า อากาศ
เวหาศ ดูที่ เวหา
เวฬุ ว่า ไม้ไผ่
เวี่ย ว่า คล้อง ดุจคำว่า ชฎาธารสังวารเวี่ย
แวง   ก็ว่าดาบ ดุจคำว่า แวงวัดตัดหัวขาด
แวง ดูที่ ทยรฆ
โวหาร ดูที่ พจน
โวหาร ว่า ถ้อยคำว่อง
ศร ดูที่ อุสุ
ศรวน รัญจวน ว่า เจ็บด้วยความเดือดร้อน
ศรี เขมน ว่า หญิง ดุจคำว่าแม่ลา นัดให้หาศรี
ศรีสัชนาไลล สัก ว่า สำนัก
ศศิ ดูที่ นักขัตราชา
ศศิธร ดูที่ นักขัตราชา
ศักดิ ดูที่ ธนู
ศักดิ์ ว่า ร่ม
ศัตรู ดูที่ เวรุ
ศาสดา ว่า ครู ต้นบัญญัติ
ศิป ว่า คนมีศิลปสาตร
ศิพาคม ว่า มนต์พระอิศวร
ศิโรมณี ดูที่ จุฬามณี
ศิวะ ดูที่ อิศวร
เศก ว่า รดน้ำ
เศร้า ว่า เหี่ยว ดุจคำว่า ศร้อย เศร้า
เศีก ว่า ศึก
โศกศัลย ว่า พิศม์ปืนคือความโศก
ษฎ ว่า หก
ษฎปกล ว่า หกชั้น
ษนุษย์ มนุษย์ มัจ มานพ นร บุรษย์ ว่า มนุษย์ผู้ชาย
ษีด ว่า รอยไถ
สกฎ ว่า เกวียนเทียมด้วยกระบือ
สกฎ ว่า คำสังษกฤษ
สกอ ว่า อยู่เป็นพวก
สกาว ดูที่ เสวตร
สกุณ วหก สิขี ปักษี ทวิช ว่า นก ทวิช แปลว่า เกิดสองหน
สกุณิก ว่า พรานนก
สงกา ดูที่ ฉงน
สงกรานต์ ว่า ย่าง คือ พระอาทิตย์ขึ้นสู่เมศราษี
สวงน ดูที่ เมตา
สดับ ดูที่ สูตร
สดุดี ว่า สรรเสรีญ นักรู้บางแห่งว่าไหว้ คือ พบคำว่า อันขยมสดุดีพระไพร แลคำว่า ทั่วไท้สดุดี ไม่เห็นว่าแผลงมาจากถุติ
สเดาะ ว่า ถอด
สตมงคล ดูที่ อัษโฎดตร
สถน ถนัง ปโยธร ปิโยธร ว่า นม
สถยร ดูที่ สถิตร
สถาน เทศ ประเทษ ลำเนา บ่อน แหล่ง ว่า ที่
สถาพร ดูที่ สถิตร
สถิตร สถยร สถาพ ว่า ตั้งมั้น
สเทิน ว่า เก้อ
สธามติก ว่า ปูน
สนกโยธาบาด ว่า ตกลงแห่งสนทยา
สนง ว่า เขา
สนเท่ห์ ดูที่ ฉงน
สนยห ว่า ผูกสอด
สนะเพลา ว่า เสื้อขา คือ กังเกง
สนั่น ว่า สั่น
สนุกนิ์ ผาศุข ว่า ศุข
สนุน วัศดี ว่า มลิ
สบไถง ดูที่ ประดิทิน
สบไสมย ว่า ทุกเมื่อ
สมบอก ดูที่ ตจ
สมณ ว่า ระงับ
สมบัติ ว่า ถึงพร้อม
สมพัจษร พรรษ ฉนำ ว่า ปี
สมพัจษรฉิน ว่า สิ้นปีขาดแห่งปีต่อตรุด
สมรภูมิ ว่า ที่ร่วมตาย
สมรรถ ว่า อาจ
สมุท ว่า สมุท
สมูล ว่า เป็นของมีค่า
สยบ ว่า ชม
สยอง ว่า สอง
สยัมพร ว่า สยมพร สยุมพร
สยัมภู ว่า รู้ด้วยตน
สยามพากย์ ว่า คำไท
สรกเกรา ดูที่ ปัจจันตชนบท
สรง ดูที่ ลน
สรชาติ ว่า มีชาติอันดี
สรเลข ว่า เขียนงาม
สรมง ดูที่ หรดาล
สรรเพช ว่า รู้สิ้น
สรลักษณ ว่า มีลักษณอันงาม
สรวง ดูที่ สันรวง
สรวมชีพ ว่า ชีวิตรมักรู้ดีดี ใช้สรวมชีพ ว่าข้าพเจ้าเดาคิด คำว่าสรวมชีพขอถวายบังคม โดยหมาย จึ่งเห็นว่าข้าพเจ้า
สรวมพร ว่า ขอพร
สรศักดิ ว่า มีศักดิ์อันสูง
สร้อย ดูที่ กุสม
สระสี่แจง ดูที่ จัตุรรศโบษขรณี
สลด ว่า เหี่ยวน้อย ๆ
สลาบ ว่า ขน
สลิลัง ดูที่ อุทก
สลึก ดูที่ บัตร
สวน ดูที่ สูตร
สวภาคศาลา ดูที่ มาลก
สวรรคต   ไสสู่ สวรรค
สวรรคาไลย ว่า ที่อยู่คือสวรรค์
สวัสดี ว่า เจรีญ
สวาย ว่า มม่วง
สหศเนตร์ บุรินทร์ สุราธิป สชามปติ ว่า เป็นผัวนางสุชาดาคือพระอินทร์
สะนะ ว่า เสื้อ ดุจคำว่าพลคชคชสอดสนะ
สัก ดูที่ ศรีสัชนาไลล
สังกัดพรรค ว่า หมู่แห่งตน
สังฆเถร ว่า ผู้เถ้าในสงฆ์
สังวาด ว่า อยู่ด้วยกัน
สัต ว่า เจ็ด
สัตย สัจ ว่า สัจ จริง แท้
สัตรี กัลญา สุดา วนิดา นารี พธู กานดา ว่า หญิง
สัตวังก ว่า กุม
สันตะ ว่า ระงับ
สันรวง สรวง ว่า สูง ดุจคำว่า สรวงสวรรค์
สัป พิศม ว่า งู
สัปคฤห ว่า พระเคราะห์เจด
สันปดสีทันดร ว่า แม่น้ำสีทันดรเจ็ด
สัปตภัณฑ์ ว่า เขาปริภัณฑ์เจ็ด
สัสุ ว่า แม่ผัว
สากยบุตร ว่า เป็นบุตรแห่งสากยราช
สากษี ว่า พยาน
สาข ดูที่ บรรสาย
สาคร ว่า เป็นบ่อเกิดแห่งแก้ว คำว่าแก้วนี้ของสิ่งใด สมมติว่าเป็นมงคลก็เรียกว่าแก้ว มีนางแก้วเป็นต้น ใช่ประสงค์เอาแต่แก้ว คือ เพชร์ พลอย นั้นหาไม่
สาคร ว่า สมุท
สาธุ สุนธร ว่า ดี
สานัง ว่า ทำดุจดังตาด
สานี ว่า ม่าน
สาม ดูที่ จามิกร
สามเณร ว่า บุตรของสมณ
สามิ ภรรดา ว่า ผัว
สาระ ว่า แก่น
สารี ว่า หญิงมีทรัพย์
สาลิกา ว่า นกขุนทอง
สาลี ว่า เข้าไม่มีเปลือกแต่กำเนิด
สาวนมาศ ว่า เดือนเก้า
สาโส ว่า พี่เมีย
สาหัดถ ว่า ทำด้วยมือ
สำแดง แสดง ว่า ชี้นิ้วเรียก
สำนอ ว่า ตะกั่ว
สำนักนิ์ ดูที่ นิเวศ
สำนาน ดูที่ สำเนียงสาร
สำนึง ดูที่ สิงสึง
สำเนา ว่า หลัก
สำเนียงสาร สำนาน ว่า เสียง
สำเภา เพตรา เลากา   เหล่านี้เป็นเครื่องค่ามด้วยน้ำ อธิบายว่ามีน้ำใส่หม้อแลกระบอกไปกินจึ่งจะไปได้
สำรวญ ดูที่ ยแย้ม
สำราย ว่า สวย
สำรวย ดูที่ รสาย
สำลาญ ดูที่ หงษสิบบาท
สำแลง ดูที่ แสลง
สำอาง ดูที่ รจิต
สิขร ดูที่ บรรพต
สิขี ดูที่ สกุณ
สิงคลี ว่า นกคลึ้งโคลง นกขมิน
สิงสัง สำนึง เนา คง ว่า อยู่ดุจคำว่าผีสิง แลแถวสถาน สำนึง แลทำได้ไว้คง
สิงหะ ว่า สิงห์
สิตลาภิรมย์ ว่า ยินดียิ่งนักในที่อันเอย็น (เย็น)
สินธพ ดูที่ อัศว
สินธุ อรรนพ ว่า ทเล
สินธุสฤรา ดูที่ ทึกตระชัก
สินาด ดูที่ ดำเพลิง
สิเนรุ สุเมรุ ผาหลวง ว่า เขาพระเมรุ
สิเนห ว่า ไส
สิบชวน ว่า ชนมีสิลปสาตร
สิมา ว่า แดน
สิลา ดูที่ ไสล
สิวิกา คานหาม ปาตังกี ว่า เปลยาน ว่าเป็นเครื่องไป
สิหนาท ว่า คำรามแห่งราชสีห
สิหไสยาศน์ ว่า นอนเหมือนราชสีห คือ นอนโดยเบื้องขวา
สุกะ แล้ง ว่า แห้งดุจคำว่าวนเวียนไม้ ไล่แล้งช้อยตรอม
สุกระ ว่า ศุกร์
สุขุมาร ดูที่ ดรุณ
สุคต ว่า ไปสู่ที่อันดี
สุจิ ว่า เขม
สุชามปติ ดูที่ สหศเนตร์
สุดา ดูที่ สัตรี
สุธาโภชน์ ว่า เข้าขาว
สุธารส ว่า น้ำใสสอาด
สุโธทนี ว่า เป็นบุตรแห่งพะญาสุโธทน
สุนทรี กัลยาณี ว่า นางงาม
สุนธร ดูที่ สาธุ
สุนหา สุนิสา ว่า ลูกษไพ้
สุนิสา ดูที่ สุนหา
สุบรรณเวนตัย ดูที่ ครุฬ
สุพรรณ ว่า ทองเหลืองดุจคำว่า ขาดด้วยสุพรรณ ฟันด้วยสุพรรณ
สุเมรุ ดูที่ สิเนรุ
สุร ว่า กล้า
สุร ว่า พ่อผัว
สุร มรุ วิพุธ สุเรารส เทพบุตร ว่า เทวดา ดุจคำว่าสรดื้นหมู่แมนมา
สุรเชษ โลเกษ กมลาศน์ จัตุรมุข จัตุภักตร์ ธาดา ผ่านฟ้า มเหศวร ว่า พรหม แผนก็ว่าพรหม ดุจคำว่าขุนแผนแรกเอาดินดูที่แลคำว่าแผน
สุราธิป ดูที่ สหศเนตร์
สุราไลย ไตรทสาไล เทวโลกย์ ว่า ที่อยู่แห่งเทวดา
สุเรารส ดูที่ สุร
สุล ดุที่ เสน่า
สุวรรณภาชน ว่า โต๊ะทอง
สุวรรณภาชน ว่า ภาชนทอง
สุวา ว่า นกแขกเต้า
สู ว่า เจ้า
สูญ ว่า ตาย
สูตร สวน สดับ ว่า ฟัง
สูธ คือ พ่อครัว
เสกข ว่า สำเหนียก
เสตุ ขัว ว่า ตภาน
เสน่ห์ ว่า อยากความรัก
เสนะ ว่า เหยี่ยว
เสนาธิบดี ว่า เป็นใหญ่ในทหาร
เสมา ดูที่ ตฤณ
เสลา ดูที่ ไสล
เสวก ดูที่ อำมาตย์
เสวตร ดูที่ บุณฑริก
เสวตร บุษ บัณฑร โอทาด ลอ สกาว ด่วน ฬบู ว่า ขาวดุจคำว่าพิศภักตราครพบูพรรณ
เสวยยม ว่า กินน้ำตา
เสวาล ว่า สร่าย
เสวภาคย์ ว่า ส่วนอันงาม
เสีย ว่า ละ
เสียงเอาใจ ว่า เสียงพาใจ
เสื้อสนอบ ว่า เสื้อลอบ ๑
แสง ว่า อาวุท ดุจคำว่า พลคช คชกระลึงแสง
แสดง ดูที่ สำแดง
แสบก ว่า หนัง
แสยง ดูที่ ไภย
แสลง สำแลง ว่า ของร้าย
แสอก ว่า พลุกเช้า ดุจคำว่า คักเคาแสอกเอาใจ
แสะ ดูที่ อัศว
โสณี ว่า สโภก
โสด ว่า ช่องหู
โสภณ ดูที่ อำไพรุ
โสมสิตรังษี ดูที่ นักขัตราชา
โสรง ว่า สอง
โสระ ว่า เสาร์
ไสยนะ ไสยาศน ว่า ที่นอน
ไสยาศน ดูที่ ไสยนะ
ไสล สิลา เสลา ว่า หิน
ไส้หมินปี มาธุสร ว่า เสียงหวาน
หกห้องฟ้า ว่า หกชั้นฟ้า
หงษ ว่า นก เป็ด
หงษสิบบาท สำลาญ ว่า แดงอ่อน
หญิบหมื่น ว่า สองหมื่น
หรดาล บีงคัล สรมง ว่า เหลือง
หรรษ บำเทอง ว่า รื่นเริง
หริ ดูที่ กฤษณ
หริต ว่า เขียวใบไม้
หฤทัย ตันเหิม ว่า หัวใจ
หลวง เกรียง ทม ว่า ใหญ่ ดุจคำว่า ทุกขทม ทเลทม
หล้า ดูที่ ชัคติ
หล้าสี่ ว่า ทวีปทั้งสี่
ห้วงปวง ดูที่ อำนิษฎิ
หว่า   ก็ว่าเปล่า ดุจคำว่าหว่าอกหว่าใจ
หษดี ดูที่ ทวิรท
หสก กุงาน ว่า ห่าน
หอคำ ว่า หอทอง
หอบ ว่า หายใจร้อน
หัตถ, ใด ว่า มือ
หัน   ก็ว่าเห็น
หัย ดูที่ อัศว
หาล ดุที่ ดรุณ
หินณะ ว่า ต่ำช้า
หิมวา ว่า ป่าน้ำค้าง
หิรัญ รูปิย รัะชัฏ ไกรลาศ ว่า เงิน
หิรัยภชน ว่า ภาชนเงิน
เหม ดูที่ จามิกร
เหรี ว่า ปิ่น
เหิน ว่า บิน
เหี้ยม ดูที่ บรรยาย
เหมือง ว่า คลองน้อย
เหมือนเงน ว่า เงือน
เหมือนรมย์ ดูที่ ราค
แห ว่า หา
แหน ดูที่ ฉนวน
แหนง พาล ว่า ร้าย ดุจคำว่า พาลมฦค
แหล่ ดูที่ มหึมา
แหล่ง ดูที่ สถาน
โหด ว่า ไม่มีทุกสิ่ง
โหย ดูที่ กรรแสง
โหยหา ดูที่ กรรแสงหา
โหยไห้ ดูที่ กรรแสงไห้
โหรทึก ว่า กลองน่าเดียว
ไห้ช้าง ว่า นิ่งน้ำตาไหล
ฬบู ดูที่ เสวตร
อคร้าว ว่า อิ่มใจ ถ้าท้าวพระยาว่าอิ่มสมบัติ นักรู้บางแห่ง อคร้าวใช้ว่ามาก ไม่ต้องด้วยโคลงพระลอ ว่าฟังสารสองหนุ่มหน้า จอมราชครวญคิดอ้า อคร้าวหัวใจ เลือกผู้ยิ่งยศเป็นราชาอคร้าว พระยาจะมีมากไปฤา
อเคื้อ ดูที่ อำไพรุ
องค ว่า อวยวะ
องงคุต ว่า นิ้วมือ
อจล ว่า ไม่หวั่นไหว ใช้เป็นเขาก็ว่า ดุจคำว่า องกาอจลแล้วจะข้ามเขิน
อณ ว่า พิณ
อณหิศนาฬีบัตร จำหาย จำหัน เทรีด ว่า หมวก
อดีต ว่า กาลที่ล่วงแล้ว
อดุลย์ ว่า ชั่งไม่ได้ ไม่มีผู้เสมอ
อธิกมาศ ว่า เดือนยิ่งเรียกว่า แปดสองหน
อธิบาย ว่า เฮย
อนันต์ ว่า หาค่ามิได้
อนาคต ว่า กาลจักมาในพายน่า
อนาถ ว่า ไม่มีที่พึ่ง
อนานิกา ว่า นิ้วนาง
อนาไลย ว่า ไม่มีที่ติดอยู่
อนิตโภค ว่า มีทรัพย์นับไม่ได้
อนุ ว่า ผู้น้อย ว่ามาตาม
อนุช ดูที่ กนิษฐ
อนุสร คนึง ตริ ดำริ รฤก จิตร ถวิล ว่า คิด
อโนชา ว่า อังกาบ
อภิกภิ ดูที่ ทวิรท
อภิเศก ว่า รดยิ่งนัก
อมิตร ดูที่ เวรุ
อร ว่า งาม ดุจคำว่า เอวอร
อรรณพ ดูที่ สินธุ
อรสุม ว่า อาย
อรหรรต ว่า ควรจะรับซึ่งสการบูชา
อลงกฎ ดูที่ อำพน
อลงกร ดูที่ อำพน
อโศก ว่า ไม้โศก ทุกวันนี้ เรียกว่าต้นโศก
อษรพิศม์ ว่า มีพิศม์ดั่งดาบ
อสิ ตาว ว่า ดาบ
อสุชน ดูที่ นยนามพุ
อสุนีบาท ว่า ตกลงแห่งสายฟ้า
อสุรการ ว่า ช่างปืน
อวย ดูที่ ทาน
อะริยะ ว่า ไกลจากกิเลศ
อักษี จักษุ นยน ว่า ตา
อักแอ ดูที่ อัคอวน
อัคข ว่า เพลา
อัคนิโรติเตโชสิขานล ภาณุมา ธุมเกต เพลิง ว่า ไฟ
อัคอวน อักแอ ว่า สอื้น
อังกุร ว่า หน่อ
อังสุมาลี ดูที่ อุณหรังษี
อัจฉย อัษจรร ว่า ควรจะตบมือ
อัญ ดูที่ อัญขยม
อัญขยม อัญ ว่า ข้า
อัญชุลี บงงคม ประนม ประนด กราบถวายกร ว่า ไหว้
อัญเชีญ ว่า ข้าเชิญ
อัญว่า ว่า ข้าว่า
อัฎารศ ว่า พระสูงสิบแปดศอก
อัฒโยก ว่า เพิงน่าเดียวเหมือนโรงโขน
อันโดนไพร ว่า เที่ยวอยู่ในป่า
อันแถ้ง ว่า กล้องแกล้ง
อับยา ว่า หมี
อับษร ดูที่ เทวธิดา
อัปรี ว่า ไม่เป็นที่รักษ
อัศดร ดูที่ อัศว
อัศว อัศดร สินธพ ดุรงค หัย พาชี แสะ ว่า ม้า
อัศวาศ ว่า ลมหายใจออก
อัษจรร ดูที่ อัจฉย
อัษฏ ว่า แปด
อัษฏมงคล ว่า มงคลคาถาแปด คือ พาหุง
อัษฏางคิดมรรคญายะ ว่า ทางประกอบด้วยองค์แปด
อัษโฏดตรสตมงคล ว่า มงคลร้อยยิ่งด้วยแปด
อากรยณ์ ว่า เรี่ยราย
อ้าง ดูที่ จรรจา
อาชาไนย ว่า รู้ซึ่งเหตุแลใช่เหตุ
อาดูร ว่า เดือดร้อน
อาตมา ดูที่ ดุน
อาทาศ ว่า แว่น ว่า กระจก
อาป ดูที่ อุทก
ตโป ดูที่ อุทก
อาพิ ว่า ดุม
อาภา ดูที่ ประภา
อายานจน ว่า วิงวอน
อายุชมาศ ว่า เดือนสิบเอ็ด
อารักษ ดูที่ พนัศบดี
อาลึงค ว่า ส้วมกอด
อาไล ดูที่ พัก
อาศิรพาท ว่า คำถวายพร ดุจคำว่า เทพอึงอวยอาศิรพาท
อาไศร ดูที่ พัก
อาษา ว่า รับทำ
อาสรู ดูที่ ปราณี
อาสาทมาศ ว่า เดือนแปด
อำนด ว่า อด ดุจคำว่า สูจงอำนด อดแก่กู
อำนวย ดูที่ ทาน
อำนาจ ว่า อาจ
อำนิษฏิ ห้วงปวง ว่า ปรารถนา
อำพน อลงกฎ อลงกร ว่า ประดับ
อำไพรุ รุจี โสภณ ลาวรรณ ตรู ลออ อเคื้อ ว่า งาม
อำเภอ ว่า เหตุ การ, ดุจคำว่า อำเภอใดแลราชมีอยู่ในคลองธรรมนี้ ชอบฤา นายอำเภอต้องว่าเป็นนายเหตุการณ์
อำมาตย เสวก ว่า ข้าเฝ้า
อำยวญ ว่า ปิดพลาง บังคำ
อำรุง ดูที่ บำรุง
อำลา ควิปอก ว่า จะลาไปแล้ว
อินท ดูที่ นักขัตราชา
อินท แข ว่า เดือน
อิทวริ ว่า ราชพฤกษ
อินธนู ว่า สีรุ้ง
อิศวร ศิวะ ตรีสุลี ว่า มีหลาวสาม คือ พระอิศวร
อึกอัก ดูที่ จินจน
อุชุ ว่า อรชร
อุณหิศ ว่า เครื่องประดับพระเศียร ๑
อุตุ คือ เอาอุเปนระ ดุจคำว่า อุทก วารชล อาป อาโป สลิสัง ทึกตึก ชร ก็ว่าน้ำ ดุจคำว่าชรเซาะเขาเราตกแต่ง
อุไทย เถลิง ว่า แรกขึ้น
อุบล ลิญจง จงกลณี ว่า บัวสาย
อุปโภค ว่า เป็นของใช้สรอย
อุปวาท ว่า คำ
อุมาร ว่า ผักสามหาว
อุร ทรวง ว่า อก
อุรุ ว่า ลำขา
อุไร ว่า ทองเนื้อสูง
อุษณาการ ว่า มีอาการอันร้อน
อุสุ ศร ว่า ปืน
เอม กระเอบ ว่า หวาน
เอื้อ   ก็ว่าอยาก ดุจคำว่า ความเอื้ออาดูรสักสิ่ง
โอก ดูที่ พัก
โอช ว่า ง้วน ดุจคำว่าใส่ง้วนในปลาใส่ยาในเข้าจองไทษเจ้าด้วยอันใดก็ดี
โอฐ กำโบล ว่า ริมฝีปาก
โอทน ดูที่ โภชน
โอทาด ดูที่ เสวตร
โอน ดูที่ ทวยชด
โอบ ตรโบม ตรกอง ว่า กอด
โอภาษ ดูที่ ประภา
โอมอ่าน ว่า มนต์
โอสธิ ว่า ดาวเก็บยา
โอ่อ่า ดูที่ รจิต
ไอยกา ว่า ย่ายาย
ไอสวรรยศ ว่า ยศ คือเป็นสมบัติ
ฮึกฮัก ดูที่ จินจน

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ