๓๗

๏ โลเฉียคิดถึงไทอิดจินหยินเทพยดาซึ่งเป็นครู แล้วกลับขึ้นเหยียบจักรยืนอยู่ดังเก่า เตียวกุ๋ยหองก็ซ้ำเรียกไปถึงสองครั้งสามครั้ง​ โลเฉียก็หาเป็นอันตรายไม่ โลเฉียเงื้อกำไลไล่ขวางเตียวกุ๋ยหอง กำไลนั้นก็ลุกเป็นเปลวไฟไหม้เตียวกุ๋ยหองพองเกรียมไปทั้งตัว เตียวกุ๋ยหองก็ควบม้าหนีไป พอถึงหน้าค่ายสิ้นกำลังตกลงจากม้า ทหารทั้งปวงเข้าพยุงพาไปค่าย โลเฉียก็กลับไปแจ้งกับเกียงจูแหย ตามซึ่งได้รบพุ่งกันทุกประการ

๏ ฝ่ายเตียวกุ๋ยหอง ฮองหลิมป่วยรักษาตัวอยู่ จึงให้มีหนังสือไปถึงบุนไทสือเมืองจิวโก๋ ฝ่ายเกียงจูแหยจึงคิดว่าเตียวกุ๋ยหองเสียทีแก่โลเฉียไปครั้งนี้ เห็นจะบอกไปถึงบุนไทสือเป็นมั่นคง ถ้าทัพยกมาพร้อมแล้วเห็นจะเหลือกำลังเรานัก จำจะไปหาง่วนสีเทียนจุ๋นให้ช่วยด้วยจึงจะได้ คิดแล้วเกียงจูแหยก็ไปหาบูอ๋องบอกว่า ข้าพเจ้าจะลาไปเขากุนหลุนซัว บูอ๋องจึงว่าเมื่อศึกติดเมืองอยู่ท่านจะไปเสีย ใครจะรบพุ่งป้องกันเล่า เกียงจูแหยจึงว่าอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าไปไม่ช้านักสองสามวันจะกลับมา เกียงจูแหยสั่งกำชับโลเฉียให้อยู่รักษาค่าย แล้วแทรกแผ่นดินไปเขากุนหลุนซัว ครั้นถึงจึงขึ้นไปเที่ยวดูที่ทางบนเขาคิดว่ากูจากที่นี่ไปนานแล้ว ต้นไม้ที่เคยเห็นก็โตใหญ่แปลกตาขึ้น ชมแล้วเกียงจูแหยก็เข้าไปคำนับง่วนสีเทียนจุ๋นในถ้ำ บอกว่าบัดนี้ศึกมาติดเมืองไซรกี ข้าพเจ้าสู้รบเหลือกำลังนักจึงมาหาท่าน ขอท่านได้โปรดด้วย ง่วนสีเทียนจุ๋นจึงว่า ท่านถือสัตย์ไว้ให้มั่นเถิด จะมีผู้ช่วยท่าน ท่านหาเป็นอันตรายไม่ ง่วนสีเทียนจุ๋นจึงให้ลำเกดฤๅษีหยิบหนังสือห้องสินไต้มาให้เกียงจูแหยแล้วว่าหนังสือห้องสินไต้นี้ บัญชีชื่อคนคด ท่านไปถึงเมืองไซรกีจงให้ปลูกเมรุห้องสินไต้บนยอดเขาจีซัว เอาหนังสือห้องสินไต้แขวนไว้ แม้นคนใจบาปตายลง เซงฮกสินเทพารักษ์จะได้เอาวิญญาณไปรวมไว้ที่ห้องสินไต้ มิให้ได้เกิดต่อไป บัดนี้มีผู้คอยท่านอยู่ข้างทิศตะวันออก จะเรียกท่าน ท่านจงนิ่งเสียจงระมัดระวังปากคำอย่าประมาท ง่วนสีเทียนจุ๋นจึงให้ลำเกดฤๅษีพาเกียงจูแหยไปส่งถึงปากถ้ำ เกียงจูแหยก็ลาลำเกดฤๅษีแทรกแผ่นดินไป ถึงที่ชายชะเลแห่งหนึ่ง ก็ผุดขึ้นจากแผ่นดิน พอได้ยินเสียงเรียกออกชื่อเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็เดินนิ่งไปไม่เหลียวแลก็รื้อซ้ำเรียกว่าเกียงจูแหยว่า ท่านถือหนังสืออะไรมาหยุดอยู่นั่นก่อนอย่าเพ่อไป ได้เป็นขุนนางแล้วแปลกเราไปหรือหาคิดถึงเพื่อนฝูงเก่าแก่ไม่ เกียงจูแหยก็เหลียวดูเห็นซินกงป้า จึงว่าท่านอย่าน้อยใจเลย เทพยดาสั่งว่าใครเรียกอย่าขาน เราไม่รู้ว่าท่านเราจึงนิ่งเสีย นี่หนังสือห้องสินไต้ บัญชีชื่อผู้ซึ่งกระทำผิด พวกพระเจ้าติวอ๋อง จะเอาไปเมืองไซรกี ซินกงป้าจึงว่าพระเจ้าติวอ๋องเป็นกษัตริย์อันประเสริฐ พวกบูอ๋องอีกคิดกบฏ ถ้าจะจดชื่อไว้จึงจะชอบ เกียงจูแหยจึงว่าท่านไม่รู้หรือว่าทุกวันนี้แผ่นดินเป็นสามส่วน ได้กับบูอ๋องสองส่วนแล้ว บรรดาหัวเมืองทั้งสี่ทิศก็มาขึ้นแก่เมืองไซรกีสิ้น เมื่อท่านถือว่าพระเจ้าติวอ๋องดีก็ไปอยู่ด้วยเถิด เราก็จะไปเมืองไซรกี ซินกงป้าจึงว่าท่านอยู่ทำราชการด้วยบูอ๋องนั้นท่านได้เรียนวิชาแต่สี่สิบปี มีความรู้แต่เรียกลมแปลงตัวแทรกแผ่นดินย้ายภูเขาเท่านั้น อันเรานี้มีความรู้ตัดศีรษะขว้างไปในอากาศ ลอยอยู่ตามกลีบเมฆแลเห็นบ้านเมืองทั้งปวงสิ้น แล้วกลับมาติดดีดังเก่า ท่านจงฟังคำเรา เผาหนังสือห้องสินไต้เสียไปอยู่เมืองจิวโก๋ด้วยกันเถิด พระเจ้าติวอ๋องก็จะเลี้ยงท่านเป็นที่จินเสียง เป็นขุนนางผู้ใหญ่เหมือนกัน เกียงจูแหยจึงว่าเราหาเชื่อไม่ จงตัดศีรษะออกให้เราดูให้เห็นแก่ตาเรา เราจึงจะเผาหนังสือห้องสินไต้เสีย ยอมไปอยู่เมืองจิวโก๋กับท่าน ซินกงป้าจึงว่าท่านพูดให้จริงแล้วอย่ากลับถ้อยคืนคำ เกียงจูแหยจึงว่าเราเป็นชายเหมือนกันหาล่อลวงท่านไม่ ซินกงป้าก็เอากระบี่ตัดศีรษะโยนขึ้นลอยไปตามลมบนอากาศ

๏ ฝ่ายลำเกดฤๅษีออกมายืนอยู่ปากถ้ำ เห็นก็รู้ว่าซินกงป้าตัดศีรษะโยนให้เกียงจูแหยดู จึงคิดว่าเกียงจูแหยเป็นคนซื่อให้ซินกงป้าล่อลวงได้ ลำเกดฤๅษีจึงสั่งแปะโฮต๋องผู้ศิษย์ให้จำแลงเป็นนกอินทรีย์ไปคาบเอาศีรษะซินกงป้าพาไปข้างทิศใต้ แล้วลำเกดฤๅษีก็เหาะมาบอกกับเกียงจูแหยว่าเทพยดาสั่งไว้ว่าใครเรียกอย่าขาน  เหตุใดจึงมาหยุดพูดอยู่กับซินกงป้า ซินกงป้าคนนี้เป็นคนมีวิชาแต่ล่อลวงหาซื่อตรงไม่ เราให้แปะโฮต๋องเป็นนกอินทรีย์คาบเอาศีรษะพาไป ถ้านานจนโมงหนึ่งกับสามนาฬิกาถึงศีรษะจะคืนมาก็หาติดดังเก่าไม่ ซินกงป้าก็จะตาย ท่านอย่าหลงเชื่อเผาหนังสือห้องสินไต้เสีย เกียงจูแหยคำนับแล้วว่า ท่านอย่าให้ซินกงป้าตายเลย เสียดายวิชาที่เล่าเรียนไว้ ลำเกดฤๅษีจึงว่าท่านรักเขา เขาไม่รักท่าน นานไปท่านจะได้ความยาก เกียงจูแหยจึงว่า ถึงไปเบื้องหน้าจะได้ความยากก็ตามเถิด ข้าพเจ้าคิดสงสารซินกงป้า ท่านได้โปรดอย่าให้ตายเสียเลย ลำเกดฤๅษีจึงว่า ท่านเป็นคนใจอ่อน คิดสงสารกลัวซินกงป้าจะตาย เราก็จะตามใจท่าน แล้วลำเกดฤๅษีก็ให้แปะโฮต๋องนกอินทรีย์วางศีรษะซินกงป้าเสีย ศีรษะซินกงป้าก็มาติดกับตัว ลำเกดฤๅษีจึงชี้หน้าด่าซินกงป้าว่า มึงชาติอ้ายคนคดจะมาลวงคนซื่อกูจะฆ่ามึงเสีย เกียงจูแหยอ้อนวอนกู กูจึงไว้ชีวิตมึง ซินกงป้าหาตอบคำไม่ แล้วว่ากับเกียงจูแหยว่านานไปเมืองไซรกีกระดูกคนจะกองเท่าภูเขา เลือดจะไหลนองดังน้ำในทะเล ว่าแล้วซินกงป้าก็ไปเสีย เกียงจูแหยก็ลาลำเกดฤๅษีไปเมืองไซรกี ลำเกดฤๅษีก็ขึ้นขี่นกอินทรีย์กลับไปเขากุนหลุนซัว

๏ เกียงจูแหยครั้นไปมาถึงริมทะเลแห่งหนึ่ง วันนั้นบังเกิดลมพายุพัดกล้า แลเห็นคนว่ายน้ำขึ้นมาคนหนึ่ง มีแต่ตัวเสื้อกางเกงหามีไม่ นั่งร้องไห้ ไหว้เกียงจูแหยแล้วว่า ข้าพเจ้าคอยท่าท่านอยู่ที่นี่นานแล้ว เกียงจูแหยจึงถามว่าตัวเองชื่อไร เหตุไฉนจึงทนทุกข์อยู่ในน้ำ ผู้นั้นจึงบอกเปกก้าม เดิมข้าพเจ้ารบกับซุนฮิว ซุนฮิวเอาไฟเผาข้าพเจ้า แล้วเอาข้าพเจ้าทิ้งไว้ในน้ำ แต่เป็นพรายน้ำอยู่ได้สองร้อยปีแล้ว ขอท่านได้โปรดด้วย อย่าให้ข้าพเจ้าต้องลำบากเลย เกียงจูแหยจึงว่ากูจะช่วยให้พ้นทุกข์ เองมาไปอยู่เมืองไซรกีเถิด เกียงจูแหยก็พาเปกก้ามแทรกแผ่นดินไป ครั้นถึงทะเลทรายจีสัวผุดขึ้นจากแผ่นดินพบปีศาจห้าคน คนหนึ่งนั่งยกมือไหว้บอกว่าข้าพเจ้าคอยท่านอยู่นานแล้ว เกียงจูแหยจำได้ว่าปีศาจนี้ที่อยู่บ้านทรงอิหยิน เกียงจูแหยจึงว่ากับปีศาจว่าดีแล้ว กูจะใช้เองทั้งห้าคนกับเปกก้ามช่วยกันปลูกห้องสินไต้ เกียงจูแหยก็กระทำเขียนห้องสินไต้ให้ปีศาจหกคนทำ แล้วก็เข้าไปในเมืองไซรกี โลเฉียกับบูกิดเห็นเกียงจูแหยมาก็ดีใจนั่งลงคำนับ เกียงจูแหยจึงถามว่าท่านได้รบกับเตียวกุ๋ยหองมั่งหรือไม่ โลเฉียบอกว่าหาได้รบกันไม่ เกียงจูแหยก็ไปหาบูอ๋อง บูอ๋องให้แต่งโต๊ะมาเลี้ยงเกียงจูแหย

๏ ครั้นเวลาค่ำแล้วดึกประมาณสองยาม เกียงจูแหยก็จัดให้โลเฉียหนึ่ง สินกะหนึ่ง สินเบี๋ยนหนึ่ง กับอึ้งปวยฮอคุมทหารออกไปปล้นค่ายเตียวกุ๋ยหอง เตียวกุ๋ยหองป่วยรักษาตัวอยู่ยังไม่หาย ได้ยินเสียงม้าล่อและประทัดทหารโห่ร้องอึงก็ตกใจ จึงร้องสั่งให้ฮองหลิมออกรับ เตียวกุ๋ยหองแข็งใจขึ้นม้าตามไปด้วย

๏ ฝ่ายหลำจงกวดกับจิวกีที่เตียวกุ๋ยหองขังไว้ในตู้ เห็นวุ่นวายได้ทีก็ถีบตู้พังออกมาด้วยกำลัง แล้วฉวยอาวุธไล่แทงฟันฝ่าทหารออกไปหากองทัพเมืองไซรกี ช่วยโลเฉียรบเตียวกุ๋ยหองฮองหลิมอยู่จนสว่างขึ้น เตียวกุ๋ยหองฮองหลิมเห็นเหลือกำลังจะสู้มิได้ ก็ขับม้าพาทหารหนีเข้าค่ายตรวจดูทหารเหลืออยู่ประมาณสามส่วนเสียไปสิบส่วน เตียวกุ๋ยหองจึงให้มีหนังสือไปถึงบุนไทสือ ณ เมืองจิวโก๋ขอกองทัพช่วย ครั้นบุนไทสือรู้ความในหนังสือนั้น จึงให้หากิดติบมาปรึกษาว่าเตียวกุ๋ยหองเสียทีแก่ข้าศึก ครั้นเราจะยกไปเอง ก็เป็นห่วงหามีใครจะรักษาเมืองไม่ กิดติบจึงว่าแต่ก่อนข้าพเจ้าแจ้งอยู่ว่าเพื่อนที่เรียนความรู้มาด้วยกันกับท่านคนหนึ่งอยู่บนเขาโงงงัก เห็นจะให้ไปช่วยเตียวกุ๋ยหองได้ บุนไทสือดีใจจึงว่าจริงอยู่เรานึกขึ้นได้แล้ว บุนไทสือให้อิเขงอยู่ว่าราชการแทน บุนไทสือก็ขึ้นขี่เฮกกิเลนว่าราชสีห์เหาะไปถึงเขาโงงงัก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ