๑๕

๏ ฝ่ายอาจารย์ง่วนสีเทียนจุ๋น ซึ่งอยู่​ ณ เขาคุนหลุนซัว ครั้นถึงกำหนดเทพยดาจะจุติแล้วก็เปิดประตูเก๋งเสีย เซียนเซียวเทพยดาจึงลงไปบอกง่วนสีเทียนจุ๋นว่า กำหนดในห้าร้อยปีแซ่เสี่ยงทางจะสูญแล้ว แซ่จิวบุนอ๋องจะเป็นใหญ่ขึ้น พระอิศวรจะให้เทพยดาผลัดเปลี่ยนกันลงไปเกิด ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน ซึ่งผู้จะลงไปนั้นคือเทพยดาดาวฤกษ์ทั้งยี่สิบแปดดวง เทพารักษ์ซึ่งอยู่เขาน้อยใหญ่ทั้งแปด กับลุยแปลว่ารามสูร ฮวยแปลว่าไฟ อุ๋นแปลว่าห่าเป็นสามร้อยหกสิบห้า แบ่งกันไปบังเกิดทั้งแปดทิศเมืองจิวบุนอ๋อง ให้ง่วนสีเทียนจุ๋นกำหนดอายุและยศศักดิ์ชื่อเสียงเป็นตำรับไว้ ง่วนสีเทียนจุ๋นคำนับกำหนดข้อรับสั่งแล้ว เซียนซิวก็ลากลับไป

๏ อยู่วันหนึ่งง่วนสีเทียนจุ่นสั่งแปะเฮาะท่องจือ ให้ไปหาตัวเกียงจูแหยขึ้นมาแล้วถามว่า แต่ท่านมาเรียนวิชาอยู่ได้สักกี่ปีแล้ว เกียงจูแหยจึงว่า เมื่อแรกข้าพเจ้ามาเรียนวิชา อายุข้าพเจ้าได้สามสิบสองปี บัดนี้อายุข้าพเจ้าได้เจ็ดสิบสองปีแล้ว ง่วนสีเทียนจุ๋นจึงว่าเราพิเคราะห์ดูชะตาท่าน ที่จะให้สำเร็จปรารถนานั้นยังไม่ได้จะได้แต่สมบัติมนุษย์ บัดนี้แซ่เสี่ยงทางสูญแล้ว จิวบุนอ๋องจะรุ่งเรืองขึ้นท่านจงลงไปช่วยผู้มีบุญบำรุงแผ่นดินจะได้มีเกียรติยศอยู่ชั่วพระจันทร์พระอาทิตย์ เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นเสียใจนัก จึงว่าข้าพเจ้าอุตส่าห์ทรมานมาจนอายุได้เจ็ดสิบเศษแล้ว เพราะมิได้รักใคร่สมบัติในมนุษย์ คิดว่าถึงจะลำบากประการใด ก็จะเรียนให้สำเร็จจงได้ ซึ่งท่านจะให้ไปช่วยผู้มีบุญบำรุงแผ่นดินนั้น ข้าพเจ้ารู้น้อยเกรงจะทำไปไม่ตลอด ง่วนสีเทียนจุ๋นจึงว่า พระอิศวรและเทพยดาเห็นพร้อมกันแล้ว จึงให้ท่านลงไปท่านจะบิดพริ้วนี้ จะมิขัดรับสั่งพระอิศวรหรือ เกียงจูแหยก็ร้องไห้อ้อนวอนเป็นอันมาก นำเก๊กเสียงฮองจึงว่าท่านจะให้สมปรารถนาโดยเร็วนั้นไม่ได้ จงไปช่วยผู้มีบุญบำรุงแผ่นดินให้สำเร็จ ก็จะได้กลับมาเขาคุ้นตุ๋นซัว ความซึ่งท่านปรารถนานั้นก็จะสมคิด เกียงจูแหยจึงถามง่วนสีเทียนจุ๋นว่า ข้าพเจ้าจะลงไปนั้นจะดีและร้ายประการใดบ้าง ง่วนสีเทียนจุ๋นก็ทำนายเป็นโคลงแปดบทในคำโคลงนั้นว่า เมื่อน้อยเชาว์เร็วอดใจจะได้ดีหนึ่ง แม่น้ำขันเขจะต้องตกเบ็ดนอนทับคันเบ็ดหนึ่ง ผู้มีบุญจะมาเชิญหนึ่ง ข้างหน้าไปจะเป็นอุปราช เก้าสามจะได้เป็นแม่ทัพ บอกกับหัวเมืองทั้งปวงจะเป็นเมืองเดียว เก้าแปดกำหนดอีกสี่ปี ท่านจงจำคำเราอย่าประมาทก็จะได้กลับมาหาเรา เกียงจูแหยขัดมิได้ ก็คำนับลาอาจารย์และเพื่อนศิษย์ทั้งปวง เก็บข้าวของของตัวออกจากหยงฮูเก๋ง นำเก๊กเสียงฮองก็ตามไปส่ง ครั้นถึงเงื้อมเขากิหลิน นำเก๊กเสียงฮองจึงว่าท่านไปอย่าประมาทจงคิดถึงคำง่วนสีเทียนจุ๋น แล้วนำเก๊กเสียงฮองก็กลับไปที่อยู่

๏ เกียงจูแหยจึงคิดว่าซึ่งจะไปอาสาครั้งนี้ มิได้มีพี่น้องและญาติเหมือนนกพลัดถิ่นหารู้ที่จะอาศัยต้นไม้ต้นใดไม่ เกียงจูแหยยืนรำพึงอยู่พอคิดได้ว่าเมื่ออยู่เมืองจิวโก๋นั้น มีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งชื่อซงอิหยินเห็นจะอาศัยได้ เกียงจูแหยก็ค่อยคลายใจ จึงรีบเดินผ่านเมืองจิวโก๋ไปทางทิศใต้ ครั้นไปถึงบ้านซงอิหยิน เกียงจูแหยพิศดูภูมิต้นไม้และบ้านก็ยังจำได้อยู่ จึงคิดว่าเราจากไปนานแล้วบ้านซงอิหยินยังบริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน แล้วเกียงจูแหยบอกนายประตูว่าเราชื่อเกียงจูแหย จะเข้าไปหาซงอิหยิน นายประตูก็เข้าบอกซงอิหยิน ซงอิหยินแจ้งดังนั้นก็ออกมารับ เกียงจูแหยถึงประตูบ้าน ต่างคนคำนับกันแล้ว ซงอิหยินจูงมือเกียงจูแหยขึ้นไปบนตึกให้นั่งที่สมควร ซงอิหยินจึงถามว่าท่านจากเราไปช้านานมิได้รู้ข่าวว่าร้ายและดีเลย ซึ่งกลับมาได้เห็นหน้ากันเรายินดีนัก เกียงจูแหยจึงว่าเมื่อข้าพเจ้าจากท่านนั้น ข้าพเจ้าไปเรียนวิชา ณ เขาคุ้นตุ๋นซัว แต่บุญข้าพเจ้าน้อยหาสมความคิดไม่ ซงอิหยินจึงแต่งโต๊ะเชิญให้เกียงจูแหยเสพย์สุรา เกียงจูแหยจึงว่าข้าพเจ้าไปเรียนวิชารักษาศีลอยู่ จะกินสุราและของสดคาวนั้นมิได้ ซงอิหยินจึงว่าแต่เทพยดาไปประชุมกันยังเสพย์สุรา ซึ่งเจ้าถือไม่เสพย์สุรานั้นเกินไปนัก เกียงจูแหยขัดซงอิหยินไม่ได้ก็เสพย์สุราด้วยซงอิหยิน และขณะเสพย์สุราอยู่นั้น ซงอิหยินจึงถามว่าไปเรียนวิชาอยู่สักกี่ปี เกียงจูแหยจึงว่าข้าพเจ้าไปเรียนวิชาประมาณสี่สิบปี ซงอิหยินจึงว่าท่านไปอยู่ช้านานดังนี้ได้ความรู้สิ่งใดบ้าง เกียงจูแหยจึงว่าข้าพเจ้าไปอยู่นั้นตักน้ำรดต้นไม้ และหุงอาหารก่อเตาหุงยาได้ความลำบากนัก ซงอิหยินได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าเจ้าเรียนวิชาเหมือนหนึ่งลูกจ้างฉะนี้จะประโยชน์อะไร กลับมาแล้วจงทำมาหากินอยู่ด้วยเราเถิด เจ้ากับเราเคยเห็นกันมาแต่ก่อน อย่ากลับไปเขาคุ้นตุ๋นซัวเลย ซึ่งเจ้าจะสละบ้านเรือนไปรักษาศีลเอาตัวรอดแต่ผู้เดียวนั้นก็ดีอยู่ แต่คำโบราณว่าไว้ว่า ผู้ใดเกิดมามิได้ปฏิบัติบิดามารดาก็ขาดกตัญญู ซึ่งมิได้มีภรรยาก็ขาดบุตรหาผู้ใดสืบแซ่ต่อไปไม่ เราว่าทั้งนี้ท่านจงดำริดูเถิด เกียงจูแหยก็สั่นศีรษะแล้วยกมือขึ้นห้ามว่าความข้อนี้งดไว้ก่อน ซงอิหยินก็มิได้ตอบประการใด แล้วจัดที่นอนให้เกียงจูแหย  ครั้นอยู่ประมาณสองวัน ซงอิหยินขึ้นขี่ลาไป ณ บ้านแบฮอง แบฮองรู้ก็ออกมารับซงอิหยินต่างคนคำนับกัน แบฮองจึงว่าวันนี้ลมอะไรพัดพาท่านมาถึงเรือนข้าพเจ้า ซงอิหยินว่าข้าพเจ้ามีธุระหน่อยหนึ่ง แบฮองก็พาซงอิหยินมานั่งที่สมควร แล้วแบฮองจึงว่าธุระท่านประการใดก็ว่าไปเถิดอย่าเกรงใจเลย ซงอิหยินจึงว่าข้าพเจ้ามาหวังจะขอบุตรหญิงท่านให้แก่เพื่อนข้าพเจ้า แบฮองจึงถามว่าเพื่อนท่านนั้นแซ่ไรชาวเมืองไหน ซงอิหยินจึงบอกว่าเพื่อนข้าพเจ้าแซ่เกียงชื่อเสี้ยง อีกชื่อหนึ่งชื่อเกียงจูแหย ชาวเมืองตังไฮ้แดนเมืองหุยจิ๋ว แบฮองก็มีความยินดีนัก จึงว่าเมื่อท่านมาขอแล้วเรามิรู้ที่จะขัด ซงอิหยินจึงเอาเงินแผ่นสี่แผ่นให้แบฮองไว้คำนับ แบฮองก็แต่งโต๊ะเชิญซงอิหยินกิน ซงอิหยินกินโต๊ะเสพย์สุราแล้วก็กลับมา และขณะเมื่อซงอิหยินไปบ้านแบฮองนั้นเกียงจูแหยถามคนใช้ว่าซงอิหยินไปไหน คนใช้บอกว่าจะไปแห่งใดข้าพเจ้ามิได้แจ้ง เกียงจูแหยก็ลงมาคอยซงอิหยินอยู่กลางบ้าน พอเห็นซงอิหยินมาถึง เกียงจูแหยก็ออกไปคำนับ แล้วถามว่าท่านไปมีธุระแห่งใด ซงอิหยินบอกว่าเราไปขอลูกสาวให้ท่านคนหนึ่ง แบฮองผู้เป็นบิดาก็ยอมให้ เกียงจูแหยว่าขอบใจท่านนัก แต่เพลาวันนี้ฤกษ์หาดีไม่ ซงอิหยินจึงว่าดีและชั่วอย่าถือเลย สุดแต่เขาให้แล้วก็ว่าเป็นฤกษ์ดีเถิด เกียงจูแหยพิเคราะห์ดูตามเคยสังเกตแล้วว่านางคนนี้อายุได้หกสิบแปดปี ซงอิหยินจึงว่านางแปสีนั้นคราวกันกับน้องสาวเรารูปร่างยังชั่วอยู่กิริยาสมเป็นผู้หญิงสมกันอยู่ แล้วซงอิหยินก็ชวนเกียงจูแหยกินโต๊ะเสพย์สุรา ซงอิหยินจึงว่าแก่เกียงจูแหยว่าท่านจงดูวันดีเถิด ครั้นวันฤกษ์ดี ซงอิหยินก็แต่งไปรับนางแปสีมาให้อยู่กินกับเกียงจูแหย เกียงจูแหยขณะเมื่ออยู่กินกับนางแปสีนั้นประมาณสองเดือนแล้วยังหาได้ถูกต้องกับนางแปสีไม่ ด้วยเกียงจูแหยวิตกอยู่ที่จะกลับไปเขาคุ้นตุ๋นซัว นางแปสีก็คิดสงสัยต่างๆ จึงถามว่าท่านกับซงอิหยินนี้เป็นญาติกันอย่างไร เกียงจูแหยจึงว่าเรากับซงอิหยินหาได้เป็นญาติกันไม่ แต่ซงอิหยินกับเรารักใคร่ร่วมคำสาบานกัน นางแปสีจึงว่าถ้าดังนั้นสนิทกว่าพี่น้องอีก แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าซงอิหยินอยู่วันหนึ่ง เราก็จะได้พึ่งบุญสบายวันหนึ่ง ถ้าซงอิหยินหาบุญไม่ เราผัวเมียจะพึ่งใครเล่า ข้าพเจ้าคิดว่าเกิดมาเป็นคนแล้วจำจะทำมาหากินจึงจะชอบ เกียงจูแหยจึงว่าเจ้าว่านี้ควรนัก นางแปสีจึงถามว่าการทำมาหากินนั้นท่านชำนาญสิ่งใดบ้าง เกียงจูแหยจึงว่าตัวเรานี้แต่อายุสามสิบสองปีก็ไปอยู่เขาคุ้นตุ๋นซัว หารู้จักค้าขายสิ่งใดไม่ เราเคยสานตะกร้าดอกไม้ นางแปสีจึงว่าท่านรู้จักสานตะกร้าดอกไม้ก็ดีแล้ว ที่หลังบ้านข้าพเจ้ามีกอไม้ไผ่อยู่ จงไปตัดมาสานตะกร้าขายเถิด เกียงจูแหยก็ไปตัดไม้มาสานตะกร้าแล้วใส่หาบเข้าไปขายในเมืองจิวโก๋ แต่เช้าจนเพลาเที่ยงก็ขายมิได้ เกียงจูแหยก็กลับมาบ้าน นางแปสีเห็นผัวกลับมาก็ออกมารับ เกียงจูแหยจึงเอามือชี้เข้าที่นางแปสีแล้วว่า เราได้ความลำบากทั้งนี้ก็เพราะเจ้า นางแปสีจึงว่าตะกร้าอย่างนี้คนต้องการทั้งเมือง หากท่านแชเชือนเสียขายไม่ได้แล้วยังกลับมาโกรธข้าอีกเล่า เกียงจูแหยกับนางแปสีก็ทุ่มเถียงกันขึ้น ซงอิหยินได้ยินดังนั้นจึงออกมาถามว่า ท่านทั้งสองทุ่มเถียงกันด้วยเหตุสิ่งใด เกียงจูแหยก็เล่าความให้ซงอิหยินฟัง นางแปสีจึงว่าซึ่งข้าพเจ้าตักเตือนทั้งนี้ เพราะว่าจะนั่งให้ท่านเลี้ยงฉะนี้หาควรไม่ ซงอิหยินจึงว่าอย่าว่าแต่เจ้าสองคนเท่านี้เลย ถึงสักสี่สิบห้าสิบคนก็เลี้ยงได้ ไม่พอที่จะไปเที่ยวค้าขายให้ลำบาก นางแปสีจึงว่าซึ่งท่านว่าทั้งนี้คุณหาที่สุดมิได้ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าสืบไปเมื่อหน้าจะยากจนเสีย ซงอิหยินจึงว่าซึ่งเจ้าว่านี้ควรนัก ถ้าดังนั้นข้าวโพดสาลีในยุ้งเราก็มีมาก ถ้าจะทำแป้งหมี่ไปขายมิดีกว่าตะกร้าอีกหรือ แล้วซงอิหยินก็ให้บ่าวเอาข้าวสาลีมาโม่เป็นแป้งหมี่ให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยก็หาบแป้งหมี่ไปขาย ณ เมืองจิวโก๋ แต่เช้าจนเพลาบ่ายก็ไม่มีใครซื้อ เกียงจูแหยก็กลับออกมานั่งหยุดพักอยู่นอกเมืองข้างประตูทิศใต้ พอมีคนจะมาซื้อ เกียงจูแหยจึงถามว่าจะซื้อสักเท่าใด ผู้นั้นจึงบอกว่าจะซื้อสักอีแปะหนึ่ง เกียงจูแหยขัดใจก็ก้มหน้านิ่งเสีย และในเมืองนั้น มูเสียงฮองให้ทหารไปซ้อมหัดอยู่นอกเมืองข้างทิศใต้ ครั้นเพลาบ่ายทหารทั้งปวงก็ควบม้าออกมา สะดุดตะกร้าแป้งหมี่ของเกียงจูแหยหกลงกลางถนน เกียงจูแหยเห็นดังนั้นก็ตกใจ วิ่งมาจะเอามือกอบแป้งใส่ตะกร้า พอลมพัดมาแป้งฟุ้งไปสิ้น เกียงจูแหยคิดว่าเคราะห์ร้ายนัก ก็หาบตะกร้ากลับมาบ้าน นางแปสีก็ออกมารับเห็นหาบเปล่าคิดว่าขายแป้งหมดก็ดีใจ จึงถามว่าท่านขายหมดไม่เห็นได้อีแปะนั้นท่านขายเชื่อหรือ เกียงจูแหยก็โกรธทิ้งหาบเสียแล้วบอกว่าขายที่ไหนได้ ม้าสะดุดหาบหกเสียสิ้นแล้ว นางแปสีก็ขัดใจ กระทืบเท้าถ่มน้ำลายลงว่าผัวเช่นนี้ดีแต่นอนกิน เกียงจูแหยก็โกรธด่าเป็นข้อหยาบช้า แล้วตีนางแปสี ผัวเมียสองคนยึดยื้อทุ่มเถียงกันอื้ออึง ซงอิหยินกับนางซุนสีผู้เป็นภรรยาได้ยินก็มาห้ามแล้วว่าท่านทั้งสองวิวาททุบตีกันด้วยเหตุสิ่งใด เกียงจูแหยก็เล่าความทั้งปวงให้ฟัง ซงอิหยินก็หัวเราะแล้วว่าแป้งหกเสียนั้นจะเป็นราคาสักกี่อีแปะนักหนา ท่านทั้งสองอย่าวิวาทกันเลย แล้วซงอิหยินก็ยุดมือเกียงจูแหยพาไปที่ดูหนังสือ ซงอิหยินจึงว่าเกิดมาเป็นคนก็อาศัยวาสนา แต่ดอกไม้ทั้งปวงยังมีเวลาบาน น้ำในมหาสมุทรครั้นครบสามพันปีก็ใสครั้งหนึ่ง เป็นคนก็มีเคราะห์ดีครั้งหนึ่ง เจ้าอย่าเสียใจเลย และในเมืองจิวโก๋นัน ร้านหมี่ร้านสุราของเรามีเป็นหลายร้าน เราจะสั่งผู้เฝ้าร้านเสียตามแต่เจ้าจะไปขายเถิด เกียงจูแหยก็คำนับแล้วว่าคุณท่านอยู่กับข้าพเจ้ามากนัก ครั้นเพลาเช้าเกียงจูแหยก็เอาสุรากับหมี่และของทั้งปวงไปขาย ณ ร้านซงอิหยินในเมืองจิวโก๋ข้างประตูทิศใต้

๏  ขณะเมื่อเกียงจูแหยไปนั่งร้านขายหมี่และสุราวันนั้นฝนตกหนัก ครั้นฝนหายแดดก็ร้อนกล้า บูเสียงฮองมิได้ซ้อมหัดทหาร ชาวเมืองก็มิได้เดินไปมา หาผู้ใดซื้อของที่ร้านเกียงจูแหยไม่ ครั้นเพลาเย็นหมี่และสุกรก็บูดสุราก็เปรี้ยวไป เกียงจูแหยเสียใจนัก จึงเอาหมี่และสุราแจกเพื่อนร้านกินเสียสิ้น ครั้นเพลาค่ำก็กลับมาบ้าน ซงอิหยินจึงถามว่าเจ้าไปขายของเป็นประการใดบ้าง เกียงจูแหยก็เล่าให้ซงอิหยินฟังทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าเสียใจนัก ซงอิหยินจึงว่าเสียของเท่านั้นเจ้าอย่าเสียใจทุกข์ร้อนเลย แล้วว่าเจ้าขายเนื้อสัตว์ตายล่วงเพลาจึงขาดทุน ทีนี้ไปซื้อสัตว์เป็นมาขายเถิด แล้วซงอิหยินก็เอาเงินห้าสิบตำลึงกับลูกจ้างสามสี่คนให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยก็คำนับรับเอาเงินแล้วว่าท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้า ให้ค้าขายแก้ตัวหลายครั้งแล้ว แต่เคราะห์กรรมของข้าพเจ้าจึงเป็นไปต่างๆ แล้วเกียงจูแหยก็ไปกับบ่าวซื้อม้าและสุกรแพะแกะมาเป็นอันมาก เอาเข้าไปขายในเมืองจิวโก๋ และครั้งนั้นพระเจ้าติวอ๋องลุ่มหลงด้วยนางขันกี กระทำการทุจริตต่างๆ แผ่นดินแดนเมืองจิวโก๋ฝนแล้งประมาณกึ่งปีแล้ว เสนาบดีผู้ใหญ่จึงเขียนหนังสือไปปิดไว้ที่ประตูห้ามมิให้ชาวเมืองทั้งปวงฆ่าสัตว์และขายสัตว์เป็น ขุนนางนายอำเภอเห็นเกียงจูแหยขายสัตว์เป็นดังนั้น ก็สั่งให้ตามจับตัวจะทำโทษ เกียงจูแหยได้ยินก็ตกใจ ทิ้งม้าและแพะแกะสุกรทั้งนั้นเสีย พาบ่าวซงอิหยินรีบหนีกลับไปบ้าน ซงอิหยินเห็นเกียงจูแหยนั้นหน้าดำเหงื่อโซมตัวมาก็ประหลาดใจ จึงถามว่าท่านมีทุกข์สิ่งใดหรือ เกียงจูแหยก็เล่าความทั้งปวงให้ซงอิหยินฟังทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าเสียใจนักดังจะแทรกแผ่นดินให้ตายเสีย ซงอิหยินได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าทำไมกับเงินเท่านั้น เจ้าอย่าเป็นทุกข์เลย มาเสพย์สุราเล่นให้สบายใจเถิด แล้วซงอิหยินก็ยุดมือเกียงจูแหยพาไปเสพย์สุราที่สวนดอกไม้ข้างหลังตึก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ