เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๔๘
วันจันทร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระกำแพงพราหมณ์ปลัดเมืองสุโขทัย ขอที่เขตต์พระอุโบสถวัดหนองร้าง โดยยาว ๘ วา ๒ ศอก กว้าง ๔ วา ๒ ศอก ผูกพัทธสีมาเป็นที่วิสุงคามสีมาฉะบับ ๑
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาประสิทธิสงครามเมืองกาญจนบุรี ฉะบับ ๑ ว่าด้วยเกิดผู้ร้ายปล้นราษฎรในเมืองกาญจนบุรี ๒ ราย จึงแต่งกรมการออกสืบสาวจับได้ตัวอ้ายเกิดผู้ร้ายกับของกลางที่ปล้นไปจากราษฎรมาได้ ได้ถามอ้ายเกิดให้การซัดถึงอ้ายเผือกกับอ้ายผู้ร้ายพวกเพ่ื่อนอีก ๒๙ คน เป็นคนเมืองกาญจนบุรี ๗ เมืองศรีสวัสดิ์ ๑ เมืองสุพรรณบุรี ๑๓ เมืองเพ็ชบุรี ๙ คน อ้ายเผือกหัวหน้าอยู่เมืองศรีสวัสดิ์ตั้งตัวเป็นเจ้า ตั้งอ้ายสิทธิ์เป็นปลัด อ้ายคล้ำเป็นยกกระบัตร อ้ายผิวเป็นผู้ช่วย อ้ายอ่วมเป็นหลวงคลัง อ้ายฉไลเป็นหลวงวัง อ้ายพุกเป็นหลวงเมือง อ้ายเกิดเป็นหลวงนา แล้วต่างคนเที่ยวปล้นมาในแขวงเมืองอ่างทอง เมืองกาญจนบุรี รวม ๖ ตำบล ได้แต่งกรมการไปเอาตัวผู้ต้องซัดแล้วถ้าได้ตัวมาชำระแล้วคะบอกเข้ามาตรังหลัง กับใบบอกพระพิชัยชลสินธุ์เมืองประจวบคีรีขันธ์ว่าด้วยเกิดผู้ร้ายปล้นราษฎร ๒ รายสืบยังไม่ได้ตัว กับว่าพระคงเจ้าอธิการวัดนาหูกวาง แขวงเมืองกำเนิดนพคุณ ต่อแดนเมืองประจวบคีรีขันธ์ตั้งตัวเกลี้ยกล่อมคนเป็นยี่หินเป็นอันมาก
พระยาเทพประชุนนำพระอินทรเดชกราบถวายบังคมลาไปชำระผู้ร้ายเมืองปทุมธานี
รับสั่งให้มีข้าหลวงออกไปจับพระคงกับพระสุภาที่เมืองพัทลุง บอกเข้ามาว่าเป็นยี่หินเข้ามาชำระ
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยานครชัยศรีว่าด้วยผู้ร้ายปล้นและกล่าวโทษพระยาอนุชิตชาญชัยข้าหลวง
โปรดให้เร่งรีบชำระความรายที่กล่าวโทษกันเสียให้สำเร็จโดยเร็ว แล้วพระราชทานโต๊ะถม กาถม พระนิเทศชลธี แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น
วันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาย่ำค่ำเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอมรินทรฤาไชยเมืองราชบุรี ๖ ฉะบับว่าด้วยผู้ร้ายปล้นเรือนราษฎร ๒ ฉะบับ ฆ่ากันตาย ๔ ฉะบับ
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยาราชพงศานุรักษ์ ๒ ฉะบับ ว่าด้วยผู้ร้ายปล้นราษฎรยังสืบไม่ได้ตัวทั้ง ๒ ราย กับใบบอกพระยาสมุทรบุรานุรักษ์เมืองสมุทรปราการฉะบับ ๑ ว่าด้วยผู้ร้ายยิงคนตาย ตัวผู้ต้องหาเป็นทหารปืนใหญ่ จะโปรดให้เกาะเอาตัวมาถามหรือจะให้สังกัดมูลนายสั่งแล้วแต่จะโปรด
รายเมืองราชบุรี เมืองสมุทรสงครามรวมให้พระนรินทรชำระ เมืองสมุทรปราการรับสั่งว่าไม่ควรจะขัดข้องให้หาตัวมาชำระ
วันนี้พระธรรมเจดีย์วัดโมฬีโลกถึงแก่มรณภาพ เป็นอหิวาตกโรค
เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์แล้วเสด็จขึ้นข้างใน
วันพุธ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระตำหนักสวนกุหลาบ เสด็จประพาสในที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่และที่เล่าเรียนของนักเรียนในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบนั้นแล้ว เสด็จไปประทับศาลากลางสนามหญ้าหลังโรงเรียนสวนกุหลาบพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกัน ครูทั้งปวงและนักเรียนทั้งหลายบรรดาที่เรียนในโรงเรียนตำหนักสวนกุหลาบนี้และนักเรียนโรงเรียนอื่น ๆ ที่ไล่หนังสือได้นั้นมายืนเฝ้าอยู่ที่สนามพร้อมกัน และข้าหลวงผู้สอบไล่วิชาทั้ง ๕ คือ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ พระยาภาสกรวงศ์ พระยาศรีสุนทรโวหาร เดินเข้าไปยืนหน้าพระที่นั่ง แล้วพระองค์เจ้าสวัสดิ์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีอ่านรายงานที่ได้จัดการไล่หนังสือนักเรียนคราวนี้ มีนักเรียนเข้ามาไล่ชั้นประโยคต้นคราวนี้ ๖๕ คน คือโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ๒๘ โรงเรียนต่าง ๆ ๓๗ ไล่ได้ไปตลอดแบบชั้นต้น นักเรียนสวนกุหลาบ ๑๒ โรงเรียนต่าง ๑๑ ไล่ตกไปโรงเรียนสวนกุหลาบ ๑๖ โรงเรียนต่าง ๆ ๒๖ รวมเสร็จได้ ๒๓ คน ตก ๔๒ คน วิชาชั้นประโยคที่ ๒ นักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ๕ คน ได้ ๓ ตก ๒ ครั้นอ่านรายงานจบแล้ว มีพระราชดำรัสตอบขอบใจข้าหลวงผู้ไล่และครูผู้สอนแล้วพระราชทานพระบรมราโชวาทนักเรียนแล้ว พระราชทานรางวัลนักเรียนที่ไล่หนังสือชั้นประโยค ๒ ได้ ๓ ชั้นประโยค ๑ ได้ ๒๓ คน ครั้นพระราชทานรางวัลแล้ว เสด็จกลับขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคมเวลาย่ำค่ำเศษ
วันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระชัยบูรณ์ปลัดผู้รักษาเมืองพิษณุโลกรายงานผู้ร้ายฆ่ากันตายและปล้นทรัพย์ในแขวงเมืองพิษณุโลกและเมืองขึ้น ผู้ร้ายปล้น ๓ ตำบล ฆ่ากันตาย ๙ ราย ยังชำระสืบสาวอยู่
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกหลวงพรหมภักดียกกระบัตรผู้รักษาราชการเมืองหลังสวน ๓ ฉะบับ ๆ หนึ่งส่งหวายชุมพร ๑,๕๐๐ กำ ชะลูดหนัก ๕๐ ชั่ง รายเกณฑ์ พระ หลวงนาย กองปลัด กองส่วย ในพระราชวังบวร อีกฉะบับหนึ่งว่าได้ผูกปี้ข้อมือจีนจำนวนปีระกาสัปตศก ได้จำนวนจีน ๒๔๑ คน เงินค่าแรง ๑๒ ชั่ง ๓ ตำลึง ค่าฎีกา ๒ บาท ๒ สลึง รวมเงิน ๑๒ ชั่ง ๑ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง อีกฉะบับ ๑ รายงานชำระผู้ร้ายในเมืองหลังสวน กับใบบอกหลวงจ่าเมือง หลวงนา หลวงวัง หลวงสัสดี กรมการเมืองนครเขื่อนขันธ์ว่าด้วยเกิดผู้ร้ายฆ่ากันตายรายหนึ่ง ยังแต่งกรมการไปจับตัวมาชำระอยู่
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยาชลบุรานุรักษ์เมืองชลบุรี ฉะบับ ๑ ว่าด้วยพร้อมด้วยข้าหลวงกรมการผูกปี้ข้อมือจีนได้ส่งเงินมาครั้งก่อน ๔๐ ชั่ง ๒ ตำลึง ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้อีก ๖๔ ชั่ง ๑๕ ตำลึง เป็นจีน ๑,๒๙๕ คน ค่าฎีกา ๓ ตำลึง ๑ บาท รวม ๖๔ ชั่ง ๑๘ ตำลึง ๑ บาท ให้กรมการคุมเข้ามาส่งอีกครั้งหนึ่ง รวม ๒ ครั้งได้จีน ๒,๐๙๕ คน เงิน ๑๔๐ ชั่ง ๑๕ ตำลึง กับค่าฎีกา ๕ ตำลึง ๑ บาท เป็นเสร็จสิ้นจำนวนแล้ว แต่เงินยังค้างอยู่กับเถ้าแก่นายอากร ๖๑ ชั่ง ๑๗ ตำลึง แล้วจะเร่งส่งมาภายหลัง กับใบบอกพระยานนทบุรี ขอศิลาหน้าเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพพระครูธรรมวิจารณ์วัดบางพังเมืองนนทบุรี
พระมนตรีนำพระภิรมย์ราชากราบถวายบังคมลาไปชำระความเมืองนครสวรรค์ กับนำนายบุญกัปตันทหารรักษาพระบรมมหาราชวัง กราบถวายบังคมลาไปรับราชการกับกรมหมื่นประจักษ์แล้ว พระราชทานสัญญาบัตร์จีนเทียนเป็นหลวงวิเศษสุงคากรในกรมท่าซ้าย ๑ หมื่นเทพเป็นขุนราชบรรจถรณ์ปลัดกรมชาวที่พระบรรทม ๑ หลวงพิชัยภักดีผู้ช่วยเป็นพระกำแหงสงครามพระพลเมืองกำแพงเพ็ชร
เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น
วันศุกร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกหลวงพิพัฒนเพ็ชรภูมิ ยกกระบัตร หลวงพิชิตภักดีผู้ช่วยเมืองเพ็ชรบุรีว่าด้วยเกิดผู้ร้ายปล้นราษฎรรายหนึ่ง ได้แต่งกรมการไปเที่ยวสืบจับแล้ว ถ้าได้ตัวมาชำระได้ความประการใดจะบอกมาครั้งหลัง
พระมนตรีนำเจ้าราชวงศ์เมืองนครลำปางเฝ้าถวายไม้ขอนสัก ๒ ต้น ของเจ้าพรหมาพิพงศธาดาเมืองนครลำปางฝากมาถวาย ๓ ต้น แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น
วันเสาร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยากำแหงสงครามเมืองนครราชสีมาสั่งเงินแทนทองคำส่วยเมืองปักธงชัยเมืองขึ้นเมืองนครราชสีมา
เงินแทนทองคำจำนวนปีมะแม เบ็ญจศก ปีวอก ฉศก} เงิน ๑๑ ชั่ง ๒ บาท คิด ๑๔ หนักแทนทองคำ ๑๕ ตำลึง ๓ บาท ให้กรมการคุมลงมาส่ง
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยาอนุชิตชาญชัยข้าหลวงเมืองนครชัยศรีบอกเรื่องผู้ร้ายปล้นราษฎร
เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น
วันอาทิตย์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง ไม่มีราชการอะไร
วันนี้เป็นวันพระราชทานเบี้ยหวัดมหาดเล็ก โปรดให้แจกเบี้ยหวัดมหาดเล็ก เวรศักดิ์ เวรสิทธิ์ เวรฤทธิ์ เวรเดช จนหมดแล้ว เสด็จประทับตรัสอยู่กับกรมสมเด็จจนเวลาเกือบทุ่มเศษ เสด็จขึ้น
วันจันทร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
วันนี้วันพระ ไม่มีอะไร ไม่ได้เสด็จออก
วันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตาลทองคำ ภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ณ ท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีมนตรีมาตยาข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายทหารพลเรือน เฝ้าเบื้องยุคลบาทพร้อมสิ้นทุกกระทรวงตามตำแหน่ง เจ้าพนักงานประโคมแตรฝรั่งมะโหระทึกตามขัตติยราชประเพณี ครั้นสุดเสียงประโคมแล้วเจ้าพนักงานกรมมหาดไทย กรมวัง นำพระยาลาวท้าวแสนเมืองแพร่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วพระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาพิมพิสารราชาเมืองแพร่ว่า ได้แต่งให้พระยาชัยสงครามคุมต้นไม้ทองเงินจำนวนปีมะเมีย โทศก ลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดำรัสพระราชปฏิสันถารโดยสมควรแล้ว เสด็จขึ้น
เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แจกเบี้ยหวัดพระบรมวงศานุวงศ์ เวลาเกือบทุ่ม เสด็จขึ้น
วันนี้ได้ข่าวว่า พระสิริสมณมหาติสสเถระเมืองลังกาเข้ามาถึงกรุงสยาม พระยาภาสกรวงศ์ได้รับขึ้นอยู่วัดประยูรวงศ์
วันพุธ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระพิทักษ์เทพธานี ปลัดกรมการกรุงเก่าว่า กรมการจับตัวอ้ายเทศ อ้ายอิ่ม ผู้ร้ายทำเงินแดงกับเงินแดงเป็นเหรียญทองเหลืองตราแผ่นดินชุบน้ำกรด ๘ ชั่ง พิมพ์เงินเหรียญ ๑๐ เครื่องมือทำเงินแดง และเหรียญทองเหลืองตราแผ่นดินยังไม่ได้ชุบอีก ๑๒ ตำลึง ๑ บาท มาส่ง ได้ถามปากคำ ให้การรับเป็นสัตย์ ซัดถึงคนเมืองลพบุรีว่าเป็นครู ได้มีสูตรนารายณ์ไปเอาตัวมาแล้ว ถ้าได้ตัวมาชำระได้ความประการใดจะบอกมาภายหลัง ฉะบับ ๑ กับใบบอกหลวงชัยสงครามปลัดเมืองอ่างทอง ขอพระราชทานที่เขตต์พระอุโบสถวัดใหม่ธรรมยุตติกาวาสผูกพัทธสีมาโดยยาว ๑๕ วา กว้าง ๑๐ วา เป็นที่วิสุงคามสีมา
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอนุรักษ์โยธาข้าหลวงฉะบับ ๑ ว่าได้มีหนังสือไปให้พระวิชิตภักดีศรีสุรสงคราม ปลัด แต่งคนออกจับพระสงฆ์ชื่อสุภา ซึ่งตั้งตัวเป็นหลวงนภากาศ หัวหน้ายี่หิน กับนายเพง นายพรหม นายแซ้ว พรรคพวก พระวิชิตภักดีจับได้นายพรหม นายแซ้ว กับนายทิม ซึ่งนายเพงตั้งให้เป็นหลวงทินวรแขกวาท เป็นขุนปราบพลสิทธิ์ ได้ตัวจำไว้แล้ว แต่พระสงฆ์ชื่อสุภานั้นหนีไปทางเมืองตะกั่วทุ่ง ได้แต่งคนไปตามจับแล้ว นายเพงหนีไปเมืองหลังสวนยังติดตามอยู่
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยานนทบุรีว่า ได้จัดกรมการกับเสนาเดินประเมินเก็บเงินค่านาแก่ราษฎรจำนวนปีวอก ฉศก ได้เงิน ๙๐ ชั่ง ให้เสนาคุมลงมาส่งครั้งหนึ่งก่อน
โปรดเกล้าฯ ให้แจกเบี้ยหวัดมหาดเล็กในพระราชวังบวร เวรชิตภูบาล ชาญภูเบศวร์ เสน่ห์รักษา มหาใจภักดิ์ เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น
วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่ายวันนี้ เจ้าพนักงานได้แห่พระคันธาราษฎร์ และพระพุทธรูปอื่น และเทวรูปในพระบรมมหาราชวัง ออกไปตั้งพระราชพิธีพืชมงคลณท้องสนามหลวง และได้้แห่เทวรูปแต่เทวสถานออกไปตั้งพิธีจรดพระนังคัลณโรงพิธีพราหมณ์ณทุ่งส้มป่อย
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยานเสด็จไปโดยกระบวนไปประทับพลับพลาท้องสนามหลวง ทรงประเคนจีวรสบงกราบพระแต่หม่อมเจ้าพระพุทธบาทและเปรียญ รวม ๑๐ รูป พระสงฆ์ครองผ้าแล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทถวายศีล โปรดให้พระยาอภัยรณฤทธิ์ ซึ่งจะได้ออกไปกระทำพิธีจรดพระนังคัล และเถ้าแก่ที่จะออกไปเป็นนางเทพีในเวลาพรุ่งนี้มาฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ด้วย ครั้นทรงศีลแล้วขุนสุวรรณอักษรอ่านประกาศพระราชพิธีพืชมงคลจบพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ทวาทัสปริต พระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงพระราชดำเนินออกไปทอดพระเนตรพระเมรุกรมพระราชวังบวร แล้วเสด็จกลับมาประทับพลับพลาท้องสนาม จนพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์พระราชทานพระยาอภัยรณฤทธิ์และนางเทพีแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันศุกร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาวันนี้มีการพระราชพิธีจรดพระนังคัลที่ทุ่งส้มป่อยตามเช่นเคยมา และปีนี้สมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวีเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วย เสด็จกระบวนรถ
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินออกประทับห้องดอริงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานนำพระพรหมมุนี ผู้นำ ๑ กับพระธรรมลังการสิริสมณดิสสมหาเถระ ๑ พระปัญญาสปรอนุเถระ ๑ พระชินรัตน์ ๑ พระยานดิลักกภิกษุ ๑ สามเณรนารถะ ๑ ซึ่งมาแต่เมืองลังกาเข้าเฝ้าในที่นั้น ดำรัสพระราชปฏิสันถารแด่พระสิริสมณะโดยสมควรแล้วทรงประเคนไตรแพร ย่าม บาตร ตาลปัตร สรรพบริกขารนานาเครื่องไทยทานอย่างเอกครั้งฉลองวัดราชประดิษฐ์แด่พระสิริสมณะ ๑ และทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรสมณบริกขารอย่างโทแด่พระสงฆ์อีก ๓ องค์ และทรงประเคนผ้าไตรบริกขารอย่างตรีแด่สามเณร ๑ พระสงฆ์สามเณรลังกาถวายอนุโมทนาโดยภาษามคธ แล้วเจ้าพนักงานนำออกจากที่ อนึ่ง พระสงฆ์ที่เข้ามาจากลังกาคราวนี้ คือฝ่ายมรามวงศ์ ๓ รูป คือพระสิริสมณดิสสมหาเถระพรรษา ๕๓ พรรษา ๑ พระปัญญาสปรอนุเถระ ๒๐ ฟรรษา ๑ ศิษย์ของพระสิริสุมังคละซึ่งเป็นสังฆราชาให้มาด้วย สามเณรนารถะศิษย์พระสิริสมณะ ๑ คฤหัสถ์คือ เอเทระสิงหะ สุมังคละให้มาเป็นล่าม ๑ อภัยนายกะหมอ ๑ วิทะโยทะยะ ๑ ไชยันตะมหามิส ๑ พพุเว ๑ รวมทั้งพระสงฆ์สามเณรคฤหัสถ์ ๑๐ ด้วยกัน
เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกหลวงชัยสงครามปลัดเมืองอ่างทอง ว่ามีผู้ร้ายปล้นนายรอด อำแดงทรัพย์ ฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย ได้สืบจับได้ตัวมาชำระบ้างแล้ว ยังชำระต่อไป
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอมรินทรฤๅไชยเมืองราชบุรี ๒ ฉะบับ ว่าด้วยผู้ร้ายปล้นทั้ง ๒ ฉะบับ
เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ พระวิสูตรสาครดิตถ์เฝ้า แล้วรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลาเกือบ ๒ ทุ่ม เสด็จขึ้น
วันเสาร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาพิทักษ์ทวยหาญเมืองปทุม ว่าจับได้อ้ายริงลาว อ้ายพุก อ้ายเง้อ อ้ายเง้อซัดผู้ร้ายเพื่อนอ้ายใจรวม ๔ คนมาถามได้ความเป็นสัตย์ รวมผู้ร้ายที่ได้ครั้งก่อน ๖ ครั้งนี้ ๔ คน รวม ๑๐ ยังชำระต่อไป ฉะบับ ๓ กับใบบอกหลวงพิพัฒนเพ็ชรภูมิ ยกกระบัตรเมืองเพ็ชรบุรีส่งน้ำรักส่วยกองหลวงยงโยธีแต่ปีเถาะเอกศกจนถึงปีกุนนพศก ๙ ปี ๆ ละ ๒๐ คนๆ ละ ๑๒ ทะนาน น้ำรัก ๒,๐๗๖ ทะนาน ให้นายกองคุมเข้ามาส่งฉะบับ ๑
เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน
วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาเช้า พระสงฆ์รับพระราชทานฉันในการวิสาขนักขัตตฤกษ์ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ๒๐ รูปตามเคย
เวลาค่ำ โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงธรรมที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในการวิสาขปุณณมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ถวายเทศนาปฐมสมโพธิ ตามเช่นเคยมาแต่ก่อน
วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาเช้า พระสงฆ์รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ๒๐ รูปเหมือนวานนี้
เวลายามเศษ เสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ เสด็จทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระสิริสมณะกับพระสงฆ์ลังกามาคอยเฝ้าอยู่ที่ศาลา ดำรัสกับพระสิริสมณะแล้วเสด็จในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนในที่สักการะทั้งปวงเป็นอันมาก และทรงนมัสการโดยสมควร แล้วเสด็จออกมาประทับหน้าพระอุโบสถ โปรดให้กรมหมื่นนฤบาลและข้าทูลละอองธุลีพระบาท ฝ่ายกรมราชบัณฑิต กรมพระอาลักษณ์ กรมลูกขุนเดินเทียนตามธรรมเนียมซึ่งเคยมา แล้วเสด็จประทับบนพระอุโบสถ โปรดให้นิมนต์พระเทศน์ขึ้นไป และโปรดให้พระสิริสมณะและพระลังกาขึ้นไปฟังด้วย พระเทพโมฬีถวายเทศนาปฐมสมโพธิ เวลา ๗ ทุ่มเศษสวดมนต์จบเสด็จทรงประเคนเครื่องกัณฑ์ แล้วทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์สามเณรลังกาองค์ละไตร พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันอังคาร แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระและสดับปกรณ์กาลานุกาลสมัยที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเช่นเคยมาทุกปี
เวลาค่ำฝนตก ไม่เสด็จพระราชดำเนินออกวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพราะฝนตก โปรดให้กรมขุนเจริญมีเทศนา และให้เจ้าพนักงานเดินเทียนด้วยตามเคย
วันพุธ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
ไม่มีราชการอันใด ไม่ได้เสด็จออก
วันพฤหัสบดี แรม ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาวันนี้เป็นวันสวดมนต์ที่วังพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ในการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนพระเกียรติยศขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม เวลาบ่ายพระบรมวงศษนุวงศ์ประชุมพร้อมกันที่ตำหนักใหม่พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร
เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวนนำและตาม เสด็จไปประทับวังพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร เสด็จขึ้นบนพระตำหนักทอดพระเนตรทั่วแล้วเสด็จลงมาประทับตรัสกับเจ้านายครู่หนึ่ง เสด็จกลับทรงรถพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวัง
วันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีเสด็จพระราชดำเนินด้วย
วันศุกร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องราชอลังกาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องราชอิสสริยยศนพรัตนราชวราภรณ์ เสด็จทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวนนำและตาม เสด็จพระราชดำเนินไปประทับวังพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร เสด็จประทับบนตำหนักพระองค์ดิศ พอได้พระฤกษ์เช้า ๓ โมง ๑๕ นาฑีเสด็จไปประทับที่แท่นสรงพระองค์เจ้าดิศวรกุมารทรงสะพักขาวทรงผ้าขาวเข้าสู่แท่นสรง เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรพิณพาทย์พร้อมกัน พระสงฆ์ ๑๐ องค์ บนตำหนักสวดชัยมงคลพร้อมกัน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ และพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในที่ทรงพระชนม์พรรษาเจริญมากและที่ทรงกอบด้วยเกียรติคุณ เสด็จไปบระทานน้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์ถวายน้ำกรดสังข์ ครั้นทรงเสร็จแล้วเสด็จมาประทับบนตำหนักใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับบนพระที่นั่งโธรนพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกัน พระยาศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศยกกระแสที่ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าดิศวรกุมารได้ทรงรับราชการในกรมทหารมหาดเล็กมาช้านาน ตั้งแต่ตำแหน่งเล็ก ๆ จนตำแหน่งสูงโดยความเรียบร้อย และได้รับราชการอื่น ๆ อีกมาก และได้ทรงรับพระราชดำริจัดการตั้งโรงเรียนสอนหนังสือไทยแพร่หลายกว้างขวางขึ้นเป็นอันมาก และได้จัดการรักษาการตำแหน่งกรมเซอรเวเป็นการดีแข็งแรงเป็นอันมาก และได้ทรงกำกับกรมกองแก้วจินดา ทำเครื่องสาตราวุธสำหรับพระนครเรียบร้อยเป็นอันมาก และทรงกอบด้วยความเพียรอุตสาหะเป็นอันมาก จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัตรว่า (พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ นาคนาม ทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ เจ้ากรมเป็นหมื่นดำรงราชานุภาพ ถือศักดินา ๖๐๐ ปลัดกรมเป็นหมื่นปราบบรพล ถือศักดินา ๔๐๐ สมุห์บัญชีเป็นหมื่นสกลคณารักษ์ ถือศักดินา ๓๐๐)
ครั้นอ่านประกาศจบแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าดิศวรกุมารเข้าไปหน้าพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏและทรงเจิมพระราชทาน แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัตร และพระแสงฝักถม ๑ มาลาเศร้าสะเทิน ๑ เครื่องราชอิสสริยยศมหาจักรีบรมราชวงศ์ ๑ เครื่องราชอิสสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๒ จุลสุราภรณ์ ๑ กาน้ำทองคำ ๑ ขณะนั้นพระสงฆ์ ๑๐ องค์สวดชัยมงคลพร้อมกัน เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ฆ้องชัยตามธรรมเนียม แล้วกรมหมื่นดำรงราชานุภาพถวายต้นไม้ทองเงินธูปเทียนเงินทองและสมุดรูปใหญ่เล่ม ๑ ครั้นพระราชทานพระสุพรรณบัตรแล้วเสด็จประทับอยู่ที่ห้องดอริงรูมครู่หนึ่ง เสด็จประทับโต๊ะเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และกรมหมื่นดำรงราชานุภาพจนเวลาเกือบเที่ยง เสวยแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เวลาเย็นไม่มีอะไร ไม่ได้เสด็จออก
วันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
วันนี้ไม่มีอะไร ไม่ได้เสด็จออก
วันอาทิตย์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระมนตรีพจนกิจอ่านใบบอกหลวงมหาดไทย ผู้รักษาเมือง กรมการเมืองลพบุรี ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าด้วยอำแดงหน่ายภรรยานายฉ่ำผู้ตาย ฟ้องกล่าวโทษนายอาจกับพวก ๙ คนว่าฟันนายฉ่ำตาย นายอาจกับพวกไม่รับ สืบยังไม่ได้ความ อีกฉะบับ ๑ ว่า นายแจ่มมาให้การลุแก่โทษว่าสุกรป่าวิ่งเข้ามาในบ้าน นายแจ่มกับจีนเต้าถือปืนไปยิงคนละนัด แต่กะสุนปืนของนายแจ่มไปถูกนายโอตบุตรนายแจ่มขาดใจตาย จะโปรดประการใดแล้วแต่จะโปรด
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระอภัยบริรักษ์ เมืองพัทลุง ขอรับพระราชทานหม่อมราชวงศ์หรั่งบุตรหม่อมเจ้าจินดามารดา เป็นพวกพระยาพัทลุง เป็นที่พระทิพกำแหงสงคราม ปลัดเมืองพัทลุง (ไม่โปรด)
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยานนทบุรี เมืองนนท์ว่า พระปรีชาเฉลิม วัดเฉลิมพระเกียรติ ป่วยเป็นโรคชราถึงแก่มรณภาพ ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาอนุชิตชาญชัย กล่าวโทษพระยาสุนทรบุรี หนูภรรยา ขุนพรหมอาญากรมการ เมืองนครชัยศรี ว่าเอาความผู้ร้ายปล้นเรื่อง ๑ ความผู้ร้ายลักโคกระบือเรื่อง ๑ ไปชำระที่บ้าน และบังคับให้ยอมเลิกกันเสียเอง ไม่ให้ข้าหลวงกรมการรู้เห็นด้วย ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาสุนทรบุรี เมืองนครชัยศรี ว่าเกิดผู้ร้ายปล้นเรือจีนสือ เก็บทรัพย์สิ่งของและเงินตรา ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึงไป จีนสือจำหน้าผู้ร้ายได้ ชื่ออ่ายหรุ่น อ้ายขาว อ้ายปั้น อ้ายวัน อ้ายสัง ได้แต่งกรมการไปจับได้ตัวแล้วทั้ง ๕ คน และให้ส่งไปทีพระยาอนุชิตชาญชัยข้าหลวงแล้ว กับว่าอ้ายหรุ่นคนนี้เดิมขุนระวังไพรีได้จับส่งพระยาอนุชิตเป็นผู้ร้าย รับเป็นสัตย์ แล้วพระยาอนุชิตชาญชัยปล่อยอ้ายหรุ่นไปเสีย (โปรดเกล้า ฯ ให้รีบชำระความกล่าวโทษกันเสีย)
พระยาพิพัฒนโกษา นำพระยาพิชัยบุรินทรา จมื่นสมุหพิมาน กราบถวายบังคมลาไปชำระผู้ร้ายเมืองสมุทรสงคราม
พระมนตรีพจนกิจนำพระยาพิษณุโลกาธิบดี กราบถวายบังคมลากลับไปเมืองพิษณุโลก
เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น
วันจันทร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระนรินทรราชเสนี หลวงเทพราชแสนยา จ่าห้าวยุทธการข้าหลวงชำระผู้ร้ายเมืองราชบุรี ๑ ฉะบับ ว่ากราบถวายบังคมลาออกไป วันจันทร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๖ ถึงคลองบ้านโคกไผ่คลองดำเนินสะดวก วันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ เวลา ๒ ยาม พักรอน้ำ แล้วชาวบ้านบอก เมื่อณวันพฤหัสบดี แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๓ ยาม มีอ้ายผู้ร้ายปล้นบ้านนายยิด ยิงนายยิดตาย ชาวบ้านสงสัยอ้ายชื่น อ้ายฉุย อ้ายทัด และได้ความว่าอ้ายชื่นจะไปเมืองกาญจนบุรี พระนรินทรจึงได้รีบตามไปถึงเมืองราชบุรี ได้ขอกรมการไปพร้อมด้วยข้าหลวงเที่ยวตามอ้ายชื่นพบที่ท่าราย ได้จับตัวมาถามรับเป็นสัตย์ซัดถึงอ้ายฉุย อ้ายทัด อ้ายปลอด กับพวกอีก ๕ คน พระยาราชบุรีได้ให้ค้นในเรืออ้ายชื่นได้ผ้าตาผืน ๑ ถูกตามคำตราสิน ได้พร้อมด้วยพระยาราชบุรี พระสัจจากรมการตามจับได้อ้ายทัดมาถามรับเป็นสัตย์ ส่งของกลางกำไลนาค ผ้านุ่งให้โจทก์ดูถูกต้องตามคำตราสิน ยังแต่งกรมการออกสืบจับต่อไป และความผู้ร้ายเก่าๆ ที่ค้างอยู่ ก็ได้ให้พระยาราชบุรีส่งมาพิจารณาต่อไปด้วย
พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระบาราชพงศานุรักษ์ฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนส่วยขวางจำนวนปีมะเมีย จัตวาศก ๒ กอง ๆ หนึ่งเงิน ๓ ชั่ง ๕ ตำลึง กองหนึ่งเงิน ๓ ชั่ง ๖ ตำลึง รวม ๒ กองเงิน ๖ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง
แล้วพระราชทานตรามงกุฎสยามชั้นที่ ๓ ชื่อมัณฑนาภรณ์แก่กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ ๑ แล้วพระราชทานสัญญาบัตรขุนนัยนานุกูลเป็นหลวงราชเนตรรักษา เจ้ากรมหมอยาตา ๑ ขุนพรหมมาเนตรเป็นขุนนัยนานุกูลปลัดกรม ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน
วันอังคาร แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
ไม่มีอะไร ไม่ได้เสด็จออก
วันพุธ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาวันนี้เป็นดิถีที่ ๘ แห่งปักขคณนา เป็นวันที่คล้ายกับวันพุทธลิรฌาปนกิจ คือวันถวายพระเพลิงพระสรีระแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันนี้
เวลาค่ำ มีเดินเทียนและเทศนามหาปรินิพพานสูตร ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามตามเช่นเคยมา แต่วันนี้ไม่ได้เสด็จออก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล
วันพฤหัสบดี แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาวันนี้ เป็นวัดสวดพระพุทธมนต์ ที่วังกรมหมื่นเทววงศ์วโรประการ ในการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนพระเกียรติยศขึ้นเป็นกรมหลวง เวลาเย็นกรมพระปวเรศกรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะ ๑๐ องค์ สวดพระพุทธมนต์พระบรมวงสานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยไปประชุมพร้อมกันที่นั้น
เวลายามเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวนนำและตาม เสด็จไปประทับวังกรมหมื่นเทววงศ์ เสด็จประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จประทับข้างในทอดพระเนตรชักรอกละครโรงใหญ่จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันนี้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีเสด็จอยู่จนดึก และพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในก็ไปเป็นอันมาก
วันศุกร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องอย่างมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องราชอิสสริยยศนพรัตนราชวราภรณ์ เสด็จทรงรถพระที่นั่งและแวดล้อมด้วยกระบวนนำและตาม เสด็จพระราชดำเนินไปประทับวังกรมหมื่นเทววงศ์วโรประการ พอได้พระฤกษ์บ่ายโมง ๒๓ นาฑี กรมหมื่นเทวเสด็จไปสรงน้ำพระพุทธมนต์ เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรพิณพาทย์ฆ้องซัยพร้อมกัน พระสงฆ์สวดชัยมงคลตามธรรมเนียม พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ที่ทรงพระชนม์พรรษาเจริญยิ่งและที่ทรงกอบด้วยเกียรติคุณสมบัติ เสด็จไปประทานน้ำพระพุทธมนต์ แล้วท่านเสนาบดีถวายน้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์ถวายน้ำกรดสังข์ ครั้นสรงเสร็จแล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์จนกรมหมื่นเทววงศ์ทรงเครื่องเสร็จแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งโธรน พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกัน พระยาศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทววงศ์วโรประการ ได้ทรงรับราชการเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาแต่ยังทรงพระเยาว์ มีความชอบเป็นอันมาก ปรากฏอยู่ในคำประกาศเมื่อเลื่อนกรมครั้งก่อนแล้ว ต่อนั้นมาก็ทรงพระอุตสาหะรับราชการสำคัญกว่าแต่ก่อน และเป็นที่ทรงปรึกษาในราชการต่างประเทศและการในพระนครเป็นอันมาก ได้ทรงรับเหตุการณ์จะเป็นการลำบากในราชการโดยมาก และต่อมาก็ได้รับราชการในตำแหน่งเสนาบดีว่าการต่างประเทศ ได้ทรงจัดการไปโดยเรียบร้อยเบาบางพระราชหฤทัยเป็นอันมาก และทรงพระดำริการใดก็อยู่ในสุจริตยุตติธรรมทั้งความซื่อสัตย์กตัญญูต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและประพฤติพระองค์เหินห่างจากความริษยากำเริบฟุ้งส่าน ทรงพระสติปัญญาสามารถในราชกิจทั้งปวงทุกประการ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยทั้งราชการแผ่นดินและราชการในพระองค์ สมควรจะดำรงพระเกียรติยศในตำแหน่งพระองค์เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ได้ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาเลื่อนขึ้นเป็นต่างกรมผู้ใหญ่ มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัตรว่า (พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทววงศ์วโรประการ นาคนาม ทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ เจ้ากรมเป็นหลวงเทววงศ์วโรประการ ศักดินา ๖๐๐ ปลัดกรมเป็นขุนภูบาลสวามิภักดิ ศักดินา ๔๐๐ สมุห์บัญชีคงเป็นหมื่นรักษาพยุหพล ศักดินา ๓๐๐) ครั้นอ่านประกาศจบแล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นเทววงศ์วโรประการเข้าไปหน้าพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏและทรงเจิมพระราชทาน แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัตร ๑ พระแสงฝักนาค ๑ เครื่องราชอิสสริยยศช้างเผือกสยามชั้นที่ ๑ มหาวราภรณ์ ๑ แหวนนพเก้า ๑ ซองทองคำ ๑ ขณะนั้นพระสงฆ์ถวายชัยมงคลพร้อมกัน เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรพิณพาทย์ฆ้องชัยตามธรรมเนียม แล้วกรมหลวงเทววงศ์วโรประการถวายต้นไม้ทองเงินธูปเทียนเงินทองของถวายต่าง ๆ เป็นอันมาก ครั้นแล้วเสด็จประทับโต๊ะเสวย ๆ กลางวัน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และกรมหลวงเทววงศ์วโรประการ เวลาบ่ายเกือบ ๓ โมงเสวยแล้วเสด็จทอดพระเนตรงิ้วละครอยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันเสาร์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง
วันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง
พระราชพินิจจัยอ่านบอกหลวงชัยสงคราม ปลัดเมืองอ่างทอง หลวงมหาดไทย ผู้รักษาเมืองลพบุรี ๒ ฉะบับ เมืองละฉะบับ รายงานน้ำฝนต้นข้าวทั้งสองเมือง ว่าน้ำฝนในเมื่ออาทิตย์อยู่ราศีเมษน้ำน้อยกว่าราศีเมษปีระกา กับใบบอกพระชัยราชรักษา ปลัดเมืองสุพรรณ รายงานน้ำฝนราศีเมษมากกว่าราศีเมษปีระกา
พระยาพิพัฒนอ่านบอกพระยาอนุชิตชาญชัย ข้าหลวงเมืองนครชัยศรี ว่าด้วยชำระผู้ร้ายปล้นเรือจีนสือ เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้นข้างใน
แล้วกรมสมเด็จพระบำราบ เข้าไปเฝ้าที่ท้องพระโรงกลางจนทุ่มเศษ
วันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระที่พระที่นั่งบรมสถิตมโหฬาร ในการบำเพ็ญพระราชกุศลในสมัยซึ่งคล้ายกับดิถีที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์สิ้นพระชนม์ พระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉันนั้น วัดราชประดิษฐ์ ๕ วัดราชบพิธ ๕ และมีธรรมเทศนาในเวลาเช้า เป็นของสมเด็จพระนางเจ้ากัณฑ์ ๑
เวลาค่ำมีการสวดมนต์ แล้วพระธรรมวโรดมถวายเทศนา เป็นกัณฑ์หลวงกัณฑ์ ๑ วันนี้ไม่ทรงราชการอันใด เป็นวันทรงถือ
เวลาวันนี้ไฟไหม้โรงงิ้ววังกรมหลวงเทววงศ์วโรประการ
วันอังคาร แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘
เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง วันพระ