เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๔๘

จดหมายเหตุรายวัน

ปีจอ อัฐศก จุลศักราช ๑๒๔๘

----------------------------

วันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๕ โมงโปรดให้เลี้ยงพระที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในกาลานุกาลสมัย พระสงฆ์ ๒๘ รูปรับพระราชทานฉัน กับฉันรายทำบุญวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ๓๐ รูป เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิแต่หอพระธาตุมณเฑียรแห่มามีกลองชนะแตรสังข์มะโหระทึกประโคมนำมา เชิญขึ้นสถิตบนพระที่นั่งเศวตฉัตรและโต๊ะจีนในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงจุดเทียนนมัสการและเทียนเครื่องทองน้อย แล้วทรงทอดผ้าสดับปกรณ์ตามเคย แล้วทรงทอดผ้าไตร ๑ ผ้าขาว ๙ พับ พระสงฆ์วัดสุทัศน์ ๑๐ รูป สดับปกรณ์ในการวันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต แล้วทรงแจกเหรียญที่ระลึกในการสมโภชสิริราชสมบัติ ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น โปรดให้มีการสดับปกรณ์อีก ๕๐๐ เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิกลับหอพระธาตุมณเฑียร

เวลาบ่าย ๔ โมงพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศอย่างทหารรักษาพระบรมมหาราชวัง เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตาลภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ณ ท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยพระบรมราชวงศานุวงศ์เสนาบดีมนตรีมุขมาตย์ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศโดยลำดับตามตำแหน่งสิ้นทุกกระทรวง แล้วเจ้าพนักงานนำผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศทั้งปวงที่มีทางพระราชไมตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยลำดับ

จึ่งกรมหลวงวรศักดาพิศาลอ่านคำถวายชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วมิสเตอร์เออเนสเมซัน ซาเดา มินิสเตอร์เรสิเตนส์อังกฤษ อ่านคำถวายชัยมงคลแทนผู้แทนคอเวอนแมนต์ต่างประเทศ แล้วเจ้าพระยาศรีพิพัฒนอ่านคำถวายชัยมงคลแทนข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งปวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดำรัสตอบผู้ที่ถวายชัยมงคลแล้วเสด็จขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดให้กรมหมื่นเทววงศ์ทรงแจกเหรียญที่ระลึกแก่ราชทูต กงสุล ผู้ว่าการกงสุลด้วย

เสด็จออกประทับห้องออกขุนนางพระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ ๆ และคนต่างประเทศที่รับราชการในกรุงสยามแล้วเสด็จขึ้น

อนึ่งวันดิถีที่หนึ่งของปีจอ อัฐศก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์มาประชุมเสวยและทอดพระเนตรละครตามเช่นเคยมาทุกปีครั้งนี้ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เชิญมารวม ๗๒ องค์ เวลาทุ่มหนึ่งพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาประชุมพร้อมกัน เวลายามเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีครู่หนึ่ง เสด็จเข้าไปประทับโต๊ะเสวย ณ ท้องพระโรงกลาง พระบรมวงศานุวงศ์ได้ตามเสด็จเข้าไปประทับเสวย มีพระนามและที่ประทับดังแผนที่นี้

<img>

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสวยแล้ว กรมหลวงวรศักดาพิศาลถวายพระพรชัยมงคล และทรงสปีชตอบขอบพระทัยพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วเสด็จมาประทับดอริงรูมพระราชทานสิ่งของสลากพระบรมวงศานุวงศ์ตามที่ทรงจับได้พระราชทานทั่วกันแล้วเสด็จมาประทับมุขบันได ทอดพระเนตรพวกพิณพาทย์สยามซึ่งออกไปสำแดงวิชาณประเทศอังกฤษกลับเข้ามาได้เล่นเพลงที่ออกไปเล่นในอินเตอร์นาเชนนัลอินเอนชันและมิวซิกเอกษุหิบิเชนกรุงลอนดอนถวายทรงสดับและเล่นเพลงที่จำของชาวยุโรปได้นั้นด้วย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานรางวัลคนละ ๕๐ บาท แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรละครที่ลานชาลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ละครวันนี้ของพระองค์เจ้าดวงประภา เล่นจนเวลา ๓ ยามเสด็จขึ้น โปรดพระราชทานรางวัล ๑ ชั่ง เป็นเสร็จการมงคลสมัยปีใหม่เท่านี้

วันจันทร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

วันนี้เจ้าพนักงานตั้งบุษบกพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาทั้ง ๕ รัชชกาลในพระที่นั่งบรมราชสถิตมโหฬาร เวลาค่ำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงนมัสการตามธรรมเนียมแต่ทุกปีมานั้นเคยตั้งพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ครั้งนี้รื้อพระที่นั่งอมรินทรจึงต้องเปลี่ยนมาพระที่นั่งนี้

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ทรงศีลแล้ว ขุนสุวรรณอักษรอ่านประกาศพระราชพิธีศรีสัจจปานกาลและตำนานพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๘ องค์เจริญพระพุทธมนต์ทวาทัสปริต เสด็จอยู่ครู่หนึ่งทรงแจกเหรียญที่ระลึกไนงานราชสมบัติแล้วเสด็จกลับทรงพระราชยานมาประทับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท วันนี้ผู้ที่ต้องเกณฑ์กระจาดในการเทศนาได้ลงมือตั้งกระจาดแล้ว

วันอังคาร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้าโปรดให้เลี้ยงพระสงฆ์ ๓๘ องค์ที่สวดพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถเมื่อคืนนี้ รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์แล้วมาประชุมพร้อมกันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เวลาเที่ยงเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงพระราชยานแต่พระที่นั่งจักรีไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนธูปเครื่องนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้วทรงจุดเทียนสักการะในที่ต่าง ๆ พระบรมวงศานุวงศ์ขึ้นไปเฝ้าพร้อมกัน พระมหาราชครูพิธีอ่านแช่งน้ำเป็นภาษาพราหมณ์และเชิญพระแสงศรประลัยวาต อัคนีวาต พรหมาสตร์ ลงชุบในพระขันหยก แล้วพระยาศรีสุนทรอ่านประกาศแช่งน้ำโดยสยามภาษา ครั้นจบแล้วพระสิทธิชัยบดี เชิญพระแสงขรรค์ชัยศรี พระแสงขรรค์เนาวโลหะ และพระแสงอื่น ๆ อีกเป็นอันมากจากกรมพระแสงมาเชิญลงชุบในหม้อน้ำที่จะได้รับพระราชทานวันนี้ ขณะนั้นพระสงฆ์ทั้ง ๓๘ องค์สวดสัจจคาถา เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรพิณพาทย์พร้อมกัน เจ้าพระยาเสนาบดีข้าทูลละอองธุลีพระบาตขึ้นมาประชุมบนพระอุโบสถ อ่านคำสาบานตามโบราณประเพณี ครั้นเสร็จแล้วพระมหาราชครูพิธีถวายน้ำในพระขันหยกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวย แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี เจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งปวง รับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาตามลำดับดังเช่นเคยมา พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับไป ครั้นข้าราชการรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับทางหลังพระอุโบสถ เสด็จกลับทรงพระราชยานไปประทับเกยปูนข้างมุขกระสันพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงฉลองพระองค์ครุยเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประทับพระแท่นทรงกราบหน้าพระที่นั่งเศวตฉัตร ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ทรงถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทขึ้นไปถวายบังคมพระบรมอัฐิพร้อมกัน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน เสด็จประทับพระที่นั่งบรมราชสถิตมโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายใน รับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่นั้น

การที่ยกถวายบังคมพระบรมอัฐิมาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทผิดกว่าธรรมเนียมที่มีมาทุกปีนั้น เพราะพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยรื้อ เจ้าพนักงานได้เชิญพระบรมอัฐิแห่มาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่เวลาเช้า ครั้นเสร็จการถวายบังคมแล้วเชิญพระบรมอัฐิแห่กลับเข้าหอพระธาตุมณเฑียรตามเดิม

อนึ่งเวลาบ่ายวันนี้ตั้งการพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน และเวียนเทียนสมโภชกลองวินิจฉัยเภรีตามเคยมาทุกปี

เวลาวันนี้ผู้ที่ถูกกระจาดกัณฑ์เทศน์ ตั้งแต่งจุดโคมไฟเป็นการเสร็จในวันนี้ เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จออกทอดพระเนตรกระจาดและทรงปักสลากพระราชทานพระราชาคณะที่ถวายเทศนาทั่วกันแล้วโปรดให้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในออกตามเสด็จทอดพระเนตรกระจาดจนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันนี้เจ้าพนักงานจัดการในท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ซึ่งจะมีพระธรรมเทศนาในการพระราชพิธีเฉลิมสิริราชสมบัติ เชิญบุษบกงาซึ่งทรงพระพุทธบุษยรัตน์องค์น้อย และพระเจดีย์ทองคำองค์เล็กขึ้นตั้งบนพระที่นั่งพุดตาลทองคำ และเชิญพระชัยในรัชชกาจปัจจุบันและประจำวันพระชนม์พรรษา และประจำปีพระชนม์พรรษาขึ้นตั้งบนม้าหลังพระที่นั่งพุดตาล และตั้งม้าหมู่ริมฝาผนังทั้งสองข้างพระที่นั่งพุดตาล เบื้องซ้ายตั้งพระนิรันตรายกับพระเต้าต่างๆ และมีม้าหมู่เบื้องขวาเชิญลุ้งพระมหาพิชัยมงกุฎและเครื่องเบ็ญจวิวิธราชกกุธภัณฑ์ และพระแสงต่าง ๆ ตั้งเป็นอันมาก และตั้งเครื่องสักการธูปเทียนนานาเรี่ยรายรอบพระที่นั่งพุดตาลและชั้นลดทั้งปวง หน้าพระที่นั่งพุดตาลออกมาตั้งธรรมาสน์ และมีดอกไม้ต้นไม้ประดับคล้ายกับการมีเทศนามหาชาติ หน้าธรรมาสน์ออกมาก็มีม้าหมู่ตั้งเครื่องบูชากัณฑ์ธรรมเทศนาแล้วตั้งหมากพนมและโคมเวียนเหมือนกันกับคราวก่อน สองข้างพระแท่นที่ตั้งพระที่นั่งพุดตาลนั้น กั้นฉากเป็นที่ข้างในออกมาฟังพระธรรมเทศนาทางเบื้องขวา เบื้องซ้ายเป็นพระฉากที่ประทับอย่างเช่นคราวที่แล้วมา การตกแต่งทั้งปวงก็ไม่ผิดกว่าการบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อรัชชกาลเสมอด้วยรัชชกาลที่ ๒ นั้นมากนัก

วันนี้ราษฎรเข้ามาชมกระจาดในพระบรมมหาราชวังเป็นอันมาก

วันพุธ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

วันนี้เป็นวันเริ่มมีเทศนาในการพระราชพิธีเฉลิมสิริราชสมบัติ เทศนาครารนี้โปรดให้มีเทศนาในอัฐกวัคคิกะปารายะวัคค์ ซึ่งเป็นพระสูตรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดมาก รวมเทศนา ๑๔ กัณฑ์ แต่แบ่งถวายวันละ ๘ กัณฑ์ ๙ กัณฑ์

เวลาเที่ยงเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าอยู่บ้าง โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายเทศนาเข้าไป สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ฐานานุกรม ๔ รูป เข้าไปนั่งที่อาสนสงฆ์ ทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ขึ้นธรรมาสน์ถวายศีลถวายเทศนาอารัมภกถาอัฐกวัคคิกะกัณฑ์หนึ่งจบลง เสด็จทรงประเคนบริกขารภัณฑ์นานา กับจตุปัจจัยเป็นมูลค่า ๓๐ ตำลึง โปรดพระราชทานกระจาดที่ ๒๓ ของพระยาพิพิธโภไคสวรรย์ พระยาราชประสิทธิ์ พระยาศรีสุนทรโวหาร เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ พระแก้วคฤหบดี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

แล้วพระพิมลธรรมถวายเทศนากามสูตรที่ ๑ เป็น กัณฑ์ที่ ๒ โปรดพระราชทานเครื่องบริกขารไทยทานอย่างเดียวกันกับกระจาดที่ ๒๗ ของพระยาสุนทรสงครามเมืองสุพรรณบุรี พระยาวิเศษฤาไชยเมืองฉะเชิงเทรา พระยาวิเศษชัยชาญเมืองอ่างทอง พระยาอุทัยมนตรีเมืองปราจีนบุรี พระพิชัยรณรงค์เมืองสระบุรี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

หม่อมเจ้าพระประภากรบวรวิสุทธิวงศ์ถวายเทศนาคุหัฏฐกสูตรที่ ๒ เป็นกัณฑ์ที่ ๓ พระราชทานกระจาดที่ ๑ ของพระองค์เจ้าวรวรรณากร พระองค์เจ้าสุธารส กรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ์ กรมหมื่นบริรักษ์นรินทรฤทธิ์ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระอริยกวีถวายเทศนาทุฏฐัฏฐกสูตรที่ ๓ เป็นกัณฑ์ที่ ๔ พระราชทานกระจาดที่ ๓๖ ของเจ้าคุณป้า เจ้าคุณคลี่ ท้าวราชกิจวรพักตร์ ท่านผู้หญิงพัน ท่านผู้หญิงอิ่ม เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระธรรมไตรโลกาจารย์ ถวายเทศนาสุทธัฏฐกสูตรที่ ๔ เป็นกัณฑ์ที่ ๔ พระราชทานกระจาดที่ ๑๖ ของพระยามหามนตรี พระยาอัคนีสราภัย พระยาพิสุทธิธรรมธาดาเมืองลพบุรี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พอเทศนาได้ ๕ กัณฑ์ พระธรรมไตรโลกถวายยถาสัพพีอติเรกถวายพระพรลา โปรดให้หยุดไว้เวลาค่ำอีก ๓ กัณฑ์ เวลา ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น เมื่อเวลามีเทศนานั้น พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับข้างนอกบ้างข้างในบ้าง พยเทศนาจบกัณฑ์ ๑ เสด็จทรงประเคนบริกขารเครื่องดี ๆ เป็นอเนกภัณฑ์กับวัตถุจตุปัจจัยเป็นมูลค่า ๑๐ ตำลึง ทุกกัณฑ์ และการที่ทรงถวายกระจาดนั้น เจ้าของทำบัญชีมาถวายทรงประเคนด้วย เมื่อเริ่มเทศนาและจบลงมีมะโหรีหลวง และพิณพาทย์หลวง หลวงพิณพาทย์มหาดเล็กประโคมทุกกัณฑ์

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกทอดพระเนตรกระจาดพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวีและพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเสด็จออกทอดพระเนตรออกดูกระจาดจนเวลายามเศษ เสด็จขึ้น

เวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จออกท้องพระโรงกลาง โปรดให้นิมนต์พระเทศนาเข้าไป ทรงจุดเทียนในที่ต่าง ๆ แล้วทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรม พระโพธิวงศาจารย์ขึ้นธรรมาสน์ถถายศีล ถวายเทศนาปรมัฏฐกสูตรที่ ๕ เป็นกัณฑ์ที่ ๖ จบลงเสด็จทรงประเคนบริกขารนานากับวัตถุจตุปัจจัยเป็นมูลค่า ๑๐ ตำลึง และพระราชทานกระจาดที่ ๘ ของพระยาโชฎึกราชเศรษฐี เจ้าหมื่นเสมอใจราช พระสิริสมบัติ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายเทศนาชราสูตรที่ ๖ เป็นกัณฑ์ที่ ๗ พระราชทานกระจาดที่ ๓ ของพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ พระองค์เจ้าปรีดา เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระญาณสมโพธิถวายเทศนาติสสเมตเตยยสูตรที่ ๗ เป็นกัณฑ์ที่ ๘ พระราชทานกระจาดที่ ๒๐ ของพระยาเวียงในนฤบาล พระยาบำรุงราชฐาน พระนนทเสน พระพิเดชสงคราม พระรามพิชัยเป็นเครื่องบูชากัณฑ์ พระญาณสมโพธิถวายยถาสัพพีอติเรกถวายพระพรลา เวลา ๗ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

เมื่อเวลากลางวันทรงแจกเหรียญที่ระลึกแก่ข้าราชการที่ยังไม่ได้รับพระราชทาน

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จออกท้องพระโรงกลาง โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายเทศนา พระเทพโมฬีกับฐานานุกรม ๔ องค์เข้าไปทรงจุดเทียนนนัสการรรรมเทศนากับเทียนต่าง ๆแล้ว พระเทพโมฬีขึ้นธรรมาสน์ถวายศีล และถวายเทศนาปสูรสูตรที่ ๘ เป็นกัณฑ์ที่ ๑ ในวันนี้ พอเทศน์จบเสด็จทรงประเคนบริกขารนานากับวัตถุจตุปัจจัยเป็นมูลค่าราคา ๑๐ ตำลึง และพระราชทานกระจาดที่ ๓๔ หลวงสวามิภักดิภูวนารถ หลวงราชโภคานุกูล หลวงภาษีวิเศษ หลวงจิตรศรีทรงยศ หลวงพานิชพัฒนากร เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ ถวายเทศนามาคัณฑิยสูตรที่ ๙ เป็นกัณฑ์ที่ ๒ พระราชทานกระจาดที่ ๒๖ พระยาสมบัติตยาธิบาล พระยาราชัยมไหศวรรย์ พระเทพาธิบดี พระศรีกาฬสมุด พระหฤทัย พระอภัยสุรินทร เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระธรรมกิตติถวายเทศนาปุราเภทสูตรที่ ๑๐ เป็นกัณฑ์ที่ ๓ พระราชทานกระจาดที่ ๒๓ ของพระยามหาเทพ พระพิเรนทรเทพ พระอินทรเดช พระสุริยภักดี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระศรีสมโพธิถวายเทศนากลหวิวาทสูตรที่ ๑๑ เป็นกัณฑ์ที่ ๔ พระราชทานกระจาดที่ ๒๔ ของพระยาประสิทธิศุภการ พระยาไชยยศสมบัติ พระยาสรรพากร เจ้าหมื่นสรรเพ็ชญ์ภักดี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระธรรมวโรดมถวายเทศนาจูฬพยุหสูตรที่ ๑๒ เป็นกัณฑ์ที่ ๕ พระราชทานกระจาดที่ ๓๓ ของพระสวัสดิวามดิฏฐ์ หลวงสาทรราชายุทธ์ หลวงบำรุงรัตนบุรี หลวงชลภูมิพานิช เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

โปรดให้งดไว้เวลาค่ำอีก ๔ กัณฑ์ พระธรรมวโรดมถวายยถาสัพพีอติเรกถวายพระพรลา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จขึ้น อนึ่งเมื่อเทศนานั้นพระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่คนที่ยังไม่ได้รับพระราชทานด้วย

เวลายามเศษ เสด็จออกทอดพระเนตรกระจาดพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวีและพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในจนเวลา ๔ ทุ่ม เสด็จขึ้นข้างใน

เวลา ๕ ทุ่มเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงจุดเทียนในที่ต่าง ๆ โปรดให้นิมนต์พระที่จะถวายเทศนา พระธรรมภาณพิลาสกับฐานานุกรม ๔ รูปเข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรม พระธรรมภาณพิลาศถวายศีลถวายเทศนามหาพยุหสูตรที่ ๑๓ เป็นกัณฑ์ที่ ๖ ครั้นเทศนาจบลงเสด็จทรงประเคนบริกขารและวัตถุจตุปัจจัยเป็นมูลค่าราคา ๑๐ ตำลึง และพระราชทานกระจาดที่ ๑๕ ของพระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยารามกำแหง พระยามหานุภาพ พระยาบำเรอภักดี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระอมรโมลีถวายเทศนาดุวฎกสูตรที่ ๑๔ เป็นกัณฑ์ที่ ๗ เทศนาจบลง เสด็จทรงประเคนบริกขารภัณฑ์นานากับวัตถุจตุปัจจัยราคา ๑๐ ตำลึง เป็นของบูชากัณฑ์และพระราชทานรางวัลย่ามเยียรบับใบ ๑ จตุปัจจัยราคา ๑๐ ตำลึง และพระราชทานกระจาดที่ ๑๔ ของพระยาเทพประชุน พระนรินทรามาตย์ พระนรินทรราชเสนี เป็นของบูชากัณฑ์

หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรถวายเทศนาอัตตทัณฑสูตรที่ ๑๕ เป็นกัณฑ์ที่ ๘ พระราชทานกระจาดที่ ๓๕ ของเจ้าคุณจอมมารดาท้าวอินทรสุริยา ท้าวศรีสัจจา ท้าวโสภานิเวศ ท้าวภัณฑสารนุรักษ์ ท้าวสุภัติการภักดี ท้าวเลื่อน ท้าวโหมด ท้าวจับ เจ้าจอมมารดาสำลี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระอริยมุนีถวายเทศนาสาริปุตตสูตรที่ ๑๖ กัณฑ์ที่ ๙ พระราชทานกระจาดที่ ๑๓ ของพระยาราชภักดี พระยาอนุชิตชาญชัย พระยานนทบุรี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์ พระอริยมุนีถวายยถาสัพพีอติเรกถวายพระพรลา เวลา ๘ ทุ่ม เสด็จขึ้น

เกิดไฟไหม้ใหญ่ที่ตำบลหน้าวัดจักรวรรดิราชาวาส

วันศุกร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๒ โมงเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายเทศนา พระเทพกวีกับฐานานุกรม ๔ องค์เข้าไปทรงจุดเทียนนมัสการในที่ทั้งปวง แล้วทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรมเทศนา พระเทพกวีขึ้นธรรมาสน์ถวายศีลและถวายเทศนาวัตถุคาถาปารายะนะวัคคกัณฑ์ที่ ๑ วันนี้พอเทศน์จบเสด็จทรงประเคนบริกขารนานากับวัตถุจตุปัจจัยมูลค่าราคา ๑๐ ตำลึง และพระราชทานกระจาดที่ ๑๐ ของพระยานานาพิธภาษี พระยาราชวังสัน พระสรสาตรพลขันธ์ พระวรภัณฑ์พลากร เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาถวายเทศนาอชิตมาณวกปุจฉาที่ ๑ กัณฑ์ที่ ๒ พระราชทานกระจาดที่ ๔ ของพระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

หม่อมเจ้าพระภุชงค์ถวายเทศนาติสสเมตเตยยมาณกวปุจฉาที่ ๒ กัณฑ์ที่ ๓ พระราชทานกระจาดที่ ๓๑ ของพระยาภักดีภัทรากร หลวงบริบูรณ์โกษากร หลวงวารีราชายุกต์ หลวงบุตรภัณฑ์พานิช เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระธรรมเจดีย์ถวายเทศนาปุณณกมาณวกปุจฉาที่ ๓ กัณฑ์ที่ ๔ พระราชทานกระจาดที่ ๓๐ ของพระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์ หลวงนาวานิกร หลวงไมตรีวานิช หลวงพิชัยวารี เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระสุวรรณวิมลศีลถวายเทศนาเมตตคูมาณวกปุจฉาที่ ๔ กัณฑ์ที่ ๕ พอจบลงถวายยถาสัพพี พระราชทานกระจาดที่ ๑๗ พระยาจ่าแสนยบดี พระมนตรีพจนกิจ พระศักดิเสนา พระภิรมย์ราชา พระราชพินิจจัย เป็นเครื่องบูชากัณฑ์ พระสุวรรณวิมลศีลถวายยถาสัพพีถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้ว เสด็จขึ้น

เมื่อเวลาเทศนานั้นเสด็จออกประทับข้างนอกพระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่ผู้ยังไม่ได้รับพระราชทานบ้าง แล้วเสด็จประทับในพระฉากบ้าง ต่อเวลาเทศนาจบจึงได้เสด็จออกทรงประเคนบริกขารไทยทานและกัปปิยะมูลค่าจตุปัจจัยราคา ๑๐ ตำลึง เท่ากันทุกกัณฑ์

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกท้องพระโรงกลางทรงจุดเทียนในที่ต่างๆ แล้วโปรดให้นิมนต์พระเทศนาพระพรหมมุนีฐานานุกรม ๔ องค์เข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการธรรมเทศนา พระพรหมมุนีขึ้นธรรมาสน์ถวายศีลและถวายเทศนาโธตกมาณวกปุจฉาที่ ๕ กัณฑ์ที่ ๖ วันนี้พระราชทานกระจาด ๓๒ ของพระพิศาลผลพานิช หลวงบำรุงราชากร หลวงเจริญราชธน หลวงโสภณเพ็ชรรัตน์

พระธรรมราชานุวัตรถวายเทศนาอุปสีวกมาณวกปุจฉาที่ ๖ เป็นกัณฑ์ที่ ๗ พระราชทานกระจาดที่ ๑๑ ของพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร พระยาพิชัยสงคราม พระอินทรเทพ พระประมวลประมาณพล เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระพิศาลสมณกิจ ถวายเทศนานันทมาณวกปุจฉาที่ ๗ เป็นกัณฑ์ที่ ๘ จบลงถวายยถาสัพพี พระราชทานกระจาดที่ ๖ ของพระยาประภากรวงศ์ พระจินดาจักรรัตน์ พระวรสุมพลาภิบาล เป็นเครื่องบูชากัณฑ์ แล้วถวายอติเรกถวายพระพรลาตามธรรมเนียม เวลา ๓ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีโปรดให้นิมนต์พระเทศนา หม่อมราชวงศ์พระราชพงศ์ปฏิพัทธ์กับฐานานุกรมเข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนในที่ทั้งปวงและเทียนเครื่องทรงธรรม พระราชพงศ์ปฏิพัทธ์ถวายเทศนาเหมกมาณวกปุจฉาที่ ๘ กัณฑ์ที่ ๑ ในวันนี้ พระราชทานกระจาดที่ ๙ ของพระยารัตนโกษา พระราชโยธาเทพ พระวรเดชศักดาวุธ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระปติยัตติวงศาจารย์ถวายเทศนาโตเทยยมาณวกปุจฉาที่ ๙ กัณฑ์ที่ ๒ พระราชทานกระจาดที่ ๒๕ ของพระยาราชวังเมือง พระยาเจริญราชไมตรี พระวุฒิการบดี พระพรหมบริรักษ์ พระผดุงศุลกกฤตย์ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระอมราภิรักขิตถวายเทศนากัปปมาณวกปุจฉาที่ ๑๐ กัณฑ์ที่ ๓ พระราชทานกระจาดที่ ๒ ของพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมหมื่นสถิตธำรงสวัสดิ์ พระองค์เจ้าวิไลวรวิลาส เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระสุเมธาจารย์ถวายเทศนาชตุกัณณีมาณวกปุจฉาที่ ๑๑ กัณฑ์ที่ ๔ พระราชทานกระจาดที่ ๒๘ ของพระยาภักดีนฤบดินทร์ พระอมรินทรฤาไชย พระสัจจาภิรมย์ พระยาประสิทธิสงคราม พระยาพิทักษ์ทวยหาญ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระกวีวงศ์ถวายเทศนาภัทราวุธมาณวกปุจฉาที่ ๑๒ เป็นกัณฑ์ที่ ๕ จบลงถวายยถาสัพพี พระราชทานกระจาดที่ ๑๘ ของพระยาอินทราธิบดี พระยาเพ็ชรดา พระเทพผลู พระสถลรัฐยาภิบาลบัญชา เป็นเครื่องบูชากัณฑ์ พระกวีวงศ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้วเสด็จขึ้น

อนึ่ง เมื่อเวลาเทศนานั้นเสด็จประทับข้างนอกบ้างข้างในบ้างอย่างวันก่อน เมื่อเทศนากัณฑ์ใดจบลงเสด็จออกทรงประเคนบริกขารนานากับกัปปิยะมูลค่าราคา ๑๐ ตำลึง เป็นเครื่องบูชากัณฑ์ทุกกัณฑ์

เวลายาม เสด็จพระราชดำเนินออกทอดพระเนตรกระจาดพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวี และพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน จนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

เวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงจุดเทียนในที่ต่าง ๆ แล้วโปรดให้นิมนต์พระที่จะถวายเทศนา พระคุณวงศ์กับฐานานุกรม ๔ รูปเข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรมเทศนา พระคุณวงศ์ถวายเทศนาอุทัยมาณวกปุจฉาที่ ๑๓ เป็นกัณฑ์ที่ ๖ ในวันนี้พระราชทานกระจาดที่ ๒๙ พระยาวิชยาธิบดีเมืองจันทบุรี พระยาพิพิธพิสัยเมืองตราด พระยาศรีสมุทรโภคเมืองระยอง พระชลบุรานุรักษ์เมืองชลบุรี พระยาสุนทรบุรีเมืองนครชัยศรี พระยาสมุทรบุรานุรักษ์เมืองสมุทรปราการ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระรัตนมุนีถวายเทศนาโปสาลมาณวกปุจฉาที่ ๑๔ กัณฑ์ที่ ๗ พระราชทานกระจาดที่ ๑๙ ของพระยาพิพัฒนโกษา พระสุธรรมไมตรี พระยาราชพงศาเมืองสมุทรสงคราม พระยาสมุทรสาครานุรักษ์ เมืองสมุทรสาคร พระยาสาครสงครามเมืองบางละมุง เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระวิสุทธิสมาจารย์ ถวายเทศนาโมฆราชมาณวกปุจฉาที่ ๑๕ กัณฑ์ที่ ๘ พระราชทานกระจาดที่ ๒๒ ของพระยาศรีสรราชภักดี พระนรเนตรบัญชากิจ พระเสนีนฤเบศวร์ พระชลธารพินิจจัย เป็นเครื่องบูชากัณฑ์

พระอมรเมธาจารย์ถวายเทศนาปิงคิยมาณวกปุจฉาที่ ๑๖ กัณฑ์ที่ ๙ พอจบลงถวายยถาสัพพี พระราชทานกระจาดที่ ๑๒ ของพระยาธรรมสารนิติ พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ พระยาวิชิตณรงค์ พระโทรเลขธุรานุรักษ์ เป็นเครื่องบูชากัณฑ์ เมื่อทรงประเคนบริกขารแล้ว พระอมรเมธาจารย์ถวายอติเรกถวายพระพรลา เวลา ๘ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น เป็นเสร็จการมีเทศนาในพระราชพิธีเฉลิมสิริราชสมบัติเท่านี้

วันอาทิตย์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาเย็นวันนี้พระครูปริตรฝ่ายไทย ๔ ฝ่ายรามัญ ๔ สวดมนต์เสกน้ำพระราชพิธีที่จะสรงมุรธาภิเษกสนาน ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทในการพระราชพิธีสงกรานต์ และที่วัดเทพศิรินทร์ก็มีการสวดมนต์ฉลองพระเจดีย์ทราย ซึ่งโปรดให้เกณฑ์แผ่พระราชกุศลพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทตามเคย พระสงฆ์ที่สวดมนต์นั้น ๓๐ รูป ไม่ได้เสด็จพระราชดำเนิน

/*วันจันทร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระสงฆ์ที่สวดมนต์ฉลองพระเจดีย์ทราย วัดเทพศิรินทราวาส ไม่ได้เสด็จพระราชดำเนิน

เวลาค่ำทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส หม่อมเจ้าพระราชาคณะ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๘๐ องค์ สวดมนต์ในการสรงน้ำพระตามเคย พระครูไทย ๔ รามัญ ๔ สวดมุรธาภิเษกที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์อย่างวันก่อน

วันอังคาร ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๓ โมงโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงประเคน กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส หม่อมเจ้าพระราชาคณะ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๘๐ รับพระราชทานฉัน ครั้นฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงประเคนไตรแพรพัดขนนกแด่กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย และฐานานุกรมที่มาแทนพระราชาคณะผู้ชราที่เข้ามาไม่ได้ มีขวดน้ำอีกขวดหนึ่ง พระสงฆ์ลงไปสรงน้ำพุข้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลานั้นมีประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ตามธรรมเนียมด้วย ครั้นพระสรงน้ำแล้วกลับขึ้นมาฉันข้าวแช่ตามธรรมเนียมเช่นมาทุกปีด้วย

เวลาบ่ายเสด็จพระราชดำเนินออกวัดพระเชตุพน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน เวลาค่ำ โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงจุดเทียนนมัสการที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระราชาคณะใหญ่ผู้น้อย ๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์ในการฉลองพระเจดีย์ทรายบรรดาศักดิ์ตามธรรมเนียม

พระครูไทย ๔ รามัญ ๔ สวดที่อาภรณ์พิโมกข์อย่างวันก่อน

วันพุธ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้าโปรดให้เลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รับพระราชทานฉันวันนี้ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยกับพระครูฝ่ายไทยฝ่ายรามัญ ที่สวดมุรธาภิเษกรวม ๔๓ รูป ครั้นฉันเช้าแล้ว พอถึงเวลาเพลโปรดให้พระสงฆ์ฉันข้าวแช่ เวลาเช้า ๕ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พอได้พระฤกษ์เสด็จทรงเปลื้องเครื่องที่ข้างในมุขใต้ แล้วทรงพระภูษาทรงสะพักโขมพัสตร์ เสด็จเข้าสู่ที่สรงมุรธาภิเษกสนานณพระแท่นสรงที่ตั้งที่ชาลาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทข้างตะวันออก ขณะนั้นพระสงฆ์ถวายชัยมงคลพร้อมกัน เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ฆ้องชัยมะโหรีตามธรรมเนียม ครั้นสรงมุรธาภิเษกแล้วเสด็จขึ้นมาประทับบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิและพระอัฐิออกมาแต่ในพระฉาก เชิญขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งเศวตฉัตรและโต๊ะจีนตามเคย พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมาทรงทอดผ้าคู่ขวดน้ำหอมของหลวงถวายพระบรมอัฐิพระอัฐิ พระราชาคณะ ๒๗ องค์สดับปกรณ์ ยังเหลือ ๘ พระราชทานผ้าคู่ขวดน้ำหอมไปสดับปกรณ์ในพระราชวังบวร และโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงประเคนไทยทาน พระครูไทย ๔ รามัญ ๔ ที่สวดน้ำมุรธาภิเษก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา โปรดให้เจ้านายทอดผ้าคู่ของเจ้านายตามเคย โปรดให้พระสงฆ์ที่รับพระราชทานนั้นทั้ง ๔๓ รูปสดับปกรณ์แล้วเสด็จขึ้น โปรดให้สดับปกรณ์อีก ๕๐๐ เจ้าพนักงานเวียนเทียนสมโภชพระทราย และเชิญพระบรมอัฐิกลับเข้าหอพระธาตุมณเฑียร แล้วแห่พระทรายไปวัดมหาธาตุตามเคย

เวลาบ่ายโมงเศษ เสด็จออกทรงโปรยอัฐโสฬสพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญมาเสวยข้าวแช่นั้น แล้วเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ โปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปประชุมเสวยโต๊ะข้าวแช่ในที่นั้นจนเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสวยแล้วเสด็จประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ทรงโปรยโสฬสอีกแล้วเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย เสด็จออกวัดพระเชตุพน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน จนเวลาค่ำเสด็จกลับ

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับในพระอุโบสถทรงนมัสการแล้วพระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน สมโภชพระพุทธปฏิมากรตามธรรมเนียมเช่นเคยมาทุกปี เสด็จไปประทับหอพระราชกรมานุสร หอราชพงศานุสร และพระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ ต้นนิโครธ และเสด็จไปประทับหอพระนาก ทรงโปรยพระสุหร่ายพระโกศพระอัฐิพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วทรงทอดผ้าคู่พระราชทานพระสงฆ์สดับปกรณ์ทั่วพระอัฐิแล้ว เวลายามเศษเสด็จกลับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาวันนี้เดิมกำหนดว่าจะเสด็จพระราชดำเนินวัดบวรนิเวศวัดราชประดิษฐ์สรงน้ำกรมพระปวเรศ สมเด็จพระพุทธโฆษา แต่วันนี้พระองค์เจ้าเยาวมาลย์นฤมลประชวรพระโรคอหิวาตกโรค พระอาการมาก จึงงดเสด็จพระราชดำเนิน

วันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีประทับที่ซุ้มอัฑฒจันท์พระที่นั่งจักรี กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ซึ่งกลับมาจากประเทศยุโรปถึงกรุงเทพ ฯ วันนี้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรเล็กน้อยแล้ว เสด็จทรงรถพระที่นั่งเสด็จโดยกระบวนไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้วเสด็จไปประทับพระศรีรัตนเจดีย์ แล้วเสด็จวิหารพระศาสดา และพระพุทธไสยาสน์ และวิหารเก๋งพระพุทธรูปฉลองพระองค์ แล้วเสด็จไปประทับพระตำหนักกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ประทับตรัสอยู่ประมาณครึ่งชั่วทุ่มกว่า ทรงถวายน้ำและผ้าไตรสาลูอย่างดี กรมพระปวเรศถวายอนุโมทนาแล้ว เสด็จไปประทับพระตำหนักกรมหมื่นวชิรญาณรับสั่งเรื่องต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จกลับทรงรถพระที่นั่งมาประทับวัดราชประดิษฐ์ เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้วสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เฝ้าที่พระอุโบสถ รับสั่งอยู่ครู่หนึ่งทรงถวายน้ำและผ้าไตรสาลูอย่างดี แล้วสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ออกไปครองผ้ากลับเข้ามาพร้อมด้วยฐานานุกรม ๔ รูป ถวายอนุโมทนา แล้วเสด็จประทับปราสาทพระบรมรูปทรงนมัสการแล้ว เสด็จไปประทับเจดีย์ทรงสักการะ แล้วเสด็จไปประทับพระวิหารปราสาทไว้พระคัมภีร์ ทรงสักการะแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม

วันเสาร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง

เวลา ๒ ทุ่ม เจ้าพระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกศาธิบดี (แพ) ถึงแก่อสัญญกรรมป่วยเป็นไข้จับ แล้วเป็นลมเพื่อไข้ทับ จึงถึงแก่อสัญญกรรม

วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งราชกิจ เสด็จลงท่าราชวรดิตถ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบเสด็จพร้อมด้วยกระบวนนำและตามเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมารค ประทับท่าฉนวนบ้านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ เสด็จทรงพระราชยานไปประทับหน้าหอนั่งเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ เสด็จขึ้นหอนั่งเสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งพระราชทานน้ำรดศพเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ เจ้าพนักงานแต่งศพตามโบราณวิธีและยกศพลงบรรจุโกศลอง ยกออกมาตั้งบนแว่นฟ้าลายกระดาษ แล้วทรงทอดผ้าไตร ๒๐ พระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญ ๒๐ รูปบังสุกุล แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับพระบรมมหาราชวัง พระราชทานโกศไม้สิบสองประกับนอก ฉัตรเบ็ญจา ๔ คัน กลองชนะเขียว ๕ คู่ ประโคมตามธรรมเนียมกว่าจะพระราชทานเพลิง มีสวดอภิธรรมด้วย

วันจันท์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาไตรเพ็ชรรัตนราชสงคราม เมืองนครสวรรค์ ส่งเรื่องราวหลวงคลังกล่าวโทษอ้ายเนตรกับพวกว่าเป็นผู้ร้ายปล้นบ้าน จะส่งเรื่องราวให้กรมการชำระ หลวงคลังไม่ยอมฉะบับ ๑ ใบบอกพระราษฎรบริหารเมืองกมลาสัย ส่งขี้ผึ้งหนัก ๒ บาท ป่านใบหนัก ๒ บาท ช่วยในการพระเมรุกรมพระราชวังบวรฉะบับ ๑ ใบบอกพระสรรคบุรานุรักษ์เมืองสรรคบุรีว่าพระครูธรรมราชมุนีอาพาธถึงแก่มรณภาพ ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพ

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระสุรินทรามาตย์ข้าหลวง พระยาสมบัติภิรมย์ผู้รักษาราชการเมืองสงขลาว่าได้กราบถวายบังคมลา ลงเรือกลไฟจากกรุงเทพ ฯ วันพุธแรม ๕ ค่ำ เดือน ๔ ถึงเมืองสงขลาวันอาทิตย์แรม ๙ ค่ำ เดือน ๔ เร่งช้างที่จะไปเมืองรามัญได้แล้วกราบถวายบังคมลาไปเมืองรามัญวันอังคาร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ยังเป็นสัปตศก

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วันอังคาร แรม ๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยารามรณรงค์สงครามเมืองกำแพงเพ็ชร ๔ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่ามีตราโปรดเกล้า ฯ ให้พระยากำแพงเพ็ชรจัดการตั้งด่านระวังโจรผู้ร้าย ให้ทำแผนที่เขตต์แดนซึ่งติดต่อกับฝ่ายพะม่าอังกฤษแล้วส่งแผนที่ลงมานั้น พระยากำแพงได้แต่งให้หลวงพิชัยภักดีผู้ว่าที่พระพลกับหลวงชำนาญสิงขรไปตรวจทางทำแผนที่ตลอดเขตต์เดนเมืองกำแพงเพ็ชร์ ซึ่งติดต่อกับพะม่าอังกฤษฟากน้ำตะวันตก แล้วได้ส่งแผนที่ลงมาด้วยแล้ว ฉะบับ ๑ ว่าเอาเงินค่าไม้เกณฑ์ตัดประจำปีจ่ายให้หม่อมเทวาธิราชข้าหลวงทำสายโทรเลขเป็นเงิน ๑,๔๐๐ บาท ขอพระราชทานหักเงินค่าไม้เกณฑ์ตัด ณ กรุงเทพฯ ฉะบับ ๑ ว่าได้ให้หลวงนาเบิกเงินขึ้นไปครั้งก่อน ๖ ชั่ง ๖ ตำลึง ได้จัดซื้อข้าวจ่ายให้หลวงไปราชการเกือบหมดแล้ว ขอพระราชทานเบิกเงินอีก ๑๐ ชั่ง ขึ้นไปซื้อข้าวจ่ายราชการต่อไป ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่าตอไม้ป่าคลองขลุงจำนวนปีระกาสัปตศกไม้ ๘๕๖ ต้นๆ ละ ๔ รูปี ๒,๐๐๐ รูปี ป่าไม้คลองสวนหมากจำนวนปีระกาสัปตศกไม้ ๓๕๖ ต้น ๆ ละ ๔ รูปี ๑,๔๒๔ รูปี รวมสองรายไม้ ๘๕๖ ต้น ๆ ละ ๔ รูปี เงิน ๓,๔๒๔ รูปี ให้กรมการคุมลงมาส่ง ฉะบับ ๑ ว่าที่พระกำแหงสงครามพระพลว่าง ขอพระราชทานหลวงพิชัยภักดี บุตรพระพลเป็นที่พระพลรับราชการต่อไป

แล้วเจ้าพนักงานนำหลวงพิชัยภักดีผู้ช่วยเมืองกำแพงเพ็ชรเฝ้าถวายขี้ผึ้งหนัก ๑ บาท

พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยาอนุชิตชาญชัยข้าหลวงว่าด้วยเกิดผู้ร้ายฆ่ากันตายที่เมืองนครชัยศรีฉะบับ ๑ เรื่องผู้ร้ายปล้นฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาสุนทรบุรีศรีพิชัยสงครามเมืองนครชัยศรี ว่าด้วยผู้ร้ายปล้นเรือนราษฎร ๕ ฉะบับ อีกฉะบับ ๑ ว่าอำเภอกำนันราษฎรผู้มีชื่อหลายคนมาร้องกล่าวโทษว่าที่เกิดผู้ร้ายปล้นชุกชุมครั้งนี้เพราะพระยาอนุชิตชาญชัยข้าหลวง ปล่อยผู้ร้ายลงเอาเงินกับผู้ร้ายมีชื่อหลายสิบราย แจ้งอยู่ในคำแจ้งความของผู้มีชื่อแล้ว

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาเจริญราชไมตรีเป็นตุลาการชำระรายความที่กล่าวโทษพระยาอนุชิตให้ได้ความเท็จจริง แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน

วันนี้มีการสวดมนต์ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ในการที่จะทรงหล่อพระพุทธรูปและเทวรูปพระอังคารในวันพรุ่งนี้

วันพุธ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ทรงจุดเทียนทรงศีลแล้วทรงหล่อพระพุทธไสยาสน์และเทวรูปพระอังคารเทวบุตร ซึ่งนับตามคัมภีร์พยากรณ์ว่าจะแซกรักษาพระชนม์พรรษา แล้วทรงปฏิบัติพระสงฆ์แล้วเสด็จขึ้น

เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออก

วันพฤหัสบดี แรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระภานุพันธุ์ กรมหลวงพิชิต กรมหมื่นเทววงศ์ พระองค์สวัสดิ์ เข้าไปเฝ้าในโน้น

เวลาวานนี้มีพระราชหัตถ์สั่งให้สมเด็จกรมพระจักรพรรดิ และต่างกรมอีกหลายองค์ ข้าราชการอีกหลายคนประชุมกันคิดจัดเรือใหญ่มีเรือกลไฟลากมาตั้งตำบล จำหน่ายให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการราษฎรและชาวต่างประเทศ ด้วยน้ำในลำน้ำเค็มกร่อยไปทั่วทำให้เสียท้อง ได้ลงมือแจกน้ำวันนี้

วันศุกร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก เพราะยังไม่ทรงสบายดี

วันเสาร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออก เจ้าพนักงานกรมท่า กรมวัง นำมิสเตอร์ชาเตา ราชทูตอังกฤษเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จนเวลาย่ำค่ำแล้วกลับไป

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนินวังกรมสมเด็จพระ ในการทำบุญในวันประสูติ เสด็จประทับครู่หนึ่งเสด็จกลับ

วันอาทิตย์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านศุภอักษรเจ้าพรหมาพิพงศธาดา เมืองนครลำปาง ส่งกระดาษไทย ๒๐,๐๐๐ เพลา ของรายเกณฑ์ กับหมอนขวาน ๑๕ เสื่อละว้า ๑๕ ผืน ลงมาช่วยการพระศพกรมพระราชวังบวรฉะบับ ๑ กับใบบอกหลวงนรินทรภักดี ปลัดเมืองพรหมบุรี ว่าด้วยพระครูพรหมนครบวรราชมุนี อาพาธเป็นโรคชราถึงมรณภาพ ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาอุตตรการโกศล ผู้รักษาเมืองพิชัย ๓ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่า พระภักดีราชยกกระบัตรป่วยถึงแก่กรรม อีกฉะบับหนึ่งว่า พระยาธรรมวิจารณ์จางวาง อายุ ๗๙ ปีป่วยโรคชราถึงแก่กรรม ฉะบับหนึ่งว่า พระยาศรีสิงหเทพ มีหนังสือส่งมิสเตอร์ปินซอน มิสเตอร์กรูนิด ซึ่งขึ้นไปทัพกับเจ้าหมื่นไวยจะกลับลงมาให้จัดเรือส่งนั้น ได้จัดเรือจัดคนและกรมการลงมาส่งแล้ว

หลวงวิจารณ์อาวุธ อ่านบอกพระยาอภัยบริรักษ์ เมืองพัทลุง ๓ ฉะบับ ๆ หนึ่งส่งเงินค่านาเมืองพัทลุงจำนวนปีวอก ฉศก เงิน ๔๕ ชั่ง ๘ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งยังไม่สิ้นจำนวนนา อีกฉะบับ ๑ ว่าได้ผูกปี้ข้อมือจีนจำนวนปีระกา สัปตศก ตามท้องตรา ได้จำนวนจีนคงเมือง ๖๗ จีนจร ๓๗ รวม ๑๐๔ คน เงิน ๕ ชั่ง ๔ ตำลึง ค่าฎีกา ๑ บาท ๑ เฟื้อง ได้มอบเงินให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ว่า พระครูอริยสังวร เจ้าคณะใหญ่ ป่วยถึงแก่กรรมแต่ณวันจันทร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนอ้าย ปีระกา สัปตศก ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงออกไปพระราชทานเพลิงศพ ฉะบับ ๑ ใบบอกพระสิริธรรมบริรักษ์ ปลัดเมืองนครศรีธรรมราช ส่งเงินค่านาจำนวนปีวอก ฉศก ๘๐ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน ถ้าเก็บได้อีกมากน้อยเท่าใดจะส่งมาภายหลัง กับใบบอกพระยาสมบัติภิรมย์ ผู้รักษาเมืองสงขลาฉะบับ ๑ ส่งต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการจำนวนปีระกา สัปตศก ต้นไม้ทอง๖ ต้น เงิน ๖ ต้น เทียนพนม ๑,๐๐๐ เล่ม ผ้าขาว ๒๔ ศอก ๒๐ พับ เสื่อลวด ๑๕ ลวด กระเบื้องปูพื้น ๒,๐๐๐ แผ่น กับใบบอกหลวงวิเศษภักดี หลวงสวัสดิบุรีรมย์ หลวงอนันตสมบัติ ผู้ช่วยเมืองสงขลา ส่งตัวนายแป๊ะบุตรพระยาหนองจิก ผู้ฆ่าจีนอยู่ตาย กับกรมการคนใช้นายแป๊ะและตัวโจทก์กับถ้อยคำสำนวนเข้ามากรุงเทพฯ ฉะบับ ๑ กับหนังสือบอกเมืองตรังกานู เป็นหนังสืออังกูประชา ตนกูอิศหาดญาติพี่น้องศรีตะวันกรมการ ว่าด้วยโปรดให้พระยาราชวังสัน หลวงทรงสุรเดช คุมเรือรบสยามูปสดัมภ์ออกไปเยี่ยมเยียนเมืองตรังกานูนั้น พระเดชพระคุณเป็นล้นเกล้า ฯ และว่าพระยาตรังกานูยังไม่มีกำหนดที่จะกลับมาจากเมืองปาหัง และว่าบ้านเมืองก็เรียบร้อยอยู่แต่ขัดสนด้วยสะเบียงอาหารบ้าง

แล้วหลวงจิจารณ์อาวุธ นำพระยาราชวังสัน หลวงทรงสุรเดชเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาพิพัฒนโกษา อ่านบอกพระยาราชพงศานุรักษ์ เมืองสมุทรสงคราม ๔ ฉะบับ รายงานผู้ร้ายปล้นเรือนราษฎรทั้งนั้น

แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันจันทร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ไม่มีอะไร ไม่ได้เสด็จออก

วันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องดอริงรูม เจ้าพนักงานกรมท่า กรมวัง นำมิสเตอร์เกรงกี กงสุลเยอรมัน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงเยอรมันตอบพระราชสาสน์ที่ทรงอำนวยพรในการที่พระราชสมบัติครบ ๒๕ ปี แล้วถวายบังคมลากลับไป การรับรองเหมือนทุกทีมา

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยารามรณรงค์ เมืองกำแพงเพ็ชร ว่าด้วยมองมอ พะม่าในบังคับอังกฤษ มาขอทำหนังสือสัญญารับทำป่าไม้ขอนสักป่าคลองขลุงตำบลหนึ่ง ได้ทำหนังสือสัญญากับหลวงพิชัยภักดี ผู้ว่าที่พระพลคนละฉะบับ ได้ส่งหนังสือสัญญาลงมาขอรัติไฟณกรุงเทพ ฯ (โปรดให้ตรวจแล้วรัติไฟตามธรรมเนียม)

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาพิทักษ์ทวยหาญ ว่าด้วยราษฎรมาร้องว่ามีผู้ร้ายปล้นตามลำแม่น้ำตั้งแต่บ้านกระแชง และที่ลำคลองเปรมประชากรหลายราย ได้แต่งกรมการออกสืบจับได้ตัวผู้ร้าย อ้ายใจผู้ร้ายกับเพื่อนอีก ๕ คน ตัวจำนำผู้ร้ายอีก ๔ คน ถามผู้ร้ายรับเป็นสัตย์ว่าได้ปล้นตีชิงถึง ๕ ตำบล และซัดเพื่อนหลายคน ได้ตัวไว้บ้างแล้ว

โปรดเกล้า ฯ ให้มีข้าหลวงไปชำระ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้จะเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพท้าวทรงกันดารศรี

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยาน เสด็จไปประทับท่าราชวรดิตถ์เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งสกรู เสด็จโดยทางชลมารคประทับวัดราชาธิวาส เสด็จทรงพระราชยานขึ้นไปประทับพลับพลาหน้าเมรุ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้าไตรบังสุกุลศพ ๑๐ ไตร แล้วทรงฝักแคพระราชทานเพลิงศพท้าวทรงกันดารศรี เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ศพท้าวทรงกันดารนี้พระราชทานเงินทิ้งทานวันละ ๒ ต้น ๆ ละ ๕ ตำลึง ๓ วัน โขนโรง ๑ หุ่นโรง ๑ หนัง ๒ โรง พระสงฆ์สวด๒ สร้าง ดอกไม้เพลิงต่าง ๆ ทั้ง ๓ วัน

วันพฤหัสบดี แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกขุนนางทรงปิดทองแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาไตรเพ็ชรรัตนสงครามเมืองสวรรคโลก ว่าด้วยโปรดเกล้า ฯ ให้จัดเลขคงเมืองรักษาเสาสายโทรเลขนั้น ได้จัดการตามท้องตราแล้ว แต่เลขคงเมืองมีน้อยตัวไม่พอราชการ เห็นว่าเลขส่วยมีอยู่ ได้ปรึกษากับขุนวนาบริรักษ์ นายกองส่วยผึ้งจะยอมรับรักษาเสาโทรเลขตลอดแดนเมืองนครสวรรค์ ขุนวนาบริรักษ์มีเลขฉกรรจ์ ๕๖ คน แต่จะขอให้ยกเงินส่วนพระราชทานกับว่าพระบรรพตภุมมาธิการเมืองบรรพตพิสัย บอกมาว่าเลขคงเมืองมีอยู่ ๖ คน ไม่พอรักษาเสาโทรเลข ขอเลขส่วยต่าง ๆ ๒๕ คนพอรักษาเสาโทรเลข จะควรประการใดแล้วแต่จะโปรด (โปรดให้จัดการตามที่ขอ)

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอมรินทรฤาไชยเมืองราชบุรี ว่าด้วยเกิดผู้ร้ายตีฟันราษฎรหลายรายสืบยังไม่ได้ตัว โปรดให้พระนรินทรราชเสนีออกไปชำระ แล้วเสด็จขึ้น เสด็จประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลา ๒ ทุ่ม เสด็จขึ้น

วันศุกร์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาพิชัยรณรงค์สงครามเมืองสระบุรี ว่าด้วยเกิดผู้ร้ายปล้นฆ่ากันตายรายสืบได้รูปพรรณและสงสัยคนมีชื่อหลายคน เอาตัวมาถามให้การไม่รับแล้วยังสืบสวนอยู่ (จะโปรดเกล้า ฯ ให้มีข้าหลวงไปชำระ)

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอนุรักษ์โยธา ๒ ฉะบับๆ หนึ่งส่งตัวอ้ายกล้ำผู้ร้ายทำเงินแดง ซึ่งพระยารัตนเศรษฐีเมืองระนองส่งเข้ามากรุงเทพ ฯ อีกฉะบับ ๑ ว่าพวกจีนผู้ทำเหมืองแร่ดีบุกในเมืองภูเก็ตทำเรื่องราวขอให้ลดภาษีเป็นเจ็ดปึกชักปึกหนึ่ง ด้วยในเมืองเประ เมืองลารุศของอังกฤษนี้แร่ดีบุกเหมือนกัน อังกฤษชัก ๑๐ ปึกชักปึกหนึ่ง จะได้โปรดเกล้าฯ ประการใด กับใบบอกพระยารัตนเศรษฐีเมืองระนอง เรื่องชำระอ้ายคล้ำผู้ร้ายทำเงินแดงฉะบับ ๑

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่ง เสด็จขึ้น

วันเสาร์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระกำแหงสงครามเมืองนครราชสีมา ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าด้วยเกิดผู้ร้ายปล้นราษฎรชุกชุมได้แต่งให้กรมการออกสืบจับยังไม่ได้ตัว ฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนผลเร่วพุทไธยสงเป็นเงินตรา ๕๐ ชั่ง คิดหาบละ ๕ ตำลึง แทนเร่ว ๒๐๐ บาท ให้กรมการคุมลงมาส่ง กับใบบอกพระภักดีนุชิตผู้ช่วยเมืองนครราชสีมา ว่าเกิดผู้ร้ายชุกชุมราษฎรได้ความเดือดร้อนพากันอพยพไป ๒,๐๐๐ ครัวเศษ พระยานครราชสีมาเพิกเฉยเสีย กรมการก็กดขี่ราษฎรหาผลประโยชน์ให้พระยานครราชสีมาฝ่ายเดียว ได้ปรึกษากับกรมการราษฎรแต่งคนออกลาดตระเวนอยู่จนทุกวันนี้

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกหลวงวิเศษภักดี หลวงสวัสดิบุรีรมย์ ผู้ช่วยเมืองสงขลา ๖ ฉะบับ ๆ หนึ่งส่งทองคำส่วยบุตรจีนจำนวนปีวอกฉศก จีน ๑๘๓ คน ๆ ๑ สลึง ๑ เฟื้อง รวมทองคำหนัก ๑๗ ตำลึง ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ว่าส่งทองคำภาษีเมืองระแงะจำนวนปีระกาสัปตศก ๓๑ ตำลึง แขกให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ส่งดีบุกภาษีเมืองยะลาจำนวนปีวอกฉศกดีบุก ๑๐ ภาราให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่าอากรรังนกจำนวนปีระกาสัปตศกเงิน ๑๙๒,๐๐๐ เหรียญ คิต ๔๘ เหรียญต่อ ๑ ชั่ง เงิน ๔๐๐ ชั่งให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ส่งผลกระวานเกณฑ์เก็บจำนวนปีวอกฉศก ๒ หาบ ค้างปีมะแมเบ็ญจศก ๕๗ ชั่งรวม ๒ บาท ๕๗ ตำลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ขอที่เขตต์พระอุโบสถวัดบ่อปาบ ยาว ๑๐ วา กว้าง ๗ วา วัดแม่ลาด ยาว ๘ วา กว้าง ๖ วา ผูกพัทธสีมาเป็นที่วิสุงคามสีมา กับใบบอกพระสิริธรรมบริรักษ์ ปลัดเมืองนครศรีธรรมราช ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่ง ส่งเงินปี้จีนจำนวนปีระกาสัปตศกที่ผูกปี้ได้จำนวนจีนผูกปี้ ๕๗๕ คน เงินคนละ ๑ ตำลึง รวม ๒๘ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ค่าฎีกา ๑ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึง รวม ๒๘ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึงให้กรมการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน อีกฉะบับ ๑ ส่งขี้ผึ้งอากรจำนวนปีวอกฉศก ๗ หาบ ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง

แล้วหลวงวิจารณ์อาวุธทูลนำพระนรินทรราชเสนี หลวงเทพราชแสนยา จ่าห้าวยุทธการกราบถวายบังคมลาไปชำระผู้ร้ายเมืองราชบุรี

พระมนตรีนำหลวงวิสูตรสาลี จ่าเร่งงานรัดรุด กราบถวายบังคมลาไปชำระผู้ร้ายเมืองกรุงเก่า เมืองสระบุรี

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร กัปตันเอเยลอฟตัสเป็นพระนิเทศชลธี พนักงานทำแผนที่ทางน้ำขึ้นกรมท่า ๑ ขุนศรีสุพรรณเป็นหลวงมงคลรัตน์ ๑ เสด็ลขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ไม่ได้เสด็จออก เป็นวันพระ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ