เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๔๘

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง ไม่มีอะไร

วันศุกร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงจินดารักษ์อ่านบอกหลวงยกกระบัตรผู้รักษาเมืองนครนายกรายงานน้ำฝนในราศีเมษ น้ำ ๑๒ นิ้ว ๑ ทสางค์ มากกว่าปีก่อน ๕ นิ้ว ๖ ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าปีก่อน ๔ นิ้ว ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาพิชัยสุนทรเมืองอุทัยธานี รายงานน้ำฝน ในราศีเมษ ๑๙ ทสางค์มากกว่าปีก่อน ๘ ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าปีก่อน ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยารามรณรงค์เมืองกำแพงเพ็ชร ขอที่เขตต์พระอุโบสถวัดบ้านลานดอกไม้ยาว ๙ วา ๒ ศอก กว้าง ๗ วา ๒ ศอก เป็นที่วิสุงคามสีมา ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาวิเศษชัยชาญเมืองอ่างทอง ว่าณวันอังคาร แรม ๖ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ อัฐศก เวลาเช้าโมงเศษพระพุทธรูปใหญ่วัดสระเกศไชโยพระอังสาทั้งสองร้าวออกไป ครั้นเวลาเช้า ๓ โมงเศษพระกรเบื้องซ้ายหักตกลงมาก่อนแล้วหักพังลงมาตั้งแต่พระเศียรจนพระนาภีทับเสาเรียงข้างซ้ายหักต้นหนึ่ง ฉะบับ ๑

หลวงวิจารณ์อาวุธ อ่านบอกพระวิชิตชาญณรงค์เมืองปรานบุรี ว่าด้วยเกิดผู้ร้ายปล้นราษฎรในแขวงเมืองปรานบุรี ๓ รายสืบจับผู้ร้ายได้รายหนึ่ง ยังไม่ได้อีก ๒ ราย ยังสืบสวนต่อไป

พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยาวิชยาธิบดีเมืองจันทบุรีว่า หลวงราชไมตรีปลัด หลวงศรียกกระบัตร หลวงจำนงภักดีผู้ช่วยเมืองขลุงบุรี บอกมาว่าพระขลุงบุรีศรีมหาสมุทรเชตารักษ์ผู้ว่าราชการเมืองขลุงบุรีป่วยให้ซูบผอมรับประทานอาหารไม่ได้อาการทรุดหนักลงถึงแก่กรรม ได้จัดการศพตามสมควร

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรหลวงพิชัยเสนา เป็นพระศรีสุเรนทราธิบดีศรีกาฬสมุทร เจ้ากรมพระสุรัศวดีขวา ๑ ขุนบำรุงโยธาเป็นหลวงพิชัยเสนาปลัดทูลฉลองกรมพระสุรัศวดีกลาง ๑ เสด็จขึ้นประทับซิตติงรูมรับสั่งกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงจินดารักษ์อ่านบอกอุปฮาดเมืองร้อยเอ็ด ๓ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่ามีตราพระราชสีห์ขึ้นไปว่ากรมพระราชวังบวรทิวงคต ให้จัดขี้ผึ้งและป่านใบลงมาใช้ในการพระเมรุนั้น ได้จัดให้ท้าวสุวอ เพี้ยสุโพ คุมขี้ผึ้งหนัก ๒ บาท ป่านใบหนัก ๒ บาท ลงมาถึงบ้านหมวกเหล็กดงพระยาไฟมีผู้ร้าย ๖๐-๗๐ คนยิงปืนเข้าปล้นท้าวสุวอตาย ผู้ร้ายเก็บทรัพย์สิ่งของโคต่าง ๆ ขี้ผึ้งป่านใบจำนวนเกณฑ์หนีไป ฉะบับที่ ๒ พระยาราชวรานุกูลให้เก็บเงินส่วยส่งไปใช้ราชการทัพ ได้เก็บเงินแทนผลเร่ว จำนวนปีมะเมียจัตวาศกเงิน ๒๙ ชั่ง ปีฉลูพศกเงิน ๙๙ ชั่ง รวมเงิน ๓๘ ชั่ง ๙ ตำลึง แต่ให้ท้าวเพี้ยไปส่งแล้ว และพระยาราชเกณฑ์เอาช้าง ๕ ช้าง ม้า ๑๐ ม้า โคต่าง ๑๐๐ โค ข้าวเปลือก ๒๐๐๐ ไปส่งณเมืองหนองคายได้ส่งไปแล้ว แต่ช้างไปล้มเสีย ๒ ช้าง โคต่างล้ม ๙๕ โค บรรดาเจ้าของช้างม้าโคต่างที่ตายมาขอเอาเงินช้าง ม้า โค ที่ตายจะควรประการใด ฉะบับ ๓ ว่าราชวงศ์ราชบุตรป่วยอหิวาตกโรคถึงแก่กรรม ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงพระราชทานเพลิงตามธรรมเนียม

แล้วพระราชทานพานทองคำคนโททองคำกระโถนทอง และเงินตรา ๒๐ ชั่ง แก่พระยาศรีสิงหเทพเป็นรางวัลที่ได้ขึ้นไปจัดการส่งกองทัพเรียบร้อยและไม่ได้หาผลประโยชน์ด้วย

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วันอาทิตย์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๒ โมงเจ้าพนักงานภูษามาลาและกรมต่างๆ พร้อมกันเชิญโกศพระศพพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์อรุณจากท้องพระโรงวังพระองค์เจ้ากาญจโนภาสรัศมี มาขึ้นยานมาศ ๓ คานที่หน้าวังแล้ว ประทับพระโกศไม้สิบสองชั้นนอก แห่แต่วังมีเครื่องสูงคู่แห่แตรสังข์กลองชนะจ่าปี่ จ่ากลอง ประโคมมาตั้งกระบวนที่หน้าพลับพลาสูงวังหน้า

ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงเศษกรมสมเด็จพระบำราบให้เดินกระบวนแห่พระองค์เจ้าอรุณมาตามทาง มีธงชาย ธงตะขาบ ธงมังกร กลองมลายูแห่บุษบกเพลิงและธงต่างๆ สังเค็ตยอดทรงผ้าไตรคู่อีกแล้วถึงเทวดาคู่แห่กลองชนะแตรสังข์เครื่องสูงวังหน้าสำรับหนึ่ง แล้วถึงเสลี่ยงหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์อ่านพระอภิธรรมนำพระศพ มีกลดกำมะลอกั้นและคู่เคียงอินทรพรหมถือบังแซกมีพัดโบก แล้วถึงเสลี่ยงหม่อมเจ้าเป๋า ในพระองค์เจ้าชายโปรยเข้าตอก เสลี่ยงหม่อมเจ้าโกเมนทรในพระองค์เจ้าชายโยงพระศพ โยงโปรยกันกจตกำมะลอมีคู่เคียงด้วยแล้วยานมาศ ๓ คาน ทรงพระโกศมีกลดกำมะลอกั้นและบังสูริย์พัดโบก อินทรพรหมถือบังแซกคู่เคียงแวดล้อมตามธรรมเนียม กระบวนหลังมีเครื่องสูงสำรับหนึ่ง ธงต่าง ๆ และดอกไม้ผ้าเหลืองผูกเป็นเครื่องแห่ต่าง ๆ เป็นอันมาก ครั้นกระบวนเดินมาถึงหน้าเมรุมุขตะวันออกกระบวนทั้งปวงเลยไป เทวดาคู่แห่กลองชนะและกระบวนต่อมาเลี้ยวเข้าเมรุ เวียนพระเมรุโดยอุตตราวัฏถ้วนตติยวาร กระบวนหลังนั้นเข้าเวียนเพียงเครื่องสูงเท่านั้น ครั้นเวียนพระเมรุแล้วรื้อพระโกศประกับจากสามคานยกโกศลองในเข้าทางพระเมรมุขเหนือ ครั้งนี้เจ้าพนักงานตั้งแว่นฟ้า ๓ ชั้น มีฐานบุพโพรองอีกชั้นหนึ่งตั้งบนพระเมรุทองตั้งบันไดนาคเกรินทางมุขเหนือ เจ้าพนักงานเชิญโกศลองในตั้งบนเกรินประทับพระโกศไม้สิบสองภายนอก แล้วเกรินพระโกศขึ้นตามบันไดนาค เลื่อนพระโกศไปสถิตแว่นฟ้าภายในพระเมรุทองเป็นเสร็จการเชิญพระศพพระองค์เจ้าอรุณเท่านี้ เมื่อเวลาแห่นั้นมีการมหรสพ โขน ๒ โรง หุ่น ๒ โรง งิ้วโรง ๑ มอญรำโรง ๑ ไม้ต่ำสูง ญวนหกตามธรรมเนียม แล้วเล่นไปกว่าจะสิ้นการพระศพ

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกพระที่ที่นั่งจักรีทรงพระราชยานโดยกระบวนไปประทับเมรุมุขตะวันออก ทรงทอดผ้าไตร ๑๐ ไตร พระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญ ๑๐ รูปสดับปกรณ์ แล้วเสด็จกลับประทับพลับพลาทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์ของหลวงผลเฟื้อง ๑๐ ตำลึง ผลสลึง ๑๐ ตำลึง ผลสลากของเจ้าภาพพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ และทรงพระกรุณาโปรดให้ทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ต้นละ ๕ ตำลึง ๔ พุ่ม เย็นมีการเล่นตามธรรมเนียม เวลาค่ำมีสิงห์โต มังกร รำกระถาง หนัง ๔ โรงตามธรรมเนียม ทรงดอกไม้เพลิง แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง พระเมรุครั้งนี้ดอกไม้เพลิงใช้ระทาเล็ก ๘ ระทาผิดกว่าคราวก่อนมาก

วันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเที่ยงเศษ เจ้าพนักงานตั้งบันไดนาคทางมุขเหนือแล้วเชิญพระโกศพระศพพระองค์เจ้าอรุณ จากแว่นฟ้าลงมาตามบันไดนาค เปลื้องพระโกศชั้นนอกเชิญลองในเข้าไปในพระฉากรักแร้เมรุมุขตะวันตกเฉียงเหนือชำระพระศพตามธรรมเนียม เจ้าพนักงานรื้อแว่นฟ้าตั้งตารางบนฐานพระราชทานเพลิงตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๔ โมงเก็บเชิญพระโกศลองในพระศพขึ้นตารางคอยเวลาเสด็จพระราชดำเนิน

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระเมรุพร้อมด้วยกระบวนนำกระบวนตาม เสด็จพระราชดำเนินประทับพระเมรุมุขตะวันออก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องขมาพระศพเสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนพระเมรุทองพระราชทานเพลิงพระศพพระองค์เจ้าอรุณแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการขึ้นไปถวายพระเพลิงพร้อมกัน ขณะนั้นเจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์กลองชนะจ่าปี่จ่ากลองตามธรรมเนียม พระราชทานเพลิงแล้วเสด็จออกประทับพลับพลาทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์ผลสลากพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนอย่างวันก่อน และโปรดให้ทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๔ ต้น มีการมหรสพตามธรรมเนียม เวลาค่ำทรงดอกไม้เพลิงต่าง ๆ อย่างวันก่อน และโปรดให้มีหนังหน้าพลับพลา แต่มิใช่หนังธรณีไหว เวลาเกือบ ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันอังคาร ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้าเจ้าพนักงานแปรพระรูปเก็บพระอัฐิ และเดิน ๓ หาบของหลวงของเจ้าภาพ และแห่พระอังคารแห่พระอัฐิพระองค์เจ้าอรุณไปส่งวังพระองค์เจ้ากาญจโนภาสตามธรรมเนียมไม่ได้เสด็จออก

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระแท่นออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงจินดารักษ์อ่านบอกกรมมหาดไทย คือใบบอกพระยาคทาธรเมืองพระตะบอง ฉะบับ ๑ ส่งกระกานส่วยจำนวน ปีระกาสัปตศก เลข ๕ กอง ๘๒๓ คน ผลกระวานหนัก ๓๒ บาท ๙๒ สลึง กับเงินแทนผลเร่วเกณฑ์ ราคาหาบละ ๕ ตำลึง แทนผลเร่วหนัก ๔ บาท เงิน ๑ ชั่ง จำนวนปีระกาสัปตศก ให้พระเสนานุชิตนายกองเข้ามาส่ง และขอพระเสนานุชิตเป็นพระยาอรัณยภักดีจางวางกองส่วยต่อไป

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาบริรักษ์ภูธรเมืองพังงา ว่าได้แต่งกรมการกำกับอำเภอกำนันเก็บเงินค่านาในแขวงเมืองพังงาได้เงินจำนวนปีวอกฉศก เงิน ๓ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง หักพระราชทานกรมการเสนา เงิน ๘ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง คงส่งเงิน ๓ ชั่ง ๓ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง ได้มอบให้กรมการคุมเข้ามาส่ง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศตรัสกับกรมหลวงเทววงศ์ จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วันพุธ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงจินดารักษ์อ่านบอกหัวเมืองขึ้นกรมมหาดไทย คือใบบอกพระยาพิชัยรณรงค์สงคราม เมืองสระบุรีว่าได้พร้อมกับจ่าเร่งงานรัดรุดชำระสืบจับผู้ร้ายย่องเบายิงคนตายฆ่าคนตาย ผู้ร้ายปล้นได้ตัวมาถาม ๖ ราย ผู้ร้ายรับเป็นสัตย์ ๑๗ ราย ได้ให้กรมการคุมตัวมาส่งฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยานุภาพไตรภพ เมืองนครเสียมราฐ ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าเกิดผู้ร้ายชุกชุมขึ้นในเมืองนครเสียมราฐ สืบจับได้ตัวผู้ร้าย ๑๙ คน ซัดถึงพวกเพื่อนที่อยู่ในแดนเขมรที่ฝรั่งเศสปกครอง ครั้นจะมีหนังสือไปถึงแม่ทัพฝรั่งเศสก็เกรงใจเหลือครั้นจะนิ่งไว้ก็กลัวจะไปทำจลาจลขึ้นในเมืองเขมรจึงบอกมาให้ทราบ อีกฉะบับ ๑ ว่ามิเตอร์อัดซอนไลน์แมนเมืองกลันบุรี ได้พร้อมด้วยพระภักดีเสน่ห์ ยกเสาพาดสายโทรเลข แต่เมืองกลันบุรี ถึงบ้านพอกทาง ๑๑๐๐ เส้น แต่บ้านพอกถึงเมืองนครเสียมราฐ ๓๙๗ เส้น ยังไม่แล้วถ้าถึงเมืองนครเสียมราฐจึงจะบอกมาภายหลัง

พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกพระยาสุธรรมไมตรีเมืองชลบุรีว่าด้วยทำทางพาดสายโทรเลข แต่อ่าวกะสือเมืองบางละมุงถิึงช่องแสมสารแขวงเมืองระยองเสร็จแล้ว

เสด็จขึ้นประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระภาณุพันธุ์กรมหลวงเทววงศ์ในออฟฟิศหลวง จนเวลาเกือบยามเสด็จขึ้น

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้เริ่มการสมโภชพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ซึ่งจะทรงผนวชในเวลาพรุ่งนี้ เจ้าพนักงานจัดการในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทมีตั้งบายศรีแก้วทองเงินและผ้าไตรเครื่องบริกขารและไทยธรรมที่จะถวายพระสงฆ์เป็นต้น จัดตั้งตามธรรมเนียม

เวลาบ่ายพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ซึ่งจะทรงผนวชเป็นภิกษุพระวรวงศ์เธอทั้งสอง พระองค์เจ้าวรวุฒิยาภรณ์ราชกุมาร พระองค์เจ้าโอภาสไพศาลรัศมี ซึ่งจะผนวชเป็นสามเณรได้ทรงปลงพระเกศาและแต่งพระองค์ที่ศาลาคดหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาเกือบค่ำเสด็จขึ้นมาคอยเสด็จออกอยู่ณท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เวลา ๒ ทุ่มเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งโธรนหน้าพระที่นั่งพุดตาลทอง พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ หมู่เสวกามาตย์ฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน โปรดให้พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระองค์เจ้าที่จะทรงผนวชโดยทักขิณาวัฏถ้วนเบญจวาร เจ้าพนักงานประโคมดุริยางคดนตรีตามธรรมเนียม ครั้นเวียนเทียนแล้วพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้หาพระองค์เจ้าที่จะทรงผนวชเข้าไปหน้าพระที่นั่งทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ พระราชทานแล้วเสด็จขึ้น

วันนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขาวทรงสร้อยจักรี บรมราชวงศ์เจ้านายทรงขาวบ้างดำบ้าง

วันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระสงฆ์ที่มาประชุมสันนิบาตให้อุปสมบทกรรมในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๓๐ รูป

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททรงพระราชยานไปประทับพลับพลาหลังวัดพระศรีรัตนศาสดารามริมมิวเซียม เจ้าพนักงานเชิญเสด็จพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต พระองค์เจ้าวรวุฒิอาภรณ์ พระองค์เจ้าโอภาสทรงเสลี่ยงไปขึ้นเกยที่ปลูกขึ้นที่หน้าพลับพลา เจ้าพนักงานนำเงินสลึงของพระราชทานให้ทรงโปรยองค์ละ ๓๐ ตำลึง ขณะนั้นกรมหลวงเทววงศ์นำมองซิเออกอมเตเดอเกาน์คาราเด็กชาเยเดอแฟฝรั่งเศสและเคาน์เตสเดอการาเด็กมาดูที่ประตูวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วย ครั้นโปรยแล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับ

ในพระอุโบสถทรงนมัสการแล้ว โปรดให้พระองค์เจ้าที่จะทรงผนวชขึ้นไปบนพระอุโบสถนมัสการพระมหามณีรัตนปฏิมากรแล้ว พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตเสด็จทรงถือผ้าไตรเข้าไปขอบรรพชา แต่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งจะเป็นพระอุปัชฌายะและคณะสงฆ์รวม ๓๐ องค์ ครั้นขอบรรพชาแล้วออกมาทรงครองผ้า ขณะนั้นชาเยเดอแฟฝรั่งเศสก็ขึ้นไปดูอยู่บนนั้นด้วย ครั้นทรงครองผ้าแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลจนเสร็จสามเณรบรรพชาพระองค์เจ้าวรวุฒิอาภรณ์เข้าไปขอบรรพชาแล้วออกมาครองผ้าแล้ว พระราชพงศปฏิพัทธ์ถวายศีลจนเสร็จสามเณรบรรพชา พระองค์เจ้าโอภาสไพศาลเข้าไปขอบรรพชาแล้วออกมาครองผ้า พระเทพโมลีถวายศีลจนเสร็จสามเณรบรรพชา แล้วพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตเข้าไปขอนิสสัยแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ตั้งญัตติจตุตถกรรมวาจาประกาศแด่คณะสงฆ์ให้อุปสมบทกรรมแด่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต แล้วกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์บอกอนุสาวนครั้นเสร็จแล้วโปรดให้พระองค์เจ้าพระโสณบัณฑิต พระองค์เจ้าเณรวรวุฒิอาภรณ์ พระองค์เจ้าเณรโอภาสไพศาล ถวายผ้าไตรแด่พระสงฆ์ ซึ่งนั่งอุปสมบทกรรมทั้ง ๓๐ องค์ แล้วพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จมาประทับที่โต๊ะหน้าพระที่นั่งโธรน เจ้าพนักงานนำพระองค์เจ้าพระโสณบัณฑิตเข้าไปหน้าพระที่นั่งพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนไตรแพรสมณบริกขารต่างๆ เป็นเครื่องตำหนักทุก ๆ อย่างเป็นอันมาก แล้วทรงประเคนไตรแพรเครื่องบริกขารต่างๆ พอสมควรแด่พระองค์เจ้าเณรทั้งสอง โปรดให้พระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าเณรเข้าไปรับผ้าไตรและผ้าต่าง ๆ ของพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในที่ปากฉากแล้วออกมาประทับท้ายอาสนสงฆ์พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าข้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายผ้าไตร และจีวรสบงและสิ่งของต่างๆ แด่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต และพระองค์เจ้าเณรอีกสององค์บ้าง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับลงมาประทับหน้าพระอุโบสถ พระยาภาสกรวงศ์นำชาวลังกาชื่อเอดมัน คุณรัตน ซึ่งเป็นมาตยวงศ์ในลังกาครั้งยังมีเจ้าอยู่ และ ณ บัดนี้ก็เป็นผู้ที่ได้รับการของคอเวอเนอเมืองลังกาด้วย ซึ่งเข้ามาเที่ยวณกรุงสยามนั้นเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทดำรัสพระราชปฏิสันถารแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จกรมพระภานุพันธุ์ เสด็จไปส่งพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตณวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสิมาราม

เวลาค่ำวันนี้มีการสมโภชหม่อมเจ้าที่จะผนวชในเวลาพรุ่งนี้ สมโภชณพระที่นั่งจักรี ได้จัดการตั้งบายศรีและอื่น ๆ ตามธรรมเนียม หม่อมเจ้าที่จะผนวช คือหม่อมเจ้าเกศ ในกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๑ หม่อมเจ้าพาหุรัต ในกรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ ๒ หม่อมเจ้าช้างในพระองค์เจ้าเณร ๑ ผนวชเป็นภิกษุทั้ง ๕ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์บวชเป็นภิกษุ ๑ พร้อมกันขึ้นมาคอยเวลาเสด็จออก ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โปรดให้มีการสมโภชตามธรรมเนียมแล้วเสด็จขึ้น

วันเสาร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเที่ยงเจ้าพนักงานได้เชิญหม่อมเจ้าที่จะผนวช ๕ องค์ กับเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ขึ้นเสลี่ยงไปขึ้นเกยหน้ามิวเซียม ทิ้งทานแล้วเข้าไปผนวชและบวชในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีคณะสงฆ์ ๓๐ องค์ ให้อุปสมบทกรรมตามธรรมเนียม

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงนมัสการพระมหามณีรัตนปฏิมากรแล้วเสด็จประทับที่หน้าพระที่นั่งโธรน เจ้าพนักงานนำหม่อมเจ้าพระเกศ หม่อมเจ้าพระกรรมสิทธิ์ หม่อมเจ้าพระชัชวาล หม่อมเจ้าพระพาหุรัด หม่อมเจ้าพระช้าง พระเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าไปรับผ้าไตรแพรสมณบริกขารพอสมควรทั่วกันทุกองค์ แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระราชยานมาประทับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาวันนี้โปรดให้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลในพระบวรราชวัง ถวายในพระบวรราชเจ้ารัชชกาลก่อน ๆ ทั้ง ๔ พระองค์และพระราชทานกรมพระราชวังบวรสถานมงคลที่ทิวงคตใหม่นี้ด้วย เจ้าพนักงานจัดการในพระที่นั่งอิสราวินิจฉัยเชิญพระพุทธสิหิงจำลองซึ่งอยู่ณพระที่นั่งพุทไธสวรรย์มาตั้งบนม้าหมู่ และเชิญพระอัฐิกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญขึ้นสถิตบนพระที่นั่งเศวตฉัตร ๗ ชั้นมีกลองชนะแตรสังข์ประโคมตามเวลา

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยกระบวนนำและตาม เสด็จไปพระราชวังบวรเสด็จประทับในพระที่นั่งอิสราวินิจฉัย รับสั่งกับกรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์ครู่หนึ่งเสด็จเข้าไปข้างในพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และตำรวจทหารมหาดเล็กและมหาดเล็กบ้าง เสด็จไปทอดพระเนตรพระที่นั่งวัสสันตพิมานองค์เบื้องขวา พระที่นั่งวายุสถานอมเรศองค์กลาง พระที่นั่งพรหเมศวร์รังสรรค์องค์ซ้าย ๓ องค์นี้เรียงกันแต่เสด็จพระราชดำเนินองค์กลางก่อน องค์กลางนั้นเป็นที่ไว้พระอัฐิกรมพระราชวังรัชชกาลที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ บนพระที่นั่งวายุสถานอมเรศนี้เปิดโถงและตั้งปราสาทเล็ก ๆ เหมือนปราสาทโรงโขนเป็นที่ตั้งพระอัฐิกรมพระราชวัง ๓ องค์ แล้วเสด็จไปพระที่นั่งวัสสันตพิมานซึ่งเป็นที่ประทับของกรมพระราชวังที่ ๑ มีฉากเฟี้ยมกันเป็นห้องบรรทมมีพระแท่นเศวตฉัตร ๕ ชั้น และกั้นห้องซุกซิกมาก แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปตามระเบียงมุขรอบพระที่นั่งทั้ง ๓ องค์เรียกพระที่นั่งจตุรมุข ทิศตะวันออกชื่อบูรพาพิมุข มุขเหนืออุตตราพิมุข ตะวันตกปัจฉิมาพิมุข มุขใต้ทักขิณาพิมุข เสด็จมาประทับพระที่นั่งพรหเมศวร์รังสรรค์เป็นคลังไว้เครื่องต่าง ๆ มีภูษาผ้าทรงของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเป็นต้น แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรพระที่นั่งอิสเรศราชอนุสสร ซึ่งเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวและ ณ บัดนี้ก็เป็นที่ไว้พระอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ และพระอัฐิกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรพระที่นั่งบวรปริวัตร์ แล้วเสด็จออกมาประทับพระที่นั่งอิสราวินิจฉัย เมื่อก่อนเสด็จออกมานั้น เจ้าพนักงานเชิญเสด็จกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระราชาคณะ พระราชาคณะพระครู ฐานานุกรมเปรียญพิธีธรรมอันดับ ๑๐๐ องค์ ล้วนแต่พระสงฆ์ที่สถิตณวัดที่เป็นวัดอนุโลมในพระอัฐิพระบวรราชเจ้าทั้ง ๕ องค์เข้าไปนั่งอาสน์ เสด็จออกมาประทับทรงจุดเทียนนมัสการกรมพระปวเรศถวายศีล แล้วกรมพระปวเรศและพระสงฆ์ ๑๐๐ องค์สวดสัตตปริต ครั้นสวดมนต์แล้วทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร พระพรหมมุนีพระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญอันดับที่อยู่วัดอนุโลมในพระอัฐิกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ๒๐ รูปสดับปกรณ์แล้วทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศและพระสงฆ์วัดอนุโลมในอัฐิกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ ๒๐ รูปสดับปกรณ์ ทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร กรมหมื่นวชิรญาณพระสงฆ์วัดอนุโลมในพระอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ๒๐ องค์สดับปกรณ์ ทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร พระเทพโมฬีพระสงฆ์วัดอนุโลมในพระอัฐิกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญสดับปกรณ์ แล้วพระสงฆ์ถวายอติเรกแล้วกลับไป โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายพระธรรมเทศนาเข้าไปทรงจุดเทียนธูปเครื่องทรงธรรมพระธรรมไตรโลกถวายเทศนากัณฑ์หนึ่งจบ ทรงทอดผ้าไตรพระธรรมไตรโลกสดับปกรณ์แล้ว ทรงประเคนเครื่องกัณฑ์ต่าง ๆ เป็นอันมาก พระสงฆ์ถวายอติเรกเวลายามเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๕ โมงพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกทางพระที่นั่งจักรีทรงพระราชยานไปประทับพระบวรราชวังเสด็จประทับพระที่นั่งอิสราวินิจฉัยทรงจุดเทียนนมัสการกรมพระปวเรศกถวายศีลแล้ว กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณพระสงฆ์ ๑๐๐ องค์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงประเคนหมากพลูธูปเทียนพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกแล้วกลับไป โปรดให้มีสดับปกรณ์เรือนร้อยอีก ๕๐๐ เสด็จออกประทับพระที่นั่งมังคลาภิเษกริมพระที่นั่งอิสราเบื้องซ้ายทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์ ๑๐ ตำลึง แล้วเสด็จขึ้นทรงโปรยข้างในอีก ๑๐ ตำลึง แล้วเสด็จออกประทับพระที่นั่งอิสราวินิจฉัย ทรงสดับพระสงฆ์ถวายพระธรรมเทศนา พระโพธิวงศ์ถวายเทศนากัณฑ์หนึ่งจบทรงทอดผ้าไตรพระโพธิสงศ์สดับปกรณ์แล้วทรงประเคนบริกขารต่าง ๆ เป็นเครื่องกัณฑ์ พระสงฆ์ถวายอติเรกแล้วกลับไป

เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และตำรวจมหาดเล็กทหารมหาดเล็กทอดพระเนตรในวังหน้ามีตำหนักเก่าๆและที่ต่างๆ จนเวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จพระราชดำเนินออกทางประตูสถานมนเทียร เสด็จไปทอดพระเนตรที่เรียกว่าโฮเต็ล แล้วเสด็จทรงพระราชยานกลับพระบรมมหาราชวัง เป็นการเสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลในพระราชวังบวรเท่านี้

วันอังคาร ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาค่ำทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการสวดพระพุทธมนต์ในการฉลองเทียนพรรษาพระราชาคณะผู้น้อย ๒๐ องค์สวดพระพุทธมนต์ นอกนั้นไม่มีการอันใด

วันพุธ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้าวันนี้พระสงฆ์ราชาคณะตามเวรบิณฑบาตและพระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าเณร หม่อมเจ้าพระ หม่อมเจ้าเณรและพระมหาดเล็ก พระข้าราชการที่อุปสมบทในพรรษานี้ และฐานานุกรมเปรียญอันดับเวรได้เข้าไปบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง ไม่ได้เสด็จลงและโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงประเคนที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระราชาคณะ ๒๐ รูปที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้ได้รับพระราชทานฉันในการฉลองเทียนพรรษา ไม่ได้เสด็จออก

เวลาบ่ายไม่มีอะไร

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงทรงบาตร์พระสงฆ์เจ้าพระ พระองค์เจ้าเณร พระข้าราชการและพระมหาดเล็กและพระบิณฑบาตเวรเข้าไปรับบิณฑบาต

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจเสด็จไปประทับในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดเทียนธูปเครื่องนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วทรงประเคนอาหารภัตต์กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสและหม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๐ รับพระราชทานฉัน เสด็จลงจุดเทียนพรรษาและถวายพุ่มพระมหามณีรัตนปฏิมากรและพระพุทธรูปสำคัญ ๆ ในพระอุโบสถ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วเสด็จทรงประเคนพุ่มและเทียนร้อยและเครื่องสักการะต่าง ๆ อย่างเช่นเคยทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวัสสการแต่กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยที่รับพระราชทานฉัน พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับไป เจ้าพนักงานนำพระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าเณร หม่อมเจ้าพระ หม่อมเจ้าเณร หม่อมราชวงศ์พระ พระราชาคณะที่เหลือจากรับพระราชทานฉันและพระราชาคณะพระครูหัวเมือง เมืองใกล้มีเมืองนนทบุรี ปทุมธานี นครเขื่อนขันธ์ นครชัยศรีเป็นต้น ขึ้นไปรับพุ่มและเทียนร้อยบนพระอุโบสถ แต่พระฐนากรมานุเปรียญครูพระพิธีธรรมพระปริตนั้นรับที่ระเบียง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายเสียแต่เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเข้าประตูวัดแล้ว และพระราชทานเทียนชะนวนแด่พระบรมวงศานุวงศ์ไปจุดเทียนพรรษาตามพระอารามหลวง เวลาบ่ายโมงเศษ เสด็จกลับขึ้นทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

เวลาเย็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงจุดเทียนพรรษาวัดพระเชตุพน วัดราชประดิษฐ์ วัดราชบพิธ

วันศุกร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระกาลานุกาล ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการสดับปกรณ์พระบรมอัฐิพระอัฐิไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินออกบำเพ็ญพระราชกุศล โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปบำเพ็ญพระราชกุศล

เวลาบ่ายเดิมกำหนดว่าจะเสด็จพระราชดำเนินถวายพุ่มพระพุทธรูปและพระสงฆ์วัดบวรนิเวศน์วิหาร วัดราชบพิธ วัดราชประดิษฐ์ แล้วฝนตก จึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ไปถวายพุ่มทั้ง ๓ พระอาราม

วันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขึ้นทรงพระราชยาน ณเกยหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ดำเนินกระบวนเสด็จออกประตูศรีสุนทรเสด็จประทับท่าราชวรดิตถ์ มีพระบรมวงศานุวงศ์ที่มาเฝ้าส่งเสด็จพระราชดำเนินนั้นคือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช ๑ กรมหลวงเทววงศ์วโรประการ ๑ ข้าราชการนั้นคือ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ๑ เจ้าพระยามหิธรศักดิธำรง ๑ เป็นหัวหน้าและมีข้าราชการอื่น ๆ อีกหลายนาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับตรัสกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ และเจ้าพระยามหิธรศักดิธำรง เจ้าพระยาสุรวงศ์ทูลเกล้าฯ ถวายกล้องส่องสองตาที่จัดซื้อมาแต่นอก แล้วทรงสั่งราชการด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช และกรมหลวงเทววงศ์วโรประการและเจ้าพระยามหิธรศักดิธำรง แล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเวสาตรี ใช้จักรออกจากท่าราชวรดิตถ์ขึ้นมาตามลำน้ำ พระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนินมาในเรือพระที่นั่งนั้นคือ กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ์ ๑ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ๑ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ๑ กรมขุนนริศรานุวัตติวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ ข้าราชการนั้นคือ พระยานรัตนราชมานิต ๑ เจ้าหมื่นสรรเพ็ชญ์ภักดี ๑ หลวงนายศักดิ์ ๑ หลวงนายสิทธิ์ ๑ พระอินทรเทพ ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ จมื่นสราภัยสฤษฎิการ ๑ และเจ้าพนักงานทหารพลเรือนต่าง ๆ พร้อม เวลานี้กำลังน้ำลงเชี่ยวจัดเรือพระที่นั่งเดินทวนน้ำช้าไปมาก

ครั้นเวลาทุ่มเศษ ถึงพระราชวังบางปอิน ประทับเรือพระที่นั่งเวสาตรียังท่าน้ำแล้วเสด็จขึ้นบนพระราชวัง ประทับหน้ากระโจมใต้ต้นมะม่วง พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์และกรมการเฝ้าในที่นั้น หลวงพานิชพัฒนากร กับจีนเอี้ยมบุตรเจ๊สัวติก กับนายนุดบ้านเกาะพระ เฝ้าทูลเกล้า ฯ ถวายของในที่นั้น มีพระราชปฏิสันถารบ้างเล็กน้อยตามสมควร พระราชทานรางวัลนายนุด ๒๐ บาท แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปหยุดประทับที่ต้นตะพานที่จะข้ามไปพระที่นั่ง เจ้าพระยาพลเทพเฝ้าอยู่ที่นั้น มีพระราชดำรัสด้วยเล็กน้อย แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นข้างใน

วันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการอันใด ไม่ได้เสด็จออก

วันจันทร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด ไม่ได้เสด็จออก

วันอังคาร แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ในวันนี้ มีการเลี้ยงพระถวายพุ่มเข้าพรรษา ณวัดนิเวศธรรมประวัติ เวลา ๕ โมงเช้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นดำรงราชานุภาพไปประเคนสำรับพระ พระสงฆ์ฉันที่ในพระอุโบสถ ๑๐ รูป ฉันที่การเปรียญ ๒๐ รูป ฉันที่ในศาลาข้างต้นพระมหาโพธิ ๒๐ รูป ฉันที่ในศาลาขวาข้างหน้าวัด ๒๒ รูป รวมพระสงฆ์ ๗๒ รูป มาแต่วัดที่กรุงเก่าบ้าง ตำบลเกาะบางปอินนี้บ้าง

ครั้นเวลาบ่ายโมง ๑ กับ ๓๐ นาฑี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก เสด็จพระราชดำเนินมาหยุดที่ริมกระโจมใต้ต้นมะม่วง พระยาอนุรักษราชมนเทียรนำจีนทับ บ้านบางอีร้าเฝ้าถวายของ พระราชทานเงินรางวัล ๒๐ บาท แล้วเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งเก๋งทองทั้งแท่ง มีเรือกลองและเรือกระบวนตามธรรมเนียม ออกเรือพระที่นั่งไปประทับท่าน้ำวัดนิเวศธรรมประวัติแล้วเสด็จขึ้น เสด็จพระราชดำเนินเข้าประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเครื่องนมัสการ แล้วมีพระราชดำรัสเรียกเทียนในพานที่มหาดเล็กเอาตามเสด็จไปนั้นทรงจุดบูชาไว้บนชั้น ถวายเป็นพุทธบูชา ครั้นแล้วเสด็จพระราชดำเนินมาถวายพุ่มแด่พระสงฆ์ มีพระธรรมราชานุวัติเป็นประธาน มีพระราชดำรัสปราศรัยกับพระสงฆ์ทั้งปวงองค์ละเล็กน้อย พระสงฆ์ทั้งปวงสวดอนุโมทนาเสร็จแล้วกลับออกจากพระอุโบสถ แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์ ฝ่ายพระสงฆ์ที่ยังไม่ได้รับพุ่มนั้นก็ผ่อนกันเข้าไปในพระอุโบสถทีละน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จทรงประเคนจนครบกัน ครั้นทรงถวายพุ่มแล้วก็เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระอุโบสถ มาประทับที่ซุ้มพระคันธารราษฎร์ ทรงจุดเทียนธูปและสักการะบูชาเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่ซุ้มพระนาคปรก ทรงประทับที่หอระฆังที่ตั้งพระสถูป ทรงสักการบูชาเสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าในการเปรียญ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการบูชาพระพุทธรูปเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินโดยทางข้างขวา ประทับที่ศาลาโรงเรียน ทอดพระเนตรเด็กเรียนหนังสือ พระราชทานเงินแจกคนละ ๒ สลึง แล้วเสด็จเข้าในหอพระไตรปิฎก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการเสร็จแล้ว เสด็จขึ้นประทับทอดพระเนตรกุฏิกระจาดครั้งงานราชสมบัติครู่หนึ่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกไปทอดพระเนตรกุฏิแถวข้างนอก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งให้ทำศาลาเล็กขึ้นใหม่อีกหลังหนึ่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรบ้านหลวงธรรมวงษ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ เลี้ยวอ้อมมาทางข้างซ้าย ทอดพระเนตรกุฏิแลพื้นวัด เสด็จพระราชดำเนินอ้อมมาทางหน้าการเปรียญ เสด็จลงเรือพระที่นั่ง เรือพระที่นั่งออกจากท่ามาประทับท่าวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น หยุดประทับที่ริมกระโจมใต้ต้นมะม่วง หม่อมราชวงศ์ชื่นแลยายอินบ้านแป้งเฝ้าถวายของ พระราชทานเงินรางวัลยายอิน ๑๒ บาท แล้วเสด็จพระราชดำเนินมายังท้องพระโรง ทรงพระปรารภในการที่จะเชิญพระเจ้าปราสาททองขึ้นศาลใหม่ เสด็จพระราชดำเนินตามเฉลียง ทอดพระเนตรกะที่ๆจะปลูกโรงงิ้วแลอื่นในการขึ้นศาลใหม่นั้นครู่หนึ่ง เวลาบ่าย ๓ โมง ๓๐ นาฑีเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จพระนางเจ้า แลพระนางเจ้าเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเก๋ง ไปประทับท่าน้ำวัดนิเวศธรรมประวัติ เสด็จขึ้นบนวัดเสด็จเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนธูปแลถวายเครื่องสักการเป็นพุทธบูชาเสร็จแล้ว เสด็จจากพระอุโบสถมาประทับการเปรียญ ทรงถวายพุ่มแด่พระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาอยู่ณวัดนิเวศธรรมประวัตินั้น ครั้นเสร็จแล้วเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับขึ้นข้างใน

อนึ่ง จำนวนพุ่มที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ส่งขึ้นไปถวายพระที่เมืองลพบุรีนั้น ๒๕ พุ่ม

วันพุธ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ในวันนี้มีการขึ้นพระที่นั่งใหม่ ซึ่งเป็นที่พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีจะเสด็จอยู่ เวลาย่ำค่ำเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปเจริญพระพุทธมนต์ มีพระอมราภิรักขิตเป็นประธาน ๑ ฐานาเปรียญ ๙ รูป รวม ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์บนพระที่นั่งชั้นบน พระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าราชการเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพักอยู่ชั้นล่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงมาประทับตรัสด้วยเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ครู่หนึ่ง แล้วเสด็จมาประทับตรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ครั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปบนพระที่นั่ง พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ขึ้นไปดูพระที่นั่งข้างชั้นบน เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการกลับออกจากพระราชวัง

วันพฤหัสบดี แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปรับพระราชทานฉัน พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในเวลานั้นด้วย ทรงจุดเครื่องนมัสการแล้ว พระอมราภิรักขิตถวายศีล แล้วพระสงฆ์ถวายพรพระ ครั้นจบแล้วทรงประเคนสำรับ พระบรมวงษานุวงษ์ก็ขึ้นไปปฏิบัติพระสงฆ์ตามธรรมเนียม ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วทรงถวายเครื่องไทยทาน พระสงฆ์สวดอนุโมทนาถวายพระพรลาออก ครั้นพระสงฆ์ออกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงมาชั้นล่าง เสด็จประทับที่เฉลียงข้าราชการเฝ้า มีพระราชดำรัสด้วยเจ้าพระยาพลเทพ พระสวัสดิวามดิฐ หลวงพานิชพัฒนากร จีนกิม จีนฮะสูน จีนเหม็น ๕ นายเฝ้าทูลเกล้า ฯ ถวายของ มีพระราชดำรัสปราศรัยเล็กน้อย แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงษานุวงษ์ครู่หนึ่งแล้วเสด็จขึ้นเวลาย่ำเที่ยงเศษ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการกลับออกจากพระราชวัง

วันศุกร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงเรือพระที่นั่งบดเป็นกระบวนข้างใน มีเรือข้างในตามเสด็จทางประตูสาครประพาศ ไปออกคลองหลังเกาะไปตามลำคลองครู่หนึ่ง เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จพระราชดำเนินกลับทางเดิม

วันเสาร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกระบวนข้างใน ลงทรงเรือพระที่นั่ง “สตรู” ซึ่งจอดอยู่ยังท่าพระราชวัง ใช้จักรออกจากท่าขึ้นไปตามลำน้ำ หยุดประทับที่เกาะเรียน เสด็จขึ้นพร้อมด้วยกระบวนข้างในไปประทับไร่ข้าวโพด เสด็จประพาศในไร่ทรงหักข้าวโพด ครั้นทรงประพาศแล้วเสด็จกลับมายังท่าเรือพระที่นั่ง มีราษฎรมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาททูลเกล้า ฯ ถวายของ พระราชทานรางวัลคนละเล็กน้อยตามสมควร แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่ง ใช้จักรล่องลงมาพระราชวังบางปอิน เวลาทุ่มเศษถึงพระราชวัง เรือพระที่นั่งประทับท่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับที่ท้องพระโรง พระเทพผลูนำ “มิสเตอรอเรนซ์” คนขายแว่นตาเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ทรงทอดพระเนตรแว่นต่าง ๆ แล้วทรงซื้อฉลองพระเนตร ๒ กล้องส่องสองตา ๒ แล้วพระเทพผลูนำ “มิสเตอรลอเรนซ์” ออก เสด็จประทับทรงพระอักษรอยู่ที่นั้นจนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันอาทิตย์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด ไม่ได้เสด็จออก

วันจันทร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรือพระที่นั่ง “คอนโดเลอ” เสด็จพระราชดำเนินเป็นกระบวนข้างในออกทางประตูสาครประพาศไปออกคลองหลังเกาะ เรือกลไฟจูงเรือพระที่นั่งแลเรือข้างใน ล่องลงไปตามลำน้ำ เลี้ยวเข้าในคลองเปรมประชากร เรือพระที่นั่งแลเรือข้างในแก้ออกจากเรือจูงพายเข้าไปในหนองบัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประพาศหนองบัว ทรงเก็บดอกบัวและฝักบัว ครั้นทรงประพาศแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ เวลาทุ่มเศษถึงพระราชวัง เสด็จขึ้น

วันอังคาร แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด ไม่ได้เสด็จออก

วันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด ไม่ได้เสด็จออก

วันพฤหัสบดี แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่ง “ คอนโดเลอ” เสด็จพระราชดำเนินเป็นกระบวนข้างใน ออกประตูสาครประพาศไปออกคลองหลังเกาะ เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปประพาศในคลองจิก ครั้นทรงประพาศแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้เรือไฟจูงเรือพระที่นั่งกลับ เวลาย่ำค่ำเศษถึงพระราชวัง เสด็จขึ้น

วันศุกร์ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกท้องพระโรง มีพระบรมวงษานุวงษ์และข้าราชการเฝ้าบ้าง แล้วทรงพระราชหัตถเลขาแลอื่น ๆ แลทรงพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการ ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ