๕. แสนแสบ

ผีตาเชื่อมสวดเพียงคืนเดียว เพราะถือกันว่าตายโหง

เมื่อนำไปฝังครบ ๓ วัน จึงทำบุญและเดี๋ยวนี้งานทำบุญก็เลยมาแล้ว ที่บ้านจึงเงียบหงอยทุกห้องหับบนเรือนและลานใต้ถุนเยือกเย็น พอพลบมืดความเงียบวังเวงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น หากเป็นเมื่อก่อนถึงตาเชื่อมจะตายไปก็ยังมีเจ้าแผลงเป็นเพื่อนอุ่นบ้าน แต่เจ้าแผลงก็กลับหน้าสูญจากแสนแสบไป ห้างนอนของเจ้าแผลงเองก็เป็นห้างร้านเปิดทึบสงบอยู่ในความมืดของค่ำคืนตลอดมา เพลาคาบเย็นดวงอาทิตย์เพิ่งจะคล้อยทุ่งแสนแสบไปสักครู่ แม้ควายเนื้อนาเจ้าของอื่นจะถูกต้อนลงน้ำและเข้าคอกไปบ้าง แต่ควายตาเชื่อมไซร้ ทั้งเจ้าของและคนเลี้ยงยังคงเป็นควายนอกคอกเอื้องหญ้ามา ๑๐ กว่าวัน เมื่อครั้งตาเชื่อมยังมีชีวิตแกก็เลี้ยงของแกเอง จนหมดชีวิตเพราะควายหนองจอก ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ควาย ๕ ตัวที่ยังเหลือก็คงเป็นควายนอกคอกกินหญ้าไปชั่ววันๆ

เมื่อหมดตัวเข้าจริงๆ ถึงจะไม่เปิดคอกนำควายออกทุ่ง แต่พอตกเย็นเจ้าช้อยก็ต้องรับหน้าที่นำฝากทอดให้ควายนอนตลอดจนหญ้าน้ำทุกอย่าง กว่าจะเสร็จก็ได้เวลาใกล้พลบจึงนั่งพักเหนื่อยที่ห้างร้านของเจ้าแผลง คิดอะไรต่ออะไรอีกครู่ใหญ่จึงจะกลับเรือน

เมื่อหญ้าน้ำพร้อมเพรียงอยู่ในคอกแล้ว เจ้าช้อยคนเก๋ของแสนแสบเมื่อก่อน ก็มานั่งพักอยู่ที่ชานห้างเช่นเคย ดวงตะวันเพิ่งลับทิวไม้ ทุ่งและท้องน้ำสีคล้ำบอกกำหนดที่แปรวันเป็นคืน แม้ธรรมชาติที่เจ้าช้อยเห็นอยู่ทุกๆ วันแต่เล็กจนโตก็จริง แต่ไม่เศร้าเงียบใจเหมือนวันนี้เลย เวลาป่านนี้เมื่อค่อนปีก่อน เจ้าแผลงเคยให้เกาะคอว่ายข้ามน้ำ เมื่อคิดถึงเจ้าแผลงก็อดเหลียวดูในห้างไม่ได้ ความดีมันเหลือหลาย ผิดพ่อเทียมคู่หมั้นที่ทำให้เจ้าช้อยต้องช้ำใจเสียใจตัวเองพ่อเจ้าตายอยู่หยกๆ ไม่ถึงครึ่งเดือนพ่อเทียมเกิดมาบอกคืนหมั้น แล้วความก็จะอื้อไปทั้งแสนแสบว่าเจ้าคงจะเป็นหญิงเลวทรามจนถึงชายทิ้งหมั้น ผู้หญิงบ้านนาเมื่อถูกเขาทิ้งหมั้นแล้วต่อไปใครจะคบค้า จะเอาหน้าไปพบหน้าชายอื่นที่ไหนได้อีก

เมื่อคิดถึงข้อเสียต่างๆ นานา กระทั่งคิดถึงพ่อและความหนหลังแล้วเจ้าช้อยก็ปิดหน้าร้องไห้โฮใหญ่ ร้องเสียงดังๆ เพื่อให้สมแก่ความทุกข์ ผมแค่คอที่เคยงามเป็นลอนเมื่อก่อน รุงรังกระจายลมเพราะเจ้าเห่อจะเป็นหญิงบางกอกเองถึงกับลืมพี่แผลงเพื่อนทุกข์ ชั่วดีหากมันอยู่ก็เป็นเพื่อนอุ่นเรือนและพ่อเทียมก็คงไม่กล้าจะมาทำลบหลู่ดูหมิ่นได้ กระทั่งควายและนาจะเป็นธุระของมันไม่ต้องเดือดร้อนถึงเจ้า พี่ชวนก็หายหน้าหลบไปอยู่บางกอกกับเมียแสนสบายไม่คิดถึงคนหลัง

ช้อยยังสะอึกสะอื้นอยู่อีกนานความคิดหลับๆ ตื่นๆ แทบไม่รู้ว่าเวลานั้นกำลังโพล้เพล้ใกล้ค่ำ เสียงควายคอกจามฟืดฟัดแปลกกลิ่นแล้วสะบัดเขา ยิ่งอ้ายปลอดตัวที่เจ้าแผลงซื้อมาจากหนองจอกคู่กับอ้ายหลัก ถึงลุกยืนเบิ่งแล้วถอยหน้าถอยหลัง และในครู่นั้นเองควายทั้งคอกก็ลุกยืนพรวดขึ้นหมด บ้างส่งเสียงร้องตะกุยดินและเอาเขาแงะไม้คอก

ช้อยถลันยืน ตะวันจะชิงพลบเข้าไต้เข้าไฟขมุกขมัว คนด้อมตะคุ่มอยู่ข้างคอก แล้วหลบลงทำให้นางช้อยขวัญหายคิดไปว่า ชะรอยนักเลงดีจะรู้แกวว่าพ่อตายไม่มีคนอยู่จะเข้าเปิดคอกแต่ยังไม่ทันค่ำเมื่อคิดว่าจะเป็นคนปล้นแล้วแข้งขาอ่อนแทบจะยืนไม่ทรงตัว

ครู่นั้น เจ้าคนที่หลบก็อ้อมคอกมาโผล่ยืนอยู่ข้างชานห้างใกล้เจ้าช้อย

“ช้อย เอ็งแปลกพี่เรอะ”

ช้อยตาโพลงมือที่ประนมสั่นอยู่เมื่อกี้กางออกแทบจะยิ้มทั้งน้ำตานึกว่าโจรทั้งหลายอื่น แท้ก็อ้ายเสือแสนแสบที่เจ้ากำลังระลึกถึง จะค่อนปีแล้วเพิ่งได้ยินเสียงเห็นหน้าวันนี้เอง พยศของเจ้าที่จะเป็นหญิงบางกอกหมดสิ้นเพราะความดีใจที่เห็นหน้าอ้ายพี่ชายที่เคยทั้งรักทั้งแค้น โดยมันไม่รู้ตัว

แล้วนางหน้าเก๋ก็โผเข้าหาเกาะแขนมัน

“พี่แผลง เออ-พี่แผลง ฉันกำลังนึกถึงอยู่เทียวนี่พี่อยู่ไหนไปไหนมาล่ะนี่”

อ้ายคนอาภัพยืนหน้าเศร้า เห็นหน้าอีช้อยแล้วไม่วายคิดถึงลุง ถึงแม้ว่าลุงแกจะสารเลวทำเจ็บแสบ ก็ยังเป็นพี่ชายของพ่อที่เคยเลี้ยงมา

“ข้าก็อยู่แสนแสบนี่แหละช้อยเอ๋ย นี่ข้าเพิ่งกลับมาจากไปไหว้ผีลุงแกที่ป่าช้า ก็เลยไถลมางั้นเอง”

ช้อยคิดประหลาดใจ มันอยู่แสนแสบแต่ว่าหามีใครรู้รอยมั่งซ้ำรู้ว่าพ่อตาย

“อยู่ในแสนแสบงั้นเรอะ เออ แล้วใครบอกพี่จึงรู้ว่าพ่อแกตาย”

อ้ายคนกลางดินอ้ำอึ้ง จะบอกตรงก็เกรงอีช้อยจะทรยศ แต่ในแสนแสบนี่ จะยังกลัวใครอีกล่ะเมื่อว่าอีช้อยมันจะไม่เห็นแก่หน้า ก็ขอให้ไปป่าวร้องเรียกกำนันมาจับเอาเถอะ

“ข้าอยู่กะอ้ายหลักที่หลังศาล ทำไมจะไม่รู้ว่าลุงตาย คณี่แล่เนื้ออ้ายหลักนั่นเป็นอย่างไรบ้างว๊ะอีช้อย”

“เออน่ะ” ช้อยชะงักแทบจะไม่เชื่อว่าอ้ายเจ้าของแหลนที่หล่นจากฟ้าเป็นอ้ายแผลง “งั้นก็พี่แผลงซิ ที่พุ่งคนบ้านพ่อเทียม ถึงต้องส่งไปผ่าที่บางกอก ๒-๓ คน”

มันหัวเราะรับคำ แล้วก็เย้านางน้องสาวหน้าสวย

“ข้าจะเอาอ้ายเทียมเสียด้วยแล้ว แต่ว่าคิดถึงมึงจะเป็นม่ายขันหมากหรอกวะ อีช้อย”

ถึงพี่ชายมันจะพูดเล่น แต่ก็เหมือนหลาวเสียบอก เพราะทุกวันนี้เจ้าก็ต้องเป็นม่ายแล้ว เพราะพ่อเทียมทิ้งมันเลยอดร้องไห้ไม่ได้

แผลงไม่รู้เรื่องและความนักเมื่อเห็นเจ้าช้อยร้องไห้ก็คิดไปต่างๆ คิดว่าเจ้าช้อยติดสันดานงอนไม่ก็คงคิดถึงผีลุงแกที่วัด จึงปลอบโยนต่างๆ แต่นังน้องสาวก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่ตามเดิม แล้วก็นั่งลงที่ชานห้างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังถึงว่าพ่อเทียมยอมทิ้งทองหมั้นเจ้าเพื่อไปสู่ขอแม่โปรย

เจ้าแผลงกระสับกระส่ายเมื่อรู้ความแน่ น้อยหรืออ้ายเทียมทำน้องกูได้ ยังไม่พอซ้ำหวนจะไปหาเจ้าโปรยอีกยิ่งมองดูห้างนอนแล้วแค้นไม่หาย เพราะปากอ้ายเทียมแท้กูจึงต้องเตลิดไปอยู่ศาล และเพราะมืออ้ายเทียมที่รื้อเพิงนอนและยิงอ้ายหลักตายคาตา ก็ดีละอ้ายเทียมกูต้องนอนดินกินน้ำเจ็บแสบก็เพราะมึงคนเดียว ในย่านแสนแสบนี้ใครจะแสบเกินกูมึงทำอีกเห็นไม่มี อีช้อยก็ถูกมันทำเสียงามหน้าแล้วจะแว้งไปเล่นเจ้าโปรย

ยิ่งเห็นเจ้าช้อยร้องไห้ เหมือนจะเพิ่มโมโหให้มันหนัก ลุกยืนควงหอกกำสาบานไม่ขาดปาก

“เฮ้ย-จะร้องทำแก้วอะไรวะอีช้อย เถอะเมื่อว่าก็จะตายเสียในวันพรุ่งนี้ก็แล้วไป ถ้าไม่ก็คอยดูเถอะ ว่าอ้ายเทียมมันจะอยู่ยืดไปถึง ๓ วันหรือเปล่า กูแค้นนักว่ะอีช้อย มันทำกูแสบแสนร้อยสีพันอย่างนี่ แล้วเจ้าชวนกะแม่โปรยขาดกันก็เพราะปากอ้ายเทียมอีกล่ะซิ”

ช้อยพยักหน้าหงอยๆ เมื่อได้ยินคำอาฆาตก็ใจคอหวั่นไหว คนอย่างพี่แผลงมันพูดไม่เคยถึงข้ามคืนเลยสักครั้งเดียว

“อย่าเช่นนั้นจะดีกระมังพี่แผลง เพราะว่าเมื่อพี่ทำลงไป ใครเขาก็ต้องเหมาว่าความมันมาเพราะฉันถูกทิ้งหมั้น”

“ช่างหัวมัน อีช้อย เมื่อความมันออกจากปากใครกูรู้ก็จะเอาหอกร้อยปากมันเสียให้ทุกคน ทุกวันนี้กูอยู่ก็ไม่ได้รบสบายเหมือนเขาอื่นหรอกว๊ะกูต้อง...เอ้าอีช้อยเอ๋ยกูต้องนอนโคนไม้หลับใกล้ตลิ่งก็ไม่เพราะปากมันหรอกเรอะ พ่อมึงนั่นกูอโหสิเพราะว่าแกมีคุณและก็ตายไปแล้ว”

ช้อยนิ่งอั้น เพราะรู้โมโหเจ้าแผลง ว่าไม่มีใครห้ามได้ ถึงแม้เจ้าจะได้รับความเจ็บช้ำจากพ่อเทียมเท่าไรก็ไม่อยากที่จะให้เจ้าแผลงทำหุนหันเกินการ

ตะวันตกดินไม่เห็นแสงอีกเลย ท้องทุ่งที่ขมุกขมัวเมื่อกี้มืดมิดสัตว์เล็กและแมลงตามผืนทุ่งเริ่มส่งเสียงขึ้นทีละตัวสองตัว อีกชัวครู่ก็แซ่ไปทั่วทุ่ง

เจ้าแผลงยังยืนงันมือขยับหอกคร่ำเงินกริบๆ แต่ภายในหัวใจมันนั้นอยากจะพบหน้าอ้ายเทียมเสียในคืนนี้ เมื่อพบแล้วก็คงจะได้รู้กันว่า อ้ายคนแสนแสบเยี่ยงมันนั่นจะเป็นประการใด มันมองหน้าเจ้าช้อยคนเก๋เมื่อก่อนเด็กยังฟูมฟายน้ำตา

“กลับขึ้นเรือนเสียเถิดวะช้อย กลางค่ำกลางคืน หายหน้าหน่อยแม่จะเป็นทุกข์ กลับเถอะวะเชื่อคำพี่เถอะช้อยเอ๋ย”

“ข้าอยากชวนพี่แผลงไปหาแม่หน่อย เพราะแกบ่นถึงอยู่เมื่อกลางวันหยก ๆ”

“เช้-มึงพูดไรงั้นวะช้อย เมื่อก่อนกูถูกขับแกก็เห็นงาม และจนทุกวันนี้กูก็ยังเป็นคนที่มือดีกูจะไปหายังไง ไปเถอะมึงกลับไปคนเดียวแล้วอย่าอึงไปก็แล้วกันว่ากูมา”

ช้อยใจแห้งหายลงถนัด มันจากหน้าไปตั้งร่วมค่อนปีจนจะลืมหน้า พอได้เห็นกันอีกชั่วครู่มันก็จะต้องระหกระเหินจากไปอีก ห่อผ้าสะพายกับหอกคร่ำเงินชุดนี้ที่มันจากไปหาเคราะห์เมื่อคราวซื้อควายหนองจอก ทีท่านักเลงและความกล้าทรหดของมันทำให้ช้อยใจป่วนคิดถึงความหนหลัง เมื่อหนหลังโน้นครั้งพ่อยังมีชีวิต เจ้าช้อยเคยรักรูปรักใจมันนัก แต่แล้วพี่ชวนก็นำสมัยบางกอกมาครอบงำจนตัวเปลี่ยนแปลงจากอ้ายหนุ่มงามบ้านนา แล้วหวนไปชวนความกรุ้มกริ่มทันสมัยของพ่อเทียม คบคิดกับพ่อเทียมวางอุบายขับมัน ผลสุดท้ายเจ้าก็ต้องช้ำใจเพราะความเห่อเหิมเกินหน้า แต่เมื่อจะเอารักเอาซื่อกันแล้วใครจะเกินอ้ายหนุ่มงามบ้านทุ่งปลายน้ำไปอีกเห็นจะไม่มี

เจ้าแผลงเดินด้อมระมัดระวังมาส่งนังช้อยจนหัวบันไดเรือนแหงนมองบนฟ้าแล้วพูดกับน้องสายตาจับฟ้า

“พี่ลาละนะช้อย เออ จำเริญเถิดแม่คุณถ้าเดือนมันยังขึ้นหัวค่ำพี่ก็จะอยู่คุยหรอก แต่นี่มันเดือนข้างแรมขึ้นดึกไปกว่าจะไปถึง พี่จะต้องว่ายน้ำไปอีกลำบากเอาการ น้ำมันขึ้นดึก ทว่าอยู่ดึกก็จะต้องว่ายทวนน้ำห่อผ้าจะเปียกเพราะลอยคอไม่ได้”'

“แล้วพี่คงจะมาเยี่ยมฉันอีก” ช้อยพูดคล้ายจะอ้อนวอนมันหัวใจดวงเก่าเมื่อโน้นกลับมาระลึกขึ้นอีกว่า เราเป็นแสนแสบก็พอใจกัน แต่เพียงให้สมหน้ากับผู้ชายบ้านทุ่งแควเดียวกันก็สบายเหลือหลาย แต่เจ้าแผลงยืนก้มหน้าตรึกตรอง เลยช้อยจึงพูดด้วยสำเนียงน่าเอ็นดูเหมือนอีช้อยบ้านนาแสนแสบเมื่อก่อน

“พี่โกรธข้าเพราะพ่อแกงั้นเรอะ แม้หัวใจพี่น่ะจะมาเยี่ยมเป็นเพื่อนผีอีกไม่ได้เทียวเรอะ”

“อื้อ-อีช้อยมึงจะทำเวรให้พี่แท้ รู้ก็รู้ว่านี่วะช้อยว่ากูเป็นคนไง ลุงนั่นกูอโหสิแกแล้ว ไม่กูจะไปไหว้ศพแกทำเจ้าอะไรล่ะวะอีช้อย เออมึงขึ้นเรือนเหอะกูว่างกูก็มา”

แล้วมันก็ผละออกเดินลัดหลังยุ้ง เสียงหมาหอนและโห่เกรียวในชั่วครู่ก็ต้องตะคุ่มแล้วลุยข้ามลำกระโดงไปทางเนื้อนากำนันแปลก เจ้าช้อยยืนดูอ้ายหนุ่มพี่ชายจนลับตาแล้วเจ้าก็อดร้องไห้ไม่ได้ นังช้อยท่าเก๋ร้องไห้ก็เพราะชังหัวใจเจ้าเองที่คิดหวนไปหวนมา ถ้าหากใจเจ้าไม่หวนไปหลงคำพ่อเทียมชั่ว ๆ ดีๆ แม่โปรยกลายเป็นอื่นไปกับพี่ชวนหรือเจ้าเทียม เมื่อนี้เจ้าคนแสนแสบที่อาภัพก็ยังพอจะได้เห็นหัวใจจริงของอีช้อยบ้าง

ที่บ้านกำนันแปลก

ยังเลี้ยงเหล้ากันสนุกสนานครึกครื้นเฮฮา เพราะว่าพ่อเทียมที่จะเข้ามาเป็นเขยเพื่อล้างอายท่านกำนันเป็นคนมีอัฐ และกำลังกระหยิ่มอิ่มใจที่จะได้แต่งเมียงาม นับแต่หมั้นกันมาได้ ๗ วันแล้ว พ่อเทียมไม่เคยขาดการเยี่ยมเยียนเลยสักวัน และทุกๆ วันจะต้องอยู่จนดึกดื่นเสมอ สองคนกับเจ้าเขียวมือรองที่มาเป็นเพื่อนและการมาของพ่อเทียมก็เพื่อเหตุอย่างเดียวคือจะให้ท่านกำนันตกลงกะวันแต่งเสียในเดือนหน้า เพราะความร้อนใจของพ่อเทียมเท่าที่คิดอยู่ทุกวันคือหวาดไปว่ามิวันใดก็วันหนึ่งหากกิตติศัพท์ที่ตาเชื่อมตายรู้ไปถึงหูอ้ายแผลงมันคงต้องหวนมาแสนแสบอีก แล้วไหนเลยเจ้าช้อยจะปิดความเพราะเจ็บใจ และก็คงจะเป็นมื้อนั้นแหละที่พ่อเทียมจะต้องประจันหน้ามัน ทั้งยังหนักใจว่าแม่โปรยอาจกลับคืนดีกับมันอีกก็ได้ จึงคิดจะเร่งแต่งๆเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้พากันหลบไปอยู่บางกอก ไร่นาทางนี้ก็ให้เขาเช่าถือเก็บเงินกินสบาย

จนล่วงยามไปแล้วเป็นท้ายข้างแรมเดือนขึ้นดึกท่านกำนันซึ่งเห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงเตือนให้พ่อเทียมกลับเสียที ครั้นจะรั้งตัวไว้ค้างที่บ้านก็เกรงนินทาเพราะเพิ่งจะหมั้นใหม่ๆ และลูกสาวก็นอนอยู่ในเรือน

พ่อเทียมกำลังจะประจบท่านกำนัน ก็จำใจลุกจากวงเหล้าอย่างว่าง่าย ชวนเจ้าเขียวแก้โซ่ลงเรือสำปั้นพายล่องตามลำน้ำเอื่อยมาปากก็ร้องเพลงไปตามหัวใจที่คิดครึ้มอยู่ว่าอีกไม่กี่มื้อหรอกแม่โปรย เธอก็จะต้องหวนมารักฉัน ถึงว่าฉันเดี๋ยวนี้เธอจะยังทำทีรังเกียจก็คงเป็นเพราะความอาย คนเราถ้าว่าร่วมหัวร่วมท้ายพายเรือลำเดียวกันแล้วมันก็ต้องร่วมหัวใจกันเป็นแน่

เจ้าแผลงเมื่อผละจากนังน้องสาว ข้ามลำกระโดงมาแล้วก็บ่ายหน้าเข้านาตาเชื่อม แม้จะเป็นเวลาค่ำคืนก่อนดึกทุ่งนาเงียบและมืดเวิ้งว้าง น้ำไหลเป็นเกลียวในคลองคดผ่านสุมทุมพุ่มไม้และปลาใหญ่ผุดอยู่ผางๆ ก็คงไม่อาจแปรหัวใจเสือที่หลบหนีซ่อนตาคนแสนแสบให้เกิดสะทกสะท้านได้ แต่ถึงความทรหดในร่างกายที่ตรากตรำกับธรรมชาติอยู่ทุกๆเวลาจะมากมายเพียงไร ส่วนหัวใจแท้ของเจ้าหนุ่มมันเหี่ยวแห้งด้วยความทุกข์ร้อน มันเป็นชายหัวใจซื่อในรักและน้ำคำสาบาน ถึงจะได้รับความเจ็บแค้นแสนแสบจากเจ้าโปรยคนรักเพียงไร แต่เมื่อรักแล้วก็จะต้องทนรักไปกว่าจะตาย พอรู้ความแน่จากนังช้อยว่า

เจ้าโปรยจะกลับตกเป็นคู่หมั้นคู่แต่งกับพ่อเทียมแน่มันก็ยิ่งเศร้าหนัก ทั้งรักทั้งแค้นในตัวเจ้าโปรยหนักหนา โปรยเอ๋ยเสียแรงพี่รักพี่รอเจ้า ทนลำบากยากกายนอนกลางดินก็หวังจะได้แอบเห็นหน้าเจ้าเพียงชั่วมื้อให้หัวใจพอชื่น แต่ก็เมื่ออ้ายชวนทิ้งหมั้นแล้ว เจ้าจะหวนคิดถึงพี่มั่งเป็นไร พี่รักเจ้านักพี่ก็ช้ำใจเจ้าเท่าที่พี่รัก เพราะว่าเจ้าหาคิดถึงอกพี่ไม่กลับเห็นอ้ายเทียมตัวศัตรูดีเกินหน้า แต่ว่าทั้งแสนแสบนี่ หาใครที่แค้นเกินอ้ายเทียมเป็นไม่มีอีก พี่ไม่ฆ่าอ้ายเทียมเพราะเห็นแก่อีช้อยมันจะเป็นม่ายขันหมาก แต่อีช้อยก็เจ็บช้ำได้อายไปแล้วเพราะอ้ายเทียม ถ้าว่าแสนแสบนี่ยังมีอ้ายเทียมพี่จะต้องช้ำใจตายเพราะเจ้าเป็นเมียมัน เจ้าหนุ่มบ้านนาคนมีเคราะห์ยังเดินวนเวียนอยู่ในเขตนากำนันแปลกด้อมๆ มองๆ เพียงเห็นหน้าชายคานังลูกสาวท่านกำนันที่รักนักรักหนา เมื่อคิดถึงเจ้าโปรยเมื่อก่อนที่เคยกกกอดก็ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้นคิดถึงเจ้าโปรยเมื่อนี้และเมื่อหน้าที่จะต้องเป็นเมียอ้ายเทียมแล้วหัวใจก็เดือดพล่าน เนื้อนวลหน้างามของเจ้าโปรยหาสมที่จะเป็นเมียคนอย่างอ้ายเทียมไม่

มันนั่งกอดเข่าอยู่ริมตลิ่งในเนื้อนาเจ้าโปรย เดือนเพิ่งจะขึ้นขอบฟ้า ยังขมุกขมัวเห็นแสงเดือนจับท้องน้ำแล้วหวนคิดถึงเมื่อวันที่มันว่ายน้ำคู่กับเรือมาส่งเจ้าโปรยถึงบ้านนา ปลาผุดจ๋อมข้างหน้าก็คิดถึงปลาเล็กที่ว่ายเมียงกอข้าวหลังระหัด แล้วชี้ชวนเจ้าโปรยให้ดูความสุขของปลาแล้วชวนเจ้าอธิษฐานฤดูน้ำหลากเมื่อก่อนเมื่อมันสุขเหลือ แต่น้ำลดเมื่อนี้มันกลับต้องทนทุกข์ ให้แห้งเหมือนหน้าแล้งครั้นคิดไปอีกมันก็ยิงทุกข์นัก แล้วอ้ายเจ้าหนุ่มนาคะนองทุ่งก็ซบหน้าลงน้ำตาเช็ดเข่า

กระทั่งเดือนสูงขึ้นแสงเดือนแจ่มแจ้งจับผืนนาและสายน้ำตรงที่เจ้าแผลงนั่งเป็นหัวคุ้งท้าย เขตนากำนันแปลกที่พุ่มข่อยและเข็มเป็นที่กำบังลับตา ขณะที่มันเพลินคิดเพลินแค้นในวาสนามันเอง และแค้นในความจองผลาญของพ่อเทียมก็พอได้ยินเสียงเรือพายร้องเพลงมาเอะอะ มันเงี่ยหูฟังจำเสียงได้และในครู่เรือก็พ้นเงาไม้ออกที่แจ้งแสงพระจันทร์สว่างจ้าจับเรือจนเห็นหน้าถนัดว่า อ้ายคนหัวคนท้ายคืออ้ายคนบ้านทุ่งเดียวกัน อ้ายลูกปลายน้ำคนละคุ้งที่มันแค้นแทบกระอักเลือดกำลังลอยลำตามน้ำมาหาเคราะห์เอง สมใจมันนัก อ้ายแผลงคนนอนศาลอาศัยทุ่งถอยตัวลงน้ำเงียบเชียบไม่กระเพื่อม อ้ายเทียมที่จะมาเป็นผัวแม่โปรย อ้ายเทียมที่ทำกับมันและน้องสาวแสนเจ็บแสนแสบเมื่อว่าไปไหนๆ อ้ายแผลงมันจะไม่มีสุขได้แม่โปรยแล้วอ้ายเทียมคนมีทรัพย์ มันก็จะเป็นผัวแม่โปรยไม่ได้เหมือนกัน น้ำตากูตกลงสายน้ำนี่เพราะมึงมากหลาย แต่ว่าสายน้ำนี่คืนนี้จะเป็นสายเลือด ไม่มึงก็กู อีช้อยเป็นม่ายขันหมาก แม่โปรยก็จะต้องม่ายเหมือนอีช้อย กูก็จะนอนศาลาหลับตาตายสบายอย่าว่าแต่มึงจะมากันเคียงสองให้เต็มลำกูก็จะล่มกดคอกินน้ำเสียให้สมกับที่ปากมึงดี

มันลอยเอาสวะบังหัว หอกคร่ำเงินมรดกพ่อมั่นยืนอยู่ใต้น้ำเหมือนสวะลอยไม่มีพิรุธเพราะชำนาญออกนำเรือจนกระทั่งเข้าไม้มืด พ้นแสงจันทร์จึงแอบเข้าตลิ่งก็พอเรือมาถึง

เจ้าเขียวคนท้ายคอยคัดคอยวาด ปล่อยให้เรือล่องตามน้ำอย่างสบายใจ ปากก็คอยกระทุ้งรับเป็นคอสองเมื่อพ่อเทียมว่าเพลง แต่เจ้าเขียวก็หารู้ไม่ว่าสวะที่หมุนแอบตลิงอยู่ในคุ้งมืดข้างหน้านั่นมันดุยิ่งตะโขงใหญ่ พอถึงก็คัดเลี้ยวหลีกสวะ ชั่วครู่นั้นพายที่จุ่มน้ำก็ถูกกระชากอย่างเรี่ยวแรงเสียหลัก เจ้าเขียวก็หล่นตูมลงมา พอเรือเสียท้ายพ่อเทียมเหลียวมาดูก็พอดีเรือล่มเหมือนคนจับคว่ำ

การน้ำไม่มีใครชำนาญเกินอ้ายแผลงยิ่งใจแค้นมันมีอยู่มันก็ยิ่งอาละวาดเหมือนจระเข้หวงวังน้ำ พอหยั่งถึงเพียงอกเมื่อคว้าคอเจ้าเขียวได้ก็กดลงแล้วเอาตีนเหยียบเหมือนเหยียบกุ้งเหยียบปลาที่มุดอยู่ใต้ฝ่าตีน แล้วก็ปักหอกห่มตัวตรึงอ้ายเขียวแน่วอยู่กับก้นคลอง

อ้ายเทียมยังสาละวนไม่รู้ตัว ไม่คิดว่าเป็นคนเข้าใจว่าจระเข้พลัดเข้าคลองเล็กหนุนเรือ แต่ก็วันตายของอ้ายเทียมที่พ่อแม่จะไม่รู้ ถึงแม่โปรยและกำนันแปลกที่หวังจะเป็นพ่อตาอ้ายเทียมเศรษฐีก็จะไม่ได้วี่แวว เห็นพ่อเทียมยังยืนงงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหมุนหาเจ้าเขียว จะโผล่ก็โผล่ในวันมะรืนเมื่อผีมันขึ้น แต่มึงก็จะได้โผล่ไล่ๆ กับอ้ายเขียวเป็นผีน้ำอยู่ด้วยกัน

สาวแขน ๓-๔ ปราดก็ถึงตัวกอดคอพ่อเทียมไว้มั่น เสียงฮะๆ ทั้งชอบใจช้ำใจที่แสนแสบเพราะอ้ายเทียม

“อ้ายเทียม มึงกะกูมากอดคอกันดำน้ำ เมื่อว่ามึงดำอึดกูก็จะยอมตายไม่โผล่”

พ่อเทียมเหมือนตายไปครึ่งตัวฤทธิ์เหล้าไม่มีเหลืออยู่เลย เสียงก็จำได้ว่าเป็นอ้ายแผลงแน่ ข้อลำที่มันกอดคอฟัดจะให้ดำน้ำก็เหนียวแน่นกอดติดพ่อเทียมดิ้นอย่างที่จะดิ้นเอาชีวิตรอดแต่ถ้าหากพ่อเทียมเคยถูกงูหลามรัด ก็จะรู้ว่าแขนอ้ายแผลงมันหนักไปยิ่งกว่างู

มันฟัดจนพ่อเทียมเสียหลักล้มลงนอนคลองกอดอ้ายเทียมไว้ กบดานอ้ายเทียมเสียเหมือนจระเข้คาบคนมากด ถ้าว่าพูดได้ใต้น้ำก็จะบอกกับมันว่า อ้ายเทียมเอ๋ยมึงทำกูแสนแสบนัก พลัดที่กินที่อยู่มิหนำซ็ยังชิงเจ้าโปรยด้วยอำนาจสมบัติ ปากมึง ปากมึงนี่แหละทำให้คนทั้งแสนแสบอยู่ไม่สุข มึงหมดอึดใจหรือยังเมื่อหมดก็กินน้ำเสียให้อิ่ม น้ำสายนี้คลองนี้มันเป็นน้ำตากูมากหลายเพราะมึงคนเดียวดื่มเถอะ อ้ายเทียมดื่มให้เต็มอิ่มของมึง เมื่อมึงไม่ขาดใจ กูก็จะไม่โผล่จะขอกอดคอตายไปด้วยกัน

เพียงครึ่งอึดใจเจ้าแผลงที่เคยดำ พ่อเทียมก็สิ้นใจอยู่แขนมัน แล้วอ้ายคนที่แก้แค้นก็ผุดขึ้นเหนือน้ำส่ายหน้าสลัดผมด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทั้งเศร้าและสลดใจที่มันต้องสร้างบาปสังหารคน แต่เมื่อคิดว่าอ้ายคนที่มันสังหารนั่น ขืนละไว้ก็จะต้องสังหารมันก็โล่งใจไปที่ชอบเถิดอ้ายเทียมเอ๋ย ทั้งอ้ายเขียวที่เคยดักทำร้ายกูที่หนองจอกมึงกับกูสิ้นเวรสิ้นกรรมกันที

มันถอนหอกจากอ้ายเขียว แล้วกู้เรือผลักให้ลอยไปตามน้ำตามกรรม แล้วจึงขึ้นตลิ่ง ยืนปลงถึงชีวิตอ้ายสองคนที่เป็นผีน้ำอยู่อีกครู่ใหญ่ก็บ่ายหน้าเข้าทุ่งมืด เดือนกระจ่างอยู่เมื่อค่อนดึกหลบเข้าเมฆลับขอบฟ้าโน้น

ข่าวตายของพ่อเทียมกับเจ้าเขียว เลื่องลือกันทั้งแสนแสบ กระทั่ง ๗ วันมาแล้วข่าวลือก็ยังเซ็งแซ่ตลอดมา แต่ตามที่เข้าใจกันเป็นแน่แท้ก็ว่าพ่อเทียมกับเจ้าเขียวฆ่ากันเองเพราะฤทธิ์เมาหรือพูดผิดหู แต่ที่สำคัญหนักและซุบซิบกันทั้งแสนแสบตลอดหัวคุ้งท้ายคลองนั้นคือเจ้าโปรยเป็นผู้หญิงกาลี เมื่อรักกับเจ้าแผลงก็ทำเอาอ้ายแผลงต้องระหกระเหิน ครั้นมาหมั้นกับนายชวนเล่า ตาเชื่อมพ่อนายชวนก็ถูกควายขวิดตาย เรื่องยังสดๆ ร้อนๆ พ่อเทียมคู่หมั้นใหม่ ก็เกิดผิดใจแทงกะเจ้าเขียวคนในบ้านตายด้วยกันกลางน้ำ

แต่นั้นมาจนล่วง ๑๕ วัน โปรยไม่รู้จะมองหน้าใครได้ รอบทิศของแสนแสบกำลังเห็นลูกสาวงามของกำนันเป็นหญิงกาลีกินคู่หมั้นคู่แต่ง ผู้ชายทุกๆ คนที่เคยชอบพอต่างเบือนหน้าหนี คนแก่คนเฒ่าก็ลงความเห็นขอดค่อนนินทา จะโผล่ไปไหนมาไหนได้ไม่

เมื่อบ่ายบนเรือนร้อนจัด โปรยก็ได้อาศัยท่าน้ำหลังเรือนเป็นสิ่งที่สงบใจตามเคย เห็นน้ำเห็นหน้าตัวเองแล้วอยากจะตาย กรรมก่อนเจ้าที่ทำไว้มันตามทัน เห่อจะเป็นคนบางกอกก็ทำเสียเจ็บแสบ พอจะได้พ่อเทียมล้างอายก็มีอันเป็นตายจาก เมื่อย้อนคิดไปถึงเจ้าแผลงก็น้ำตาไหลขนลุกเกรียวในคำสาบานของมันที่หน้าศาล เพราะเจ้าเสียน้ำคำที่ให้ไว้ต่อหน้าศาลคู่เจ้าแม่จึงมีอันเป็นไปต่างๆ เมื่อนึกถึงศาลเจ้าองค์พยานศักดิ์สิทธิ์ของชาวแสนแสบแล้ว เจ้าโปรยก็เกิดเชื่อมั่นหวั่นใจในผีสางลางร้ายเพราะผิดคำผีคำเจ้าแท้จึงเป็นเช่นนี้ แล้วก็เลยคิดเกรงไปในภัยต่างๆ จากน้ำคำสาบานและอำนาจบันดาลของเจ้าทุ่งที่อยู่บนศาลศักดิ์สิทธิ์

เหลือที่จะระงับใจอีกต่อไป โปรยกระสับกระส่ายคิดย้อนไปในความหลังเดิม แล้วก็หุนหันขึ้นเรือนเตรียมธูปเทียนดอกไม้ตั้งใจจะไปแก้บนขอขมาในความผิดหนหลังของเจ้าเอง

แดดบ่ายตกทุ่ง โปรยผูกเรือไว้กับรากไทรข้างตลิ่งหน้าศาล เมื่อก้าวขึ้นบกมองเห็นรูปเจว็ดขนลุกเกรียวแม้จะเป็นกลางวันก็ใจหวาด เพราะเจ้าทุ่งเจ้าแม้ที่บันดาลให้ไปเห็นซากอ้ายหลักยังแห้งคาดินห่างศาล แม้จะเป็นผีควายก็ยังเปลี่ยวใจคิดไปถึงคนซื้อคนเลี้ยงอ้ายหลักแล้วใจหาย อ้ายหลักก็ตายมันก็สูญหน้า แต่คำสาบานยังก้องหู และองค์พยานก็สถิตเสถียรอยู่เหนือทุ่งท้องน้ำตรงหน้า และก็เพราะองค์พยานนี่แท้ที่เปลี่ยนใจให้ระลึกถึงมัน

พอปักธูปเทียนเสร็จ โปรยก็ก้มหน้าอธิษฐานขอขมาลาโทษในความละสัตย์สัญญาของเจ้า และก็ให้สัญญาใหม่รำลึกไปว่าแม้อ้ายคนรักกันมาเก่าก่อนเคยร่วมสาบานเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ขอเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์บนศาลจงดลใจมันให้กลับมาแสนแสบ แม้มันจะยังคุมแค้นอยู่โปรยก็จะยอมน้ำตาตกอ้อนวอนมัน แผลงเอ๋ย เมื่อว่าฉันจะใจเหเสีย สาบานไปแล้วแต่บริสุทธิ์สาวยังไม่เสียให้ใคร ยังคงเป็นของพี่แผลงอยู่ ถ้ายังเห็นแก่รักเก่าแผลเก่าลำน้ำใสนี่ก็จะเป็นสุขของเราในหน้าร้อน แสนแสบจะเป็นเมืองสวรรค์ของเราอีก แต่ถ้าหากพี่แผลงไม่กลับมาหรือว่าจะผิดใจในรักแล้ว ฉันก็จะก้มหน้าถือบริสุทธิ์เข้าวัดกว่าชีวิตจะหาไม่

เคลิบเคลิ้มไปในคำอธิษฐานแล้ว ใจตั้งก็แน่วแน่ดิ่งไปในความหลังลมหวนทุ่งพัดเกรียวกราวหัวใจก็หวนอยู่ตามลม นึกเป็นเด็ดขาดแน่นอนว่าเมื่อสิ้นสงสัยที่เจ้าแผลงจะไม่มีชีวิตอยู่ในแสนแสบแล้ว ก็จะขอบวชให้พ้นนินทาครองหัวใจให้สงบไปเท่าจะถึงวันตาย

หลังศาลเป็นดงโสนทึบและท้ายดงโสนใต้ต้นกร่างใหญ่มีคนนอนเอกเขนกหัวหนุนขอน ก่ายหน้าผากอ้ายคนหลังศาลใช่ใครอื่นไปจากอ้ายหนุ่มเจ้าทุกข์ มันทุกข์หนักหนาที่อ้ายเทียมอ้ายเขียวตายคามือ และป่านนี้ความคงจะอื้ออึงหาตัวคนร้าย แต่มาคิดแปลกที่ไม่เห็นมีวี่แววใครจะมาจับมาค้นเลย นึกไปถึงหัวอกเจ้าโปรยที่ร้างขันหมากมาแล้วถึงสองราย โปรยคงจะเศร้าใจในวาสนาเจ้าและคนบ้านนาไหนเลยจะหมั้นเจ้าอีก เพราะถือว่าเสียฤกษ์เสียลาง เจ้าช้อยก็เข้าวัดเป็นชีไปเพราะถูกนินทาเรื่องอ้ายเทียมตาย แต่ว่าช้อยเจ้านิ่งงำความไว้พี่จึงพ้นผิด

พอตะวันคล้อยเงาร่มตรงเจ้าแผลงนอนก็ถูกแดดส่องจ้า จึงลุกขึ้นตั้งใจจะหลบไปนอนโคนไม้ใต้ศาลสักครู่จึงลงน้ำหาปลาหรือเข้าไร่กล้วยฟากโน้นพอแก้หิว เมื่อเดินมาถึงมันก็ฉงนสนเท่ห์นักที่เห็นเรือจอดชายตลิ่ง เสียงคนร้องไห้กระซิบพึมพำอยู่หน้าศาล จะเป็นวันลางดีลางร้ายอย่างไรพูดไม่ถูก ที่ดลใจให้มันคิดว่าวันนี้ทั้งวันให้นึกแต่ขี้เกียจอยากนอนอยู่แถวนี้เสียทั้งวัน

โปรยกำลังนึกคิดไปต่างๆ พอได้ยินเสียงแกรก ก็ขนลุกเกรียวคิดหวนไปในลางเจ้าลางผี เมื่อเงยหน้าขึ้นก็แทบจะโผนหนีเพราะไม่นึกว่าเป็นคน

“โปรย-โปรยเอ๋ย” ขาดคำมันก็กางแขนออก โปรยตัวสั่นไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นอ้ายคนรักเมื่อเก่าก่อน ผมยาวรกรุงรังปรกคอจำแทบไม่ได้ เจ้าทุ่งบางกะปิศักดิ์สิทธิ์แท้เพียงอธิษฐานชัวครู่ก็ดลให้มันหวนมา โปรยยังพูดไม่ออก ถึงตั้งใจจะพูดกับมันก็ไม่สามารถเพราะใจกำลังตื้นยืนมองมันเล้วก็ถอนสะอื้นถี่

แผลงสืบเท้าใกล้เข้ามาอีกเสยผมตัวที่ปรกคอ

“แปลกฉันรึ? เอ้อ-โปรยเอ๋ย จะค่อน ๒ ปีแล้วที่เราไม่พบหน้ากัน ฉันสู้ทนนอนดินไม่พ้นแสนแสบก็เพราะห่วงโปรยคนเดียว” มันส่ายหน้าท้อแท้พูดขาดเป็นห้วงเป็นตอน “แม่โปรย-เจ้าขวัญท่านเป็นองค์พยานฉัน เพราะแม่โปรยแท้เทียวที่ฉันร้องไห้ตามตลิ่งทุกแห่งในแสนแสบ โคนต้นไม้หัวคุ้งท้ายคุ้งเคยเป็นที่สำราญใจของฉันกะแม่โปรยเมื่ออยู่ตรงไหน ฉันก็ต้องไปนั่งร้องไห้มันตรงนั้นเมื่อคิดถึงแม่โปรย ฉันคิดอยู่แล้วว่าเมื่อเหลือจะรอ ฉันก็จะก้มหน้าเข้าวัดเสียอย่างอีช้อยหาไม่ก็-เออฉันพูดอีกก็เห็นจะร้องไห้เป็นแน่”

โปรยนิ่งงันพูดไม่ออก อยากจะโผเข้าหาแล้วบอกความจริงในใจให้มันรู้ แต่สติเจ้าเวลานี้ก็หาอยู่กับตัวไม่กระทั่งเห็นเจ้าแผลงเซถอยไปยืนพิงโคนไม้จึงค่อยก้าวไปหา

“พี่แผลง ฉันมาศาลวันนี้ใช่อื่นใช่ไกลเลยฉันเสียสาบานแล้วใจหาย จึงมาเพื่อขอขมาลาโทษในความผิดของฉัน”

เจ้าแผลงทรงกายตรง จ้องหน้าอีคนรักเมื่อเก่าก่อนเมื่อครั้งแม่โปรยเป็นหญิงบ้านนา มันเคยกกกอดและชักชวนกันลงงมกุ้งปลาตามสายน้ำ ไต่ตลิ่งแล่นโลดเมื่อหน้าไถ เมื่อร้อนก็ดำว่ายดำผุดกันตามประสาลูกบ้านนา ครั้นมันกลับจากหนองจอกเล่า เจ้าโปรยก็มาแปรไปเป็นอื่นจนเห็นหน้าอยู่มื้อนี้

“โปรยมาขอขมา-ขอขมาใคร มาบอกเล่าเก้าสิบเจ้าพ่อเรางั้นหรือ?”

โปรยพยักหน้า เมื่อนึกถึงคำซื่อใจซื่อและความอาภัพของมันแล้วก็ถอนสะอื้น

“และฉันขอขมาพี่แผลงด้วย ฉันผิดแท้เพราะลืมตัวว่าฉันเป็นผู้หญิงบ้านไร่บ้านนา ก็แล้วแต่พี่จะเห็นงามเถอะถึงจะยังโกรธฉันก็ไม่ว่าอะไร”

มันเบิกตาโพลง หน้าตาแช่มชื่นเกือบไม่เชื่อว่าหูได้ยินแม่โปรยพูดขอโทษมัน

“โกรธโปรย-เออเจ้าพูดอะไรอย่างนั้นเล่าโปรยเอ๋ย ถ้าพี่โกรธแล้วพี่จะรักจะรอทนทุกข์กินน้ำตาอยู่ทำไมล่ะเจ้า ถ้าว่าน้ำตาพี่มันเป็นทิพย์ เจ้าก็คงจะได้เห็นมันไหลอยู่กลางน้ำแสนแสบที่เราเคยเล่นแน่ โปรยเมื่อพี่รู้ว่าเจ้ารับหมั้นกะอ้ายชวนแล้วพี่จะย้อนกลับมาสาบานต่อหน้าศาลว่า ถ้าเจ้าตบแต่งเป็นเมียอ้ายชวนวันไหน ก็ต้องเป็นวันนั้นแหละน๊ะแม่โปรย ที่พี่จะเอาหอกสวมอกพี่เองแล้วก็ลงไปตายเสียกลางน้ำเหมือนยังกะเจ้าขวัญองค์พยานของเรา แล้วศพพี่มันก็คงจะลอยผ่านเรือขันหมากของเจ้ามั่ง”

ขาดคำ โปรยก็ร้องไห้โฮใหญ่โถมเข้าหา จะต้องอับอายใครอื่นอีก ในเมื่อผู้ชายที่มันรักจริง ตลิ่งคอยน้ำหลากก็เหมือนมันคอยเจ้า ถ้าแม้นว่าโปรยเป็นอื่นไปยังว่าอกมันก็คงจะสวนหอกตาย เหมือนตลิ่งน้ำเซาะแล้วก็น่าที่แสนแสบจะต้องตั้งศาลเชิญมันขึ้นเป็นตัวรักษาทุ่ง และท้องน้ำเป็นที่เซ่นสรวงของคู่รักคู่หมั้นในวันข้างหน้า

แผลงพุ่งหอกไปปักดินทางหนึ่ง สองแขนมันกอดนางคนรักที่ไม่คิดว่าจะได้คืน จูบซ้ายจูบขวาหัวใจก็เคลิบเคลิ้มอยู่ว่ามันเมืองสวรรค์หาใช่ทุ่งแสนแสบที่มันเคยนั่งร้องไห้มาแล้วจะค่อน ๒ ปี แล้วทั้งสองก็ชวนกันหมอบลงหน้าศาลขออธิษฐานร่วมรักร่วมใคร่กันใหม่

ที่ริมน้ำมีเรือสำปั้นพายมาจอดเงียบกริบ จนคู่รักคู่ใคร่ซึ่งหมอบอธิษฐานด้วยหัวใจสงบสุขหารู้ไม่ ผู้ที่ก้าวขึ้นตลิ่งคือกำนันแปลก ถัดมาคือเจ้าช้อยซึ่งนุ่งขาวห่มขาวไปแล้วและแม่เจ้า

“พี่แผลง”

เจ้าแผลงสะดุ้งถลันยืน โปรยทำหน้าเจื่อนทั้งอายและตกใจที่เห็นพ่อ แต่กำนันแปลกพูดสีหน้าเฉย

“พ่อเที่ยวตามหาจนอ่อนใจ จึงพบแม่ช้อยและก็รู้แน่แล้ว” แกมองดูเจ้าหนุ่มที่แกนึกว่าตายไปนาน “แผลงอ้ายคดีติดตัวของเอ็งนั่นหาจริงไม่หรอกเพราะข้ารู้อยู่กะใจ”

ไม่ทันที่แกจะพูดอีก แม่เจ้าช้อยนางชีก็สอดว่า

“ช้อยเขาสละตัวเข้าวัดแล้ว และไร่นาที่เป็นส่วนของเอ็งๆก็เอาคืนไปเถอะ ขอแต่ไปอยู่เป็นเพื่อนป้ามั่งพอได้อาศัยกินอิ่มนอนหลับไปชั่ววันๆ แล้วต่อไปข้าก็คิดจะเข้าวัดเหมือนอย่างแม่ช้อย ไปเถอะ ไปเสียวันนี้หละ”

แผลงแทบจะโลด มันเคยตกทุกข์ได้ยากทรมานกายมาเกือบ ๒ ปี และก็ไม่นึกอื่น นอกจากจะต้องตายกลางดิน เมื่อการมากลับหน้าเป็นหลังก็เหมือนมันได้เกิดมาในแสนแสบอีกครั้งหนึ่งเพราะได้ทั้งนาและแม่โปรยคืน ความแค้นแสนแสบทั้งหลายแหล่ในหนหลังก็เลือนหายจากความคิดในเดี๋ยวนี้ กราบป้ากับท่านกำนันแล้วหันมาจูงมือเจ้าโปรยให้ลงเรือ ส่วนมันเองด้วยความสุขคะนองใจจึงลงน้ำดำผุดดำว่ายคู่เรือไปด้วยความสำราญ

จบบริบูรณ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ