ประวัติ หลวงประชุมบรรณสาร

อ. ต. หลวงประชุมบรรณสาร (พิน เดชะคุปต์) เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๐๗ เวลา ๘.๓๐ น. ตรงกับวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด ฉ๑๔ศก (ร.ศ. ๘๓) ที่บ้านปากคลองบางขุนนนท์ใต้ ในคลองบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรชายคนที่ ๑ ของ ขุนฤทธิ์ดรุณเสรฐ (เดช) สารวัตรมหาดเล็กเวรฤทธิ์ ซึ่งเกิดแต่นางฤทธิ์ดรุณเสรฐ (ไผ่)

เมื่อเยาว์ได้ศึกษาวิชาภาษาไทยอยู่กับบ้าน โดยท่านอาจารย์รอด และท่านอาจารย์ช่วยวัดศรีสุดาราม เป็นผู้สอน จนถึงอายุได้ ๑๓ ปี ท่านบิดาจึงได้ทำการตัดจุก และอุปสมบทเป็นสามเณร อยู่กับท่านอาจารย์ทับ ณวัดสุวรรณาราม ระวางอุปสมบทเป็นสามเณร ได้ศึกษาภาษาบาลีและภาษาไทยตลอดมาจนถึงอายุได้ ๑๖ ปี จึงได้ลาสิกขาบท และเข้ารับราชการ

พ.ศ. ๒๔๒๓ แรกเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กเวรฤทธิ์ในกรมมหาดเล็ก ได้ฝึกหัดงานในหน้าที่เสมียนอยู่กับหลวงฤทธิ์นายเวร (กระจ่าง) ณ ที่ทำการกรมทหารหน้า

วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๖ ได้รับตำแหน่งเสมียนในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ รับเงินเดือน ๆ ละ ๑๐ บาท

วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๗ ถึงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน ได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น ๑๕ บาท

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๒๘ ได้อุปสมบท ณวัดศรีสุดาราม เจ้าคุณพระศรีอาจาริยพัฒน์ (ศรี) วัดสุวรรณาราม เป็นพระอุปัทยาจารย์ จำพรรษาอยู่ณวัดมหาธาตุ ๑ พรรษากับ ๒ เดือนเศษ ได้ลาสิกขาบทกลับเข้ารับราชการตามเดิม

วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๙ ย้ายไปเป็นเสมียนเอกในเวรบรรณารักษ์และในเวรเลขาธิการโรงเรียนทหารมหาดเล็ก

วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ. ศ. ๒๔๓๐ ย้ายไปรับราชการในกรมศึกษาธิการ ได้รับเงินเดือน ๑๖ บาท กับเบี้ยเลี้ยงวันละ ๘ อัฐ

วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น ๒๔ บาท และย้ายไปเป็นนายเวรจดหมาย เบี้ยเลี้ยงวันละ ๑๖ อัฐ ต่อมาเดือนพฤศจิกายน ได้รับเงินเดือนเป็น ๓๐ บาท

วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๒ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นขุนวรพจน์พิจิตร

วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๓ ได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น ๓๕ บาท และวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ย้ายไปรับราชการในตำแหน่งผู้เบิกจ่าย แทนสมุหบัญชีกรมแผนที่ ได้รับเงินเดือนเดือนละ ๕๐ บาท

วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๕ ได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น ๖๐ บาท และได้เพิ่มปีละ ๑๐ บาท จนถึง ๑๑๐ บาท

วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ โปรดเกล้าฯ ให้ไปรับตำแหน่งแทนเจ้ากรมรักษาพระราชวังบางปอิน และเป็นนายอำเภออุไทยน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกตำแหน่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือน ๆ ละ ๑๒๐ บาท ภายหลังได้เพิ่มขึ้นเป็น ๑๔๐ และวันที่ ๑ มีนาคม ปีนั้น ได้ย้ายกลับมารับราชการในกรมแผนที่ตามเดิม ในตำแหน่งผู้ช่วยราชการ

วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๓ ได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น ๑๖๐ บาท และได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นหลวงประชุมบรรณสาร ในตำแหน่งสมุห์บัญชีกรมแผนที่ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ในปีเดียวกัน

วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๔ ได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น ๒๐๐ บาท และได้เพิ่มปีละ ๑๐ บาท ต่อมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๐ ได้รับเงินเดือน ๒๕๐ บาท

วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้รับตำแหน่งเลขานุการกรม ฯ และผู้รั้งแม่กองสุขาภิบาล

วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้รับพระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์เอก

วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ได้รับพระราชทานยศเป็นอำมาตย์ตรี

หลวงประชุมบรรณสารได้รับราชการมาด้วยความอุตสาหะวิริยะตลอดมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๖๑ จึงได้ลาออกจากประจำการ เพื่อรับพระราชทานบำนาญตามคำแนะนำของแพทย์ คำนวณอายุราชการได้ ๓๙ ปี

ในระวางรับราชการอยู่ ได้เป็นสมาชิกเสือป่า สังกัดกองเสนากลาง

หลวงประชุมบรรณสาร ได้รับพระราชทานตราและเหรียญ คือ :-

วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๖ เหรียญรัชฎาภิเศก

วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ เหรียญประพาสมาลา

วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ เหรียญทวีธาภิเศก

วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ ตราวิจิตราภรณ์มงกุฎไทย ชั้น ๕ (เบญจมาภรณ์)

วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐ เหรียญรัชมงคล

วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๑ เหรียญรัชมังคลาภิเศก

วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ตราภัทราภรณ์มงกุฎไทย ชั้น ๔ (จัตุรถาภรณ์)

วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญบรมราชาภิเศกรัชชกาลที่ ๖

วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ เข็มไอยราพต

วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๙ เหรียญจักรพรรดิมาลา

วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๘ เหรียญบรมราชาภิเศก รัชชกาลที่ ๗

วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เหรียญเฉลิมพระนคร

หลวงประชุมบรรณสาร ได้เริ่มป่วยด้วยโรคลำไส้ใหญ่เป็นแผล ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้ทำการรักษาพยาบาลโดยนายแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณตลอดมา อาการค่อยทุเลาขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๒ อาการได้กำเริบขึ้นโดยลำดับ เหลือความสามารถของนายแพทย์จะเยียวยาได้ อาการมีแต่ทรุดลงตลอดมา จนถึงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เวลา ๒๒.๓๗ นาฬิกา ก็ได้ถึงแก่กรรมในท่ามกลางบรรดาบุตรธิดาและญาติด้วยความสงบ ณบ้านเลขที่ ๑๖๒๗ ในคลองบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี คำนวณอายุได้ ๗๔ ปี ๑๑ เดือนเศษ ได้รับพระราชทานน้ำอาบศพในวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เวลา ๑๗ นาฬิกา

หลวงประชุมบรรณสาร มีน้องร่วมบิดามารดารวม ๕ คน คือ :-

๑. พระยาพิพิธภักดี (เพิ่ม เดชะคุปต์) ถึงแก่กรรมแล้ว

๒. น.ส. ใย เดชะคุปต์

๓. พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ถึงแก่กรรมแล้ว

๔. นางอภิรักษ์สมบัติ (เรือน ดิษยรักษ์)

๕. นายพล เดชะคุปต์ ถึงแก่กรรมแล้ว

หลวงประชุมบรรณสาร ได้ทำการสมรสกับนางประชุม บรรณสาร (ชุ่ม เดชะคุปต์) เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ เกิดบุตรด้วยกัน ๙ คน คือ :-

๑. น.ส. ถนอม เดชะคุปต์

๒. นายทำเนียบ เดชะคุปต์

๓. นางสังวาล จักษุรักษ์

๔. น.ส. ฉวี เดชะคุปต์

๕. นายประสงค์ เดชะคุปต์

๖. น.ส. จำเรียง เดชะคุปต์

๗. น.ส. พิไล เดชะคุปต์

๘. น.ส. ไขศรี เดชะคุปต์

๙. น.ส. พีสิน เดชะคุปต์

แต่นางประชุม ฯ ได้ถึงแก่กรรมเสียแต่ พ.ศ. ๒๔๖๗ หลวงประชุมบรรณสารก็ได้เลี้ยงดูและทนุถนอมบุตรเป็นอย่างดี ตลอดจนกระทั่งวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ