อลินจิตต์คำฉันท์

๑๙๏ วาจีกายจิตรน้อมประนอมนขประณาม
นบรัตนทั้งสาม ประเสริฐ
๏ สูงสุดอุตตมคุณอดุลย์ดิลกเลิด
ในโลกยบรรเจิด จรัส
๏ เคารพนบชนนีชนกครุอุปัธ
ยาจารย์จำแนกอรรถ นุสาสน์
๏ สรวมชีพน้อมศิรก้มประนมกรภิวาท
บังคมบรมนาถ นรินทร์
๏ เถลิงรัชฉัฏฐผดุงบำรุงปรถพิน
สยามราชธานินทร์ ทนุก
๏ ร่มเกล้าเหล่านรชาติ์นิราศนฤทุกข์
ปรีดิ์เปรมเกษมสุข สราญ
๏ ไหว้ไทเทวคณาสุราลยพิมาน
อรัญรุกขทุกสถาน สถิต
๏ เสื้อเมืองทรงบุรรักษ์และหลักนครฤทธิ์
เรืองรุ่งอำรุงนิตย์ นิรันตร์
๏ อำนาจอาตมอ้างคุณางคอภิวันท์
ครุฐานิยอัน อุดม
๏ สรวมสวัสดิ์วัฒนการและดาลสุขภิรมย์
สัมฤทธิ์ประสิทธิ์สม ประสงค์
๏ จักเริ่มรังรินิพนธ์ยุบลบทผจง
ฉันท์พจนจำนง จำนอง
๏ สารเสนอจงเสนาะล้วนสำนวนสนิทจอง
ถูกถ้วนขบวนลบอง บคลาย ฯ
๑๖๏ แถลงเรื่องเบื้องบรรพ์บรรยาย นิบาตอธิบาย
อลีนจิตตชาดก  
๏ แสดงด้วยคุณกตัญญูยก หยิบมาสาธก
แถลงเปนเรื่องเนื่องมา  
๏ ปางบรมพรหมทัตกษัตรา เสวยไอสวรรยา
ธิปัติสวัสดิ์สถาวร  
๏ ผ่านพาราณสีนคร ด้วยองค์บังอร
อัคเรศผู้เกตุกำนัล  
๏ อเนกอนงค์ทรงลักษณ์ลาวัณย์ คือดาวล้อมจันทร์
จำนำบำเรอบาทมูล  
๏ มังคั่งโภไคไอสูรย์ สมบัติสมบูรณ์
สมบวรณถ้วนสิ่งสรรพ์  
๏ ปราการประกอบขอบคัน หอรบนางจรัล
โดรณระเบียบบานทวาร  
๏ ปราสาทราชมนเทียรสถาน ก่องแก้วแกมกาญจน์
ประกิจประกอบชอบที  
๏ ทวยหาญหาญกล้าราวี หัยรัถหัตถี
สพรักสพรั่งพร้อมเพรียง  
๏ สถลมารคมลากรอบขอบเวียง เรียบรุกขรายเรียง
ระรื่นระร่มรมยา  
๏ สนามหัดอัศวคชา ติณลาดสอาดตา
ตลอดละโล่งแลลาน  
๏ มีทั้งถิ่นราชอุทยาน กว้างใหญ่ไพศาล
สพรั่งด้วยพฤกษหลายพรรณ  
๏ ผลิดอกออกช่อเรียงรัน บานเบิกสุคัน
ธรสระรื่นชื่นทรวง  
๏ มีสระสาโรชใหญ่หลวง ดาษด้วยดอกดวง
อุบลรบัดแบ่งบาน  
๏ มัจฉกัจฉปท่องท้องธาร เที่ยวหาอาหาร
เล็มไคลแลเคล้าคู่เคียง  
๏ ส่ำสุโนคเสนอศัพท์สำเนียง สนั่นเสนาะเพราะเพียง
บรรเลงบรรโลมลานใจ  
๏ เปนสุขนฤทุกข์นฤภัย ทั่วทั้งเวียงชัย
ประชุมประชาชื่นบาน ฯ  
๑๔๏ ฝ่ายด้านอุดรนครมี วฒกีคมสถาน
ห้าร้อยประมวญชนประมาณ มนะพร้อมประนอมกัน
๏ ปรุงปรับระดับประดิฐเครื่อง คหะเนืองอเนกนันต์
เสร็จแล้วก็ล่องอุทกสัญ จรสู่บุรีรมย์
๏ ใครใครผิใคร่กมลจง จะประสงค์ก็สบสม
เรือนใหญ่และน้อยผิวนิยม ก็จำหน่ายฤหน่วงนาน
๏ ได้ทรัพย์สำหรับทนุบำรุง ชิวรุ่งเจริญมาน
เลยเปนประเพณิยุประการ กิจนั้นนิรันตร์ไป
๏ อยู่มาคณานิกรช่าง ชนต่างก็ครรไล
สู่ห้องพระหาวนะวิไส ยสฤษดิกิตย์การ
๏ รวบรวมกำลังดรุณฟัน ดรุพรรณณะไพรสาณฑ์
โค่นล้มระเนนธรณิดาล ก็ลุโดยสดวกครัน
๏ ยังมีมหันตคชหนึ่ง นิจสึงพนาสัณฑ์
แกล่ใกล้สำนักนิชนอัน กระทำไม้ณไพรพนม
ช้างนั้นจรัลจรละเลียบ ฉะเพาะเหยียบตะเคียนคม
เสี้ยนแขงก็แทงบทระบม ระบุติดสนิทใน
๏ จักทิ้งจะถอนบมิถนัด สรพัดจะขัดไป
หาทางมล้างวิรุธไภ ยก็ยังบหยั่งเห็น
๏ ยิ่งนานก็ดาลอดุรกล้า เพราะพยาธิลำเค็ญ
แผลร้ายกำเริบรอุและเป็น พิษพ่างจะวางวาย
๏ บวมเบ่งลำโบยบทระทม ก็ระบมลำบากหลาย
บุพโพและโลหิตกระจาย กระเจอะหลั่งถะถั่งลง
๏ สำเหนียกสำเนียงนรกระทำ ทุมะกรรมกะเกริกพง
เกิดมีมนานุสรจง จิตรตรึกรฦกพลัน
๏ อันว่านรานิกรมา ฐิติฐานะไพรสัณฑ์
เพื่อรุกขการิยนิรัน ดรกาลก็นานหลาย
๏ จักกอบจะก่อประทุฐกา ยตมาก็เปล่าดาย
ต่างอยู่และต่างสุขสบาย บมิเบียดมิเบียฬกัน
๏ ถึงเหล่าคณานรสฤษดิ์ ดรุกิตย์ณไพรวัน
ทั้งผองก็พึ่งคชอนัน ตประจำกระทำการ
๏ เลี้ยงดูก็โดยกรุณจิตร บมิคิดจะจงผลาญ
เห็นว่าชนานิกรมาน มนะสาทราทร
๏ จำตูจะสู่สถิตฐา นะคณานรากร
เผื่อเขาจะคิดกรุณรอน บทโรคทุเลาเบา
๏ แม้ชนบช่วยและจะกระทำ ทุฐกรรมก็ทำเนา
ไม่ไปก็ใช่ชิวิตเรา นิจะรอดตลอดปี
๏ คิดแล้วคระไลจรจรัล บมิหวั่นมนินทรีย์
แต่ยามจะย่างบทละที ฤก็ยากลำบากครัน
๏ ค่อยย่องเขยื้อนสริรโยก และโขยกเขย่งยัน
หากหึงก็ถึงดำบลอัน วฒกีประกอบการ
๏ เน่งนอนอนาถณพสุธา ดลน่าจะสงสาร
เหลือบแลชแง้นยนะดาล จิตรมาดบคลาศคลา ฯ
  ๒๘๏ ปางช่างทั้งหลาย
ลีลาศผาดผาย พอพบคชา
นิ่งนอนลำบาก เห็นหลากนักหนา
พะวงสงกา ก็เข้าไปดู
  ๏ เห็นเสี้ยนตะเคียน
เสียบติดมิดเมี้ยน ในเท้าช้างผู้
ให้มีเมตตจิตร คิดจักค้ำชู
ช่างไม้ทั้งหมู่ มั่วสุมชุมกัน
  ๏ จึงเอาปลายมีด
ค่อยแคะแกะกรีด ตรงแผลด้วยพลัน
พอกว้างออกก่อน จึงถอนเสี้ยนนั้น
เสี้ยนแขงสำคัญ เขยื้อนเคลื่อนคลา
  ๏ แล้วทำยาใส่
ดูแลระไว ระวังรักษา
จนช้างนั้นคลาย วายทุกขพาธา
คิดคุณชนา กรเกื้อแก่ตน
  ๏ จึงอยู่ให้ใช้
เอาภารการไม้ ฉุดชักลากขน
ถือสายบันทัด จัดเครื่องมือคน
บรรจงส่งชน ช่างไม้ทำการ
  ๏ ช้างนี้มีบุตร
ผ่องสีบริสุทธิ์ เศวตโอฬาร
ศุภลักษณ์พิไล คชใดจักปาน
เปนตระกูลสาร หัตถาชาไนย
  ๏ ล่วงกาลนานมา
ช้างพ่อชรา แรงน้อยถอยไป
รำพึงถึงบุตร เผือกผุดผ่องใส
จะพามาไว้ กับช่างต่างตน
  ๏ คิดแล้วครรไล
ไปยังป่าใหญ่ ที่อยู่บุตรดล
แถลงแจ้งเรื่อง เนื่องในยุบล
อันมีแต่หน หลังเล่าลูกยา
  ๏ ต้นแต่ต้องเสี้ยน
สบภัยใหญ่เจียน จักวายชีวา
หากฝูงชนช่วย ไม่ม้วยมรณา
จึงสู้อาสา รับการวัฒกี
  ๏ จวบจนทุพล
ชราวิกล วิการอินทรีย์
ยกข้อกตัญญู คู่กัตเวที
โดยธรรมคดี มาพร่ำรำพรรณ
  ๏ อ้าพ่อผู้บุตร
อันบิตุรสุด แสนรักหนักครัน
บิดามานี้ ด้วยมีหมายมั่น
จักพาเจ้านั้น นิราศคลาศคลา
  ๏ ไปอยู่กับช่าง
รับใช้การต่าง ตัวพ่อนี้นา
เจ้าจะได้สนอง คุณของบิดา
โดยเปลื้องปลดภา ระพ่อพึงมี
  ๏ อ้าพ่ออันผู้
ถือมั่นกตัญญู ทั้งกัตเวที
เมธาว่าเลิด ประเสริฐแสนดี
เทียบด้วยมณี อนัคฆ์รัตนา
  ๏ พ่อผู้อภิชาติ์
จงจำโอวาท คติบิดา
รู้คุณท่านนั้น คือกตัญญุตา
สนองคุณูปการ์ คือกัตเวที
  ๏ ลูกยาไปอยู่
ยังสำนักหมู่ มวญชนวัฒกี
จงอุตสาหะ วิริยการี
ในธรรมวิถี ที่สำแดงมา
  ๏ คชไกรได้ฟัง
บิดาสอนสั่ง สุดแสนหรรษา
รับสนองคุณคน แทนตนบิดา
รับโอวาทา นุสาสน์ใส่ใจ
  ๏ สำเร็จเรียบร้อย
สองช้างต่างคล้อย คลาพรากจากไพร
จึงคชบิดา พาคชบุตรไป
ส่งให้ช่างไม้ ใช้ต่างอาตมา
  ๏ ตนนั้นครรไล
ตามอัชฌาสัย สมมาดปราถนา
จำเดิมแต่นั้น คชพรรณโสภา
อยู่ด้วยนรา นิกรวัฒกี
  ๏ รับใช้การงาน
กิริยาอาการ เชื่องราบเรียบดี
เลิกแล้วลงสนาน ในน่านนที
เด็กพร้อมล้อมมี่ เล่นด้วยเสมอไป
  ๏ ธรรมดาว่าสัตว์
อาชาไนยชัด เช่นแจ้งแถลงไข
ฤาถ่ายมูลลง ในคงคาลัย
ย่อมมีที่ไว้ ถ่ายมูลแห่งตน
  ๏ อันนาเคนทร์นี้
ก็ย่อมมีที่ ถ่ายยังฝั่งชล
วันหนึ่งฝนตก ยกใหญ่ไหลล้น
ชะมูลมงคล คชสู่วารี
  ๏ ลอยตรงลงไป
ติดต้องข้องใน ซุ้มไม้อันมี
แทบท่าคชยาตร ณราชธานี
พาราณสี สืบเรื่องเนื่องมา ฯ
๒๑๏ บัดหมอช้างพาคชินทร์พา หนะนริศรคลา
สู่กระแสสา คเรศพลัน
๏ ห้าร้อยเชือกถ้วนประมวญกัน จะชำระสริรอัน
เคยกระทำธรร มดามา
๏ สบกลิ่นมูลเสตะอาชา นยคณะคชปรา
รภจะลีลา ประลาตไป
๏ ทุกช้างต่างตื่นตระหนกใจ บมิบทจรไคล
ลงสนานใน นทีธาร
๏ หัตถาจารย์แจ้งประจักษ์การ จิตรดำริหวิจารณ์
ตรวจเจอะมูลสาร ก็ทราบสรรพ
๏ จึงให้นำมาประสมกับ อุทกะคละและกำชับ
สั่งประชารับ ณบัดดล
๏ ถูทาอินทรีย์กรีคณ นิรหทยวิจล
จึงสนานชล สดวกดาย
๏ บัดหัตถาจารย์จรัลผาย ลุมหิศรถวาย
อัญชลีขยาย ยุบลทูล
๏ ข้าแด่สมเด็จบดินทร์สูร วิสิฐคชตระกูล
สารเศวตบูรณ์ อุบัติมี
๏ ควรพามาเพื่อผดุงศรี นครวรบุรี
เถกิงพระเกียรดิทวี วราดูลย์ ฯ
๑๑๏ ปางไทธเรศธรร มิกมิ่งมไหสูรย์
ฟังหัตถิกาทูล ก็ภิรมยเปรมปรีดิ์
๏ สั่งเสวกามาตย์ สุรชาติมนตรี
ตรวจเตรียมพหลพี ริยยุทธโยธา
๏ จักยาตรประพาสถิ่น ชลสินธุคงคา
หวังพบประสบสา รเศวตวิเศษพันธุ์
๏ ขุนพลก็รับสั่ง และประดังประดากัน
จัดถ้วนขบวนอัน จะเสด็จดำเนินจร
๏ ครั้นรุ่งอรุณกาล นฤบาลบดีศร
อ่าองค์อลงกรณ์ รุจิแก้วพะแพร้วกาญจน์
๏ สรรพเสร็จเสด็จดล ชลอาสโนฬาร
ยาตราพลาหาญ จรห้วงกระแสสินธุ์
๏ งามเรือพระที่ง ดุจดังพิมานอินทร์
พายเพียงจะพาบิน บมิเบื่อจะบงงาม
๏ งามเรือกระบวนนำ จรคล่ำและเรือตาม
ดั้งกันกระชั้นหลาม ชลลอยสลอนแล
๏ เสียงส้าวและเสียงกลอง สุรก้องนทีกระแส
เสียงสังข์ประดังแตร เสนาะปี่มะมี่กรรณ
๏ ทวนสายกระแสสา ครคลาก็ช้าครัน
มุ่งด้าวอุดรอรร ณพจ้ำกระหน่ำไป ฯ
๑๙๏ เสด็จโดยแดนชลมารคประจากนครไกล
พลางราชประพาสใน นที
๏ กุ้งกั้งทั้งกรกฎและกัจฉปก็มี
กากดตะโกกกระดี่ กระโดด
๏ ดุกด้องล่องชลพบกระทบปะทะก็โกรธ
กรากไล่กะดี่โลด คระไล
๏ คางเบือนบู่จรมาและบ้าก็จรไป
คล่ำไคลณคงคา อโข
๏ กริมกรายว่ายชลผังและยังคณะชโด
เทพาพะเทโพ ตะเพียน
๏ ซิวซ่าสร้อยจรล่ำคะคล่ำชลเฉนียร
เสือเสื้องกระสงเวียน รไว
๏ ม้าหมูหมู่คณะหมอก็คลออิทุกไคล
เข้าเม่าและเค้าไป ปะกัน
๏ แออัดมัจฉกระแหกระโห้ก็หฤหรรษ์
หาคู่พธูผัน ผยอง
๏ นวลจันพรรณะตะพากก็พาคณะคนอง
แล่นไล่ละโลดลอง ละเลิง
๏ แก้มช้ำคล่ำชลผ้ายและว่ายกระเจอะกระเจิง
จวบจวดกำพวดเริง สราญ
๏ เนื้ออ่อนอ้าวคณะอุกชะโอนจรณธาร
เล็มล่าเสาะอาหาร ฤขาด
๏ ยังหมู่มัจฉสลิดและหลดสละสลาด
ดาบลาวและสังขะวาด ไสว
๏ ชมหมู่มัตสยคลาณสาครวิสัย
บรรเทิงพระทัยไท ธิเบศร์
๏ เนืองนองผองพลโดยเสด็จจรประเวศ
แหล่งสาคเรศล้วน สราญ ฯ
๑๑๏ สองฝั่งสพรั่งพฤก ษพิฦกมเหาฬาร
รายเรียงเฉวียงธาร และสดำจะร่ำสรรค์
๏ หมู่สนระคนโสก ดรุโรกก็เรียงรัน
รวกรังประดังกัน รกะสักและรักรง
๏ ทรึกแทรกตระแบกทราก และตระบากก็เบียดปรง
ปริกปรูประดู่ดง รดะดื่นระรื่นแล
๏ ยุงยางกำยานยอ และสมอสมีแสม
จิกแจงก็จอแจ ประจำอยู่ณหมู่จันทน์
๏ โลดเลียบเสลามาน สละลานสลับกัน
โมงโมกอุโลกพรร ณลำภูลำแพนราย
๏ พลวงพลับระดับมา รยะหว้าพวาหวาย
ขานางและยางทราย สรพร้อมณไพรตรัง
๏ แต้วต้องมะตูมตาด คณะหนาดขนุนหนัง
เฟืองไฟลำไยยัง รกำกุ่มและตุมกา
๏ ช้องนางและช้างน้าว ก็คละขว้าวมะขวิดหนา
แน่นนันมะดันดา รดะดกอุดมจริง
๏ ข่อยเคี่ยมตะเคียนคาง และมะทรางมะปรางปริง
เพกาสลาลิง สรหล้างระหว่างไพร
๏ ไม้ดอกก็ดาษดื่น พิศพื้นผกาไสว
หอมหวนรำจวนใจ ขณะพายุพัดพาน
๏ ส่งกลิ่นระรินรื่น รสชื่นกมลมาลย์
สายหยุดและพุดตาล ตละล้วนจะชวนชม
๏ บุนนากก็มากมี มลุลีและลั่นทม
ยมโดยประดู่ฉม สุวรพตระหลบพง
๏ อังกาบกุหลาบเทศ รกะเกดและกาหลง
ลำดวนระดับดง รดะแก้วพิกุลกัน
๏ ซ่อนกลิ่นกระถินเหลือง พิศเรืองแอร่มพรรณ
อบเชยและอัญชัน พุทชาดสอาดดี
๏ หนึ่งกรรณิการ์สา ทรการะเกดมี
จำปาและจำปี มลิปนระคนไป
๏ นางแย้มพยอมดง และประยงคุ์ยิโถไสว
ลำเจียกขจรใน วนะนั้นก็หนั่นหนา
๏ คัดเค้าและชงโค คณะโยทกาดา
ดาษทั้งกระดังงา พิศงามอร่ามไป
๏ พุดซ้อนสลับปีบ รบุกลีบผกาไข
กลิ่นฟุ้งจรุงใจ สุวคันธควรชม
๏ ยังเข็มยิเข่งเสา วรสเร้าอุรารมณ์
นมสวรรค์และสุกกรม สุรภียิสุ่นสรรพ์
๏ ท้าวไทธได้ชม อภิรมย์ฤทัยครัน
โยธาคณานัน ตมนัสก็เบิกบาน ฯ
๑๔๏ บัดไทธบงจตุรบาท ทิชชาติ์ณไพรสาณฑ์
หลายเพศละพวกพิศอุฬาร อดิเรกะแหล่หลาย
๏ โคถึกกระทิงอธิกพรร ณฉมันและกวางทราย
หมีหมูและหมู่มฤคราย จรเร่ณราวดง
๏ ฝูงฟานกระจงจรกระเจิง กระเจอะเหลิงละเลิงหลง
พอพบพยัคฆ์พหลยง ก็ขยาดประลาตไกล
๏ เนืองนองชนีนิกรทุก รยะรุกขแลไสว
โหยหวนรำจวนจิตรพิไร สุรศัพทอาจิณ
๏ กุญชรก็ชักคชพธู จรสู่กระแสสินธุ์
เล่นน้ำและกล้ำอุทกกิน ก็คะคล่ำณลำธาร
๏ หมู่เม่นละมั่งคณะระมาด รดะดาษณดงดาร
เยียงผาและกาษรสราญ ละเลาะภักษภุญชา
๏ อ้นตุ่นกระแตปะทะกระต่าย จรร่ายภิรมยา
จิ้งจอกกะรอกนิกรวา นรค่างสล้างราย
๏ เสนกังกระทั่งคณะชมด จะร่ำหมดก็มากหลาย
ยังเหล่าทิชากรนิกาย ก็อเนกณไพรวัน ฯ
๑๕๏ นิกรสกุณเนืองนันต์ สาลิกาพรรค์
กระลุมภู
๏ นิกรสกุณเค้ากู่ เขาขรมคู
และโคกม้า
๏ นิกรสกุณคับคา คุ่มตะขาบคลา
และคับแค
๏ นิกรสกุณลานแล กดและกาแก
ก็ชุมกัน
๏ นิกรทวิชอัญชัน แอ่นกระแวนวัน
ระวังไพร
๏ นิกรทวิชคล่ำไคล คล้ากระสาไส้
และแซงแซว
๏ นิกรทวิชเค้าแมว ทั้งกระทาแถว
กระทุงทอง
๏ นิกรทวิชเนืองนอง เหยี่ยวและยางปอง
จะจิกปลา
๏ นิกรวิหคสัตวา เบญจวรรณสา
รพัดมาน
๏ นิกรวิหครังนาน ปลิงกระลิงลาน
และคลิ้งโคลง
๏ นิกรวิหคเค้าโมง ยูงก็ยาตรโยง
มยูรมวญ
๏ นิกรวิหคนางนวล เหล่าอิลุ้มรวน
พระยาลอ
๏ สกุณนิกรเคล้าคลอ เอี้ยงและออกออ
อรัญญิก
๏ สกุณนิกรนกพริก อีกพระหิดหงส์
และค้อนหอย
๏ สกุณนิกรเลื่อนลอย ลมประเล่ห์คอย
ณคัคณานต์
๏ สกุณนิกรสำราญ ชมพระสมภาร
พระภูมินทร์
๏ นฤปธจรแหล่งสินธุ์ โสมนัสจิน
ตปรีดี
๏ ประลุณนิคมะวัฒกี เทียบประทับที่
ฤทันนาน ฯ
๑๖๏ ช่างไม้ได้ทราบข่าวสาร สมเด็จภูบาล
บพิตรประพาสมาดล  
๏ ต่างคลามาเฝ้ายุคล บัวบาทจุมพล
ผู้เจ้าธเรศเขตต์ขัณฑ์  
๏ กราบทูลถามประสงค์ทรงธรรม์ ซึ่งสู้เสด็จครร
ไลลุณแหล่งแห่งสถาน  
๏ ราชามีราโชงการ เรามาเพื่อสาร
เศวตหัตถาชาไนย  
๏ โดยมีประสงค์จงใจ จักใคร่ได้ไป
เปนศรีบุเรศรรมยา  
๏ ช่างไม้ไป่ขัดอัชฌา สัยราชปราถนา
ประนีประนอมพร้อมกัน  
๏ ทูลถวายคชลักษณ์ลาวัณย์ เปนราชคำนัน
คำนับในเบื้องบาทางค์  
๏ แต่กเรนทรรัตน์ขัดขวาง ทำท่วงทีอาง
ขนางบ่ยอมพร้อมใจ  
๏ เหตุมานมนัสนึกตรึกใน ชนโกวาทไพ
บูลย์ยิ่งบ่หย่อนผ่อนปรน  
๏ ไม่สละละหน้าที่ตน อันสนองคุณคน
โดยคำบิดรสอนมา  
๏ เว้นแต่ผู้มีคุณา ธิกแก่บิดา
โดยรับประโยชน์อย่างยง  
๏ จึงทำท่วงทีทนง ดื้อดึงขึงคง
บ่ยอมให้ขับครรไล  
๏ บัดนเรนทโรงการขานไข เหตุผลกลใด
หัสดินบ่ยินยอมจร  
๏ หัตถาจารย์ทูลภูธร โดยนัยอนุสร
ก็ทราบธุลีบาทา  
๏ ธประสาทราชทรัพย์นับมา หกแสนกหา
ปณะอำนวยวัฒกี  
๏ หนึ่งนั้นพรรณพัสตรรูจี หลากอย่างต่างสี
ประสิทธิ์ทั้งฝ่ายชายหญิง  
๏ กระนั้นสารเศวตยังประวิง ดูดุจท้วงติง
บเต้าบตามความประสงค์  
๏ จึงประทานธนสารจำนง เปนเบี้ยเลี้ยงจง
จำหน่ายจำแนกแจกปัน  
๏ แก่ทารกทั่วตัวกัน เสร็จคชจึงครร
ไลโดยเสด็จบดีศวร  
๏ จากมาอาลัยรัญจวน ครโหยครหวน
จะเหินจะห่างร้างไกล  
๏ เหลียวดูหมู่เด็กครุ่นไป ระทมตรมใจ
ก็จำบำราศคลาศคลา  
๏ พรหมทัตขัติยราชา ท้าวแสนหรรษา
ภิรมย์สำเริงหฤทัย  
๏ คลาเคลื่อนพหลพลไกร โดยคงคาลัย
ก็ลุบุรีรมย์สถาน ฯ  
๑๔๏ ปางนั้นนเรศรวริน ทรปิ่นภุดาธาร
ปรารภเริ่มดำริหการ จะฉลองเฉลิมขวัญ
๏ สมโภชคเชนทรประเสริฐ สิริเลิดวิไลวรรณ
สั่งหมู่อมาตย์นิกรสรร คสฤษดิ์พิธีกรรม
๏ ตกแต่งตำแหน่งคชสถิต ยพิจิตรผจงทำ
มาฬกอลงกฎประจำ นิจกาลสถานเทา
๏ แท่นที่ธำรงสริรองค์ ก็ประจงประเจิดเพรา
เบญพาศจลุงฉลุเฉลา รุจิเรขอุไรพรรณ
๏ เพดานประดิษฐ์วิจิตรวัต ถเศวตวิเศษสรรค์
หลากล้วนลิขิตวิวิธยัน ตรเลขสลับราย
๏ พ่างพื้นพเนกสยนะยล ฤระคนระคายกาย
ปูลาดสอาดสุขสบาย บมิมีธุลีปน
๏ แต่งทั้งนิเวศน์บวรธา นิยราชะทุกหน
ทุกแห่งตำแหน่งนครมณ ฑลโรจนากร
๏ สองฟากวิถีถลขนัด ธุชฉัตรสลับสลอน
รายเรียงเฉวียงสดำละตอน พิศเพลินเจริญใจ
๏ ถึงวันมหามหุติวา ระจะคลาขบวนไคล
แหนแห่พระคชยศวิไล จรรอบพระพารา
๏ สมเด็จบดินทรบพิตร ธสถิตณพลับพลา
ดาดาษอมาตยคณา กรก้มประนมกร
๏ นานาคณาบุรุษนา ริยมาสโมสร
คอยบงขบวนคชบวร จรผ้ายถวายตัว
๏ เซงแซ่กระแสสรจำนรรจ์ หฤหรรษแย้มหัว
เบิกบานสราญฤทยมัว ดำริห์มุ่งจะเมิลมอง
๏ ตราบเท่ากระทั่งคณะพลา กรมาก็สมปอง
ช้างม้ารถาณิกละกอง สุรเดชกระเดื่องดาล ฯ
๑๕๏ พลคชคชเชี่ยวชาญ เชิงประยุทธหาญ
ฤห่อนหนี
๏ พลคชคชฤทธี โถมทลวงตี
อรินนาศ
๏ พลคชคชสามารถ มือผจญกาจ
ฉกรรจ์พอ
๏ พลคชคชเถลิงสอ สารกระลึงขอ
และโตมร
๏ พลหยหยราญรอน ล่มมล้างบร
บทนทาน
๏ พลหยหยห้าวหาญ เหิมณรงค์ราญ
ฤย่อใคร
๏ พลหยหยชาญไชย เดชะเกรียงไกร
ณกลางสมร
๏ พลหยหยเริงรอน หัตถทายศร
แสดงฤทธิ์
๏ พลรถรถอักนิษฐ เดชะชาญชิต
ชโยดม
๏ พลรถรถน่าชม เชิงจะยุทธสม
สมรรถอาจ
๏ พลรถรถเก่งกาจ เชี่ยวชำนาญศาสตร์
ประสิทธิ์ครู
๏ พลรถรถเกรียวกรู ถือธนูชู
เฉลิมไชย
๏ พลบทจรแลไสว ดูคะคล่ำใน
สถลมารค
๏ พลบทจรหลายหลาก ล้วนสกรรจ์อยาก
จะยงยุทธ
๏ พลบทจรเอิกอุตม์ แล่นจรัลรุด
ฤเสียขบวน
๏ พลบทจรทั้งมวญ เทิดกุทัณฑ์ทวน
และหอกตาว ฯ
๑๑๏ ส่ำศัพทแสนยา กรมาก็มี่ฉาว
ลั่นเลื่อนสเทือนราว พสุธาจะทำลาย
๏ ถับถึงกเรนทร์ราช ยุรยาตระผาดผาย
ท่ามกลางกระบวนราย พลห้อมสพร้อมมา
๏ มีนางกรีนำ ประจำโดยดำแหน่งคลา
พร้อมคนประคองภา ชนะภักษภุญช์ตาม
๏ สำหรับประดับยศ คชไกรวิไลงาม
คู่แห่ก็แลหลาม สรหล้างสลับกัน
๏ ดั้งดาบกำซาบโต มรโล่ห์และโกทัณฑ์
ง้าวทวนธนูขรร คคทาก็เทิดธาร
๏ โสภาคชาภรณ์ มหิศรประสิทธิ์สาร
โสภิตประกิจกาญ จนะแก้วพะแพร้วพราย
๏ พู่กรรณกระสันโสต ก็วิโรจมเลืองฉาย
ล้วนจามรีราย รจิตรกอปรจงกล
๏ ข่ายทองระรองไร วรำไพสุโสภณ
ตาดปกตะพองยล ก็รยับสลับพรรณ
๏ ดาวมาศสอาดเอก รจเรขรังสรรค์
กำราลตระการวรร ณจรัสและรัตคน
๏ พานพักตร์ชนักแร่ง รยะแย่งกระวิลสน
ขลู่คำวรำพน และรัดพลุกวลัยราย
๏ สีทองก็แพรวแพรว และแสงแก้วก็พรายพราย
พร่างพร่างรพีฉาย พะแพร้วแพร้วเข้าแก้วตา
๏ แห่สารประทักษิณ นครินทราชา
ผาดผายณกายพา หิรรอบบุรีรมย์
๏ จึงนำเศวตกุญ ชรสุนทโรดม
สู่โรงอร่ามสม ยศเลิดประเสริฐดี
๏ จัดแจงจะสมโภช คชโสตถิ์เกษมศรี
สุขสมภิรมย์ปรี ดิเสถียรจำเนียรกาล ฯ
  ๒๘๏ โหราหาฤกษ์
กะเกณฑ์กันเอิก เกริกฤานาน
รีบรัดบัตรหมาย รายตามพนักงาน
ผู้คนอลหม่าน มาตระเตรียมกัน
  ๏ บายศรีแก้วทอง
หิรัญเรืองรอง เร่งรัดจัดสรรค์
แว่นเวียนเทียนไชย แต่งไว้ครบครัน
กระแจะจวงจันทน์ จุณเจิมบรรจง
  ๏ ชุมทิชาชาตี์
เผ่าพงศกมลาสน์ ผู้เลอหลังหงส์
ทั้งโหราจารย์ ชาญฤกษ์ยามยง
เสนามาตย์วง แวดล้อมพร้อมกัน
  ๏ ครั้นลุศุภฤกษ์
ราชครูให้เบิก แว่นเวียนด้วยพลัน
ประโคมพิณพาทย์ นฤนาทนี่นัน
สังข์แตรแซ่ซั้น บันฦๅบรรเลง
  ๏ คำรบห้ารอบ
ต้องตามระบอบ บังคับแต่เพรง
จุณเจิมพระคช โดยบทลเบง
เฉลิมไชยชเวง หวังสวัสดิ์วัฒนา
  ๏ ทำขวัญเสร็จแล้ว
ทั้งผองผ่องแผ้ว ภิรมย์หรรษา
มีมหรศพ ครบเจ็ดทิวา
สมโภชพระยา เศวตวรวรรณ
  ๏ มีโขนละคอน
รบำรำฟ้อน ตามแบบแต่บรรพ์
มีทั้งหุ่นหนัง ตั้งจอประชัน
ประกวดอวดกัน ขันแข่งฝีมือ
  ๏ หญิงชายประชา
เดินไขว่ไปมา พูดจาอึงอื้อ
ดูเล่นเปนสุข สนุกทุกมื้อ
นายไพร่ไม่ถือ ต่างเที่ยวพัวพัน
  ๏ ครั้นเสร็จสมโภช
ปรีดาปราโมทย์ มนัสทรงธรรม์
เสด็จสู่นิวาศ คชราชนิรันตร์
จนคุ้นเคยกัน กับแก้วกุญชร
  ๏ แม้พระประพาส
แห่งใดไป่คลาศ เคลื่อนคลาอาทร
ย่อมยังพระคช ยศไกรให้จร
ด้วยองค์อดิศร สบสมัยเสมอมา
  ๏ ฝ่ายว่านาคินทร์
ภักดีภูบดินทร์ ดำรงสัตยา
นิสสัยซื่อตรง จงรักหนักหนา
การเลี้ยงรักษา แสนสดวกดาย
  ๏ ไม่พักล่ามแหล่ง
ทะมัดทะแมง เหมือนช้างทั้งหลาย
อยู่ยังโรงตน อย่างชนหญิงชาย
อยู่เหย้าสบาย บ่ได้อาดูร
  ๏ ใครแม้เปนมิตร
ซื่อสัตย์สนิท ในนเรสูร
กะรีดีต่อ ไป่ก่อกรรมภูล
ต่างสุขสมบูรณ์ บ่เบียฬบีฑา
  ๏ ใครเปนอมิตร
ในบาทบพิตร ผู้ปิ่นประชา
คชคิดทำลาย บ่หมายเมตตา
ด้วยกตัญญูสา มิภักดิ์ทรงธรรม์
  ๏ สมเด็จภูวไนย
ทราบอัชฌาสัย สุดแสนหฤหรรษ์
ยกย่องพระคช ยิ่งยศใหญ่ครัน
เนาในฐานัน ดรที่พระสหาย
  ๏ ร่วมทุกข์ร่วมสุข
กับท้าวไททุก ค่ำเช้าเพรางาย
บ้านเมืองเรืองโรจน์ เกษมโสตถิ์สบาย
พระเกียรดิกำจาย กำจรธาษตรี ฯ
๑๒๏ ประลุกาลสมัย อธิไทธรณี
ศรราชธิบดี ธจะได้วรบุตร
๏ ขณะสบศุภวา ระวราธิกพุท
ธวรางกุรจุต ติประจากจรลง
๏ ปฏิสนธิพระครรภ์ วรกัญญอนงค์
นุชเอกอรองค์ มหิษีมหิศร
๏ นฤเบนทรปรี ดิฤดีอุปกร
บริหารพระอุทร อรไทยนิรันตร์
๏ พระสนมพนิดา คณนาธิอนันต์
ก็สโมสรกัน กิจเกื้ออุปการ
๏ ขณะใกล้ทศมาส อธิราชนฤบาล
ธประชวรบมินาน ก็สวรรคคระไล
๏ บมิทันจะดำรัส วรอัตถไฉน
พระก็พรากสิริไอ สุริเยศตระบัด
๏ วรราชอนงค์ วรวงศกษัตริย์
วรกัญญอมัจ ก็พิลาปรำพรรณ ฯ
๑๙๏ โอ้โอ๋องค์นฤเบศร์ประเวศภวสวรรค์
ทิ้งข้าคณานันต์ อนาถ
๏ อกเอ๋ยเคยทศนานราธิปบขาด
ดังฤาพระบำราศ คระไล
๏ โอ้โอ๋โพธิอุดมและร่มรวิไฉน
ร่มบารมีไท ก็เทียบ
๏ อกเอ๋ยอัณณวเย็นและเปนสุขจะเปรียบ
กรุณท้าวก็ทำเนียบ นที
๏ โอ้โอ๋ศิงขรขัณฑ์มหันตครุมี
คุณไทก็เทียมศี ขเรศ
๏ อกเอ๋ยมาตุบิดรผดุงดนุชเมต
ตาแม้นธิเบศร์เลี้ยง ดนู
๏ ดาวเดือนเลื่อนจรลับและกับอุบติบู
รพาภาคพระภูบาล บกลับ
๏ โอ้โอ๋เราก็จะเปล่าเปลี่ยวหทยทับ
ถมทุกขคั่งคับ บขาด
๏ ต่างคนต่างก็กำสรดระทดจิตอนาถ
นองอัสสุชลหยาด กระเซ็น
๏ แซ่เสียงโศกครหึมคะครึมสวนะเย็น
เยือกทั้งนิเวศน์เป็น วิบัติ์
๏ สร่างเศร้าจึงมหิษีบดีศรดำรัส
ปฤกษาคณามัจ จะมวญ
๏ เห็นชัดกัษณะนี้จะแจ้งคชบควร
ด้วยเสน่ห์นเรศวร สนิท
๏ ถ้าทราบจักทุมนัสสหัสสจลจิตร
ชีวิตจะวอดวาย บคง
๏ ต่างคิดปิดกิติศัพท์ระงับบมิประสงค์
สำแดงณมงคล คชินทร์ ฯ
๑๖๏ ข่าวเศร้าเล่าทั่วธานินทร์ รั่วรู้รบิล
รบุรบือลือไป  
๏ ลุโกศลราชท้าวไท เห็นเหตุเลศนัย
ตระหนักตระแหน่แง่งาม  
๏ ดำริห์ริเริ่มสงคราม ชิงชัยในสนาม
จะโน้มจะน้าวด้าวแดน  
๏ ตระบัดตรัสสั่งเตรียมแสน ยาพ่างพลแมน
สมรรถแม่นมือประจัญ  
๏ ยาตรยังนคเรศเขตต์ขัณฑ์ พาราณสีอัน
อุดมสมบัติพัฒนา  
๏ ตั้งค่ายรายรอบพารา เรียงเรียดโยธา
อธึกเพียบภูวดล  
๏ โกศลสุรราชเรืองรณ คือนายกพล
บพิตรสถิตเปนประธาน  
๏ ชาวเมืองเรื่องรู้ฤๅนาน รีบรัดจัดการ
ระวังระไวไพรี  
๏ แล้วแถลงแจ้งข้อคดี ดลแด่ภูมี
ศรราชผู้ราชดัสกร  
๏ ว่าองค์อัคราชบังอร ทรงคัพโภทร
ก็ถ้วนณทศมาศา  
๏ โหรพยากรณ์แก้วกัลยา จะประสูติวรรา
โชรสกำหนดสัตตวาร  
๏ ขอรอพอสมภพกาล แม้เปนกุมาร
ก็หมายประจญรณรอน  
๏ ผิวเปนบุตรีศรีสมร ยอมมอบนคร
ให้ขาดแก่ราชอริน  
๏ จึงโกศลผู้ภูมินทร์ เห็นพร้อมยอมยิน
บ่ขืนบ่ขัดทัดทาน ฯ  
๒๑๏ ในวันครบสับดวารกาล กษณมหุติวาร
องคนงคราญ ประชวรครรภ์
๏ สมภพบรมโพธิสัตวอัน อธิกวรมหันต์
มหาคุณานันต์ เฉลิมไชย
๏ ฝูงชนร่าเริงประเทิงใจ บมิจลภิตภัย
ขาดขยาดใน คณามิตร
๏ จึงถวายนามาภิธัยคิด ดำริประดิฐประสิทธิ์
ว่าอลีนจิต ตกุมาร
๏ จัดกันสรรพื้นพหลหาญ จรปะทะอริราญ
รบฤทันนาน ก็ถอยมา
๏ เหตุขาดปราศผู้มหานา ยกพลสุรสา
มรรถขจัดพา ลไพรี
๏ อำมาตย์ทูลราชเทพี พลบุรบมิมี
หาญจะราวี อรินภัย
๏ หนักแน่นแกลนเกลือกปราไชย ผิวตริวินิศจัย
เห็นก็ควรไข เศวตสาร
๏ ให้ทราบเรื่องไทธราธาร ธนิรชนมกาล
ทั้งพระกุมาร ประสูติมา
๏ ปัจจามิตรติดนครธา นิยพหละคณา
เนกจะรบรา ฤทานทน
๏ ขอพึ่งซึ่งอานุภาพพล คชอุตมอนนต์
ช่วยบำบัดรณ บำราศไป ฯ
๑๔๏ ปางองค์อนงค์นุชสุดา สวนาสนองไข
เห็นชอบระบอบยุบลไน ดำริมาตย์ฉลาดทูล
๏ อ่าองค์อลงกฏพระโอ รสราชนเรสูร
เถลิงไสยนาสนะจรูญ อดิเรกบรรจง
๏ ไพจิตรกระโจมทุกุลวัต ถตระบัดก็เชิญลง
จากเหมพิมานพิมลมง คลราชเรือนจันทน์
๏ แวดล้อมสพร้อมประยุรวงศ์ และอนงคกำนัล
เถ้าแก่ชะแม่นิกรพรร คอมาตย์ก็ดาษดา
๏ สมเด็จพระมาดรก็นำ พระดนัยไคลคลา
มายังอลังกรณมา ฬกราชกุญชร
๏ ถึงถับประทับบวรอา สนะหน้าคเชนทร
เสาวนีย์สนองพจนกร มธุถ้อยแถลงการ
๏ อ้าพ่อพิไลสริรลัก ษณศักดิ์เศวตสาร
อาชานยาธิกอุฬาร สุรฤทธิเกรียงไกร
๏ บัดนี้บดีศรนริศร์ ปิยมิตรสนิทใน
พ่อนั้นสวรรคตะคระไล ณสถานพิมานแมน
๏ ข้านี้มิอาจพจนแพร่ง ผิจะแจ้งก็กริ่งแกลน
เกลือกพ่อจะท้อหทยแสน ทุมนัสพิบัติชนม์
๏ นี้คือพระโอรสนริน ทรปิ่นธราดล
สมภพประสบขณะวิจล อริจู่ประจันเมือง
๏ พลเราณรงค์บมิสมรรถ จะขจัดริปูเปลือง
ไร้ผู้มหิทธิสุรเรือง ก็บอาจจะเอาไชย
๏ การเปนฉะนี้และจะพิจา รณะหาฤเห็นใคร
เห็นแต่เศวตคชวิไล วรเดชกระเดื่องดิน
๏ ผู้มิตรสนิทณพระบิดา ยุวราชะโฉมฉิน
จักช่วยบำราบคณะอริน นฤราศคลาศคลา
๏ แม้ไม่ฉะนั้นคชประหาร ชนมานกุมารา
อย่าให้พระหน่อวรชนา ธิปเปนชเลยรณ
๏ นาคินทยินพจนนาง ก็กระจ่างณเหตุผล
ทราบสิ้นรบิลบทยุบล บมิอาจจะนิ่งนาน
๏ ช้อนเชิญพระองค์พระปิยเอา รสเจ้าลำเพาพาล
ทูลเหนือศิโรตมอุฬาร ก็พิลาปอาลัย
๏ โศกพลางก็วางยุวกษัตริย์ ณพระหัตถทรามวัย
จิตรจินต์ถวิลจะจรไป และจะจับริปูมา ฯ
๑๒๏ คชคิดบมินาน ก็ทยานจรคลา
มุขมุ่งณคณา กรปวงปรปักษ์
๏ พลยุทธประนอม สรพร้อมสรพรัก
จรตามคชลัก ษณแล่นจรลี
๏ พระคเชนทรออก ดลนอกพระบุรี
ก็กระทำสุรสี หสำเนียงนฤนาท
๏ อริยินก็ระย่อ มนะท้อบมิกาจ
ภิตภัยประลาต จรหลีกจรหลบ
๏ คชไกรจรตรง ณพระองค์ธรภพ
ประลุช่องชยสบ ก็กระสันพระสกนธ์
๏ จรสู่นคริน ทรถิ่นคชดล
ชนชาวบุรยล ก็คะเคียดมนะคิด
๏ จะกระทำทุฐปลง ชิวองคอมิตร
ก็กระชั้นจรชิด กรแกว่งศสตรา
๏ พลดาบก็ประดัง พลดั้งก็ประดา
พลหอกก็ถลา พลแหลนก็ถลัน
๏ พระเศรวตวรกุญ ชรสุนทรกัน
บมิให้พลขัน ธกระทำชิวฆาฏ
๏ คชวางวรองค์ ณพระบงกชบาท
วรโอรสราช ยุพเยาวกุมาร
๏ กิริยาดุจวาท อนุสาสนสาร
ณอรินนฤบาล บมิให้ธประมาท
๏ พระกุมารผิวเยา วก็เผ่าอภิชาติ์
ธก็ควรอภิวาท มละเว้นทุฐการ ฯ
๑๑๏ โกศลประจักษ์แจ้ง นยแห่งเศวตสาร
ผ่องไสฤทัยดาล อภิรมย์นิยมยิน
๏ ยอมขึ้นบขืนขัด อนุมัตินาคินทร์
ลาคืนณแดนดิน ภพด้าวบร้าวราน
๏ เสี้ยนเศิกก็เลิกขาด บมิอาจจะอวดหาญ
ด้วยเดชะสมภาร ชินพงศทรงไชย
๏ สากลกษัตริย์พร้อม ก็ประนอมประณตใน
สมเด็จพระหน่อไท ธิบดินทร์นรินทร
๏ ครั้นเยาวราชา ชนมายุถาวร
นานมาประชากร ก็ประสิทธิ์มไหศวรรย์
๏ เปนปิ่นชนินทร์นาถ อธิราชธำรงธรรม์
ธำรงธเรศขัณ ฑสิมาสถาพร
๏ ทรงนามอลีนจิต ตนริศร์วเรศร
เฉลิมหล้านรากร กิติก้องธราดล
๏ ปรีดิ์เปรมเกษมสุข นิรทุกขทุกหน
ทุกแห่งตำแหน่งมณ ฑลรัฏฐกาสี ฯ
๑๖๏ เรื่องราวกล่าวข้อคดี โดยเค้าคัมภีร์
ทุกกะนิบาตบรรยาย  
๏ แจกแจงแสดงพจน์ภิปราย เฉลยอรรถอธิบาย
ยุบลคติกตัญญู  
๏ ช้างป่วยชนช่วยเอ็นดู อุปถัมภ์ค้ำชู
บำบัดพยาธิเอาบุญ  
๏ ช้างนั้นกตัญญูรู้คุณ คนเกื้อเจือจุน
จึงอยู่ให้ใช้การงาน  
๏ จนชราแล้วให้เศวตสาร ผู้บุตรรับภาร
ธุระทุกอย่างต่างตน  
๏ ส่วนสารเศวตวรรณวิมล รู้คุณบิตุยล
ตามเยี่ยงบ่หย่อนผ่อนคลาย  
๏ กทั่งธำรงที่พระสหาย แห่งราชฤาวาย
วิริยสนองคุณนรินทร์  
๏ มีศึกมาสู่ธานินทร์ คชรู้รบิล
ก็ช่วยบำบัดตัดเข็ญ  
๏ เหือดหายวายร้อนลำเค็ญ สมกับที่เป็น
ตำแหน่งประเสริฐเลิดสาร  
๏ บ้านเมืองเรืองโรจน์สำราญ ชุมชนชื่นบาน
ทั่วเขตต์ประเทศมณฑล  
๏ แต่ช้างยังรู้คุณคน คติควรยล
เยี่ยงอย่างกอบกัตเวที  
๏ เปนบุตรควรรฦกตรึกตรี รู้คุณชนนี
ชนกถนอมเลี้ยงดู  
๏ เปนศิษย์ควรคิดคุณครู อาจารย์เอาธู
รกิจเกื้ออุปการ  
๏ เปนข้าฝ่าลอองบทมาลย์ แห่งเจ้าจอมปราณ
ควรมั่นใจรักภักดี  
๏ กตัญญูคู่กัตเวที รู้คุณท่านมี
ควรตั้งจิตรปองสนองคุณ  
๏ สมเด็จพระมหาการุญ ย่อมสรรเสริญบุญ
บุคคลผู้กอบกตัญญู  
๏ ว่าประเสริฐเลิดเล่ห์รัตนู ดมเกิดในภู
วดลละกลกลกัน  
๏ จบสิ้นรบิลเบื้องบทฉันท์ ริร่ำรำพรรณ
พอได้เนื้อความตามบท  
๏ อัญขยมกรมหมื่นกวีพจน์ สุปรีชาเพียรรจ
จเรขฉันท์สรรค์สาร  
๏ เฉลิมพระเกียรติยศบทมาลย์ พระมิ่งมหิบาล
บพิตรอุภัยภูวนาถ  
๏ เปนปฐมสมเด็จพระบาท ปิยมหาราช
เบญจมรัชธำรง  
๏ พระบาทสมเด็จพระมง กุฎเกตุธเรศทรง
ถวัลยรัชปัจจุบัน  
๏ สององค์ทรงผดุงเผดิมสรรค์ ศิลปวิทยาพลัน
จรัสจรูญภูลทวี  
๏ ทั่ววราณาจักรเจริญมี ผู้สบศิลปี
ประมวญก็มากหลากหลาย  
๏ แม้ข้าบาทผู้บรรยาย ฉันท์พจน์ภิปราย
ก็รับพระราชการุญ  
๏ ในเบญจมรัชอดุลย์ พระเดชพระคุณ
พระป้องพระปกอุตมงค์  
๏ ทรงพระกรุณาข้าพระองค์ ยามเยาวบ่ยง
ยิ่งวิทยาสาทร  
๏ โปรดให้ไปสู่สถานสอน ศึกษศิลปากร
ในสวนกุหลาบโรงเรียน  
๏ สอบไล่สำเร็จเสร็จเพียร ชัดชาญอ่านเขียน
ค่อยรู้ประสิทธิ์พิทยา  
๏ ทั้งนี้เพราะพระกรุณา จึงได้วิชา
เพื่อเลี้ยงชีพิตเนานาน  
๏ แล้วโปรดให้รับราชการ พระคุณประมาณ
ประมวญบ่ถ้วนถึงทัน  
๏ เท่าถึงรัชกาลปัจจุบัน ปิ่นภพไอศวรรย์
พระบาททรงพระกรุณา  
๏ ชุบย้อมพร้อมทั้งยศถา นาศักดิสมญา
ประสิทธิ์ประเสริฐเชิดชู  
๏ บํําเหน็จรางวัลพระภู ธรทรงเอ็นดู
ก็โปรดประสาทสบสรรพ์  
๏ พระคุณพระพ้นรำพรรณ อเนกอนันต์
เหนือเกล้าแห่งข้าบทมาลย์  
๏ สรวมเดชไตรรัตน์โอฬาร ยิ่งใหญ่ไพศาล
ประเสริฐกว่าสิ่งสากล  
๏ อิกทั้งเทวราชฤทธิรณ เรืองเดชานนต์
อเนกอำนาจมหิมา  
๏ จุ่งได้พิทักษ์รักษา สมเด็จภูวนา
ยกยอดสยามรามวงศ์  
๏ เสวยสวัสดิ์วัฒนธำรง สิริรัชยืนยง
ยิ่งยิ่งภิยโยยืนนาน  
๏ พระเกียรติเกริกหล้าสุธาสถาน พระเดชบันดาล
อรินบำราศขาดสูญ  
๏ ทรงพระเกษมสุขสมบูรณ์ พิพัฒน์เพิ่มภูล
ทุกทุกทิพาราตรี  
๏ รังสรรค์ฉันทพากย์พาที สมัยรัชบดี
ศรราชดิเรกเอกอุตม์  
๏ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าจอมอยุท
ธเยศธำรงทรงธรรม์  
๏ พุทธศักราชสองพัน เศษสี่ร้อยบรร
จบห้าสิบเจ็ดเสร็จประสงค์  
๏ ผิวคำเขินขาดปราชญ์บง เห็นบกพร่องจง
อภัยโทษโปรดเทอญ ฯ  

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ