วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๓ ดร

วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๓

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

สมุดรูปเงาที่ประทานมานั้น ได้ส่งขึ้นมาถึงบ้านแป้งเมื่อวันที่ ๑๒ ได้รับแล้ว ขอบพระไทยเปนอันมาก

รูปที่เขียนในสมุดเล่มนี้ เขาช่างนึกช่างเลือกที่ขัน ๆ ออกจะต้องชมฝีมือว่าเขียนเหมือนจริง ๆ เห็นแต่เงารู้ได้ว่าไทยฤๅชาติใดที่เขาตั้งใจจะเขียน ได้ดูกับลูก ๆ สนุกด้วยกันทั้งนั้น

คราวนี้มีอรรถาธิบายจะทูลถึงที่ได้วินิจฉัยสมุดรูปเงานั้นต่อไป รูปเงาที่เขาเขียน เชื่อได้ว่าเขียนจากรูปคนจริง ไม่ใช่เดา ก็รูปต่าง ๆ ที่มีในสมุดเล่มนี้มีทั้งรูปคนข้างฝ่ายเหนือแลในกรุงเทพ ฯ ตลอดลงไปจนถึงเมืองภูเก็จ ความเห็นข้างต้นเกิดขึ้นว่าผู้เปนช่างเขียนรูปทั้งปวงนี้ ต้องได้เที่ยวในเมืองไทยกว้างขวาง คือต้องเปนผู้ที่ได้อยู่ในเมืองไทยนาน ดูชื่อข้างหลังสมุด ชื่อสเตฟเฟน ไม่ใช่คนอังกฤษ ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเปนผู้ใดที่ได้รู้จัก จนกระทั่งไปเห็นรูปจีนเถ้าแก่กับจีนกลีเหมืองแร่มีอยู่แผ่น ๑ ซึ่งเขียนเหมือนดีจริง ๆ จึงนึกขึ้นได้ว่าช่างที่เขียนรูปเหล่านี้เปนคนที่หม่อมฉันได้รู้จัก แลคุ้นเคยกันทีเดียว ชื่อสเตฟเฟน เปนชาติออสเตรเลียได้เข้ามาอยู่เมืองไทยช้านาน หากินอยู่ในกรุงเทพ ฯ นี้พัก ๑ แล้วลงไปทำเหมืองแร่อยู่ทางแหลมมลายู ในที่สุดไปอยู่ที่เมืองพังงา เมื่อประกาศสงคราม ถูกจับเปนชาติศัตรู ส่งไปจากเมืองไทย เห็นจะไปถูกขังอยู่ในอินเดีย แล้วจะอย่างไรต่อไปหาทราบไม่

สเตฟเฟนคนนี้ได้เคยเขียนรูปฝากมาให้หม่อมฉันหลายแผ่น ได้ใส่กรอบติดไว้ที่บ้านก็มี แต่แกเขียนเปนรูปแผนที่มีสีน้ำมัน ฝีมือออกจะตัน จึงไม่ชวนให้นึกว่าเปนช่างเขียนอะไร ถ้าแกเขียนรูปเงาอย่างที่พิมพ์นี้ส่งมาให้แต่เมื่อคราวนั้นก็ดี ฤๅจะร่างรูปคนด้วยเส้นดินสอส่งมาได้ก็ดี จะได้รู้จักว่าเปนช่างเขียนมาเสียนานแล้ว

รูปเงาที่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ เห็นได้ว่าเปนของเก่า เห็นจะเขียนไว้แต่ในร.ที่ ๕ รูปนางสาวยังไม่ไว้ผมยาว รูปจีนก็ยังมีผมเปีย ออกอยากรู้ว่าจะไปคิดอ่านพิมพ์ขึ้นที่ไหน ตัวนั้นถ้ามาได้ หม่อมฉันเชื่อว่าคงจะกลับมาอิก ด้วยมีลูกเมียเปนไทย อายุก็มากแล้ว จะไปหากินที่อื่นเห็นจะไม่ได้

หวังใจว่าจะทรงเปนสุขสบายดี วันที่ ๑๖ นี้คงจะได้พบกันที่กรุงเทพ ฯ ในงานทำบุญที่พระศพทูลกระหม่อมเล็ก

ป.ล.มีเรื่องปลาดที่จะทูลเปนพิเศษเรื่อง๑ ด้วยเพิ่งรู้คราวนี้เองว่า เหตุใดที่นี่จึงเรียกว่าบ้านแป้ง เพิ่งปรากฎว่าที่ในทุ่งข้างหลังบ้านห่างออกไปสัก ๑๐ เส้น ในแผ่นดินมีหินฟันม้าฤๅแก้วแกลบปนอยู่กับดิน เมื่อขุดขึ้นมาพอเห็นเปนทราย ต้องเอามาแช่น้ำให้ดินสลายไป จึงได้หินฟันม้าเปนเกล็ด ๆ หินนั้นเอามาขั้วแล้วตำ ขาวบริสุทธิ์ทำแป้งทาได้ ความอันนี้ที่จริงชาวบ้านเขารู้กันมานานแล้ว เขาทำแป้งกันอยู่เสมอ แต่หากเราไม่รู้เอง

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ