ฉากที่ ๓

สวนดอกไม้อีกตอน ๑ ในสำนักพระกัณวะ

(พอเปลี่ยนฉาก, พิณพาทย์เปลี่ยนทำเพลงฉิ่ง. นางศกุนตลากับพี่เลี้ยงออกมา, หยุดกลางโรง.)

เจรจา

อนุสูยา แม่ศกุนตลา, เชิญมานั่ง.
  หล่อนจะเหนื่อยกระมัง, แม่จอมขวัญ.?
  แสนสงสารน้องน้อยละห้อยครัน.
  ปิยวาทกับฉันจะพัดวี.
  (พี่เลี้ยงพาศกุนตลาไปนั่งเตียงและพัดให้.)
ศกุนตลา ฉันขอบใจนักหนาเมตตาน้อง.
  ช่วยประคับประคองทั้งสองพี่;
  แต่น้องนี้แสนโศกเพราะโรคมี
  เหมือนเปนไข้ไฟจี้จ่ออุรา.
  ถึงยามนอนมีแต่กรก่ายหน้าผาก.
  อกแทบครากเจ็บร้าวราวเปนบ้า;
  เหมือนดวงใจมิได้อยู่กับกายา,
  สุดที่จะพรรณนาถึงอาการ.
  ถึงจะหาโอสถขนานใด
  มากินทาก็คงไม่ดับไฟผลาญ,
  ได้แต่นั่งคอยเวลากว่าชีวาน
  จะร้าวราญเลยดับวับลงไป. (โอด)

(ในระหว่างเวลาที่โอดนี้, ท้าวทุษยันต์ออกมาแฝงอยู่ที่ต้นไม้, แอบดูและฟังนางทั้งสาม.)

ปิยวาท อุ๊ย ! นี่แน่, แม่อนุสูยา.
  แม่ศกุนตลานี้ป่วยไข้.
  มิใช่โรคธรรมดา, น่าสงสัย.
  ว่าจะเปนโรคใจเสียแน่นอน.
  ฉันคิดว่ากามเทพผู้สามารถ
  คงจะได้บังอาจผาดแผลงศร
  มาต้องแม่ศกุนตลาสง่างอน.
อนุสูยา แน่ละหล่อน ! ฉันเห็นเปนเช่นนั้น.
  ตั้งแต่ได้พบองค์ทรงพิภพ.
  ผู้ปิ่นโปรพรังสรรค์.
  นางก็เฝ้าโศกาจาบัลย์
  ควรถามให้รู้มั่นเหมาะความ
  นี่แน่ศกุนตลามารศรี.
  จงบอกพี่จริง ๆ ตามคำถาม;
  จะนิ่งไว้ทำไม, แม่โฉมงาม ?
ศกุนตลา น้องจะตอบข้อความตามจริงใจ.

บทร้อง -ศกุนตลา

(พัดชา)

  ๏ พอได้ประสบพบเนตร์
  ทรงเดชโปรพเปนใหญ่
  เหมือนศรศักดิ์มาปักกลางหทัย
  ดวงใจจอดอยู่ที่ภูบาล
  งามทรงเหมือนองค์เทวราช
  องอาจสมชายชาติทหาร
  ซ้ำเสนาะเพราะรสพจมาน
  อ่อนหวานชื่นใจไม่จืดจาง
  นึกๆ ก็อยากเฃ้าชิด
  แต่จิตคิดอายอางขนาง
  ดูไปไม่แลเห็นทาง
  จำใจจำห่างเหินรัก
  ทำไฉนจะดูให้รู้ได้
  ถึงดวงหฤทัยพระทรงศักดิ์
  บางทีพระจะไม่จงรัก
  พระจะไม่พักนำภา ฯ

บทร้อง-ทุษยันต์

(ลินลากระทุ่ม)

  (ร้องจากที่แฝง) ๏ ฟังคำ
  ช่างหวานฉ่ำเกษมสันต์หรรษา
  (ออกจากที่แฝง, และร้องตอบนาง)
  เจ้าอย่าพะวงสงกา
  จะบอกแก่นงพงาผู้ยาใจ
  โฉมนางแน่งน้อยช้อยชด
  งามหมดหาที่ติมิได้
  ฤทธิ์รักจู่จอดยอดใจ
  คือไฟเผาดวงหัทยา
  กามะเทพทนงองอาจ
  ผาดแผลงศรแซมแกมบุบผา
  ศรศักดิ์ปักอยู่แทบอุรา
  หอมชื่นนาสาน่ายินดี
  ตั้งแต่ประสบพบสมร
  จิตพี่นี้ร้อนดังไฟจี้
  กลัวแต่เจ้าจะไม่ใยดี
  พี่จึ่งไม่กล้ามาวอน
  ถ้ารู้ว่าน้องรักสมัคบ้าง
  ทีไหนพี่จะห่างดวงสมร
  ขอเชยพอวายหายร้อน
  บังอรอย่าตัดอาไลย ฯ

เจรจา

อนุสูยา ขอเชิญเสด็จประทับให้ทรงสบายก่อน, พอให้คลายวายร้อนพระวรกาย. บนแท่นศิลานั่นแน่ะเพคะสบาย, เย็นไม่มีที่ไหนสู้, จึ่งได้จัดให้เปนที่แม่โฉมตรูมานอนพักอยูที่นี่.
ทุษยันต์ (นั่งบนแท่น, แล้วพูดยิ้ม ๆ.) ขอบใจ ! จริงของหล่อน, สบายดี, ทั้งร่มทั้งเย็น. แต่ทำไมต้องล้อเล่นเช่นนี้ให้น้องหล่อนอาย ? หล่อนเองก็ยังสาวแส้, แต่ไม่เคยรักผู้ชายบ้างหรืออย่างไร ?
อนุสูยา อุ๊ย ! ที่นี่ไม่มีใคร, มีแต่พวกฤษีชีป่า. ดูแต่แม่ศกุนตลาสิเพคะยังไม่เคยรักผู้ชาย. จนพระองค์สิเสด็จกล้ำกลายเฃ้ามาที่นี้. นางก็จับไข้ไปทันทีจนไม่มียาจะรักษา. เห็นอยู่แต่พระจอมภารานั่นแหละจะเปนแพทย์พิเศษพอรักษาได้.
ปิยวาท หล่อนละก็พูดมากเกินไปไม่เฃ้าเรื่อง ! ประเดี๋ยวเจ้านายเราจะทรงขุ่นเคืองกริ้วเราไม่เฃ้าการ. ที่จริงเราก็มีงานที่ยังจะควรทำต่อไป; ไปเถอะหล่อน, ไปรดต้นหมากรากไม้กันทางโน้น. (นางพี่เลี้ยงทั้งสองเฃ้าโรง.)

บทร้อง -ทุษยันต์

(ชาตรีใน)

  ๏ โฉมเฉลา
  นงเยาว์ยั่วยวนเสนหา
  กามะเทพแผลงศรบุษบา
  ต้องอุราเรียมไหม้ดังไฟกัลป์
  ยามพี่แรกเห็นอนงค์นาง
  พี่เหมือนกวางต้องศรแทบอาสัญ
  ยื่นนิ่งพินิศพิศพรรณ
  เลอสรรรูปเรี่ยมเอี่ยมอุไร
  หอมกลิ่นมัลลิกาจำปาทอง
  หอมสู้กลิ่นน้องพี่ไม่ได้
  หอมกลิ่นบุหงาซาไป
  หอมกลิ่นอรไทยไม่ลาลด
  รื่นๆ ชื่นจิตติดอารมณ์
  มิได้ชมจิตช้ำกำสด
  ขอเชิญน้องน้อยช้อยชด
  เผยพจน์ให้เรียมได้ยินดี ฯ

บทร้อง-ศกุนตลา

(ปีนตลิ่งนอก)

  ๏ ผ่านฟ้า
  พระช่างเจรจากระไรนี่ (ลุกจากเตียง)
  พระก็รู้ว่าตูฃ้านี้
  อยู่พงพีไม่เคยพบผู้ชาย
  เคยพบแต่พวกชีพราหมณ์
  กับพวกทาสเลวทรามทั้งหลาย
  พระปิ่นโปรพยอดชาย
  ฃ้าหรือจะหมายเปนคู่ครอง
  ในพระนิเวศน์เขตวัง
  พร้อมพรั่งพระสนมทั้งผอง
  รู้จักแต่งแป้งผัดนวลลออง
  เครื่องประดับแก้วทองวราภรณ์
  ต่างตนรู้จักปรณิบัติ
  สารพัดชั้นเชิงเริงสมร
  ฃ้านี้ชาวป่าพนาดร
  ไหนจะสู้บังอรที่วังใน ฯ

บทร้อง-ทุษยันต์์

(โอ้โลมใน)

  ๏ ขวัญฟ้า
  ไฉนหล่อนแสร้งว่าฉนี้ได้
  แสนสาวสุรางค์ช่างเปนไร
  ตัวพี่นี้ไซร้ไม่นำภา
  ขอแต่ภิรมย์ชมชิด
  จุมพิตแต่แก้วกนิษฐา
  เปนคู่สามีภิริยา
  จนกว่าจะสิ้นชีวัน
  เจ้าจะหนีพี่ใยไม่เมตตา
  เหมือนจะแกล้งเข่นฆ่าให้อาสัญ
  ขอเชิญนั่งเตียงเคียงกัน
  พอสันต์เกษมเปรมปรีย์
  ช่างกระไรใจคอจะเพิกเฉย
  จะไม่ยอมให้เชยหรือโฉมศรี
  พี่เหมือนภุมรินขอยินดี
  ที่กลิ่นเกษรสุมณฑา ฯ

เจรจา

ศกุนตลา ดูสิน่ารำคาญพระผ่านเผ้า,
  ช่างมาเฝ้าเย้ายวลกวนนักหนา.
ทุษยันต์ เพราะความรักเจ้าแก้วแววตา
  จึ่งหาญกล้าเกี้ยวกวนแม่นวลใย.
ศกุนตลา เปนสัตรีเช่นนี้ลำบากแท้!
ทุษยันต์ พี่รังแกรังหยาวสาวเมื่อไหร่ ?
ศกุนตลา ถ้าแม้ว่าพระประสงค์จำนงใจ,
  เหตุไฉนไม่รอขอมุนี ?
ทุษยันต์ พระสิทธาเวลานี้ไม่อยู่.
ศกุนตลา พระจะหลู่ลบคุณไม่ควรที่.
ทุษยันต์ พี่เชื่อใจแน่ว่าพระมุนี
  ใจดีคงจะไม่ทัดทาน.
ศกุนตลา จะภิรมย์ชมโชยโดยลำพัง,
  หม่อมฉันยังกริ่งจิตคิดถึงท่าน.
ทุษยันต์ อันองค์กัณวะสิทธาจารย์
  พี่เชื่อว่าท่านไม่ขัดใจ.
  ประเพณีคนธรรพ์ในชั้นฟ้า
  ก็เลือกคู่สู่หากันเองได้
  แม้เราปรองดองต้องใจ
  ควรจะใช้อย่างเยี่ยงคนธรรพ์.
  น้องจะทำอิดเอื้อนเชือนไฉน,
  หรือว่าไม่เต็มใจเกษมสันต์ ?
  เสียแรงพี่สมัครักครัน,
  น้องหรือจะยืนยันไม่ยินดี.
  ไม่ช้าพี่ยาจะต้องพราก,
  จะต้องจากวนิดามารศรี;
  มาเถิดโฉมตรูคู่ชีวี
  มาที่แผ่นผาน่าสราญ ฯ (พานางไปนั่งแท่น)

บทร้อง-คนเสียงร้องในฉาก

(บุล่ง)

  ๏ คลึงเคล้าเล้าโลมโฉมยง
  อิงองค์กรกอดยอดสงสาร
  เหมือนแมลงภู่จู่ดมบุหงาบาน
  รักสร้านทราบทรวงดวงกมล
  ลมพัดกลิ่นผกามากลั้ว
  ฟ้ารั่วโปรยปรอยดังฝอยฝน
  มาลินีน้ำใสไหลวน
  ทั่วทั้งสากลก็ยินดี ฯ

(พิณพาทย์ทำโลม. พระนางรำท่าโลมจนจบ. ตระนอน.)

[ปิดม่าน]

จบตอนที่ ๑

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ