(สิบสลึงพึงรู้ท่านผู้อ่าน) เรื่องวันคารเล่มนี้เพราะดีขยัน
เป็นที่แก้ประกันทุกข์สนุกครัน จงเชื่อฉันอ่านดูจะรู้ดี
ฝูงชนามานั่งได้ฟังเรื่อง คงจะเปลื้องความทุกข์เป็นสุขี
ขอผู้อ่านผู้ฟังจงมั่งมี ให้สุขีสุขังมังคลา
ใครฟังเรื่องนิทานท่านอย่าติ ฉันแรกริเขียนพจน์บทคาถา
อย่าซุบซิบเสสรวลชวนนินทา ญาติกาหญิงชายได้ปรานี
แม้ศัพท์นำคำกลอนอักษรพลาด ท่านนักปราชญ์โปรดปลูกให้ถูกที่
ช่วยแต่งเสริมเติมความตามวิธี ได้ปรานีเสมือนฉันร่ำพรรนา
ทั้งหัวจุกหัวเจ๊กเด็กหัวเปีย อีกคนง่อยคนเพลียเสียแข้งขา
แม่อย่าส่อพ่ออย่าสรวลชวนนินทา ทั้งหลังหน้าขวาซ้ายให้อภัย
รูปชื่อทุ่มผู้เขียนแม้เพี้ยนผิด หมู่บัณฑิตเห็นด้วยช่วยซ่อมใส่
อย่านั่งทำสำนวนให้กวนใจ ตูข้าไซร้ฝึกสอนยังอ่อนความ
ใครฟังเรื่องวันคารท่านทั้งสิ้น อย่ากล่าวนินทาว่าข้าขอห้าม
วาจาจิตคิดปลงลงให้งาม ให้ต้องตามบาลีในที่ทาง
ทั้งหญิงชายมานั่งอย่าฟังเปล่า จัดหมากพลูยาเมาให้บ้างเอย ฯ

(ยานี ๑๑)

หัตถังตั้งเหนือเกษ ต่างประทุมเมศยอไหว้ไป
พุทธังสั่งสอนใจ ให้แจ้งในอุระพา
ธัมมังเห็นดูด้วย มาชูช่วยนำอักขรา
ให้เฟื่องเรืองวิชา พระสังฆาช่วยชี้แจง
ข้าขอประชุมเชิญ คุณดำเนินน้อมนึกแถลง
เรื่องราวกล่าวตบแต่ง ให้แจ้งสว่างกระจ่างใน
ประดิษฐ์จิตพันผูก ตามแต่จะถูกลงบทไหน
เพียรรจนาอย่ามีภัย ในอนาคตปัจจุบัน
สิบนิ้วจำนงนบ ขอพบสุขทุกคืนวัน
พบครูผู้วิเศษสรรพ์ ยุคลบาทสร้างศาสนา
เนาว์โลกอุดรสถิต บูรพทิศปัจฉิมา
หรดีพายัพพา อาคเนย์มาจนอิสาณ
พุทธรูปเทพจำนง ไว้ต่างองค์ผู้นิพพาน
คุณแก้วทั้งสามประการ คุณอาจารย์คุณบิดา
มารดาเห็นดูด้วย พระคุณช่วยคุ้มรักษา
จะแต่งให้ปรีชา เรื่องขวัญฟ้าเจ้าวันคาร
ผู้สวดช่วยซ่อมใส่ อย่าไว้ใจจงคิดอ่าน
ผู้ฟังหนังสือลาน ฉานไม่ยอว่าเพราะดี
หาไม่ร่างสำเนา นึกเขียนเอาไม่เซ้าซี้
ผู้ฟังท่านทั้งนี้ จงยินดีอวยพรมา

(ราบหรือสุรางคนางค์ ๒๘)

จะว่าไม่หก  
จอจัตวาศก เดือนสิบเอ็ดหนา
ขึ้นค่ำวันพฤหัส ยอนมัสครูบา
ปัญจะพรหมา จตุพักตร์พรหมมี
อัฏฐนาคะ  
กุกกุฏสัตตะ นบพระชินสีห์
จะทำนิทาน บุราณย่อมมี
ขอให้ข้านี้ สวัสดีสมพร
ยังมีกรุงแก้ว  
ประเสริฐเลิศแล้ว ลือเล่าข่าวขจร
อาทิตย์ปิ่นเกล้า เป็นเจ้านคร
เกษมสุขสโมสร ด้วยนาฏกัลยา
มเหสีท้าวนั้น  
ชื่อนางวันจันทร์ เป็นที่เสน่หา
เมืองพรรณรังษี เป็นที่ลือชา
กับกรุงอยุธยา เปรียบปูนปานกัน
จะร่ำเรื่องนครา  
แสนสนุกสุขขา หาไหนใครจะทัน
ค่ายคูอยู่ด่าน ล้วนทหารแข็งขัน
มีฤทธิ์ลือลั่น ผลัดกันนั่งเวร
ยังมีเศรษฐี  
คึกคั่งมั่งมี บังคับกะเกณฑ์
บกเรือเหนือใต้ ตั้งให้ลาดตระเวน
สมณะสามเณร บังคับบรรพชา
ชื่อเศรษฐีพุทโธ  
เมียนั้นรูปโอ่ น้องสาวพระยา
ชื่อนางวรลักษณ์ พักตร์คือจันทรา
อยู่ประมาณนานช้า เวรานางมี
วันหนึ่งสนธเยศ  
นิ่มเนื้อนัยเนตร ประทมแท่นทิพย์ศรี
สุบินอัศจรรย์ เสียวสั่นอินทรีย์
ในฝันว่ามี องค์อัมรินทรา
ถือเพชรเม็ดแดง  
แพรวศรีพรายแสง เข้าในมนทิรา
โตเท่าผลปราง แสงสว่างจบหล้า
สามภพโดยจะหา บ่ปูนปานกัน
ยื่นให้สายสมร  
แล้วอุ้มนางจร จากแท่นสุวรรณ
นางกับเศรษฐี โกสีย์พาผัน
ไปยังเมืองสวรรค์ ในยามสนธยา
สมรแม่แปรตัว  
รุ่งแล้วยังชระมัว แสงทองส่องฟ้า
รู้ว่านิมิต สะดุ้งจิตติดตา
โอ้อกเองอา จะเป็นฉันใด
นวลหงส์นงนาฏ  
โฉมตรูยูรยาตร คลาดจากห้องใน
ทูลท้าวภัศดา สนทนาสงสัย
เศรษฐีสะดุ้งใจ ตรัสเรียกโหรา
นั่งเฝ้าพร้อมพรั่ง  
ตรัสว่าร้อยชั่ง แม่ยอดเสน่หา
เชิญแสดงแจ้งความ แก่พราหมณ์อย่าช้า
ส่วนยอดเยาวรา เล่าต้นจนปลาย
ตาโหรพิชัย  
มือคว้าย่ามใหญ่ ผึ่งตำราไว้
หยิบดินสอพอง นั่งยองขึ้นไหว้
จับดานชะนวนได้ ขีดห่วงดวงชะตา
ถามปีถามวัน  
แจ้งให้ทุกอัน บังคมทูลมา
ดิฉันไม่สู้ทาย ฝันร้ายนักหนา
เศรษฐีจึงว่า ท่านอย่าเกรงใจ
โหราทูลมา  
อันองค์อินทรา ถือเพชรประไพ
มาให้แก่นาง มิใช่อื่นไกล
แม่ยอดยุพใย จะมีบุตรา
ไม่ทันสิ้นความ  
เศรษฐีซักถาม จริงหรือโหรา
ท่านทายให้ดี ตามมีตำรา
พุงใหญ่๑๐ก็ว่า อย่าได้กลอกกลับ
ตาโหรทูลไป  
มิใช่อื่นไกล แม่นแล้วขอรับ
ฝันว่าอินทรา อุ้มพางามสรรพ
ประสูติแล้วแม่จะดับ ชีวาอาสัญ
นางฟังโหรทาย  
นารีมิสบาย ให้ประมวญป่วนปั่น
นางคิดจิตหาย พระกายเสียวสั่น
โหราทูลว่ากระนั้น แม่นแท้แม่อา
ฟังโหรถามไป  
จักคิดฉันใด เล่าท่านโหรา
ข้ากับเศรษฐี ควรที่ร้างหย่า
ลูกเต้าอย่าหา ข้าเห็นว่าจะดี
ต่างคนต่างร้าย  
อย่าเข้าแค่ใกล้ ลองแลสักที
ฟังชอบหรือไม่ เคราะห์ร้ายกลับดี
ร้างกันสักปี ทรัพย์สินปันกัน
โหราทูลเล่า  
โอรสแม่เจ้า มาแล้วแรกฝัน
ถึงแม้ร้างหย่า ไหนจะมาละกัน
สักสี่ห้าวัน นุ่งผ้าไม่อยู่
สงสารเยาวเรศ  
โสกังสังเวช วอนว่าตาครู
ท่านเป็นโหรา หยูกยาอะขู๑๑
กุมารเข้าสู่ ให้สูญหายไป
ช่วยชีพข้าไว้  
เงินทองกองให้ ทาษาข้าไทย
เครื่องหยูกเครื่องยา ราคาเท่าใด
เชิญพาเงินไป ถามซื้อเขามา
โหรว่าแม่คุณ  
ลูกแม่มีบุญ ยิ่งมนุษย์ใต้หล้า
กินยาสักถัง ไม่ฟังแล้วหนา
เคยชาติสร้างมา จึงทันเทวี
มิใช่นุ่นหมอน  
เป็นรังเป็นก้อน ผ่าเขี่ยเสียดี
ผ่าพุงทั้งเป็น๑๒ ฉันเห็นเต็มที
บุราณไม่มี อย่างนี้แม่อา
เศรษฐีรางวัล  
ให้ตาโหรนั้น เงินทองเสื้อผ้า
โหรรับกลับหลัง ไปยังเคหา
นงนาฏฉายา ค่อยอยู่สบาย
ทรามสงวนนวลน้อง  
นารีมีท้อง ต้องตามโหรทาย
ตั้งแต่นั้นมา เศรษฐีมิสบาย
ทุกข์ร้อนมิวาย หมายคำโหรา
ทั้งผัวทั้งเมีย  
พระพักตร์เศร้าเสีย แสนโทมนัสสา
ให้ทนายตีฆ้อง ร้องป่าวตามทะลา
ตำแย๑๓หมอยา เรียกหาประกาศไป
เศรษฐีให้คน  
เที่ยวป่าวตามถนน จบเมืองเวียงชัย
ป่าวว่าชาวบ้าน ท่านทั้งหลายไซร้
ผู้ใดเข้าใจ แซกไสบางรา
อำมาตย์ป่าวไป  
ทั่วเมืองเวียงชัย ทุกตรอกทุกลา๑๔
ใครเคยทดลอง ร้องรับออกมา
ทำได้ให้ค่า ห้าพันตำลึงทอง
ตำแยทั้งหลาย  
ได้ยินคำทาย นั่งนึกตรึกตรอง
มือเปิดบานประตู คอยดูตามช่อง
ก้มก้มมองมอง จนเขาแลมา
เขาจับตัวได้  
เขาถามซักไซร้ ว่านายเจ้าขา
กรบลูก๑๕เจ้านาย ทำได้หรือหนา
แม่คุณเจ้าขา จงมาการุณย์
ยายเฒ่าตอบไป  
ฉันไม่เข้าใจ ผ่าหัวเถิดขุน
ถ้าฉันทำได้ จักใคร่เอาบุญ
ฉันนี้เจ้าพระคุณ ไม่รู้สักอัน
อำมาตย์เที่ยวป่าว  
ไม่ได้เรื่องราว กลับหลังมาพลัน
บอกแก่เศรษฐี ไม่มีใครขัน
หมอยาฝ่ายนั้น เลือกผู้เข้าใจ
เศรษฐีจึงว่า  
น้องแก้วพี่อา ทุกข์ร้อนไปใย
ตามกรรมเวรา เถิดหนากลอยใจ
อย่าเศร้าพระทัย ไปเลยน้องอา
โฉมเฉลาเยาวลักษณ์  
นารีมีศักดิ์ อยู่ประมาณนานมา
ครบถ้วนทศมาส สุดสวาทโหยหา
เมื่อประสูติบุตรา อัศจรรย์หวั่นไหว
สะเทือนเลื่อนจบ  
ถึงนาคพิภพ เมืองสวรรค์คาลัย
พสุธาลั่นจบ ชาวพิภพตกใจ
วันคารสุดสมัย รุ่งแล้วเที่ยงตรง
นางประสูติโอรส  
ญาติกามาหมด นั่งพร้อมล้อมวง
กุมารจากกาย นางวายชีพชงค์
สงสารโฉมยง ถึงสวรรค์ครรไล
ต่างเศร้าโศกา  
เศรษฐีภัศดา โทรมนัสหทัย
กอดศพเมียงาม นั่งน้ำตาไหล
ว่าโอ้กรรมใด สุดใจพี่อา

(ยานี ๑๑)

กอดแก้วแล้ววิโยค กันแสงโศกหลั่งชลนา
โอ้โอ้ยอดเสน่หา มารีบทิ้งพี่กลใด
เจ้าตายพี่จะตายด้วย เป็นเพื่อนม้วยนางอรทัย
พี่จะอยู่ไปเยียใด แรกรักใคร่ได้พูดกัน
ตัวเราเป็นเศรษฐี ได้มั่งมีมากครามครัน
เงินทองของทั้งนั้น ไหนจะทันแม่ขวัญตา
จะตายตามงามพี่ได้ แต่รักใคร่ลูกกำพร้า
เงินทองของช้างม้า พ่อหาไม่๑๖เป็นไพร่หลวง
เข้าของไม่มีราย ไหนจะได้คนทั้งปวง
ยกกรขึ้นข้อนทรวง พิไรร่ำนังรำพัน
ลูกชายจะไว้ใย จะฆ่าไปเสียตามกัน
จับดาบมาจะฟัน คนทั้งนั้นยุดหัตถา
รู้ไปถึงปิ่นเกล้า อาทิตย์ท้าวเจ้าพารา
ขึ้นพระวอเสด็จมา ถึงเคหาท่านเศรษฐี
เรียกมาแล้วว่ากล่าว ดูราเจ้าน้องเขยพี่
เหตุผลกลใดมี ที่จะฆ่าโอรสสา
เมียตายแล้วมิหนำ ยังจะซ้ำฆ่าบุตรา
มนุษย์ยักษ์และปักษา คนใดมีที่ไม่ตาย
โกรธเรือดไฟเผาเรือน คิดผิดเพื่อนฟังไม่ได้
เสือเฒ่าเข้ากินควาย พังคอกทะลายไม่ขังต่อ
ที่นั้นควายพ่าน๑๗เล่า เห็นเสือเฒ่านั่งหัวร่อ
ชาวเมืองจะเสียดส่อ ว่าใจคอไม่สมกาย
กล้าดีแล้วไปฆ่า ท้าวยมราให้วอดวาย
เมามัวฆ่าเสียได้ ลูกไม่ตายจะฆ่าฟัน
เศรษฐีฟังคำไท ช้ำน้ำใจแต่อดกลั้น
ผินสั่งช่างสุวรรณ ทำโกษฐ์ทองเรืองรองตา
ศพใส่ในโกษฐ์ทรง มนต์พระสงฆ์ให้มาติกา
พร้อมสุดกุสลา ท่านช่างว่าเหมือนเสียงเดียว
เทศนาไม่มีผิด พวกลูกศิษย์ตามหลังเสียว
พรรณาช้าจริงเจียว ยังข้องเกี่ยวข้างทำการ
เมรุทองสิบสองเสา สี่กบเลามีหน้าดาน
ตีเต้าเข้านางกราน เฉลียงปีกนกลงสี่ฝ่าย
พรหมสอดยอดแล้วยก งามกนกดูพร่างพราย
สี่มุมล่ำยุด๑๘ไว้ แล้วให้ไพร่ผ่าตอกเหลา
ไม้ไผ่ผ่าใหญ่ถนัด แล้วให้ขัดเป็นภูเขา
ลาดตะกั่วงามไม่เบา เอาต้นไม้รายทั้งถาง
ปั้นรูปควายดำขาว ยืนเขายาวอยู่ข้างข้าง
แล้วปั้นเป็นรูปช้าง ยืนตั้งท่างาชนกัน
ปั้นแรดแปดเก้าตัว ตาเณรบัว๑๙นายช่างปั้น
ปั้นกระต่ายหลอกยายสั้น ปั้นม้าแรดติดกับวัว
ปั้นค่างปั้นนางชะลี แลให้ดีขี้คร้านหัว
ไอ้สุนัขปั้นสองตัว แย่งยิก๒๐วัวคนหัวฉา
นายบัวหัวล้านพลาม ทำงามงามพ้นปัญญา
เสร็จสรรพกลับเข้ามา เล่าอาการท่านเศรษฐี
ฝูงคนดูอัดแอ ล้วนใคร่แลศพเทวี
วอทองเรืองรองศรี ยกโกษฐ์ใส่ลงไว้พลัน
พวกบ่าวที่นายรัก ไม่กลัวหนักวิ่งเข้าตรัน๒๑
ที่นายเคยตีรัน หันเข้าแบกแต่เบาเบา
ยกศพขึ้นใส่บ่า โห่โฉ่ฉ่าดังขี้เมา
กาหลอ๒๒ก็ไม่เบา เข้าเปิดตะตีตะโจง
มือดีเข้าตีกรับ ดังโฉกฉับครึมครัมโหม่ง
งามแง่แลโอ่โถง พริ้มวาววับจับเนตรคน
ฝูงชนาต่างมาแล ดูอัดแอสองฝ่ายถนน
แม่หม้ายผัวหลายหน แต่งแต่ตัวหัวย้อมมัน
สาวสาวชาวบ้านนอก นุ่งบัวปอก๒๓ห่มแดงฉัน
หอมรสแต่มันขัน๒๔ ไรช่างกันเท่าแม่มือ
จ้างเพื่อนถือเชอ๒๕ตาม แม่รูปงามเจ้าไม่ถือ
นุ่งผ้าไว้ใต้ดือ มือกุมพัด๒๖ราวสมภาร
พวกเหล่าเมาน้ำลาย มันไม่อายพูดเกี้ยวพาน
เพื่อนเอยมาอย่านาน สูมาแลอะไหรไหร๒๗
อีราชา๒๘ด่ากันตัว ไอ้ฉากหัว๒๙การไหรใคร๓๐
มาต้า๓๑มาแลไหร ไปบอกแม่มึงมากัน
เฮโลสนัดใน แม่หัวไรแก้สำคัญ
เจ้าชู้วิ่งวู่ผัน โห่แล้วมันวิ่งหายตัว
เผยอหน้าด่าแก้อาย ลูกอีฉิ่บหายไอ้ฉากหัว
ข้างชายแล่นหายตัว ผ้าคลุมหัวลงนั่งแล

(ราบหรือสุรางคนางค์ ๒๘)

แห่ศพมิช้า  
ถึงเมรุรจนา ฝูงชนาอึงแอ
ญาติพี่น้อง ร่ำร้องซึงแซ่
เสียงร้องเสียงแห่ ดุจเสียงเดียวกัน
อุตตราวัฏศพ๓๒  
สามรอบพอครบ แล้วปลงลงพลัน
ยกศพสู่เมรุ อันงามเรืองฉัน
เหนือเชิงตะกอนพลัน ทองตัดลี้นจี่
ตัดความการศพ  
เจ็ดวันครั้นครบ แล้วจุดอัคคี
เศรษฐีร่ำร้อง เศร้าหมองทรวงศรี
โอ้โอ้แก้วพี่ แต่นี้จะเห็นใคร
เห็นเงินเห็นทอง  
เสมือนได้เห็นน้อง ของพี่ที่ไหน
หาอื่นก็จะได้ แต่ไม่เหมือนใจ
เงินทองถมไป ไหนจะทันขวัญตา
นารีมีถม  
เป็นตายไม่ชม เรียมถือสัจจา
เป็นตายเป็นกัน วันแรกได้มา
เมียม้วยมรณา จะหาเมียเยียใด
เพลิงลุกทุมทุม๓๓  
ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม วิ่งสุ่มเข้าไฟ
ศพใหม่ศพเก่า ไฟเผาสิ้นไป
เคยสร้างก่อนไกล จองชาติกันมา
นักปราชญ์หนึ่งเล่า  
ว่านางกับท้าว เดิมเป็นชาวฟ้า
นัดกันปฏิสนธิ์ จุติลงมา
ยามม้วยมรณา ต้องตามกันไป
ปราชญ์หนึ่งบรรหาร  
เกิดบุตรวันคาร เวรกรรมเพื่อใด
ปราชญ์หนึ่งใจหาย มิใช่อื่นไกล
เพราะกรรมจองไซร้ จริงแล้วเพื่อนอา
วันคารว่าร้าย  
ประสูตรมิตาย มากมายนักหนา
วันท่านเศรษฐี ที่ม้วยมรณา
เพราะกรรมเวรา จึงมามรณัง
ข้าหนอยยอไหว้  
ญาติกาขวาซ้าย หญิงชายพรูพรั่ง
พี่น้องน้าป้า บรรดาที่ฟัง
ซ้ายขวาหน้าหลัง ฟังเรื่องวันคาร
จงได้เมตตา  
หมากพลูปูนยา โปรดปราณีฉาน
อย่านั่งนิ่งเน่ง จงเร่งคิดอ่าน
เสมือนได้ลูกหลาน ใช้งานทันใจ

(ยานี ๑๑)

ฝูงชนาว่าเศรษฐี ไม่พอที่จะบรรลัย
บางคนบ่นว่าไป ว่าเศรษฐีดีนักหนา
รักเมียไม่เสียสัจจ์ เป็นชายชัดท่านเกิดมา
ส่วนข้างญาติหลังหน้า ค่ำเวลากลับเคหัง
รุ่งเข้าไปดับธาตุ เชื้อวงศ์ญาติมาพร้อมพรั่ง
จัดทำจนสิ้นยัง ดังธรรมดามาแต่ก่อน
ปางองค์กรุงอาทิตย์ อันเรืองฤทธิ์ยอดนคร
ตรัสสั่งสมพัตษร ฝูงข้าเฝ้าส่งข่าวไป
ลูกอ่อนที่ไหนมี หน้าตาดีบ้านใกล้ไกล
เสนาลาแล้วไป พบตาใสเป็นควาญควาย
เมียชื่อยายทองประสา เกิดลูกมาสามวันตาย
ถันนังไหลพรั่งพราย ตำรวจนายพาเอามา
ท่านมอบกุมารให้ แก่ท่านยายทองประสา
แล้วประทานพี่เลี้ยงมา นามชื่อว่าไอ้ไวทัน
พวกพ้องของเศรษฐี เด็กเจ็ดปีพูดดีขยัน
ยายลาพาผายผัน มาบ่หึงถึงหนำนา๓๔
ตาใสผันเห็นยาย ลูกใครให้สูสิหวา
ยายเล่าแแก่ท่านตา ว่าตัวข้าได้รางวัล
ลูกตายได้ลูกใหม่ หายเสียใจที่ป่วนปั่น
หากระดานมาสักอัน ผูกเป็นเปลให้เวช้า๓๕
ตาว่าอย่าทุกข์ใจ จักกลัวอะไหรเหวยอีสา
กระดานเรือที่ชายคา ข้าหยิบไว้สองสามอัน
ยายเล่าเรื่องหลานยา ข้างท่านตาว่าเออหนัน๓๖
ยายตาสนทนากัน จนสุริยันลับเมรุมา
ครั้นเช้าสองเฒ่าแก่ อุ้มไปแช่น้ำคงคา
อาบน้ำแล้วพามา ผูกเปลผ้าช้าให้นอน
ยายตารักษาศรี กุมารรี่รู้ย่างจร
แง้มตูดูสาคร จรเยื้องย่างสำอางตา
ตายายให้ใหลหลง ไปด้วยองค์กุมารา
อยู่ประมาณช้านานมา ค่อยใหญ่กล้าสิบห้าปี
ตายายให้ขึ้นเฝ้า พระปิ่นเกล้าเจ้าธรณี
ตายายให้นามศรี ชื่อขวัญข้าวเจ้าวันคาร
ทุกวันมิได้ขาด เฝ้าพระบาทท้องพระโรงธาร
อยู่มาเป็นช้านาน ค่ำสู่บ้านของยายตา
โฉมศรีมีบุญมาก แสนลำบากอยู่หนำนา
วันนั้นกุศลพา นั่งอยู่หน้าที่นั่งไท
ยังมีนายเภตรา ขึ้นทูลลาจะใช้ใบ
จะไปค้าเมืองหนึ่งใหญ่ ชื่อเมืองไพยะสาลี
ทูลลามามินาน เจ้าวันคารถามว่าพี่
ชักใบต่อไรมี ที่คุณพี่มาทูลลา
จะชักพรูกเช้า๓๗นี้ ถามใยมีเจ้าพี่อา
อย่าเน่ง๓๘เร่งบอกมา จะถามข้าฝากอะไรขาย
เจ้าวันคารพานจะโง่ เอื้อนโอษฐ์โอ้กล่าวภิปราย
หามีสิ่งใดไม่ ใครฝากปลาสี่ห้าตัว
นายสำเภาฟังเจ้าว่า นั่งรอราแล้วยิ้มหัว
ปลามีสี่ห้าตัว ไปเอามาข้าจะใช้ใบ
วันคารสันดานจริง พูดแล้ววิ่งเป็นการไว
หาปลามาบัดใจ ทูขึ้นราปลาห้าตัว
ห่อเตาะ๓๙ให้นายสำเภา เอ็นดูเราเถิดทูลหัว
อันปลาสี่ห้าตัว ตามจะแลกให้เถิดอา
นายเภา๔๐ได้ฤกษ์พลัน จึงชวนกันชักนาวา
ชอบลมสมปราถนา พวกจงกว้าก็ใช้ใบ
สามวันสามคืนจร จากพระนครจรครรไล
ทอดสมอแล้วปลงใบ ไปหยุดเมืองไพสาลี
กล่าวถึงท้าวอำไพ ผู้เป็นใหญ่ครองธานี
คู่รักสมศักดิ์ศรี นามกรมีชื่อวันจันทร์
ไข้หนาวราวสามเดือน แต่จะเคลื่อนไม่ไหวหวั่น
อาหารการทั้งนั้น วันสามช้อนนอนโศกครวญ
จืดปาก๔๑อยากปลาทู เป็นสุดรู้มาหลายเดือน
บุญญานางมาเตือน ออกโอษฐ์เอื้อนเตือนภัศดา
ขอท้าวให้เอาฆ้อง ตีป่าวร้องชาวนาวา
ฟังนางท้าวสั่งมา เหวยเสนาจงเร็วไว
จงป่าวชาวใต้เหนือ ทางบกเรือจัดกันไป
ท่านจงเอาฆ้องชัย ตีประกาศหาถามปลาทู
เสนากราบลาไป ขออทางยายแก่นายประตู
แบ่งกองเป็นสองหมู่ ไอ้พวกสูสืบหาดอน
สี่ทนายพายเรือล่อง ต่อยปุ่มฆ้องไม่หยุดหย่อน
แก่นขรี๔๒สี่ห้าท่อน ย้อนราวตีไม้สีฟัน๔๓
สี่ทนายพายเรือมา ถึงเภตราเข้าด้วยพลัน
ปากป่าวชาวกำปั่น ใครมีปลาอย่าเน่งอยู่
ปากว่าฆ้องชะวาตี ของใครมีเหวยปลาทู
นางพระยาอยากปลาอยู่ สูเร่งบอกให้รางวัล
นัคเรศประเทศนี้ หาไม่มีปลาอย่างนั้น
ส่วนข้างนายกำปั่น ครั้นได้ฟังว่ายังมี
วันคารฝากมาขาย พอกินได้ปลาไม่ดี
แวะมาดูต้าพี่ ทีจะพอได้กระหมึงหนา
เสนาขึ้นมาดู แก้ปลาทูออกมิช้า
พินิจพิจารณา ผิดกับปลาโคบ๔๔เมืองเรา
ขึ้นเห็ดเหม็ดแล้ว๔๕นาย ของหาไม่ก็ต้องเอา
เสนาลานายสำเภา ไปด้วยเราหรือพี่อา
ตอบว่าไปเถิดนาย ฉานค้าขายจ่ายสินค้า
ทูลเถิดใช่ปลาข้า เขาฝากมาปลาวันคาร
อายุสิบห้าปี บุตรเศรษฐีมีพงศ์ปราณ
เรื่องราวเจ้าวันคาร ท่านเพ็ดทูลเจ้าเมืองกัน
อำมาตย์ครั้นได้ปลา ลงนาวารีบผายผัน
คุ้ยท้ายพายเต็มตรัน มันร้องอิโหย่๔๖โห่ดังฉา
ได้ปลาหน้าเท่าด้ง๔๗ จอดเรือช็อง๔๘ถึงหน้าท่า
พานพระศรีที่พามา ใส่ปลาทูชูขึ้นไป
ก้มกรานคลานเข้าถวาย สมเด็จไท้ถามว่าอะไหร
อำมาตย์ทนายใหญ่ กราบทูลไทว่าปลาทู
เอื้อมพระกรเปิดดูพลัน ว่าเออนั่นชอบใจกู
ให้ประทานผ้าคนละคู่ เอ็งเอยสูราชการดี
ดีนักเอ็งรักนาย ค่อยเติมให้เอ็งอีกที
ออกพระโอษฐ์เรียกทาสี วิเศษดีเคยเชื่อใจ
จักรามอบปลาให้ แล้วผันผายกราบลาไท
ทูลถวายให้ทรามวัย เจ้าทอดพระเนตรพิจารณาปลา
ร้อยชั่งกำลังไข้ ฟังสาวใช้กราบทูลมา
ดูแล้วให้ทาสา นางครัวพาเอาไปพลัน
เจี้ยนมันฝานหอมใส่๔๙ หอมวิไลทั้งปรางค์จันทร์
ใส่จานฝานกรูดพลัน โรยบนปลาหอมอาวรณ์๕๐
ข้าวขาวราวไข่มด แต่งแล้วหมดพาผันผ่อน
ถวายแก่แม่ดวงสมร อรอนงค์ทรงเสวยพลัน
มีรสหมดสองชาม แม่โฉมงามฉันได้ครัน
ฉันได้อยู่หลายวัน ตั้งแต่นั้นชื่นพักตรา
ความไข้สายสวาทน้อง หายคลายคล่องแต่นั้นมา
นึกบุญเดชคุณปลา ช่วยชีพไว้ไม่อาสัญ
ปิ่นเกล้าท้าวอำไพ ค่อยชื่นใจขึ้นมาพลัน
นึกปลาอย่างยาสวรรค์ นึกผู้ให้นายวันคาร
ให้เอาพร้าวกะทิมา ช่างรจนาทำไม่นาน
พร้าวกะทิใส่ในจาน แล้วหลอมทองใส่ลงใน
หน่วยหนึ่งหลอมเงินตรา ช่างรจนาก็สวมใส่
ปิดแผลที่รอยไช คนสงสัยหาไม่มี
ทำแล้วช่อกันเข้า๕๑ ท้าวจึงสั่งขุนเสนีย์
ทำน้ำยาอย่างดี หน่วยถมเงินฝาจุกทอง
พานเงินงามแง่นัก โถปากสลักดูเรืองรอง
เครื่องยศยังไม่หมอง ของนี้ให้นายเภตรา
เสนารับเครื่องประทาน แล้วก้มกรานกราบลามา
ถึงคลองลงนาวา พายรีบมาถึงเรือใหญ่
เครื่องยศให้นายสะเภา เพื่อนรับเอาแล้วดีใจ
บอกว่าพร้าวสองใบ ท่านฝากให้นายวันคาร
ให้แล้วกลับมาทูล ตามเค้ามูลสั่งเหตุการ
พระองค์ทรงสำราญ บานบันเทืองรุ่งเรืองใจ
บัดนั้นนายนาวา สิ้นสินค้าจะใช้ใบ
จากคลองออกทะเลใหญ่ ลมส่งท้ายไม่หยุดหย่อน
สามวันเพื่อนประเวศ ลุถึงเขตพระนคร
ปลงใบทอดสมอก่อน แล้วจุดประทัดยิงปืนใหญ่
ดังนักหนักหามแล่น ไม่ใช่เล่นดังเสียงไกล
ดังระทึงอื้ออึงไป ทราบถึงไทว่าสะเภามา
รุ่งเช้าขนของถวาย แล้วโดยหมายดังจินดา
วันคารกุมารา เห็นสะเภามาก็ดีใจ
มานั่งอยู่ชายคลอง วาจาพร้องร้องถามไถ่
พี่แลกได้สิ่งใด เล่าแก่น้องหน่อยหนึ่งรา
นายสะเภาว่าปลาเจ้า พี่แลกพร้าวของเขามา
ยื่นให้ไม่ได้ช้า วันคารพามะพร้าวจร
ทุ่มไว้๕๒ใต้ซองหนำ๕๓ เปลือกพุกดำ๕๔ไม่ลิดก่อน๕๕
รุ่งปีนาวาจร ไปค้าเมืองหนึ่งเล่าหนา
วันคารเอามะพร้าว ไปฝากเล่าว่าพี่ขา
เอ็นดูน้องเถิดหนา ข้าฝากพร้าวไปด้วยกัน
นายสะเภาเพื่อนเคยได้ รับโยนไว้ท้องกำปั่น
วันคารกลับมาพลัน รุ่งวันนั้นเขาใช้ใบ
เจ็ดวันเจ็ดเดือนคลาด ถึงไกรลาศเมืองหนึ่งใหญ่
ทอดสมอแล้วปลงใบ ขายสินค้าราคาดี
กล่าวถึงเจ้านเรศ มีฤทธิเดชด้วยศรศรี
ทรงพระนามกรมี ท้าวพาลวงศ์ทรงชรา
อายุเก้าสิบเก้า เฒ่าเกินเฒ่าไม่มรณา
บุตรีและบุตรา ทั้งหญิงชายหาไม่มี
ลมตีวันละสี่หน ทนเหลือทนหนังยู่ยี่๕๖
นางพัดและนางวี เข้านั่งยามวันสามคน
ลมตีมิได้ขาด กลัวพระบาทจะสิ้นชนม์
นั่งยามคืนละสามหน ท้าวยังบ่นว่าขี้นอน
อสุรศักดิ์พวกยักษา ถึงท้าวชรายังกลัวศร
วันนั้นพระภูธร ท้าวรนร้อนไม่สบาย
ไข้สันนิบาตไม่ขาดตน เจ็ดเดือนหนครางมิวาย
วันเมื่อท้าวจะหาย ให้อยากพร้าวกะทิหอม
ของใครในบุรี หาไม่มีสิ้นกรมกรอม
ตรัสหาขุนหมื่นจร ให้ตีฆ้องเที่ยวสืบหา
หมื่นไวไปทางน้ำ เที่ยวถามความทุกนาวา
ดูก่อนนายเภตรา พร้าวกะทิมีบ้างหรือนาย
มาดูเถิดนายสำเภา ยังจะเอาได้ไม่ได้
หยิบพร้าวมายื่นให้ ดูเถิดนายเอาหรือไร
อำมาตย์ก็สั่นแล พร้าวนี่แหละหนักเหลือใจ
ขลุกขลิก๕๗อยู่ข้างใน พร้าวกระไรน้ำไม่มี
ถูกผิดต้องลองแล พูดนักแช๕๘อยู่จ๊ะพี่
ท่านจะไปด้วยข้านี้ หรือนายพี่มิไคลคลา
นายสะเภาแจ้งอาการ ใช่ของฉานไสน้องอา
เด็กน้อยทูลถวายมา นามชื่อว่านายวันคาร
ช่วยทูลเถิดพี่เจ้า ไม่ใช่พร้าวของดิฉาน
อำมาตย์ตอบมินาน ตกหน้างานอย่าทุกข์ใจ
ข้าจะลาแล้วนะนาย ลงเรือพายจรครรไล
รีบดึ่งถึงบัดใจ ไม่ช้าไวจอดนาวา
พานพระศรีใส่มะพร้าว ยกแบกเข้าแล้วรีบมา
ถึงวังขึ้นบนปรา- สาทแล้วทูลยกพร้าวถวาย
ปิ่นเกล้าเจ้าธานี เห็นเสนีย์หาพร้าวได้
ตรัสว่าผ่าเถิดนาย เป็นกะทิแท้หรือฉันใด
เสนาผ่ามะพร้าวพลัน ว่าเออนั่นทองอยู่ใน
ภูมีท้าวดีใจ ยืนทั้งไข้แล้วตบมือ
เสนามาในห้อง พร้าวเป็นทองอย่าอึงอื้อ
เข้าห้องประคองถือ ลืมความไข้ได้ของดี
ยังลูกหนึ่งเล่าหนา เอ็งเอ๋ยผ่าดูอีกที
เสนาจับพร้ารี่ ผ่าแล้วทูลว่าเงินใน
เอ้อนั่นเป็นเงินเล่า พระปิ่นเกล้ายิ่งดีใจ
พามาเดี๋ยวพาไป อวดชาวในสนมนาง
ตั้งแต่ได้พร้าวมา ไข้ราชาค่อยสว่าง
ความไข้หายจากร่าง สว่างอุราอารมณ์สบาย
นึกในหทัยท้าว ที่เจ้าพร้าวฝากมาขาย
กูจะจัดให้จงได้ ตอบแทนทองของวันคาร
ชะรอยว่าเจ้าคนนี้ จะมั่งมีทุกประการ
มีบุตรสุดสงสาร พ่อคงให้ได้ตอบแทน
จะให้ของต้องราคา จะเจตนาหรือแก้วแหวน
ยิ่งคิดจิตยิ่งแน่น แค้นเหมือนจะตายลูกไม่มี
ยังมีแต่ศรสิทธิ์ อันเรืองฤทธิ์ปราบยักษี
กูจะฝากเป็นไมตรี เจ้าจอมจักรว่ารักกัน
เครื่องยศเคยทรงเรา ให้นายสะเภาเอาไปกัน
พานหมากกาน้ำปั้น ขันถมยาราคาดี
ตอบแล้วยื่นศรให้ เสนานายยอชุลี
จากเฝ้าเจ้าธานี มาถึงที่จอดนาวา
ลงเรือรีบพายไป ถึงเรือใหญ่มิได้ช้า
ให้ของนายเภตรา ว่าของนี้ประทานนาย
อันนี้ชื่อธนูศร พระภูธรฝากไปให้
วันคารจะสืบสาย ได้ฝากมิตรไมตรีกัน
ฝากแล้วขุนเสนา กลับมาทูลพระทรงธรรม์
เหมือนหลังดังพูดกัน พระทรงธรรม์ฟังชื่นใจ
บัดนั้นนายเภตรา สิ้นสินค้าแล้วชักใบ
จากคลองออกทะเลใหญ่ ลมพัดกล้าล่องวารี
เจ็ดวันพลันลุล่วง ถึงเขตข้วงบุรีศรี
หยุดเรือที่ทุกที ขนสินค้าของหลวงถวาย
ปางหน่อพ่อวันคาร รู้แจ้งการแล้วผันผาย
ไคลคลามาโดยหมาย ชายน้อยหนึ่งถึงนาวา
มีความถามว่านาย พร้าวแลกได้สิ่งใดมา
อ้อ มะพร้าวเจ้าหรือหนา ข้าแลกธนูได้ทั้งคัน
ได้ศรว่าได้ธนู จีนขายหมูรู้อะไรมัน
วันคารก็ไม่ครั่น เพื่อนทั้งนั้นว่าธนู
วันคารได้พามา ไว้บนผรา๕๙ไกลรังหนู
ยายตาว่าธนู มีได้รู้ว่าศรชัย
ตาว่าเป็นหัวหาง เหมือนกับอย่างนูหางไก่
ที่จะยิงได้ที่ไหน มันใหญ่นักหนักเกินแรง
ธนูเรากลืงลูกกลม น่าแช่มชมสายทองแดง
นี่อะไรดอกเป็นแฉง เหมือนเหล็กเครื่องใช้ดันเรือ
ด้ามเหล็กยาวเต็มถีบ ชอบจะตีมีดฝานลูกเขือ
นายสะเภาเขาล่องเรือ ฝากให้แลกแก้มือใหม่

(ราบหรือสุรางคนางค์ ๒๘)

ครั้นถึงรุ่งปี  
นายสะเภาทุกที เขาจักใช้ใบ
วันคารครั้นรู้ แบกธนูศรชัย
ถึงกำปั่นใหญ่ ฝากนายเภตรา
ข้าฝากธนูด้วย  
เอ็นดูที่ช่วย แลกอื่นให้ข้า
นายสะเภาเคยได้ รับไว้มิช้า
วันคารกลับมา เสมือนอย่างแต่ก่อน
ครั้นลมสมใจ  
นายสะเภาใช้ใบ ใครคลาดผาดจร
นาวาแล่นล่อง กลางท้องชโลธร
จะไปนคร ไกรลาศนครา
บังเกิดพายุร้าย  
พัดต้องชลสาย เรือเวทะเลบ้า
มีดชะงมลมพัด คลื่นซัดนาวา
จีนร้องไอ้ลา คลื่นพาฉัดไป
รอดจกูดเภาหัก๖๐  
สายโยงเสาชัก สะบัดพัดไป
เป็นเรือปลิวร้าย กูดท้าย๖๑ก็ไท
ลมพานผลาญใบ ลงใช้ไม้เชียง
เชียง๖๒หักหลักแง้น๖๓  
ลมคุมลมแค้น แทบกินสิ้นเบียง
ทั้งหลายน้ำรด สูญหมดลำเลียง
ลมพาลอยเพียง ปากน้ำปัญจา
บุญของวันคาร  
พระพายพัดพาน หอบเอานาวา
ฉัดเข้าริมฝั่ง๖๔ ดังกุศลพา
พวกจีนลูกค้า ค่อยสบายคลายใจ
ทอดสมอหยุดไว้  
ขึ้นตอนตัดไม้ ทำแฉงกูดใหม่
พลางขายสินค้า เรือมาเรือไป
ทั้งหลายสบายใจ อยู่ริมคงคา
เจ้าเมืองนั้นเล่า  
ลือจบภพด้าว ชื่อท้าวปัญจา
มเหษีท้าวนั้น นางคันธมาลา
มีพระธิดา สิบสี่ปีปลาย
ชื่อนางวันพุธ  
งามจริงยิ่งมนุษย์ หอมประทิ่นกลิ่นไอ
กลิ่นนางกากี มิสู้เจ้าได้
กลิ่นติดผู้ชาย ได้สามเดือนตรา
หอมสี่โยชน์เศษ  
เนื้อสีการะเกด พึ่งตุมปทุมมา
โอฐคือแต้มชาด พระนลาตเลขา
นาสิกสมหน้า พักตราดุจเขียน
นรลักษณ์สิบสอง  
คิ้วต่อคอปล้อง พระศอสมเศียร
พระกรของนาง คืออย่างลำเทียน
ผิวเนื้อนางเนียน เนตรดั่งเพชรนิล
เกษาหอมหวล  
ดุจกลิ่นลำดวน เทพเจ้าด้าวดิ้น
พระบาทนวลน้อง ไป่หมองราคิน
เดินอย่างนาริน กินรีเยื้องกราย
อรชรอ้อนแอ้น  
ราคาห้าแสน สุวรรณพรรณราย
แขนคืองวงคช ชดช้อยห้อยกราย
ตกเกลื้อนดอกไม้ ชายเห็นเป็นฝัน
พื้นภพจบด้าว  
สุดจะหาเปรียบเจ้า ยกแต่ชาวสวรรค์
ยอนักจักช้า ข้างหน้ามากครัน
วันพุธแจ่มจันทร์ เจ้าก็งามจริง
เมื่อนางประสูติมา  
ถือดวงจินดา ชบ๖๕ได้ทุกสิ่ง
เสียดายงามเลิศ เจ้าเกิดเป็นหญิง
จินดายอดยิ่ง มีอิทธิฤทธา
จะร่ำว่ากลิ่นน้อง  
เทพทุกแห่งห้อง หอมรสเสน่หา
เทวาจะใคร่ได้ ด้วยกลิ่นยุพา
ครุฑยักษ์ปักษา ปองรายหมายขวัญ

(ยานี ๑๑)

ยังมีกรุงรักษา นามชื่อว่าเมืองตาวัน
ปิ่นเกล้าเจ้าเมืองนั้น ชื่อสี่เศียรอสุรา
เมียชื่อจันทกินี เอกมเหษีของยักษา
เจ้าจอมหม่อมมารา ถึงมีเมียมิสบาย
ได้ข่าวเจ้าวันพุธ ว่างามสุดในพื้นใต้
ตรึกคิดจิตมุ่งหมาย ใคร่ไปรักอัครยุพิน
ครั้นจะลักอักนิษฐา ไม่ลือชาทั่วแผ่นดิน
กระบือหลับเสือจับกิน เสียเกียรติยศไม่เห็นหาญ
เป็นตายให้ไว้ชื่อ เขาเล่าลือฝีมือมาร
กูจะเขียนราชสาร ไปขอกล่าวท้าวบิดา
แผ่นทองม้วนเข้าแล้ว ใส่ผะอบแก้วมิได้นาน
ตรัสเรียกนายทหาร ขุนกระบี่วงศ์พงศ์ยักษา
เพื่อนเป็นวานรไพร หัวนั้นไซร้เป็นมารา
เป็นลูกนางชะลีป่า กินน้ำลายท้าวยักษี
ถ่มไว้ที่ใบไม้ นางชะลีร้ายกินชลธี
มีท้องด้วยยักษี ตัวเป็นกระบี่หน้าเป็นมาร
มาอยู่ด้วยอสุรา ขออาษาเป็นทหาร
ใช้ให้ถือราชสาร ไปถึงท่านกรุงปัญจา
มาราให้สารศรี ขุนกระบี่บังคมลา
เคลื่อนคล้อยค่อยถามา มิได้ช้าระเห็ดไป
เร็วคือพระพายพาน ถึงไม่นานกำลังไว
เดินดินสองเดือนไป เหาะรีบได้งาย๖๖เดียวถึง
เหาะลงหน้าเกยชัย คนตกใจร่ำระทึง
ปัญจาท้าวดันดึง สิ่งอะไรหวาหน้าเป็นมาร
กุมพระแสงขึ้นแกว่งไว้ กลัวจะเข้าใกล้พระภูบาล
มานะพาให้หาญ จะวิ่งหนีบัดสีใจ
บ่าวไพร่เคยไว้จิต ขยำหัวกริชฉุก๖๗อยู่ไกล
ฉุกนายว่ากลัวไหร มันจะพูดใดก็ตามที
ทรงธรรมสั่นจริงจัง จะกลับหลังอายเสนีย์
ตกใจเหงื่อไหลรี่ พอขุนกระบี่ถวายสาร
เอื้อมพระกรรับผอบน้อย รับค่อย ๆ มามินาน
ข้าเฝ้าต่างหมอบกราน พระภูบาลค่อยสบายใจ
สารตราว่าสี่เศียร ประนมเนียนด้วยอาลัย
ถวายกายใต้บาทไท ขอเอาท่านเป็นบิดา
ด้วยใจอาลัยนุช เจ้าวันพุธยอดเสน่หา
ทรงฟังอย่ากังขา ตามเจ้าฟ้าประสงค์ใด
กรุงยักษ์เมืองปักษ์ใต้ ขอถวายดอกมาลัย
เงินทองของสิ่งใด มีใจรักจักขอถวาย
ประสงค์ใดนอกจักรวาฬ ท้าวต้องการจักหาให้
ยกแต่พระสุริฉาย นอกแต่นั้นตามประสงค์
ฉันจะทอดตะพานทอง มารับรองนาฏนวลหงส์
ไปภิเษกเป็นเอกองค์ ให้เป็นเจ้าปกเกล้ามาร
ท้าวจะโปรดมิโปรดเกล้า ขอให้ท้าวตอบสอบสาร
โฉมปรางนางนงคราญ อย่าหวงไว้ให้หมองนวล
มิใช่ดวงจินดา ถึงไว้ช้าพอได้สงวน
หวงนุชสุดกระบวน นวลแก่นักจักหมองศรี
ท้าวหวงลูกเอาไว้ คงจะขายฝ่าธุลี
หวงไว้ไม่สู้ดี มีแต่คนพูดนินทา
ถึงจะให้อยู่เมืองท้าว ตัวข้าพเจ้าจะอาษา
ขอพระองค์ทรงเมตตา จบสารตราของมารัน
อ่านจบตบอกอัก เหม่กรุงยักษ์แค่มันขัน๖๘
ผิดวงศ์พงศ์เทวัญ กูลงสัน๖๙ก็ผิดที
แล้วเสด็จเข้าในห้อง ชลเนตรนองเล่ามเหษี
ยักษามาย่ำยี มีสารศรีมาขอนาง
ท้าวเล่า๗๐ตามราวเรื่อง นางมิ่งเมืองแค้นเคืองสาร
ใครมั่งชั่งคิดอ่าน สารถึงพ่อขอลูกสาว
ไอ้ยักษ์อักกุศล ไม่เกรงคนทำหลาวๆ๗๑
จมูกงอนอนเขี้ยวยาว ลูกสาวแม่แต่จะตกใจ
ผันถามแก่ลูกรัก เจ้ากับยักษ์ชอบหรือไร
อย่าเน่งเร่งตอบไป ใจชอบยักษ์จักให้กัน
วันพุธสุดเสน่หา ฟังมารดาทูลตอบพลัน
แต่ไม่ได้กับมัน ออกชื่อยักษ์กลัวจักตาย
ครั้นแม่ส่งให้มาร ลูกคิดอ่านเต็มพากาย
จะผูกคอเสียให้ตาย ไม่ขอเห็นเป็นเมียมาร
อย่าว่าแต่ยักษ์ร้าย พ่อแม่ให้ไม่โต้ทาน
นักโทษเที่ยวขอสาร มารดายอมฉันพร้อมใจ
โฉมนางคันธมาลา ฟังลูกยาพูดเสือกใส
แม่ถามงามลองใจ ไม่ชอบยักษ์ใครจักขืน
หาผัวเหมือนสินค้า ไม่ชอบตาซื้อที่อื่น
ยังว่าเจ้างามชื่น เป็นสาวคะนองสองสามวัน
แต่แม่เป็นมารดา กับอสุราสากลัว๗๒มัน
แล้วนั่งสนทนากัน ว่าไม่ยอมเป็นพร้อมใจ
แม้นยักษ์จักยกมา เป็นไปหน้าช่วยแก้ไข
รับแพ้เสียแต่ไกล ใครจะยอว่ากษัตรา
ท้าวหยิบแผ่นสุวรรณ เขียนตอบพลันมิทันช้า
ร่ำว่าสุดคณนา กับมาราแต่งเสือกไส
สารตราว่าไม่ให้ ขุนยักษ์ร้ายผิดวงศ์ไป
ทั้งนางไม่ชอบใจ ว่าเป็นยักษ์อักตัญญู
ผู้ฟังยังสงสัย สักประเดี๋ยวใจอย่าหนักหู
เขียนแล้วพระโฉมตรู พับเข้าใส่ผะอบพลัน
ถือเสด็จมามินาน ให้กระบี่มารแล้วจาบัลย์๗๓
ท่านบอกสี่เศียรกัน ว่าเรารักนักใจตรง
ไปเถิดจวนเวลา ทูลยักษาว่าโฉมยง
ทูลเถิดว่านวลหงษ์ ยังน้อยนักมิควรก่อน
อสุรีย์กระบี่ยักษ์ ลาทรงศักดิ์แล้วผันผ่อน
ผาดโผนแล้วโจนจร เหาะลอยร่อนท้องเมฆี
งายหนึ่งเหาะบึ่งมา ถึงภาราเมืองยักษี
ล่องตรงลงปฐพี ขุนมารกระบี่เข้าวังใน
ขึ้นเฝ้าเจ้ากรุงมาร ถวายสารบัดเดี๋ยวใจ
พระยามารรับสารไว ไทเปิดผะอบออกคลี่อ่าน
ในลักษณ์อักษรสา ว่าปัญจาพระภูบาล
ขอสอบตอบคำมาร ที่จะเผื่อไผ่เป็นไมตรี
นอกกิจผิดธรรมดา หงษ์กับกาไม่บัดสี
วิฬากับจามรี พอคลิ้งคล้ายปลายแววขน
กวางเห็นราชสีห์ ใคร่ยินดีมิเจียมตน
ค่างร้ายไม่อายคน เอาชะลีเป็นวนิดา
ดอกปดว่ารสมี ดอกสารภีเขาดีกว่า
มลิเถื่อนแค่นเผยอหน้า พลอยขึ้นค้างตามตอกขจร
ถือธนูเที่ยวโป่งปาก ว่าลูกมากชวนแลกศร
เสโลไอ้โตมร จะขึ้นเคียงด้วยพระขรรค์
ขี้เมานั่งเทียมขุน ผู้มีบุญกลัวอะไรมัน
กินเหล้าได้ขึ้นสวรรค์ ฆาตต่อยกันกับเทวา
จะเอาเป็ดขันต่างไก่ ข้าอายใจนักยักษา
จะปลดปลงองค์ธิดา คนจะว่านอกรีดแสน
จะเยาะเย้ยว่าเขยยักษ์ เสียยศศักดิ์ทั่วด้าวแดน
ยักษาอย่าเคืองแค้น พ่อแม่แค่นนางไม่ยอม
มารโกรธซัดสารตรา ช่างเปรียบว่าชะน้อยถ่อม
เผยอหน้าว่าลูกมันหอม ไม่ยอมให้ไอ้ปัญจา
อ่านสารหาจบไม่ ขุนมารร้ายโกรธโกรธา
ทืบพระบาทตบหัตถา เหวยเสนาตีกลองชัย
อำมาตย์ฟังคำนาย วิ่งจับไม้ตีกลองใหญ่
ไม่รู้ว่าเท่าใด ตีเอาไปตามสนุก
ยักษาแลท่าทาง๗๔ ตีถูกบางลุดังพลุก
บางคนเที่ยวซนซุก บุกดงป่าหากวางทราย
ได้ยินเสียงเภรี พลยักษีก็วุ่นวาย
ลางมารก็กลืนควาย กลืนแต่ท้ายเขาราพา
ลางมารฉวยได้ช้าง กุมไม่วางปล้ำไปมา
ยืนย้ายพอได้ท่า กลืนช้างคาไม่คิดอ่าน
งวงช้างถอนยางกัน กิ่งต้นรากติดปากมาร
ล่อล่อครุบเหาะทะยาน มารคาบพาไปงากาง
คาบช้างวางผายผัน ปากกุมภรรณแลท่าทาง
ยักษามาต่างๆ ดูเคว้งคว้างในเมฆา
เข้ามาเต็มหน้าพระลาน พวกพลมารสักโกฏิฐา
อำมาตย์มารกรานเข้ามา ทูลเจ้าฟ้ากรุงยักษี
พร้อมเสร็จสักโกฏิปลาย ขอทราบใต้ฝ่าธุลี
รถทรงพระองค์ขี่ มีพร้อมหมดทั้งคชสาร
สี่เศียรครั้นทรงฟัง ผุดจากนั่งโดยเดือดดาล
ชำระองค์สรงชลธาร ชะโลมลูบน้ำผกา
แล้วทรงตาบเข็มขัด ปิเหน่ง๗๕รัตน์งามโสภา
เสื้อปักสุวรรณา มงกุฏแก้วอันแพรวพราย
อินทะนูพาหุรัด ดูจำรัสวิเชียรฉาย
เลิศยักษ์เมืองปักษ์ใต้ งามละม้ายกับทศกรรฐ์
ผันสั่งจันทกินี นางมเหษีอสุรัน
ผัวรักจักจากผัน ไปรุกรบกรุงปัญจา
อวดดีว่ามีศักดิ์ ถมสกุลยักษ์ลงนักหนา
ว่าพี่นี่สกุลกา มันเชื้อหงษ์พงศ์เทวัญ
อวดอ้างว่าค่างป่า ว่าเสือกหน้า๗๖เรียมทุกอัน
จิตเรียมเกรียมกรมครัน มั่นใจนักจักแก้มือ
อวดกล้าว่าศักดิ์ศรี ชาติอสุรีมินับถือ
แต่ละคำทำดึงดื้อ ถือว่าดีมีลูกสาว
เป็นตายเรียมไม่ว่า จะแก้หน้าลองสักคราว
คอยอยู่ก่อนเถอดนะเจ้า อย่าสร้อยเศร้าจะหมองนวล
ส่วนนางจันทกินี ฟังยักษีสั่งถี่ถ้วน
จำจะห้ามตามกระบวน กวนห้ามนักจักอื้ออึง
ครั้นจะขัดทูลทัดทาน ท้าวกรุงมารจะว่าหึง
ถ้าได้เมียมาถึง คิดอ่านแก้แลสักที
นางยักษ์ห้ามหวงท้าว พระปิ่นเกล้าอย่าจรลี
ฟังน้องเถิดอสุรี เขามิดีมิท้ามา
อย่าห้ามเลยสุดสาย รู้จักตายดอกน้องอา
มนุสสีเท่าขี้ตา สาอะไรเจ้าเท่าแม่มือ
สังเมียแล้วคลาไคล ทรงบองชัยที่เคยถือ
รีบไวด้วยใจดื้อ ออกดังอื้อหน้าเกยชัย
บังเกิดหนูไล่งูมา สู้กันหน้าที่นั่งไท
หนูหริ่งวิ่งว่องไว โดดขบงูมารดูฉ่า
หนูไล่งูร้ายหนี ท้าวอสุรีเห็นกับตา
ตรัสบอกกับเสนา งูแพ้ดีเรามีชัย
แล้วเสด็จขึ้นรถทรง เหล่าจตุรงค์เฝ้าไสว
ได้ฤกษ์เลิกพลไกร ยืดย้ายตามกระบวนมาร
กระบี่วงศ์เป็นกองหน้า นำโยธากำแหงหาญ
โฉฉ่าเต็มหน้าพระลาน ท้าวกรุงมารทำฤทธา
แผดเสียงประเปรี้ยงฉาด ทำสีหนาทบนรถา
ชมไม้ชายมรรคา ท้าวยักษาชื่นอุริน
สุกอร่ามงามทรสาย ลูกย้ายย้อยห้อยถึงดิน
ท่านท้าวเจ้าอสุริน ยินดีรื่นชื่นพระทัย
ชมพันธ์ฝูงสกุณี เกาะพฤกษ์ศรีอยู่ไสว
ไก่ฟ้านกหว้าไพร แล่นลกลก๗๗ยกเฉี่ยวกิน
ลูกอ่อนซ่อนป่ารก ฝูงวิหคก็ไขว่ขวิน
ตกใจฝูงอสุริน บ้างโผนผินเกาะพฤกษา
กล่าวว่าช้ามินาน รีบพลมารสองเดือนตรา
ถึงแดนเมืองปัญจา ตั้งพลับพลาหยุดพลมาร
แล้วแต่งหนังสือบอก ออกทุกข้อในราชสาร
แล้วให้ขุนกระบี่มาร ไปว่ากล่าวท้าวปัญจา
กระบี่มารรับสารขยาย เหาะผันผายทะยานมา
เหาะตรงลงชาลา ทำฤทธาอยู่หน้าเกย
ชาววังวิ่งดังฉาว มันมาเล่าฉิบแล้วเหวย
มารกระบี่มิเชือนเชย เพื่อนทำฤทธิ์สิทธิ์ศักดา
หางยาวเก้าเส้นเศษ ทำฤทธิ์เดชขึ้นต่อหน้า
ม้วนหางเข้ามิช้า เป็นอาศน์นั่งตั้งโตใหญ่
อำมาตย์พวกข้าเฝ้า วิ่งตาขาวด้วยตกใจ
ลางคนไม่สาไหร เข้าเล้าไก่แลท่าทาง
ลางคนผ้าลุ่ยหลุด วิ่งสะดุดล้มโพกด่าง
วิ่งยุ่งกันโหยงหยาง ผ้ากับร่างไม่ติดพัน
วิ่งสะดุดเอาผู้หญิง ล้มลงกลิ้งพาดพิงกัน
ทวารล่อนเหมือนหัวมัน คุดคู้ไว้ไม่อายใคร
ตาบอดกอดตาดี ช่วยพี่ทียักษ์ที่ไหน
กอดไว้เพื่อนปล้ำไป ถด๗๘สองคนเข้าเรือนพลัน
คนง่อยแล่นไม่ไหว ว่าเจ้าไหมจูงหวากัน๗๙
ฉวยเจ๊กยุงหัวสั่น ยักหงาย๘๐ตึงร้องไอ้ลา
ลูกอ่อนวิ่งฉวยลูก ครุบฉวยถูกแค่บั้นขา๘๑
หิ้วแล่นเหมือนลูกหมา พุทโธร้องเหมือนลูกหมู
คนแก่แล่นย็องย็อง๘๒ แลหลังก็อง๘๓เหมือนธนู
ไม้เท้าทิ่มเป็นรู ล้มลงนอนลีดลิ้นพลาม
จีนเฒ่ากินข้าวเปียก ยินเพื่อนเรียกแล่นคาบชาม
นางเมียผุดแล่นตาม ทูนถุงเบี้ยว่าเงินเหรียญ
คนหนึ่งหัวเพตรา๘๔ แล่นเที่ยวหน้าราวฉีกเรียน๘๕
เอวหักตะโพกเหี้ยน มือกุมพรก๘๖ไปปละหน่วย๘๗
จีนแก่กินกล้วยไล ฤทธิ์ตกใจจนก้างกล้วย
เรียกเมียช่วยเหวยช่วย ครุบหน่วยกล้วยร้องไอ้ลา
กล้วยหลุดออกมาเสีย ร้องด่าเมียติ้วหน้าหม่า
ลิหมุ่งพูไม่ช่วยหวา หักขาเมียขี้จมเบน
ป้าชีเรียกปากสั่น ถ้าเจ้ากันวะตาเณร๘๘
แล่นล้มขี้จมเบน ตาเณรว่าวะเต็มที
ตีนตรด๘๙เดินจดปลาย รอยหมายง่ายหมายหยู้หยี้
ไอ้จีนที่ทำหมี่ เที่ยวทูนกะทะเหมือนยมบาล
แม่ค้ายกขึ้นเต้น ทูนแผงแล่นจนเบี้ยพ่าน
เจ้าเณรบิณฑบาตรสาร แล่นสารหกหมาเบื่อกิน
คนแก่หน่วยตาบอด แล่นไม่รอดเที่ยวโจ่งพลิ่น๙๐
ตาดีหนีเสียสิ้น ล้มปากปลิ้นทบเขอตู๙๑
ไอ้ที่ไม่รู้จัก บอกว่ายักษ์อะไรฉู้๙๒
หางยาวราวพดงู๙๓ แต่ใบหูเท่าด้งมอน๙๔
ว่าไปก็ไม่งาม เป็นพลความนอกข้อขอน
ขออภัยในคำกลอน ใคร่จีบงอนทุกคำไป
ไม่ว่าให้ครึ้นๆ เด็กรื่นๆ๙๕ ไม่ชอบใจๆ
พวกโลน๙๖จะใยไพ ไม่สาไหร๙๗เรื่องวันคาร
ปางนั้นกระบี่วงศ์ นั่งอยู่ตรงต่อหน้าฉาน
จดหมายคลายคลี่อ่าน ฟังเหวยท่านท้าวปัญจา
ตั้งต้นว่ากรุงมาร ยกพลหาญบึ่งมาหา
ล้อมชิดติดพารา อย่าเชือนช้าส่งลูกสาว
สี่เศียรแปดพระกร ย่อมลือฉ่อนทุกแดนด้าว
ยักษาก็ว่าเล่า หมาดเถิด๙๘ท้าวคงปะดี
ไม่ส่งองค์วันพุธ จะอุก๙๙จุดกรุงบุรี
ถ้าส่งให้โดยดี ตัวเรานี้อดโทษา
อ่านจบแล้วถามไถ่ เอ็งว่ากระไรท้าวปัญจา
อย่าเน่งเร่งบอกมา๑๐๐ ท้าวจะว่าประการใด
ท้าวว่าเน่งเถิดนาย อย่าวุ่นวายข้าจะไป
สามวันจะครรไล เอ็งทูลไทยท้าวยักษา
กระบี่ฟังยังซ้ำถาม ข้าแคลงความอยู่หนักหนา
แต่พูดไม่ลดละ ถือมานะกษัตรา
เป็นตายไว้น้ำหน้า คิดปรึกษาในข้อความ
นั่งด้วยมเหษี พระภูมีสุนทรถาม
เราจะออกต่อสงคราม จะคิดความกระแสใด
ตัวพี่ก็ไม่กล้า ด้วยชราอาพาธใน
รบรบก็นั่งไอ หอบลิ้นล่อ๑๐๑พอแลตาย
ยิ่งคิดจิตยิ่งเศร้า มีลูกเต้าก็ไม่ชาย
พี่จะรบกระไรได้ เหนื่อยลิ้นล่อมารเบื่อกลัว
เจ้ากรรมจะทำพรือ๑๐๒ ครางหือๆมือเกาหัว
รี้พลก็สากลัว๑๐๓ เห็นหน้ายักษ์กลัวจักตาย
โฉมนางคันธมาลา เห็นภัศดากระหนหาย๑๐๔
ว่าท้าวอย่าวุ่นวาย ส่งลูกให้แก่มันไป
เป็นตายไม่ส่งให้ ไอ้ขุนยักษ์จะทำไม
ลูกไม่ใช่ไข่เป็ดไก่ หยิบซัดโยนทำคุณกา
แล้วออกนอกเกยชัย โองการไขตรัสถามมา
ดูเคราะห์ทีโหรา จะเสียเมืองหรือฉันใด
วันจันทร์เดือนสิบสอง เราจะคล่องหรือขัดใน
ถ้าจะออกไปชิงชัย ได้ไม่ได้เร่งทายมา
จะชนะหรือจะแพ้ ทายให้แน่ทีโหรหวา
ส่วนว่าตาโหรา ล้วงตำราเปิดดังโกรก

(ฉบัง ๑๖)

โหรเฒ่าเฒ่าจับดินสอ คูณหารหารต่อ
ดินสอขีดสากลากโสก  
เห็นแล้วทายไปตามโชค ทายถูกดังโปก
เกิดเดือนสิบสองขี้เย็น๑๐๕  
โหรเฒ่าทายราวตาเห็น พระเคราะห์ก็ไม่เป็น
แต่เกณฑ์ปากร้ายไม่ดี  
นางจะจากท้าวไปปีนี้ แต่จะได้สามี
ภูมีจะได้ลูกเขย  
ถามว่ามนุษย์หรือยักษ์เล่าเวย ทายไปอย่าเฉย
ลูกเขยหรือว่าลูกขาย  
ทูลว่ายักษาไม่ใช่ เป็นมนุษย์เฉิดฉาย
อายุผู้ชายเทียมนาง  
มีศรฤทธิ์รอนทุกอย่าง ฝากมาให้นาง
ถึงแล้วอยู่ในนาวา  
ท้าวว่าจริงหรือโหรา ถ้าเหมือนเองว่า
เราจักรางวัลเต็มใจ  
เท่าเถิดค่อยทายต่อไป ผินสั่งหมื่นไว
สูไปปากน้ำเถิดหนา  
สืบไปใครได้ศรมา เอาฆ้องชะวา
ตีป่าวอย่าช้าจงไว  
เอาเรือพระที่นั่งเราไป วอทองทำใหม่
ไปคอยอยู่ริมคงคา  
หมื่นไวรับใส่เกษา ยอชุลีลามา
เรียกหาฝีพายด้วยไว  
แปดสิบเล่มลงบัดใจ นายท้ายพายใหญ่
แต่ใบแผ่นเดียวหนาแน่น  
ด้ามพายใหญ่ยาวราวแขน คุ้ยท้ายโพกแบน
เร็วจริงยิ่งผีช่วยพาย  
มาถึงปากน้ำโดยหมาย กล่าวคำภิปราย
ใครได้ธนูศรมา  
ตีฆ้องร้องป่าวฉาวฉ่า มาถึงนาวา
ของนายสะเภาเมืองใหม่  
มีความร้องถามขึ้นไป ท่านอยู่เมืองใด
จะมาขายอะไรกระมังหนา  
บัดนั้นนายสะเภาเภตรา ตอบว่าตัวข้า
มาแต่เมืองพรรณรังษี  
อาทิตย์เป็นเจ้าธานี องค์พระมเหษี
เทวีชื่อนางวันจันทร์  
วันคารหลานท้าวองค์นั้น รูปโฉมโนมพรรณ
งามครันเป็นลูกแม่ตาย  
โฉมตรูฝากธนูมาถวาย มาดูหรานาย
ศรธนูฉันไม่เข้าใจ  
เสนาได้ฟังขึ้นไป ยกธนูศรชัย
หัวใจให้สบายหนักหนา  
ปากว่าเหมือนธนูแรกมา ไพร่ไพร่อย่างข้า
เรียกว่าธนูหางไก่  
เจ้านายเรียกธนูศรชัย เกิดแล้วตายไป
แค่ไหนไม่เห็นสักที  
พูดช้าฉานลาแล้วพี่ จะไปในบุรี
หรือพี่จะไม่หยัดใจ  
นายอาข้ามาถึงใหม่ เอาเถิดศรชัย
พาไปถวายภูมี  
ข้าต้องขายของทั้งนี้ เวลาไม่มี
เชิญพี่พาไปกันเอง  
เสนาพาศรตั้งเขลง ใส่เรือพายเร่ง
คัดเคร่งไม่ช้ามาถึง  

ฯลฯ

(ต้นฉบับต่อจากนี้ฉีกขาดอ่านไม่ได้ความไป ๑ หน้า โปรดอภัยด้วยที่หาต้นฉบับอื่นมาสอบทานไม่ได้)

  1. ๑. ทั้งหมดนี้หมายถึงเด็ก ๆ เพราะเด็กครั้งนั้นต้องไว้จุกหรือเปียกันจนอายุ ๑๒ ปี จึงจะตัด หัวจุกคือผมที่เว้นไว้กลางกระหม่อนกระจุกเดียวถ้าปล่อยไม่เกล้าจะปรกมาข้างหน้า ผมเปียคือ ผมสองกระจุกเว้นไว้กลางกระหม่อมไม่เกล้าก็จะตกไปสองข้าง หัวเจ๊ก คือผมจุกกระจุกเดียวที่เว้นไว้กลางกระหม่อมค่อนข้างท้ายทอย ถ้าไม่เกล้าจะตกไปข้างหลัง

  2. ๒. คือ คนเปลี้ย

  3. ๓. บอกตรงแล้ว พระทุ่มเป็นผู้เขียนคัดลอกลงสมุดข่อยนี้

  4. ๔. คือ ยาฉุน

  5. ๕. คือ เอ็นดู

  6. ๖. เนาว์โลกอุดรสถิต คือ อยู่ในทิศเหนือ ที่นี้กล่าวทิศเพียง ๗ ขาดทิศทักษิณ

  7. ๗. ไม่ทู่ซี้

  8. ๘. ปัญจะพรหมา จตุรพักตร์พรหมมี อัฏฐนาคะ กุกกุฏสัตตะ ว่าตามกลอนพาไป คงจะเคยท่อง อักขระจารึกยันต์ตรีนิสิงเห จะลงเลขอะไรมีคาถาประจำเลข เลยคล่องปาก ก็กลอนพาไปทั้งนั้น

  9. ๙. คำว่า ดิฉัน เป็นคำพูดสุภาพที่พูดต่อผู้ที่ตนเคารพ ใช้ทั้งผู้ชายผู้หญิง

  10. ๑๐. พุงใหญ่ เป็นภาษาพื้นเมือง ว่ามีครรภ์

  11. ๑๑. อะขู อักโข มากมาย

  12. ๑๒. ผ่าพุงทั้งเป็น บุราณไม่มีก็จริง สมัยนี้เรื่องเล็ก

  13. ๑๓. ตำแย หมอในการเกิดด้วยวิธีผดุงครรภ์แบบโบราณ

  14. ๑๔. ทลา ถลา หมายความถึงถนน ลา ก็เหมือนกัน

  15. ๑๕. กลบลูก ทำให้ลูกแห้งหายไปในท้อง

  16. ๑๖. หาไม่ ไม่มี

  17. ๑๗. ควายพ่าน ควายไม่มีคอกเที่ยวเพ่นพ่าน

  18. ๑๘. ยุด ยึด หรือดึงเอาไว้

  19. ๑๙. ตาเณรบัว คือคนที่บวชพระแล้วสึกออกมา ชาวบ้านเรียกว่าเณร เช่น พระบัว สึกมาแล้ว ถูกเรียกว่าเณรบัว จะเรียกว่าทิตต้องบวชนาน ตาเณรบัวหมายความถึงนายบัวคนเก่ารุ่นตา

  20. ๒๐. ยิก ไล่

  21. ๒๑. ตรัน เข้าไปเอาไม้หรือมือยันดันเอาไว้

  22. ๒๒. กาหลอ วงดนตรีชะนิดหนึ่ง ใช้เฉพาะงานศพ แบบนางหงษ์

  23. ๒๓. บัวปอก สีของผ้า

  24. ๒๔. มันขัน น้ำมันชะนิดหนึ่ง

  25. ๒๕. เชอ (กะเชอ) ภาชนะสานด้วยหวายสำหรับผู้หญิงใช้ถือใส่หมากพลูเป็นต้นในการเดินทาง

  26. ๒๖. มือกุมพัด ถือพัด เช่นพัดด้ามจิ้ว

  27. ๒๗. สูมาแลไหรๆ พวกแกจงมาดูอะไรนี่ซิ

  28. ๒๘. อีราชา นางตัวดี

  29. ๒๙. ไอ้ฉากหัว เป็นคำด่าของผู้หญิง

  30. ๓๐. การไหรใคร ธุระอะไรของใคร

  31. ๓๑. มาต้า มาซิ

  32. ๓๒. อุตตราวัฏศพ คือแห่ให้ซ้ายแก่เมรุ ตรงกันข้ามกับทักขิณาวัฏ

  33. ๓๓. ทุมทุม เป็นอาการที่ไฟลุก

  34. ๓๔. หนำนา กะต๊อบกลางนา ขนำนาก็เรียก

  35. ๓๕. เวช้า เวเปล คือ ไกวเปล ช้า คือว่าเพลงกล่อม

  36. ๓๖. เออนัน เออหนาน เฮอนัน เป็นคำอุทานอย่างเห็นด้วยเต็มที่

  37. ๓๗. พรูกเช้า ต่อโพรก คือพรุ่งนี้

  38. ๓๘. อย่าเน่งเร่งบอก อย่านิ่งอยู่เร่งบอกมา

  39. ๓๙. ห่อเตาะ ห่อกาบหมาก

  40. ๔๐. นายเภา นายสำเภา

  41. ๔๑. จืดปาก คือ กินอาหารไม่รู้รส

  42. ๔๒. ขรี ชื่อไม้ชนิดหนึ่ง คล้ายนนทรี ยอดขวาดเป็นผักได้

  43. ๔๓. ตีไม้สีฟัน ไม้สีฟันโบราณใช้ไม้ข่อยบ้าง สะเดาบ้าง ตีให้เป็นฝอย เหลาอีกข้างให้แหลมสำหรับชำระฟัน ตามวัดมักตีก่อนเข้าพรรษา ถวายอุปัฌาย์ อาจารย์

  44. ๔๔. ปลาโคบ บางทีเรียกปลาโคก เป็นปลาน้ำเค็ม ขนาดเท่ากับปลาทู แต่ตัวสั้นเกล็ดมาก

  45. ๔๕. ขึ้นเห็ดเหม็ดแล้ว ขึ้นราหมดแล้ว

  46. ๔๖. ร้องอีโหย่ ร้องชโย โห่ฮี้ว ด้วยความร่าเริงหรือคึกคะนอง

  47. ๔๗. หน้าเท่าด้ง หน้าบานด้วยความดีใจ

  48. ๔๘. ช็อง เป็นอาการที่ปักของแหลมลงไปที่ดิน

  49. ๔๙. ฝานหอมใส่ หั่นหัวหอมใส่

  50. ๕๐. หอมอาวรณ์ หอมยวนใจพิลึก

  51. ๕๑. ช่อกันเข้า ผูกเข้าเป็นพวง

  52. ๕๒. ทุ่มไว้ ทิ้งไว้

  53. ๕๓. ใต้ซองหนำ ซุกซอกไว้ใต้หนำ (กระต๊อบ)

  54. ๕๔. เปลือกพุกดำ เปลือกผุจนดำ

  55. ๕๕. ไม่ลิดก่อน ยังไม่ปอกเปลือก

  56. ๕๖. หนังยู่ยี่ หนังย่นหดเหี่ยว

  57. ๕๗. ขลุกขลิก มีอะไรกะทบกุกกิก

  58. ๕๘. แช ช้า

  59. ๕๙. ไว้บนผรา ผราคือร้านปูฟาก มีอยู่เหนือเตาไฟในครัวชาวบ้านโบราณเกือบทุกบ้าน สำหรับเก็บของที่อาจขึ้นเช่นเกลือน้ำตาลพริกขี้หนูแห้งเป็นต้น

  60. ๖๐. รอดจะกูดหัก จะกูดคือหางเสือ คานที่ยึดหลักหางเสือหัก

  61. ๖๑. กูดท้าย หางเสือเรือ ก็ไหวคือสั่นจนไว้ไม่อยู่

  62. ๖๒. เชียง คือกรรเชียง

  63. ๖๓. หลักแง้น หลักหลุดจากฐานกรรเชียงไม่ได้

  64. ๖๔. ฉัดเข้าริมฝั่ง ซัดเข้าริมฝั่ง

  65. ๖๕. ชบ ชุบด้วยเวทย์มนต์ จะให้เป็นอะไรตามปรารถนา

  66. ๖๖. งาย ครึ่งวัน

  67. ๖๗. ฉุก ยุ

  68. ๖๘. แค่มันขัน ที่มันนึกสนุกหรือเล่นตลก

  69. ๖๙. ลงสัน ตกลง

  70. ๗๐. เล่า บอก

  71. ๗๑. ทำหลาวๆ ทำผลุนผลัน

  72. ๗๒. สา รู้สึก สาอะไร จะรู้สึกอะไร สากลัว = รู้สึกกลัว

  73. ๗๓. จาบัลย์ คำกวีเมืองนครแปลว่าพูด

  74. ๗๔. แลท่าทาง ดูมีกิริยาพิกล

  75. ๗๕. ปิเหน่ง ปั้นเหน่ง

  76. ๗๖. เสือกหน้า ว่าใส่หน้า

  77. ๗๗. ลกลก รีบด่วน

  78. ๗๘. ถด ถัดกระเถิบ

  79. ๗๙. ว่าเจ้าไหมจูงหวากัน บอกจีนชื่อไหม ให้จูงอั๊วด้วย

  80. ๘๐. ยักหงาย หงายหลัง

  81. ๘๑. ครุบฉวยถูกแค่บั้นขา ผะเอิญจับถูกกลางขา

  82. ๘๒. ย็อง ย็อง เป็นอาการที่วิ่ง

  83. ๘๓. หลังก็อง หลังโกง

  84. ๘๔. หัวเพตรา หัวคุดทะราดที่เท้า

  85. ๘๕. ฉีกเรียน ฉีกทุเรียน

  86. ๘๖. กุมพรก ถือกะลามะพร้าว

  87. ๘๗. ปละหน่วย ข้างละใบ

  88. ๘๘. ตาเณร ในที่นี้หมายถึงคนแก่ที่ยังบวชเป็นเณร ซึ่งบางคราวเรียกเถน

  89. ๘๙. ตีนตรด ตีนกะจอก คือข้อเท้าซึ่งเคลื่อนไหวไม่ได้ เวลาเดินจรดปลายเท้า

  90. ๙๐. เที่ยวโจ่งพลิ่น เที่ยววิ่งเพ่นพ่านไม่มีจุดหมาย

  91. ๙๑. เขื่อน ตู ธรณีประตู

  92. ๙๒. อะไรฉู้ อะไรไม่รู้

  93. ๙๓. พดงู ขนดงู คืออาการที่งูม้วนตัวนอนเป็นวงกลมซ้อนเป็นชั้น ๆ เรียกว่างูนอนพด

  94. ๙๔. ด้งมอน กะด้งใบใหญ่สำหรับใส่ของตากแดด

  95. ๙๕. เด็กรื่นๆ เด็กวัยรุ่น

  96. ๙๖. พวกโลน พวกนักขัดคอ เช่นเวลาหนังโนราแสดง มักมีคนดูคอยพูดขัด เรียกว่าพวกโลน

  97. ๙๗. ไม่สาไหร ไม่มีรสชาดอะไร ใช้ไม่ได้

  98. ๙๘. หมาดเถิด ประมาทอยู่เถิด

  99. ๙๙. จะอุก จะปล้น

  100. ๑๐๐. อย่าเน่งเร่งบอก อย่านิ่งอยู่เร่งบอกมา

  101. ๑๐๑. หอบลิ้นล่อ หอบจนลิ้นห้อย

  102. ๑๐๒. ทำปรือ ทำอย่างไร

  103. ๑๐๓. สากลัว รู้สึกกลัว

  104. ๑๐๔. กระหนหาย กระวนกระวาย

  105. ๑๐๕. ขี้เย็น มักเย็น คือหนาวเร็วกว่าคนอื่น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ