ขบวนพยุหยาตราแห่พระกฐินบก

พระนิพนธ์สมเด็จกรมพระปรมานชิตชิโนรส ฯ

----------------------------

ร่าย ๏ ศรีสิทธิเดชอดุลย์ วิบุลย์บุญญาดิเรก เอกอิศราธิราช ขาดอเรนทรเข่นเข็ญ เย็นพระยศเยือกหล้า เชอดฟากฟ้าให้ฟู ชูฟากไผทให้ฟ่อง ถ่องพระสาสนทำนุก เทอดทางยุกดิ์ทำเนียบ เทียบทศธรรมธำรง ทรงสิ่งสังคฤหพัสดุ์ จักรวัดิวัตรอำรุง ผดุงแดไพร่ให้ศุข ปลุกราษฎร์ให้ใจเกษม เปรมสมบูรณ์ภูลสวัสดิ์ ขจัดอริราชอันตราย ขจายทุกข์ทวยธเรศร้าง ศรีอยุทธเยศเจ้าช้าง เผือกผู้พังสาม สารนา. ฯ

กรุงรามเลอรุ่งหล้า เลอสวรรค์
เสนอสนุกนิสิ่งสรรพ์ สุดอ้าง
ไพชยนต์พิมลบรร เจอดจิ่ม หาวเฮย
หอแห่งสิ่งหาศน์ห้าง หกฟ้ามาปูน ฯ
๏ ปราการทวารป้อมเปี่ยม ปืนราย รอบนา
นองน่านพิศาลสินธุ์สาย โอบอ้อม
มวญหมู่อมิตรหมาย เมอลกระหม่า ขวัญเอย
โผอนอาตม์ขาดเศิกซ้อม สร่างเสี้ยนเศียรสยอง ฯ
๏ ภิญโญยศแผ่ผ้าน พสุธา
ตระเหลอดทุกแหล่งสิมา หมื่นไท้
เจียรจอมจักรจตุรา ทีปเทียบ ถึงฤๅ
ต่างแต่งปรักมาศไม้ มอบเกล้าถวายถวัลย์ ฯ
๏ สมภารสมโพธิพ้น รำพรรณ นาพ่อ
ภูลเพิ่มทศพิธธรรม์ ทั่วทั้ง
อัษฎางคิกศีลสรรพ์ กุศลส่ำ สมเฮย
มาศและมีแปดครั้ง ห่อนเว้นเปนเฉลิม ฯ
๏ ผจงแจกบริจาคเจ้า ไทผอง
ในนอกนครไป่ปอง เลือกหน้า
จตุราปจเยศนอง นาเนก นับเอย
ครันครุ่นบุญท่านค้า ค่ำเช้าคราวหลาย ฯ
๏ โรงทานอุฬารล้วนสิ่ง สรรพวัด ถุเอย
สุปโภชน์เพียญชนพัตร เพียบตั้ง
อำนวยคณะบรรสัช สังฆ์ส่ำ คหัษฐ์แฮ
อิกกับโอสถทั้ง เทศน์ถ้วนวันเสมอ ฯ
๏ แปดปางอุโบสถไท้ ท่านทาน
หิรัญวัดถ์อัฐบริขาร ท่านให้
เนืองผนวชเนกบริพาร ผองไพร่ พร้อมเฮย
ปวงประจำงานใช้ ชื่นน้ำใจเขษม ฯ
๏ ในนิเวศน์นฤเบศร์สร้าง สังฆภัตร ทานแฮ
ทุกวิหารเวียงวัด ทั่วหล้า
ชีเชษฐแฉกตาลิปัตร เปลี่ยนพลุก สานนา
เวรละวันฉันเช้า ค่ำให้ฟังธรรม ฯ
๏ เนืองนิจมหิศเรศให้ บิณฑบาต ทานเฮย
จตุเวทวรามิศประสาท แซรกซร้อง
ปล่อยปวงมัจฉทวิชาติ เชองสี สัตวนา
ษิโณทกตกธเรศท้อง ธิราชอ้างแผ่ผล ฯ
๏ ทรงถวายนิจภัตรด้วย เงอนตรา
ทุกทั่วพระราชา คณะนั้น
ทวยสงฆ์ส่ำถานา อเนกนัก เรียนฤๅ
เดือนละเดือนไป่ขั้น ขาดค้างฤๅมี ฯ
๏ ปางปิ่นธเรศสร้างซ่อม กระษัตรา วาศฤๅ
ในนอกนครอโยทธยา ถิ่นถ้วน
เปนอาทิ์รัตนสาศดา รามรุ่ง เรืองเฮย
กุก่องทองเถือกล้วน สลับแก้วแกมศรี ฯ
๏ ฉลองก่อนอาวาศเก้า คราวกัน
โอรสราชสิทธสุวรรณ จากแจ้ง
รฆังสเกษกับพญาธรรม์ ท้ายตลาด
โขนหุ่นรบำรำแคว้ง ดอกไม้ไฟหนัง ฯ
๏ ไตรครบสบสิ่งถ้วน พันสอง
กราบพระปักจำลอง ลักษณ์ไว้
โอรสราชรังรอง เฉลอมโลกย์ แลฤๅ
ประสาทแด่ส่ำสงฆ์ได้ เครื่องพร้อมพรหมจรรย์ ฯ
๏ มีเทศน์ทั้งทั่วเก้า อาราม รวดฤๅ
วัดละสามวันกัณฑ์ เท่าไซ้
เท้งทานพลานสนาม สลากหลาก หลายแฮ
ไถ่ทรัพย์นับแจกได้ ชั่งร้อยสองครา ฯ
๏ เสร็จทรงซ่อมสร้างพระ เชตุวัน
โบสถ์วิหารหอธรรม์ เคอบคั้ง
รเบียงรเบียบบรร เจอดโลกย์ แล้วแฮ
รายรอบศาลาทั้ง มกุฏซุ้มทวารวาง ฯ
๏ เจดีย์เดอมด่งด้าว คัคณานต์
สร้างอิกสองสูงปาน เปรียบนั้น
ไสเยศพุทธไพหาร ใหญ่เย่อน ยลนา
เรียงรัตนปราการกั้น ก่อล้อมเวียนวง ฯ
๏ สมภารภูวนารถเกื้อ กุศลสรรพ์ กิจฤๅ
ร้อยโอฐออกรำพรรณ พร่ำพร้อง
หมื่นมาศหมื่นคืนวัน ปีหมื่น หมายแฮ
ฤๅห่อนสุดสารซร้อง สิ่งสร้างแสวงบุญ ฯ

----------------------------

๏ แถลงปางปิ่นธเรศเผ้า ภูวดล
แสดงพยุหผองพล ผาดผ้าย
ถวายทานกฐินสถล รัถเยศ
ไหยรถคชบทย้าย ย่างเยื้องยอขบวน ฯ
๏ มหาดไทยขุนหุมื่นม้า สองทรง
ถือหักทองขวางธง เถือกฟ้า
นำเนืองเนกดุรงค์ เรองพยศ ยาตรแฮ
เดอนฝ่ายซ้ายขวาหน้า ขนัดริ้วเรียงราย ฯ

ร่าย ฝ่ายขุนโจมพลล้าน เถลองแสะด้านทักษิณ พาชินทร์ชื่อรวางมี วิรุณรัศมีหมู่เขียว ซ้ายศรีเดียวดุจกัน ศรีสรรพางค์สมญา ขุนอาชาซ้ายด้าน สท้านพลแสนเสนอนาม แต่งเพศสยามทแมงทมัด เสื้ออัตหลัดสวมอาตม์ เจียรบาดคาดสนับเพลา ผ้าขลิบเอาโอบหัว ตัวสองขุนน่านำ ประจำจีนพาทย์สำรับ นับหนึ่งวางหว่างขนัด ถัดโทขุนกล้า ขุนหมื่นม้าขวาซ้าย ย้ายสองฟากแถวสถล ยลฝ่ายละห้าสิบนาย โพกหนังลายรดน้ำ เหน็บกฤชด้ำจำหลัก สนับเพลาปักอเคื้อ เสื้อโหมดจีบเอวทรง วงปั้นเหน่งเอวอ้อม พร้อมกุทัณฑ์จำทาย แพนมยุรพรายยะยาบ แล่งลูกจาปเสียดท้าย แลสรหล้ายสรหล้าง สองข้างริ้วรัถยา หว่างอาชาขนาบขนัด และสารวัดอำอาตม์ มาศดาราก้าไหล่ มหาดเล็กใส่สนอบพร้อย อย่างน้อยอัตหลัดเลอศ ขลิบพัตรเพรอศกรองทอง โพกเศียรสองปักยก นุ่งเหน็บพกพิศเพรา สวมสนับเพลาชั้นใน ขี่มโนไมยสิบตน เดอนหว่างพลม้ามวญ กลางขบวนแสะผอง พวกปี่กลองมลายู นายหนึ่งชูปี่เป่า เหล่าเภรีหกตน แต่งสกนธ์เสื้อสวม กรวมกางเกงลายล้วน สำรับถ้วนเจ็ดเต้า ต่างประโคมโรมเร้า เร่งซร้องเสียงผสาน ฯ

สำนานต์นฤนาทก้อง โกลา หลแฮ
ถับถัดขนัดอาชา เคลื่อนคล้อย
ปลัดกรมหมู่หมวดขวา ซ้ายแสะ เห็จเฮย
ผูกเครื่องดาวดูพร้อย เพรอศด้วยเงอนงาม ฯ
๏ ทรงพลพาลผู้ชื่อ พันปลัด กรมเอย
ขับขี่กาฬกัณฐัศว์ ออกอ้าง
เกษาลินีอัศ วราช แลฤๅ
เดินแต่ฝ่ายขวาข้าง รเบียบริ้วทิวสถล ฯ
๏ ภุมรีรัตนมิ่งม้า หมึกสกนธ์
พันชื่อชาญพลแสน ขี่คว้าง
โดยเฉวียงรัถยายล เหยาะย่าง ยงเฮย
เฉกเช่นพายุพ่าห์อ้าง ออกท้าเทียมเสมอ ฯ
๏ กำพลพัตรผู้แสะ เสนอนาม
ขุนดุรงค์สงคราม เห็จผ้าย
กำพลรัตพรรณงาม เงือนแง่ ศรีเฮย
หนทักษิณยาตรย้าย ยิ่งม้าแมนจร ฯ
๏ อัษฎงคตชื่อชี้ อาชา ชาติเอย
แลเล่ห์โลหิตทา ทั่วล้วน
ขุนรามอัศดรนา ยกขับ ขี่แฮ
เฉวียงฝ่ายหมายคู่ถ้วน ที่ชั้นหลั่นสอง ฯ
๏ ขุนพาชีชาติผู้ แซรงใน
เถลองเมฆมาลาไหย หื่นห้าว
แซรมศรีมรกฎไพ บูลย์เลอศ ลักษณ์เฮย
เดอนดับโดยสดำด้าว แห่งท้องสถลทาง ฯ
๏ เมฆาพิลาศเพี้ยง พายุไหย ยานเฮย
ขุนราชอาชาไนย ชื่ออ้าง
เลอสถิตย์ปฤษฎางค์ไคล คลาย่าง น้อยนา
มรกฎแซรมศรีข้าง ขนัดซ้ายผายผยอง ฯ
๏ หมื่นยุทธพิไชยแต่งตั้ง ถานา ศักดิแฮ
เหอรพหลอาชา ชาติย้าย
สมเญศทิพยโสภา กระเลียวลักษณ์ แลฤๅ
โดยปรักษ์ทักษิณผ้าย พยศเต้นตามขบวน ฯ
๏ หมื่นไกรเพ็ชรหมู่ม้า เกราะทอง
ธำรงดุรงค์เรองผยอง ยาตรเยื้อง
สุธาทิพยกระเลียวประลอง แส้ฟาด ฟ้อนเฮย
เดอนฝ่ายซ้ายสถลเบื้อง ขนัดริ้วทิวเรียง ฯ
๏ ปลัดกรมกรมม้าแปด กรมหมาย
แซรงนอกแซรงในหลาย เหล่าถ้วน
อาสาเกราะทองสาย ถือทมัด มือเอย
อิกหมู่ม้าต้นล้วน ขลิบผ้าเศียรพัน ฯ
๏ อาภรณ์พิลาศสิ้น สำหรับ อาตม์เอย
เสื้อใส่อัตหลัดยยับ อย่างน้อย
นุ่งสองปักยกสนับ เพลาเพลาะ เชองแฮ
ดาวสพักฝักหุ้มพร้อย เพรอศด้วยไหรญ ฯ
๏ เจ้ากรมกรมม้าทั่ว แปดกรม
เถลองอัศวเครื่องถม ปัดแพร้ว
ล้วนเลอศลักษณอุดม รวางชื่อ มีนา
เหยาะย่องสองฟากแคล้ว คลาศเต้าตามขบวน ฯ
๏ สุยามพรรณกัณฐัศว์เพี้ยง นิลกาฬ
หมื่นชื่อซำนิภูบาล หนึ่งอ้าง
ขี่ขับขยับผยองทยาน พยศยิ่ง ยลเฮย
หนแห่งทักษิณข้าง ขนัดม้ามวญพล ฯ
๏ ชำนาญภูเบศร์ผู้ หมื่นมี นามนา
เหอรเห็จไหยยานลี ลาศย้าย
อัญชันโชติพาชี เขมาภาพ พิศแฮ
เหย่าย่างทางแถวซ้าย แสะริ้วรายเรียง ฯ
๏ ปัศวหล่ำโลหิตแต้ม ตนเสมอ
หลวงวิสูตรอัศดรเลอ ลาศเต้า
ขวาแขวงแห่งอำเภอ สถลมารค นั้นนา
เยื้องย่องว่องฝีเท้า เทียบม้ายนตร์ยล ฯ
๏ ปัทมราชชาติแสะร้า รงค์รบ
แลเล่ห์อังคาพยพ ครั่งย้อม
หลวงสุนทรสินธพ เถลองยาตร ผยองแฮ
หนอุดรดูพร้อม เพรอศสิ้นสรรพางค์ ฯ
๏ ผ่านเขมาเสาวภาคย์พื้น อินทรีย์ แสะฤๅ
หลวงชื่อพิไชยมนตรี ขี่คล้อย
พาหวตามี รวางเรียก นามนา
ยลแง่งามงามน้อย ย่างเยื้องขวางแขวง ฯ
๏ หลวงศรีอัศวเดชขึ้น ขับอา ชาเอย
สมเญศยศวายุพา หะห้าว
ดำผ่านพ่างเลขา ผจงรูป ไว้ฤๅ
เดอนฝ่ายซ้ายแถวด้าว โดดเต้นเผ่นผยอง ฯ
๏ หลวงทรงพลราบอ้าง สมญา
แสะชื่อชามพูมา นัศตั้ง
พิลาศลักษณโสภา พรรณภาคย์ เขียนเอย
เปนพ่าห์ขวาขนัดทั้ง แกว่นแกล้วกลางณรงค์ ฯ
๏ ฝ่ายซ้ายหมายต้นเชือก พาชี
บััญญัติสหัสรังษี หนึ่งไส้
เขียวถ่องทั่วอินทรีย์ สำอาด
หลวงปรายพลแสนได้ ขี่แคล้วคลาขบวน ฯ
๏ ทั้งแปดพื้นโพกผ้า กรองทอง ขลิบเอย
ตายสพักฝักอุไรรอง หร่ามพร้อย
สนับเพลาเพลาะเชองสอง ปักยก นุ่งนา
อัตหลัดเสื้ออย่างน้อย ใส่สิ้นสวมกาย ฯ

ร่าย ฝ่ายขบวนม้าเดอน จูงดำเนอนมานหมวด ดำรวจในซ้ายขวา ริ้วเสนากุฏสวม กรวมกางเกงเกี๊ยวลาย หมวกหนังทายเศียรเทรอด เทอดธงหักทองขวาง สองตนทางซ้ายขวา คลาคลี่นำขนัดเดอน เถมอลหมู่นอกดำรวจ หมวด) สดำเฉวียงเรียงราย หมายเท่ากันดังนั้น ภู่สามชั้นทวนมาศ ถือเถือกดาษรัถยา เสื้อเสนากุฏกรวม กางเกงสวมศรีชาด คาดสายใส่หมวกหนัง ทังขุนหมื่นดำรวจ นอกไตรตรวจเถมอลมวญ ขบวนธงจขาบขนัด เปนสารวัดสี่นาย หมายหมื่นขุนดำรวจสนม สองกรมสีดุจกัน สรรค์เอาเปนสารวัด ขนัดพลเทอดทองทวน เสื้อลายกระบวนเสนา กุฏกายาใส่สวม หมวกหนังกรวมกระบานทรง อลงกฏกาญจนพะพราย รดน้ำลายพื้นแดง ดูสุกแลงฉานเฉอด สองปักเพรอศพัตรา เล่ห์เลขาฉลุลาย นุ่งเหน็บชายพกม้วน ล้วนเอวโอบเกี้ยวลาย กระบี่สพายฝักหนัง ทังแปดตนกลกัน ปันเตือนตรวาพลผ้าย พิศพหลยาตรย้าย ขนัดริ้วเรียงรัน ฯ

๏ ถัดนั้นนายหมวดสอง ไพร่หลวงกองกรมนกรนคร ถือมกรธวัช ดำเนินขนัดริ้วเรียง เปนคู่เคียงกันไต่ ใส่เสนากุฏสนอบ กางเกงกอปริ้วเกี้ยว ลายโอบเอี้ยวเอววง หมวกหนังทรงเทรอดหัว ตัวพลไพร่ในกรม แต่งอาตมต่างเยี่ยง เปนกระเหรี่ยงเรียงราย ทายน่าไม้ทมัดมือ คือข้างละสิบห้าตน สามสิบคนคณนา หว่างโยธาชรดื่น หมื่นขุนกรมเมืองมวญ ตรวจตราขบวนแจงจัด เปนสารวัดสามนาย เสื้อกระบวนลายผ่องผุด เสนากุฏสวมกาย สองปักลายนุ่งคาด เกี้ยวสำอาดเพราเพรอด เทรอดหนังลายทองถกล พื้นแดงยลฉาดฉาย สพายกระบี่ฝักหนัง ทังสามแต่งดุจกัน ลำดับพรรค์ไพร่หลวง ปวงกรมม้าหมู่ลาย ถือแส้หวายเชอดชู ปิดทองตกูต้นปลาย ทวยทายคทากล่อมกลึง ยี่สิบพึงพรรณา ซ้ายขวาข้างละสิบตน ทวยสัประทนเกล็ดเชอด ฝ่ายละโทเทอดคัคณานต์ สามหมู่ประมาณสี่สิบสี่ คลี่ไคลไต่ตามทาง กางเกงนุ่งริ้ววิลาศ มงคลสักระหลาดแดงฉัน พันเอวลายแลถกล ถ้วนทั่วตนดุจกัน สรรค์ขุนหมื่นอาชา คลาหว่างริ้วทิวขนัด เปนสารวัดสี่นาย สองปักลายนุ่งล้วน ม้วนชายเหน็บชายพก ตกแต่งตนอย่างยุทธ เสนากุฏกระบวนลาย สวมใส่กายเกี้ยวคาด หมวกหนังมาศน้ำรด พื้นแดงสดศรีตระศัก กระบี่ฝักหนังสพาย ถัดริ้วรายไพร่หลวง ปวงพลกระบี่กลองชนะ เดอนระยะรายเรียง เคียงขวาซ้ายฝ่ายละหก ตกแต่งตนอเคื้อ เสื้อกางเกงทมัดทแมง ปัศตูแดงฉันเฉอด สวมเทรอดกลีบลำดวน คำนวณสิบสองนับ กับจ่าปีดำเนอน หนึ่งนายเดอนโดยสถล แต่งคนต่างผองพวก หมวกลำดวนปัศตู ศรีแดงดูเหมาะเหมง เสื้อกางเกงมัศหรู่ อยู่ระหว่างแถวสอง ประลองชวาปี่เป่า เหล่าขุนหมื่นในกรม อ่าอาตมแจงจัด เปนสารวัดหนึ่งนาย แต่งกายกลสารวัด ขนัดนิกรกล่าวแล้ว แลเพรอศแลแพร้วแพร้ว พร่างหล้าสรหลมสรหลอน ฯ

ดับอัศดรคนม้า ตัวละตัวใช่ช้า
ต่างเต้าตามกัน ฯ  
๏ ล้วนเลือกสรรแสะต้น เทศแท้แลเลอศล้น
เล่ห์ม้าแมนผยอง ฯ  
ไพร่หลวงกองสินธพ ครบจูงม้าละสี่ล้วน
นับยี่สิบอัศวถ้วน แปดสิบไส้ทนายมโน ไมยนาฯ
พื้นโอ่อาตมใส่เสื้อ ปัศตู แดงเฮย
แขนครึ่งขลิบโหมดดู ดั่งหวิ้น
หมวกนาลิวันชู เชอดศก สมนา
สักระหลาดชาดศรีสิ้น เสร็จทั้งกางเกง ฯ
๏ แถลงนามมวญม้าซึ่ง จูงลี ลาศแฮ
ที่หนึ่งสังขรัศมี เออกอ้าง
ศรีล่อเลอศอินทรีย์ สอาดอาตม์ เอี่ยมเอย
เสมออมรมาสร้าง สฤษดิไว้เฉลิมเวียง ฯ
๏ ลม้ายแม้นเขียนชื่อชี้ อาชา ชาติเอย
ดำผ่านที่โทคลา คลาศคล้าย
ราหูจับจันทร์นา มกรหมึก เหมือนฤๅ
เดอนที่ตรีรยะย้าย พยศเต้นเห็นงาม ฯ
๏ ผ่านเหลืองขเษียรสมุทอ้าง อัศสา นามเอย
หลั่นที่สี่โสภา ยาตรเยื้อง
แสะศรีประภัศรกา ยาฟ่าย ศรีฤๅ
ถับถับดับเบญจเบื้อง บาทย้ายผายผัง ฯ
๏ หนหกแดงผ่านพื้น อินทรีย์
ขนานวิเวกเวหามี ชื่อม้า
ลำดับสับแซรมศรี ทรายสอาด อาตม์เอย
บัญญัติผยองยาตรฟ้า ยิ่งฟ้าแสะแสดง ฯ
๏ ที่อัฐิอัศวเลอศล้ำ เหลืองศรี
เสาวภาคย์พรรณโสภี ผ่องแผ้ว
ไหรญรัศมีมี รวางเรียก นามนา
ชาญศึกฮึกหาญแกล้ว กลั่นกล้ากลางสมร ฯ
๏ อัศดรตำแหน่งเก้า กายา เขียวแฮ
เฉกพิรุณอาชา ชื่อตั้ง
ดารินทรดารา ไหยราช
เรวรี่ฝีเท้าทั้ง เทศแท้เผ่าพงษ์ ฯ
๏ อัศวราฤทธิม้ามิ่ง มรกฎ แซรมเอย
เดอนที่ทศาคลา เคลื่อนคล้าย
สิบเอ็ดอัศดรบท จรดับ นั้นนา
นามกนกภูษาผ้าย พยศเยื้องเหลืองพรรณ ฯ
๏ ทวาทศสินธพผู้ แดงพงษ์
บัญญัติสุริยบรรยงก์ ยิ่งแกล้ว
แสดงแสะสิบสามมง คลพ่า หนเฮย
เสนอชื่อพวงเพ็ชรแพร้ว เพรอศฟ้อสอกาย ฯ
๏ จารุณรัตนชื่อล้วน เหลืองสกนธ์
สิบสี่จรดลโดย ดับผ้าย
นามหงษ์พิมานยล อย่างชาด ศรีเอย
สถิตย์ที่สิบห้าย้าย ย่างน้อยในขบวน ฯ
๏ โสฬศยศเกร่อนแก้ว ผลึกขน ขาวนา
หนึ่งชื่อเหมมงคล แต่งตั้ง
ตำแหน่งสิบเจ็ดถกล กายกนก พรรณพ่อ
พื้นเผ่าสินธพทั้ง ทั่วสิ้นแสะผอง ฯ
๏ เขจรจรัลเรียกร้อง ดุรงค์ราช แลฤๅ
ศรีล่อแลสำอาด เอี่ยมพ้น
อัษฎารศายาตร พยศย่าง อยู่นา
เล็งแต่เหล่าม้าต้น ต่างเต้นเผ่นผยอง ฯ
๏ จามรมาศออกอ้าง รวางมี ศรีเฮย
เหลืองหลั่นลีลาถาน สิบเก้า
ราชสินธพพาชี สุพรรณพ่าง พรรณนา
นับยี่สิบแสะเต้า แต่ม้าจูงจร ฯ
๏ มวญม้าผู้กภู่พร้อม ขลุมวง
พานแถบซรองหางทรง ใส่ถ้วน
ดาวมาศกุดั่นลง ยาฉลัก ลางแฮ
ลางจุกมังคุดล้วน นากบ้างอย่างหลาย ฯ
๏ ลางดาวถมปัดผ้า ปกปฤษ ฎางค์เอย
อัตหลัดเข้มขาบพิศ เพรอศแพร้ว
ลางเหล่าหักทองติด ตฤงเลื่อม หลากแฮ
ตาบมุขสุกแสงแก้ว กุดั่นเพี้ยงพิศวง ฯ
๏ ไพร่หลวงกรมม้าหมู่ มีมือ
ต่างโต๊ะกล้วยอ้อยถือ เทอดเต้า
ต่างทายม่อทึกคือ ปรักขจิตร เจียวพ่อ
แสะหนึ่งสามนายเข้า ติดต้อยหลังตาม ฯ
๏ ยี่สิบส่ำมิ่งม้า มวญหมาย
หกสิบเถมอลพลหลาย เหล่าถ้วน
กางเกงวิลาศลาย ริ้วคาด ลายนา
สักระหลาดมงคลล้วน ใส่ด้วยแดงศรี ฯ
๏ นายม้าขุนหมื่นม้า จูงผอง
อิกพุดาษนุ่งสอง ปักผ้าย
เกี้ยวคาดอาตมประลอง แส้ปัด ไปเฮย
แสะละสองนายย้าย ย่างเต้าไต่ตาม ฯ
๏ กำกับเครื่องม้าทั่ว ทุกอา ชาเอย
ม้าหนึ่งสองนายคลา คลี่คล้อย
ยี่สิบนับอัศสา สี่สิบ ทนายแฮ
ประจำครบสบแสะค้อย ต่างต้อนเตือนจรัล ฯ
๏ พันเภาพาหะผู้ หัวพัน
กรมมหาดไทยได้สรรค์ ขนัดม้า
โดยรีตราชฉบับปัน เปนพนัก งานเฮย
ตำแหน่งขนบคู่หล้า เล่ห์นี้แต่ปาง ฯ
หว่างนั้นพาทย์จีนเต้า หกตนจรดลเร้า
เร่งซร้องเสียงรดม ฯ  
๏ ดำรวจกรมนอกล้วน เสื้อเสนากุฎถ้วน
คาดเกี๊ยวเหมาะเหมง ฯ  
๏ นุ่งกางเกงแดงจ้า หมวกหนังใส่ทั่วหน้า
นับได้สิบนาย ฯ  
๏ ทายธงตขาบเฟื่องเฟื้อย ขวาซ้ายฝ่ายละห้าเรื้อย
ยาบย้ายปลายปลิว แลนา ฯ
นำริ้วรถฝรั่งหนึ่ง สินธพซึ่งเทียมไส้
สองศรีแดงดุจไล้ เลือดย้อมยลงาม ฯ
๏ หนึ่งนามแดงภาณุมาศ หนึ่งแดงชาดฉาบอ้าง
สองแสะเทียมสองข้าง แอกผ้ายผันผยอง ฯ
๏ ที่สองอย่างจีนรถ แสะเทียมจรดเดียวผู้
แซรมสร้อยสนเสนอรู้ เรียกร้องนามดุรงค์ ฯ
๏ รถทรงฝรั่งที่สาม งามเทียมโทมิ่งม้า
ศรีหมอกมัวสลัวหล้า หลากล้ำดำกล ฯ
๏ ตนหนึ่งหมอกลม้ายมุก หนึ่งหมอกขมุกขมัวตั้ง
นามตำแหน่งรวางทั้ง คู่ไว้เฉลิมเวียง แลฤๅ ฯ
เสียงกงรถกึกก้อง ธรณี ดลเอย
กรมแสะเปนสารถี ขับคล้อย
อ่าอาตม์พิลาศสุกศรี แดงปัศ ตูนา
แขนครึ่งเสื้อขนาดน้อย กับทั้งกางเกง ฯ
๏ มีไตรในรถทั้ง ไตรรัถ แลฤๅ
ขุนหมื่นศุภรัดจัด แจกให้
ละรถละนายนัด หมายมอบ เขาเอย
กำกับสำหรับได้ อยู่เฝ้าพนักงาน ฯ
๏ พอกขาวครุยเสี้อใส่ สวมตน
เกี้ยวนุ่งสองปักกล กล่าวกี้
ทนายรถรถละสี่ชน บริรักษ์ รถฤๅ
สามรถทวาทศชี้ พวกผู้ตามประจำ ฯ
๏ ล้วนสี่ดำรวจได้ คุมรถ
ตกแต่งเครองอลงกฏ ถ่องถ้วน
กางเกงก็ริ้วหมด สนอบครึ่ง แขนเฮย
แดงจรัสปัศตูล้วน อิกทั้งมงคล ฯ

ร่าย ดับขบวนพลเดอนเท้า เต้าลำดับรถไตร กรมมหาดไทยชาญยุทธ พันไชยธุชสมญา ถือธชาเก้าชาย นำริ้วผายหว่างกลาง วางขุนหมื่นตำรวจใหญ่ ไต่ตนละกรมขวาซ้าย เทอดธวัชผ้ายผังผาด ห้าชายยาตรานำ ฝ่ายเฉวียงสดำขนัดแห่ แง่สำอาดอ่ายุทธ เสนากุฏริ้วสนอบ กางเกงกอบกลกัน ลายเกี้ยวพันธ์เอวรอบ งอบหนังบังกระบานบน สามตนแต่งดุจกัน นำริ้วขันธโยธา ทวยคาบศิลาสินาศ อิกพยุหบาตรไพร่หลวง ปวงพลสิบสี่ขบวน มวญนายหมวดตามกอง ไพร่หลวงผองสิบสี่ขนัด ถือธวัชมกร คู่คนจรริ้วขั้น ดั่งนั้นทั่วทุกหมู่ แต่งบตู่ตนตาม เฉกชนสามก่อนพร้อง ทุกพ้องกรมไพร่หลวง ปวงขุนหมื่นแจงจัด เปนสารวัดทั้งมวญ สิบห้าขบวนโดยดับ นับแปดผู้เสมอกัน ใส่หมวกสุพรรณพื้นหนัง แดงศรีทั้งเนกนาย สองปักลายนุ่งล้วน เกี๊ยวคาดถ้วนเอวอ้อม พร้อมเสนากุฏสนอบ กอบกระบวนฉลุลาย กระบี่สพายหนังฝัก สรพรักพิริยไตรตรา ทวยโยธาทุกขนัด จัดในรหว่างพยุหยาตร พาทย์สำรับหนึ่งมี ห้าคนตีสี่หาม แต่งตัวตามตนพวก ตุ้มปี่หมวกอเคื้อ กางเกงเสื้อสวมอาตม์ ล้วนสักระหลาดแดงศรี มีเหมือนกันทั่วทั้ง สิบห้าขบวนพลตั้ง แห่เต้าตามสถล แลนา ฯ

----------------------------

ตนขุนหมื่นสี่ดำรวจ หมวดองครักษ์ตัวแกล้ว
ขี่รถรันแทะแคล้ว หว่างท้ายขบวนประจำ ขนัดนา
รถต้นกัมพุชด้าว ดายหลัง คาแฮ
กลองแขกคนตีประนัง นั่งซร้อง
กางเกงปัศตูทัง สนอบชาด ศรีเอย
สวมหมวกลำดวนป้อง ปกเผ้าสามคน ฯ
๏ เทียมโคโทเทียบเต้า ชักลี ลาเอย
กรมเกษตรเปนสารถี แต่งให้
กรครึ่งสนอบใส่ศรี แดงปัศ ตูแฮ
อิกกับกางเกงไซ้ เฉกเสื้อไป่แปลง ฯ
๏ ถัดรถสิบสี่ถ้วน ทุกขนัด
ลางเทียบลางเทียมสัตว ส่ำซร้อง
กาษรอุศุภอัศว์ ลาหลาก หลายแฮ
เครื่องครบสิบสิ่งต้อง แต่งถ้วนทุกพรรค์ ฯ
๏ ดำรวจขี่รถเสื้อ เสนา รถฤๅ
สวมสอดใส่กายา เหมาะหมั้น
กางเกงกระหมวกนา เนกกนก วาดเอย
พื้นต่างตามศรีนั้น แห่งริ้วพลขบวน ฯ
๏ ผักปรักตาวแต่งถ้วน ตนสพาย
ต่างเวียดเกาบิลสาย สอดคล้อง
ทนต์สารส่ำเสนงหลาย เฉลากล่อม กลึงเฮย
ทุกทั่วรันแทะซร้อง สบสิ้นทั้งมวญ ฯ
๏ รถเทียมสินธพทั้ง ลาลี ลาศแฮ
กรมแสะเปนสารถี ขับผ้าย
รถโคคู่มหิงษ์มี ทนายนั่ง น่าฤๅ
คือหมู่กรมเกษตรย้าย ประฎักต้อนผายผัง ฯ
๏ สารถีแขนสั้นสนอบ ส่วนตน
แดงขลิบโหมดมงคล คาดเกล้า
กางเกงกอบดั่งกล ก่อนกล่าว นั้นนา
ขับรถบทจรเต้า หว่างริ้วทิวแถว ฯ
๏ ขบวนหนึ่งมกรธวัชขั้น ริ้วสอง
พาทย์หนึ่งบรรเลงประลอง ศัพท์ซร้อง
สารวัดแปดตนผอง ไตรตรวจ แห่นา
รันแทะหนึ่งกึกก้อง ครั่นครื้นกงไกว ฯ
๏ เครื่องประดับรถหนึ่งไส้ มีเสา สี่แฮ
ดัดพิตานดูเพรา เพรอศตั้ง
เสาน่าเหน็บทวนเฉลา สองเล่ม แลเฮย
เสาฝ่ายหลังง้าวทั้ง คู่หมั้นตรึงตรา ฯ
๏ สองบานเขนสุรัดไว้ ในพนัก
สองเล่มกระบี่หนังฝัก ผูกหมั้น
พิดานวิลาศลักษณ์ ลายเสวตร ศรีเอย
รบายเพลาะแพรสองชั้น เฉอดฟ้าฟูโพยม ฯ
๏ ไพร่หลวงอาวุธหมั้น มือไกว กวัดแฮ
สิบเอ็ดขบวนทหารไทย ทั่วถ้วน
แปดสิบส่ำพลไกร เสมอทุก หมู่นา
ตนแต่งต่างอย่างล้วน หมวกเสื้อต่างศรี ฯ
๏ เสนากุฏเสื้อใส่ กางเกง
ลายคาดอาตมเหมาะเหมง โอบอ้อม
หมวกหนังต่างลายเลบง ลบองหลาก ศรีนา
แต่งต่างหมู่ดูพร้อม พรั่งเต้าตามขบวน ฯ
๏ เกณฑ์หัดแสงสินาศถ้า จำทาย
หินคาบเสนงดินสพาย ทั่วถ้วน
สองฟากละสี่สิบนาย ผจงแต่ง ตนนา
ครบเครื่องศรีดำล้วน พิฦกพ้นพึงขาม ฯ
๏ อาสาทวนมาศเต้า ไต่ถัด นั้นนา
ผูกภู่ขาวทั้งขนัด หนึ่งชั้น
ซ้ายขวาคู่แจงจัด กลก่อน กล่าวเอย
แต่งเครื่องแต่งคู่หมั้น ทมัดถ้าทวนถือ ฯ
๏ ทำลุธนูเงือดเงื้อ แบกตระแบง
สพักแล่งจาปทแมง อาตม์อ้อม
ศรีเขียวเครื่องครบแสดง สง่าแง่ งามเอย
เดอนดับโดยขนัดพร้อม รเบียบริ้วรายเรียง ฯ
๏ ทหารในเงื้อเงื้อดง้าว งอนชู เชอดฤๅ
แต่งเครื่องแดงศรีดู ดื่นแคล้ว
ล้อมวังโล่ห์กำพู พิจิตรกวัด ไกวเฮย
ตาวง่าอ่าเครื่องแพร้ว เพรอศน้ำเงอนศรี ฯ
๏ เรือกรรคทาถ้วนสี่ ศอกกร กุมแฮ
สวมเครื่องแดงอาภรณ์ สุกจ้า
ตาวคู่หมู่เถมอลมอญ คระวีว่อง หัดถ์เฮย
ประดับเครื่องเรื่องรุ่งฟ้า ม่วงล้วนแลแสยง ฯ
๏ อาสาขวาซ้ายเทอด ตรีศูล
แดงอ่าอลงการ์จรูญ จรัสหล้า
รามัญมาศดั้งทูน ทายดาบ เดอนเอย
ครบเครื่องเหลืองทั่วหน้า ขนัดเต้าตามสถล ฯ
๏ เดโชท้ายน้ำพวก อาสา ใหญ่แฮ
ถือดาบชเลยลีลา ล่วงผ้าย
แดงศรีส่ำสรรพา ภูษิต สวมเอย
คลาคู่ดูคล้ายคล้าย คล่ำแคล้วแนวขบวน ฯ
๏ อาสาเขนมาศขึ้น เขนตระแวง
ใส่เครื่องศรีดินแดง ดื่นผ้าย
เกณฑ์หัตอย่างฝรั่งแปลง คนต่าง ฝังฤๅ
ทรงสินาศหอยโข่งท้าย สพักทั้งดินเสนง ฯ
๏ ไพร่หลวงกรมท่าพื้น ผจงกาย แต่งเฮย
อย่างแขกเทศทั้งหลาย เหล่าถ้วน
กระบี่โง้งง่าจำทาย เสโล่ห์ หนังนา
ลายวิลาศอาตม์อ่าล้วน หมกเสื้อกางเกง ฯ
๏ อาสายี่ปุ่นเงื้อ ขวานปลาย ทวนฤๅ
ผูกภู่แดงสลัดชาย หนึ่งชั้น
แต่งตนเปลี่ยนแปลก กระหลับเพศ จีนแฮ
เดอนถัดขนัดแขกนั้น เนื่องริ้วทิวเรียง ฯ
๏ อาสาจามแต่งแม้น มลายู เยี่ยงเฮย
เหน็บกฤชไกวหอกชู คู่แคว้ง
ปั้นเหน่งคาดดำรู รจิตรปรัก เฉลาแฮ
หนังโพกพื้นผจงแสร้ง ฉลุล้วนกำมลอ ฯ
๏ กางเกงกับเสื้อใส่ สวมกาย
ดอกมาศกระบวนจีนลาย เลอศล้น
ซ้ายขวาละสี่สิบหมาย แปดสิิบ ผสมแฮ
เคอนคู่เคียงเรียงต้น เชีอกผ้ายพลผอง ฯ
๏ พันพุฒิอนุราชผู้ หัวพัน
กรมมหาดไทยได้สวรรค์ สี่พ้อง
ล้อมวังกับเรือกรร กรมท่า
เกณฑ์หัดแสงปืนต้อง แต่งตั้งแห่แหน ฯ
๏ หัวพันเทพราชผู้ นามแสดง
กรมพระกลาโหมแจง จัดถ้วน
พยุหบาตรยาตราแถลง ลักษณ์กล่าว ไว้นา
ครันครบขนบขนัดล้วน แห่หน้าเหล่าหลาย ฯ
๏ ทำลุท้ายน้ำกับ เดโช
เขนมาศทวนทองโท ตรวจตั้ง
อาสาส่ำสุรโย ธาคู่ ขูเฮย
ขวาฝ่ายซ้ายปักษ์ทั้ง ยี่ปุ่นพ้องผองจาม ฯ
๏ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งด้วย ทหารใน อิกเอย
มอญหมู่คู่โทได ดาบดั้ง
เถมอลมวญมั่วพลไกร สิบเอ็ด ขนัดนา
ตำแหน่งแจงจัดตั้ง ฝ่ายขึ้นกระลาโหม ฯ
๏ ปี่พาทย์ประจำแห่หน้า ขบวนนับ
ครบสิบห้าสำรับ สบซร้อง
พันจันท์จัดบังคับ ไตรตรวจ พร้อมนา
กรมมหาดไทยร้อง เรียกอ้างหัวพัน ฯ
๏ รันแทะสิบห้าระหว่าง ขบวนไคล
จ่ายอดดำรวจใน ฝ่ายซ้าย
พนักงานตกแต่งไตร ตรวจจัด ทั่วนา
พร้อมทั่วทุกขนัดผ้าย พยุหริ้วเรียงจรัล ฯ

ร่าย ดับนั้นขบวนช้างดั้ง ตั้งริ้วดูชรดื่น หมื่นขุนดำรวจสนม กรมนอกทั้งซ้ายขวา คณนาฝ่ายละหกนาย ทายธงฉานดำเนอน เดอนนำพลกลองชนะ รีบเรียงระยะไคลคลา เสื้อเสนากุฎสวม กรวมกางเกงริ้วเกี้ยว ลายโอบเอี้ยวเอวอง หมวกหนังทรงเศียรสรรพ นับสิบสองหกคู่ ถัดถึงหมู่เถมอลผอง ไพร่หลวงกลองชนะผาย สพายเภรีศรีแดง ขวาแขวงสี่สิบทัศ ขนัดฝ่ายซ้ายศรีเขียว นับดุจเดียวดั่งอ้าง สองตราบข้างรายเรียง ประโคมเสียงพรรฦก กึกก้องศัพทครื้นเครง สวมกางเกงกัญจุก ปัศตูสุกแดงศรี หมวกกลีบมีแฉกยล กลลำดวนกลีบคลี่ จ่ากลองปี่คนละตน แต่งสกนธ์อเคื้อ กางเกงเสื้อมัศหรู่ ทั้งคู่ใส่เสมอกัน ศรีแดงฉันฉาดเฉอด ตุ้มปี่เทรอดสักระหลาด ลำดับสรพราศไพร่หลวง ปวงแตรฝรั่งพรั่งผ้าย ซ้ายขวาข้างละสิบทัศ ถัดพลเทอดแตรงอน ขวาซ้ายสรหลอนเทียมเท่า เหล่าพลสังข์สองตน จรดลโดยต้นขนัด หมวกคลุมปัศตูแดง กางเกงทแมงเสื้อทมัด แดงศรีจรัสปัศตู ดูดุจกันทั้งผอง สี่สิบสองผสมสรรพ ขุนหมื่นนับสารวัด ขนัดกลองชนะสี่นาย ขนัดแตรหมายเสมอกัน แปดตนสรรค์ใส่เครื่อง กลกล่าวเรื่องก่อนอ้าง ช้างดั้งน่าดับเดอน เมอลสี่สารยะเหย่า เปล่าขบวนพลยาตร ผูกสักระหลาดแถบถกล ยลหลายอย่างต่างศรี มีเครื่องดาวถมปัด กระวินคร่ำรัชฎาไมย ทึบเถือกไพรุรจิตร ผ้าปกปฤษฎางค์ดาษ แผ่ลวดมาศสุกแสง ข่ายทองแดงปิดทอง ผ้าปกตระพองอัตหลัด พื้นแดงจรัสโอภาษ รัดพลุกมาศทองเหลือง เรืองจำรูญหร่ามแพร้ว หัศดาภรณเลอศแล้ว พิลาศล้ำเหลือถวิล แลนา ฯะ

ไอยรินทร์ที่หนึ่งแกล้ว กลางรงค์
เสนอชื่ออัษฎาพงษ์ เพรอศพ้น
ห้าศอกคืบสูงคง เศษสิบ นิ้วนา
ควรคู่พาหนต้น ต่อสู้ศึกสาร ฯ
๏ หมอไชยศักดิขึ้นขี่ ฅอดำ รงฤๅ
ขุนหมื่นทวนทองประจำ กึ่งช้าง
กรทายเทอดทวนคำ ควรพิศ นาพ่อ
ทนายคชเปนควาญง้าง ท่อนท้ายกรายขอ ฯ
๏ ที่สองคชาชาติผู้ สมญา ยศแฮ
ขนานชื่อบรรยงก์ไอยรา เลอศล้ำ
ห้าศอกสืบคืบปรา กฎแง่ ตระหง่านเอย
อิกแปดองคุลีซ้ำ เศษด้วยโดยสูง ฯ
๏ หมอไชยสิทธิขึ้นนั่ง สอสาร
ทวนมาศหมื่นขุนธาร เทอดตั้ง
ท่ามกลางคชยุทธยาน ยลสง่า งามเฮย
ควาญคชทนายท้ายรั้ง รอนถ้าราขอ ฯ
๏ ที่สามนามช้างเรียก มารกระบิล
งามเงื่อนเทพยหัศดินทร์ เผด็จเสี้ยน
ห้าศอกคืบกายิน เศษหก นิ้วนา
อาจเข่นคชศึกเที้ยร สมิทธิแท้เทียมเสมอ ฯ
๏ หมอไชยฤทธิ์อยู่รั้ง ฅอคช
ขุนหมื่นมาศทวนยศ เทอดย้าย
ทนายช้างเชอดขอจรด กายเกี่ยว ท้ายแฮ
ยอบาทยาตราผ้าย ต่อริ้วทิวขบวน ฯ
๏ ที่สี่มีชื่อตั้ง ศิลป์นรายน์
ห้าศอกคืบสูงกาย ถงาดเงื้อม
นิ้วสี่สืบเศษหมาย ประมาณรูป แลฤๅ
ศิริเมขล์มารอาศน์เอื้อม ออกอ้างเอาสมาน ฯ
๏ หมอไชยรงค์ขี่ขึ้น คอไอย ราฤๅ
ขุนหมื่นมาศทวนได เทอดด้ำ
กลางสารถ่องเถือกไสว เวหาศ หนเฮย
ทนายคชกดขอจ้ำ จ่อท้ายกายกเรนทร์ ฯ
๏ หมอเลือกขี่คชดั้ง ถือขอ เกราะเอย
ขุนหมื่นทองทวนยอ หัดถ์ตั้ง
ห้าชั้นภู่พิศพอ ฉาดชาด ศรีนา
สนอบพอกเดชาทั้ง ยกพื้นกางเกง ฯ
๏ คาดผ้าปักโอบอ้อม เอวทรง
สารละสองคนคง แปดถ้วน
ควาญคชครบสีผจง กายก่อง
หมวกกลีบลำดวนล้วน พิลาศด้วยแดงศรี ฯ
๏ เสนากุฏสนอบพื้น แดงฉาย
ยกอย่างกางเกงลาย อาตม์อ้อม
ขอข้างต่างจำทาย กรเทอด ถือแฮ
นับสิบสองตนพร้อม ขี่สิ้นสี่คเชนทร์ ฯ
๏ ขุนหมื่นหมายพวกผู้ แสงสรร พยุทธแฮ
ต่างนุ่งสองปักผัน ผาดเต้า
กำกับคชปิลัน ทนานับ แปดฤๅ
ช้างละสองนายเฝ้า คาดเกี้ยวทุกคน ฯ
พลขบวนแห่พญาช้าง พระเทพกุญชรอ้าง
ดำรวจซ้ายในดำเนอน แห่นา ฯ
๏ เถมอลดำรวจขวาในเบื้อง พญาเสวตรกุญชรเยื้อง
พยุหตั้งตามขบวน ถัดนา ฯ
๏ มวญองครักษ์ใหญ่ซ้าย พญามงคลนาคินทร์ผ้าย
รยะริ้วทิวสาม ขนัดนา ฯ
๏ งามขวาใหญ่ไต่เท้า พญามงคลหัศดินทร์เต้า
แห่แคล้วแนวพยูห่ สี่นา ฯ
๏ หมู่นอกซ้ายย้ายห้อม พระบรมฉัททันต์ล้อม
หลั่นห้าแห่แหน แน่นนา ฯ
๏ แสนส่ำนอกขวาคล้อย พระบรมคชลักษณ์ต้อย
แต่งเต้าลำเนาขนัด หกนา ฯ
๏ ถัดแสนยาสนมซ้าย พระบรมไอยราย้าย
พยุหเยื้องเบื้องขบวน เจ็ดนา ฯ
๏ มวญหมู่ขวาสนมแกล้ว พระบรมเอกทันต์แคล้ว
คลาศด้าวอัษฎา สถานนา ฯ

ร่าย ดำรวจน่าแปดกรม ระดมกันเต่งแง่ แห่พญาช้างแปดขบวน ประมวญหมู่พลก่องกาย เมอลเหมือนหมายทุกหน้า ถือธวัชห้าชายเดอน ดำเนอนนำริ้วทิวละคู่ อยู่อธึกยรรยง ทรงเสนากุฎสนอบ งอบหนังนุ่งกางเกง ริ้วเหมาะเหมงทั้งมวญ เกี้ยวลายกระบวนบรรจง ถัดองครักษ์ไพร่หลวง ปวงต้องแห่ขบวนละหมู่ ห้าคู่ถือธงมกร สิบตนจรยะไย่ ใส่เสนากุฎเสื้อ กางเกงอเคื้อแดงศรี หนังหมวกมีทุกนาย เกี้ยวกระบวนลายเอวรัด จัดขุนหมื่นแปดดำรวจ สารวัดตรวจทุกกอง ขบวนละสองเสมอมี อ่าอินทรีย์ฤๅต่าง อย่างสารวัดก่อนกาล ประมาณสิบหกคณนา อัษฏาดำรวจไพร่หลวง ปวงแห่พญามาตงค์ ถือข่ายวงแวดห้อม ล้อมข้างละแปดตนคน ล้วนแต่งสกนธ์เยี่ยงยุทธ เสนากุฎเสื้อสวม กรวมกางเกงแต่งตก ตุ้มปี่ปกกระบานบน พื้นโสภณแดงพรรณ อ้อมเอวสรรพลายล้วน แปดขบวนถ้วนครบที่ หกสิบสีมวญหมาย หมื่นขุนนายทั้งผอง ทั่วแปดกองแปดกรม โอ่อาตมเรืองรุ่ง สองปักนุ่งตามธรรมเนียม คาดเกี้ยวเตรียมตรวจพล คนถือข่ายทุกหมู่ อยู่ขนัดหนึ่งนับ เดอนสำหรับตามขบวน ประมวญเปนแปดตน พลถือโต๊ะเงอนทอง รองกล้วยอ้อยตฤณา หม้อธาราไหรญ ครบสี่คนหนึ่งคช กำหนดพลตระบองกลึง ถึงสิบคู่ดูหลาย พลแส้หวายทัดเท่า เหล่าสัประทนเกล็ดถือ คือพลถ้วนขบวนละสี แต่งตามที่ทั้งปวง ล้วนไพร่หลวงกรมคช กำหนดประมวญหมู่พล ช้างหนึ่งคนสี่สิบแปด แวดล้อมแห่แหล่หลาม แต่งตนงามตามขนาด กางเกงวิลาศริ้วลาย เกี้ยวเกี้ยวกายทมัดทแมง ใส่มงคลแดงสักระหลาด สรพราศพลอิกสาม หามกระบี่เผือกสองตน กั้งสัประทนหนึ่งนับ กับเทอดถาดเหรญ อ้อยหนึ่งคนหนึ่งกล้วย อิกสองด้วยเปนห้า ผ้าเกี้ยวกางเกงมงคล แต่งตัวกลก่อนอ้าง เฉภาะแต่พังเผือกช้าง นอกนั้นวานร โหดนา ฯ

๏ เนืองนิกรหมื่นขุน กรมกุญชรแจงจัด เปนสารวัดขบวนละสอง หนึ่งถือตระบองกลึงนาย หนึ่งแส้หวายเงือดเงื้อ เสื้อเสนากุฎลาย สวมใส่กายก่องกุ หมวกหนังฉลุลายมาศ พื้นชาดลาดผ่องพุ่ง สองปักนุ่งคาดลาย สพายกระบี่ฝักหนัง ดังนั้นทั้งแปดขบวน ประมวญสิบหกนายผ้าย เดอนเหนเดอนแห่ย้าย ย่างเยื้องจรประจำ ขนัดนา

พังนำขบวนแรกรู้ สมญา รวางฤๅ
คือเรียกเทพยลีลา ชื่อให้
สี่ศอกคืบจตุรา นิ้วขนาด สูงเอย
เคยผูกพระที่นั่งไท้ ธเรศเจ้าจอมถวัลย์ ฯ
๏ นายมหาคชรัตน์ขึ้น ขี่ฅอ คชเอย
เหย่าหย่อนกรกุมขอ ขับผ้าย
ควาญสถิตย์ปฤษฎางค์ยอ อังกุศ แกว่งแฮ
เกี่ยวกดจรดท่อนท้าย เร่งต้อนเตือนจรัล ฯ
๏ ดับนั้นคชาชาติแก้ว กิรินี เสวตวรเอย
พระเทพกุญชรลี ลาศเยื้อง
สูงสี่ศอกคืบมี นิ้วนับ แปดนา
ถับถับขยับย่างเบื้อง บาทย้ายผายผัง ฯ
๏ จบคชศิลป็หนึ่งผู้ เถลองสอ สารแฮ
รังรักษ์พนักงานหมอ ท่านใช้
นายกรินทร์คชประสิทธิขอ ท้ายเกี่ยว ท้ายเฮย
ท้ายสถิตย์กิจควาญให้ ยาตรต้องตามขบวน ฯ
๏ ถับถึงพังเชีอกทั้ง โทสาร
สี่ศอกคืบเศษประมาณ สิบนิ้ว
ทัดเทียบเปรียบสูงสมาน เสมอคู่ เคียงนา
ทูลบาศยาตรในริ้ว ค่อยคล้อยคลอตาม ฯ
๏ เทพาลีลาศชี้ ชื่อพัง หนึ่งเอย
ทรงศักดิขุนขี่หลัง ฝ่ายหน้า
ทนายคชนั่งเนายัง ท้ายประทับ ขอแฮ
เตือนไต่ไคลช้าช้า ห่อนร้อนเร็วจรัล ฯ
๏ หนังพังแต่งตั้งยศ สมญา ยศฤๅ
คือชื่อหงษ์ลีลา เลอศช้าง
ขุนทรงสิทธิเสนอนา มกรขี่ ฅอเฮย
ควาญคชกดขอช้าง ขับท้ายคลายคระไล ฯ
๏ ถับถึงพลายแทรกเต้า ตามสาร ขนัดนา
ห้าศอกคืบสูงประมาณ แง่เงื้อม
กำจรจักรพาฬขนาน ขนาดศักดิ สมเอย
อาจจักอุกจักเอื้อม จักอ้างชนคชินทร์ ฯ
๏ ผู้เถลองไอยเรศได้ ถานา ศักดิ์แฮ
พญาเพทราชา เลื่องหล้า
ควาญสถิตย์ทิศท้ายรา ขอจรด ร่อฤๅ
ทนายนับร้อยเศษห้า สิบเต้าตามสาร ฯ
๏ ขบวนสองพังหนึ่งขึ้น กุญชร รวางนา
นามเรียกบุษบากร ท่านตั้ง
หลังเรียบรเบียบบทจร เหยาะย่าง เสมอเฮย
สูงสี่ศอกคืบทั้ง เศษนิ้วโทถึง ฯ
๏ นายสวัสดิคชฤทธิผู้ เปนหมอ
เหอรแห่งดำแหน่งสอ เหมาะหมั้น
ควาญขับจับขอยอ อยู่ท่อน ท้ายนา
ยั่งยั่งรั้งฤๅกระชั้น พยุหหน้านำขบวน ฯ
๏ ถั่นถัดตระบัดเผือกผู้ เผยอยศ ยิ่งแฮ
พญาเสวตรกุญชรคช ชื่ออ้าง
ห้าศอกคืบกำหนด นิ้วเศษ หกเฮย
มหานุภาพนายท้ายช้าง ขี่ขึ้นฅอกรินทร์ ฯ
๏ นายเสพย์คเชนทรใช้ พนักงาน ควาญเอย
ขับย่างยอบทมาลย์ ยาตรเยื้อง
พังเชือกอิกสองสาร สูงทัด กันนา
ห้าศอกเดอนโดยเบื้อง ฝ่ายด้าวปฤษฎางค์ ฯ
๏ หมื่นศรีสิทธิบาศขึ้น ฅอกิรึ นีนา
ควาญนั่งหลังหัดถี ที่ท้าย
โกสุมภ์ชนีมี นามหนึ่ง พังเอย
เหย่าเหย่าเต้าฝ่ายซ้าย แห่งริ้วทิ้วแถว ฯ
๏ ฝ่ายขวาคชาเชือกผู้ เถลองสอ นั้นฤๅ
หมื่นราชสิทธิกรรม์ขอ จ่อจ้อง
โกสีย์อับศรยอ ยศชื่อ พังเอย
ควาญขับท้ายย้ายต้อง ขนบตั้งตามสถาน ฯ
๏ ถัดนั้นพลายแทรกอ้าง นามขนาน รวางฤๅ
คือคชไฟพระกาล เลอศล้ำ
ชาญศึกเชี่ยวศึกสาร ชนชนะ สารนา
ห้าศอกหกนิ้วซ้ำ เศษอ้างสูงสกนธ์ ฯ
๏ พญากำแพงผู้ขี่ ฅอคช นั้นฤๅ
ควาญเทอดขอท้ายจด จิ่มข้าง
เถมอลไพร่ไต่ตามยศ ร้อยหนึ่ง นาพ่อ
ทายเครื่องอุปรโภคบ้าง อิกทั้งสาตรา ฯ
๏ ขบวนสามนามคชหน้า นำจรัล พังฤๅ
เรียกชื่อบุษบาจันทร์ แต่งตั้ง
สูงสี่ศอกคืบบรร ยายเศษ นิ้วนา
นับสี่ถี่เท้าทั้ง เรียบด้วยเรวเดอน ฯ
๏ เบื้องนั้นบรรลุผู้ เผือกกรินทร์ หนึ่งฤๅ
ดำกระหลับกระลายกายิน ด่อนได้
มงคลคชนาคินทร์ ขนานชื่อ เฉลอมนา
สามศอกคืบสูงไส้ เศษนิ้วอัษฎางค์ ฯ
๏ นายปรายไตรภพให้ เถลองสาร สอฤๅ
มือทมัดขอคร่ำธาร เทอดด้ำ
นายกเรนทร์พัดชาควาญ กรง่า ขอเอย
งามคชงามคนล้ำ เลอศเพี้ยงพิศวง ฯ
๏ พังเชือกทั้งคู่เต้า ตามถัด นั้นฤๅ
สูงสี่ศอกคืบทัด เท่าไซ้
กินรปักษีหัศ ดีหนึ่ง นามนา
หนึ่งกินรีสวรรค์ได้ ชื่อตั้งในรวาง ฯ
๏ ขุนหมื่นกรมเชือกขึ้น คอสาร สองแฮ
นายหัดถีเถลองควาญ ขับผ้าย
ตามรเยียบพยุหบาตรการย์ เกณฑ์แห่ กฐินนา
ไย่ไย่ไคลบทย้าย ย่างเยื้องยรรยง ฯ
๏ ดับดลพลายแทรกเต้า ไต่ถัด นั้นนา
นามวิเชียรจักรพรรดิ เลอศแล้ว
ห้าศอกคืบสูงวัด เศษนพ นิ้วเอย
พญาพระกฤษณขี่แคล้ว คลาศคล้อยทางสถล ฯ
๏ ควาญท้ายนายคชขึ้น ท้ายประจำ อยู่นา
ขอเกี่ยวเหนี่ยวด้ำกำ กดง้าง
ทนายไพร่ไต่ตามตำ แหน่งนับ ร้อยแฮ
ถือเครื่องยศยลสล้าง หอกง้าวตาวทวน ฯ
๏ ขบวนสี่มีชื่ออ้าง กิรินี นำนา
บุษบกเบญจามี ชื่อรู้
สี่ศอกคืบเศษทวี นิ้วขนาด สูงเอย
นายราชกิริยงผู้ ขี่ทั้งควาญคเชนทร์ ฯ
๏ ถั่นถัดสัตบุษป์แม้น ศรีคชา นั้นฤๅ
สามศอกสูงทศา เศษนิ้ว
มงคลหัศดินทร์พญา คชหนึ่ง นามเฮย
ย้ายย่างหว่างขนัดริ้ว รยะเบื้องขบวนสาร ฯ
๏ ฤทธิกุญชรหน้านั่ง เนากับ สอนา
นายจิตรคชลักษณ์ขับ ขี่ท้าย
พังเชือกซึ่งเดอนดับ โดยปฤษ ฎางค์ฤๅ
สูงสี่ศอกคืบลม้าย เทียบทั้งโทประมาณ ฯ
๏ หนึ่งนามรวางแต่งตั้ง กินรี ร่อนฤๅ
หนึ่งกินรรำมี ชื่อพร้อง
กรมเชือกหมื่นฃุนทวี คชสถิตย์ ฅอนา
ควาญขับท้ายย้ายจ้อง จดเท้าเทาตาม ฯ
๏ ราชวังเมืองยศได้ ที่พระ นาพ่อ
ขี่สุรงคเดชะ ชื่อช้าง
พลายแทรกหว่างพยุหะ แห่แห่ง นั้นแฮ
ห้าศอกสิบเอ็ดอ้าง เศษนิ้วขนาดสูง ฯ
๏ คชควาญสถิตย์ที่ท้าย ทายขอ
ทนายนับครบร้อยพอ ศักดิย้อม
สรรพาวุธยกยอ ยศเครื่อง ถือนา
ไต่ติดทิศหลังพร้อม พรั่งเต้าพรูตาม ฯ
๏ ขบวนห้าคชาชาติให้ นำลี ลาศแฮ
เฉลอมอาศน์ทองกิรินี เรียกร้อง
สี่ศอกคืบอินทรีย์ สูงขนาด วัดนา
หลังเรียบรเบียบบาทจ้อง ย่างย้ายไป่เสทือน ฯ
๏ จำนงกิริรักษ์รั้ง สอสาร
ควาญคชคือคชบาล ฝากเฝ้า
ขับขี่คลี่บทมาลย์ เมือมารค
ถับถับถี่ฝีเท้า ยาตรเยื้องบาทสเทิน ฯ
๏ ตระบัดรัตนาคผู้ เสนอนาม พระฤๅ
บรมฉัททันต์สรรพงาม เลอศแล้
ศรีหลากเล่ห์โลหดามพ์ ดวงเนตร เสวตรเอย
ทนต์เทียบทองถ่องแท้ พิลาศล้ำเหลืองพรรณ ฯ
๏ หกศอกสูงเศษซ้ำ สามอง คุลีแฮ
ยลแง่งามพิศวง สุดอ้าง
เสมอสารสมิทธิมง คลอาศน์ อินทร์เอย
ควรคู่พาหนะช้าง ที่นั่งเจ้าจักรพาฬ ฯ
๏ ผู้หมอสอสถิตย์ไส้ สมญา ยศฤๅ
นายบวรไอยรา เรียกพร้อง
ผู้เถลองแหล่งท้ายคชา ชี้ชื่อ เขาเฮย
นายจักรคชสีห์ต้อง แต่งให้เปนควาญ ฯ
๏ พังเชือกเลือกเท่าทั้ง โททัด กันนา
ห้าศอกสูงเสมอจัด คู่ได้
สกลเกสรนามหัด ถี่หนึ่ง นาพ่อ
บวรรัศมีหนึ่งให้ ชื่ออ้างรวางเถลอง ฯ
๏ หมื่นขุนกรมเชือกใช้ งานประจำ ฅอนา
นายคชควาญจำนำ นั่งท้าย
ขี่ขับดับเดอนดำ แหน่งขนัด หลังแฮ
เคียงคู่อยู่ขวาซ้าย ติดเต้าตามจร ฯ
๏ จึ่งพลายแทรกไต่ต้อย อุไภยพัง บาศเฮย
ขานชื่อชนะจำบัง บอกเแจ้ง
สูงห้าศอกเศษยัง อิกหก นิ้วนา
อาจจักยอยุทธแย้ง เย่อยื้อทวารเวียง ฯ
๏ พระหนึ่งนามแต่งตั้ง คชภัก ดีเอย
ฅอขี่ควาญเตือนตัก เร่งต้อน
ทนายแปดสิบสรพรัก สรพรั่ง พร้อมนา
เดอนเบียดเสียดซรับซร้อน แซรกซร้องตามสาร ฯ
๏ ขบวนหกตกแต่งให้ ดำรี พังนา
ฉลองอาศน์แก้วหัศดี ชื่ออ้าง
สูงสี่ศอกเศษมี สิบเอ็ด นิ้วเอย
นำหมู่พยุหบาตรช้าง แห่งฉ้อสถิตย์สถาน ฯ
๏ ผู้เถลองกุญชเรศรั้ง หนกัณ ฐานา
นายภักดีกิริกรรม์บัญ ญัติได้
ควาญท้ายขับท้ายจรัล รัถเยศ
ย้ายบาทยาตรเหย่าให้ เนื่องริ้วทิวเรียง ฯ
๏ จึ่งบรมคชลักษณ์ล้ำ ฦๅภพ
ตามพองคาพยพ ถ่องแท้
สูงสี่ศอกคืบครบ เศษสืบ ห่อนเฮย
งามรูปงามลักษณ์แล้ เล่หช้างวัชรินทร์ ฯ
๏ จำลองนามหนึ่งอ้าง เทพา จรฤๅ
เหอรแห่งคชกัณฐา ผาดผ้าย
นายแม่นคชสารมา เถลองแหล่ง ควาญเฮย
เตือนตักคเชนทรย้าย ยาตรเต้าเทาสถล ฯ
๏ จึ่งช้างเชอญบาศทั้ง พังชไม
เดอนคู่เคียงคู่ไคล เคลื่อนคล้อย
สูงสี่ศอกคืบไป ต่ำกว่า กันเฮย
เทียบทัดจัดห่อนห้อย เปรียบได้ดูเสมอ ฯ
๏ หนึ่งชมกลิ่นรื่นรู้ นามยิน
หนึ่งชื่นกลิ่นรวยคชินทร์ ชื่ออ้าง
กรมบาศหมื่นขุนกรินทร์ ฅอขี่
ควาญคชคชรักษ์รั้ง อยู่ท้ายกายดำรี ฯ
๏ บัดดลถกลฤทธิอ้าง ออกนาม
พลายแทรกแทรกไต่ตาม รยะนั้น
ห้าศอกคืบสูงงาม ถงาดแง่ สง่าเฮย
ดูดั่งแสร้งผจงปั้น รูปให้ยลสยอง ฯ
๏ ผู้ขี่หัดถีนาคนั้น นามรัง สฤษดิฤๅ
พระชื่อศรีภวัง เพรียกพร้อง
คชควาญอยู่งานหลัง เลอที่ เขานา
ทนายนับแปดสิบซร้อง ต่างเต้าตามคระไล ฯ
๏ สร้อยมาลีชี้ชื่อ คชาพัง หนึ่งเอย
ขบวนสัตว์จัดจ่ายบัง คับให้
สูงสี่ศอกขนาดยัง เศษหก นิ้วนา
ตกแต่งตำแหน่งได้ ออกหนักขนาดนำ ฯ
๏ นายท้ายหนึ่งนั่งเบื้อง บนกัณ ฐานา
เกณฑ์ขี่ีกิรินีจรัล เร่งเร้า
จำนงคชผจองบัญ ญัติชื่อ เขาแฮ
ควาญขับขยับยาตรเท้า ที่ท้องสถลทาง ฯ
๏ ถัดถึงพระยากระล้วน ตลอดกา ยินเฮย
นามพระบรมไอยรา เรียกแจ้ง
สี่ศอกคืบคณนา นิ้วสิบ สูงแฮ
เฉกเช่นปรายประแป้ง สบสิ้นสรรพางค์ ฯ
๏ นายอักษรเทพยขึ้น สอสาร
กรเกาะขอกรอธาร เงือดง้าง
นายบาลกิริอาศน์ควาญ เนานั่ง หลังเฮย
มือทมัดคัดขอข้าง ขับให้ด่วนเดอน ฯ
๏ พังบาศยาตรคู่แคล้ว เคียงกัน ตามนา
หนึ่งชื่อเหมอนันต์ หนึ่งตั้ง
นามจันทรรัศมีบัญ ญัติยศ คชฤๅ
สูงสี่ศอกกับทั้ง หกนิ้วเสมอหมาย ฯ
๏ ขุนหมื่นหมู่เชือกรั้ง บริรักษ์ ฅอเฮย
ควาญคชผู้พิทักษ์ ท่านใช้
สารสองถ่องศุภลักษณ์ แลเลอศ ลักษณ์ฤๅ
เทียมเทียบเปรียบกันได้ ห่อนเตี้ยต่ำสูง ฯ
๏ จึ่งถึงพลายแทรกอ้าง สมญา ยศฤๅ
บุญยิ่งยิ่งโสภา พิศพ้น
ห้าศอกเศษคณนา นิ้วนับ สามแฮ
อาจจักผูกเครื่องต้น แต่งตั้งคชาธาร ฯ
๏ หลวงคชสิทธิสถิตย์ด้าว ดำรี สอฤๅ
ควาญภิบาลหัดถี เห็จท้าย
ทนายนับหกสิบมี ตามไต่ หลังเฮย
อาวุธอุปโภคสล้าย สรล้างถือสลอน ฯ
๏ ขบวนแปดพังหนึ่งหน้า นำจร
พร้อมเพรอศพรรณกุญชร ลักษณ์ล้วน
ศรีมาลาศนามกร รวางใหญ่ มีนา
สี่ศอกหกนิ้วถ้วน บอกเบื้องสูงสกนธ์ ฯ
๏ จำนองคชเลอศได้ เถลองบน สอเอย
นายคชควาญเนาหน แห่งท้าย
ขับช้างย่างโดยสถล พยุหยาตร นั้นนา
นับขนัดอัษฎาผ้าย ที่ริ้วทิวกรินทร์ ฯ
๏ บัดลุคชลักษณ์พื้น แดงพรรณ ผ่องนา
นามพระบรมเอกทันต์ ท่านให้
โทนทนต์ทักษิณวรรณ เสวตรเนตร นาพ่อ
สูงสี่ศอกขนาดได้ เศษนิ้วฤๅมี ฯ
๏ นายท้ายฝ่ายหน้านั่ง เศียรสาร
เสนอชื่อชำนัญคชการ แกว่นแกล้ว
ชำนาญคชผจงควาญ เสถียรที่ ท้ายแฮ
ถับถับขับคชแคล้ว คลาศคล้อยรัถยางค์ ฯ
๏ บัดคู่พังบาศอ้าง นามกร
หนึ่งอุไทยเขจร ชื่อตั้ง
รบำในหนึ่งกุญชร รวางเปลี่ยน แปลงฤๅ
สี่ศอกคืบสูงทั้ง เศษนิ้วหนึ่งสมาน ฯ
๏ หมื่นขุนทมุลบาศให้ ประจำงาน
ฅอขี่กิรินียาน ทุกผู้
ควาญคชคชบริบาล แห่งคช นั้นฤๅ
เกณฑ์จ่ายท้ายสถิตย์รู้ ทั่วถ้วนพังผอง ฯ
๏ ดับนั้นพลายแทรกช้าง รวางทรง
เชอดชื่อคือมิ่งมง กุฎล้ำ
ห้าศอกขนาดสูงคง นิ้วเศษ สามนา
ชนชนะอริราชห้ำ หักเสี้ยนศึกสาร ฯ
๏ ผู้ขี่มีชื่อตั้ง ตามยศ
ตำแหน่งคือหลวงคช ศักดิอ้าง
ควาญท้ายบ่ายขอจรด รอแทบ ท้ายแฮ
หกสิบทนายตามช้าง พรั่งพร้อมภายหลัง ฯ
๏ พานทองสองชั้นใส่ ไตรกฐิน ทานนา
ทุกทั่วตัวพระยาคชินทร์ แปดส่วน
สรรพาภรณกรินทร์ รจเรข
ต่างต่างอย่างหลายล้วน สลับแก้วแกมศรี ฯ
๏ รำพรรณปิลันทนพร้อม ไพรบูลย์ เบญจ์เอย
พระเทพพระยาเสวตรกุญ ชเรศอ้าง
มงคลหัศดินทร์อดุลย์ อิกฉัท ทันต์นา
หนึ่งกับนาคินทร์ช้าง เผือกผู้เฉลอมเวียง ฯ-
๏ ผูกเครื่องแถบมาศทั้ง ดาวฉลัก กุดั่นนา
พิศภู่จงกลตระศัก ก่องแก้ว
กระวินคำคร่ำทึบสรพรัก พรายเพรอศ
ตระพองพาดตาดพัตรแพร้ว พร่างพร้อยข่ายทอง ฯ
๏ พระเทพพังเผือกไส้ ใส่กรอง เชองนา
หางแห่งต้นสวมซรอง มาศห้อม
ข่ายมุขปักปกตระพอง พัตรยิ่ง อย่างแฮ
พิเศษกว่าสารสี่พร้อม เครื่องอ้างเอกเฉลิม ฯ
๏ รัดพลุกสุกมาศล้ำ จำลาย
ประดับสรรพสีคชพลาย เลอศหล้า
อลงกฎรจเรขหลาย แลพิลาศ หลากแฮ
เถือกถ่องรองเรืองฟ้า เพ่งเพี้ยงพิศวง ฯ
๏ ตรีคชคชลักษณ์ทั้ง ไอยรา
อิกเอกทันต์ขวา เอกไส้
อลงกรณ์หย่อนสรรพา ภรณ์เครื่อง รองฤๅ
สามนับสำหรับให้ ประดับถ้วนสารสาม ฯ
๏ จงกลภูข่ายพร้อม วไลยทนต์ ทองเอย
จำหลักฤๅกอบประกล กุแก้ว
ผูกคู่เครื่องพลูผล พิจิตรโหมด หุ้มแฮ
กระวินคร่ำทองทึบแพร้ว เพรอศพ้นพรายพรรณ ฯ
๏ ปกตระพองผ้าแย่งพื้น อัตหลัด แดงฤๅ
ศรีสดรจเรขจรัส อร่ามพร้อย
ทั้งสามคชาทัด เทียมเทียบ เสมอเอย
อ่าเอี่ยมสอาดขนาดน้อย เครื่องช้างอย่างโท ฯ
๏ คลังมหาสมบัติให้ เกณฑ์กัน
กำกับภาชนสุวรรณ ใส่ผ้า
ขบวนหนึ่งหนึ่งนายปัน พนัก งานเอย
ตามไต่ไคลช้าช้า อยู่ท้ายพระยาสาร ฯ
๏ ชาวคลังศุภรัตได้ กำกับ ไตรเอย
หนึ่งคชหนึ่งขนัดนับ หนึ่งเฝ้า
สรรพยุทธหมื่นขุนจับ แส้ซ่น งาแฮ
คุมเครื่องคชาภรณ์เต้า ติดต้อยสี่ตน ฯ
๏ สริผู้กำกับถ้วน ขบวนละหก คนเฮย
สองปักนุ่งเหน็บพก พ่วงห้อย
ทำเทียมที่แต่งตก ตามขนาด เคยนา
เกี้ยวคาดเติมเพิ่มน้อย หนึ่งให้อ่าโถง ฯ
๏ จางวางอิกปลัดเจ้า กรมสาร
ตัวสี่ตัวรองควาญ ทั่วผู้
ประดับสรรพอลงการ โอ่อาตม์
จำแนกแจกอรรถรู้ ร่ายเบื้องบทแสดง ฯ

ร่าย แถลงปิลันทน์อลงการ์ แห่งพระยาพระหลวง ปวงนายท้ายทั้งผอง ตัวสี่รองเลวหลาย สองปักลายนุ่งทมัด กลัดสนับเพลาเกี่ยวคาด ลายสำอาดอเคื้อ เสื้อครุยพอกศรีเสวตร สามกายเกษทั่วตน แต่งสกนธ์บมิแปลก ควาญพลายแทรกแต่งตก กางเกงยกนุ่งสรพรัก เกี้ยวผ้าปักโอ่อ่า ท้ายหัดถ์ง่าขอข้าง ช้างพังเชือกควาญชน อ่าสกนธ์กลพร้อง พ้องพลายหมอมีมือ ถือขอเกราะคะคว้าง พวกพังช้างหมู่หมอ ขอไม้เท้าทายเทอด พิศเพราเพริศแพร้วแพร้ว ขุนคชควาญคชแกล้ว กลั่นกล้ากลางณรงค์ ฯ

๏ อลงกรณ์พังนำ ประจำเครื่องหุ้มสักระหลาด แดงดูฉาดเรืองรอง ผูกข่ายทองอังกฤษ ภู่หูติดจงกล กาษฐโสภณมาศย้อม พร้อมผ้าปกปฤษฎางค์ หักทองขวางมลังเมลือง กระวินทองเหลืองแลพิลาศ ช้างเชือกบาศแต่งจัด เครื่องหุ้มปัศตูฉาด ผูกข่ายมาศอังกฤษ ภู่กรรณติดห่อนแต่ง ผ้าปกแห่งหนหลัง บังคลุมบาศมาศปัก หักสุพรรถแฉิดฉิน กังษกระวินกลอ้าง ประดับทุกตัวทั่วช้าง พวกพื้นพังผอง ฯ

เชือกบาศทองเถือกแพร้ว ใส่หลังพังบาศแคล้ว
คลาศเต้าตามกรินทร์ สี่นา ฯ
๏ คชินทรเทพกุญชรไส้ พระยาเสวตรกุญชรใช้
เชือกแต้มทองตาม งามนา ฯ
๏ สามนาคินทรเผือกผู้ มงคลหัศดินทร์รู้
ถี่ถ้วนขบวนแสดง ดุจนา ฯ
๏ แถลงสี่หัศดินทรไท้ บาศเลวฤๅห่อนไล้
มาศแม้นสี่คชา ก่อนนา ฯ
๏ ไอยราฉัททันตอ้าง คชลักษณเอกทันต์ช้าง
เชือกล้วนเลวตาม เต้านา ฯ
สามพลายแทรกออกญา เพทราชากำแพงทั้ง
พระกฤษณบวรวังตั้ง ศักดิ์อ้างนามพญา สามนา ฯ
๏ คชาแทรกที่พระสาม นามราชวังเมืองรู้
อิกศรีภวังผู้ หนึ่งทั้งคชภัก ดีนา ฯ
๏ ผูกกระเบนสักระหลาดถกล สัประทนแดงกางกั้ง
โดยตำแหน่งยศตั้ง หกช้างกลกัน แลนา ฯ
๏ อิกสองนั้นลดยศ คชสิทธิคชศักดิไซร้
กระเบนแลสัประทนไร้ สบสิ้นสองสาร นั้นนา ฯ
๏ อลงการสารแทรกผูก เครืองลูกพลูทั่วถ้วน
หุ้มสักระหลาดฉาดล้วน เล่ห์นันทั้งผอง คชนา ฯ
๏ ข่ายทองอังกฤษพราย กระวินคร่ำลายปรักแพร้ว
ทองรัดทันต์พรรณแล้ว หล่อล้วนทองเหลือง เฉลานา ฯ
๏ เครื่องจงกลภู่โคตร โหตประกิจติดห้อย
สองหูภู่ยาบย้อย เยี่ยงนั้นฤๅนาน แลนา ฯ

ร่าย ทวยหาญดำรวจขวาซ้าย ในใหญ่ผ้ายสี่กรม รดมกันแห่ขนัดเนื่อง ช้างผูกเครื่องคชาธาร ประพาศโถงยานสิ่งละคู่ ครบสี่หมู่โยธี ขบวนหนึ่งมีหมื่นขุน มุลนายสี่ดำรวจ แผ่ลวดทองธงถือ คือนำริ้วทิวละคู่ อยู่ขวาซ้ายฝ่ายละคน เครื่องแต่งตนอเคื้อ เสื้อเสนากุฏสวม กรวมกางเกงริ้วราย ลายโอบอ้อมเอวรอบ งอบหนังบังเศียรใส่ ไพร่หลวงดำรวจสี่หมู่ สามคู่เดินโดยถัด ถือมกรธวัชยาตรา ใส่เสนากุฎสนอบ กอบกางเกงแดงกรวม สวมหมวกหนังบังเศียร ลายเวียดเวียนเอาทมัด สารวัดขบวนละหนึ่งนาย หมายหมื่นขุนสี่ดำรวจ ตรวจไตรพลยาตรา เสื้อเสนากุฎลาย สวมใส่กายทั้งผอง สองปักลายนุ่งคาด เกี้ยวอ่าอาตม์เอวเวียน เศียรสวมเทรอดหนังคาด รดน้ำมาศพรรณราย กระบี่สพายฝักหนัง ทังสี่ขบวนดุจอ้าง กรมช้างพลไพร่หลวง ปวงสำอาดอ่ากาย นุ่งกางเกงลายริ้ววิลาศ เกี้ยวลายคาดใส่มงคล สักระหลาดถกลแดงฉัน เหมือนกันทั้งสี่ขนัด จัดถือแส้ไม้หวาย ขบวนละหกนายทั้งผอง อิกตระบองกลึงหกตน ทายสัประทนเกล็ดเชอด ขบวนละโทเทอดคัคณานต์ สริประมาณสิบสี่นาย อิกทายถาดเงินงาม กล้วยอ้อยสามทั้งตฤณ หม้อธารินไหรญ อัษฐารัศชนมากมวญ นับหนึ่งขบวนคชห้อม สี่หมู่ดูสรพรั่งพร้อม แห่หน้าหลังตาม เต้านา ฯ

พังนามกรไล่แก้ว กิรินี นำนา
สูงสี่ศอกอินทรีย์ วัดได้
เศษสิบเอ็ดองคุลี แลพิลาศ ลักษณ์เฮย
ท้ายคชตัวเลวให้ ขี่ทั้งเถมอลควาญ ฯ
๏ ถัดถึงคเชนทรแต่งตั้ง เครื่องคชา ธารแฮ
ที่หนึ่งพึงพอตา เลอศล้ำ
เจ้าพระยาชื่อไชยา นุภาพ นาพ่อ
หกศอกสูงตระหง่านง้ำ แง่เงื้อมสง่าขาม ฯ
๏ คชาธารที่เอกตั้ง ผจงจัด แต่งนา
ปักพระเสวตรฉัตร เจ็ดชั้น
อัษฎาวุธทรงกษัตร แปดเล่ม แลเฮย
ทอดที่ผูกทมัดหมั้น กับแก้วบันได ฯ
๏ นายนุภาพเรืองภพผู้ เถลองคช ฅอนา
หมื่นภักดีศวรยศ ชื่ออ้าง
ฝ่ายซ้ายศักดิปรากฎ ตำรวจ ในนา
สถิตย์ที่ท่ามกลางช้าง ท่อนท้ายควาญประจำ ฯ
๏ เสนอนามควาญคชนั้น โบราณ ขนานฤๅ
เรียกชื่อนายคชาชาญ ภพรู้
ตำแหน่งบวรวังสถาน ทำเนียบ มีนา
คือที่ทนายท้ายผู้ พิทักษ์ท้ายสารทรง ฯ
๏ พังนำถัดนั้นทราบ ถานา รวางฤๅ
สมเญศแววมยุรา พร่ำพร้อง
สี่ศอกเศษอัษฎา นิ้วขนาด สูงเอย
ท้ายคชตัวเลวต้อง ขี่ทั้งคนควาญ ฯ
๏ จึ่งเจ้าพระยาช้างชื่อ ปราบไตร จักรเอย
หกศอกสูงศักดิไกร เกริกหล้า
คชาธารที่โทไสว เสวตรฉัตร กั้งแฮ
ชั้นลดกำหนดห้า แต่งตั้งหลังกรินทร์ ฯ
๏ บันไดรัตนทอดถ้วน อัษฎา วุธเอย
บนเครื่องครบพรรณา เล่ห์แล้ว
จบไตรจักรสมญา ทนายคช ท้ายฤๅ
ฅอขี่ขับแคล้วแคล้ว คลาศคล้อยแถวสถล ฯ
๏ หมื่นสิทธิโสมฝ่ายซ้าย ในดำ รวจฤๅ
กลางสถิตย์คชาธารประจำ เครื่องตั้ง
นพกุญชรจำนำ เนานั่ง ท้ายเฮย
ผู้พนักงานควาญรั้ง เกี่ยวข้องกดขอ ฯ
๏ ตนหมกขอเกราะจ้อง จดกระบาน สารเอย
กลางคชเทอดแพนกุงาน ง่าคว้าง
ขอท้ายทมัดมือควาญ บริรักษ์ ท้ายฤๅ
ทั้งคู่คชาธเรศอ้าง ดั่งนั้นดุจเดียว ฯ
๏ พานสุพรรณสองชั้นใส่ ไตรพาน กฐินเอย
บนเครื่องคชาธารยาน เลอศล้น
รวางใหญ่ยิ่งสองสาร ประดับสรรพ เสมอนา
ดำแหน่งพระที่นั่งต้น แต่งตั้งแต่ปาง ฯ
๏ พังนำลำดับนั้น ยรรยง ยิ่งฤๅ
นามเรียกชมชายดง ย่างย้าย
สี่ศอกหกนิ้วคง ขนาดนับ สูงนา
เลวเหล่าคชนายท้าย ขี่ด้วยควาญคเชนทร์ ฯ
๏ ถัดถึงพลายหนึ่งผู้ เผ่าสาร สกุลเอย
สูงหกศอกมีประมาณ วัดไว้
มงคลจักรพาฬขนาน นามศักดิ สมฤๅ
นายพิทักษ์ไอยเรศได้ เห็จขึ้นฅอประจำ ฯ
๏ ประพาศโถงพระที่นั่งไท้ ธรณี ศวรนา
สถิตย์ท่ามกลางหัดถี ผูกหมั้น
หมื่นขุนศภรัตมี เนานั่ง อาศน์เอย
ประคองภาชน์มาศสองชั้น ใส่ผ้ากฐินทาน ฯ
๏ ควาญท้ายนายช้างนั่ง หลังหน ท้ายเอย
ขับคชบทจรดล ด่วนผ้าย
ลำดับมารคสถล แถวขนัด แห่เฮย
ห่อนคลาศพยุหบาตรย้าย ยาตรเยื้องโดยขบวน ฯ
๏ บัดพังหงษ์เล่นน้ำ นามนำ ถัดนา
สี่ศอกสี่นิ้วกำ หนดรู้
สูงขนาดพิลาศลักษณ์ลำ เภาภาคย์ พิศเอย
เลวพวกทนายท้ายผู้ ขี่พร้อมพลควาญ ฯ
๏ ถัดพลายหมายชื่ออ้าง บัญญัติ ยศฤๅ
คือพิมานจักรพรรดิ ท่านตั้ง
สูงหกศอกโดยวัด ไป่หย่อน ยิ่งแฮ
นายวิเศษไอยรารั้ง อยู่ด้าวสอสาร ฯ
๏ ประพาศโถงที่ไว้ กลางกาย คชเอย
ศุภรัตสถิตย์หนึ่งนาย นั่งเฝ้า
พานอุไรใส่ไตรหมาย เกณฑ์มอบ เขานา
ควาญขับขยับย่างเท้า โยกย้ายขย่อนยล ฯ
๏ สี่พลายผูกเครื่องหุ้ม สักระหลาด แดงเอย
กระวินคร่ำรชฎาสอาด เอี่ยมพร้อม
จงกลภู่หูมาศ ผจงปิด อร่ามฤๅ
ผูกข่ายทองแดงย้อม มาศสิ้นทั้งมวญ ฯ
๏ ปกตระพองอัตหลัดพื้น แดงดอก รายเอย
รัตพลุกทองเหลืองปลอก ใส่ล้วน
หัศดีสี่สารบอก กระบวนแต่ง ฉนี้นา
เครื่องครบขนบสี่ถ้วน ที่แท้ทุกอัน ฯ
๏ พังนำทั้งสี่รู้ อลงการ นั้นฤๅ
หุ้มปัศตูศรีปาน กล่าวแล้ว
จงกลภู่กรรณสมาน เสมือนก่อน แถลงนา
ข่ายขจิตรอังกฤษแพร้ว เพรอศพร้อยแปลกแปลง ฯ
๏ ปกหลังสักระหลาดล้วน แดงพรรณ เพรอศฤๅ
ลอยดอกแผ่ลวดสุวรรณ ทั่วแท้
กังษกระวินสรรค์ เสาวภาคย์ พิศนา
งามสรรพประดับเลิศแล้ สบสิ้นสรรพางค์ ฯ
๏ มวญหมวดควาญส่ำสิ้น ทรงอัง กุศเอย
แสดงดุจพรรณาหลัง เล่ห์อ้าง
กลางช้างซึ่งสถิตย์ยัง ยานยิ่ง ยศนา
คชาธเรศทั้งคู่ข้าง ฉัตรกั้งไกวแพน ฯ
๏ หกตนสกนธ์แต่งไส้ เสมอกัน
พอกใส่สนอบครุยวรรณ เสวตรล้วน
สองปักเลอศลายพรรณ ผจงนุ่ง นาพ่อ
เพลาสนับเพลาทั่วถ้วน คาดเกี้ยวโอบเอว ฯ
๏ ผู้เถลองโทที่นั่งช้าง ชื่อประพาศ โถงฤๅ
หมอและกลางอ่าอาตม์ ดั่งนั้น
ผู้ควาญแต่งตนประหลาด เล่ห์อื่น โอ่เอย
นุ่งยกกางเกงหมั้น คาดผ้าปักแปลง ฯ
๏ คนขี่พังคชเต้า นำพลาย สี่ฤๅ
ควาญและหมอขอทาย เฉกกี้
เถมอลควาญอ่ากลกาย ควาญประพาศ โถงนา
หมอแต่งแสดงเช่นนี้ พวกผู้พลายหมอ ฯ
๏ สี่ขบวนขบวนหนึ่งไส้ มีขุน หมื่นนา
ดำรวจในหนึ่งมุล ไต่เต้า
กำกับเครื่องที่นั่งกุญ ชรอาศน์ สี่เอย
ศุภรัตตนหนึ่งเฝ้า แห่งผ้าไตรตาม ฯ
๏ คลังมหาสมบัติผ้าย ประจำพาน อุไรฤๅ
ขบวนหนึ่งหนึ่งบริบาล จ่ายไว้
แสงสรรพยุทธชาวงาน พิทักษ์พระ แสงนา
เฉภาะเครื่องคชาธารให้ ติดเต้าขบวนละสอง ฯ
๏ สริหมดโสฬศผู้ สำหรับ รักษ์เอย
คลังสีศุภรัตนับ สี่ถ้วน
แสงสรรพยุทธสี่กับ ดำรวจ สี่นา
สองปักตามเคยล้วน นุ่งเกี้ยวพันกาย ฯ
๏ นายจันปยาทิตย์ทั้ง พุทธา ทิตย์เฮย
ดำรวจในซ้ายขวา ตู่ได้
จัดแจงแต่งเครื่องคชา ธารประพาศ โถงแฮ
ทั้งสี่พระที่นั่งให้ ฝากเฝ้าพนักงาน ฯ

ร่าย ถัดถึงสารสี่พลาย ตั้งหลังผายเยื้องยาตร ยลพิลาศโอฬาร ประกอบอลงการตามแบบ แถบสักระหลาดต่างศรี มีเครื่องคาวถมปัด กระวินคร่ำสัชฌุทึบทา ตามพชาลาไล้ทอง ผ้าปกตระพองอัตหลัด พื้นแดงจรัสดอกดาษ จงกลกาษฐมาศย้อม ภู่หูพร้อมสำอาง ปกปฤษฎางค์พัตรเพรอศ แผ่ลวดเลอศอุไรเรือง วไลยทองเหลืองสวมพลุก สุกศรีสุพรรณพรายแพร้ว พิศโอภาษผ่องแผ้ว พ่างแท้ทองถกล แลนา ฯ

พารณที่เอกขึ้น รวางขนาน
เสนอชื่อมหาไชยชาญ ศึกล้ำ
ห้าศอกคืบเศษประมาณ นิ้วนับ สามนา
โดยขนาดสูงตระหง่าน แง่เงื้อมเงางวง ฯ
๏ หมอยอดศรีชี้หน้า เนาสอ สารแฮ
ขุนหมื่นทวนทองยอ กึ่งช้าง
ทนายคชกดขอรอ รั้งท่อน ท้ายเฮย
เตือนไต่ไคลคว้างคว้าง เนื่องริ้วทิวเรียง ฯ
๏ ที่สองเรียกร้องชื่อ มาตงค์
ไฟพระกาลราญรงค์ รวดร้า
ห้าศอกคืบสืบอง คุลีเศษ สามเอย
สูงส่งคงศึกกล้า กลั่นแกล้วกลางสมร ฯ
๏ หมอยอดศักดิ์ขึ้นขี่ คอสาร
ขุนหมื่นทวนทองธาร เทอดตั้ง
กลางคชคชบาลควาญ ประจำนั่ง ท้ายนา
ขับยาตรบาทห่อนยั้ง หยุดให้ห่างขบวน ฯ
๏ ที่ตรีมีชื่อตั้ง กุญชร ดั่งฤๅ
ปรากฎแก้วอุดร เดชล้ำ
ชาญชนชนะดัษกร ประกาศเกียรติ เกรอกแฮ
ห้าศอกคืบขนาดซ้ำ เศษนิ้วสองสูง ฯ
๏ ยอดรักศักดิออกอ้าง นามหมอ
เถลองคชกดขอฅอ ขี่คล้อย
ทวนมาศหมื่นขุนยอ อยู่ท่าม กลางเฮย
ควาญขับขยับบาทต้อย ไต่เต้าเหย่ายล ฯ
๏ ที่สี่สมเญศรู้ ศรนา รายน์ฤๅ
เก่งกาจชาติชนะงา ตระหง่านเงื้อม
ห้าศอกบอกกายา สูงเศษ คืบเอย
อิกเอกองคุลีเอื้อม อาจต้านต่ออรินทร์ ฯ
๏ ยอดรามนามนั่งเบื้อง บนกัณ ฐาเอย
หมอขี่มียศบัญ ญัติอ้าง
กลางสารหมื่นขุนคัน ทวนกนก ท้ายนา
ควาญจรดขอรอข้าง ขับต้อนเดินคระไล ฯ
๏ สิบสองผองพวกผู้ เถลองสาร สี่ฤๅ
แต่งสรรพประดับอลงการ ทั่วทั้ง
กำกับเครื่องพนักงาน สรรพยุทธ คลังแฮ
เฉกก่อนกุญชรดั้ง ดั่งนั้นบรรยาย ฯ
๏ พันภาณุราชตั้ง หัวพัน
กรมมหาดไทยจัดสรร ขนาดช้าง
ตำแหน่งแห่งฉบับบัญ ญัติเยี่ยง ยินพ่อ
โดยขนบภพโพ้นอ้าง รีตรู้บุราณ ฯ

ร่าย ดับทวยหาญเดินเท้า เต้าขบวนหลังตกแต่ง แบ่งกึ่งน่าคลาคลี่ สี่สิบถ้วนทุกขนัด บัณรัศเรียบเรียงราย นายหมวดหมู่มีมือ ถือธวัชมกร จรคั่นริ้วทิวละคู่ อยู่น่านำพลผอง ทุกทั่วกองกลกัน ปันขุนหมื่นสารวัด ขนัดละสี่ตนคณนา แต่งกายาทั้งมวญ ดุจขบวนน่านั้น สองขนัดฃั้นรันแทะ เทียบแสะสองฟากชไม พฤศภอุภัยรถา เอการถกาษร สรรพอลงกรณ์กอปครบ คำรบเจ็ดเกวียนไกว ไพบูลย์ดุจขนัดหน้า ทกล้าดำรวจกรม สนมนอกทั้งสี่หมู่ หมื่นขุนอยู่เปนมุล แต่งเปนขุนขี่รถ ล้วนอลงกฎพร้อมพรั่ง สารถีนั่งน่าประจำ ตำแหน่งอ้างปางกี้ ชี้พนักงานปางก่อน ห่อนแผกเพี้ยนเปลี่ยนแปลง แสดงเครื่องแต่งดำกล คนแลรถรจเรข เฉกเช่นขบวนเบื้องหน้า งามล้ำงามเลอศหล้า แหล่งเพี้ยงพิศวง ฯ

รถณรงค์เจ็ดเล่มล้วน ขบวนหน หลังเฮย
งานจัดจ่ายมีตน หนึ่งไส้
ในขวาฝ่ายน่าพหล แหนราช แลฤๅ
ตำแหน่งแต่งตกได้ พิทักษ์ทั้งตรวจตรา ฯ
๏ พาทย์ประลองสองริ้วรหว่าง สำรับ หนึ่งเฮย
คนประโคมแห่นับ ครบห้า
หามสี่ที่สำหรับ เรียงเรียบ จรัลฤๅ
ตีเป่าเทาช้าช้า เช่นนั้นทุกขบวน ฯ
๏ โทไทยชไมพม่าด้วย สี่สำ รับฤๅ
เตลงอีกอุภัยจำนำ หนึ่งเงี้ยว
ครบเจ็ดเสร็จโดยกำ หนดกะ เกณฑ์นา
มือไขว่ไหล่อกเอี้ยว ไต่เต้าตีประเลง ฯ
๏ พันวิจรจักรผู้ หัวพัน
กรมมหาดไทยนอกสรรค์ จัดถ้วน
สำรับนับเจ็ดปัน เปนพนัก งานนา
หลายชาติพาทย์หลากล้วน แห่เบื้องขบวนหลัง ฯ

ร่าย พรั่งพร้อมพิริยบ่ายบาท ถือสรรพสาตราตรู ดูอธึกพรรลาย หมายบัณรัศขนัดจร โทธวัชมกรขั้น ดั่งนั้นล้วนนายหมวด หมื่นขุนตรวจแจงจัด เปนสารวัดขบวนละสี่ ตามที่ทุกหมู่กรม รดมพร้อมพลไพร่หลวง ปวงอาวุธถือสรรพ นับแถวละยี่สิบคน แต่งตนกลขบวนหน้า ขนัดสี่สิบทกล้า กลั่นแกล้วการรณ ฯ

พลจามงามเพรอศพ้น ไพรู รูปฤๅ
ตนแต่งต่างมลายู เพศพร้อม
โตมรทมัดมือชู ชไมเล่ม แลเฮย
ปั้นเหน่งโอบเอวอ้อม เหน็บทั้งกฤชประจำ ฯ
๏ อาสายี่ปุ่นเพี้ยง ผจงตน แต่งนา
แปรเพศอย่างจีนยล เยี่ยงงิ้ว
เถลองหัดถ์ตระวัดขวานประกล ปลายหอก ประกิจเฮย
เดอนรยะจังหวะริ้ว รเบียบเบื้องบางขบวน ฯ
๏ กรมท่าแขกเทศล้วน แลโส ภณแฮ
กุมกระบี่เสโลห์ ง่าเงื้อ
พันธพัตรโพกเศียรโต ตามเพศ เขาเฮย
สวมใส่กางเกงเสื้อ จีบห้อมกรอมกรุย ฯ
๏ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งแสร้ง แต่งตน
ต่างฝรั่งรูปยล ย่านล้ำ
สามารถอาจศึกผจญ เจนจัด เจียวพ่อ
ชูสินาศขนาดสั้นซ้ำ สรัพด้วยดินเสนง ฯ
๏ เขนทองเขนเทอดทั้ง ทายแวง ว่องเฮย
ครบเครื่องดินแดงศรี สุกจ้า
อาสาใหญ่ยลแสยง ยอดาบ ชเลยแฮ
เครื่องแต่งแดงเถือกหล้า พิฦกล้ำแลขาม ฯ
๏ รามัญมาศดั้งกับ ดาวกร ไกวเฮย
แลเลื่อมเหลืองอาภรณ์ ผาดผ้าย
ตรีศูลหัดถ์ประจำ ขนัดหนึ่ง นาพ่อ
แดงประดับสรรพขวาซ้าย เหล่าล้วนอาสา ฯ
๏ เครื่องม่วงปวงพวกพื้น ดาบสอง กรเฮย
เตลงเหล่านครอินทร์กอง หนึ่งไส้
เรือกรรกวัดคทาทอง เทียบแทตย์ แลฤๅ
แต่งเครื่องแดงดุจไล้ เลือดย้อมยลสยอน ฯ
๏ ล้อมวังดาบโล่ห์ล้วน จำทาย เทอดแฮ
เครื่องแต่งแสดงศรีหมาย ฟากฟ้า
ทหารในง่าง้าวกราย กระลึงเล่น ประลองเฮย
ครบเครื่องแดงดูจ้า จรัสเพี้ยงแสงพัน ฯ
๏ ทำลุธนูเทอดถ้า ธำรง
ครบเครื่องเขียวยรรยง เพรอศพร้อม
ทวนมาศทมัดทวนทรง เปลือยปลาบ ปลายแฮ
ประดับเครื่องแดงดุจย้อม ครั่งล้วนควรขาม ฯ
๏ เกณฑ์หัดแสงสินาศพื้น ปืนคาบ หินเฮย
ประจำหัดถ์ปานปางปราบ ศึกสู้
เครื่องดำดุจชรอาบ หมึกทมื่น เมิลแฮ
เดอนดับจับริ้วรู้ เสร็จสิ้นสุดขบวน ฯ
๏ เสนากุฎสนอบถ้วน ทุกขนัด แห่แฮ
พื้นต่างละอย่างศรีจัด แจกให้
นาเนกดิเรกเรืองจรัส เจรอญเนตร นาพ่อ
สิบเอ็ดสยามพยุหได้ ดั่งอ้างอ่าสกนธ์ ฯ
๏ พลรบครบสิบห้า อย่างยุทธ
เดอนบาทตระแบงอาวุธ ทุกผู้
ขบวนปลายฝ่ายหลังสุด สี่ขนัด นาพ่อ
พันศุขสกลราษฐ์รู้ ชื่อชี้พนักงาน ฯ
๏ มหาดไทยกรมนอกได้ แจงจัด
กรมท่าทั้งเกณฑ์หัด สินาศให้
เรือกรรซึ่งขึ้นสัศ ดีพวก หนึ่งพ่อ
ล้อมราชนิเวศน์วังไท้ ทั่วถ้วนสี่กรม ฯ
๏ กระลาโหมกรมนอกผู้ หัวพัน
นามศักดิเทพศักดิสรรค์ แห่ห้อม
เอการศิขนัดปัน เปนพนัก งานแฮ
สบส่วนขบวนหลังพร้อม แต่เบื้องบูรพ์แสดง ฯ
๏ เดโชท้ายน้ำนับ หนึ่งขนัด
ทำลุกับเกณฑ์หัด ฝรั่งทั้ง
ทวนมาศมาศเขนจัด จามชาติ ชนพ่อ
มอญคู่ดาบมอญดั้ง ยิปุ่นด้วยทวยหาญ ฯ
๏ อาสาขวาซ้ายอิก ทหารใน หนึ่งเอย
สิบเอ็ดเสร็จพลไกร กลั่นกล้า
หกหมู่พยุหแท้ไทย ผจงตก แต่งแฮ
ต่างเพศพิเศษครบห้า แห่รี้พลผอง ฯ
๏ จบเสร็จเขบ็จบอกเบื้อง ขบวนพระ กฐินเฮย
แห่บกยกพยุหะ บาตรเก้า
เรียงเรียบรเบียบรบอบกะ เกณฑ์ขนาด นี้พ่อ
เผยอพระยศผ่านเผ้า พิภพพื้นแผ่นสยาม ฯ

สิ้นขบวนพยุหยาตราแห่พระกฐินบกเท่านี้ ฯ

----------------------------

  1. ๑. คำว่าเดชานี้ เห็นในจดหมายเหตุรับแขกเมืองอเมริกันรัชกาลที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ ใช้ว่าเสื้อเปรชา พอกเปรชา ในเรื่องเดียวกัน อิกแห่งหนึ่ง ใช้ว่า พอกเตชา เสื้อเตชา เปนเครื่องแต่งคนถือทวนบนหลังช้าง ตรงกับในโคลงนี้

  2. ๒. ตรงนี้บางฉบับเปน ถั่น บางฉบับเปน ถับ ของเดิมจะเปนอย่างไรไม่มีที่สอบ

  3. ๓. ฤๅ ตัวนี้จะอย่างไรไม่ทราบ เห็นฉบับเปนเช่นนัั้น ไม่กล้าแก้

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ