ประวัติสังเขปของคนชาติแม้ว

ว่าด้วยลักษณะรูปร่าง

แม้วเป็นคนชาวดอยชาติหนึ่งซึ่งเดิมอยู่ในประเทศฮ่อและยูนาน แม้วที่เป็น ชายร่างกายสันทัด ใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายคล้ายจีนและฮ่อ ควั่นผมเปียอย่างจีนครั้งก่อน ๆ แต่ไม่ถักเปีย ฟันขาว (ไม่กินหมาก) นัยตาดำ ผิวเนื้อขาวเหลือง ชอบสูบยาฝิ่น

ผู้หญิงร่างกายสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง นัยตาดำ ใบหน้าอย่างผู้หญิงจีน ฟันขาว (ไม่กินหมาก) เจาะหู ไว้ผมยาวเกล้าผมขมวดเป็นจอมอยู่กลางศีร์ษะ กล้ามเนื้อแข็งน่องสั้น แสดงให้เห็นว่าทำการหนักและแขงแรงในการเดิร

ทำเลที่อยู่และลัทธิขนบธรรมเนียม

คนชาตินี้ชอบอยู่บนภูเขาที่สูงและเย็น ถือลัทธิการไหว้เจ้าและไหว้ผีบิดามารดา มีขนบธรรมเนียมอย่างจีน มีการกินวอ (ไหว้เจ้าปีใหม่) พร้อมกันกับตรุษจีน การนับวันเดือนปีก็เช่นเดียวกับจีน

การกินวอหรือวันตรุษของเขานั้น มีพิธีทำคล้ายกับจีนคือ มีการฆ่าไก่และสุกรทำของไหว้เส้นผีและยิงปืน และมีการชุมนมเลี้ยงกันแล้วมีการเล่นเต้นรำอย่างเอิกเกริกทั้งหญิงและชาย ซึ่งเขาถือกันว่าเป็นวันสำคัญตามประเพณีของเขา

การเกิดบุตร์ก็มีมดหมอชาวของเขามาทำการคลอดบุตร์ คล้ายคลึงกับคนเมืองนี้เหมือนกัน เมื่อคลอดแล้วมารดาก็พันท้องไว้นั่งเอนหลังอยู่เฉยๆราว ๑๕ วัน รับประทานน้ำร้อนกับยาป่าของเขา การปฏิบัติเด็กก็ให้นมมารดากินเช่นเดียวกัน

การแต่งงานมีธรรมเนียมไม่ต่างอะไรกับจีน คือฝ่ายชายนำเงินไปซื้อผู้หญิงจากบิดามารดาเป็นภรรยา (เงินที่เรียกว่าซื้อนั้นเห็นจะเปนคำน้ำนม, เข้าปั้นของบิดามารดา) ไม่มีการพูดจา (อู้สาวอย่างคนเมือง ถ้าชอบใจกับคนใดก็ไปพูดขอซื้อกัน เมื่อตกลงกันแล้วก็มีการทำพิธีแต่งงาน นำเงินไปมอบหมายและไหว้บิดามารดาทั้งสองฝ่าย และเลี้ยงดูกันทั้งสองฝ่ายอย่างเอิกเกริก คล้ายกับจีน เมื่อแต่งงานเสร็จแล้วหญิงต้องเป็นกรรมสิทธิ์ฝ่ายชายอย่างเด็ดขาด และต้องมาอยู่กับฝ่ายชาย ถ้าผัวตายหญิงจะต้องอยู่เลี้ยงดูลูกกับบิดามารดาฝ่ายผัวต่อไปอีก ต่อมาเมื่อบิดามารดานั้นตายแล้วจักต้องการมีผัวอีกก็ได้ แต่ต้องไปอยู่กับผัวโดยลำภังจะเอาลูกไปด้วยไม่ได้ ครอบครัวใดมีบุตร์ชายมากถือว่าเป็นมงคลคือความสุขความเจริญแก่บิดามารดา เพราะเมื่อบุตร์ชายเติบโตมีภรรยาช่วยทำการเลี้ยงบิดามารดาฝ่ายผัว

ถ้าเจ็บป่วยมีการฆ่าหมูฆ่าไก่เลี้ยงผีบ้านผีป่าผีบิดามารดา แล้วเอาด้ายผูกข้อมือ (เรียกว่าทำขวัญ) การใช้หยูกยาบำบัดโรคภัยไม่มี (สมัยนี้มีบางคนที่เคยลงมาในเมืองและรู้ภาษาพื้นเมืองรู้จักใช้ยาควินนิน ซึ่งเขาเรียกว่ายาขาวๆ บ้าง)

การตายมีการเลี้ยงอย่างเอิกเกริก ฆ่าสัตว์เช่นโค, หมู, ไก่ของผู้ตายได้เลี้ยงไว้แต่ก่อนนั้น ทำอาหารเลี้ยงกันแล้วยิงปืน ถือว่าเป็นการอุทิศส่วนผลทรัพย์นั้นไปให้แก่ผู้ตาย ถ้าผู้ตายมีทรัพย์และสัตว์ที่เลี้ยงไว้มาก ก็เอาศพไว้หลายวันจึงนำไปฝังแล้วขนเอาก้อนหินมากองทำรั้วล้อม

การเคารพหมอบคลานไม่รู้จักใช้ เครื่องนุ่งห่มใช้สรอยไม่ใคร่บำรุงให้สอาดแม้แต่กางเกงของผู้หญิงก็เอาขึ้นตากบนหลังคา และตากที่ราวในห้องเรือนตรงประตูซึ่งจำเป็นต้องลอดเข้าออก ก็ไม่ถือว่าเป็นการน่าอุจาดและเสื่อมทรามอย่างใด

ที่อยู่ทั่วไป

คนชาตินี้สร้างเคหสถานอยู่เป็นหมู่บ้าน ๆ หนึ่งไม่น้อยกว่า ๑๐ หลังคาเรือน อยู่บนภูเขาซึ่งมีอากาศเย็นและมีพื้นที่กว้างขวางพอแก่การเลี้ยงสัตว์ ทั้งเลือกเอาทำเลที่มีน้ำซึ่งจะนำมาใช้สะดวกด้วย ตามบริเวณซึ่งเป็นที่อยู่นั้นถางจนโล่งเตียน คงมีแต่พื้นดินและก้อนหินเท่านั้น

ที่อยู่โดยฉะเพาะ

การปลูกเคหสถานที่เป็นอยู่โดยฉะเพาะของคนจำพวกนี้ อาศัยพื้นดินซึ่งแผ้วถางนั้น ขุดปราบพื้นที่ให้เรียบและแน่นดี แล้วปลูกโรงขึ้นเป็นหลังๆ หลังหนึ่งกว้างยาวตามจำนวนของคนในครัวเรือนนั้นจะมากหรือน้อย โรงที่ทำขึ้นนั้นนับว่าแน่นหนาแต่ไม่ถาวร คือใช้พื้นดินเสาใช้ไม้ไผ้ตงใช้ไม้กระยาเลย ฝาใช้ไม้ไผ่สับเป็นฟากแล้วกรุตั้งลำขนาบจนแน่น หลังคาใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกยาวตามส่วนที่ต้องการเลาะข้อภายในออกหมด แล้วเอาขึ้นมุง คือหงาย ๒ ซิกคว่ำ ๑ ซีกสลับกันดังนี้ ซีกที่คว่ำนั้นคว่ำครอบตรงรางระวางไม้ใผ่สองซีกที่หงาย เพื่อรับน้ำจากซีกที่คว่ำได้สะดวก แล้วใช้ไม้ใผ่ขนาบให้แน่น ที่ตีนชายใช้ไม้ใผ่ผ่าซีกอีกอันหนึ่ง เลาะข้อภายในออกหมดยาวเท่ากับส่วนของโรง ประกบตีนท้องเข้าหาตีนชาย เพื่อป้องกันมิให้ไม่ไผ่ที่มุงนั้นไหลตกลง ไม้อันที่ประกบตีนชายนี้ต้องใช้ขอไม่ไผ่ทำเป็นขอเกาะยึดไว้ตรงที่น้ำตก

ตีนชายคาขุดเป็นลำรางให้น้ำไหลลงสู่พื้นที่ต่ำ ที่ตีนฝาภายนอกใช้หินก่อเรียงทับตีนฝาจนแน่น ภายในโรงที่อยู่นั้นเอาไม้ก่ายบนขื่อทำเป็นร้านสำหรับเก็บสิ่งของเครื่องใช้มีไม้ก่ายขึ้นลงแทนบันได ที่ริมฝาตรงประตูเข้าไปยกเป็นร้านๆ ร้านหนึ่งหรือสองร้าน สูงประมาณ ๒ ศอก กว้างประมาณ ๑ ศอก ยาวประมาณ ๒ หรือ ๓ ศอก ด้านหลังติดกับฝาโรง ผินหน้าออกมาตรงประตู ร้านนี้คือ ศาลเจ้า มีเครื่องประดับและเครื่องเส้นเครื่องบูชาเช่นเดียวกับจัน ที่พื้นดินตรงศาลเจ้าออกมา มีเตาไฟใช้ฟืนดุ้นโตๆ สุมอยู่ตลอดทั้งปี สำหรับผิงและต้มน้ำร้อน รอบกองไฟมีขอนไม้สั้นๆวางไว้สำหรับนั่งผิงไฟ ที่กองไฟนี้เองเป็นที่รับแขก เมื่อมีแขกเข้าไปถึงก็เข้านั่งล้อมกองไฟ (เพราะภายนอกโรงมีลมและอากาศหนาว) กินน้ำร้อนและคุยกัน สุนัขที่เขาเลี้ยงก็อยู่ที่กองไฟนี้ด้วย

ถัดจากกองไฟเข้าไปทางส่วนใดส่วนหนึ่งกั้นเป็นห้องนอน ในห้องนอนนี้ยกร้านใช้ฟากปูพื้นสูงประมาณ ๒ ศอก ยาวปรรมาณ ๔ ศอก กว้างประมาณ ๓ ศอก นอนได้ ๒ คนก็ยังเบียดเสียด พื้นที่ๆนอนใช้เสื่ออย่างเลวหรือหนังสัตว์ปู ถ้าคนจนก็ไม่มีอะไรปูเลย ใช้ท่อนไม้หรือห่อผ้าหนุนหัวไม่มีมุ้ง บนหัวนอนมีกระทอสำหรับเก็บเสื้อผ้าวางไว้ (ดูสกปรกมาก) ในโรงๆหนึ่งกั้น ๒ ห้องบ้าง ๓ ห้องบ้างแล้วแต่ความต้องการ ที่พื้นตรงหน้าห้องนอนออกไปมีเตาไฟสำหรับใช้หุงต้มอาหารและต้มเข้าเลี้ยงหมู ที่ริมเตาไฟนี้มีม้ายาวตั้งสำหรับนั่งกินเข้าอย่างจีน ส่วนที่เหลืออยู่ภายในโรงอีกตอน ๑ นั้นกั้นเป็นห้องสำหรับเก็บเข้าเปลือก, เข้าโภชน์ และฝังครกวางกระเดื่องสำหรับใช้ตำเข้า

ที่พืนดินทางหน้าโรงแบ่งไว้ทำเป็นชานหรือพะไลกว้างประมาณ ๔ ศอก เป็นที่ว่างสำหรับเดิรเล่น แต่อยู่ในร่วมชายคาเดียวกับโรง

นอกจากนี้ยังมีโรงม้า คอกหมู เล้าไก่ ปลูกเรียงอยู่ตามบริเวณที่ใกล้นั้น ล้วนแล้วไปด้วยไม้ไผ่เช่นเดียวกัน เมื่อก่อนที่จะขึ้นไปถึงแลเห็นหมู่บ้านแต่ไกลๆ ดูงามตาดีอยู่ แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วรู้สึกว่าตามบริเวณหมู่บ้านเหล่านั้นปฏิกูลยิ่งนักกลิ่นเหม็นเนื่องจากมูลสัตว์จนไม่อยากจะกลืนอาหารได้ลงคอ.

การนุ่งห่ม

ผู้ชายนุ่งกางเกง, สรวมเสื้อคล้ายแบบจีนแต่เป็นสีเขียวครามหรือสีดำ ดุมเสื้อโดยมากทำด้วยเงินเย็นลูกกลมๆ สวมหมวกซึ่งเย็บด้วยผ้าเป็นกระเปาะรูปอย่างกะลามะพร้าว คอของเขาแทบจะทุกคนมีห่วงซึ่งทำด้วยเงินสวมไว้ห่วง ๑ บ้าง ๒ ห่วงบ้าง ห่วงนี้เรียกว่าของขวัญสวมอยู่เป็นนิตย์

ผู้หญิงใช้นุ่งกระโปรงซึ่งทอด้วยเส้นปาง (เป็นต้นคล้ายป่าน) จีบเป็นหูรูดรัดติดสะเอว ยาวหย่อนลงเพียงเข่า พื้นสีเขียวคราม ตีนกระโปรงมีดอกและลวดลายพอดูได้ ตรงหัวประจบทั้ง ๒ ข้างของกระโปรงข้างหน้ามีผ้าผืน ๑ กว้างประมาณ ๑ คืบห้อยยาวลงไปเพื่อป้องกันมิให้กระโปรงแตกออกจากกันในเวลานั่งหรือเดิร (เรียกว่าผ้าปกตัก)

เสื้อใช้เสื้อแบบคล้ายผู้หญิงจีน แต่เป็นสีเขียวครามหรือสีดำผ่าอกตลอดมีผ้ารัดเพียงสะเอว นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับซึ่งทำด้วยเงินและลูกปัดประดับร่างกายอีกตามฐานะคนมีและจน คือเจาะหูใส่ห่วงเงินสองข้าง มีห่วงเงินสวมคอเป็นของขวัญห่วงหนึ่งบ้างสองห่วงบ้าง มีกำไรแขนซึ่งทำด้วยเงิน

คนจำพวกนี้ทั้งชายและหญิงไม่ชอบอาบน้ำ แม้จะทำการเหน็ดเหนื่อยเหงื่อไหลไคลย้อยก็ไม่อาบน้ำ เช็ดตัวก็พอแล้ว การไม่ล้างมือล้างเท้าก่อนจะกินหรือนอนนั้นเป็นของธรรมดา.

อาหารการบริโภค

อาหารคือ เข้า, เข้าโภชน์, เข้าฝ้าง, มัน, เผือก, ผักต่างๆ, เนื้อสัตว์, เกลือ, กล้วย, อ้อย,

การบริโภคประกอบการหุงต้มอย่างจีน กับเข้าที่ทำไม่ชอบเผ็ด ใช้ตะเกียบอย่างจีน

อาหารของป่าเนื้อป่า

หัวมันและผักต่างๆ เช่นหน่อไม้หยวกกล้วย, ซึ่งเกิดกับป่า เนื้อสัตว์ เช่นหมู, งัวป่า, ใช้เป็นอาหารไม่เลือก สุดแต่จะมีหรือหาได้ ตามปกติใช้หน้าไม้(ธนู) เป็นอาวุธ

การคมนาคมไปมา

มีทางเดิรบนภูเขา ไปมาหากันระวางคนชาติแม้ว, ย้าว, มูเซอร์, และทางเดิรลงมาในพื้นที่ราบทำการติดต่อกับคนพื้นเมือง แต่เป็นทางคนและทางสัตว์ ทางที่เดิรขึ้นลงค่อนข้างยาก เพราะแคบฉะเพาะคนและสัตว์เดิรได้เท่านั้น

คนจำพวกนี้ใช้ม้า, ฬา, ต่างเป็นพาหนะ หรือใช้กำลังตนเองเปอะ (คือสะพายสองบ่าเอาของไว้ข้างหลัง) การเดิรทางขึ้นลงภูเขาแข็งแรงว่องไวกว่าคนในพื้นราบ ไม่หวาดเสียวต่อภัยแห่งสัตว์ป่า

ผู้หญิงมีลูก เอาลูกสะพายไว้ข้างหลัง แม้จะทำการหรือเดิรทางก็สะพายไว้เช่นนั้น

การกสิกรรม

การทำนาไม่มี เพราะอยู่ในพื้นที่สูง มีแต่การทำไร่และเลี้ยงสัตว์ (ลอบทำไร่ฝิ่นด้วย)

เมื่อถึงระดูกาล แผ้วถางพื้นที่ๆเป็นป่าทึกบ ต้นไม้ไม่เลือกว่าเล็กใหญ่แผ้วถางลงหมด ใช้ไฟเผาทำเป็นไร่ปลูกเข้า, เข้าโภชน์, เข้าฝ้าง, ต้นปาง (ที่ใช้ทอผ้า) ปลูกมัน, แตง, และผักต่างๆ ไร่หนึ่งกว้างยาวตั้งหลายๆเส้น เข้าโภชน์ปลูกมากกว่าอย่างอื่น เพราะใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์และกินด้วย

การที่เลี้ยงสัตว์คือ ไก่, หมู, มา, ฬา, สุนัข, ใช้เข้าโภชน์เป็นอาหารส่วนใหญ่.

การค้าขายแลกเปลี่ยน.

คนชาตินี้ทำการค้าขายติดต่อกับคนในพื้นที่ราบ เช่นของป่าที่หาได้บ้าง เผือก, มัน, หมู, สุนัข, ไก่, ผักต่างๆ บ้างนำลงมาขาย หรือแลกเข้ากับชาวเมืองในพื้นที่ราบเนืองๆ ส่วนคนในพื้นที่ราบก็นำสิ่งของเช่นเข้าสาร, เกลือ, ผ้าเครื่องนุ่งห่มขึ้นไปขายและแลกเปลี่ยนกันบ้าง เงินที่ใช้นอกจากสตางค์ของรัฐบาลแล้วใช้เงินรูเปียเป็นพื้น

การหัดถกรรม

การหัดถกรรมสำหรับฝ่ายชายที่เป็นชิ้นเป็นอันควรออกหน้าออกตาไม่มีสิ่งใด มีบ้างก็ชั่วทำใช้ในครอบครัว การจักสานก็ดูจะไม่เป็น แต่ฝ่ายหญิงแม้จะเป็นเภทที่อ่อนแอแต่ขยันขันแข็งเหน็ดเหนื่อยกว่าชาย การทำกระดาษด้วยหน่อไม้ กับทำเครื่องเหล็กเช่นตีมีดและการทำเครื่องเงินสำหรับแต่งตัวชาวของเขาก็มีทำได้บ้างแต่น้อยคน

การทอเครื่องนุ่งห่มด้วยเส้นปาง และเขียนลวดลายผืนผ้าด้วยขี้ผึ้งแล้วย้อมห้อม (คราม) การเย็บปักเสื้อผ้าที่ใช้สำหรับครัวเรือนนับว่าออกหน้าออกตาพอใช้ลวดลายที่ทำมีลักษณะคล้ายไปข้างจีน

ธรรมเนียมการปกครองครอบครัว

ธรรมเนียมการปกครองครอบครัวนั้น ผัวมีอิสสระเหนือบุตร์ภรรยา บิดามารดามีอิสสระเหนือคนทั้งหลายในครัวเรือน ชายที่มีทรัพย์มีภรรยาได้หลายคน หญิงที่มีสามิประพฤติผิดนอกใจผัวเช่นมีชู้ เขามีการปรับไหมเท่ากับจำนวนเงินที่ชายได้ซื้อมา (คือเงินที่ชายได้เสียให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง)

ศิลปวิทยาการไม่มีแก่คนจำพวกนี้

ศิลปวิทยาศาสตร์มีการใช้หนังสืออย่างจีนและฮ่อแต่มีผู้รู้น้อยคน

ลัทธิศาสนา

คนจำพวกนี้ไม่มีศาสนาแต่มีลัทธิถือผีไหว้ผีอย่างจีนสมัยเก่า

ภาษาและคำพูด

คนชาติแม้วมีภาษาใช้ภาษาหนึ่ง สำเนียงพูดคล้ายจีนและฮ่อ แต่ถ้อยคำไม่เหมือนจีน เช่นกินเข้าพูดว่าน่ำเมา, กินน้ำพูดว่าโฮกกลี, นอกจากนี้ยังใช้ภาษาฮ่อเป็นภาษากลางสำหรับใช้พูดทำการติดต่อแก่พวกย้าว, มูเซอร์,และฮ่อ.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ