๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างนั้นณโกษา ธพระยาสุเมธี
ตั้งแต่พระจักรตรี พยุห์บาทพหลพล ฯ
๏ ลงมาประยุทธ์ทัพ อริรับณเวียงบน
หยุดหย่อนและผ่อนปรน อภิชาติและพาชี ฯ
๏ ได้เจ็ดทิวาวัน พละขันธ์ก็พร้อมที่
โกษาสุเมธี จรลีธทำนูล ฯ
๏ ขอเดชะทราบบาท นฤนารถบดินทร์สูร
ข้าบาทจะขอยูร จรยกพลากร ฯ
๏ ตีเอาณเชียงใหม่ ดุจนัยพระทรงศร
ขอเชิญเสดจจร พยุห์บาทณรงค์รณ ฯ
๏ ป่างองค์พระจักรกฤษณ วรฤทธิ์นราชน
ยินนายกาพล ธประนตจะนูลไทย ฯ
๏ จึงเอื้อนวโรงการ ธรบาลประภาษไป
สั่งแก่พระโหรให้ ศุภฤกษ์วิไชยวาร ฯ
๏ แล้วสั่งณเสนี ธิบดีแลทวยหาญ
เร่งตระเตรียมการ จรจัดขนัดพล ฯ
๏ กำหนดณห้าวัน กรทันณรงค์รณ
ให้พร้อมณพาหล คชชาติและพาชี ฯ
๏ บันใดจะได้พาด นคราชธานี
น่าหร้าและเกือกมี สนะใส่ณทุกสาร ฯ
๏ แล้วสูกะเกณฑ์พล จรดลมิทันนาน
ก่อป้อมและปราการ กรสามณมุมเวียง ฯ
๏ ด้านกลางก็สามป้อม อุสุล้อมและรายเรียง
ยิงกวาดพหลเกลี้ยง บมิให้และต้านทาน ฯ
๏ ทุกด้านแลน่าที่ อริหนีบต่อต้าน
แล้วสูคเนการ ศุภฤกษจะยกพล ฯ
๏ ดูดวงพลุสำคัญ จรจัลณรงค์รณ
ให้พร้อมและทุกตน กรยุทธชิงไชย ฯ
๏ ฟังราชโองการ นฤบาลธิเบศไทย
ต่างต่างก็คลาไคล จรจัดขนัดพล ฯ
๏ พร้อมสัตรียาวุธ อุสุยุทธ์ณรงค์รณ
โดยนัยนราชน หริพงศ์วโรงการ ฯ
๏ คอยยลพลุอัคคี จรลีพหลต้าน
ต่อยุทธ์ประจันบาน กรหักกุรุงไกร ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ ครั้นถึงดิถีอุดมเศิก ศุภฤกษโดยใน
ตรียามหาสิทธิวิไชย วรพัศวดีการ ฯ
๏ จึงพราหมณ์พระโหรอธิบดี จรลีมิทันนาน
เชิญองค์นรายน์บรมผ่าน อภิภพธานี ฯ
๏ โสรจสรงพระองค์วรสนาน มุรธารภิเษกศรี
อาเศียรพาทนฤบดี ปจนักปราไชย ฯ
๏ เสร็จสรงอลงกรณ์ประดับ สนะซับพระองค์ใน
ภูษารจิตร์วรประไพ กรรัดสเอ้งองค์ ฯ
๏ สังวาลประพาลวรวิไลย ธก็ใส่ประดับทรง
มุทธิกมณีวชิรวงก์ อุณหิศวิเชียรพราย ฯ
๏ พร้อมสรรพอาภรณสรรพ ธก็จับพระขรรค์กราย
กรสู่ณเกยอภิก็หมาย จรมุ่งคชาธาร ฯ
สุรพลและทวยหาญ ๏ พรั่งพร้อมนิกรพลพหล
ปีกซ้ายและขวาพลแสะสาร กรครื้มกระหึมมัน ฯ
๏ เปรี้ยงเปรี้ยงประแปร๋คชประแปร๋น พลแพนก็แข็งขัน
ต่างต่างก็คงกรกะพันธ์ และบอ่าวณไพรี ฯ
๏ คอยองค์พระจอมนฤนารถ หริราชจักตรี
เยียดยัดขนัดพระธรณี คะครึกครื้นสนั่นไหว ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ครั้นได้อุดมฤกษ์วิไชย
พระโหรผู้ใหญ่ ก็ลั่นฆ้องไชยเภรี ฯ
  ๏ ประโคมแตรสังข์ดนตรี
กึกก้องธรณี เพียงจะพินาศทำลาย ฯ
  ๏ เสดจเหนือคชาพรรณราย
หกสิบทิศพลาย พาหนะธิราชบวร ฯ
  ๏ เครื่องสูงไพโรจน์สลอน
พัดโบกจ่ามร มยุรฉัตรธงไชย ฯ
  ๏ กลดกลิ้งกันชิงรำไพ
ซับซ้อนไสว อภิรุมชุมสายพรายพรัน ฯ
  ๏ บังแซกบังแซงสุริยัน
ช้างดั้งช้างกัน คชแซกคชแซงเรียงราย ฯ
  ๏ ค่ายค้ำพังคาแหล่หลาย
พหลนิกาย พรึบพร้อมห้อมล้อมทรงธรรม์ ฯ
  ๏ ตรัสให้จุดพลุสำคัญ
โชติช่วงแดงฉัน สว่างในกลางเวหา ฯ
  ๏ เสดจเคลื่อนพหลยาตรา
กึกก้องโกลา สท้านสเทื้อนธรณี ฯ
  ๏ บ่ายหน้าคชาจรลี
ตรงสู่บุรี สู่ที่สนามรณรงค์ ฯ  
  ๏ สถิตย์ประทับสารทรง
จรัดให้แวดวง ห้อมล้อมแหกหักภารา ฯ
  ๏ บัดนั้นนายทัพถ้วนหน้า
ยลพลุสัญญา ก็ขับโยธาคลาไคล ฯ
  ๏ พลช้างพลม้าไสว
ประดาเข้าใกล้ ริมเชิงปราการบุรี ฯ
  ๏ ถือหอกโล่แฟ้มมากมี
ป้องกันไพรี จะซัดน้ำมันกรวดทราย ฯ
  ๏ ต่างต่างกรูเข้าทำลาย
บ้างใสช้างพลาย ยื้อแย่งเข้าแทงปราการ์ ฯ
  ๏ ชาวเมืองซัดกรวดลงมา
บถูกกายา ฝาโพล่ฝาแฟ้มบังกัน ฯ
  ๏ ปล่อยปืนบนป้อมสนั่น
ครึกครื้นหมอกควัน ฮูมฮูมตูมตามเข้าไป ฯ
  ๏ ถูกพลน่าที่บรรลัย
มอดม้วยตักษัย พรรคพลน่าที่บางลง ฯ
  ๏ บ้างตัดเชือกซุงโดยจง
จะให้ตกตรง ทุ่มทับเอาพวกทวยไทย ฯ
  ๏ ทวยไทยเอาหอกรับไว้
ไม้ซุงอันใหญ่ ก็ตกแต่น้อยถอยแรง ฯ
  ๏ โยธาทวยไทยเข้มแขง
บ้างปืนบ้างแทง นักลาวพินาศวายปราณ ฯ
  ๏ พลไกรบันใดพาดพาน
น่าที่ปราการ ทุกด้านที่ล้อมพร้อมกัน ฯ
  ๏ ต่างต่างขึ้นได้ทั้งนั้น
ไล่ฟาดไล่ฟัน ส่ำลาวพินาศลาญชนม์ ฯ
  ๏ เกลื่อนกลาดดาดพื้นภูวดล
เลือดใหลนองชล รุ่งเช้าก็ได้ภารา ฯ
  ๏ พลไทยไล่คุมตัวมา
จับเอาพระยา แสนหลวงผู้เจ้าธานี ฯ
  ๏ บุตราภรรดาน้องพี่
ธิดานารี เผ่าพันธ์เครือญาติวงศ์วาร ฯ
  ๏ เสวกข้าเฝ้าท้าวหนาน
เข้าของศฤงคาร หลายอย่างต่างต่างนานา ฯ
  ๏ สรรพยุทธ์อาวุทธ์ศาสตรา
คชอาชา นำมาแหล่หลายมูลมี ฯ
  ๏ จึงท่านนายกโยธี
เลือกเก็บบุตรี แสนท้าวพระยาเชียงหนาน
  ๏ รูปร่างลออนงพาล
สาวสาวสคราญ ผิวภักตร์ผ่องดุจดวงจันทร์ ฯ
  ๏ นำมาถวายทรงธรรม์
สรรพ์สิ่งสัพสรรพ์ เสร็จสิ้นทุกสิ่งประการ ฯ
  ๏ ป่างนั้นหริราชภูบาล
ปราบนครหนาน ได้ดังมโนท้าวไทย ฯ
  ๏ เธอทรงโสมนัศผ่องใส
ชื่นแช่มทรวงใน กระมลฤดีปรีดา ฯ
  ๏ ท้าวเธอทรงทอดทัศนา
ยลท่านโกษา นายกทวยหาญชาญไชย ฯ
  ๏ นำอรธิดาทรามวัย
บุตรเจ้าเชียงใหม่ แลบุตรแสนท้าวพระยา ฯ
  ๏ วรกายแน่งน้อยโสภา
ดวงภักตรลักขณา ผุดผ่องหลายอย่างต่างกัน ฯ
  ๏ จึงทรงเลือกนางลาวนั้น
ได้อรแจ่มจันทร์ ธิดาเชียงใหม่ธานี ฯ
  ๏ ตั้งไว้พระสนมข้างที่
แต่พรรคบุตรี แสนท้าวนักลาวพระยา ฯ
  ๏ ทรงพระราชทานเสนา
ถ้วนทุกทั่วหน้า ต่างๆชื่นชมเปรมปรี ฯ
  ๏ แล้วให้เสนามนตรี
จัดแจงบุรี เมืองใหญ่เมืองน้อยทุกเวียง ฯ
  ๏ ให้เปนปรกติเรียบเรียง
กระทำพร้อมเพรียง เหมือนยังเบาราณก่อนมา
  ๏ ท้าวเธอประทับแรมท่า
สิบห้าทิวา จนเสร็จเรียบร้อยด้วยดี ฯ
  ๏ แล้วจึงให้ยกโยธี
กลับยังบุรี นิเวศนประเทศกรุงไกร ฯ
  ๏ ตามมารควิถีแนวไพร
สวรรคโลกเวียงไชย ก็ลุศุโขไทยธานี ฯ
  ๏ ประทับแรมร้อนโยธี
ที่ในบุรี กำหนดสิบห้าเวรวาร ฯ
  ๏ จึงมีพระราชโองการ
สีหนาทบรรหาร ให้พระยาทั้งหลายนานา ฯ
  ๏ หัวเมืองปักษ์ใต้จรคลา
คุมพลโยธา สองหมื่นล่าล่องคันไล ฯ
  ๏ กับลาวเชลยเชียงใหม่
คชอาชาไนย ทุพลภาพป่วยการ ฯ
  ๏ ผลูแยกลงท่าชลธาร
กำแพงเพ็ชร์สถาน เสร็จแล้วจึงเสดจคลาไคล ฯ
  ๏ ออกจากเมืองศุโขไทย
เร่งรีบพลไกร โดยแนววีถีมรรคา ฯ
  ๏ ลุพิศณุโลกภารา
หยุดพลโยธา ประทับสถิตยเวียงไขย ฯ
  ๏ แล้วทรงยยุบาทครรไล
สู่อาวาศใหญ่ นามมหาธาตุสถาน ฯ
  ๏ ทรงกระทำนมัศการ
พระศาสดาจารย์ ชินราชชินสีห์จอมไตร ฯ
  ๏ สั่งให้ฉลองทันใด
มโหศพการใหญ่ สมโภชเสร็จสามทิวา ฯ
  ๏ ทรงประทับอยู่ในภารา
เจ็ดเวรเวลา ตรัสให้แยกทัพล่วงไป ฯ
  ๏ แล้วเธอจึงเสด็จคลาไคล
ออกจากเวียงไชย พระพิศณุโลกบุรี ฯ
  ๏ ลงสู่พระที่นั่งนาวี
พร้อมเรือเสนี นายทัพนายกองเรียงราย ฯ
  ๏ ออกเรือพระที่นั่งโดยหมาย
สั่งให้พลพาย เหนี่ยวหน่วงจ้วงเร่งรีบมา ฯ
  ๏ ตามแนวซลมารคมรรคา
ดลกรุงมหา ศรีอยุทธเยศธานี ฯ
  ๏ เสดจจากที่นั่งนาวี
สู่พระบุรี สถิตย์นิเวศน์ไพชยนต์ ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างหนึ่งพระจอมนารถ วรราชจุมพล
เนาวเหนือพระแท่นบล อมรินทร์วิเชียรพราย ฯ
๏ พรรคพร้อมณมนตรี ธิบดีก็แหล่หลาย ฯ
เฝ้าบาทธเรียงราย ธประนตประนังคัล ฯ
๏ จึงเผยพระโองการ นฤบาลประภาษพลัน
สั่งชาวพระคลังนั้น กรวัตถุเอามา ฯ
๏ นาวาวราภรณ์ อรชรอลังการ์
ให้ครบณะสิ่งสา ระพะสิ้นณสิ่งมี ฯ
๏ รูปีย์มณีกาญ จนแก้วประกอบศรี
เร่งเร็วณบัดนี้ กรทันณะบัญชา ฯ
๏ ชาวคลังสดับสาร ธรบาลกระษัตรา
น้อมเศียรประนตลา กรวัตถุสิ่งสรรพ์ ฯ
๏ วัตถาวราภรณ์ อรชรอะเนกนันต์
นานาวราพรร รณะสิ้นณะสิ่งมี ฯ
๏ เหรัญสุวรรณา วชิราก็ต่างศรี
พร้อมสิ้นณะโดยที่ ธรท้าวธบัญชา ฯ
๏ จึงนำถวายองค์ อภิพงศ์ศวรรยา
ก่ายกองอนันต์นา และก็แน่นพระโรงใน ฯ
๏ เธอจึงพระราชทาน อุปะการประกอบให้
โกษาธเกรียงไกร บรินายะกาพล ฯ
๏ เสวกและทวยหาญ ก็ประทานณะทั่วชน
โดยความและชอบตน กรเสร็จณสิ่งสรรพ์ ฯ
๏ แต่นั้นพระเกียรติยศ ชนบทก็ฦๅลั่น
แกลนเดชพระทรงธรรม์ อริคร้ามแสยงหยอน ฯ
๏ นานาประเทศท้าว ศิรเกล้าประนมกร
วัตถาวราภรณ์ กุสุมากนกศรี ฯ
๏ นอบน้อมถวายองค์ อภิพงศ์พระจักตรี
พึ่งเดชพระภูมี อริราชบแผ้วพาล ฯ
๏ ครั้งนั้นสยามกรุง ก็จรุงเจริญการ
ผาสุกสนุกหนาน ปฐในนิกรชน ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ เบื้องนั้นยังมี
ชนหนึ่งกระวี เฉกชาติบุทคล
นามเพชราชา บุญญาล้นพ้น
ชาวคามเมืองบล สุพรรณบุรี ฯ
  ๏ รู้ศิลประศาสตร์
แกล้วกล้าสามารถ ในการดำรี
ชำนาญณรงค์ ทนคงกายี
ความชอบมากมี แด่พระจอมไตร ฯ
  ๏ ได้ไปณรงค์
กับด้วยพระองค์ ธิเบศท้าวไทย
ยุทธ์กับหลวงลาว แสนท้าวเชียงใหม่
แกล้วกล้าชิงไชย กับพวกไพรี ฯ
  ๏ ทรงกรุณา
พระเพชราชา ได้ราชการดี
จางวางกรมคช ศักดิ์ยศโดยที่
วันนั้นจรลี ขึ้นเฝ้าท้าวไทย ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ป่างองค์กฤษณราชเรืองไชย
สถิตยแท่นอำไพ วิเชียรรัตนพรายพรรณ ฯ
  ๏ พรั่งพร้อมเสนีมหันต์
เฝ้าบาททรงธรรม์ นเรศธิเบศภูบาล ฯ
  ๏ ทรงรฤกตรึกตรองโดยการ
ธิดาหลวงหนาน เราร่วมสังวาสฤดี ฯ
  ๏ โดยทางกลางป่าพงพี
บัดนี้เทวี ก็ทรงซึ่งครรโภทร ฯ
  ๏ ครั้นตูจะผดุงสมร
เลี้ยงอรบังอร ไว้ในนิเวศน์บุรี ฯ
  ๏ ก็ขวยแก่สนมสาวศรี
ฝากผู้ใดดี รำพึงอยู่ในพระไทย ฯ
  ๏ คยดตรีกรฤกขึ้นได้
อย่าเลยจะให้ พระเพชราชารักษา ฯ
  ๏ บำรุงผดุงพังงา
เคร่าเลี้ยงสุดา เห็นว่าจะสิ้นราคี ฯ
  ๏ ตริเสร็จสมเดจจักตรี
เอื้อนโอฐภูมี ประภาษแก่เพชราชา ฯ
  ๏ ท่านจงรับกิจแห่งรา
พานางธิดา เชียงใหม่ไปไว้บ้านตน ฯ
  ๏ อำรุงอย่าให้ขัดสน
สูช่วยผ่อนปรน นิบัติให้ศุขสำราญ ฯ
  ๏ พระเพชรับราชโองการ
พานางนงพาล มาสู่นิเวศน์แห่งตน ฯ
  ๏ กินอยู่หลับนอนผ่อนปรน
ห่อนให้ขัดสน เปนศุขอยู่ทุกทิวา ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างหนึ่งพระจอมพงศ์ หริองค์ไผทหล้า
ครองกรุงสยามา นคเรศบุรีรมย์ ฯ
๏ ส่ำเสวกาการ ก็ขนานประนตนม
น้อมเศียรศิโรดม อภิวาทธบงงคัล ฯ
๏ จึงเอื้อนวโรงการ ธรบาลประภาษพลัน
สั่งเสวกานั้น จรจัดขนัดพล ฯ
๏ ตูจักเสด็จจร ณะนครประเทศบล
นบบาทพระจุมพล ชินะราชพระศาสดา ฯ
๏ อยู่ในนครพิศ ศณุโลกพระภารา
ให้ทันณะบัญชา และณะเหวยณะเสนี ฯ
๏ รับราชโองการ นฤบาลธเรศตรี
จัดพลโยธี กรเสร็จณะบัญชา ฯ
๏ คอยรับพระจอมพงศ์ หริองค์กระษัตรา
พรรคพร้อมพหลพา หนะราชจอมไตร ฯ
๏ เมื่อนั้นพระจักกฤษณ์ สุรฤทธิเรืองไชย
โสรจสรงพระองค์ให้ มละผ่องลอองศรี ฯ
๏ ทรงเครื่องกระษัตร์เสร็จ ธเสดจจรัญลี
สู่เกยณหัตถี ธสถิตย์คชาธาร ฯ
๏ ได้ฤกษ์ก็เคลื่อนพล จรดลมิทันนาน
โดยมารคกันดาล วนะเวศราวไพร ฯ
๏ ฝ่ายเพชราชา ธก็พาสุดาไคล
ตามองค์พระจอมไตร มหิหล้าณธานี ฯ
๏ ดลโพธิ์ประทับช้าง นุชนางมเหษี
ปวดป่วนพระนาภี อิวชีพมลาญปาน ฯ
๏ ได้ฤกษยามปลอด นุชคลอดพระกุมาร
ผิวพรรณสัณฐาน อรอ่องฉวีศรี ฯ
๏ บรรเจิดประเสริฐศักดิ์ วรภักตร์ก็โสภี
ช้าช่อนณอินทรีย์ อรทั่วณสรรพางค์ ฯ
๏ ป่างองค์เสดจไคล วนะไพรวิถีทาง
ล่วงเขตพนมกลาง ลุพระพิศณุโลกพลัน ฯ
๏ เทียบที่ประทับสาร นฤบาลเกษมสันต์
จากที่คชานั้น ก็สถิตย์ณพลับพลา ฯ
๏ ผ่อนพักนิทรารมณ์ ธผทมพระกายา
เหน่งนิทร์ธนิทรา พฤแสงอุไทยศรี ฯ
๏ ฟื้นองค์ธสรงภักตร์ กรวักณวารี
ลูบไล้พระกายี มละสิ้นพระมังสา ฯ
๏ แล้วเธอก็โสรจสรง วรองค์ณกายา
แล้วทรงวิภูษา สนะกัญจุการาม ฯ
๏ สังวาลศิโรเพ็ชร์ มกุเกษวะแวววาม
มุทธิกก็จอมสาม ธก็สรวมพระหัตถา ฯ
๏ ทรงเครื่องกระษัตร์เสร็จ อสิเพชพระกรขวา
สอดปาทุการา ยยุบาทธนารถกราย ฯ
๏ สู่ยานนุมาศราช วรอาศน์วิเชียรพราย
พร้อมเสวกากาย จรนำเสดจจร ฯ
๏ สู่ที่พระอาวาศ ชินะราชมุนีวร
ส่ำพวกพลากร และก็นำเสดจไคล ฯ
๏ ถึงเขตพระอาวาศ ชินะราชพระจอมไตร
หยุดยานนุมาศไทย ยยุบาทเสดจดล ฯ
๏ นอบน้อมพระจอมนารถ ชินะราชโสภณ
นบบาทยุคลดล ชินะศรีมุนีวร ฯ
๏ โปรดให้ฉลองงาน กรการณเช่นก่อน
แล้วเสร็จเสดจจร พยุห์บาทพหลไคล ฯ
๏ ไต่เต้ามรัญคา วนะนาพนมไพร
ดลเขตกรุงไกร นคราชธานี ฯ
๏ เข้าในนิเวศน์ราช ยยุบาทจรัลลี
สู่มณฑิราศรี ธสถิตย์สถานใน ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ป่างหนึ่งพระเพชเรืองไชย
ตริตรึกฤไทย จะใคร่ตั้งนามกุมาร ฯ
  ๏ จึงกล่าวแก่นางนงพาล
บุตราของท่าน บัดนี้ก็ค่อยวัฒนา ฯ
  ๏ ตูจะให้นามบุตรา
สมกับกายา ชื่อว่าเจ้าเดื่อชาญไชย ฯ
  ๏ ครั้นให้นามบุตร์แล้วไซร้
เคร่าเลี้ยงกันไป จนวัยเติบใหญ่ขึ้นมา ฯ
  ๏ กุมารหมายเพชราชา
ว่าเปนบิดา บได้หน่ายแหนงฤทัย ฯ
  ๏ เฉกชาติอาจหาญชาญไชย
ปรีชาว่องไว บุตร์ใครบเทียบเปรียบปาน ฯ
  ๏ วันหนึ่งพระเพชยลการ
นำเอากูมาร น้อมเกล้าถวายจอมไตร ฯ
  ๏ ให้เปนมหัดเล็กช่วงใช้
ข้าบาททรงไชย นคเรศร์ธิเบศจักตรี ฯ
  ๏ พระองค์ทรงพระปราณี
ได้ราชการดี เปนที่ไว้ในพระไทย ฯ
  ๏ วันหนึ่งจึงพระจอมไตร
อำนิษฏ์หวังใคร่ ให้เจ้าเดื่อรู้อาตมา ฯ
  ๏ ว่าเปนหน่อเนื้อจักรา
มีพระบัญชา สั่งเจ้าพนักงานเร็วไว ฯ
  ๏ ให้นำพระฉายตั้งไว้
ท้องพระโรงใน เสร็จแล้วจึงเสดจลีลา ฯ
  ๏ ทรงทอดพระเนตรนายา
กวักพระหัตถา ตรัสเรียกนายเดื่อด้วยพลัน ฯ
  ๏ สูจงยลฉายานั้น
พิศดูให้หัน แม้นแท้แน่ในฤทัย ฯ
  ๏ รูปตูกับรูปสูใน
ฉายานี้ไชร้ จะแม้นบแม้นฤๅนา ฯ
  ๏ นายเดื่อยินพระบัญชา
จึงคลานเข้ามา เคียงข้างพระองค์ทรงไชย ฯ
  ๏ จึงเลงฉายาเงาใน
ปรตรยักษ์ตนไซร้ แล้วแยงยลรูปทรงธรรม์ ฯ
  ๏ รูปสองปรากฎดุจกัน
บแปลกศรีสัณฐ์ พิมพายคล้ายคลึงกันไป ฯ
  ๏ จึงทูลสมเดจจอมไตร
รูปสองอยู่ใน ฉายาลม้ายคล้ายกัน ฯ
  ๏ บผิดแผนกผิวพรรณ์
แม้นแม้นทรงธรรม์ พระองค์จงทราบหฤทัย ฯ
  ๏ บัดนั้นหริราชจอมไตร
ฟังพจนไข นายเดื่อราชบุตร์ทำนูล ฯ
  ๏ ทรงพระกรุณาอาสูร
พระไทยทำนูล แก่ราชเอารสทรงธรรม์ ฯ
  ๏ โอวาทนุสาศน์สิ่งสรรพ์
ในราชการนั้น เสร็จสิ้นทุกสิ่งประการ ฯ
  ๏ แล้วจึงพระราชทาน
วัตถุศฤงคาร หิรัญสุวรรณ์เหล่หลาย ฯ
  ๏ แต่นั้นเจ้าเดื่อมั่นหมาย
ตูกูนรายน์ แม่นแท้ตระหนักฤไทย ฯ
  ๏ อุบัติทรอึงทันใด
บเกรงแกลนใคร ถือว่าเปนหน่อทรงธรรม์ ฯ
  ๏ อาหารทรงเสวยเหลือนั้น
ในภาชน์สุวรรณ์ ภุญชโดยหฤทัย ฯ
  ๏ ภูษาขององค์จอมไตร
นักงานตากไว้ เอามานุ่งห่มเนืองเนือง ฯ
  ๏ นักงานทั้งหลายเคียดเคือง
สูอย่าเอาเครื่อง ทรงขององค์อิศรา ฯ
  ๏ บริโภคนุ่งห่มกายา
บควรอาตมา ตูว่าจงจำใส่ใจ ฯ
  ๏ เจ้าเดื่อมิเชื่อคำไข
บฟังผู้ใด ก็ทำลำพังแห่งตน ฯ
  ๏ นักงานจึงนำยุบล
ทำนูลจุมพล ให้ทรงทราบทุกประการ ฯ
  ๏ ทราบสารบเอื้อคำขาน
บเคียดรำคาญ ห่อนถือซึ่งถ้อยคำไข
  ๏ จึงมีราโชงการไทย
สูเดื่อนี้ไซร้ มันเปนบ้าหลังชั่งมัน ฯ
  ๏ มันชอบวัตถุสิ่งนั้น
จึงเอาเข้าพันธ์ กายห่มให้สมปรารถนา ฯ
  ๏ จำเดิมแต่วันนั้นมา
ภัยบเว้าว้า นายเดื่อนั้นได้ไป่มี ฯ
  ๏ แม้หวังเอื้อได้สิ่งดี
ถือเอาสิ่งที่ มโนอำนิษฎแห่งตน ฯ
  ๏ ครั้งนั้นพลายส่อมโสภณ
ดำริห์ขาดชน ตนหนึ่งบ้ามันเกรียงไกร ฯ
  ๏ หมอควาญขี่ขับบได้
ผูกรึงตรึงไว้ บอาจเอาอาบวารี ฯ
  ๏ วันหนึ่งเดื่อแจ้งคดี
พลายส่อมดำรี ตกมันพันธ์ไว้ตรึงตรา ฯ
  ๏ บมีใครอาจขับพาห์
ลงอาบธารา แกลนเดชคชาเกรียงไกร ฯ
  ๏ นายเดื่อจึงแล่นคลาไคล
ดลที่โรงใน พลายส่อมสารกล้าบ้ามัน ฯ
  ๏ จึงเข้าแก้ปลอกเร็วพลัน
หมอควานทั้งนั้น ชวนกันห้ามว่าห่อนฟัง ฯ
  ๏ นายเดื่อฉวยขอสู่หลัง
ขับคชสู่ฝั่ง ที่ท่าชลาชลธี ฯ
  ๏ พลายส่อมลงน้ำโดยดี
บได้ราวี กระทำพิบัตินานา ฯ
  ๏ เดชพระเวทคาถา
อาคมแกล้วกล้า สามารถอาจหาญชาญไชย ฯ
  ๏ บุญญาอานุภาพเกรียงไกร
ฤทธิ์เดชมไห ล้ำเลิศประเสริฐอัศจรรย์ ฯ
  ๏ ฝ่ายกรมช้างทั้งหลายนั้น
จึงชักชวนกัน บังคัลทำนูลท้าวไทย ฯ
  ๏ บัดนี้นายเดื่อชาญไชย
ขับพลายส่อมไป สู่น้ำแต่โดยลำพัง ฯ
  ๏ ข้อยบาทปรามไว้บฟัง
ฉวยขอสู่หลัง ก็ขับสู่ท่าชลธาร ฯ
  ๏ ทรงฟังทราบเหตุทูลสาร
ตระดกลึงลาญ อุระผะผ่าวหวั่นไหว ฯ
  ๏ จึงเปล่งสีหนาททันใด
สั่งเสนาใน กรมช้างทั้งหลายเร็วมา ฯ
  ๏ ให้จัดผูกพังคชา
หลายเชือกไคลคลา เร่งรีบไปช่วยให้ทัน ฯ
  ๏ กรมช้างเร่งรีบจรจัล
ผูกพังคานั้น ยังบเสร็จสรรพ์ทันที ฯ
  ๏ นายเดื่อขับคชจรลี
ขึ้นจากนัทธี ไต่เต้ามาตามมรรคา ฯ
  ๏ ดลโรงพลายส่อมบช้า
ผูกไว้แน่นหนา ดังเก่าแต่ก่อนด้วยดี ฯ
  ๏ เสร็จแล้วคลาดแคล้วจรลี
จากโรงดำรี สู่ที่นิเวศน์แห่งตน ฯ
  ๏ ฝ่ายกรมช้างลลาญลน
ขึ้นเฝ้าจุมพล ทูลแถลงแจ้งเหตุท้าวไทย ฯ
  ๏ บัดนี้นายเดื่อเกรียงไกร
ขับพลายส่อมไป สู่น้ำได้ด้วยโดยดี ฯ
  ๏ กลับมาแหล่งไว้กับที่
ข้าบาทจรลี รีบรัดไปช่วยบทัน
  ๏ ทราบศาส์นภูบาลเกษมสันต์
ภักตร์ผ่องเพียงจันทร์ อะคร่าวฤดีปรีดา ฯ
  ๏ จึงมีวรวากย์บัญชา
โองการให้หา นายเดื่อเข้ามาบังคัล ฯ
  ๏ แล้วทรงประภาษไปพลัน
สูเดื่อเองนั้น แกล้วกล้าสามารถชาญไชย ฯ
  ๏ ขับขี่คชาว่องไว
อาจหาญเกรียงไกร บอ่าวบคร้ามไอยรา ฯ
  ๏ ตูให้สูมียศถา
หลวงสรศักดา กรมคชสารกล้าชาญไชย
  ๏ ช่วยกิจบิดาสูไซร้
ฉลองเดชคุณไทย จอมภพธิราชธานี ฯ
  ๏ แต่นั้นนายเดื่อได้ที
หลวงสรศักดี อยู่ในกรมพระคชา ฯ
  ๏ ทำราชการฉลองบาทา
บได้คลาดคลา ภักดีแด่องค์ท้าวไทย ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ ป่างหนึ่งธิเบศรสยาม หรินามเกรียงไกร
รำพึงคนึงกระมลใน จะประพาสพนาลี ฯ
๏ ชมฝูงคณาวิหกชาติ จุตบาทณไพรศรี
พอคลายสบายอุระฤดี ศุขเกษมฤทัยใน ฯ
๏ ตรีกเสร็จเสดจจรยุบาท ยุรยาตรเสดจไคล
สู่ท้องพระโรงธวินิฉย อมรินทร์จรัสฉาย ฯ
๏ เสดจเหนือพระแท่นรตนราช วรอาศน์วิเชียรพราย
เสนาคณานิกรหลาย ก็ประนตประนังคัล ฯ
๏ จึงเผยพระสุรสีหนาท ธประภาษสนองพลัน
ตรัสสั่งณเสวกมหันต์ จรจัดขนัดพล ฯ
๏ ตูนี้จะเที่ยววนประพาส ยุรยาตรพนาสณฑ์
ในลพบุรีนครบน และสระแก้วประทุมมาลย์ ฯ
๏ มนตรีสดับมธุรรศ วรพจนโองการ
นวยโอนประนตบรมผ่าน มหิภพธานี ฯ
๏ บาดหมายก็จ่ายจรก็แจก นุแผนกณโดยที่
ตามหมวดและกองพยุหตรี จตุรงคโยธา ฯ
๏ สรรพเสร็จพหลพลทหาร คชสารและอาชา
คอยรับพระกฤษณวรา นฤนารถพิภพภาร ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระจอมนฤปนารท หริราชนราบาล
โสรจสรงสุคันธรสนาน สุรรศขจายจร ฯ
๏ แล้วทรงวิภูษนรจิตร ชวลิตประภัสสร
พร้อมเครื่องอลังกฎบวร กรเสร็จเสดจดล ฯ
๏ สู่เกยสถิตยคชา พลพาหเกลื่อนกล่น
พัดโพกและบังพระสุริยน อภิรุมและชุมสาย
๏ กันชิงเสวตร์มยุรฉัตร ธุชะวัชกนกพราย
พร้อมเสร็จก็เคลื่อนพลขยาย ยุรยาตร์พลากร ฯ
๏ ไต่เต้าวิถีจรจรา วนะณาณดงดอน
ตามเขตและแดนพนะสิขร ก็ลุลพบุรี ฯ
๏ จึงเสร็จเสดจยุรยาตร ยยุบาทจรัลลี
สู่ที่นิเวศนครศรี ก็สถิตย์พระโรงไชย ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ แล้วมีพระโองการ นฤบาลจรัตไข
สั่งเสวกาให้ กรถาปนาการ ฯ
๏ ทำที่นิเวศน์ราช และประสาทไพศาล
นอกในและปราการ บริเวณนิเวศน์วัง ฯ
๏ รับราชชโยงการ นฤบาลจรัดสั่ง
เสนาลล้าลัง ธก็จัดกะการงาร ฯ
๏ เกณฑ์ทั่วณทุกกรม ก็ระดมและทุกด้าน
รีบเร่งกระทำการ กรเสร็จณสิ่งสรรพ์ ฯ
๏ แล้วเชิญพระจอมพงศ์ หริวงศเทวัน
สู่ที่นิเวศน์นั้น วรมณฑิราไลย ฯ
๏ วันหนึ่งพระจักรกฤษณ์ สุรฤทธิเรืองไชย
ทรงมิ่งมโนไมย จะประพาสวนาสณฑ์ ฯ
๏ พร้อมด้วยณมนตรี จรลีเสดจดล
แดนรุกขมณฑล ระดะดาษรายเรียง ฯ
๏ เมิลเฌอเสมือนฉัตร ชรอัตบโอนเอียง
โศกสักสิเสียดเคียง และมะฟอมะเฟืองไฟ ฯ
๏ แผลพวงสลึกติด ผลขวิดระบัดใบ
หล่นกลาดระดาษไป และก็เกลื่อนณดินดาล ฯ
๏ รัตจันทน์สกาวจันทร์ สุรคันธ์กระออบหวาน
ชมกลิ่นพิโดรซร่าน จรทั่วพนมไพร ฯ
๏ ทรงทัศนาพลาง ยะเยาะย่างดุรงค์ไคล
ชมส่ำสกุณใน ทวิชาตินานา ฯ
๏ จำแทงและจำทับ เสนาะสรรพ์จะนันจา
ทรงเสียงสุเนียงจ้า แลก็แจ้วจะจับใจ ฯ
๏ บงเมิลทฤษดี มฤคีละมั่งไพร
อันโทนพนาไลย คณะเพื่อนสะกอกอง ฯ
๏ พาลามฤคร้าย และก็หมายเขม้นมอง
เกรียบกรอบยะยอบย่อง และก็คอยภุดาหาร ฯ
๏ เพลิดเพลินเจริญใน หฤทัยพระภูบาล
มาโนชฤดีดาล จรชมพนมคอย ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ ตรวยโตรกชโงกกรชเงื้อม และละเลื่อมสิลาพรอย
ยาวยืดยะยดและวะจะย้อย อิวะพงศ์สุมาไลย ฯ
๏ บางแห่งก็แวงและละชวาก ชลหลากละลายใหล
ซราบซรับก็จับตะคระตะไคร และชอุ่มซะซุ้มเซิง ฯ
๏ เปนช่องและปล่องสิขรโปรง และตะโลงวะวุ้งเวิ้ง
น่าผาสิลาตะพะตะเพิง และชงุ้มชง่องอน ฯ
๏ บางก้อนก็พรายแลละก็พราว และสกาวสลับซ้อน
แทรกศรีมณีหริตอ่อน สรบงก็แซมศรี ฯ
๏ ที่รัตก็ราวปทมราช และสอาดสอ้านดี
ที่เขียวก็เขียวอรขจี มรกฎสะสดใส ฯ
๏ ที่ขาวก็ขาววรสอาด วชิราศอำไพ
ปิงคันขยันอรวิไลย ดุจบุษราคำ ฯ
๏ นานาสิลาอรก็ต่าง แลละอย่างก็งามขำ
เหมือนวัฒกีชนะก็ทำ และรจิตผจงศรี ฯ
๏ ชมสรรพสัตวสิขรเสร็จ ก็เสด็จจรัลลี
ชมจัตุโบกขรณี ระดะดาษประทุมมาลย์ ฯ
๏ กรรพุมประทุมกรขจาย และขยายตระแบนบาน
กันลงขมุมจรขนาน และก็แน่นเรณูนวน ฯ
๏ ยำยามจะจ้องจรจะจด สุรรศกระเอมอวน
เศร้าศรีณเกษรก็ชวน สละหลีกสลัดหนี ฯ
๏ มัจฉาก็ว่ายจรก็แวก ชลแถกณวารี
คู่คู่ประนังจรนที และก็เลียบเลาะเลมไคล ฯ
๏ นานาตฤๅชลคละคล่ำ ชวดำถวินไว
เวียนว่ายณสายสลิละใหล และก็แฝงณวังวล ฯ
๏ ชมเสร็จเสดจยุรยาตร หยชาติเสดจดล
สู่ในนิเวศนวิมณ ฑิรรัตน์เกษมสันต์ ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ป่างกฤษณราชทรงธรรม์
เสดจออกสิงหบัน ชรวิเชียรรัตน์ชัชวาล ฯ
  ๏ จึงมีพระราชชโยงการ
สั่งเหล่าพนักงาน ขุดคลองปากจั่นนั้นมา ฯ
  ๏ บันจบสระแก้วบุษบา
ก่อตรุสิลา เยียวยาให้แนบเนียนดี ฯ
  ๏ แล้วขุดคลองกว้างยาวรี
ไขให้นที ออกจากอรรณพชุบศร ฯ
  ๏ จนลุปากจั่นสาคร
สระแก้วบวร ให้ชลใหลหลั่งขังใน ฯ
  ๏ แล้วสร้างนิเวศน์ลงไว้
สำหรับท้าวไทย ประทับจรชมสระศรี ฯ
  ๏ ให้ก่อปราสาทมณี
สององค์รุจี รจิตรด้วยแก้วแกมกาญจน์ ฯ
  ๏ แล้วทรงพระราชทาน
นามหนึ่งขนาน พระที่นั่งสุธาสวรรค์ ฯ
  ๏ องค์หนึ่งนั้นนามหิรัญ
ปราสาทเฉิดฉันท์ เสร็จแล้วทั้งสองด้วยดี ฯ
  ๏ แล้วทรงถาปนามากมี
วิหารเจดีย์ ศาลาอารามนอกใน ฯ
  ๏ ทั่วทั้งจังหวัดเวียงไชย
ถาวรขึ้นไว้ เหมือนดังแต่เก่าก่อนมา ฯ
  ๏ ทรงสถิตอยู่ลพภารา
เสวยศวรรยา แต่น่าเหมันต์คิมหันต์ ฯ
  ๏ แม้ว่าระดูวสันต์
สมเดจทรงธรรม์ เสดจสู่กรุงราชธานี ฯ
  ๏ เสวยสวรรค์สองราชกรุงศรี
ศุขสวัสดี สมบูรณสรรพสิ้นสิ่งสรรพ์ ฯ
  ๏ เธอมีดนัยหนึ่งนั้น
อรอองผิวพรรณ์ ภักตราแช่มช้อยนวลศรี ฯ
  ๏ สลวยรทวยอินทรีย์
นามพระภูมี เจ้าฟ้าน้อยนาถไฉไล ฯ
  ๏ ครั้นว่าโสกันต์แล้วไซร้
เปลี่ยนพระนามให้ ชื่อเจ้าฟ้าอภัยทศา ฯ
  ๏ องค์หนึ่งพระราชธิดา
ประทานนามา กรมหลวงโยธาเทพสัตรี ฯ
  ๏ องค์หนึ่งราชภคินี
ทรงให้เปนที่ กรมหลวงโยธาทิพา ฯ
  ๏ สถิตยในนิเวศน์ราชา
บรมศุขา มาโนชอคร่าวฤดี ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ กัษนั้นพระยา
วิชาเย็นทร์มหา เสนากรวี
มั่นพยายาม ด้วยความภักดี
แด่องค์จักตรี ธเรศภูบาล ฯ
  ๏ ท้าวเธอเมตตา
ทรงกรุณา ปัญญาเชี่ยวชาญ
ทำความชอบไว้ ในข้อราชการ
โปรดพระราชทาน ที่เจ้าพระยา ฯ
  ๏ สมุหนายก
มหาเสวก มหิคณา
ราชการดี เพราะมีปัญญา
บังคับบัญชา เสนานอกใน ฯ
  ๏ แล้วโปรดประทาน
เดโชไชยชาญ ไปครองเวียงไชย
ศรีธรรมราช สามารถเกรียงไกร
กันอรินภัย บให้แผ้วพาล ฯ
  ๏ โปรดให้พระยา
รามราชเสมา ไปว่าราชการ
เมืองราชสีมา แกล้วกล้าอาจหาญ
คอยต่อต้านทาน ปราบพวกไพรี ฯ
  ๏ ทั้งสองพระยา
ถวายบังคมลา นเรศจักตรี
ต่างต่างคลาไคล ไปครองบุรี
ตามพระภูมี ทรงพระบัญชา ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ บัดนั้นท่านเจ้าพระยา
วิชาเย็นทรมหา นายกอธิบดี ฯ
  ๏ ให้เหล่าคณาวัฒกี
ก่อโฮเตลมี เหลี่ยมจัตุรัศมหันต์ ฯ
  ๏ โฮเตลปราการวงกั้น
ล้อมโฮเต็ลนั้น มั่นคงแน่นหนาด้วยดี ฯ
  ๏ ก่อตึกทั้งหลายมากมี
อิกตึกดำรี ใกล้ที่วัดปืนอาราม ฯ
  ๏ ฤทัยบได้เกรงขาม
คยดทำสงคราม จะชิงสมบัติท้าวไทย ฯ
  ๏ วิชาเย็นทรทำทั้งนี้ไซร้
สมเดจจอมไตร ทรงทราบสิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ มิได้กรโทษโปรดปราน
บได้รำคาญ เคียดแค้นระคายพระไทย ฯ
  ๏ ด้วยวิชาเย็นทรใจใส่
ในราชกิจใน พระบาทธิราชจักตรี ฯ
  ๏ สึกเอาพรรค์พวกนักชี
แหล่หลายมูลมี มาทำราชการนานา ฯ
  ๏ ครั้งนั้นสมเดจนรา
ทรงพระนามว่า นรายน์ลพบุรี ฯ
  ๏ เหตุว่าเสวยสวรรย์ราชี
ในลพธานี เปนที่สาราญพระไทย ฯ
  ๏ แล้วโปรดให้ก่อป้อมใหญ่
ปราการเวียงไชย แลปานิยสระศรี ฯ
  ๏ เสร็จสิ้นทั่วทั้งบุรี
องค์ธเรศตรี สถิตย์นิเวศน์เวียงไชย ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างกรมคชาลักษณ์ สรศักดิเกรียงไกร
ทราบเหตุคดีใน ธพระยาวิชาเย็นทร์ ฯ
๏ สึกภิกขุให้คาด กรราชการเกณฑ์
แต่เพรงบห่อนเห็น ทรพีพระศาสนา ฯ
๏ จำเราประนตทูล มหิสูรไผทหล้า
ให้ทราบพระบาทา นฤนาถจอมไตร ฯ
๏ ตรึกเสร็จลีลาด ยุรยาตรธคลาไคล
เฝ้าบาททูลไท วจสิ้นระบิลสาร ฯ
๏ ป่างจอมพิภพพงศ์ หริองค์พระภูบาล
ทราบเหตุคดีการ สรศักดิทูลไท ฯ
๏ พระองค์ก็ทรงตรึก มนะนึกคนึงใน
จำตูจะงดไว้ กรโทษวิชาเย็นทร์ ฯ
๏ ด้วยราชการดี และฉนี้ก็พึงเว้น
เหตุชาติคณาเปน ชนะนอกพระศาสนา ฯ
๏ ตรึกเสร็จนเรศไทย บมิได้จะนันจา
กล่าวโทษพิพากษา ดุษณีกระมลใน ฯ
๏ ฝ่ายกรมคชาลักษณ์ สรศักดิในไท
ยลองค์พระทรงไชย ธบได้พิพากทัณฑ์ ฯ
๏ นิ่งนึกตรีตรึกใน หฤทัยธป่วนปั่น
น้อยฤๅคุลามัน บมีโทษธโปรดปราน ฯ
๏ จำตูคยดตอบ และจะลอบประจันบาน
ทำโทษประหัดหาร ทรพีวิชาเย็นทร์ ฯ
๏ บำราบผจญให้ กรไร้ประดาษเข็ญ
อินทรียลำเค็ญ และทเวศถวินตู ฯ
๏ ตรึกแล้วประนตน้อม หริจอมธเรศภู
ออกจากนิเวศน์สู่ ณประเทศธอาศัย ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ วันหนึ่งสรศักดิ์เกรียงไกร
คยดฤไท จำเราจะไปคอยยล ฯ
  ๏ แม้นวิชาเย็นทร์จรดล
ได้ช่องชอบกล จะเข้าประหัดประหาร ฯ
  ๏ ตรึกแล้วตุริตลาน
เข้าในสถาน นิเวศน์ประเทศราชา ฯ
  ๏ คอยอยู่เจ้าพระยา
วิชาเย็นทร์ว่า ราชกิจจอมเจ้าธานี ฯ
  ๏ บัดนั้นวิชาเย็นทร์ผู้ปรี
ชาชาติทันศรี สมุหนายกจอมไตร ฯ
  ๏ จัดแจงแต่งตนคลาไคล
สู่ที่เวียงใน สถิตย์ที่ว่าราชการ ฯ
  ๏ ฝ่ายสรศักดิ์ผู้ชาญ
เคร่าอยู่บนาน ยลวิชาเย็นทร์ไคลคลา ฯ
  ๏ ดลที่สถิตย์นั่งว่า
ราชกิจภารา ในเขตนิเวศน์เวียงใน ฯ
  ๏ จึงด้อมเมิลแมกเมียงใกล้
ได้ทีฉับไว ประหัดหารวิชาเย็นทร์ ฯ
  ๏ ถูกโอฐทันตะหักกระเด็น
เลือดซกใหลเซน ล้มกลิ้งกระเดือกแดยัน ฯ
  ๏ เหนือพื้นภูมิภาคนั้น
สยบโศกสรร เพียงจะพินาศวายปราณ ฯ
  ๏ ฝ่ายหลวงสรศักดิ์ไชยชาญ
ปราศจากสถาน สู่ที่ประเทศแห่งตน ฯ
  ๏ แล้วลงนาวารีบร้น
ล่าล่องจรดล กรุงเทพมหาธานี ฯ
  ๏ ส่วนเจ้าพระยาเสนี
ล้มอยู่กับที่ ภูมิภาคพื้นสุธา ฯ
  ๏ แช่มชื่นฟื้นกายขึ้นมา
ประทังกายา ดำรงสติด้วยดี ฯ
  ๏ บ้วนโอฐทันตหลุดโทสี้
ไต่เต้าจรลี ประนตประน้อมบังคัล ฯ
  ๏ ทำนูลมูลเหตุถวายพลัน
เดชะทรงธรรม์ พระองค์จงทราบฤทัย ฯ
  ๏ บัดนี้สรศักดิ์เกรียงไกร
ชกข้อยบาทให้ ล้มลงกับพื้นธรณี ฯ
  สลบซบอยู่กับที่
ทันตหักโทสี้ ชีวาตม์เพียงขาตบันไลย ฯ
  ๏ ข้าบาทบผิดสิ่งใด
ประหารข้อยให้ อายแก่พรรคข้าราชการ ฯ
  ๏ พระองค์จงได้โปรดปราน
กรโทษประจาน หลวงสรศักดิ์เร็วพลัน ฯ
  ๏ ป่างองค์หริราชรังสรรค์
ทราบซึ่งเหตุนั้น ทรงพระพิโรธคือไฟ ฯ
  ๏ เหม่ๆสรศักดิ์ทำได้
บังอาจฤทัย กรโทษเสนาบดี ฯ
  ๏ จึงมีวรวากย์วาจี
ตรัสถามมนตรี วิชาเย็นทร์ด้วยพลัน ฯ
  ๏ ตัวท่านเทลาะเถียงกัน
วิวาทกับมัน ฤห่อนวิวาทวาทา ฯ
  ๏ จงแจ้งแถลงเหตุมา
โดยสัจวาจา ให้เผือทรงทราบฤทัย ฯ
  ๏ วิชาเย็นทร์ทูลแถลงไข
ข้อยบาทบได้ เทลาะวิวาทวาทา ฯ
  ๏ ตูข้าว่ากิจภารา
สรศักดิ์แมกมา ประหัดประหารล้มลง ฯ
  ๏ ชีวิตข้าบาทเกือบปลง
ชนม์ชีพผุยผง แม่นแท้โดยสัจวาจา ฯ
  ๏ ทรงฟังทราบเหตุเดิมมา
ยิ่งทรงโกรธา หลวงสรศักดิ์มากหลาย ฯ
  ๏ จึงเอื้อนโองการพิปราย
สั่งเสนานาย เอาตัวสรศักดิ์มา ฯ
  ๏ ให้ได้เรวไวอย่าช้า
สูจงไคลคลา ไต่เต้าตามหาบนาน ฯ
  ๏ เสนารับราชชโยงการ
ตุริตะลาน ไต่เต้ารีบเร่งไคลคลา ฯ
  ๏ เที่ยวหาทั่วเขตคามา
บพบบพา สรศักดิ์นั้นได้ไป่มี ฯ
  ๏ กลับมาทำนูลจักตรี
ข้าบาทจรลี เที่ยวหาบพบหลบตู ฯ
  ๏ บัดนั้นกฤษณราชภู
ธรเธอทราบรู้ ตระหนักประจักษ์กระมล ฯ
  ๏ จึงเอื้อนโองการจุมพล
สั่งให้เที่ยวค้น หาตัวให้ได้ตัวมา ฯ
  ๏ แล้วเธอวรวากย์วาจา
กับเจ้าพระยา วิชาเย็นทร์เสนี ฯ
  ๏ ท่านจงยับยั้งไว้ที่
เราให้จรลี หาตัวให้ได้ก่อนนา ฯ
  ๏ จึงจะทำโทษอาญา
ตอบแทนขวยหน้า แห่งท่านให้สมโทษทัณฑ์ ฯ
  ๏ ตรัสแล้วเสด็จจรจัล
สู่นิเวศน์พลัน สถิตย์มณเฑียรสถาน ฯ
  ๏ วันหนึ่งวิชาเย็นทร์ไชยชาญ
บังคัลภูบาล ธเรศร์ธิเบศร์จักตรี ฯ
  ๏ น้อมเศียรทำนูลภูมี
โปรดกล้าเกษี พระองค์จงทรงเมตตา ฯ
  ๏ ขอจงลงโทษอาญา
สรศักดิ์แกล้วกล้า หยาบช้าสามารถอาจใจ ฯ
  ๏ ประหารตูข้าบาทไซ้
อายแก่นักไพร่ ทั่วเขตประเทศธานี ฯ
  ๏ ปางไทธิเบศร์ภูมี
ทรงตรึกคดี วิชาเย็นทร์ทูลไทย ฯ
  ๏ แล้วทรงคยดคำใน
สรศักดิ์ทูลไว้ แต่กาลล่วงแล้วเดิมมา ฯ
  ๏ จึงทรงเห็นเหตุเจ้าพระยา
กระลืโทษา แม่นแท้ประจักษ์ฤทัย ฯ
  ๏ แล้วมีโองการจรัดไข
พจนารถโดยใน สรศักดิ์ทำนูลก่อนมา ฯ
  ๏ สูเดื่อมันยลโทษา
ท่านผิดหนักหนา มันจึงประหัดประหาร ฯ
  ๏ กรโทษแด่ท่านประจาน
ได้แค้นรำคาญ ทั้งนี้ก็เพราะโทษตน ฯ
  ๏ ตูจะมีฟ้อนให้ยล
ทำขวัญให้พ้น แก้ขวยแก่ข้าราชการ ฯ
  ๏ วิชาเย็นทร์บเอื้อพจน์มาน
โดยพระบรรหาร สมเดจนเรศจอมไตร ฯ
  ๏ ทำนูลแต่ทำโทษไว้
พิรี้พิไร บได้สมดังจินดา ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ ฝ่ายหลวงสรศักดิ์
กรมคชลักษณ์ เร่งรีบไคลคลา
บังคัลเจ้าแม่ พระนมราชา
ผู้เปนมารดา โกษาเล็กปาน ฯ
  ๏ ชุลีบังคม
นอบน้อมประนม ทำนูลแถลงสาร
โดยคดีใน ทูลไทยภูบาล
วิชาเย็นทร์พาล ทำลายศาสนา ฯ
  ๏ อำนาจข่มขี่
สีกเอาพรรคชี แหล่หลายมูลมา
ทำราชกิจ ผิดเพรงเบารา
ให้ร้อนไพร่ฟ้า ทั่วหน้านรชน ฯ
  ๏ ข้าบาททำนูล
องค์นเรนทร์สูร รบิลยุบล
บได้ทำโทษ ทรงโปรดล้นพ้น
ตูข้าขัดสน อั้นอ้นวิญญา ฯ
  ๏ เคียดเคืองแค้นขัด
มีความโทมนัศ สงสารศาสนา
จะเสื่อมสิ้นสูญ อดุลย์โรยรา
ฝูงสัตว์ทั่วหน้า บได้อาศัย ฯ
  ๏ ข้าบาทจึงชก
สมุหนายก แล้วหนีคลาไคล
สมเดจผ่านฟ้า โกรธาหรือไฟ
สั่งเสนาใน ไต่เต้ากุมเผือ ฯ
  ๏ เอาไปลงโทษ
เจ้าแม่จงโปรด ข้อยน้อยเร่งเมื้อ
ทูลขอโทษไท จงได้เอื้อเฟื้อ
ปราณีแก่เดื่อ ให้พ้นอาญา ฯ
  ๏ ป่างนั้นเจ้าแม่
ยินพจน์กระแส สรศักดิ์ทูลมา
ทราบสิ้นยุบล แต่ต้นอวะสาน์
แจ้งมโนปรา กฎแท้แน่นอน ฯ
  ๏ จึงมีวาจา
ว่าเจ้าพระยา ทำผิดเก่าก่อน
สูเดื่ออย่าแกลน เคียดแค้นทุกข์ร้อน
ตูจะผันผ่อน ให้พ้นโทษทัณฑ์ ฯ
  ๏ ตรัสแล้วบช้า
ชวนเดื่อไคลคลา สู่นาวาพลัน
ไปตามมรรคา ชลาผายผัน
ดลฉนวนนั้น ประทับนาวี ฯ
  ๏ เสด็จยุรยาตร
พาเดื่อคลาคลาด จรในวิถี
ลุพระนิเวศน์ ที่เขตจักตรี
ให้เดื่ออยู่ที่ ลับแลทวาร ฯ
  ๏ เจ้าแม่คลาไคล
บังคัลข้างใน สมเดจภูบาล
ฝ่ายพระจุมพล เลงยลพบพาน
คมะนาการ รับเสดจเร็วไว ฯ
  ๏ เชิญสถิตย์ราช
ร่วมราชาอาศน์ กับด้วยทรงไชย
ยอกรชลี ปรีดีฤทัย
จึงตรัสปราสัย ถามพระมารดา ฯ
  ๏ ว่าพระเจ้าแม่
กิจอันใดแล จึงเสดจขึ้นมา
หาพระลูกเจ้า จงเว้ากิจจา
ให้กูนราชา ทราบพระฤทัย ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ บัดนั้นพระแม่เจ้า ธก็เล่าณคำไข
โดยเหตุคดีใน สรศักดิ์แถลงสาร ฯ
๏ จนสิ้นรบิลทูล มหิสุรพิภพผ่าน
ให้ทราบฤทัยญาณ อนุสนธิ์ยุบลมา ฯ
๏ แล้วขอประทานโทษ ผิวโปรดพระมารดา
จงงดนุโทษา สรศักดิ์ประทานเผือ ฯ
๏ ทรงฟังพระแม่เจ้า วจเว้าณโทษเดื่อ
ท้าวไทยธเอื้อเฟื้อ ก็ประทานณโทษา ฯ
๏ แล้วสุนทราวาท ธประภาษบัญชา
ให้เดื่อธเข้ามา และประนตประนมคัล ฯ
๏ ทรงอุปวาทา บริภาษครามครั้น
เคียดเคืองพระไทยนั้น และก็เบาทุเลาหาย ฯ
๏ แล้วตรัสรบิลบน อนุสนธิ์ณต้นปลาย
สูเดื่อประทุษร้าย กรโทษวิชาเย็นทร์ ฯ
๏ ชกเอาณที่มุข กรทุกขลำเค็ญ
โลหิตก็สาดเซน และก็ซบสยบไป ฯ
๏ ทันต์หักก็โทสี้ จรลีปลาศไคล ฯ
อุกอาจฉกาจใจ แลฉะนี้พระมารดา ฯ
๏ เสร็จสิ้นแถลงสาร ธรบาลกระษัตรา
เชิญองค์ชนีนา ธก็ยังณวังใน ฯ
๏ สองสามทิวาวาร นฤบาลผดุงไทย
แล้วเชิญเสดจไคล จรจากพระบุรี ฯ
๏ สู่กรุงนครเขต พระนิเวศนธานี
เจ้าแม่สถิตยที่ สุขนั้นณก่อนมา ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ครั้งนั้นเสวกถ้วนหน้า
ชวนกันเจรจา อุปวาทถ้อยพิปราย ฯ
  ๏ ว่าองค์สมเดจนรายน์
เลี้ยงคุลาร้าย ให้เปนอธิบดี ฯ
  ๏ เสวกทั้งหลายมูลมี
เปรื่องปราชญ์เมธี ปรีชาปัญญายิ่งยง ฯ
  ๏ ควรจะจัดให้ดำรง
เนาว์ในที่คง นายกอธิบดี ฯ
  ๏ ท้าวเธอบโปรดปราณี
ประทานซึ่งที่ นายกให้พรรคทวยไทย ฯ
  ๏ โปรดให้คุลาชนไพร่
คยดภายใน ขบถกับองค์ภูบาล ฯ
  ๏ ให้มันสำเร็จราชการ
ว่ากิจการงาน ทั่วทั้งนิเวศน์ธานี ฯ
  ๏ พรรคเราบปลงฤดี
ฝรั่งทรพี ว่าราชกิจภารา ฯ
  ๏ เสนาพากันกล่าวว่า
เนื้อความฉาวฉ่า ทราบถึงพระองคทรงไชย ฯ
  ๏ ท้าวเธอตริตรึกนึกใน
พระหฤทัย จะใคร่แก้ความคระหา ฯ
  ๏ พระองค์ทรงยลชัดว่า
ท่านเจ้าพระยา นายกอธิบดี ฯ
  ๏ ปรีชาปัญญามูลมี
กว่าเหล่าเสนี ข้าราชกิจทวยไทย ฯ
  ๏ ท้าวเธอจึงทรงตั้งไว้
เสวกผู้ใหญ่ นายกอธิบดี ฯ
  ๏ ซึ่งคิดปองร้ายราชี
เสี่ยงพระบารมี บได้แกลนอ่าวพระไทย ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ วันหนึ่งพระจอมหฤชิเกศ นฤเบศรเกรียงไกร
ผ่านภาพณะลพปุระมไห นคราชธานี ฯ
๏ ท้าวเธอจะแก้ณะอุปวาท มุขมาตยเสนี
ให้คลายวิมุตมละวจี อุปวาทท้าวไทย ฯ
๏ เธอจึงเสดจยุรยาตร์ ยยุบาทคลาไคล ฯ
สู่ท้องพระโรงอรวิไลย ก็สถิตย์พระบรรลังก์ ฯ
๏ พร้อมเหล่าณะเสวกะทหาร และขนานสพรึบพรั่ง
บังคัลนเรศนครัง และก็น้อมชลีกร ฯ
๏ จึงเอื้อนพระสุรสิหนาท วรราชสุนทร
สั่งพรรคเสวกนิกร คณะสูแลช่วยกัน ฯ
๏ ชั่งปืนพิรุณกรประจักษ์ และจะหนักกิหาบนั้น
ให้สมประสงค์กระมลอัน มนะนึกมะโนหวัง ฯ
๑๑ รับราชชโยงการ นฤบาลพระจอมวัง
เสนาสพรึบพรั่ง ก็ถวายประนมลา ฯ
๏ ออกจากณบังคัล จรจัลและส่ำหน้า
ชุมนุมและปรีกษา ก็คยดกะงารการ ฯ
๏ เอากาษฐ์ขโดงปัก กรชักณะโซร่ยาน
ตราชูจะต้านทาน อุสุนั้นและไป่ไหว ฯ
๏ กำเพลิงพิรุณนั้น ก็มหันต์ขนาดใหญ่
ห่อนหั่นจะชั่งได้ กรนี้ณะชาวเรา ฯ
๏ อ้นอั้นณะปัญญา ธก็พาประณตเฝ้า
นอบน้อมพระจอมเจ้า มหิภพธานี ฯ
๏ ทำนูลประพฤติเหตุ นฤเบศรจักตรี
พวกข้อยณะเหล่านี้ บคยดจะอาจหาญ ฯ
๏ ชั่งปืนพิรุณนั้น และบหันประมาณการ
จงทราบฤทัยญาณ หริองค์พระทรงไชย ฯ
๏ ป่างองค์พระไกศพ ธรภพกุรุงไกร
ยินเสวกาไทย ธจะแจ้งแถลงสาร ฯ
๏ จึงแย้มพระโอฐพจน์ มธุรศวโรงการ
ดูก่อนณะสูท่าน ธพระยาวิชาเย็นทร์ ฯ
๏ ตูท่านและออกไป กรให้ประจักษ์เห็น
ชั่งปืนพิรุณเปน และกิหาบจรตตรา ฯ
บัดนั้นวิชาเย็นทร์ ธรเจนณะปัญญา
รับราชบัญชา หริพงศ์วโรงการ ฯ
น้อมเศียรประณตน้อม ธรจอมพิภพผ่าน
เจนมอกกะการงาร ธก็ให้ชนาคลา ฯ
๏ นำเอาอิเปดเรือ จรเมื้อประจำท่า
เทียมเทียบขนานน่า แลสะในหะมั่นคง ฯ
๏ แล้วให้กระทำชุด อุสุวุทธ์พิรุณตรง
สู่ตูกอิเปดลง ก็ประมาณณะนาวี ฯ
๏ จมลงและเพียงใด ธก็ให้จรดที
โดยคราบณะวารี และก็เลื่อนพิรุณไคล
๏ เอาอิฐสิลาช่าง ธก็ตั้งจรดไว้
น้ำหนักก็ตรวจไตร สละลงณะนาวี ฯ
๏ เพียบเพียงจรดไว้ ธก็ได้ณะท่วงที
ทราบเหตุพิรุณนี้ และก็หนักณะเท่านั้น ฯ
๏ นำเหตุประนตทูล มหิสุรนะรังสรรค์
ให้ทราบประพฤติอัน ธประจักษ์ฤทัยญาณ ฯ
๏ ทราบศาสน์วิชาเย็นทร์ นฤเบนทรพิภพผ่าน
เปรมปรีฤดีดาล วรภักตร์จรัสฉาย ฯ
๏ สรรเสริญวิชาเย็น ทรเจนปรีชาชาย
เฉกชาติฉลาดหลาย ธรยิ่งณปัญญา ฯ
๏ แล้วมีวโรพจน์ มธุรศบัญชา
ตรัสแก่ณะเสนา บริรักษ์พระจักตรี
๏ นายกวิชาเย็นทร์ ธรเจนอุบายดี
ยิ่งสูณเหล่านี้ และก็ทรงณะปัญญา ฯ
เราจึงผดุงไว้ กรให้ณะใหญ่กว่า
เสวกคณานา และฉนี้ก็ควรการ ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ตรัสแล้วทรงพระราชทาน
สรรพศฤงคาร อุปโภคต่างต่างนานา ฯ
  ๏ อิกทั้งเสลี่ยงกรอบงา
บโทนแห่หน้า สามร้อยเปนยศยิ่งยง ฯ
  ๏ โปรดให้นั่งอาศน์ผจง
รจิตร์มั่นคง สูงศอกำหนดประมาณ ฯ
  ๏ สำหรับนิสินน์สถาน
บังคัลภูบาล พระจอมมิ่งมไหศวรรค์ ฯ
  ๏ ให้แก่เจ้าพระยาครามครั้น
จำเดิมแต่นั้น ราชการสิทธิ์ขาดอาญา ฯ
  ๏ แม้จะทำนูลผ่านหล้า
ราชกิจนานา ก็พอพระไทยทุกประการ ฯ
  ๏ แต่นั้นเสวกภูบาล
ทวยไทยทหาร ต่างแกลนอำนาจมูลมี ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ วันหนึ่งวิชา
เย็นทรมหา เสนาบดี
บังคัลธิเบศร์ นเรศจักตรี
ทำนูลภูมี ให้ทราบฤทัย
  ๏ ว่าเมืองพระพิศ
ณุโลกมหิศ เปนนครใหญ่
กว่านครเหนือ เศิกเมื้อมรรคใกล้
วิถีโดยได้ แหล่หลายมรรคา ฯ
  ๏ ข้อยบาทขอรับ
อาษาบังคับ ก่อป้อมปราการ์
ไว้กันไพรี มิให้เข้ามา
ยำยีบีทา ไพร่ฟ้าธานี ฯ
  ๏ อนึ่งฝ่ายใต้
แถวเมืองธนไซร้ สองฟากนที
ขอให้ก่อป้อม กันล้อมบุรี
โซร่ขึงวารี ให้มั่นตรึงตรา ฯ
  ๏ กันหมู่ปัจนึก
ทางอรรณพลึก มิให้เข้ามา
กระทำเบียดเบียน เศิกเสี้ยนภารา
จงทราบบาทา จอมภพกรุงไกร ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างปิ่นสยาเมศ สุรเดชกระเดื่องไหว
ทราบเหตุยุบลใน ธิบดีธทูลสาร ฯ
๏ สมดังมโนนึก ธรตรึกคยดนาน
จึงมีวโรงการ วรนารถบัญชา ฯ
๏ ตูท่านและคุมพล จรดลจเรคลา
ก่อป้อมณภารา ทุวิเขตณตำบล ฯ
๏ รับราชวโรงการ นฤบาลพระจุมพล
เจนมอกประชุมชน และก็รีบจเรไคล ฯ
๏ ก่อป้อมแลปราการ์ อริต้านก็ต่อได้
เสร็จสรรพโดยไว ทุวิเขตพระภารา ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ป่างหนึ่งอิศราชนาถา
พรีบพร้อมเสนา โยธาทวยหาญมากมี ฯ
  ๏ เธอเสด็จนบนอบโมลี
รอยบาทชินศรี ทรงกระทำนมัสการ ฯ
  ๏ แล้วให้สมโภชมีงาน
เสร็จแล้วภูบาล ก็กลับสู่พระนคร ฯ
  ๏ แล้วให้ปฏิสังขรณ์
วิถีทางจร แต่พระพุทธบาทนั้นมา ฯ
  ๏ โดยท้ายภุนกยุงสิลา
ตลอดมรรคา ล่วงลุเขตลพบุรี ฯ
  ๏ ให้ขุดอรรณพสระศรี
สระแก้ววารี ท่าเจ้าสนุกนาวา ฯ
  ๏ อีกทั้งมณฑบบาทา
สมเดจศาสดา แล้วสิ้นทุกสิ่งเสร็จสรรพ์ ฯ
  ๏ ทรงบำเพ็ญกุศลครามครัน
ศาสนุมหันต์ อเนกนับทุกประการ ฯ
  ๏ ครั้งนั้นล่วงแล้วมานาน
สมเดจภูบาล เสด็จประพาสสระศรี ฯ
  ๏ พรรคพร้อมเสนามนตรี
โดยเสด็จภูมี ห้อมล้อมแวดวงทรงธรรม์ ฯ
  ๏ ชมแล้วเสดจจรจัล
จากสระศรีนั้น จะคืนนครธานี ฯ
  ๏ เธอทรงอัศวราชเรืองศรี
พรรณรัตพ่วงพี พร้อมสัตว์รัตนอลังกรณ์ ฯ
 

๏ ทรงชักพาหนอัศดร

สบัดย่างจร เต้นน้อยซอยแย่ยืนยัน ฯ
  ๏ ย้ายอกยกบาทผายผัน
หางหูชูชัน คนองร้องร้าคำรณ ฯ
  ๏ ลุเขตมหาธาตุทศพล
เสดจจากม้าต้น ผ่อนพักมเลือยกายา ฯ
  ๏ มีพระราชโองการให้หา
พระเพชราชา เข้ามาบังคัลภูบาล ฯ
  ๏ จึงเอื้อนพจนบรรหาร
สูเฉกชำนาญ กระบวนดุรงดำรี ฯ
  ๏ จงลองขี่ขับพาชี
พรรณโรหินี มีพยดยิ่งห้าวหาญ ฯ
  ๏ ได้ฤๅบได้คริการ
สูปรีชาชาญ ขี่ขับให้ตูเลงยล ฯ
  ๏ พระเพชรับพจนจุมพล
นอบน้อมสกนธ์ ชลีประนตทรงธรรม์ ฯ
  ๏ จึงเปลื้องผ้าส่านที่พัน
กายสกนธ์นั่น ออกปูทับอาศน์ราชา ฯ
  ๏ เคารพในองค์นรา
ห่อนร่วมอาสนา นเรศธิเบศร์จักตรี ฯ
  ๏ แล้วจึงขึ้นสู่พาชี
ขี่ขับเร็วรี่ สบัดยกย่างคลาไคล ฯ
  ๏ ฝ่ายพรรคกระบวนท้าวไท
เครื่องสูงไสว ฆ้องกลองชนะดนตรี ฯ
  ๏ สัญญาว่าองค์ภูมี
ยุรยาตร์พาชี อธิกกึกก้องบันเลง ฯ
  ๏ ประโคมแตรสังข์พิณเพลง
ฆ้องกลองครื้นเครง ก็เคลื่อนพยุหยาตรา ฯ
  ๏ เปนมงคลนิมิตมหา
เหตุเพชราชา จะได้เปนเจ้าธานี ฯ
  ๏ บันดานให้หมู่โยธี
ยลว่าภูมี จอมเจ้าพิภพราไชย ฯ
  ๏ พระเพชขับม้าคลาไคล
ยลพรรคพลไทย อุโฆษบันเลงดนตรี ฯ
  ๏ ตระดกฤทัยสิ้นที
จึงจากพาชี ประนมประนตท้าวไทย ฯ
  ๏ ท้าวเธอทอดทัศนาใน
สำรวลรไมย มาโนชอคร่าววิงวร ฯ
  ๏ จึงมีพระราชสุนทร
ว่าพรรคนิกร สำคัญมั่นหมายในรา ฯ
  ๏ ตรัสแล้วเสด็จสู่อาชา
คืนเข้าภารา สถิตย์นิเวศน์วังสถาน ฯ
  ๏ ครั้นโสรพรรษจัตุวาร
ศกถ้วนโดยกาล กุญชรคเชนทรฉัตร์ทันต์ ฯ
  ๏ ป่วยลงถึงแก่อาสัญ
สารเสวตรสำคัญ พาหนนารถธาดา ฯ
  ๏ ทรงทราบให้โทมนัศอา
ไลยในพระยา ช้างคู่พระเกียรติผดุง ฯ
  ๏ โอ้อาตมหวังอำรุง
ดำรีเฉลิมกรุง ประจากลาญทักกลใด ฯ
  ๏ แต่นี้น่าที่เวียงไชย
จักเสื่อมมไหย สุริยศักดิยรรยง ฯ
  ๏ ปีนั้นธประชวรลง
พระโรคบคง บคลายบเสื่อมคืนหาย ฯ
  ๏ ทรงนั่งลำบากพระกาย
ราชการทั้งหลาย มอบเวรพระเพชราชา ฯ
  ๏ ว่าแทนสมเดจจักรา
พร้อมท้าวพระยา อยู่ถ้าณตึกพระเจ้าเหา ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ฝ่ายว่าพระเพชราช ธก็รับพระจอมเมา
ลีไว้ณเหนือเกล้า ก็ประชุมประชาชน ฯ
๏ ไพร่นายและเสนี ประจุที่ทวารดล
ชนเดินจะได้ยล วิปริตก็กริ่งภัย ฯ
๏ สั่งเจ้าพนักงาน ชวการนุโดยไคล
นำตราประกาศไป ทุวเขตและด่านทาง ฯ
๏ เกลือกกฤติศัพท์ฤๅ จะรบือกระพือบาง
ตามที่ประเทศห่าง จรยกพหลคลา ฯ
๏ ทราบว่าพระผู้ผ่าน นคเรศประชวรอา
การหนักบเนิ่นช้า จรคุมนิกรพล ฯ
๏ ดังฤาจะต้านต่อ บจะพอณรงค์รณ
หากรู้จะเพิ่มพล และก็นัดภู่ดาบาง ฯ
๏ ครั้นเมื่อธได้ว่า กรกิจนครต่าง
แม้สิทธิจิตต์ท่าง ขณะนั้นก็โดยดี ฯ
๏ เหตุราชบุตร์รักษ สรศักดิมนตรี
หมายมุ่งจะชิงที่ มหิราชราไชย ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ วันหนึ่งสรศักดิ์ไป
พระราชวังใน บห่อนไคลที่ประชุม ฯ
  ๏ เที่ยวนั่งตามที่ห้องซุ้ม
ทิมดาบห่างพุ่ม ไม้ทางสัญจรไปมา ฯ
  ๏ ทฤษดีชนาคลา
ประจักษ์ชัดว่า สมิงพะตะบะโดยดล ฯ
  ๏ ให้หามายังแห่งตน
คอยนั่งสั่งสน ทนานุกิจก่อนกาล ฯ
  ๏ แล้วกล่าวเทียบถามถึงการ
ประเทศสถาน นครเวียงราชรามัญ ฯ
  ๏ ประชวรจวนสิ้นอาสัญ
วงศาเหล่านั่น จะชิงสมบัติราไชย ฯ
  ๏ จะคิดฉันใดจักได้
จงแจ้งความใน รหัสแห่งเหตุเผือถาม ฯ
  ๏ สมิงพะตะบะบอกความ
อันมีมาตาม อย่างประเทศแห่งพวกรามัญ ฯ
  ๏ กษัตริย์ถึงแก่ชีวัน
พระวงศ์เหล่านั้น ใคร่หวังจักชิงราไชย ฯ
  ๏ ค่อยรอบเตรียมพลแมกไว้
ห่อนให้ผู้ใด บอีงบอื้อเกรียวกราว ฯ
  ๏ แม้ว่าตรูตรีมี่ฉาว
ชนจักก้าวร้าว จักคิดจักคอยชิงกัน ฯ
  ๏ แม้นเกิดกุลียงยรร
จักล้างชีวัน บห่อนจักทันสมหมาย ฯ
  ๏ จึ่งสรศักดิ์ฟังอธิบาย
สมิงมอญบรรยาย มีใจชื่นชมปรีดี ฯ
  ๏ จึงว่าบัดนี้ภูมี
ประชวรครั้งนี้ เห็นจักบพ้นตรีวาร ฯ
  ๏ ตูข้าเอารศดุจปาน
ได้ติดตามท่าน แต่ปางก็แสนลำเค็ญ ฯ
  ๏ จักคิดเอาราชราเชนทร์
สมบัติมาเปน ของเราบห่อนให้ใคร ฯ
  ๏ ตัวท่านสมัคฤาไม่
จงแจ้งโดยใน ฤทัยสูทุกประการ ฯ
  ๏ สมิงพะตะบะผู้ชาญ
รู้ในพจนมาน แห่งสรศักดิ์ใฝ่ใจ ฯ
  ๏ จึงตอบไปพลันทันใด
สูจะเยี่ยไฉน ตูไซร้จักช่วยตริการ ฯ
  ๏ สรศักดิ์จึงแจ้งแถลงสาร
ให้ชัดบนาน แก่สมิงพะตะบะผู้มิตร์ ฯ
  ๏ เข้าด้วยตนโดยสุจริต
ว่าท่านจงคิด ส่ำชนมากน้อยเท่าใด ฯ
  ๏ สมิงมอญประมาณโดยใจ
ว่าคนเราไซร้ ซุ่มไว้สามร้อยยิ่งยง ฯ
  ๏ จึงสรศักดิ์สั่งโดยจง
ให้เตรียมไว้คง ในสองสามวันทิวา ฯ
  ๏ ให้เสร็จสมใจจินดา
ครั้นค่ำเพลา ยามเศษธจึงคลาไคล ฯ
  ๏ ยังจวนพระเพ็ชเกรียงไกร
ยอกรกราบไหว้ จึงถามข้อราชกิจการ ฯ
  ๏ ว่าราชสมบัติภูบาล
ถ้าสิ้นชนมาน ตูท่านจักเอื้อเอาเอง ฯ
  ๏ ฤๅหวังตั้งจิตต์คิดเกรง
เปนที่ยำเยง จักยกจักให้แด่ใคร ฯ
  ๏ พระเพ็ชจึงตอบคำไป
บิดาคยดไว้ จะถวายสมเดจลูกเธอ ฯ
  ๏ ซึ่งสถิตย์กรุงรัตน์รมเยอ
รมเยศศุขเลอ สถานพิมุขฝ่ายหลัง ฯ
  ๏ ส่วนหลวงสรศักดิ์ฟัง
ในจิตต์คิดหวัง บห่อนจะให้แก่ใคร ฯ
  ๏ จึงว่าเจ้าคุณจงใจ
ดังนั้นแล้วไซร้ ตูข้าบเอื้อเอาการ ฯ
  ๏ พระเพ็ชราชาแจ้งสาร
สรศักดิ์คิดอ่าน มหันต์เหตุอันใหญ่โต ฯ
  ๏ จึงว่าเจ้าพระยาโกรโธ
บิดาพโล เหตุตระหนักคอยหักหาญ ฯ
  ๏ และเจ้าจะทำประการ
ใดจงแถลงสาร นิดาจักกระทำตาม ฯ
  ๏ สรศักดิ์จึงแจ้งข้อความ
ว่าเผือบขาม ตูท่านจงจัดพลไกร ฯ
  ๏ มีอยู่มากน้อยเท่าไร
แล้วท่านจงให้ มีเครื่องอาวุธครบมือ ฯ
  ๏ อย่าให้เอิกเกริกเล่าฦๅ
เกลือกการระบือ บางพวกจะหวังดังกัน ฯ
  ๏ ซุ่มคนเตรียมไว้ทุกวัน
วัดบ้านใกล้กัน จงแยกจงย้ายถ่ายเท ฯ
  ๏ ในสองสามวันสมคเณ
อย่าคิดรวนเร ถ้าท้าวสวรรค์คัลไลย ฯ
  ๏ สมบัติจักได้โดยใน
ที่เตรียมการไว้ พร้อมเสร็จสิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ ว่าแล้วกลับสู่สถาน
ซ่องสุมทหาร ทั้งเครื่องอาวุธนานา ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ เบื้องนั้นพระเพ็ช
เตรียมพลสรรพเสร็จ พร้อมเครื่องศาสตรา
จึงส่งพลไคล โดยในสัญญา
หลวงสรศักดา สิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ แล้วจึงคลาไคล
สู่นิเวศน์ใน พระราชสถาน
สู่ตึกเจ้าเหา พร้อมเหล่าพนักงาน
ว่ากิจราชการ นครสบไถง ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างนั้นบดินทร์ราช วรนาถจอมไตร
ท้าวเธอสถิตย์ใน พระนิเวศน์สุธาสวรรค์
๏ ปั่นป่วนประชวรใน หฤทัยธไหวหวั่น
เที่ยงแท้จะอาสัญ แลฉนี้ณตูเรา
๏ อาหารบพานเลย จะเสวยก็ห่อนเข้า
วาโยกระทบเร้า อุระแน่นฤทัยใน ฯ
๏ ทรงโศกบมีสุข กรทุกข์ณะข้อใหญ่
จวนที่จะคัลไลย และก็สู่สวรรยา ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ บัดนั้นสรศักดิ์แกล้วกล้า
คยดการภารา ด้วยหลวงทรงบาทร่วมใจ ฯ
  ๏ ยลการพอควรทำได้
จึงเรียกพลไพร่ สามร้อยเศษสั่งกิจการ ฯ
  ๏ พรรคสูทั้งหลายบนาน
ชวนกันรับอาน อาวุธให้พร้อมตัวชน ฯ
  ๏ แล้วสูรีบเร่งจรดล
ซุ่มซอนซ่อนตน ในที่นิเวศน์ภารา ฯ
  ๏ แต่เช้าสามนาฬิกา
อย่าให้ชนทวา ราเฝ้าเหล่านั้นสงไสย ฯ
  ๏ แม้สูยลตูคลาไคล
ที่สถิตย์ใด พรรคสูจึงแล่นตามพลัน ฯ
  ๏ จึงเอาอาวุธพาดบัญ
ชรตึกเหล่านั้น แวดวงเรารอบคอยการ ฯ
  ๏ จำนำดูสั่งคำขาน
สูจงห้าวหาญ อย่าแกลนอย่าคร้ามขามใคร ฯ
  ๏ บัดนั้นทหารชาญไชย
รับคำธนำไข ก็รีบตระบัดโดยดล ฯ
  ๏ ต่างต่างซุ่มซอนซ่อนตน
ทุกเขตแห่งหน โดยสั่งสิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ ฝ่ายหลวงสรศักดิ์ไชยชาญ
ใช้ชนทหาร แมกเมิลเสวกนานา ฯ
  ๏ ตลที่พร้อมกันถ้วนหน้า
ฤๅยังมิมา สูจงให้แจ้งฤทัย ฯ
  ๏ ชนใช้ได้ฟังคำไข
เร่งรีบคลาไคล ดลที่ประชุมเสนา ฯ
  ๏ ยลพักตร์พร้อมกันทั่วหน้า
บหันภักตรา วิชาเย็นทร์อธิบดี ฯ
  ๏ จึ่งกลับลีลาจรลี
แจ้งถ้อยวาที แก่สรศักดิ์ทุกประการ ฯ
  ๏ สรศักดิ์ทราบเหตุในศาส์น
จึงพจน์บรรหาร ว่าอ้ายฝรั่งช่างมัน ฯ
  ๏ จะมามิมาเล่านั้น
ตูข้อยบยั่น บแกลนบอ่าวฤทัย ฯ
  ๏ ครั้นสามนาฬิกาแล้วไซร้
สรศักดิ์เกรียงไกร รจิตร์จัดแจงแต่งกาย ฯ
  ๏ สรวมเครื่องอาภรณ์พรรณราย
ให้ชนทั้งหลาย แกลนเดชอำนาจอาญา ฯ
  ๏ เสร็จแล้วยุรยาตรคลาดคลา
โสฬสชนา ร่วมจิตต์ไต่เต้าตามผลู ฯ
  ๏ ชนหนึ่งถือตาวโดยตู
รีบแล่นวางวู่ สู่ในนิเวศน์ภารา ฯ
  ๏ ดลที่พระเพ็ชราชา
ยอกรวันทา แล้ววรวากย์วาจี ฯ
  ๏ ในที่ท่ามกลางเสนี
ว่าการบัดนี้ ปิ่นภพจอมเจ้านรา ฯ
  ๏ ทรงพระประชวรหนักหนา
จวนจะไคลคลา เสดจสู่สวรรค์คัลไลย ฯ
  ๏ ตูเราเอารศจอมไตร
หวังเอื้อราชัย สมบัติธิราชจักตรี ฯ
  ๏ ตูท่านทั้งหลายฤดี
ด้วยเราฤๅมี สูเร่งวรวากย์ออกมา ฯ
  ๏ แม้ใครห่อนฤดีรา
ตูจะเข่นฆ่า ผู้นั้นให้สิ้นลาญชนม์ ฯ
  ๏ สรศักดิ์ยังถ้อยยุบล
ฝ่ายพรรคพวกพล จรดลพร้อมสิ้นด้วยกัน ฯ
  ๏ ต่างต่างเอาอาวุธนั้น
พาดเข้าเร็วพลัน โดยช่องบัญชรเรียงราย ฯ
  ๏ บ้างเข้าในตึกเมิลหมาย
มุ่งมองปองร้าย พิฆาฎเข่นฆ่าราวี ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างพรรคณเสวก ก็ตระดกฤทัยภี
ตาถ้อยณวาที สรศักดิ์จะนันจา ฯ
๏ ซ้ำหันณพาหล จรดลขนานหน้า
กุมเครื่องและศาสตรา แลเขม้นจะราวี ฯ
๏ ความยำขยั้นจิตต์ และจะคิดคยดหนี
บพ้นณไพรี กรจู่บรู้ตน ฯ
๏ ต่างต่างตระหม่าใจ และจะไปก็ห่อนพ้น
ตรึกตรึกก็ขัดสน บมิรู้จะผ่อนผัน ฯ
๏ อ้นอั้นหฤทัย อุรในก็ป่วนปั่น
แกลนชีพอาสัญ บมิถ้อยประการใด ฯ
๏ ป่างนั้นคชาลักษณ์ สรศักดิเกรียงไกร
กุมตาวก็แกว่งไกว และประกาศคุกคาม ฯ
๏ พรรคสูณเหล่านี้ ดุษณีไฉนถาม
ฉันใดบกล่าวความ และฉนี้ณเหตุใด ฯ
๏ เอื้อร้าบเอื้อเรา กรเว้าณคำไข
ผู้ใดบไผ่ให้ จะประหารมลาญชนม์ ฯ
๏ ฝ่ายพรรคณเสนา ตรหม่าลลาญลน
โลมพองสยองขน และแสยงมลาญปาน ฯ
๏ ต่างต่างประนตนอบ และก็มอบชลีกราน
กราบทูลแถลงสาร วรวากย์สนองไป ฯ
๏ ข้อยน้อยณทั้งหลาย ขอถวายณะชีพไว้
ข้าบาทพระทรงไชย และจะม้วยณะชีวี ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ บัดนั้นสรศักดิ์เรืองศรี
ยลเหล่าเสนี ประนตประน้อมยอมกาย ฯ
  ๏ จึงเสดจยุรยาตร์ผันผาย
นอบน้อมถวาย บังคมพระเพ็ชราชา ฯ
  ๏ มอบเวรสมบัติภารา
ถวายพระบิดา แล้วรับพระราชโองการ ฯ
  ๏ ฝ่ายพรรคเสวกทหาร
ประดิษฐาน หลวงสรศักดิ์ศักดา ฯ
  ๏ มหาอุปราชราชา
ราชการฝ่ายหน้า พระเพ็ชผู้เจ้าธานี ฯ
  ๏ รับพระบัณทูลโดยที่
สรศักดี มหาอุปราชราชา ฯ
  ๏ บัดนั้นสรศักดิ์ฝ่ายหน้า
จึงให้เสนา นำซึ่งพระพุทธเร็วไว ฯ
  ๏ อิกทั้งพระธรรมวินัย
พระสงฆ์ผู้ใหญ่ ราชาคณะนั้นมา ฯ
  ๏ ซึ่งให้เสวกถ้วนหน้า
น้อมถวายวันทา เบญจางค์ประดิษฐาน ฯ
  ๏ พระรัตนตรัยสามประการ
ตั้งสัตยสาบาล ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ฯ
  ๏ ตามราชเบาราณสืบมา
เสร็จส่ำถ้วนหน้า ต่างชื่นต่างชมฤดี ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ ป่างนั้นพระเพ็ช
ราชาสำเร็จ ราชการธานี
ให้เจ้าพระยา สงครามมนตรี
หาธิบดี วิชาเย็นทร์มา ฯ
  ๏ ประนตบังคัล
สมเดจทรงธรรม์ รับสั่งให้หา
บัดนี้เร็วไว อย่าได้เนิ่นช้า
แม้เสร็จการรา ผดุงถึงใจ ฯ
  ๏ ฝ่ายเจ้าพระยา
สงครามเสนา รับกิจโดยไว
จึงให้ทนาย ชนใช้คลาไคล
ดลเขตคามใหญ่ บัดใจบนาน ฯ
  ๏ จึงขึ้นไปหา
ท่านเจ้าพระยา แถลงคำขาน
ว่าจอมธิเบศ นเรศภูบาล
มีราโชงการ รับสั่งให้หา ฯ
  ๏ ตูท่านเข้าไป
บังคัลท้าวไทย อย่าได้เนิ่นช้า
ราชการร้อน รีบจรเร็วรา
เชิญท่านไคลคลา บัดนี้โดยไว ฯ
  ๏ ฝ่ายเจ้าพระยา
วิชาเย็นทร์มหา เสนาผู้ใหญ่
ได้แจ้งรหัส ในวัจน์ข้อไข
ตระหนักฤทัย ซึ่งในเหตุการ ฯ
  ๏ จึงกล่าวพิปราย
ถามผู้ทนาย รับสั่งภูบาล
ใคร่ผู้รับสั่ง ขอฟังคำขาน
สูจงแถลงสาร เหตุการรู้รา ฯ
  ๏ ทนายจึงไข
รับสั่งท้าวไทย ท่านเจ้าพระยา
สูรสงคราม รับตามบัญชา
ใช้ให้ตูมา เชิญท่านบังคัล ฯ
  ๏ นายกจึงว่า
ท่านเจ้าพระยา สงครามสั่งนั้น
ให้หาบัดนี้ น่าที่สำคัญ
เนื้อความมหันต์ แม่นแท้แลนา ฯ
  ๏ แรกรจน์ด้วยหัตถ์
ฤทัยเคียดขัด ลบด้วยบาทา
สุรสงคราม มีความเมตตา
คุณูประการ์ แด่รามากมาย ฯ
  ๏ แล้วจะกลับมา
ทรพาทา คุณให้ทำลาย
ดังนี้เล่าไซร้ ทำให้ได้อาย
แด่ชนทั้งหลาย ทั่วทั้งธานี ฯ
  ๏ การครั้งนี้ไซร้
ถ้าตูเข้าไป โภยภัยคงมี
คงเกิดพิบัติ พรากพลัดถิ่นที่
เขาจะทรพี แม่นแท้แก่รา ฯ
  ๏ ทนายจึงเตือน
เจ้าคุณอย่าเชือน ชักการให้ช้า
ด้วยมีโองการ พระผ่านเจ้าหล้า
การเร็วหนักหนา ท่านอย่านอนใจ ฯ
  ๏ นายกฟังศาส์น
ห่อนขัดโองการ พระภารมไห
จัดแจงกายแล้ว คลาดแคล้วคลาไคล
บโทนนำไป ไต่เต้าจรลี ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ขัษนั้นสรศักดิ์เรืองศรี
ว่าราชการที่ มหาอุปราชราชา ฯ
  ๏ เมื่อให้ชนใช้ไคลคลา
หาเจ้าพระยา วิชาเย็นทร์ธิบดี ฯ
  ๏ เกณฑ์พลทวยหาญแหล่งที่
รอบเขตธานี ทุกป้อมทวารนอกใน ฯ
  ๏ มิให้พรรคพลปลอมได้
หับทวารมั่นไว้ ให้แน่นสนิทตรึงตรา ฯ
  ๏ แล้วให้ทหารแกล้วกล้า
ด้อมดูเจ้าพระยา วิชาเย็นทร์คลาไคล ฯ
  ๏ โดยที่วิถีทวารใน
ลุเขตแล้วไซร้ ให้เร่งประหารลาญชนม์ ฯ
  ๏ ฝ่ายวิชาเย็นทรจรดล
ที่พรรคพวกพล แมกทางสองข้างมรรคา ฯ
  ๏ บโทนดำเนิรนำหน้า
ล่วงทวารา พรรคพลยลวิชาเย็นทร์ ฯ
  ๏ หุ้มห้อมล้อมตีกระเด็น
ตกลงลำเค็ญ ช่วยกันประหารลาญชนม์ ฯ
  ฝ่ายพวกวิชาเย็นทรยล
นายแห่งตูตน ชีวิตพินาศวายปราณ ฯ
  ๏ ต่างต่างหลบแล่นลนลาญ
แกลนพลประหาร ต่างต่างปลาศคลาไคล ฯ
  ๏ เบื้องนั้นพระเพ็ชราไชย
สรศักดิ์ใน พากันบังคัลภูบาล ฯ
  ๏ ถวายประนตบทมาล
โอนศิโรกราน คำนับประน้อมท้าวไทย ฯ
  ๏ ทูลถามประชวรภายใน
พระโรคเปนไฉน ยังค่อยบันเทาเบาหาย ฯ
  ๏ แล้วทูลมูลกิจบรรยาย
ราชการทั้งหลาย ให้ทราบสิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ ทูลว่าถ้าพระภูบาล
ปลงชีพชนมาน คตสวรรค์คลาไคล ฯ
  ๏ สมบัติพระองค์นั้นไซร้
ข้อยรักษาไว้ ถวายพระหน่อวังหลัง ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างองค์พระปิ่นเกษ นคเรศธทรงฟัง
ในพจนวาจัง และพระเพ็ชธทูลไทย ฯ
๏ ทรงทราบณเหตุชัด วจวัจน์คดีไข
เพ็ชราชราไชย สรศักดิ์ขบถการ ฯ
๏ เธอทรงพระโกรธา กรคว้าพระแสงหาญ
ทรงยืนพระโองการ บริภาษบัญชา ฯ
๏ เหม่มึงและสองคน ทรชนนี้ชั่วช้า
คิดการขบถรา และจะชิงนะราไชย ฯ
๏ ทรงเคียดธอาฆาต ยุรยาตร์เสดจไคล
มุ่งหมายกระมลใน จะพิฆาฏณสองคน ฯ
๏ ด้วยทรงพระอาพาธ บมิอาจเสดจดล
องค์สั่นระรัวรน บพยุงพระกายไหว ฯ
๏ เอนกายรทวยทบ ก็สยบณทันใด
ตาวแสงธทรงไว้ และก็หลุดพระหัตถา ฯ
๏ แล้วทรงประกาศกล่าว เทวเจ้าธรักษา
อำรุงพระศาสนา และเสวตรฉัตรไชย ฯ
๏ จงช่วยผดุงชู ชีวตูนราให้
อิกสัตวารไว้ บมิม้วยมลาญปาน ฯ
๏ ตูไซร้จะขอยล ทรชนขบถพาล
สามารถและอาจหาญ อกะตัญญุตาเรา ฯ
๏ ตรัสแล้วและเท่านั้น อุระอั้นพระกายเร้า
กำสรดสลดเศร้า บมิตรัสจะนันจา ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ บัดนั้นพระเพ็ชราชา
หลวงสรศักดา กลับจากบังคัลสถาน ฯ
  ๏ แห่งองค์หริราชภูบาล
ตระหนักในการ บนานธจักสวรรคต ฯ
  ๏ จึงให้ชนสนิทโสฬศ
เรือเร็วโดยบท ยังกรุงเทพนคร ฯ
  ๏ ทูลให้อภัยทศภูธร
ที่สถานบวร พิมุขราชฝ่ายหลัง ฯ
  ๏ ว่าพระโรคหนักประนัง
บัดนี้รับสั่ง ให้เชิญเสดจโดยพลัน ฯ
  ๏ ชนใช้ได้รับสั่งคัล
เรือเร็วรีบรัน วันนั้นก็ถึงนคร ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ส่วนจอมพิภพลพ นคเรศธิเบศร
จำเดิมพระภูธร ธประชวรก็ล้มลง ฯ
๏ กำเริบพระโรคขึ้น บจะคืนจะคลายคง
จึงมีกระมลจง ชนะราชะวัลลภ ฯ
๏ ข้าเก่าพระจอมหล้า คณนานุบรรจบ
สิบห้าชนาครบ จรสู่นิเวศน์ใน ฯ
๏ ให้เฝ้าณปราสาท ธสถิตย์ประชวรไทย
ครั้นพร้อมยุบลไข วรนารถประภาษสอน ฯ
๏ ด้วยอ้ายขบถสอง บสนองจะราญรอน
คุณเค้าณเก่าก่อน บรฤกก็จำเปน ฯ
๏ ตูนี้ก็ไข้หนัก ผิวจักมลายเห็น
ในสามทีวาเวร สละชีพนิราไลย ฯ
๏ อย่าเลยจะหวังเพศ คฤหัสถพิไสย
จงมุ่งธุธงไชย อรหรรตนิรันตราย ฯ
๏ สั่งชาวพระคลังจัด สรบงวพัตร์หลาย
ไตรยครบประมาณหมาย ภณนายสวามี ฯ
๏ จึงท้าวธตรัสสั่ง ชนวังจรัลลี
รีบคลาณทันที คณะสงฆ์นุพีสา ฯ
๏ อำมาตย์ธพจน์ ธจรดนุไคลคลา
แจ้งเหตุพระราชา คณะสงฆ์ก็คัลไลย ฯ
๏ ยี่สิบณหมู่สงฆ์ ณธทรงประชวรใน
จึงตรัสประภาษไข คณะสงฆกำลูน ฯ
๏ จงนำนราเหล่า ชนะเก่าอโนกูล
ออกไปผนวชบูรณ์ อุปสัมปทากรณ์ ฯ
๏ ฝ่ายสังฆราชฟัง วรราชสุนทร
เพื่อหมายถวายพร ธประภาษสมปอง ฯ
๏ ซึ่งอาตมทั้งหลาย ธนุผายจะขัดข้อง
เห็นนายทวารก้อง ก็จะห้ามบให้ไคล

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ ป่างท้าวสดับวจนถ้อย คณะสงฆ์ธทูลไป
ยิ่งทรงพระโทรมนฤทัย ธประชวรก็หนักลง ฯ
๏ เคียดแค้นพระเพ็ชและสรศักดิ์ ธก็หักพระทัยปลง
กาลจวนจะสู่ศิวทิวง คตเมื้อนิราคลา ฯ
๏ จำเปนธอยู่ณวจะถ้อย ธพระเพ็ชราชา
จึงมีพระราชวระประภา ษณะถ้อยสนองถาม ฯ
๏ ถ้าสงฆ์จะบวชชนภณาย บริเวณณราคาม
ปราสาทนศักคฤหะตาม จรฤๅบห่อนเปน ฯ
๏ สงฆ์ทูลวินิจวรนุศาสน์ นฤนารถวราเชนทร์
ทรงมอบประสิทธิ์จรนุเวน กรควรจะปัพพา ฯ
๏ ท้าวทราบรบิลวจนสงฆ์ ธก็ปลงพระทัยปรา
โมชหมายประสิทธิ์วจนอา ทรกิจอุทิศเวียง ฯ
๏ ให้เปนวิสุงวรพิเศษ นุประเภทสิมาเพียง
จังหวัดสถานวรนุเคียง ทุวิสองพระปราสาท ฯ
๏ เปนเขตพระสงฆจะกระทำ อุปสัมปทาวาท
ตามศาสโนวรประกาศ อนุญาตณทั้งปวง ฯ
๏ ขอเชิญพระราชคณะสงฆ์ อนุจงณข้าหลวง
เดิมราบห่อนธจรล่วง สมณานุกิจการ ฯ

๏ โตฏกฉันท ๚

๑๒ ขณะนั้นธประสิท ธิอุทิศพระสถาน
ณพระสงฆบนาน คณะจาริยองค์ ฯ
๏ ธก็ให้อุปสม บทกรรมมะนุจง
ชนสรรพก็คง สมณูปภวา ฯ
๏ กรณียนุเพศ วรเสร็จปตะปา
คณะสงฆ์ธก็ลา ยุรยาตร์ธสถาน ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ฝ่ายพรรคเสวกราชการ
แหล่หลายประมาณ สถิตย์ที่พระเพ็ชราชา ฯ
  ๏ อันองค์สมเดจผ่านหล้า
บใคร่นำพา ใฝ่ใจในที่ทรงธรรม์ ฯ
  ๏ มีแต่พระปิยอยู่นั้น
ผู้เดียวเท่านั้น อำรุงปฏิบัติรักษา ฯ
  ๏ ใฝ่ใจในองค์นรา
เคร่าพยุงผ่านหล้า ให้เธอดำรงทรงกาย ฯ
  ๏ พระปิยผู้นี้บุตรชาย
ขุนไกรสิทธิ์ฝ่าย บ้านแก่งแขวงราชธานี ฯ
  ๏ ทรงเลี้ยงเพียงกุลภูมี
นางนมทาษี พี่เลี้ยงอำรุงรักษา ฯ
  ๏ สันถานต่ำเตี้ยกายา
ทรงกรุณา ตรัสเรียกอ้ายเตี้ยตามกาย ฯ
  ๏ พระปิยจงใฝ่หลาย
ภักดีนรายน์ ไสยาศน์ปลายบาทพระองค์ ฯ
  ๏ เคร่าคอยพยุงให้ทรง
กายาดำรง เปนนิจทิวาราตรี ฯ
  ๏ วันนั้นจะสิ้นชีวี
พอจุ่งไทยศรี สว่างในกลางเวหา ฯ
  ๏ พระปิยลุกแล่นไคลคลา
สระสรงภักตรา บนทวารปราการชั้นใน ฯ
  ๏ ฝ่ายสรศักดิ์ชาญไชย
ให้เข้าที่ไคล ดลผลักพระปิยทันที ฯ
  ๏ ตกจากปราการธานี
ส่งเสียงอึงมี่ ทูลกระหม่อมจงช่วยด้วยรา ฯ
  ๏ พอขาดวรวากย์วาจา
ชนกุมตัวพา พระปิยประหารชีวี ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างองค์ไผทหล้า ธพยาธิยายี
จวบจวนจะจรลี คตะสู่สวรรคไลย ฯ
๏ ยินสัทเสียงก้อง พระปิยร้องสนั่นไหว
ท้าวเธอตระดกใน อุรหวาดฤทัยหวาม ฯ
๏ จึงทรงประภาษไป ชนใดกระทำความ
โทษทุกขเตี้ยตาม และฉนี้บควรการ ฯ
๏ แล้วเธอก็ทรงโศก และพระโรคประหารผลาญ
สูญชีพพระชนมาน ธก็สู่สวรรคไลย ฯ
๏ เพลาทิวานั้น ครุวันบดีใหญ่
เดือนจิตรมาศไซร้ ศศิกาฬปักษ์สาม ฯ
๏ ค่ำเปนตระหนักนัก คณะศักราชตาม
สัมพรรษ์สหัศนาม จตุจัตฬิสังษา ฯ
๏ จอจัตวาถ้วน จะประมวลพระชนมา
ยี่สิบและเศษห้า ธเสวยพระราไชย ฯ
๏ ดำรงณสมบัติ และก็จัดพระชนม์ไว้
ยี่สิบและหกได้ และก็ถ้วนประมวลการ ฯ
๏ ปีวอกและกำเนิด มหิเลิศภูบาล
รวบรวมพระชนมาน คตะสู่ศิวาไลย ฯ
๏ ห้าสิบและเอ็ดปี และฉนี้จรดไว้
ล่วงลับเสดจไคล จรเมื้อณเมืองแมน ฯ

----------------------------

๏ ตูบแซ่งแต่งเว้า อวดดี
แข่งท่านผู้เมธี แกว่นกล้า
ห่อนใช่เชื้อกวี เฉกชาติ พ่อเฮย
รักสนุกจึงอ้า โอฐเอื้อนกล่าวแถลง ฯ
๏ คณะใดพลาดพลั้ง แซมเสริม
จงอนุกูลเติม ตกแต้ม
พึ่งแรกหัดประเดิม พจน์กล่าว กลอนแฮ
อย่ากระหยันเย้ยแย้ม โอฐแย้มยิ้มสรวล ฯ
๏ คล้ำอรุณพจนพร้อง เรื่องพงศ วดาร
จอมจักรกฤษณวงศ์ ผ่านหล้า
เสวยสวรรค์ดำรง อยุธเยศ สยามแฮ
ฦๅพระเดชดุจฟ้า จนฝ้าฤทธิ์แสยง ฯ
๏ เผือพึ่งหัดพจนถ้อย วาที
เหมือนบุตรสกุณี ว่ายฟ้า
ห่อนเหินจรลี สูงสุด ได้นา
เหินแต่เพียงไต่หล้า ต่ำเตี้ยรุกขี ๚

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ