๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ บัดนั้นราชทูตผู้ไกร
ร่วมภิรมย์หฤทัย ด้วยนางฝรั่งอรชร ฯ
  ๏ จนนางมีครรโภทร
สิบเดือนบังอร ยุพาก็คลอดบุตรา ฯ
  ๏ นวละอองผ่องผิวโสภา
แม้นเหมือนบิดา กุมารละม้ายท่วงที ฯ
  ๏ จึงถนอมกล่อมเกลี้ยงด้วยดี
ฤภัยยายี บห่อนจะเคียดสักอัน ฯ
  ๏ วันหนึ่งทูตตรึกโดยพลัน
คยดถึงทรงธรรม์ ธิเบศไท้ธิบดินทร์ ฯ
  ๏ จำเราเคียมลาโดยจินต์
คืนเฝ้าภูมินทร์ นรินทร์ราซกรุงไทย
  ๏ จึงมีพจนารถปราไสย
กับอรทรามวัย สุดาฝรั่งพังงา ฯ
  ๏ บัดนี้พี่จักขอลา
จำจรจำคลา จำพรากจำจากจำไกล ฯ
  ๏ ด้วยพี่ข้าบาทท้าวไทย
พระองค์สั่งใช้ ให้เชิญพระราชสารา ฯ
  ๏ ครบขวบสามปีควรคลา
ด้วยเกรงอาญา ท้าวเธอประหารลาญชนม์ ฯ
  ๏ อยู่หลังจงตั้งสกนธ์
บ้ารุงบุตร์ตน อุส่าห์ถนอมกันไป ฯ
  ๏ เติบใหญ่จงให้จรไคล
เยือนบิดาไซร้ จะได้ประสบพบกัน ฯ
  ๏ ใช่เรียนจะแกล้งจากขวัญ
เนตร์พี่ไปพลัน สละน้องไว้เดียวดาย ฯ
  ๏ ว่าพลางประโลมโฉมฉาย
ชลเนตรฟูมฟาย หลังเนตร์คลอเนตร์ซ้ายขวา ฯ
  ๏ แม้เรียมมิกลัวอาญา
บห่อนจะคลา จากนุชผู้เพื่อนพิศมัย ฯ
  ๏ บัดนั้นสุดาอรไทย
ฟังพจนไข อุระร้อนดังเพลิงฮือ ฯ
  ๏ นางเร่งแสนโศกชำงือ
ฤทัยกระพือ พิลาบกำสรดกำสรวล ฯ
  ๏ กันแสงโหยไห้รำจวน
สอื้นอักอ่วน คร่าวเนตร์น้ำเนตร์หลั่งไหล ฯ
  ๏ โอ้โอ๋แต่นี้จักไกล
จากอกน้องไป กี่ป่างจะสบพบกัน ฯ
  ๏ เคยอยู่เคยกินทุกวัน
เคยศุขเกษมสันต์ แต่นี้จักคร่ำครวญหา ฯ
  ๏ กอดบุตร์เข้าแล้วโสกา
โอ้พ่อนัยนา บิดาจรจากเจ้าไป ฯ
  ๏ จะเห็นแต่พ่อดวงใจ
อนารถฤทัย แม่นี้ประหว่าหวั่นขวัญ ฯ
  ๏ แม่ลูกจักทุกข์จาบัลย์
สบสมัยคืนวัน คราวนี้จะได้นานเห็น ฯ
  ๏ โอ้เจ้าผู้เพื่อนลำเค็ญ
แต่นี้จะเย็น ยเยียบยย่าวเปล่าใจ ฯ
  ๏ นางยิ่งโหยไห้ร่ำไร
ถั่งแถมหลั่งไหล สยบซบมุขโสกี ฯ
  ๏ ราชทูตจึงปลอบเทวี
เจ้าผู้งามศรี วรภักตร์ดังดวงแข ฯ
  ๏ สร่างโศกเสียบ้างเถิดแม่
อย่าอาดูรแด ภักตร์น้องจะหมองโรยรา ฯ
  ๏ เมื่อเจ้าคิดถึงจึงพา
บุตร์จรไคลคลา สู่เขตประเทศกรุงไทย ฯ
  ๏ สั่งพลางทางเช็ดชลไนย
เจ้าดวงฤทัย จงสร่างโศกเสร้าเบาบาง ฯ
  ๏ นางฟังเช็ดชลนาพลาง
คลายโศกเสื่อมสร่าง ฤทัยสอื้นกลืนทรวง ฯ
  ๏ แต่จิตต์ยังคิดเปนห่วง
ครั้นจะเหนี่ยวหน่วง เธอไว้ก็ไม่ควรการ ฯ
  ๏ นางจึงอวยพรบนาน
พ่อไปสำราญ บพาลบพบไพรี ฯ
  ๏ โรคาบมายายี
ให้ศุขสวัสดี โดยทางจนลุกรุงไกร ฯ
  ๏ ราชทูตฟังอรทรามวัย
ชูชื่นฤทัย ผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมกระมล ฯ
  ๏ จึงรีบจัดแจงแต่งตน
พร้อมกันจรดล ขึ้นเผ้าจอมเจ้าธานินทร์ ฯ
  ๏ น้อมเศียรบังคมภูมินทร์
ทูลแถลงรบิล แก่ปรินธิราชจอมไตร ฯ
  ๏ ข้อยขอบังคมลาไคล
สู่แดนเวียงไชย แห่งไทธิราชโมลี ฯ
  ๏ ทูลแถลงรบิลภูมิ
ให้ทราบคดี ที่ท้าวประสงค์จงใจ ฯ
  ๏ ข้อยหวังฝังฝากอรทัย
ผู้เพื่อนพิสมัย กับบุตรสุดร่วมชีวา ฯ
  ๏ ขอท้าวจงได้กรุณา
ข้าผู้นีรา จะคลาจะคลาดจำไกล ฯ
  ๏ เมื่อนั้นธิเบศเรืองไชย
ปารีศกรุงไกร มเหศรราชธานี ฯ
  ๏ ยินทูตทูลลาจรลี
สู่นครศรี อยุธเยศประเทศไทย ฯ
  ๏ จึงเอื้อนราโชงการไท
สั่งอาลักษณไป แต่งสุภศาส์นสารา ฯ
  ๏ อิกทั้งเครื่องราชบรรณา
การทุกสิ่งสา รพัดให้เสร็จสิ่งสรรพ์ ฯ
  ๏ แล้วเธอประภาศโดยพลัน
แก่ราชทูตนั้น สูเจ้าจงจำใส่ใจ ฯ
  ๏ นานาสรรพสิ่งใดใด
อรท่านยลใน นิเวศน์ประเทศแห่งตู ฯ
  ๏ ทูลแถลงให้แจ้งแก่ภู
ธรเธอทราบรู้ ตระหนักประจักษ์ฤทัย ฯ
  ๏ ราชทูตทูลถ้อยโดยไว
สรรพสิ่งใดใด ที่ข้าได้ยลนานา ฯ
  ๏ จักทูลถวายราชา
ทราบดังจินดา ท้าวเธอสิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ ทรงฟังปราโมทชื่นบาน
จึงเอื้อนโองการ ประสาทประสิทธิพรไชย ฯ
  ๏ สูจงมีเดชเกรียงไกร
ทุกข์ภัยสิ่งไร ห่อนได้มาแผ้วพพาล ฯ
  ๏ ภรรดาบุตราเปนหลาน
ไว้ตกนักงาร ธุระตูจะบำารุง ฯ
  ๏ ให้เกียรติยศเฟื่องฟุ้ง
นานากุรุง ประเทศทุกเขตธานี ฯ
  ๏ ตัวท่านอย่าเศร้าหมองศรี
ตั้งหน้าจรลี ให้ลุประเทศนคร ฯ

๏ สุรางคนางค์ ๚

  ๒๘ ป่างทูตสดับ
โอนเศียรคำนับ รับเอาพระพร
ใส่เกล้าเกษา ชุลีลาจร
สู่รถแต่ก่อน ที่ตนเคยมา ฯ
  ๏ นักงารเทียมเทียบ
รถเรียงรายเรียบ ใส่ศาสนสารา
เสร็จสรรพสิ่งสรรพ์ ส่ำกันถ้วนหน้า
ขึ้นสู่รถา ลีลาคลาไคลฯ
  ๏ เสียงกลองเสียงแตร
สนั่นเซงแซ่ สเทื้อนหวั่นไหว
มาตามมรรคา ดลชลาไลย
หยุดรถทันใด ที่พักชลา ฯ
  ๏ นักงารจึงเชิญ
ราชศาสน์ดำเนิร ลงสู่นาวา
กับบรรณาการ ศฤงฆารนานา
ฝูงชนพร้อมหน้า เร่งรีบครรไล ฯ
  ๏ ลงในกำปั่น
ได้ฤกษ์โห่ลั่น สลุดปืนไฟ
สิบเก้านัดถ้วน พอควรเอาไชย
ขันฉ้อใช้ใบ จรในยมนา ฯ
  ๏ ลมอุตราส่ง
พัดเรื่อยเฉื่อยตรง แล่นตัดลัดมา
ฝูงชนสำราญ บพาลภัยพา
ทวยทุกถ้วนหน้า ชื่นชมปรีดี ฯ
  ๏ ปรีดาปราโมทย์
ชื่นแช่มมาโนศ เบาทุกข์ศุกขี
จตุรมาศเศษ เข้าเขตบุรี
ลุนครศรี ยุทธเยศภิรมย์ ฯ
  ๏ เทียบเรือประทับ
เสนาคอยรับ ขึ้นเฝ้าบังคม
ราชทูตเชิญพาน ราชศาสนอุดม
โอนเศียรประนม ทูลถวายท้าวไทย ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ป่างปิ่นนรินทร์ศร มหิทรธราไชย
ทอดทัศนานัย นรทูตถวายสาร ฯ
๏ ทรงโสมนัศชื่น อุระรื่นกระมลบาน
แย้มโอฐวโรงการ ธประภาษธปราสัย ฯ
๏ สูเมื้อฝรั่งเศษ นคเรศนครไกล
ยังสมฤทัยนัย ดุจนึกฤห่อนมี ฯ
๏ หนึ่งในทุเรศทาง จรกลางณที
โจรภัยบยายี ฤพะพบอรินพาล
๏ เมื่อถึงพระบูรินทร์ ธิบดินทร์ธโปรดปราน
บำรุงผดุงบาล บริบูรณ์ฤเปล่าดาย ฯ
๏ สื่งสรรพนานา นคราธมากหลาย
โภคาอุดมคลาย ฤอเนกอนันต์นา ฯ
๏ สมสัจวิชาเยนทร์ ฤบเปนนุสัจจา
สูเจ้ายุบลมา กรแจ้งฤทัยตู ฯ
๏ ฟังไทยธิเบศนารถ ธประภาศสนองธู
จึงทูลยุบลภู ธรแจ้งแถลงไทย ฯ
๏ ข้าบาทธอาษา จรคลาปรีศไคล
สมยังฤทัยใน วรวากย์วิชาเยนทร์ ฯ
๏ เมื่อข้าลุธานี ธิบดีนราเชนทร์
อำรุงบลำเค็ญ จรสิ่งบขาดแคลน ฯ
๏ แม้ว่าจะยลใด ธก็ให้ประเวศแดน ฯ
ทั่วเขตณแว่นแคว้น นุประสงค์จะจงใจ ฯ
๏ ข้อยยลนิเวศน์ราช ธสอาดลออใน
แม้นเหมือนวิมานไทย สุรเทพธานี ฯ
๏ โภคามหาศาล จะประมาณก็มูลมี
กองไว้สถิตย์ที่ และอเนกอนันต์นา ฯ
๏ ทรงฟังกระมลเปรม สุเขษมธหรรษา
เหมือนได้สุธารา ชลทิพย์ธโสรจสรง ฯ
๏ สรรเสริญภเณปาน สุรชาญธิเกรียงยง
สมแท้ตระกูลวงศ์ วรเลิศประเสริฐครัน ฯ
๏ รูปีย์มณีกาญจน์ ธประทานอเนกนันต์
วัตถาวราพรรณ นุรบอบรบิลใน ฯ
๏ สิ้นเสร็จเสด็จดล จรมณฑิราไลย
อามาตย์นิวัตร์ไคล ก็สถิตย์ณก่อนกาล ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ ครั้นล่วงสหัสทวิสรัต จตุพรรษโดยนาน
จึงจอมนรินทรพิศาล นฤบาลกระษัตรา ฯ
๏ จึงมีพระราชวรประภาศ มุขมาตยแสนยา
ด้วยท้าวธมีกมลมา นพิโรธพม่ามอญ ฯ
๏ เหม่มันบเกรงศิรจะขาด ชรอาจราญรอน
ยกทัพพม่าชนนิกร จรล่วงนิคมเรา ฯ
๏ จ๋าจักกระทำกลประกอบ กรยุทธนาเอา
บ่ายบัดขจัดพยุหเช้า ประทะทัพประจัญบาน ฯ
๏ มนตรีสดับสุรประศาสน์ ณพระราชบรรหาร
น้อมเกล้าธรับพิศณุการ จรเตรียมพหลพล ฯ
๏ โกษาพระยานฤธิเบศ พลเสร็จฉกรรกนธ์
สองหมื่นนรงค์พยุหชน ยุกระบัตร์และเกียกกาย ฯ
๏ เดโชวโรวรประสิทธิ์ สุรฤทธิด้อมคลาย
กองน่าประเล่ห์อวนราย อริต่อก็ลาญปาน ฯ
๏ กองเฉียงเสวียงคะยุกระบัต จรจัดขนัดชาญ
สองหมื่นสกรรธ์พลแสะสาร และพระยาสมิงมอญ ฯ
๏ ครั้นได้พิไชยอุดมฤกษ์ ธก็เลิกพหลจร
แรมทัพพนาดรก็ผ่อน จตุรงคโยธา
๏ ม่านเมงนิคมทุรนุเขต นุประเทศธยกมา
ขอขึ้นบต่อระอิระอา ชนพวกพลากร ฯ
๏ กำหนดพหลพยุหทัพ คณนับนหุติจร
ให้เดิรพหลพลบหย่อน จรไคลประมาณการ ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ตั้งค่ายโอบไว้สามด้าน
โกษาผู้ชาญ รเบียบรบอบณรงค์ ฯ
  ๏ ห่างเมืองสองร้อยเส้นคง
หวังใจจำนงค์ บห่อนให้ชาวเมืองหนี ฯ
  ๏ ออกหาโภชนาตามมี
ในเขตบุรี อำหนตอาหารจ๋าจวน ฯ
  ๏ เที่ยวกวาดครอบครัวทั้งมวล
เสบียงพอควร ด้วยพรรษเผลียงขาดแคลน ฯ
  ๏ จำจวยจำอดทั่วแดน
ม่านเมงเคียดแค้น จำแกล่นจำกล้ายรรยง ฯ
  ๏ นายกโกษาจำนงค์
สั่งจัตุรงค์ ให้ลาดตระเวนเก็บเรือ ฯ
  ๏ สจองแพพ่วงบเหลือ
ฝูงชนจักเมื้อ บได้ดลโดยสรทีง ฯ
  ๏ สามด้านล้อมแน่นตรวจตรึง
ฝั่งนทีหนึ่ง เปิดไว้หวังใช้ในกล ฯ
  ๏ ฝ่ายพระเจ้าอังวะยล
ทวยทัพพหล ดลตั้งค่ายเปนรยะ ฯ
  ๏ ให้มังเลออกปะทะ
นอกเมืองอังวะ คอยต่อคอยต้านพลไทย ฯ
  ๏ จึงสีหราชเดโชไชย
กองน่าด้อมไคล ยกเข้าประลองกลางแปลง ฯ
  ๏ ทหารไทยล้วนเข้มแข็ง
ไล่ลุกทลวงแทง พม่าก็แตกเรรน ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ วันหนึ่งม่านนาย
คิดกลอุบาย ใส่กลแต่งกล
ค่ายคูเปิดไว้ หลบไปซ่อนตน
หวังให้เหล่าพล ไทยคิดสำคัญ ฯ
  ๏ ว่าหนีเข้าเมือง
จักพากันเนื่อง มาค่ายเรานั้น
จับเอาให้ได้ อย่าไว้ชีพมัน
พวกเราทั้งนั้น พร้อมกันภิญโญ ฯ
  ๏ จึงท่านพระยา
แม่ทัพกองน่า สีหราชเดโช
ขี่ม้านำพล ไม่รู้กลโก
กลุ้มกลัดโทโษ นำน่าพลคลา ฯ
  ๏ ตรงเข้าในค่าย
นักพลไพร่นาย เข้าไปดาษดา
พม่าพหล เกลื่อนกล่นกันมา
ฟันฟาดศาตรา ยุทธนายรรยง ฯ
  ๏ กุมแสงแกว่งกวัด
ต่างจับต่างมีด รัดแน่นมั่นคง
พลไทยเสียที เข้าที่ล้อมวง
ส่ำพวกทนคง พม่ากุมพลัน ฯ
  ๏ ด้วยอ่อนกำลัง
ชื่อกายทั่วทั้ง จำบังบทัน
เดโชมนตรี เสียทีมหันต์
ตกอาชาพลัน พม่ากุมไป ฯ
  ๏ กลุ้มรุมฟันเอา
บอาจจะเข้า ด้วยเดชมนตร์ไชย
พลหนุนมาดาษ บอาจชิงได้
พากันกลับไป แจ้งการมนตรี ฯ
  ๏ โกษาแม่ทัพ
สั่งให้ชนสรรพ ยกไปโดยมี
พระสุรินทร เร่งจรทันที
แก้พระยาสี หราชคืนมา ฯ
  ๏ จึงแต่งใบบอก
ให้ขุนกองนอก ส่งเวรศาลา
นำขึ้นกราบทูล ตามมูลมีมา
ให้ทราบบาทา พระภูวมณฑล ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ป่างพระผ่านเกล้าจุมพล
ทราบกิจยุบล ว่าพระยาสีหราชเสียที ฯ
  ๏ ทรงพระโทมนัศภูมี
เฉกกรกายี ทั้งสองอันขาดบปาน ฯ
  ๏ หวลพระทัยตรัสให้ชนการ
รีบรัดอย่านาน หาพระพิมลธรรมมา ฯ
  ๏ จ๊กให้ทายยามตำรา
ไสยสาตรมีมา ตรีเนตรธแม่นสัจจัง ฯ
  ๏ เถรเจ้าทราบเหตุโดยหวัง
จึงเข้ามายัง มณเฑียรประทับภูบาล ฯ
  ๏ จึงมีพระราโชงการ
ฆ่าศึกรอนราญ จับรามะเดโชไป ฯ
  ๏ ดีร้ายจักเปนอย่างไร
จงตรึกตามนัย ยามประเภททุกสิ่งสรรพ์ ฯ

๏ สัททุลวิกกีฬิตฉันท ๚

๑๙ บัดนั้นเจ้าคณะสงฆเลิศพิมลธรรม์ แจ้งยามธอัศจรรย์ ปลาศ ฯ
๏ แม่นแท้แน่นุชรอยบห่อนจรพินาศ ไม่นานธจักคลาด นิวัต ฯ
๏ จึงทูลจอมนฤนารถวิลนุศรตระบัด ขอไท้ถกัดชัด รไมย ฯ
๏ เดโชฤทธิวโรบวายผิวจะไคล จักกลับผจญไชย พิเศษ ฯ
๏ จงท้าวคอยธสดับนุสุนทรประเภท โดยแจ้งประจักษ์เหตุ จะจริง ฯ

๏ สัทราฉันท ๚

๒๑ ฝ่ายพวกกองทัพพม่ายิ่ง อนุศรธประวิง
ไย่จะยุดนิ่ง ไฉนการ ฯ
๏ จำนักอำนวยนราบาล และชนมรสถาน
เกลื่อนพลาญดู อนาถดาษ ฯ
๏ จองไทยจำจ่ายพม่ายาตร กพหลยยุบาท
ให้คคลาคลาศ ณเวียงใน ฯ
๏ พลางเกณฑ์กันอลวนไป บริหรชนไพร่
ห่อนบทันได้ จะไคลคลา ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ ฝ่ายกองทัพไทย
โกษาสั่งให้ ยกหนุนเติมมา
เข้าหักยื้อค่าย ปีนป่ายปการ์
จำทับโกลา หลลั่นบันฦๅ ฯ
  ๏ ส่วนพระยาราม
บได้ครั่นคร้าม ต้องจำชำงือ
ยลเมฆอากาศ ปลาดโดยชื่อ
รู้เจนเช่นถือ โดยศุภนิมิตร์ ฯ
  ๏ โอมอ่านพระมนตร์
เครื่องผูกพันธ์ตน ลุ่ยหลุดตามจิตต์
แล่นไล่เข่นฆ่า พม่าไกล้ชิด
แล้วตัดไทยติด สิบนายพ้นไป ฯ
  ๏ ชนทัศจึงคาศ
ทั้งท่านสีหราช เข้ากลุ้มชิงไชย
อาวุธข้าศึก ประหารมันไซร้
เหล่าพวกพลไทย ไล่รุกบุกบัน ฯ
  ๏ บ้างหนีทิ้งค่าย
บ้างต่อบ้างตาย สับสนพัลวัน
พม่าแตกยับ แม่ทัพก็พลัน
ถึงแก่ชีวัน เสียค่ายทั้งมวญ ฯ
  ๏ พวกไทยชนะ
กวาดครัวอังวะ มาได้ตามควร
พลไทยคุมไป ส่งไว้ที่จวน
แม่ทัพประมวล แต่งศุภสารา ฯ
  ๏ โกษาธิบดี
ให้ชวพาชี ขี่ควบรีบมา
แจ้งข่าวเดโช มีไชยคืนมา
ได้เครื่องศาสตรา พม่าชเลย ฯ
  ๏ ในวันเดียวนั้น
มาใช้คลาดกัน สามนาฬิกาเลย
เถรเจ้ายังอยู่ ทูลความตามเคย
ทรงทราบสเบย พระราชหฤทัย ฯ
  ๏ สรรเสริญครูเจ้า
ว่าดูบเดา หาผู้เสมอไม่
ถวายไตรรางวัล เปนบำเหน็จไป
เสร็จแล้วให้ไคล กลับยังอาราม ฯ
  ๏ ผู้ถือใบบอก
ทั้งสองกองนอก พระราชทานตาม
เงินทองสิ่งส่วน สมควรแต่ความ
ชอบการสงคราม ชนนำสารา ฯ
  ๏ แล้วตรัสให้กลับ
ไปยังกองทัพ ท่านเจ้าพระยา
ฝ่ายท่านแม่ทัพ มีใจหรรษา
ได้ค่ายพม่า รักษามั่นคง ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ขัษนั้นบุรีอัง วะก็เกิดวิบัติยง
อาหารก็น้อยลง จะแสวงก็ขาดแคลน ฯ
๏ ชาวเมืองเสาะหายาก ถวิบากก็เหลือแสน
ในเขตณท้าวแดน พลไทยก็กันดาร ฯ
๏ ไม่พอจะแจกจ่าย บรินายทวยหาญ
คอยคอยก็ครันนาน จะประลองก็เปล่าดาย ฯ
๏ ทวยไทยก็โดยพลัน จรคัลก็ถึงค่าย
โกษาพระยานาย ก็กระดกตระหนกความ ฯ
๏ เสียใจบสมจิตต์ ธก็คิดอุบายตาม
จำให้พม่าคร้าม กลคลาดขยาดกล ฯ
๏ นายทัพก็เห็นชอบ ชรบอบนุศาส์นสนธิ์
โกษาธสั่งชน รรจเรขลิขิตเขียน ฯ
๏ สารสั่งแสดงอรรถ นุประวัตธจำเนียน
ขอล่านุพาเหียร ชรถ้อยฉบับมี ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ ในศุภศาสนวรา บรินายมนตรี
ดังจักรประดิษฐ์ธรธุลี บทเรศณุมณฑล ฯ
๏ กรุงเทพทวาอธิบดี ณสยามประชาชน
มายังณท่านนรพหล บุระอังวะบวร ฯ
๏ ด้วยเราลคึกดลถวัต ชระบัตินิลาจร
อาษาพระภูธรนคร จรยกนิกายพล ฯ
๏ หมายตีบุรีนครอัง วะถวายธบัตดล
ให้แผ่พระเกียรติฤสกล วรเดชเกรียงไกร ฯ
๏ พลทวยพม่าพยุหทัพ และจะขับผจญไป
ซึ่งใครจะเรืองชยะกะใคร ก็ปภัยบพรั่นกัน ฯ
๏ ขัดสนเสบียงจรจะจ่าย พลตายอนันต์ครัน
ครั้นเราจะล่าพยุหนั้น บมิทันณรงค์รณ ฯ
๏ เกลือกเกรงพระภูธรจะลง ทุรโทษณแด่ตน
ตามอัยการบทวิจล กลศึกนุเข็ดขาม ฯ
๏ ขอท่านภะนายนิกรพล อนุสนธิ์สดับความ
ออกยุทธนานุจรตาม สรเหตุจะนูลไทย
๏ นี่ช่างกะไรพลพม่า บมิกล้าณชิงไชย
ขลาดดุจหญิงและฤไฉน บมิใช่ทหารชาญ ฯ
๏ จำเราจะล่าจรนุกลับ เสาะเสบียงแลอาหาร
ทำนานุโพ้นดลประการ ประไทยุมพลากร ฯ
๏ เสร็จแล้วก็ใช่ชนพม่า พชเลยนุถือจร
ให้ท้าวพระยาคณนิกร ณนครภูกามมาน ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ฝ่ายเสนาสดับสาร
บเอื้อในกาล ชะรอยไทยประกอบกล
  ๏ บตามบต่อตีพล
ทวยไทยใส่กล คคลาคคลาดกองโกรย ฯ
  ๏ สุตคิดสุดแค้นหิวโหย
พม่าอิดโรย ก็ตั้งมั่นอยู่ในเมือง
  ๏ มนตรีโกษาเคียดเคือง
เคร่าคอยเนืองเนือง บเห็นพม่าออกมา ฯ
  ๏ จึงแต่งอีกฉบับสารา
พจนพร้องกล่าวว่า บรรดาส่ำม่านในเมือง ฯ
  ๏ ทั้งนายและไพร่นองเนือง
บห่อนจะเรือง ฤทธิ์กล้าในการสงคราม
  ๏ ล้วนแต่มีสันดานทราม
หวาดหวั่นครั่นคร้าม แท้ยามเฉกเช่นอิสัตรี ฯ
  ๏ แต่ร้าวอนขอให้ตี
ทัพเราเท่านี้ เปนที่กำราบทำนูล ฯ
  กระไรตัดไมตรีสูญ
จงอนุกูล ขะยมขอทูลลาจร ฯ
  ๏ กลับเข้าสู่กรุงนคร
เฝ้าไทบวร สุดแต่จะโปรดปรานี ฯ
  ๏ ส่งให้พม่าทันที
เข้าไปบูรี แจ้งข่าวแก่เจ้านคร ฯ
  ๏ เสนาทราบสารลาจร
เฝ้าองค์ภูธร อังวะธิราชกรุงพาล
  ๏ หวั่นไหวหฤทัยแตดาร
บออกรอนราญ ตามสารโกษาส่งมา ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ กัษนั้นบดีสุรพหล มหิพลธศักดา
จึงจัดทหารสุรวรา นรฤทธิเรืองไชย ฯ
๏ สองหมื่นพหลพลนิกร ธก็ผ่อนชเลยไคล
เม่งม่านทหารทุพลภัย คชชาติและพาชี ฯ
๏ ล่าล่องจเรทวิรวัน จรจัลสดวกดี
เม่งม่านบหันพหลลี บมิเต้าผจญผลาญ ฯ
๏ ครั้นตรีทิวาปัจุศมัย สุริยไสยอุทัยฉาน
ปฤกษาพระยาพลทหาร ยุกระบัติและเกียกกาย ฯ
๏ จำเราจะแต่งกลประกอบ และจะลอบกระทำลาย
หมู่ม่านเตลงนิกรหลาย สพินาศมลาญชนม์ ฯ
๏ พวกสูจะเห็นกลไฉน กลใดพิเศษกล
ขอท่านกระจ่างกิจยุบล กลแจ้งแถลงตู ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ฟังพจนนายกผู้
นายกองคิดดู ส่ำสมฤทัยด้วยกัน ฯ
  ๏ จึงแจ้งแถลงโดยพลัน
อกข้อยก็หัน แม่นแท้แก่ท่านโดยตรง ฯ
  ๏ กลนี้เปนเลศงวยงง
ลวงล่อให้หลง แล้วล้างชีวิตให้ราญ ฯ
  ๏ ขอท่านจงทำบนาน
พวกตูคอยผลาญ หมู่ม่านให้ม้วยบรรไลย ฯ
  ๏ บัดนั้นนายกฟังไข
จึงเกณฑ์ทวยไทย ภัยทัพนายกองเกียกกาย
  ๏ ดูก่อนสูเจ้าทั้งหลาย
หาเชื้อเพลิงราย กองตามหลังค่ายรายเรียง ฯ
  ๏ แล้วสูเร่งขนเสบียง
โภชนของเลี้ยง ออกเสียจากค่ายจงพลัน ฯ
  ๏ เอาไปไว้ค่ายหลังตูนั้น
เร่งเร็วให้ทัน ในค่ำทิวาราตรี ฯ
  ๏ แล้วสูจัดแจงกายี
ปืนไฟพร้อมมี ไปซุ่มไปซ่อนแอบแฝง ฯ
  ๏ เมื่อใดเห็นเพลิงโพลงแรง
จึงค่อยต่อแย้ง ประหัดประหารลาญชนม์ ฯ
  ๏ อีกพลสองหมื่นซ่อนกล
เดิรทัพลับตน ไปซุ่มสองข้างทางเวียง ฯ
  ๏ แม้ยลเมงม่านเงียบเสียง
ปลอมออกค่ายเคียง เข้าหุ้มเข้าห้อมล้อมเอา ฯ
  ๏ จับมัดตัดฉะเฉาะเกล้า
สูอย่าใจเบา จงทำตามสั่งแห่งตู ฯ
  แม้ใครบมีใจสู้
แต่เราเปนผู้ นายกประหารลาญชนม์ ฯ
  ๏ จงเร่งรีบรัดจัดพล
กอบการตามกล ให้เสร็จสิ้นทุกประการ ฯ
  ๏ บัดนั้นนายกองลนลาน
เกณฑ์พลทวยหาญ ขนเชื้อมากองเรียงราย ฯ
  ๏ บ้างขนเสบียงวุ่นวาย
จัดแจงแต่งกาย พร้อมเครื่องอาวุธศาสตรา ฯ
  ๏ ต่างต่างซุ่มซ่อนกายา
สองหมื่นโยธา ก็แซกก็แซงรายเรียง ฯ
  ๏ แอบแฝงซุกซ่อนริมเวียง
สงบเงียบเสียง บอีงบอื้อสักคน ฯ
  ๏ คอยให้สิ้นแสงสุริยน
จะได้ทำกล ตามคำนายกสั่งมา ฯ
  ครั้นสุริยลับเวหา
สองยามเวลา โยธาก็จุดเพลิงพลัน ฯ
  ๏ ปืนตึงปึงตังสนั่น
ธุมาหมอกควัน อัคคีก็โชติช่วงแดง ฯ
  ๏ นพภางค์สว่างจ่างแสง
พวกพลรบแฝง ก็ซุ่มก็สอนซ่อนตน ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ บัดนั้นพลเมือง
บได้รู้เรื่อง ว่าเขาทำกล
เห็นเพลิงสว่าง กระจ่างเวหน
สำคัญว่าพล กองทัพล่าไป ฯ
  ๏ ต่างต่างลนลาน
ด้วยอดอาหาร กันดารหิวไส้
บ้างฉวยหาบคอน สัญจรเร็วไว
ชื่นชมหัวให้ ยิ้มแย้มไปมา ฯ
  ๏ เปิดประตูเมือง
เมงม่านนองเนือง เร่งรีบไคลคลา
เบียดเสียดเยียดยัด แออัดหนักหนา
ออกจากภารา ตั้งหน้าคลาไคล ฯ
  ๏ ถึงประตูค่าย
ชาวเมืองทั้งหลาย วุ่นวายเข้าไป
ฝ่ายพวกพหล ซุ่มตนอยู่ใน
ปล่อยปืนตับใหญ่ ครื้นครื้นพร้อมกัน ฯ
  ๏ ถูกพวกเมงม่าน
ล้มดิ้นแดดาน มลาญชีวัน
แขนขาดขาขาด ดาษดื่นกว่าพัน
พวกพลไล่หั้น กุมรัดมัดมา ฯ
  ๏ คครื้นคเครง
ล้มทับกันเอง วิ่งเข้าภารา
ฝ่ายพวกพหล ต้อนพลซ้ายขวา
สกัดเข่นฆ่า ชีวาบันไลย ฯ
  ๏ บ้างจับบ้างกุม
เชือกมัดกันกลุ้ม คุมเอาตัวไป
บ้างหนีซุ่มซ่อน แอบนอนพุ่มไม้
ซุกซ่อนซนไป ร่ำไรโสกา ฯ
  ๏ บ้างหนีเข้าเมือง
โยธานองเนือง หุ้มห้อมล้อมมา
ที่หนีรอดได้ ดีใจนักหนา
วิ่งเข้าภารา แข่งหน้าพัลวัน ฯ
  ๏ ฝ่ายพวกน่าที่
ฟังเสียงโยธี มะมี่สนั่น
ต่างต่างลนลาน หับทวารพลัน
ลั่นกลอนเขื่อนขัน ให้มั่นตรึงตรา ฯ
  ๏ แล้วขึ้นน่าที่
ระวังไพรี มิให้บีฑา
ฝ่ายพวกพหล เกลื่อนกล่นเข้ามา
ปีนขึ้นปราการ์ ต้านหน้าชิงไชย ฯ
  ๏ บ้างยื้อบ้างแย้ง
บ้างทิ่มบ้างแทง โห่ลั่นหวั่นไหว
ชาวเมืองโปรยปราย กรวดทรายลงไป
ต้องพวกทวยไทย บได้รอา ฯ
  ๏ หักเอาบได้
ชาวเมืองชิงไชย ต้านไว้หนักหนา
เห็นเหลือกำลัง ถอยหลังโยธา
ควบคุมพม่า มัดมาหมื่นปลาย ฯ
  ๏ สั่งท่านแม่ทัพ
นายกองกำกับ ขังไว้ในค่าย
ฝ่ายพวกชาวเมือง แสนเคืองระคาย
พินาศฉิบหาย มากมายเหลือตรา ฯ
  ๏ ต่างตนร้องร่ำ
กำสรวญครวญคร่ำ ถึงญาติกา
ทุกบ้านทุกถิ่น กินแต่น้ำตา
ง่วงเหงาเศร้าหา โศการ่ำไร ฯ
  ๏ ครั้งนั้นเม่งม่าน
เคียดแค้นรำคาญ เพียงเลือดตาไหล
เงียบเหงากำสรด รทดฤทัย
ทั่วทั้งเวียงไชย คร้ามไทยทุกคน ฯ
  ๏ ต่างต่างเปนทุก
บได้มีศุข บสร่างทุกข์ทน
เงียบเสียบเงียบเสียง เหมือนเวียงไพรสณฑ์
ด้วยญาติของตน พรัดพรากจากไป ฯ

๏ อินทรวิเชียรฉันท ๚

๑๑ ครั้นรุ่งทิวาวัน สุริยันธรำไพ
นพภางค์กระจ่างใส ธวิสุทธิผ่องศรี ฯ
๏ โกษาวราฤทธิ์ ธิมหิศสุเมธี
จึงให้จเรกศรี ศุภศาสน์ธเย้ยหยัน ฯ
๏ ในลักษณสารา ปรินายกานั้น
ถึงท่านณเผ่าพันธุ์ อภิพงศมนตรี ฯ
๏ ตัวท่านก็เปนใหญ่ หฤทัยบปราณี
ปล่อยให้ทหารลี ดลเขตณค่ายเรา
๏ ส่ำม่านบเฉกเชื้อ ทุรชาติโฉดเขลา
ล้วนโง่บมีเงา ทรชาติสันดาน ฯ
๏ ห่อนรู้ณไกกล นรชนจะวายปราณ
จิตต์โมหะเผาผลาญ บวิจารณะชิงไชย ฯ
๏ ราลองคยดเล่ห์ บคะเนฤทัยใน
ควรฤๅมลนให้ สพินาศมลาญชนม์ ฯ
๏ ชีวิตพลีกรรม์ อุสุนั้นบเปนผล
ทวยหาญพิฆาฏพล คณเราและเบื่อผลาญ ฯ
๏ ด้วยเปนประเวณี กรนี้ณก่อนกาล
เสียเล่ห์มลายราญ ผิวชีพบันลัย ฯ
๏ เราขออะภัยท่าน และทหารณราไซร้
อย่าโทมนัศนัย มนะเคียดณราเลย ฯ
๏ เราไซร้ก็จักกลับ พลทัพและท่านเอ๋ย
จงเปรมกระมลเชย ศุขนั้นณะก่อนมา ฯ
๏ เสร็จศาสน์ผนึกใน ธก็ให้ทหารพา
ชีชาติชเวคลา จรดลกุรุงไกร ฯ
๏ ให้นายทวารา จรคลานิวัตไคล
พวกม่านทวารใน ก็เสนอกะมนตรี ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ป่างม่านเสนาบดี
แจ้งในสาส์นศรี แม่ทัพทวยไทยให้มา ฯ
  ๏ คิดแสยงแคลงคร้ามหนักหนา
ฤทัยรอา บอาจต่อต้านชิงไชย ฯ
  ๏ ชวนกันปฤกษาคำใน
ศาสน์ของทวยไทย คิดเห็นเปนเล่ห์อุบาย ฯ
  ๏ ครั้งก่อนลวงเรามากมาย
ท่าทีจะผ่าย ล่าล่องกองทัพกลับไป ฯ
  ๏ ซุ่มซ่อนผ่อนปรนกลไก
ล่อให้ตายใจ ฝ่ายเราก็หลงลึงลาญ ฯ
  ๏ บได้คเณในการ
ปล่อยให้ส่ำม่าน ทุ่มเทออกไปเมือบเมือง ฯ
  ๏ ทวยไทยเข่นฆ่าตายเปลือง
กุมไปนองเนือง แล้วไล่ติดตามซ้ำเติม ฯ
  ๏ พลไทยยลศึกหึกเหิม
หวังจะประเดิม ชิงไชยให้ได้โดยกล ฯ
  ๏ หากว่าเราต้อนไพร่พล
ปิดทวารบัดดล ไว้ได้จึงไม่เสียที ฯ
  ๏ มิหนำซ้ำให้ศาสน์ศรี
บริภาสวาจี ตัดพ้อล่อให้งวยงง ฯ
  ๏ ครั้งนี้ถ้าแม้นเราหลง
วังเวียงบคง จะตั้งอยู่ยืดยาวนาน ฯ
  ๏ ส่ำม่านพินาศแดดาน
ชีวิตมลาญ บ้านเมืองก็จักโรยรา ฯ
  ๏ อย่าเลยตั้งรับดีกว่า
อย่าให้เข้ามา หักโหมโรมรุกรันทำ ฯ
  ๏ ปรีกษาพร้อมแล้วเสร็จส่ำ
จึงพากันนำ สารถวายอังวะท้าวไทย ฯ
  ๏ บัดนั้นนายกเรืองชัย
ตระเตรียมพลไกร คชอัศวเสร็จสรรพ์ ฯ
  ๏ จึงให้เชียงใหม่เมืองนั้น
ทัพรั้งหลังพลัน ได้ฤกษ์ก็เลิกพลจร ฯ
  ๏ ตามแนววิถีดงตอน
เดิรทัพบหย่อน ก็ลุหงษาวดี ฯ
  ๏ ตั้งค่ายประทับโดยที่
ผ่อนพักโยธี หยุดยั้งตั้งมั่นผ่อนปรน ฯ
  ๏ ฝ่ายแสนท้าวทัพลาวพหล
เดิรรั้งหลังพล จึงคิดระแวงแกลนภัย ฯ
  ๏ ปฤกษาส่ำพวกโดยนัย
บัดนี้ทัพไทย บได้นครเมืองม่าน ฯ
  ๏ พากันล่าล่องลนลาน
พวกเราจะต้าน ทานทัพอังวะกลใด ฯ
  ๏ เราพากันเมื้อเวียงไชย
ผลูแบกเร็วไว จะได้ดลเวียงราพลัน ฯ
  ๏ ปฤกษาพร้อมแล้วจรจัล
โดยผลูแบกนั้น ก็หนีเข้าป่าดงดาน ฯ
  ๏ กัษนั้นนายกผู้ชาญ
แจ้งในข่าวสาร ว่าแสนท้าวลาวหนีไป ฯ
  ๏ พิโรธโกรธหนักคือไฟ
น้อยหรือทำได้ ส่ำพวกอ้ายสัตว์เดียรฉาน ฯ
  ๏ แม้กูจับได้ประหาร
ชีวิตมลาญ ชนชีพให้ม้วยผุยผง ฯ
  ๏ สั่งพระยากำแพงเรืองรง
เดโชผู้ทรง ฤทธิเลิศและศักดา ฯ
  ๏ คุมพลสองหมื่นโยธา
ตามกุมพระยา แสนท้าวทัพลาวหนีไป ฯ
  ๏ สั่งแล้วยกพลคลาไคล
เดโชเกรียงไกร ก็แยกโดยทางดงดอน ฯ

๏ สุรางคณางค์ ๚

  ๒๘ บัดนั้นเมืองม่าน
มนตรีทหาร ส่ำม่านนิกร
ให้คร้ามขามไทย บได้เดิรจร
ออกจากนคร ไปหาอาหาร ฯ
  ๏ บ้างอดบ้างยาก
ทนทุกข์ลำบาก แสนอยากแดดาน
ซูบผอมตรอมจิตต์ ดังพิศปืนผลาญ
ส่ำพวกเมืองม่าน รำคาญทุกข์ทน ฯ
  ๏ เมื่อพลทัพไทย
ล่าล่วงคันไล เข้าในไพรสณฑ์
ได้กว่าสิบวัน บหันสักคน
บรู้เหตุผล ว่าเปนกลใด ฯ
  ๏ ต่อได้กึ่งมาศ
จึงรู้ไทยคลาด ยกโยธาไคล
บอาจเต้าตาม ด้วยคร้ามทวยไทย
อั้นอ้นจนใจ อยู่ในธานี ฯ
  ๏ ฝ่ายข้างแสนท้าว
ทัพพระยาลาว ซึ่งแยกทางหนี
เร่งรีบพลจร บผ่อนโยธี
ลุถึงบุรี ประเทศเวียงไชย ฯ
  ๏ พากันขึ้นเฝ้า
กราบทูลไทท้าว พระเจ้าเชียงใหม่
ให้ทราบเหตุผล ยุบลขานไข
ให้แจ้งฤทัย สิ้นทุกประการ ฯ

๏ วสันตดิลกฉันท ๚

๑๔ บัดนั้นพระยานครเชียง สุตเสียงยุบลขาน
ภีตาตรดกอุระละลาน ธประหว่าฤทัยหวาม ฯ
๏ ความแกลนพระเจ้ารัตนอัง วะประดังพหลตาม
มายังณเขตนครคาม จะประหารมลาญชนม์ ฯ
๏ จึงสั่งพระยาคณนิกร จรจรธเตรียมพล
รักษาประการกรประกน ปจนึกประจันบาล ฯ
๏ สังกัดพหลพลนิกาย จรรายนุปราการ
ส่ำสัตริยาวุทธประหาร ปรปักษ์ปราไชย ฯ
๏ สูอย่ากระทำกรประมาท อริราชอริณภัย
ควบคุมทหารพหลไว้ ประทะทัพณไทยหาญ ฯ
๏ แสนท้าวพระยาสุตสดับ วรรับวโรงการ
รีบเร่งจเรตุริตลาน กรเตรียมพหลพล ฯ
๏ รายรอบประการะนนุกิจ นุประกอบประการกล
เสร็จสรรพยุทะนุพหล อริรับณทัพไทย ฯ

๏ ฉบงง ๚

  ๑๖ ฝ่ายพระยากำแพงเมืองไชย
เดโชฤทธิไกร รีบเร่งพหลพลตาม ฯ
  ๏ ทวยไทยบได้เข็ดขาม
บห่อนครั่นคร้าม รีบตามเร่งเต้าไคลคลา ฯ
  ๏ บทันแสนท้าวพระยา
ที่ในมรรคา ก็รีบก็เร่งพลไกร ฯ
  ๏ โดยแถววิถีป่าใหญ่
ลุถึงเวียงไชย ประเทศแสนหลวงพระยา ฯ
  ๏ ยลพลบนที่ประการ์
คึกคักแน่นหนา รายรอบทั่วขอบบุรี ฯ
  ๏ พร้อมเครื่องศาสตรามูลมี
รักษาน่าที่ ทุกด้านทุกแหล่งตรวจตรา ฯ
  ๏ ทวารปิดลั่นแน่นหนา
โทท้าวพระยา ก็รู้ว่าลาวแขงเมือง ฯ
  ๏ ทั้งสองพระยาเคียดเคือง
เดโชผู้เรือง จึงตั้งค่ายล้อมภารา ฯ
  ๏ โอบอ้อมล้อมไว้แน่นหนา
เสร็จแล้วบัญชา ให้แต่งลิขิตสนองถาม ฯ

 

  1. ๑. ภาร ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ