สัตวาภิธาน

๏ คำกลอนเรื่องนี้คิด นามขนาน
เรียกสัตวาภิธาน ชื่อพร้อง
ล่อใจหมู่กุมาร มักชอบ สนุกนา
เด็ก ๆ อ่านจักต้อง ยั่วแย้มโอฐสรวล ฯ

ข้าพเจ้าพระยาศรีสุนทรโวหาร ญาณปรีชามาตย์ บรมนาถนิตยภักดี พิริยพาห คิดคำกลอนเรื่องนี้ สำหรับให้เด็กนักเรียนอ่าน คิดเสร็จณวันพฤหัศบดี ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบปีวอกฉศก พ.ศ. ๒๔๒๗ ลงพิมพ์ที่โรงพิมพ์สกูลพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวังในปีนั้นเอง

ประเภทสัตวในโลกมี ๔ จำพวก พหุบาท สัตวมีเท้ามากเกิน ๔ ขึ้นไป เช่น ตะขาบ กิ้งกือ เปนต้นอย่าง ๑ จัตุบาท สัตว ๔ เท้า ดุจ ช้าง ม้า โค กระบือ เปนต้นอย่าง ๑ ทวิบาท สัตว ๒ เท้า คือ มนุษ แล เปด ไก่ นก เปนต้นอย่าง ๑ อะบาทะกา สัตวไม่มีเท้า ดัง งู แลปลา เปนต้นอย่าง ๑ แล้วแบ่งออกเปน ๒ ชนิด คือ ถะละชา สัตวเกิดบนบกอย่าง ๑ ชะละชา สัตวเกิดในน้ำอย่าง ๑ จัดอีก ๒ อย่าง สัตวมีฟองมีไข่ แลไม่ต้องมีฟอง ดังช้าง ม้า โค กระบือ จัดอีก ๒ อย่าง คือ สัตวมีปีกแลไม่มีปีก แลสัตวที่มีปีกนั้นก็จัดเปน ๓ อย่าง มีปีกแขงแรง บินสูงบินไปไกล ๆ ได้ ๑ มีปีกบินได้แต่เตี้ย ๆ ต่ำ ๆ อย่าง ๑ มีปีกบินไม่ได้อย่าง ๑ ฯ

ประเภทสัตวมีเอนกอนันต์ หลายอย่างหลายพรรณมากนัก ในประเทศบ้านเมื่องหนึ่ง ก็มีแปลกออกไปหลาย ๆ อย่าง ในป่าหนึ่งก็แปลกออกไปอย่างหนึ่ง อ่าว ทเล ตำบลหนึ่ง ก็มีแปลกไปอย่างหนึ่ง ในลำแม่น้ำลำหนึ่งก็แปลกไปอย่างหนึ่ง เปนเอนกวิจิตรมากนัก เหลือกำลังที่จะรู้จักให้ทั่วถึงทุกหมู่ทุกเหล่า ข้าพเจ้าขอชักนำเอาแต่ที่รู้จัก ชักมาผูกเปนกลอนไว้สำหรับให้เด็ก ๆ อ่านเล่น ตามลำดับแต่แม่ ก กา ไปเพื่อจะได้สอบอักษรที่เด็กเรียนอยู่นั้น เปนของสำหรับเด็กแรกเล่าแรกเรียน แต่พอได้กว้างขวางในทางที่จะใช้อักษร ท่านทั้งหลายที่เปนผู้ใหญ่รู้หนังสือแล้ว ก็จะบ่นว่าเบื่อหูเบื่อฟัง ไม่มีประโยชน์อะไร ก็ตามแต่จะติจะว่าเถิด ยอมให้ติให้ว่า ชาพเจ้าเปนคนอยากจะคิดจะอ่านอะไร ๆ เล่นต่าง ๆ ตามชอบใจ คิดอะไรได้ก็เก็บเอามาว่าเพ้อ ๆ ไป เมื่อท่านผู้ใดไม่ชอบก็รับทานอภัยเสียเทอญ ฯ

----------------------------

จะกล่าวด้วยสัตวมีเท้ามาก

๏ สัตว พวกหนึ่งนี้ชื่อ พหุบา ทาเฮย
มี เอนกสมญา ยอกย้อน
เท้า เกินยิ่งจัตวา ควรนับ เขานอ
มาก จวบหมื่นแสนซ้อน สุดพ้นประมาณ ฯ
ฉบัง ๑๖ สัตวจำพวกหนึ่งสมญา พหุบาทา
มีเท้าอเนกนับหลาย  
เท้าเกินกว่าสี่โดยหมาย สองพวกภิปราย
สัตวน้ำสัตวบกบอกตรง  
ตะบองพลำใหญ่ยง อยู่ในป่าดง
ตัวดุจตะขาบไฟแดง  
มีพิษมีฤทธิเรี่ยวแรง พบช้างกลางแปลง
เข้าปล้ำเข้ารัดกัดกิน  
ตะขาบพรรณหนึ่งอยู่ดิน พรรณหนึ่งอยู่ถิ่น
สถานแลบ้านเรือนคน  
ตะขาบไต่ขอนซอนซน กิ้งกือคลานวน
แมงมุมขยุ่มหลังคา  
แมงป่องจ้องชูหางหา สิ่งใดจะมา
ปะทะก็จะจี้แทง  
ตัวแมงกะแท้กลิ่นแรง แมงสาบอีกแมง
กะชอนก็ชอนธรณี  
แมงทับวาววับแวมสี ดังนิลมณี
แกมทองระรองเรืองฉาย  
แมงค่อมคือแมงทับกลาย สีเลื่อมเหลืองพราย
แต่กายนั้นย่อมกว่ากัน  
แมงไยโยงไยพัละวัน เปนตาข่ายขัน
ซึ่งเพื่อดักสัตวบินจร  
แมงเม่าบินเข้าไฟฟอน ร้อยพันม้วยมรณ์
เพราะหมายว่าเภลิงเริงงาม  
แมงวันแมงหวี่วู่วาม แมงคาเรืองยาม
ราตรีแลสีเรืองเรือง  
แมงป่องช้างตัวเขื่องเขื่อง มีชุมข้างเมือง
มลาวประเทศเขตขัณฑ์  
แมงดาสองเภทสองพรรณ คือแมงดาอรร
ณพแลแมงดานา  
แมงภู่ตัวผึ้งภุมรา แตนต่อตัวตา
ปะขาวแลตัวเต่าทอง  
แมงปอบินไปเปนกอง โฉบแย่งยุงปอง
เปนเหยื่อแลแย่งกันกิน  
หมาร่าเหลือบยุงบุ้งริ้น ร่านรุมกันกิน
โลหิตมนุษย์สุดคัน  
ด้วงพร้าวโบยบินผินผัน ด้วงโสนดองมัน
คนมักพอใจรัปทาน  
ผีเสื้อใหญ่เล็กสัณฐาน ลายหลากตระการ
สลับวิลัยหลายสี  
ตักแตนกายายาวรี ใหญ่เล็กมูลมี
ประมาณก็เหลือคณนา  
ตัวเหนี่ยงนิลดำมลกา มันคือหมึกทา
ที่ใสสักหยาดบยล  
กลิ้งคี่เกลือกคูธระคน สัตวนี้สัประดน
โสโครกบเกลียดอาจม  
เรไรร่ายร้องระดม หริ่ง ๆ ระงม
เพรียกพฤกษที่ในไพรแวง  
แม่ม่ายลองในกระแสง เสียงแหวดแหวแรง
ระดมระดื้นพื้นไพร  
จักกระจั่นแจ้ว ๆ จับใจ จาดจ้าแจ่มใส
สังคีตประโคมอารัญ  
จะร่ำสัตวในไพรสัณฑ์ อเนกอนันต์
จะนับจะตรวจเหลือตรา  
มดแดงแฝงใบพฤกษา มดดำคล่ำคลา
มดดีดอีกมดแดงไฟ  
มดตะนอยอีกทั้งมดไร ตาลานคลานไว
มดเป้งมดคันสัญจร  
น้ำลายงูเห่าเฝ้าฟอน ไต่ตอมตัวหนอน
มดง่ามก็คลำคลาดิน  
ตัวปรวกรังดังศีขริน ตัวชันรงค์บิน
น้ำนองเอนกเลสหลาย  
สัตวในกระแสสินธุ์สาย มีเท้ามากมาย
คือปูทะเลปูนา  
ปูแสมแลปูอัศวา หมู่เปี้ยวกายา
ใหญ่เล็กหลาก ๆ มากมี  
กุ้งใหญ่กุ้งฝอยเคยมี กั้งก้ามโตตี
กระทบกระทั่งกังวาล  
พวกสัตวเหล่านี้นามขนาน มคธคำขาน
ว่าสัตวพหุบาทา  
มีเท้ามากเกินจัตวา คิดประมวลมา
ไว้ให้กุมารอ่านเขียน  
หวังเพื่อสอบทานที่เรียน ระมัดระเมียล
มักง่ายจักต้องตีรัน ฯ  
๏ จบสัตวมีเท้ามาก มูลหมาย หมู่เฮย
ลำดับนับเรียงราย เรียบไว้
นักเรียนทราบบรรยาย ยลเยี่ยง อย่างนา
จำจดบทแบบให้ แม่นแม้นคำสอน ฯ

----------------------------

๏ พวก นี้นามนับอ้าง จตุบาท
สัตว บกสัตวน้ำกลาด เกลื่อนด้าว
สี่ ทั้งป่าบ้านดาษ ดาดื่น
เท้า สี่สำหรับก้าว ย่างเยื้องจรจรัล ฯ
  สุรางคณางค์ ๒๘ ในแม่ ก กา
จตุบาทา ม้าลาจามะรี
โคกระบือปละ ปะทะหมูหมี
กระแตชะนี มีอยู่ในไพร
  ปะหมู่หนูผี
กรู ๆ จูจี๋ ในรูไม้ไผ่
พะหนูตะเพา หนีเข้าไว ๆ
หนูตะเพาไล่ หนูผีหนีคลา
  ในชลาลัย
มีจรเข้ใหญ่ เนาในคูหา
ต่อไปใต้น้ำ มีถ้ำเหรา
เข้าคู่สะขา สู่หามาไป
  หมู่เหล่าเต่านา
มีอเนกา สริราเยาว์ใหญ่
ที่นาป่าอ้อ เต่าพอใจไข่
ที่เขาเข้าใจ หาได้อะโข ฯ
  ๏ สี่เท้าแม่กน
เกลากลอนนิพนธ์ ประดนในโว
หารให้ไขคำ ลำนำใหญ่โต
ไว้ให้ดรุโณ รู้นัยไขขาน
  ชั้นใหญ่ไลย่อน
มีในป่าดอน อะฟริกาสถาน
ท่านเอามาไว้ แดนไทยช้านาน
ได้เห็นสาธารณ สกลภารา
  เห็นฟ่านผ่านไป
บนเนินเขาใหญ่ ที่ในวนา
กระเตนตุ่นอ้น เดิรด้นหญ้าคา
อิเหนเม่นหมา ในไล่หมูสมัน
  ปะหมู่หมูเถื่อน
ไคลคลาพาเพื่อน มาเกลื่อนไพรวัน
หาอาหารกิน ที่ถิ่นอารัญ
เวลาสายัณห์ ย่ำค่ำคล่ำคลา
  หนูจีนเยาว์ๆ
สินค้าสำเภา เขาเอาเข้ามา
ไว้ในถิ่นเรา ชื่อเค้าภาษา
ต่อพรรณกันมา จนกาลนานปี ฯ
  ๏ แม่กงพรรณา
จตุบาทา ซึ่งบันดามี
อยู่ในแม่กง จำนงวาที
ช้างในพงพี พาโขลงโยงไป
  เห็นกวางกลางทุ่ง
ละมั่งหมู่มุง กระทิงวิ่งไขว่
คำโองแล่นจิ๋ รี่เข้าดงไผ่
กินหญ้าไบ่ ๆ ยืนเบิ่งดูกัน
  เลียงผาโผนเผ่น
โดนผากระเดน เผ่นคล่องว่องครัน
อิเก้งเริงร้อง ก้องพนาวัน
ป่างบินโผผัน ไปพ้นต้นเต็ง
  กระจงกระเจิง
แล่นร่าร่านเริง รนร้องเสียงเรง
ฝูงลิงฝูงค่าง ครวญครางแส้เซง
ดังเสียงละเบ็ง บเว้นวันวาร
  แล่นไปโหยง ๆ
นั่นคือโจงโคร่ง ทีท่ากล้าหาญ
ปะรูหนูหริ่ง วิ่งไปลนลาน
กิ้งก่าจัณฑาล ท้าสู้ชูเศียร
  พังพอนบนพื้น
แผ่นดินดาดื่น จรดลวนเวียน
ปะงูเห่ากาฬ ที่ลานเตียน ๆ
สู้กันงูเจียน จะแพ้พังพอน
  จิ้งเหลนหางลุ่น
อยู่ที่ใต้ถุน ครุ่นๆ สัญจร
อึ่งอยู่ป่ายาง อึ่งอ่างซ่อนซอน
อยู่ใต้ไม้ขอน ใต้อ่างวารี ฯ
  ๏ ชื่อในแม่กก
ชักมาสาธก แยกยกวาที
จตุบาทา บันดาชื่อมี
ในแม่กกนี้ มีพอคณนา
  คางคกคางคาก
ใหญ่เล็กหลาก ๆ มากอเนกา
หนูพุกอยู่รู ที่คูคันนา
อีกนากกินปลา กายาเทา ๆ
  กะรอกสีแดง
ส้อนกิ่งไม้แฝง โจนแรงไม่เบา
คนไล่ว้าวุ่น กระสุนยิงเอา
ใหญ่ ๆ เยาว ๆ เอามาทุกคน
  จิ้งจกตุกแก
พอใจอยู่แต่ ที่เย่าเรือนชน
จิ้งจกร้องทัก คี่มักเปนกล
ทุกผู้ทุกคน มักยั้งฟังการณ์
  สุนักขมีมาก
ใหญ่เล็กหลาก ๆ ทั้งป่าทั้งบ้าน
หมาจูจิ้งจอก ในนอกสาธารณ
สีแดงสำลาน หลาก ๆ มากมี ฯ
ยานี ๑๑ แม่กดกำหนดสัตว ซึ่งควรจัดในวาที
คือชาติราชสีห์ ทั้งสี่หมู่อยู่หิมวัน
อีกเหล่าคชสีห์ กายินทริย์ก็เช่นกัน
แปลกแต่สีสะผัน ไปข้างน่ามาข้างหลัง
ราชสีห์มีกระหนก ยอดผันปกปัจฉิมัง
คชสีห์มีงวงทั้ง ยอดกระหนกปกบุรโต
ทั้งสองสัตวสูงสุด ฤทธิรุดม์เลิศเดโช
ถึงสัตวที่โตๆ ก็เกรงเดชเหตุฤทธิแรง
เภทพรรณราชสีห์ จัดเปนสี่ท่านแจกแจง
ปากหางสี่เท้าแดง พื้นเศวตเภทไกรสร
ปัณฑุระราชสีห์ กายามีสีเหลืองอ่อน
กาฬะมิคินทร กายาดำคล้ำหมึกมัน
เหล่านี้ล้วนกินสัตว ใจสมรรถอุต์กกรรศ์
แต่เดชยิ่งใหญ่นั้น คือไกรสรราชสีห
อันหนึ่งชื่อว่าติณะ เปนสิงหะต่ำฤทธี
กายาดุจคาวี กินเส้นหญ้าเปนอาหาร
ราชสีหสี่ชนิด ที่สถิตยป่าหิมพานต์
มีถ้ำที่สำราญ เปนสัตวกล้าร่าเริงแรง
แรดเขมรเรียกระมาด เก่งฉกาจชาติกำแหง
มุทะลุดูตาแดง มักไว้ใจใช้ลมฆาน
อูฐมาแต่เมืองเทศ สูงเปนเปรดสัตวใดปาน
กอหญ้าบนปราการ แหงนกินได้สดวกดี
ชมดเปนสองพรรณ อย่างสามัญมากมูลมี
ชมดชนิดดี ชื่อปรากฎชมดเชียง
ฝูงเขียดกายาเล็ก แต่ร้องเซ็กตะเบ็งเสียง
ดื่นดาดฤดูเผลียง กระโดดพล่านที่ธารไหล
ปาดนั้นกายาเขื่อง สีเหลืองๆ ระเรืองไร
เขฬะเปนฟองใหญ่ ที่ใบไม้พอใจจร
ตะกวดตะเกียกแล่น เอามือแผ้นเผ่นเข้าขอน
สองลิ้นยื่นสลอน เข้าซุกซอนในขอนโพรง
สำเส็ดเปนสัตวแปลก พวกเมืองแขกเลี้ยงในโรง
สีสันเศวตโพลง ผ่านด่างเห็นเช่นสุกร ๆ
๏ แม่กบมีแต่กบ เข้าบันจบสมทบกลอน
กบทูตกระโดดจร จับแมงเม่าเอามากิน ฯ
๏ แม่กมชมชุมพา เลียบภูผาน่าศีขริน
รุงรังทั้งกายิน ล้วนแต่ขนย่นยุ่งหยอง
เห็นหลิ่มในป่าหลวง เกล็ดหล่นร่วงเปนกอง ๆ
คนเก็บเอามากรอง ผูกกัณฐาต่างอาภรณ์
ลิงลมวิ่งตามลม ดูหมุนกลมสมนามกร
วิ่งหมุนดังภมร มักมีในไพรพฤกษา ฯ
ฉบัง ๑๖ ขึ้นเกยเลยกล่าวพรรณา จตุบาทา
ที่นามยันเนื่องเรื่องเกย  
ท่านผู้นั่งฟังอย่าเฉย ใดผิดที่เคย
สังเกตในเภทพรรณสัตว  
เชิญช่วยติค้านทานทัด แลแก้ไขคัด
ให้ชัดให้ชอบตอบขาน  
เสือโคร่งแรงฤทธิห้าวหาญ สัตวในดงดาล
เกรงเดชด้วยเหตุกำแหง  
เสือเหลืองเรืองฤทธิรณแรง พบกวางกลางแปลง
เข้าปล้ำขย้ำคอกวาง  
เสือดาวก้าวเดิรด้อมทาง ปะทะต้นยาง
ก็ยั้งขยับกลับหลัง  
เสือลายตลับแล่นเสริกสัง ปีปเปรี้ยงเสียงดัง
กึกก้องณท้องดงดาล  
เสือดำดุจทาหมึกประสาน ประดับตัวฟาน
ก็ฟัดแลกัดฟานฟอน  
เสือแผ้วเสื้อปลาล่าจร โตรกตรอกซอกซอน
เที่ยวเสาะเที่ยวเสพมัตสยา  
วัวเพลาะเลาะลัดเลียบผา วัวถึกเถลิงพา
พวกเพื่อนมาเกลื่อนกลาดดง  
กระต่ายออกเต้นตามพง ฟุบแฝงกอปรง
กระโดดแลโลดลำพอง  
ควายเปลี่ยวเที่ยวโดยลำลอง ใฝ่ยลฝูงยอง
ก็ไล่ประชิดขวิดชน  
เนื้อทรายเสือกวิ่งสับสน ประทะกันกล
กระบวนอันป่วนไปมา  
ฝูงแกะเกาะเลียบเนินผา พบพวกแพะมา
กันโผนกระโจนลองเชิง  
เหี้ยเห็นเม่นมาร่าเริง หนีเม่นกระเจิง
เพราะกลัวสลัดขนแหลม  
แมวดำขาวด่างดำแซม ลายเปนหย่อมแหยม
ย่อมอยู่กับคนบนเรือน  
หนูท้องขาวพบหลบเลือน หนีแมวเบนเบือน
แมวไล่ตะครุบฟบแฝง  
บ่ออกนอกทางกลางแปลง กลางวันซอกแซง
ราตรีออกซี้สัญจร  
จตุบาทบกบินดินดอน คิดกลั่นเกลากลอน
เลือกคัดที่ชัดสำคัญ  
ยังเหลือกว่านี้อนันต์ อเนกนับพัน
จะร่ำก็พ้นพรรณา ฯ  
  สุรางคณางค์ ๒๘ สี่ตีนอีกเล่า
คือจำพวกเต่า อยู่ในธารา
กระดูกกลับออก อยู่นอกมังสา
เต่าตะนุเต่านา เต่าดำลำภู ฯ
  เต่าเหมนเต่าหับ
ถ้าคนต้องจับ มันหับประตู
เหมือนปรับสนิด มิดไม่มีรู
ฝูงคนยังสู้ เอากินง่ายดาย
  เต่าชนิดหนึ่ง
เรียกเต่าขี้ผึ้ง คู่กับเต่าหวาย
ตะพาบน้ำอยู่ คู่กับม่านลาย
ตัวกริวแหวกสาย ชลว่ายตามกราว ฯ
  ตัวกระมหันต์
กายาใหญ่ครัน เขาจับเปนคราว
ลายเลื่อมเปนมัน กระพรรณดำขาว
กระเหลืองเรืองพราว พรายเพริดเฉิดสี
  เต่าจะละเม็ด
พูดจะเปนเท็จ ไม่เห็นกายี
พบแต่ฟองสุก คลุกน้ำปลาดี
มังคุดประชี โอชาชวนกลืน
  จำพวกเต่านี้
ในท้องวารี ยังมีดาดื่น
ไม่รู้ชื่อชาติ ไม่อาจยั่งยืน
ไว้ให้ผู้อื่น ท่านร่ำรำพรรณ ฯ
๏ จบสัตวพวกสี่ท้าว สองสถาน
คือบกอีกชลธาร ถิ่นท้อง
สมญาแยกไขขาน คำเรียก ไว้พ่อ
เด็กนักเรียนสวดร้อง เล่นได้โดยสบาย ฯ

----------------------------

๏ พวก หนึ่งนามมันอ้าง ออกไข
สัตว ทวิบาทไพร อีกบ้าน
สอง บาทแยกมีใน กลอนกล่าว นี้นา
เท้า เปลี่ยนสองเท้าจ้าน จัดด้วยเดิรจร ฯ
ฉบัง ๑๖ ทวิบาทจะบอกสำคัญ สัตวสองเท้าอัน
มีเภทพิเศษเปนสอง  
คือหมู่มนุษทั้งผอง ทั่วพิภพปอง
ว่าเปนทวิบาทา  
ฝูงเบื้อในอรัญญวา อีกพวกคนป่า
ก็ปองเปนสองบาทางค์  
หมู่สัตวเดียรฉานท่านวาง ปักษีสรรพางค์
คือพวกเป็ดไก่สกุณี ฯ  
๏ กกาสกุณาโนรี หว้าเปล้าดีปลี
กาเหว่าแลเค้ากู่กา  
พระยาลอคลอเคล้านกชะวา ขี้ไถกระทา
ไก่ป่าแลกาวารี  
กระสาสาริกาจระลี สู่สำพาที
ไก่ฟ้าก็ล่าลี้ไป  
เขาคูคู่เคล้าเขาไฟ คะณาตาไน
หมู่ไส้ก็ไซ้โลมา  
ไก่แจ้ไก่อูอเนกา ไก่ตะเพาพา
คณาเข้าเล้าเคล้าคลอ  
กาแกแส้สู่สอ ๆ ปะพระยาลอ
ก็ล่าก็ลี้หนีไป ฯ  
๏ สกุณแม่กนนิพนธไข คือกระเวนไพร
กระแวนแลแอ่นวาโย  
คิรบูนขมิ้นบินโผ ไปกินผลโพ
กระเตนก็เต้นเวียนวน  
เบญจวรรณห้าสีโสภณ ร่อนในเวหน
เข้าคละประทะตีนเทียน  
สกุณโกญจากาเรียน บินว่อนวนเวียน
แลร่อนถลาผาโผ  
อินทรีกายาใหญ่โต มหันต์เดโช
ปะชนเอาไปบริภุญช์  
ไก่เถื่อนเพื่อนไล่ซอนซุน ตีกันชุละมุน
ชะนะก็ซั้นขันขาน ฯ  
๏ แม่กงจำนงไขขาน รุ้งแร้งรังนาน
นางนกลกะทุงค้อนทอง  
ยางยูงมุ่งเค้าโมงมอง กระลางแล่นลอง
กระลิงก็ล่าลี้จร  
อีโก้งคลิ้งโคลงกินหนอน ปะมูลโคฟอน
กินหนอนก็นอนในฟาง  
กินปลิงลงแปลงแฝงทาง ระวังไพรคราง
ครวญคร่ำแลร่ำร้องดัง  
ฝูงหงส์ลงเรียงไม้รัง แซ่ซ้องประดัง
ในดงประดู่ดูไสว  
กางเขนขนขำอำไพ ขุนทองผ่องใส
ดังนิลมณีนฤมล ฯ  
๏ หมู่นกแม่กกอำพน ในพื้นอารณ
อรัญญิกาอาศรัย  
นกพริกจากพรากเพรียกไพร แสกเสียงเย็นใจ
กระจอกก็ซอกซ่อนซอน  
การเวกแหวกวายุจร ในพื้นอัมพร
แลส่งสำเนี้ยงเสียงหวาน  
วายุภักษแสวงภักษาหาร บินในคัคนานต์
ประทะนกแขวกแถกถา  
นกอยกร้องอ๊อกออกถลา ปะนกกวักกวา
เข้ายื้อเข้าแย่งแมงใย  
ยางกรอกเกริ่นร้องเกริกไพร โพรโดกโดดไว
บนกิ่งกระโดนโผนโผ  
นกฮูกนกตุ๊กใหญ่โต นกเงือกผงะโง
แหงนแง่นเอาผลต้นจันทน์ ฯ  
ยานี ๑๑ หมู่นกแม่กดมี กดเพลิงสีสุกแดงฉัน
กดปูด ๆ ทุกวัน บอกเวลาแห่งสาชล
ทิ้งทูตไม่ทิ้งเพื่อน บินกลาดเกลื่อนบนเวหน
เป็ดน้ำลงดำวน เวนในน้ำดำหาปลา
หัสดินบินร่ำร้อง เสียงกึกก้องท้องพนา
กระหรอดเร่ร่อนหา นางนกพรากจากไกลกัน
เป็ดไทยไล่เป็ดเทศ ผิดสังเกตเภทต่างพรรณ
แส่ไซ้ไล่พัลวัน เป็ดไทยทันพลันจิกตี
นกหัสดีลึงค์ เสียงอึงคะนึงไนเมฆี
กายางางวงมี เหมือนกุญชรช้อนชูเศียร
สัตวาปะหว้าสุก เฝ้าเคล้าคลุกบจากเจียร
เลือกผลกินจนเตียน แล้วบินบากจากหว้าพลัน
วิหคนกกระหิด อวดว่าฤทธิ์แรงแขงขัน
บินโร่โผผกผัน ถูกแผ่นผาน่าสิงขร ฯ
๏ หมู่นกในแม่กบ เข้าบันจบสมทบกลอน
พิราบพิไรวอน เหมือนหนึ่งว่าโสกาลัย
ตะขาบคาบตะขบ คับแคพบแย่งขวักไขว่
ตะขาบแค้นขัดใจ จิกคับแคแร่รนหนี
กระจาบไล่กระจิบ บินลิบ ๆ เทียมเมฆี
กระจาบไล่จิกตี กระจิบหนีลงดงดอน ฯ
/* แม่กมชมหมู่นก ฝูงพิหคทิชากร
อิลุ้มซุ่มซ่อนซอน ในสุมทุมพุ่มระนาม
นกคุ่มปากคุ้มงร พอใจจรในป่าหนาม
ใครเลี้ยงไว้ในคาม คุ้มเภลิงได้ไม่ไหม้เรือน
ทุ่งนานกตะกรุม มีมากชุมดูกลุ้มเกลื่อน
ขนเศียรเลี่ยนล้านเลือน เหนียงหนังย่นขนสาบสาง
แอ่นลมชลอลม ดูน่าชมเชิดชูหาง
รำแต้แผ่หางกาง แอ่นกายาน่าพิศวง
กระลุมภูโผผก เข้าป่ารกเร้นในพง
จับแนบแอบอนงค์ นางนกคู่อยู่เคล้าคลอ
นำชมสมบัณฑิต สมจริตดูก้อร่อ
ปีกหางช่างกรีดกรอ คอเจ้าชู้รู้ชั้นเชิง
ฝูงนกสีชมพู ไปจับอยู่ที่ซุ้มเซิง
สีแดงดุจแสงเภลิง เริงร้องแซ่แพร่ไพรสณฑ์ ฯ
๏ แม่เกยหมู่ปักษา ค้อนหอยหาปลาในวน
กระหรอดหัวโขนขน ยองหยอยย่องข้องเกี่ยวหนาม
แซงแซวจับไซ้ขน สุ้มซ่อนบนต้นมะขาม
ชูหางกางปีกงาม เมื่อยามบินผินอัมพร
หัวขวานหัวเหมือนขวาน ปากแขงจ้านแหลมงุ้มงอน
เที่ยวเราะเจาะกินหนอน ในพฤกษาพนาศรี
เค้าแมวมองขะเม้น น่าตาเห็นเช่นอย่างผี
มักเที่ยวในราตรี แสวงหาภักษาหาร
สำเนียงเสียงนกแก้ว พลอดแจ้ว ๆ จับใจหวาน
เพรียกก้องท้องดงดาล ดูน่าตื่นพื้นสกุณิน
ดอกบัวมัวหมู่มุง เที่ยวไซ้กุ้งในวาริน
เวียนกนชลสินธุ์ เสียงส้า ๆ ปลาตื่นหนี
ยางเสวยจับไสว ยอดยางใหญ่ในพงพี
เขาว่าเปนนกดี รสมังสาโอชาเหลือ
อ้ายงั่วดูง่วงเหงา จับซบเซาแอบแฝงเฝือ
จับนิ่งกิ่งมะเกลือ แล้วบินกลับลับลิบหาย
เวลาขมุกขมัว ฝูงกระตั้วเต้นกรีดกราย
ขาวล้วนนวลทั้งกาย ไล่กระแตแลสับสน
ฝูงนกต้อยติวิต ร้องหวิด ๆ แล้วบินบน
เหยี่ยวใหญ่ไล่เวียนวน จวนตัวจนด้นหนามหนี
มุดด้นพ้นเหยี่ยวใหญ่ เหยี่ยวตะไกรไล่จิกตี
หนีเสือปะกุมภี แทบชีวีจะวางวาย
เนินเขาเหยี่ยวนกเขา มาจับเจ่าอยู่เรียงราย
เห็นนกขมิ้นหมาย รุมจิกเฉี่ยวเหยี่ยวจัณฑาล
หมู่นกนอกกว่านี้ ก็ยังมีมากสาธารณ์
เลือกคัดพอใช้การ ให้กุมารอ่านเขียนลอง
หวังเปนที่สนุก โดยทำนุกแลทำนอง
ตามแบบบทละบอง จงตริตรองในวาที ฯ
๏ จบสัตวสองเท้าเภท สองพรรณ
ชาติมนุษอเนกนันต์ นับอ้าง
ทิชาชาติบินผัน โผผก ได้เฮย
ขาดตกบกพร่องบ้าง อย่าค้านคำขนาง ฯ
๏ สัตว จำพวกนี้น่า อัศจรรย์
ไม่ น่าจักผายผัน เผ่นได้
มี ตัวรีดเรียวตัน โตเล็ก บ้างนา
เท้า บมีแต่ใช้ ว่ายเลื้อยเสือกคลาน ฯ
  สุรางคณางค์ ๒๘ อปาทะกา
ตัวหมู่อยู่นา บาทาไม่มี
ได้แต่เลื้อยคลาน เสือกว่ายวารี
อยู่พื้นปถพี กับท้องชลธาร
  สองพวกประจำ
สัตวบกสัตวน้ำ จำร่ำไขขาน
พระยานาคราช ต่างชาติตระการ
งูบริวาร อเนกอนันต์
  คืองูเห่าไฟ
กายาเล็กใหญ่ มีพิษมหันต์
อีกงูเห่าดง พิษยงยิ่งครัน
งูเห่าหม้อมัน ดุจมินหม้อทา
  /*งูเหงือกงูหงอน
งูเห่าปลาช่อน รูปร่างอย่างปลา
งูเห่าตาลาน เลื้อยผ้านผ่านมา
งูทับสมิงคลา เรียกว่าทับทาง
  งูเห่าปี่แก้ว
เสียงหริงหริ่งแจ้ว เมื่อเวลากลาง
คืนค่ำย่ำฆ้อง เสียงร้องครวญคราง
แม้ขบใครวาง ยาไม่ใคร่ทัน
  งูเห่าใบไผ่
ปากจิ้งจกไว ละม้ายคล้ายกัน
งูแม่ตางาว ตัวยาวใหญ่ครัน
แสงอาทิตย์นั้น เลื่อมแสงแดงสี
  งูงอดโจงอาง
อีกงูกระด้าง งูกระปะมี
ดงเร่วกระวาน คนย่านเต็มที
พิษร้ายราวี ไม่มีใครปาน
  งูแมวแซวซบ
อีกงูก้นขบ ปล้องขาวปล้องกาฬ
ปากมีสองข้าง หัวหางป้าน ๆ
มักอยู่ชลธาร แฉะฉำน้ำขัง
  ลายสาบลายสอ
ขนดขดงอ บนตอไม้รัง
สายม่านพระอินทร์ เขียวสนกายัง
ชายธงสมิงลัง อยู่ยังสาคร
  งูแม่นางอาย
ฉวีสีกาย ลาย ๆ เหลืองอ่อน
กอหญ้าสด ๆ มักขดวงนอน
เอาสีสะส้อน มุดเมี้ยนเหมือนอาย
  งูลายเข้าตอก
พื้นดำมีดอก ขาว ๆ ประปราย
ยังงูก้านพร้าว ตัวยาวลาย ๆ
เปนริ้วเปนสาย ก้านพร้าวเช่นกัน
  งูสามเหลี่ยมใหญ่
เห็นคนถือไฟ เลื้อยไล่พัละวัน
ปะคนรู้ดี จะหนีไม่ทัน
ทิ้งไต้ให้มัน ฉกไต้ไฟฟอน
  งูหลามงูเหลือม
สีกายลายเลื่อม งูเหลือมเหลืองอ่อน
งูหลามลายมี เปนสีด่างด่อน
เปรียบกับผ้าผ่อน ปูมลายคล้ายสี
  งูเขียวหางไหม้
ต้องสาบของใคร หางไหม้อัคคี
หางลุกดังเภลิง เรืองเริงราศี
เมื่อยามราตรี จึงมีแสงไฟ
  งูเขียวหนึ่งอยู่
ที่เรือนคนผู้ ไม่ทำไมใคร
ไล่่ค้นกินหนู ในรูไม้ไผ่
คู่วิวาทใหญ่ กับอ้ายตุกแก
  งูลิงงูไซร
งูปลาอาศรัย อยู่ในกระแส
งูดินงูปลิง เหมือนจริงแท้ ๆ
งูงวงช้างแช่ อยู่ชะลาลัย ฯ
ยานี ๑๑ กกา หมู่ปลามี ในวารีคล่ำคลาไคล
ปลาซ่าแลปลาไหล เหล่าโลมาหน้าราหู
กระดี่ชะโดดุ ที่น้ำพุมีปลาหมู
นะทีมีปลาทู นำหมู่ไปในทะเล
ปลากาดำคือกา กระโห้พากระแหเห
เทโพคู่ปลาเท พากุเราเหล่าปลาหมอ
อ้ายบ้าปะปลาบู่ ก็นำหมู่เข้าเคล้าคลอ
ปลาหน้าราหูรอ รีอยู่ท่าชลาลัย
ปลาสละไม่ละหมู่ คลอเคล้าคู่ดูไสว
เข้าเม่าเข้ามาใน หมู่ปลาเป้าเคล้าคลอหา ฯ
๏ ขึ้นกนค้นนามกร วารีจรมีนานา
ปลาวาร์ณขึ้นในวา รีโผเผ่นเล่นชลธาร
กระเบนก็เบนหนี ปลาอินทรีหนีปลาวาร์ณ
ยี่สนก็ลนลาน ลี้กายาในสาคร
สีกุนวุ่นคว้าไขว่ กินไคลไซ้ที่ไม้ขอน
ปลาแป้นแล่นสัญจร เปนหมู่คละปะปนกัน
ปลาช่อนซ่อนในสวะ พอไปปะปลานวลจัน
เคล้าวนปนพัละวัน ตะเพียนผันโผวารี
ปลาเงินเงื่อนเงินทา ดูกายาด่อนใสสี
เขาว่าปลาผู้ดี เอาไว้ยลบนเย่าเรือน
ไส้ตันไส้ตันตื้น ปลาอื่น ๆ ไม่มีเหมือน
ไส้ตันเล่ห์จะเตือน ไห้ขยั้นตันใจจน
ปลาตีนปีนเล่นลื่น ประทะคลื่นตื่นอละวน
ไถลขึ้นไปบน เฉนียรน้ำทำตาแดง ฯ
๏ แม่กงปลาทุกัง แลปลาลังปลาแขยง
มังกงกะพงแฝง ฝั่งสินธูดูเหหัน
คางเบือน ๆ หาค พะแมงภู่เปนคู่ขัน
ประทะละลานกัน คางเบือนผันหันหางจร
กระทิงกระทั่งฝั่ง กระสงสั่งวังไม้ขอน
นิ่งหน่วงห่วงฟองอ่อน จำใจสั่งวังวาริน
ปลาทองท่องกินไคล อยู่ที่ในกระถางดิน
สีเหลืองเรืองกายิน ยลเยี่ยงทองผ่องแสงใส ฯ
๏ หมู่ปลาในแม่กก จะแยกยกออกขานไข
อิทุกทุกข์ถึงใคร จึงชื่อทุกข์ขุกเคืองเข็ญ
ปลาอุกร้องอุก ๆ โดนปลาดุกดิ้นกระเดน
ดุกด้านออกสร้านเซน น้ำใสเย็นเห็นกายิน
ปลาโคกนูนดังโคก ปลาตะโกกดูน่ากิน
ตะพากบากเบนผิน ปะปลาหมึกนึกพรั่นใจ
คณาฝูงปลาหมึก อยู่น้ำลึกทะเลใหญ่
กระดองผ่องเปนไย เรียกชื่อใช้ลิ้นทะเล
ฉนากจากเฉนียร วนวกเวียนเหียนหันเห
ถึงน้ำลึกเลเพ ก็ผกผันฟันฝ่าชล
กระบอกเบนบากออก โยงชักครอกออกอละวน
มาปะปลายี่สน หนีซ่า ๆ ล่าสลอน
ลิ้นสุนักข์มักเข้าร้อง ที่ใต้ท้องนาวาจร
หมู่ปลาในสาคร อเนกหลากมากมูลมอง ฯ
ฉบัง ๑๖ ปลาในแม่กดบทละบอง ปลาในห้วยหนอง
แม่น้ำแลลำธารา  
ปลากดปลากัดอัตรา กำพวดกายา
ใหญ่ยิ่งปลาตีนตาโปน  
สลาดเหล่าสลิดโลดโผน ปะปลาจวดโจน
สังขะวาดบคลาศวนวัง  
ปลาหลดลอดหมกโคลนฝัง ถึงกระนั้นยัง
ไม่พ้นมนุษขุดกิน  
สีเสียดแล่นเสียดวาริน ไล่ไซร้ไคลดิน
กระเดือกแลเสือกแล่นไถล  
ปลาแรดเศียรมีนอใหญ่ คนมักพอใจ
เลี้ยงขังกระพังสระศรี  
จละเม็ดกระดูกอ่อนดี ชาวชลบุรี
เรียกปลาสุนักข์แหงนดู  
ปลาอื่นดื่นในสินธู บ่อได้ชื่อชู
เลือกคัดแตชัดเจนใจ ฯ  
๏ แม่กบวาร์ณแกลบมีใน ท้องคงคาลัย
ทะเลอันลึกโอฬาร  
ช้างเหยียบในนทีธาร ปลาแปบ ๆ ปาน
คนบีบแลลีบกายา  
ปลาอุบร้องอุบ ๆ ปรา กฎชื่อลือชา
ตลอดจนทุกวันวาร ฯ  
  สุรางคณางค์ ๒๘ ปลาในแม่กม
จัดนับนิยม ชื่อใช้ไขขาน
ปลาพรมหนวดพราหม เรียกตามโบราณ
แก้มช้ำคล้ำปาน ประหารตบตี
  ฉลามหนามหลัง
ปลากริมริมฝั่ง คับขั้งมากมี
ปลาเข็มเล็มไคล ที่ในนาวี
นักเลงยินดี เลี้ยงกัดพนัน
  ปลาเสี้ยมหางเสี้ยม
จิ้มลิ้มจิ๋มเจี้ยม เรียกปลาจิ้มฟัน
จรเข้ดูสม กับรูปะพรรณ
แหลมเสี้ยนสำคัญ จิ้มฟันได้จริง ฯ
  ๏ นามปลาแม่เกย
ฉันจักเฉลย โดยนามทุกสิ่ง
ขอท่านทั้งปวง อย่าท้วงอย่าติง
ฉันคิดประวิง ว่าเล่นเปนกลอน
  ในเกยยุบล
มัจฉาสาชล สับสนสัญจร
คณาปลากราย สวายเนื้ออ่อน
ปลาสร้อยสลอน สลับตาเสือ
  ดุกอุยอ้ายด้อง
เที่ยวขึ้นเที่ยวล่อง เกี่ยวข้องปลาเขือ
ดาพลาวยาวใหญ่ ไซ้ไคลท้องเรือ
หัวตะกั่วเจือ ปลาซิวแซกแซง
  หมู่ปลาหมอเกราะ
ว่ายวนรนเราะ ลงมุดเลนแฝง
สวายกล้วยฟาด สังขะวาดวัดแวง
อ้ายแก้วเอาแกง กินต่างเทโพ
  ปลารากกล้วยขาว
ตัวมันยาว ๆ ไม่สู้ใหญ่โต
กระทงเหวหัน ผายผันผกโผ
แฉลบชะโล ธระทึกลึกหลาย
  ฝูงเขมาโกรย
จากถิ่นดิ้นโดย ไปโดนปลากราย
ทบท้นวนแวก ฝูงแตกกระจาย
กระจัดพลัดพราย แพร่ท้องชลธาร
  เหล่านี้นามปลา
ฉันชักเอามา รวมไว้ไขขาน
สำหรับหนู ๆ พวกหมู่กุมาร
จะได้เขียนอ่าน เพียงพอล่อใจ
  ตามลำดับแม่
ตั้งต้นนั้นแต่ แม่ ก กาไป
จนถึงแม่เกย เฉลยคำไข
เด็กเชาว์ไว ๆ รู้ได้ดี ๆ
  อีกสัตวหน้าขว้ำ
ชุมชาติสัตวน้ำ บนบกก็มี
คือหอยนา ๆ ในมหาวารี
หอยสังข์ใสสี เศวตวรรณฉาย
  แมงภู่จุบแจง
กะพงหอยแครง หอยเสียบหอยชาย
กะปุกนางลม ปากเป็ดมีสาย
หอยตาวังลาย หอยหลอดนมสาว
  พรรณหนึ่งหอยกาบ
งับ ๆ งาบ ๆ สองกาบรียาว
รอยปากสนิธ เปิดปิดเปนคราว
ภายนอกพรายพราว เนื้อในใหญ่หนา
  อย่างหนึ่งหอยโข่ง
รูปร่างโป้งโล้ง คอยอยู่ท้องนา
อย่างหนึ่งหอยขม เขางมเอามา
แช่น้ำทำยา แกงกินก็มี
  หอยทากคล้ายทาก
มักมีชุมมาก ในดงพงพี
ไส้เดือนรากดิน สัตวกินธรณี
ตัวแดงยาวรี อยู่ที่น้ำครำ
  ประดิษฐ์คิดถัว
จะว่าให้ทั่ว ถึงตัวลูกน้ำ
เกิดในน้ำเน่า น้ำขังประจำ
แลเปนต้นกำ เนิดยุงทั้งหลาย
  หมู่หนอนนา ๆ
มีอเนกา ตัวขาบตัวลาย
ปล้องแดงปล้องเหลือง เรือง ๆ พราย ๆ
มีสัณฐานกาย รีดเรียวกลม ๆ
  ว่าโดยกำเนิด
หนอนนี้มักเกิด ในที่โสมม
เผ็ดเค็มไม่เลือก มันเผือกผลซ่ม
จนชั้นอาจม มีถมดื่นดาย
  พวกสัตวเหล่านี้
บาทาไม่มี บาลีขยาย
ว่าอะบาทา สมญาบ่กลาย
นักเรียนเด็กชาย เชิญดูรู้จำ ๚ะ
๏ จบสัตวปราสจากเท้า ทั้งหลาย
คิดจัดเปนหมวดหมาย หมู่ไว้
สำหรับนักเรียนชาย เชิญอ่าน เล่นเฮย
พอเพื่อเปนทางได้ คิดค้นคำเติม ๚ะ

๛ จบ ๛

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ