ร่าย ศรีสิทธิฤทธิเดช โดยวิเศษหัตถ์ประสาน ไหว้จอมอาริยตรีภพ เคารพพระธรรมัง บังอัษฎางคิกสาวโก อิกทรงเวรพาหนโคอุศุภราช เลอบัลลังก์อาสน์หงส์สุพรรณ บรรทมแท่นกระเษียรสินธุ์ อินทรทรงสารเศียรตรี ชุลีเทพยถ้วนทุกส่ำ ค่อยร่ำพจนขอพร อมรทุกหมู่อยู่ฟ้า ข้าขอขยมภิวันทน์ บรมจอมยศถวัลยภพ จบตลอดทวีปทุราทุเรศ ขอพระเดชปกเศียร ขอเพียรผูกฉันท์พจน์ บทอดีตประทุมวดี มีลักษณอรรถโดยกล่าว เล่าอรรถก่อนกี้ แสดงยุบลระบอบชี้ เรื่องไว้นี้นา

๑๑ ปางนันยังมีนาง อัปสรเทพกัลยา
เนาวทิพยพิมา- นสวรรค์เกษมศานต์
๏ นานามณีรัตน์ ระดับทิพยพิมาน
คือแก้วประกอบกาญ- จะนะย้อยระยาบพราย
๏ จวบสิ้นกุศลผล ชนมายุโดยหมาย
เบือนเบื้องพบูกราย กรเผยพระแกลพลัน
๏ เยี่ยมพักตรพิมลเพียง พิมานมองณหิมวันต์
สบสระอุบลวัน อุดมดอกอรชร
๏ นางคิดพินิจใน จิตแสนสโมสร
เคลิบเคลิ้มพระองค์อร จุติจากพิมานมา
๏ เข้าปฏิสนธิ ณปทุมครรภา
เป็นองค์วรทา- ริกในอุบลบัง
๏ ฝ่ายดวงประทุมชาติ ก็เอนเกสรประนัง
ห่อกลีบละอองยัง มิใคร่แย้มผกาบาน
๏ ป่างนั้นยังมีดา- บสหนึ่งสำรวมฌาน
เนาวอาศรมสถาน สถิตแทบสโรบล
๏ อาศัยสระนั้นทุก ทิวนิจนิรนต์
ฝักเง่าอุบลชล ปริภุญชทุกวัน
๏ รุ่งเช้าก็สู่สระ ชำระพักตรนิรันต์
เก็บฝักอุบลฉัน สฤทธิคืนพระอาศรม
๑๖ บัดดาบสนั้นบรรทม ครั้นสุริโยดม
จรัสแจร่มรุ่งราง  
๏ รุ่งโรจน์โชติช่วงนภางค์ นภาเมฆางค์
วนาสนั่นสำเนียง  
๏ สำนานเสนาะแว่วเสียง คือศัพท์จำเรียง
จรุงบำเรอในพน  
๏ ฤๅษีแว่วศัพท์บัดดล บัดดาบสตน
และตื่นตระบัดบัดใจ  
๏ เผยเบื้องบานบัญชรชัย เยี่ยมพบูไป
สายแสงตะวันบรรยง  
๏ ลุกจากเตียงเต้าไต่ลง บันไดโดยจง
ก็ลุยังสระอุบล  
๏ สองพระกรโกยกอบชล บ้วนโอษฐสีทนต์
ชำระพระพักตรภักษภุญช  
๏ เล็งทั่วสระบัวมัวมุล เพื่อประโยชนภุญช
พอพบดอกบัวมหันต์  
๏ เติบตูมหุ้มหุบใหญ่ครัน มุนินทรหจรรย์
ก็มองเขม้นมนฉงน  
๏ ตริเสร็จโจนสู่สระชล ว่ายวักแหวกวน
โถมถีบชลาคลาไคล  
๏ ลุดอกอุบลมไหย กรหักบัดใจ
ก็คืนสถิตปารา  
๏ ปางพระมุนินทรจินดา ด้วยประทุมมา
มนัสเกษมเปรมปรีดิ์  
๑๔ ปางนั้นมุนินทรก็คลาย อุบลกลีบทฤษฎี
บงทาริกาอรก็มี สิเนหจิตคือธิดา
๏ เสร็จนำอุบลพิมลดวง ประทุมชาติบุปผา
สู่ที่สถิตบวรอา- ศรมบทตระบัดดล
๏ ครันถึงก็วางอรณมัญ- จะกะกับผโกมล
เสกซึ่งอังคุษฐกษิรชล ก็อุบัติบันดาล
๏ นางนั้นก็ดื่มขิรณอัง- คุษฐแห่งพระวงศจาริย
ครั้นบัวมิลาตพระอิศิฌาน ธก็เปลี่ยนอุบลโปรณ
๏ เนานานประมาณชนมไว- ยวสายุพาโกน
ดาบสถนอมอรพโอน กินแลนชวัดวน
๏ รอยบทบาทบังอรนาง ก็มีชาติจงกล
รองบาทวลัญชรยุคล บททุกดำเนินเทา
๏ ดาบสธยลสมรดวง ธิดาเดินและย่างเยา
ยลดวงอุบลอุบัดเทา ธก็ดุจดีดู
๏ พิศผิวพิมลพรรณฉวี บทองคพบู
กุกกุษฐราสฤพธู ก็สมรรถเสมอพรรณ
๏ เว้นแต่ฉวีอมรเทพ มนุษย์ทั่วณไกวัล
จักเปรียบเสมอสริรพรร- ณก็ป่วยพิกลยล
๏ หญิงใดณจัตุรทวีป สมะมุกขมณฑล
ยากที่จะหาสมรยล ยุพเรศบรางมี
๏ ดาบสประทานนิกรนาม พนิดากุมารี
สมเยศพระนามประทุมวดี อนุพันธุโดยวงศ์
๏ นางเนาพนาศรมสถาน กำหนดนานพรรษาทรง
เยาวยิ่งสภณชนม์บง บมีภัยพิกาลพาล
๏ เช้าเพลก็ปฏิบัติดา- บสคือศีลาจาริย
ทุกขภัยและเครื่องกมลดาล ก็บดลกำเดาแด
๏ เป็นนิจนิรันดรกระษม พยาธิโรคก็ห่างแห
ด้วยนางสร้างกุศลแล ผลก่อนก็โดยมา
๑๖ บัดเบื้องนั้นมีราชา ผ่านภพพารา
ณศรีบูเรศโรจน์เรือง  
๏ ม้ารถคชเรศนองเนือง ไพร่ราษฎรพลเมือง
มไหมโหฬาฬาร  
๏ ปราสาทราชมนเทียรสถาน งามคือไพมาน
ดุสิตมิ่งแมนเวียง  
๏ สนมเสนอพักตรเพียง อัปสรเนาเมียง
พิมานพิมลมุขมอง  
๏ เริ่มรุ่นสุนทเรศลำยอง พบูคือทอง
แปดเนื้อชเลศลายทา  
๏ ดั่งอัปสรเทพกัลยา เสร็จจากแต่รา-
ศีสู่เศวตฉัตร  
๏ เต้าตุมพุ่มเปล่งเคร่งครัด ดุจโกเมศทัศ
เทียบทุกอุระพธู  
๏ โอษฐ์เอี่ยมเยี่ยมแย้มยิ้มดู ดุจกลีบบัวปู
ปองปิดปวักษา  
๏ ทุกรูปคือรูปเทพา แปลงปลอมกายา
และเทาสถิตปรางค์ทอง  
๏ ท่านไท้ธิราชสมพอง ด้วยนางเนืองนอง
อเนกนิกรกำนัล  
๏ มีนายวนาอรัญ ท้าวประสาทสรรพ์
รังสฤษฎ์ให้เทาเถื่อนไพร  
๏ เพื่อดูปริปูเนาใน หากพบใครใด
แปลกปลอมผลูหลงมา  
๏ นายวันจาริกคลา นำเหตุกิจจา
มาทูลคดีราชี  
๏ บัดนั้นทเมินไพรกระลี เทาในไพรศรี
เลียบเลาะแลเมาะมุ่งเมิน  
๏ ยอบย่องท่องเที่ยวเถื่อนเถิน ทั่วแถวแนวเนิน
พนานิเวศน์วังเวง  
๏ พุมบัตพัดพายเพียงเพลง สนั่นบรรเลง
คือสาวสวรรคบรรยง  
๏ มาเมียงแมกพฤกษาตรง จำเรียงสำนง
สำเนียงสนั่นบรรโลม  
๏ ริมธารสินธุกรูโกรม ครึมครึกครึ้นโครม
อคึกอุโฆษสิงขร  
๏ พฤกษาทรงช่ออรชร ผลดอกดาษดร
ระดะดิราสาครินทร์  
๏ นานาผลหล่นลอยสินธุ์ ส่ำตรีฮุบกิน
เป็นภักษภุญชาหาร  
๏ บางต้นผลิดอกตระการ รสกลิ่นหอมหวาน
และโรยเกษรสู่ชล  
๏ มัจฉาคลาไคลว่ายวน แหวกสาครดล
เรณุแฉลบลอยกิน  
๏ กริมกรายพยัคพยัคฆิน สร้อยซ่าซิวกิน
เรณูบุปผาทุมามาลย์  
๏ โกฏโกกโคกกากาน หิรัญลอยธาร
แลกัจฉะปาพาบชล  
๏ ว่ายแวบวิ่งแข่งข้ามวน แฝงตมฝากตน
สินธูกระเทือนทาบทาบ  
๏ เต่าว่ายแหวกวนวูบวาบ ถีบเท้าเทิบทาบ
ทอดใจเป็นไพรพรูพรู  
๏ บานบางพร่างพรายทรายดู ดั่งแก้วไวยู
ประมาลงการกลกัน  
๏ บัดพรานข้ามโตยโดยพลัน มุ่งมองมฤคัน
อาคุมพแมกไม้เมียง  
๏ หนามชัฏตัดเตะบาทเผดียง ปาสาณสกันธ์เคียง
ก็เขี่ยค้อนคัดโยน  
๏ พานรพายุจุ่นโยน พะพันทมิฬโจน
จากกิ่งทุมาคลาหนี  
๏ จวบลุสิวาศนิสี อาศรมมุนี
สำเนาสำนักนักพรต  
๏ พรานบ่งศิวาดาบส จินดาแดทศน์
ฉงายชะง้ำมวกมอง  
๏ สบนาถทวยบทบัวรอง อ้อนแอ้นลำยอง
จรเจียจรเจิดเพริศพราย  
๏ ควรเราจรคืนกรุงถวาย บังคมบรรยาย
เหตุแก่ธิราชราชินทร์  
๑๙ กัษณนั้นนายพะนะก็ผายวลัญชรก็ผิน  
มุกขสู่นคริน- ทรา
๏ หลีกลัดตัดมรรคผลูก็จรคลา  
เร่งรีบตุริตรา ทุเรศ
๏ เทาไป่หึงก็ลุล่วงลำเนาสิขรเขต  
บัดล่วงพนาเวศ วนานต์
๏ พู้นแถวแนกพนพฤกษพรรคณพิศาล  
ล่วงสู่ทวารชาน บุรินทร์
๏ เบื้องนั้นทเมินวนก็รีบคมยลิน-  
ลาศสู่นิเวศมุนิน- ทรา
๏ บัดดลแลพรานทเมินวนก็ปรา-  
โมทย์มนัสสาแสน ทวี
๏ ปางสมเด็จภูธรานรินทรบดี  
จรดอาสนมณี วรำ
๏ พร้อมนางเสนางค์มุขมัตยานิกรส่ำ  
กำนัลสนมบำ- เรอไท้
๏ บัดนั้นทเมินวนาก็น้อมศิรุตไม  
เคียมแล้วก็ทูลไท บดี
๏ จำเดิมอาทิวสานไกวลวจี  
แด่ภูวนัษตรี บนาน
๑๑ ปางปิ่นภพนาถ มกุฎิราษฎร์นฤบาล
แจ้งกิจกมลปาน อมฤตเจือใจ
๏ ปรีดีฤดีดัง เสวยทิพยพิมานชัย
จินดาฤแดใน อธึกนึกคะนึงปอง
๏ โองการดำรัสสั่ง อมาตยมุขทั้งผอง
เร่งจัดพหลกอง พยุหยาตรเตรียมไตร
๏ บัดเสวกามา- ตยเสาวนีย์ใน
เคียมบาทยุคลไท ก็เทาทัศน์ระดับพล
๏ ขุนสารก็ผูกสาร และขุนแสะก็สับสน
ขุนรถก็เกลื่อนกล่น จรกลุ้มทุกส่ำสม
๏ รีบเร่งกระบวนจัด พลเสร็จก็คุมคม
พักพรรคพลาสม และสมรรถสโมฬาร
๏ เทียบเกยกระหนกแกม มรกตประกับกาญจน์
รถไหยส่ำพาล พลนายก็ไตรตรา
๑๕ พลคชคชยิงเอรา หางแลงวงงา
ก็งอนงาม  
๏ พลคชคชอุทาม บ้ามันซรุมซราม
กระหึมครึม  
๏ พลคชคชบ้าบึม อุมัติกติลซรึม
ก็ยืนยัน  
๏ พลคชคชมหันต์ มาตังคพัน
ธุการิน  
๏ พลคชคชถวิล ร้ายริปูยิน
ก็ย่อหนี  
๏ พลคชคชฤทธี เอกทนต์สระพังคี
ก็ไป่ปาน  
๏ พลคชคชเริงราน หนึ่งอาจสู้สาร
สหัสตรี  
๏ พลคชคชก็มี ฤทธิอาจขยี้
สิเนรุทลาย  
๏ พลคชคชงาย สูงสกนธ์กาย
ก็พีพ่วง  
๏ พลคชคชงางวง ดุจเสยดาวดวง
ตะวันจันทร์  
๏ พลคชคชฉกรรจ์ หมอควาญแข็งขัน
คุมของ่า  
๏ พลคชคชศิรา ส่ายสะบัดงา
ทุโสตรปรบ  
๏ พลคชคชคงรบ ปืนธนูหลบ
บพานขน  
๏ พลคชคชฤทธิรณ แทงวลัญชรชนม์
พิลาลัย  
๏ พลคชคชฤทธิไกร แทงฉายประลัย
พินาศชนม์  
๏ พลหัยหัยคำรน ร้องกุลาหล
ณเวหาสน์  
๏ พลหัยหัยผงาด ดุจสิงหนาท
ณคูหา  
๏ พลหัยหัยก็คลา ดุจพยุพา
ทิฆัมพร  
๏ พลหัยหัยสุนทร สินธวอมร
ก็ไป่ปาน  
๏ พลหัยหัยชำนาญ เศิกยลสะท้าน
ณทั่วแดน  
๏ พลหัยหัยก็แล่น เล็บเขี้ยวคือแหลน
สลากรด  
๏ พลหัยหัยพยศ ดุจถีบบรรพต
ปลิวกระเด็น  
๏ พลหัยหัยผกเผ่น อาจแข่งลมเข็ญ
ทุราจร  
๏ พลหัยหัยเร็วร่อน อาจข้ามสิทันดร
ชลายาตร  
๏ พลหัยหัยพิลาศ หลังพักตร์ผ่านพาด
ประดุจเขียน  
๏ พลหัยหัยเสถียร ดุจใบโพธิ์เจียน
ประภัสสร์  
๏ พลหัยหัยสมรรถ วิ่งณหว่างปัช-
ณินัมพร  
๏ พลรถรถเคลื่อนคลอน ดุมกำแปรกงอน
ปลังกง  
๏ พลรถรถยยง ดุจไพชยันต์ทรง
อมรินทร์  
๏ พลรถรถเทียมสิน- ธพจรลิน
คระไลไคล  
๏ พลรถรถไสว งามแจร่มจุไร
รุจิเรข  
๏ พลรถรถอเนก ธุชพายเวก
ก็งอนงาม  
๏ พลรถรถอร่าม แอร่มกนกนาม
ภุชงค์ยง  
๏ พลรถรถระหง เศียรนาคเสลิกพง
พังพานบน  
๏ พลรถรถถกล ศิรนาคนาคนน
ทฤๅปาน  
๏ พลรถรถพิศาล สารถีทะยาน
ธนูง่า  
๏ พลรถรถวรา นายขี่กุมคธา
ธเรศจโร  
๏ พลรถรถปรโม นายขับกุมโต-
มะรำรำ  
๏ พลรถรถหลายส่ำ เทียมหัยดำ
เถกิงกล  
๑๔ ปางสฤษธิขบวนพลระดับ ก็ประทับพลาหน
ยังพักตรพราวรมณฑล ชนพิศก็เยียยิน
๏ ส่ำคชก็เคียงคณคเชน ทรธึกอลังกิน
ข่ายมาศกระพองปกศีรษะกรินทร์ ก็ระยับระย้าเยีย
๏ ภู่จามรีวรเศวตร ประทาบกรรณคฤๅกันเจีย
เหมรัตน์ระดับระดะระเดีย รวิกลวิกาญจนพรรณ
๏ ผ้าทิพย์ก็ทาบคชขนอง วรปักเป็นเครือวัลย์
ก้านดอกก็คาบบุตรอนัน- ตระบัดทุมาลยกาญจน์
๏ เพชรนิลก็แนมณมรกถต กนกบุษปมาศมาลย์
ลายภาพและเทพพนมกาญ- จนกรก็อ่อนระทวย
๏ ช้อยหัตถ์ฉวัดกรก็หัก พะเยียเยี่ยงจะนาดนวย
ดุจเทพณแมนอมรชวย กรเชิดประเทิดฟอน
๏ เยี่ยมแย้มและแฝงพักตรวิมล วรแมกพระองค์อร
แฝงก้านและเกี่ยวบวรกร ก็ถกลเถกิงพราย
๏ หมอควาญก็กุมอังกุศเงือด ชนักง่าประงันหงาย
ค้ำขอลออสุวรรณลาย และกูบกาญจนำไพ
๏ สายรัดสะพักอุระคเชน- ทรหงสแกมไพร
ทูลทิมแลโทกุญชรไพ- จิตรปลอกมณีกาญจน์
๏ ส่ำสินธวัศฏรไหย ก็ระดับอลงการ
ดาราระยับพักตรประพาฬ ประดุจดาวณอัมพร
๏ บังเหียนและขลุมพักตรสะพัก และเบาะอานก็สุนทร
นายขับก็กุมตุมรกร ขยับง่าเป็นท่าเทง
๏ บ้างกุมธนูศรกำสาบ บุตรซาบก็ลายเลง
ยางชงฆและยาพิศม์เผลง แต่ลมต้องก็เดือนตาย
๏ บางเหล่าดุรงค์ก็ประวิช ขบวนเศอกสกรรจนาย
ถือทวนธวัชก็รำกราย นยเหลือบชำเลืองแล
๏ บางเหล่าและเง้ากรก็เงื้อ อัศวเรศก็เหี้ยมแห
ยลนายและกรายธุชแปร พักตรแซงประสมเพลง
๏ บางเหล่าก็กุมอสฤใส่ ลุหะเกราะก็เหมาะเหมง
ขี่ขับดุรงคอลเวง อวุธหัถก็กวัดไกว
๏ ปวงเศอกพฤนทรดัษกรอื่น ก็บเอื้อบังอาจใจ
แต่นายสถิตยปฤษฎงคไห ยเดียวอาจจะรณพัน
๏ ส่ำรถก็เรียกดุรงคเทียม หยถ้วนทุกสิ่งสรรพ์
แต่รถละรถคือวิชยันต์ สุริเยศก็ไป่นาน
๏ ปราลีประงอนธวัชพา ยุหโบกสบัดพาน
ริวริวระยับสุริยกาล ดุจลิ่วโพยมบน
๏ นายขับก็กุมสุวรรณแซ่ แลธนูวรำภณ
เหนี่ยวสายชำเลืองหลิ่วจักษุก็ยล ประทับถ้าสง่างาม
๏ ปางเสร็จแลนายพลก็ตรวจ คณพลนุพลตาม
หมู่ถ้วนขะบวนพลวราม สฤทธิพร้อมสกนธ์พล
๏ เบื้องนั้นและเสวกะก็ทูล ธุลีบาทยุคล
บัดเบื้องบดินทรจุมพล สดับเปรมกระเษมสันต์
๑๑ ปางรุ่งอรุณเรือง แจร่มพื้นโพยมบรร
เจิดแสงสุริยอัน รุจิตรทั่วธราดล
๏ ปางปิ่นนรินทรนเรศ ถวัลเยศวรำพน
รุ่งแสงพระสุริยนต์ ผทมฟื้นพระเนตรพลัน
๏ บัดสรงพระพักตรเสร็จ เสด็จทรงเสวยสรร
พาโภชนาอัน อุดมรศวโรชา
๏ เสร็จสู่ครรโภทก สุคนธทิพย์ชโลมทา
แจะจันทสุคันธสา หัศกลิ่นก็กำจร
๏ เสร็จทรงสุพรรณเครื่อง วรราชอลงกรณ์
นานาวราภรณ์ สลับสีมณีกาญจน์
๏ เสร็จทรงพระแสงขรรค สุราวุธวโรฬาร
นวยนาดพระกรปาน อมรจากสุเมฆาง
๏ เสร็จสั่งสนมโลม สุรราชกัลยางค์
เสร็จจากนิเวศน์ปราง จรดเกยสุวรรณพลัน
๏ เสร็จทรงกุญชรชาติ คเชนทรเชื้อเอราวัณ
งางวงก็งามครัน กิรินีกนาบแนม
๏ ส่ำปี่ไฉนน่า ขนัดน่าชวาแซม
โหม่งครุ่มสนั่นแกม เสนาะศรับทกาหล
๏ ฝ่ายนายทเมินวัน ก็นำน่าคณาพล
มุ่งหมู่พนาสณฑ์ จรโดยมรรคคลา
๑๖ บัดนั้นนิกรโยธา ทวยหาญโกลา
หลโห่กรโหมโครมครืน  
๏ กุมหอกแหลนหลาวง้าวปืน ย่างเหย่าหยุดยืน
ขยับเปนถ้าน่าดู  
๏ บางส่ำสรรพ์ปวงพบู หนวดเคราเมาซรู
สาตราสองกรกำรำ  
๏ ดั้งโล่โตมรส่ำกำ ซาบศรธนูนำ
หน้าดาบก็รำกรีดกราย  
๏ บางส่ำรำกระบี่ฉาย เชิดฟอนกรกาย
ก็อ่อนระทวยทั้งทรง  
๏ บางส่ำคือส่ำดุรงค์ หมอขับอันยง
เหยาะย่างพยศงดงาม  
๏ บางตัวตื่นเต้นฉามผลาม คำรนอุทาม
ทะลึ่งทะโลดลำพอง  
๏ นายขับกุมทวนคร่ำทอง บ้างถือสัตรฤมอง
ก็เมินชม้อยเมียงเชิง  
๏ บ้างถือเขนทองเถกิง ฤทธิร้ายแรงเถลิง
ยังปฤษฎางค์ดุรงค์  
๏ ขี่ขับควบเข้าเทาดง เร็วรวดยวดยง
อย่างเหาะก็ปุนปานกัน  
๏ ส่ำสารสารทรงทรงธรรม์ เฉกไอยราวัณ
ก็งามก็เงื่อนเตือนชม  
๏ ทรงพระที่นั่งคชคม คฤๅเศวตรพลายสม
สมรรถประมาคืออินท์  
๏ เสร็จเนาวกูบกาญจน์แกมจิน- ดามณีแนมนิล
ช่อนพรัตนเรียบราย  
๏ รอบกูบขลิบกาญจน์แพร้วพราย เครื่องทรงทรงฉาย
ฉวีวะวาบวาววาว  
๏ พรายพรายพร้อยพร้อยพราวพราว พลดาดดุจดาว
ประดับประดาดวงจันทร์  
๏ ส่ำคชคชเดินดอมกัน ร้องก้องหฤๅหรรษ์
เพียงพื้นพนาทำลาย  
๏ ขุนขี่คอขับคชพลาย ง่าขอรอราย
แลกุมจรีร่อนรำ  
๏ ขุนรถขับแข่งแซงสำ- เนียงก้องกงกำ
เสนาะสนั่นบันลือ  
๏ นายรถถ้วนรถล้วนมือ กุมแซ่แลถือ
ธนูชำเลืองเล็งพลาง  
๏ โห่ร้องก้องแถวแนวทาง เพียงฟ้าล่าพาง
เมฆินก็เทือนทำลาย  
๏ สางสิงห์เสือซอนซอกกาย ห่อนใกล้กล้ำกราย
ด้วยพวกนิกรโยธา  
๏ วิหคหงส์โกญจโมรา ต่างชวนคณาพา
โปดกแลคู่ครรไล  
๏ ส่ำสัตว์ทุกสัตว์ตกใจ ตกพุ่มพู้มไพร
เจียนลานตะลึงลืมตน  
๏ กิเลนนรสิงห์สับสน วิ่งหนีเหนียมคน
ก็เทาสถิตเพิงผา  
๏ กินรจรสู่คูหา พลัดเพื่อนลืมพา
กนิษฐเชษฐแนบเนา  
๏ จตุบาททวิบาทเบือนเทา หลบซอกซ่อนเอา
ตัวหนีขนางห่างไกล  
๏ ทัพทศโยธาไท กึกก้องทั่วไก-
วัลวันสนั่นสำเนียง  
๑๑ ปางปิ่นถวัลยา นคเรศแรมเวียง
แดดาลกมลเมียง ณกูบกาญจน์กุญชรไชย
๏ ลมหวนริณูหอม บุปผชาติจรุงใจ
กลั้วกลิ่นตลบไพร กลกลิ่นพระปรางนาง
๏ พระเน่งคะนึงนึก คะเนชมพระโฉมพลาง
ชมพฤกษไพรกลาง วนเวศบวายกรม
๏ ร่ำเร่งพยุหทัพ จรัลรีบทุราคม
พลางเร่งพระเนตรชม รุกขชาติวลีวัน
๏ ตั้งพักตรบ่งชม วรพักตรเพ็ญจันทร์
ชื่นกลิ่นสุคันธสรรพ์ บกลกลิ่นสุดามาลย์
๏ พระนึกคำนึงใน มนัสแต่ผู้เดียวดาล
บ่งพักตรใดปาน จะปานพักตรพระนุชนวล
๏ โอเวรุบุญฤๅ กรกรรมประกอบชวน
ให้วันทเมินจวน ประจวบจิตตรงตรู
๏ หากพรานนิเทศทูล ยุบลเหตุลวงตู
คุ่งเมื้อมฤตยู ศิรเด็จดั่งสัจจัง
๏ มาททูลกรณเที่ยง วนพรานจะปรมัง
สิ่งสรรพโภคัง จะเสนอสนองคุณ
๏ ทั้งเราก็จักร่วม รสนาฏอันโสมสุนทร์
เชิญสู่ขนองกุญ- ชรรถจรดเวียง
๏ แล้วแอบสะอื้นอาย หัตถ์ปิดพระโอษฐเอียง
ยิ้มยิ้มละไมเมียง นุชแมกณกูบกาญจน์
๏ เร่งพลพหลรีบ จรในพระหิมพานต์
ข้ามห้วยสีขรธาร ถลมารคทุราคมน์
๏ จวบดลอุบลสระ แลจวบลุวนาศรม
นานาทุมารมย์ ผลดอกตระการงาม
๏ ก้านช่อก็ช้อยชด ขนดใบก็เบนตาม
วัลลีย์ลดาทราม กำดัดเกี่ยวประสานกัน
๏ กลชายชำนาญชน กรก่ายทวัดถัน
ลางนางสกนธพัน สไบตกตะลึงชาย
๏ ชมหมู่ทุมาวัล- ลิยพันมากมาย
ดลแดนสโรคลาย พลดลอาศรมพลัน
๑๖ คลายคลายพลเคลื่อนดอมกัน ดลโรชอัน
เกษมกระสินธูนอง  
๏ พระพักตร์พระผ่อนพลกอง ทัพเสนานอง
สนุกสนานบันเทิง  
๏ แสะสารถ้วนส่ำสำเริง สำราญริมเชิง
ติราสโรชรวยริน  
๏ หึ่งหึ่งผึ้งภู่หวู่บิน ร่อนรอบมุจลินท์
เกลือกรสละอองเรณู  
๏ พายพัดระบัดวู่วู หวนหอบสคันธชู
รสรื่นภิรมย์รมยา  
๏ พักปวงนิกรโยธา ประทับแทบติรา
สโรชสำราญกมล  
๏ ภุญชภักษฝักเง่าอุบล บ้างลงอาบชล
ชำระกรัชกาย  
๏ สินธุเฉนียนฟูมฟาย เย็นใสบ่งทราย
ปารังระบัดปัดตฤณ  
๏ สังกาศสรุชมุจลินท์ อมฤตวาริน
อมรมารังสรรสรรค์  
๏ จับจอกหนูแหนอนันต์ สร่ายรุ่นพัน
ตบติ่งเต่าต่อตระการ  
๏ เสนาโยธาทวยหาญ เสพสุขสำราญ
สำเริงกมลเปรมปรีดิ์  
๒๘ บัดส่ำส่ำพล  
ทวยหารพาหน เสนาโยธี
ถ้วนส่ำนฤทุกข เป็นสุขสุขี
ม้ารถหัสดี ผ่อนพักสำราญ
๏ พายโชยเฉี่ยวฉิว  
หอบเรณูปลิว ปละปล่อยลงธาร
น้ำในมุจลินท์ รสกลิ่นหอมหวาน
อาบกินชื่นบาน เสบยสบาย
๏ มีหมู่มัสยา  
เค้าโคกโกกกา ดุกดักกริมกราย
อ้ายด้องชะโด เทโพสวาย
คางเบือนบู่ลาย พาคู่คู่เคียง
๏ โสงเสือสีเสียด  
เนื้ออ่อนละเอียด กะรังว่ายเรียง
สนสร้อยสร้าซริว หางกิ่วแอบเอียง
เขือหมู่หมอเมียง ปลาตีนตะเพียน
๏ กะแหหลาดหลด  
กระทิงปลากด กระดี่ดาษเดียร
ปลาช่อนสลิด ว่ายวิดแววเวียน
ริมรอบในเฉนียน เนาแนบนางปลา
๏ กั้งกดอีคด  
ตะกรับกำพด สังคะวาดโลมา
แขยงนางกง ตะพงลิ้นหมา
แก้มช้ำเชือนหา ฮุบเหยื่อตามกัน
๏ กุ้งฝอยก้ามกราม  
ตะเข็บว่ายตาม พวกกั้งอนันต์
หมู่กรีฮุบกิน แอบหินเหหัน
ปลาว่ายตามทัน ภุญชเป็นอาหาร
๏ ปลาหล่างเหล่าไซ้  
ภักษดินกินไคล ลอยว่ายหลังธาร
บ้างฮุบเรณู ละอองประทุมมาลย์
เสพแล้วสำราญ กลับคืนวังวง
๏ ส่ำสรรพนิกร  
อาบกินชโลทร สำราญกมล
ชมหมู่มัสยา ชมส่ำอุบล
ชมสระชมชล ชื่นฉ่ำสำราญ
๑๑ บัดนั้นนฤบดิน- ทรปิ่นภูดาธาร
พักพลบริพาร สำนักฝั่งสโรบล
๏ ปางเสร็จเสด็จสู่ ศิวาศรมตระบัดดล
เมียงมองละไมยล ยุพราชกัลยัง
๏ ปางนั้นบรมดา- บสองค์สิสังข์
วรพรหมจริยัง สงบเงียบมนินทรีย์
๏ กึกก้องละเบ็งศัพ- ทพันลึกพนาลี
จึ่งเยี่ยมบัญชรศีร- ษะเงี่ยพระโสตฟัง
๏ ยลพลบริพาร ดุรงค์รถอเนกัง
รอบรายณป่ารัง เฉนียนน่าศิวาศรม
๏ บัดไท้ธดลอา- ศรมบทก็ปรานม
น้อมเศียรศิโรดม อภิวาทเบญจางค์
๏ ถามถึงสุขาทุกข์ มุนินทร์แจ้งคดีพลาง
ตอบถามสุนทรทาง อภิธรรมไมตรี
๏ ถวายพรบพิตรผู้ ธรธรรมิกามี
กิจใดแลจรลี สำนักอัตมาเนา
๏ ข้าแต่มุนินทร์ธทรง ศิลคุณอันหวังเอา
สุขเพื่อผนวชเทา แลข้ามโอฆสงสาร
๏ ข้ามานิหวังเพื่อ ประโยชน์อย่างโบราณกาล
สืบประเวณีนาน ดำรงราชบูรินทร์
๏ ด้วยเป็นกิเลสิก- ชนกลั้วด้วยมลทิน
ว่ายโอฆวารินทร์ ระคนด้วยกามกล
๏ ไป่อาจข้ามห้วง สปะล่วงชลาวน
ส่ำราคกิเลสปน อศุภซากจิรังกาล
๏ ยังมากด้วยความเมา อุมัตกมืดณสงสาร
จักหวังนฤพาน ก็บอาจจะได้ดล
๏ ขอผู้เป็นเจ้าจง กรุณข้าด้วยการกล
ให้สมสิเนหมน ทุระเมื่อทุราคม
๏ บัดเบื้องมุนินทรแจ้ง กิจในมโนรมย์
ท่านไท้ประสาทสม สุรราชดวงมาลย์
๏ แล้วสฤษธิ์ประสาทพร วรวัฒนาการ
ยกดวงสุดามาลย์ อภิเษกสยุมพร
๏ สฤษธิ์ดวงประทุมมะ วดีศรีอันสุนทร
เสกองคองค์อร ลออพักตรภักดี
๑๖ ปางนั้นกษัตริย์กษัตรี รับพระมุนี
ก็น้อมศิโรตบังคม  
๏ พลางชวนพลางชื่นพลางชม พิศองค์องค์สม
เสมออมรรังสรรค์  
๏ งามเกศงามกรงามกรรณ งามทนต์งามถัน
งามพักตรคฤๅพักตรพรหเมนทร์  
๏ งามชงฆ์งามชานุกชาเยนทร์ งามบาทงามเบน
งามเนตรงามเนื้อเนื้อนาง  
๏ งามคมงามขำงามคาง งามคองามปราง
งามเปรียบสุดเปรียบใดดี  
๏ เว้นงามเงื่อนงามนี้มี จักเปรียบจักปรี-
ดาดูก็ดูดูปาน  
๏ งามเครื่องงามครบสรรพสถาน งามกาญจน์ตระการ
งามกลประกลกล่าวเกลา  
๏ พระชมพระชวนนงเยาว์ น้อมศิโรเทา
บังคมมุนินทรลินลา  
๏ เสร็จชวนเสร็จเชิญกัลยา เสร็จจากพระอา-
ศรมสู่สำนักพักพล  
๏ ส่ำพลเตรียมพลบัดดล บัดเสร็จบัดพล
ก็ขับก็แข่งบทจร  
๑๔ เสร็จพายุพาพิมลดวง อัคเรศบังอรสมร
เถลิงถวรารัตนจร กรโอบโผอนองค์
๏ สองกรตระกรพิมลชม ประทุมเมศสุบรรยง
โอบอุ้มประคองนุชผจง รสกลั้วสุคันธางค์
๏ พระแย้มแลเยื้อนมธุระปลอบ ยุพเรศภิรมยางค์
แอบองค์ถนอมขนิษฐพลาง กรต้องประทุมมาลย์
๏ อ้าแม่อย่าโศกเลยนะพี่เชิญ อรสู่นิเวศน์สถาน
เรียมจักถนอมพิมลทาร ยศยิ่งยุพาพงศ์
๏ แล้วเรียมจักเสกอรสมร นุชให้เป็นเอกองค์
นานาคณาอรอนงค์ จะมอบให้บำเรอรมย์
๏ แล้วเจ้ากับพี่ก็จะเป็นปิ่น นคเรศเสวยสม-
บัติครองประคองจิตนิยม ยศสองเกษมศรี
๏ ปางสาวสวรรค์อรสดับ พจนภูธเรศตรี
พลางน้อมประณตกรชุลี พิลาปร่ำรำพันทูล
๏ ซึ่งมีกมลกรุณา คุณใดจะปานปูน
อ้านุชนิวางชิวณมูล- ลิกคู่พระบาทางค์
๏ แต่กริ่งกมลมนัสด้วย บทไท้จะหม่่นหมาง
เสนาคณาสุรสุรางค์ จะแซ่ศัพทสำรวล
๏ ด้วยน้องนิชาวอรัญเชื้อ วนเวศบสมควร
เคียงคู่ยุคลบทสงวน อนึ่งรูปพิกลการ
๏ ใครยลก็มีแต่แสยง นยนแย้มสำรวลสาร
โอนนับรตรีทิวทิวาร วรบาทจะมัวมอม
๏ อ้าแม่บควรกมลคิด วจนกล่าวช่างถ่อมออม
โฉมแม่แลพี่นิคิดว่าจอม อัปสรสรรค์สกันธ์องค์
๏ ตรัสพลางก็กางพระกรโอบ ปทุเมศบรรยง
นางปัดพระหัตถนยนง- คข่อนค้อนชะอ้อนอาย
๏ พลางเขินสะเทิ้นพลนิกร นุชผินพระพักตรผาย
ชมป่าพนาวนอุบาย กลแก้ขนางนาง
๏ พระเอื้อนวโรงการดำรัส พจนปลอบพระนุชนาง
ถามพฤกษคณาสกุณพลาง ผลูมารคราวไพร
๏ อ้าแม่นินกอะไรนะนั่น กระแสศัพทแจ่มใส
นางทูลชำเลืองบวรไน- ยชม้อยชม้ายเมิน
๏ รื่นรื่นชะชื่นสุคนธโฉม บุปผชาติตลบเนิน
หยอกยั่วยุพาพิมลเพลิน ชะอ้อนถามพระนุชนวล
๏ นางอายก็จำจิตสนอง วรวากยยิ้มยวน
เออเออกระไรนินะช่างกวน กระซิกซิบเคยยล
๏ อ้าแม่แลเรียมนิสิบแจ้ง สกุณพฤกษพนาสณฑ์
โฉมเนียงชำนาญวนอรญ แลวานแจ้งพอเรียมฟัง
๏ หากดลบุรินทรแลไว้ ธุระพี่เป็นพารัง
โฉมแม่จุ่งเงี่ยสุตคอยฟัง บพักเตือนจะเตือนชม
๏ อ้าพระบพักยุบลบอก นุชก็แจ้งมโนดม
ว่ารัถยาวรอุดม บกันดารฤๅแดใด
๏ แต่น้องนี้สุดแสวง ผลพฤกษกลางไพร
ไม้มากก็มากสัจแต่ใบ ผลดอกกันดารตา
๏ กล่าวตรงก็เกรงจิตรประจักษ์ แลจึ่งสู้แสวงหา
ทนยากลำบากจรทุรา วนแรมสถานเนา
๏ อ้าแม่อย่าพักสุนทรเยาะ ยุบลเย้ยเป็นเงื่อนเงา
ใช่บาบนิบุญทวยเรา สิเนหสองประสบกัน
๏ จึ่งดลฤแดกมลพี่ เผอิญพี่นี้ทราบขวัญ
เนตรน้องก็ปองจิตรกระสัน จะร่วมสู่พระเมรุเดียว
๏ อ้าเจ้าจุ่งฟังวจนพี่ แลพี่แจ้งแต่จริงเจียว
เมินพักตรไยเล่านะจงเหลียว ชำเลืองน่อยอย่าแหนงคำ
๏ เสร็จโลมยุพาพิมลเหนือ รถมาศปรัมดำ-
เกิงกลถกลกรธสัม- ผัสกายพระกายนาง
๏ เร่งรีบพลารถจรัญ ก็เร่งรัญอัศวรางค์
ล่วงหมู่พนาถลมคาง ก็ลุร่วมบูรีดล
๑๖ กษณนั้นวรราชจุมพล นำนาฏนฤมล
ก็สู่นิเวศน์วังใน  
๏ จวบค่ำย่ำอรุโณทัย เจิดแสงไฟไพ-
จิตแจ่มกระจ่างปรางค์ทอง  
๏ ล้วนเหล่าสาวสรรค์นันต์นอง เคียงเคียงเรียงรอง
ฉลองเฉลิมกามกล  
๏ บัดนั้นปิ่นภพมณฑล เสร็จเนาวราชมณ-
ฑิรทิพย์รัตนรูจี  
๏ โลมโฉมประทุมวดี เหนือแท่นมณี
แกมกาญจนาเพริศพราย  
๏ พิสูตรกำบังระบาย ล้วนลายเหมราย
รูปภาพแลเครือวัลย์พัน  
๏ ป้องปิดแท่นแก้วแพรวพรรณ สร้อยนพเนื้อสุวรรณ
คือลายวิสูตรกำบัง  
๏ ปางพระโลมโฉมยุพยัง ในม่านมาศบัง
ตระโบมประโลมสำราญ  
๑๑ เสร็จแนบพนิดา กรกุมปทุมมาลย์
เหนือแท่นกระหนกกาญจน์ ธก็แย้มคดีปรีดิ์
๏ อ้าโฉมอรเฉลิม เกลศโลกยธาตรี
ใครได้ทฤษฎี ก็ลืมแลตะวันจันทร์
๏ โฉมแม่นี้ควรปิ่น มกุฏินาฏณไอศวรรย์
อย่าแม่อย่าควรศัลย์ สะอื้นรักพนาลี
๏ เชิญแม่ภิรมย์สุข สวัสดิในบูรีศรี
ควรเจ้าเป็นคู่ชี- พิตร่วมณเรียมรา
๏ ตรัสพลางพระหัตถ์ชัย กระชิดเชนณุกา
จุมพิตปรางปรา กรลูบพระปฤษฎางค์
๏ ช้อยกรตระกองชม นุชนาฏขนางหมาง
ตรัสตอบสุนทรพลาง นะขะหยิกพระกรรัน
๏ อ้าพระอย่าด่วนโดย จิตร่วมเมื่อยามศัลย์
ใช่ว่าตะวันจันทร์ จะลับโลกเสียเดียวดาย
๏ อ้าแม่ไฉนกล่าว มธุรถ้อยก็คมคาย
บาดจิตจำงือกาย ก็สุดยาจะยายำ
๏ ฤๅแม่จะดื้อดอม จิตได้จะได้กำ-
หนดใส่กมลจำ วจนไว้เมื่อมรณ์
๏ อ้าพระแลใช่ข้า จะฝ่าราโชงการรอน
ไมตรีกริยทอน ดุจนั้นก็ไป่มี
๏ แต่ตรึกกมลเกรง จิตด้วยนางสาวศรี
จักกล่าววจีที กลเย้ยแสยงใจ
๏ อ้าแม่บควรคิด กิตินี้ก็แจ้งใน
ใจใครจะชวนใคร ครหาก็ไป่มี
๏ ยศแม่นี่ยิ่งปิ่น สนมนาฏกัลยาณี
จุมพิตปรางศรี สุดาแดกำดัดดอง
๏ ช้อยเนตรค้อนคม ภิรมย์รสลออออง
สูดรสปรางทอง กรกุมประทุมชม
๏ ชงฆชานุกาเกี่ยว กลเดียวกะพิมพ์กลม
เนียนแนบอุรารมย์ รติรสสำเริงราญ
๏ กายกอดก็คือกล ลดาโอบทุมามาลย์
มืดมัวชมัวปาน ชรอื้อชรอุ่มพน
๏ คชสารประสานกุญ- ชรส่ายสกนธ์รณ
แท่นแก้วและปรางค์มณ- ฑิรเคลื่อนกระเทือนพราย
๏ ฮือฮือพยุโยก ธุมาโบกตระบัดปลาย
โฉมนางสมุทรกราย กรบีบวิเชียรชู
๏ อสุรินทรกุมโล- หะขวานขว้างพธูตรู
ถีบเท้ากระทืบสู- เมรุเพียงทลายพัง
๏ สาครกระฉ่อนคลื่น ระลอกฝืนคระเครงชลัง
โครมครั่นสนั่นดัง พิรุณโรยละอองชล
๏ นานาผกาแย้ม สยายกลีบผโกมล
ภุมรินก็ซอกซน ซะแซกไซ้สุมามาลย์
๏ ผจงรสเกสรดื่ม ก็เซาซึมรสาสานต์
เกลือกกลิ่นสุมามาลย์ ก็โรยร่วงเรณูนวล
๒๘ สองสมสมสวาดิ  
สบสบสังวาส ลหวยหวยหวน
ชื่นชมชมนุช สิ้นสุดสุดกระบวน
ยิ้มแย้มแย้มยวน ยวนยีปรีดา
๏ ปางลืมลืมทุกข์  
สุขยิ่งยิ่งสุข ภิรมย์รมยา
ใหลหลงหลงรส รสรักรักหา
ใดเปรียบเปรียบปรา- กฏจักษ์จักปาน
๏ ลืมสาวสาวสรรค์  
ลืมสนมกำนัล ลืมราชราชฐาน
ลืมปรางค์ปรางค์มาศ ปราสาทศฤงคาร
ดั่งเสวยพิมาน  

อมรสวรรยา

๑๖ ปางนั้นปิ่นนาฏมาลา สมสุขด้วยชา-
เยนทรยุพยอดกามกล  
๏ สฤษดิสำราญกมล เหนือแท่นดำกล
กระสันทวเกษมเปรมปรีดิ์  
๏ รวยรินกลิ่นกายเทพี กลั้วกลิ่นภูมี
ขจบขจรรวยรวย  
๏ รื่นรื่นชื่นชื่นชวยชวย รินรินกลิ่นมวย
โมฬีศพนิดาตรู  
๏ สองศานติประสานพบู ราชาพธู
พิไรภิรมย์กามกวน  
๏ ชายาพิรากลบวน พระยิ้มแย้มยวน
ประเล้าประโลมเปรมปรีดิ์  
๑๔ เสร็จปลอบยุพินทรประโลม วรอัครเทพี
เหนือแท่นวรารัตนรูจี ประไพผ่องมนเทียรทอง
๏ สมสุขสมอรสิเนห์ สมนุชลำยอง
สมบุญสมสวัสดินอง สิริสมมไหศูรย์
๏ สมโภคสมบวรยศ แลสมบัติไพบูลย์
สมศักดิ์สมอรประยูร แลสมพันธุ์วงศ์พงศ์
๏ เช้าค่ำแลย่ำทิวทิวาร ก็แสนสารส่ำองค์
นารีฉวีวิมลทรง ดุจสาวสุรางค์นาง
๏ บรรโลมประโคมศัพทถวาย สำเนียงแซ่สนั่นปรางค์
กาหลแลศัพทดุริยาง- คดนตรีจะเรียงรมย์
๏ หลายมาสก็หลายพรรษทิวา สิริสุขเกษมสม
พร้อมเพรียงสะพรั่งพลอุดม ทุราสรรพปวงภัย
๏ ส่ำเหล่าประชาชนนิกร ก็ซ้องสาธุอวยชัย
ช่วยเพิ่มสวัสดิสบสมัย กษัยทุกข์สโมสร
๑๖ ปางประทุมวดีองค์อร ทรงครรโภทร
ก็ถ้วนกำหนดทศมาส  
๏ นางประสูติโอรสราช คือชายโสภาศ
ประไพพระพักตรเพียงจันทร์  
๏ แสนส่ำสนมกำนัล ถ้วนทั่วปรางค์จันทน์
สลอนสลั้งพรั่งพรู  
๏ สรรเสริญโสมบุญดนู บ้างทอดกรชู
ถวายบังคมเคียมคัล  
๏ เชิญองค์ราโชรสพลัน สู่ขันสุพรรณ
สรงกายพระกายกุมาร  
๏ ชื่นฉมสุคนธ์ชลธาร อบอวนยวนฆาน
ตลบตะเล้าเสาวคนธ์  
๏ บัดนั้นนักสนมไพมล นำข่าวสารดล
ทูลแด่ภูเบศรบัดใจ  
๏ ท้าวทรงสดับสารกษัย ปราโมทย์ฤทัยไท้
ก็มีมโนรังรัก  
๏ จึงเสด็จสู่สำนัก ตำแหน่งนงลักษณ์
ก็ลุยังห้องทองพราย  
๏ ยลองค์ปีเยาวรสชาย ผิวพักตรพรรณราย
สำอางค์พระองค์สมพงศ์  
๏ จึงเอื้อนวโรงการทรง ทานนามคือองค์
มหาปทุมกุมาร  
๏ บัดนั้นอุบัติบันดาล เกิดองค์กุมาร
ก็อัศจรรย์จินตจน  
๏ ประมาณมากนับหลายชน ห้าร้อยหย่อนคน
อุบัติโดยกุมาร  
๏ แต่องค์อัครเรศนงพาล ประสูติกุมาร
คาบเดียวแต่เอารสราช  
๏ นอกนั้นสังเสทชะชาติ เกิดเพื่อบุญนารก
สมสร้างแต่ปางก่อนกาล  
๏ ข้าวตอกแลดอกปทุมมาลย์ ถวายแด่ทรงฌาน
คือองค์ปัจเจกพุทธางค์  
๏ เดชานิสงส์บุญนาง อธิษฐานปาง
ก่อนเกิดประเสริฐสมทรง  
๏ ปางนั้นพระองค์ยลองค์ เอารสสุริยพงศ์
อุดมด้วยเดชบุญญา  
๏ แสนสุขเกษมเปรมปรา โมชในบุตรา
สิเนหคือหไทยางค์  
๑๔ ปางนั้นนรินทรบดี ก็จัดสรรพสกรรจ์นาง
ห้าร้อยดรุณบวรางค์ ถนอมกล่อมบำเรอรมย์
๏ อุ้มแอบแลแนบกรชกาย กรกุมประทุมชม
บ้างร้องจะเรียงศับท์รงม ประสานเสียงเสนาะนวล
๏ ร้องรับรเรื่อยบทลเบง กระแสศรับทสนั่นครวญ
ทราบโสตรก็เสียวสกนธ์ควร จะสดับสุนทรกลอน
๏ นานาคณาสุรสุรางค์ ประไพพักตรคืออัปศร
บ้างอวยสวัสดิ์วรพร แลกล่อมกล่าวให้เสาวนี
๏ อ้าพ่อจงนิทรเหนือ พระอู่รัตนรูจี
อย่าอ้อนพระชนนี จงฟังกล่อมเสนาะกลอน
๏ จงราชปีเยาว รศไท้ธิเบศร
ปกเกล้าประชากร ภิรศรีสวัสดี
๏ อ้าพ่อจงเปนปิ่น นคเรศบุรีศรี
ฟ้าหล้าแลธาตรี ก็จะเกรงพระยศสยอน
๏ อนึ่งสรรพทุจริต อริร้ายกระลำภร
ทราบข่าวชุลีกร อภิวันทนังเนือง
๏ อ้าพ่อจงสมคู่ ยุคลมิ่งเฉลิมเมือง
ผ่องภักตรประเทือง ศิริล้ำสนมใน
๏ ขอจงเสวยสวัส ดิสมบัติณกรุงไกร
ทั่วหล้าจะฦๅไชย วรเดชเดชา
๏ ขวัญเอยจงมาสู่ วรราชกุมารา
อย่าหลงคณาทา ริยในธราดล
๏ ขวัญเอยจงมาชม กนกปรางคดำกล
เรืองโรจณเวหน ดุจห้อยพโยมมาน
๏ ขวัญเอยจงฟังกล่อม บทกลอนเสนาะสาร
เรียบเทียบวจนานต์ ดุจนางอมรแมน
๏ ขวัญเอยอย่าเนาวใน หิมเวศดงแดน
จงเนาวพระแท่นแสน ศิริอาศน์อันโอฬาร์
๏ ขอเดชพระองค์เอา รสราชกระษัตรา
จงทรงพระชนมา ยุยืนให้ยิ่งยง
๏ อนึ่งหฤไทยไท้ จะมีราชประสงค์
สิ่งใดก็เร่งจง สฤดิสมภิรมยา
๑๒ วรเดชอดูลย วรคุณปรมา
วรยศธจงปรา กฎเกียรติวรไกร
๏ วรฤทธิดรงค์ วรองคดไนย
วรภักตรประไพ วรผิวก็ปราภา
๏ วรศุขสโม สรโภควรา
สุสุรางคยุพา อภิสุนทรพรรณ
๏ ธุระทั่วนคเรศ ธุระเขตรกรอัญ
ชวลิศอนันต์ ศิริน้อมสริรา
๏ ประโทษก็ไกษย ปรไภยัตมา
ธุระทุกขทุรา ศิริศุขเกษมสานติ
๏ สมยาถฤกแถลง วจนรรถอันนาน
แต่โดยอดีตกาล จิรพุทธวาที
๏ แสดงสักราชล่วง สองพันจาดุสตมี
เสศยี่สิบสี่ปี มเสงศุกรวารวัน
อาลยุชมาศแรม ฉดิถีก็เสร็จสรรพ
วสานหฤดูบัน ลุจบเคารพย์สาร
ผลข้าแสดงกล่าว อดีตโดยอนุมาน
จงสฤษดิวรญาณ ดุจดั่งมโนปอง
แม้ยังบสำเร็จ นฤพานอันสมพอง
ยังเที่ยวสถิตย์คลอง กิเลศโลกยโลกีย์
ขอจงศิริสวัสดิ วรศุขเกษมศรี
ไภยทุกขโรคี จงทุเรศทุราคลา

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ