จดหมายเหตุของมองซิเออร์เซเบเรด์

จดหมายเหตุคณะพ่อค้าฝรั่งเศส

ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา

ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

(ต่อจากภาค ๖ ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๔๖)

----------------------------

จดหมายเหตุของมองซิเออร์เซเบเรด์

ซึ่งเปนเอกอัครราชทูตของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส

ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงสยาม

เมื่อปี ค.ศ. ๑๖๘๗-๑๖๘๘

(พ.ศ. ๒๒๓๐-๒๒๓๑)

----------------------------

เมื่อวันที่ ๑๐ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๖๘๗ (พ.ศ. ๒๒๒๙) ข้าพเจ้าได้ออกจากกรุงปารีศ เดินทางไปเมืองนานต์และเลยไปท่าเรือปอดหลุย เพื่อไปสั่งการในเรื่องที่จะให้เรือของบริษัทชื่อเปรซิเดน และชื่ออีเยอได้เตรียมการออกเรือ เพราะกำหนดเรือเปรซิเดนจะได้ออกไปยังฝั่งคอรอมันเดล และเรืออีเยอจะได้ไปยังเมืองซูรัต ข้าพเจ้าจึงได้เดินทางต่อไปและได้ถึงเมืองเบรสต์เมื่อวันที่ ๒๘ เดือนกุมภาพันธ์

ครั้นข้าพเจ้าไปถึงเมืองเบรสต์ได้เห็นเรือรบหลวง คือ เลอกายยา ๑ ลัวโซ ๑ ลาลัว ๑ เลอโดรมาแด ๑ และลานอมานด์ ๑ ทอดสมออยู่ที่ท่าเรือ และเรือเหล่านี้ก็เตรียมพร้อมที่จะแล่นใบไปยังประเทศสยามอยู่แล้ว แต่เรือทั้ง ๕ ลำนี้ได้บรรทุกน้ำและสะเบียงอาหารไว้เต็มทุกลำแล้ว จนจะหาที่บรรทุกของอื่นไม่ได้ เพราะของที่จะต้องบรรทุกลงเรือเหล่านี้ยังมีอีกมาก เช่นหีบของต่าง ๆ ที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งไปพระราชทานยังประเทศสยาม ของสะเบียงอาหารสำหรับกองทหารที่จะไปประจำอยู่ในเมืองไทย หีบของต่าง ๆ ที่บริษัทได้ให้จัดทำขึ้นตามที่พระเจ้ากรุงสยามได้สั่งให้ทำ หีบของต่าง ๆ ของท่านราชทูตสยาม ของ ๆ มองซิเออร์เดอลาลูแบร์และของ ๆ ข้าพเจ้าเปนต้น ของเหล่านี้ได้มาถึงเมืองเบรสต์แต่ครึ่งเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นยังคอยให้มาถึงจากฮาฟร์เดอกราซทุกเวลา เพราะของเหล่านี้ได้ให้เอาลงเรือของบริษัทชื่อ ชังลูอีซัง ที่ฮาฟร์เดอกราซ เพื่อให้ส่งไปต่อยังเมืองเบรสต์

รุ่งขึ้นเมื่อข้าพเจ้าได้พบปะสนทนากับมองซิเออร์เดครูโซผู้รักษาการเมืองเบรสต์ และบรรดากับตันนายเรือเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ลงไปที่เรือพร้อมกับมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ ได้เห็นว่าเรือเหล่านี้ได้บรรทุกของเสียเต็มลำแล้ว ไม่มีที่ที่จะบรรทุกของที่จำเปนจะต้องเอาไปเมืองไทยด้วยได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เรียกประชุมที่บ้านผู้รักษาการเมืองเบรสต์ จึงเปนอันตกลงกันว่า มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ กับตัวข้าพเจ้าจะได้ให้จัดเตรียมเรือชื่อลามาลิน ซึ่งเปนเรือว่างเปล่าไว้อีกลำ ๑ เมื่อของต่าง ๆ ได้บรรทุกลงเรืออีก ๕ ลำแล้ว ยังเหลืออยู่อีกมากน้อยเท่าไร จะบรรทุกลงเรือลามาลินให้หมดทีเดียว เพราะในเรื่องนี้จะรอคอยคำสั่งจากกรุงปารีศไม่ได้ ด้วยเกรงจะออกเรือไม่ทันกับระดู เมื่อได้ตกลงกันเช่นนี้แล้วเจ้าพนักงานได้จัดเตรียมเรือลามาลินอย่างรวดเร็วที่สุด จนถึงวันที่ ๒๘ เดือนกุมภาพันธ์ เรือทั้ง ๖ ลำก็พร้อมที่จะแล่นใบออกเดินทางได้

เมื่อวันที่ ๑ เดือนมีนาคม เรือทั้ง ๖ ลำได้กางใบแล่นออกจากเมืองเบรสต์ และในวันนั้นเองเวลาเที่ยงเรือได้ไปทอดสมอที่หน้าเมืองคามาเร เพราะสายน้ำเชี่ยวนักและลมก็สงบลงด้วย

รุ่งขึ้นวันที่ ๒ เดือนมีนาคม เวลาเช้ามืดลมได้พัดมาถูกทิศ เรือจึงได้กางใบแล่นออกต่อไป และได้ตัดทางตรงไปเกาะมาเดรา เพื่อจะได้ไปตรวจเกาะนั้นด้วย

วันที่ ๘ เดือนมีนาคม ลมได้พัดเหมาจากทิศตวันตกเฉียงเหนือและกลายเปนลมพายุอย่างร้ายแรง จนเรือทั้ง ๖ ลำต้องลดใบหมดเหลือไว้แต่ใบที่เสาชี้เท่านั้น ไม่อีกกี่ชั่วโมงทะเลก็เกิดเปนคลื่นอย่างร้ายแรง จนเรือที่บรรทุกของไว้เพียบหน้ากลัวจะเปนอันตรายจมลง ในเรือทั้ง ๖ ลำนี้ มีแต่เรือเลอกายยาลำเดียวเท่านั้น ที่ไม่ถูกความเสียหายอย่างใด นอกจากนั้นได้ถูกพายุจนเสากระโดงชำรุดทุกลำ และเรือลัวโซได้ถูกพายุจนตะเกียบเสากระโดงกลางหัก ลมพายุนี้ได้พัดอย่างกล้าถึง ๓๖ ชั่วโมงแล้วพายุจึงได้สงบลง เรือก็ได้แล่นใบไปตามทางต่อไป

เรือได้ผ่านเส้นสูญกลางโลกย์เมื่อวันที่ ๑๘ เดือนเมษายน ในเส้นลองติจูด ๓๕๘ ดีกรี และได้รับความลำบากเปนอันมากเพราะไม่มีลมพัดมาเลยถึง ๑๕ วัน

เมื่อวันที่ ๑๑ เดือนมิถุนายนเวลาเที่ยง เรือได้เข้ามาใกล้แหลมเคปออฟกุดโฮป และเมื่อเรือยังห่างจากเขาไลออนหนทาง ๔ ไมล์ก็ยังแลไม่เห็นฝั่ง เพราะเวลานี้มีเมฆหมอกมัวไปหมด ในวันนั้นเองเวลาค่ำเรือได้เข้าทอดสมอในอ่าวลาคาล ตรงกับป้อมและห่างป้อมประมาณ ๓/๔ ไมล์ เมื่อเรือได้มาถึงที่นี่แล้ว ได้พบกับเรือลาลัวซึ่งได้พลัดกันเมื่อคราวถูกพายุเมื่อวันที่ ๘ (มีนาคม) ซึ่งกระทำให้เรามีความยินดีเปนอันมาก เพราะในเวลาที่ถูกพายุนั้นคนในเรือได้เล่าว่า เขาได้เห็นเรือลาลัวถูกพายุเสากลางหัก จึงเปนข้อวิตกกันว่า เรือลำนี้น่ากลัวจะต้องแวะเข้าไปเมืองลิซบอนเสียแน่แล้ว

พอเรือทุกลำได้ทอดสมอเรียบร้อยแล้ว มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ก็ได้จัดให้นายทหารเรือขึ้นไปบนบก เพื่อไปทำความตกลงกับผู้รักษาการท่าเรือนี้ในเรื่องที่จะยิงสลุด และเพื่อไปขออนุญาตขึ้นไปรับน้ำฟืน และสะเบียงอาหาร กับทั้งให้ไปขออนุญาตให้พาคนที่ป่วยเจ็บขึ้นไปบนบกด้วย เพราะคนที่เจ็บป่วยนั้นมีจำนวนมาก และในเรือเลอโดรมาแดลำเดียวเท่านั้นมีคนป่วยทำการไม่ได้กว่า ๑๐๐ คน

มองซิเออร์เดอแซนคแล นายเรือเอกได้ขึ้นไปบนบกหาท่านผู้ว่าราชการเมือง และท่านผู้ว่าราชการเมืองก็ได้รับรองอย่างดีและอนุญาตให้ตามความต้องการทุกอย่าง มองซิเออร์เดอลาดาล ผู้เปนหน้าที่คอมีแซ ก็ได้ขึ้นบกพร้อมกับมองซิเออร์เดอแซนคแล เพื่อไปทำความตกลงให้พาคนป่วยขึ้นบกในวันพรุ่งนี้ เพราะไม่อยากจะให้เสียเวลา และจะได้เตรียมการสำหรับให้ได้เดินทางต่อไปโดยเร็วที่สุดที่จะไปได้

รุ่งขึ้นวันที่ ๑๒ เดือนมิถุนายน ได้จัดการพาคนป่วยออกจากเรือไปขึ้นบก และต่างคนก็ต่างขึ้นไปบนบกเพราะได้อัดอยู่ในเรือมาช้านานแล้ว แต่ถ้าจะพูดไปการเดินทางคราวนี้ก็ได้เดินทางอย่างเรียบร้อย เพราะได้กินเวลาจากเบรสต์ถึงแหลมเคปออฟกุดโฮปเพียง ๓ เดือน ๑๑ วันเท่านั้น

เมื่อข้าพเจ้าได้ไปถึงแหลมเคปออฟกุดโฮป ข้าพเจ้าก็ได้มีจดหมายไปถึงท่านมองเซนเยอร์มาควิศเดอเซเนเลฉะบับหนึ่ง พร้อมกับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ และได้รายงานเหตุการณ์ทั้งปวงตลอดจนถึงวันที่ถึงแหลมเคปออฟกุดโฮปแล้ว และถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเชื่อแน่ได้ว่า หนังสือฉะบับนี้ท่านมาควิศเดอเซเนเลคงจะได้รับแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้ฝากไปกับเรือลามาลินนั้น แต่เพื่อกันมิให้คลาดได้ข้าพเจ้าจึงได้คัดสำเนาจดหมายฉะบับนั้นส่งไปอีกครั้ง ๑

ด้วยเรือทั้ง ๕ ลำได้เบาลงไปแล้ว เพราะเหตุที่สะเบียงอาหารได้หมดไปมากในระหว่างเดินทาง ข้าพเจ้าจึงได้ตกลงจะเอาของที่บรรทุกลงเรือมาลินนั้นมาเฉลี่ยบรรทุกลงในเรืออีก ๕ ลำ เพราะเรือเหล่านี้มีที่ว่างแล้ว และจะได้ส่งเรือลามาลินกลับไปยังประเทศฝรั่งเศสต่อไป

เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนมิถุนายน เรือทั้ง ๕ ลำได้เตรียมพร้อมที่จะแล่นใบออกจากแหลมเคปออฟกุดโฮป และคนในเรือก็ได้ลงเรือพร้อมกันหมดแล้ว แต่ผะเอิญลมได้พัดมาผิดทางและพัดมาอย่างแรงกล้าด้วยจึงยังออกเรือไม่ได้ จำเปนต้องพักอยู่ที่แหลมเคปออฟกุดโฮป จนถึงวันที่ ๒๘ มิถุนายน คลื่นลมดีจึงได้แล่นเรือออกจากแหลมเคปออฟกุดโฮปเดินทางไปยังเมืองบาตาเวียต่อไป

เมื่อได้ออกจากแหลมเคปออฟกุดโฮปนั้น เรือได้ตั้งเข็มไปทางทิศใต้จนถึง ๒๘ ดีกรีครึ่งใต้ เพื่อไปให้พบลมที่พัดจากตวันตกเฉียงใต้ ครั้นไปถึงที่ที่ลมพัดมาถูกทิศที่ต้องการแล้ว ก็เกิดคลื่นลมอย่างแรงกล้าจนถึงกับเรือลัวโซซึ่งเปนเรือที่ข้าพเจ้าเดินสารไปนั้น ได้พลัดจากเรืออื่น ๆ เพราะเวลานั้นมีทั้งคลื่นลมและเมฆหมอกด้วย เรือลัวโซได้ถูกคลื่นลมตลอดทางจนถึงหน้าเกาะมาดากาศกา และในระหว่างที่ถูกคลื่นลมนั้น ใบเรือได้ขาดและปลิวไปกับลมหลายครั้ง และในคืนวันที่ ๑๐ เดือนกรกฎาคมนั้น ใบใหญ่ได้ขาดออกเปน ๒ ท่อน มองซิเออร์ดูเคนได้ให้รีบจัดการซ่อมใบที่ขาดนั้น และภายใน ๒๔ ชั่วโมงก็ได้ซ่อมเสร็จพอใช้ได้ต่อไป ณวันอาทิตย์ วันที่ ๑๓ เดือนกรกฎาคม ได้เห็นเรือแล่นใบอยู่ใต้ลมเราลำ ๑ เราจึงได้กลับเรือแล่นตามเรือลำนั้น เพราะเข้าใจว่าคงจะเปนเรือในกองทัพเรือของเรานั้นเอง และความจริงเรือลำนั้นก็คือเรือลาลัว ซึ่งได้พลัดจากเรืออื่น ๆ เหมือนกัน

ตั้งแต่นี้ไปคลื่นลมได้สงบลงเรือเดินได้สดวกขึ้นกว่าเก่า จึงได้ตั้งเข็มเดินไปทางทิศตวันออกต่อไป ครั้นวันที่ ๔ เดือนสิงหาคมเวลาบ่ายประมาณ ๓ หรือ ๔ โมง เรือได้เดินเข้าไปใกล้กับฝั่งที่เรียกกันว่าลาคอนคอด และคะเนว่าเรืออยู่ห่างกับฝั่งประมาณ ๓ ไมล์ และฝั่งอยู่ใต้ลม ครั้นเมฆหมอกที่มีอยู่ขมุกขมัวได้หายไปแล้ว ต่างคนก็ต่างตกใจกันที่ได้เห็นฝั่ง เพราะพวกนำร่องได้กะคะเนว่าเรือยังอยู่ใกลกับฝั่งอย่างน้อย ๘๐๐ ไมล์ และเมื่อเวลาเที่ยงก็ได้วัดแดดเห็นว่าเรือได้อยู่ในแลติจูด ๓๑ ดีกรีได้ แต่ครั้นเรือได้เข้ามาใกล้ชิดกับฝั่งเช่นนี้ จึงต้องรีบหันเรือออกไปหาทะเลลึกทันที เจ้าพนักงานได้รีบทิ้งดิ่งหยั่งน้ำแต่ดิ่งหาได้ถึงดินไม่ ภูมิประเทศและรูปร่างของฝั่งนี้ดูก็ตรงกับที่เขียนไว้ในแผนที่ เมื่อมองดูก็ดูเปนที่งามนักหนา เพราะเปนพื้นที่ดินสูงขึ้นไปเปนเนิน และมีต้นไม้เขียวเต็มไปหมด แต่ถ้าจะว่าไป ระดูนี้ก็เปนระดูหนาวของเมืองเหล่านี้แล้ว แต่ถึงดังนั้นต้นไม้ก็ยังเขียวสดงดงามมาก

เมื่อเรือได้หันออกไปหาที่ลึกเพื่อพ้นอันตรายที่จะมีตามฝั่งนี้ เพราะแถบเหล่านี้ไม่ใคร่จะมีใครรู้จักนักนั้นแล้ว มองซิเออร์ดูเคนได้เรียกบรรดาพวกนำร่อง และเชิญข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ไปประชุมเพื่อปรึกษากันว่าจะควรทำอย่างไรต่อไป จึงเปนอันตกลงกันว่า ให้เรือตั้งเข็มตรงไปทิศเหนือ เพื่อผ่านไปในระหว่างเกาะนิวฮอลันและเกาะเล็ก ๆ ที่เรียกกันว่า เกาะตรีอาล การที่ได้ตกลงกันดังนี้ก็เพราะเห็นกันว่าเกาะนิวฮอลันนี้ พวกฮอลันดา เปนผู้ที่ได้ไปพบ เพราะพวกฮอลันดาได้ออกจากเมืองบาตาเวียสำหรับไปเที่ยวตรวจตามเกาะเหล่านี้โดยฉะเพาะ เพราะฉะนั้นจึงได้คาดกันว่าเกาะเหล่านี้คงจะจดไว้ในแผนที่ทางแถบเกาะยาวา ตรงกว่าที่ได้จดไว้ทางแหลมเคปออฟกุดโฮป เรือจึงได้เดินทางแล่นไปตรวจเกาะยาวาต่อไป

เมื่อวันที่ ๑๘ เดือนสิงหาคม เรือได้แล่นมาตรงหน้าเกาะยาวาและได้แล่นเรือเข้าไปใกล้เกาะประมาณระยะห่าง ๓ หรือ ๔ ไมล์ บรรดาพวกนำร่องจึงได้รู้สึกว่าที่ได้วัดเส้นลองติจูดไว้นั้นเปนการตรงถูกต้องดีแล้ว เพราะเกาะนี้ตรงกับแผนที่ ที่ท่านมาควิศเดอเซเนเลได้ให้ข้าพเจ้าไว้ที่พระราชวังเวอซาย พวกนำร่องจึงได้ใช้แผนที่นี้ตลอดจนถึงช่องซอนดา

เมื่อวันที่ ๒๐ เดือนสิงหาคม เวลากลางคืนเดือนหงายเรือได้แล่นเข้าไปในช่องซอนดา และผะเอิญเคราะห์ดีลมก็พัดถูกทางพอเข้าช่องได้สดวก เพราะโดยมากในระดูนี้การเดินเรือในช่องนี้เปนการลำบากมาก โดยเหตุที่ลมมักจะพัดมาผิดทางอยู่เสมอ ในคืนวันนั้นเองเรือได้ไปทอดสมออยู่ที่เกาะเล็ก ๆ เกาะ ๑ ซึ่งเรียกกันว่าเกาะเลอชาโป

รุ่งขึ้นเวลาเช้ามืด เรือได้กางใบแล่นตรงไปยังเมืองบันตำต่อไป เพราะมองซิเออร์โวดรีคูร์ได้นัดหมายไว้กับเรือลำอื่น ๆ ว่าในระหว่างที่เดินทางจากแหลมเคปออฟกุดโฮปไปเมืองบาตาเวีย ถ้าจะเกิดพลัดพรากจากกันไปแล้ว ก็ให้ไปรอกันอยู่ที่เมืองบันตำต่อไป

ณวันที่ ๒๓ เดือนสิงหาคมเรือได้แล่นเข้าไปในท่าเรือเมืองบันตำ และในวันนั้นเองเวลาค่ำ เรือได้ทอดสมอลงที่หน้าเมือง ห่างจากตลิ่งประมาณครึ่งไมล์ มองซิเออร์ดูเคนจึงได้จัดให้มองซิเออร์เดคาตนายเรือเอกขึ้นไปหาผู้รักษาเมือง เพื่อให้ไปทำความตกลงในเรื่องยิงสลุดและเพื่อไปขออนุญาตให้ขึ้นไปหาน้ำและซื้อสะเบียงอาหารด้วย

ผู้รักษาเมืองบันตำได้รับรองมองซิเออร์เดคาตอย่างดี แต่ได้บอกกับมองซิเออร์เดคาตว่า ตามความที่ต้องการน้ำและสะเบียงอาหารนั้น ผู้รักษาเมืองหาได้เปนใหญ่ในที่นั้นไม่ ถ้าจะต้องการของเหล่านี้แล้วจะต้องไปพูดกับเจ้าแผ่นดินเมืองบันตำจึงจะได้ เพราะผู้รักษาเมืองบันตำมาอยู่ในเมืองนั้นฉะเพาะสำหรับมาจัดการค้าขายให้แก่บริษัทเท่านั้น หาได้เกี่ยวข้องในกิจการอย่างอื่นไม่ ในทันใดนั้นผู้รักษาเมืองบันตำได้จัดให้เจ้าพนักงานคน ๑ ไปบอกให้เจ้าแผ่นดินเมืองบันตำทราบถึงการที่เรือลำนี้ได้มาถึง และบอกให้ทราบถึงความต้องการของเรือลำนี้ด้วย อีกสักครู่ ๑ เจ้าพนักงานคนนี้ได้กลับมาพร้อมกับเจ้าพนักงานของเจ้าแผ่นดินบันตำคน ๑ ซึ่งเขาพูดกันว่าเปนนายทหารบังคับกองทหารรักษาพระองค์ของเจ้าแผ่นดินบันตำ เจ้าพนักงานผู้นี้ได้บอกกับมองซิเออร์เดคาตว่า เจ้าแผ่นดินบันตำนายของเขาอนุญาตให้ไปหาน้ำและสะเบียงอาหารได้ แต่ต้องให้แล้วเสร็จภายใน ๒๔ ชั่วโมง เมื่อครบกำหนด ๒๔ ชั่วโมงแล้วให้เรือถอนสมอออกไปจากท่าเรือให้หมด เพราะเจ้าแผ่นดินบันตำไม่ยอมให้เรือมาอยู่ในเมืองนี้ช้ากว่าที่ได้กำหนดมาให้นี้

มองซิเออร์เดคาตจึงได้รีบกลับลงเรือ เพื่อมารายงานให้นายเรือผู้บังคับการของตัวทราบตามเรื่องราวที่ได้กล่าวมาแล้ว การที่เจ้าแผ่นดินบันตำได้ตอบมาดังนี้ เราต้องถือว่าเปนการที่เจ้าเมืองฮอลันดาไม่ยอมให้เราขึ้นไปหาน้ำและสะเบียงอาหาร แต่ไม่ยอมด้วยน้ำนวล เพราะการที่อ้างเจ้าแผ่นดินเมืองบันตำนั้นก็เปนการอ้างโดยไม่มีมูล เพราะเจ้าแผ่นดินเมืองบันตำหาได้มีอำนาจไม่ พวกฮอลันดาเปนใหญ่สิทธิ์ขาดอยู่ในเมืองบันตำ จนที่สุดตัวเจ้าแผ่นดินเมืองบันตำเองก็ถูกควบคุมเท่ากับเปนชะเลย ด้วยพวกฮอลันดาได้ให้กองทหารไปควบคุมอยู่เสมอ แต่การที่พวกฮอลันดาให้ทหารไปควบคุมเจ้าแผ่นดินบันตำนั้นหาได้เรียกว่าเปนการควบคุมไม่ แต่เรียกว่าเปนการให้เกียรติยศแก่เจ้าแผ่นดินบันตำต่างหาก

การที่เจ้าเมืองบันตำขัดข้องไม่ยอมตามความประสงค์ของเราเช่นนี้ จึงทำให้เราต้องออกเรือไปเมืองบาตาเวีย เพื่อหาน้ำและสะเบียงอาหารซึ่งจวนจะขาดมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้ามืดเราจึงได้ให้เรือถอนสมอออกจากเมืองบันตำ แต่ตอนกลางคืนนั้นเจ้าเมืองฮอลันดาได้ส่งไก่หลายตัว โคสองสามตัว กับผลไม้ต่าง ๆ เปนอันมากมาทำเปนของกำนัลแก่มองซิเออร์ดูเคน ซึ่งเปนการเหมาะมากเพราะของเหล่านี้พอได้เปนสะเบียงเจือจานจนกว่าจะไปถึงเมืองบาตาเวีย และเรือของเราก็ได้ไปทอดสมอที่เมืองบาตาเวียเมื่อวันที่ ๒๖ เดือนสิงหาคม

ที่เมืองบาตาเวียนั้นมีเรือฮอลันดาจอดอยู่ ๑๓ ลำ และมีเรือบรรทุกของจอดอยู่ ๒ ลำ แต่เรือบรรทุกของนั้นได้ถอนสมอเรือแล่นออกไปในวันนั้นเอง ลำ ๑ จะไปเมืองไทย อีกลำ ๑ จะไปฝั่งคอรอมันเดล พอเรือได้ทอดสมอเรียบร้อยแล้ว มองซิเออร์ดูเคนก็จัดให้มองซิเออร์เดคาตขึ้นไปหาเจ้าเมืองฮอลันดา เพื่อไปทำความตกลงในเรื่องที่จะยิงสลุด และเพื่อขอน้ำและสะเบียงอาหารเช่นเดียวกับที่ขอเจ้าเมืองบันตำมาแล้ว ในชั้นต้นเจ้าเมืองฮอลันดาไม่ใคร่จะรับรองมองซิเออร์เดคาตเลย และไม่ยอมอนุญาตตามคำขอร้อง มองซิเออร์เดคาตจึงได้ชี้แจงแก่เจ้าเมืองฮอลันดาว่า เวลานี้ประเทศฮอลันดาก็ยังเปนไมตรีอยู่กับพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ถ้าเจ้าเมืองฮอลันดาไม่ยอมให้ตามที่ขอร้องนี้ ก็เท่ากับเปนการขัดกับไมตรีในระหว่างประเทศทั้ง ๒ เมื่อเจ้าเมืองฮอลันดาได้ฟังมองซิเออร์เดคาตชี้แจงดังนี้จึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา จึงได้ยอมให้พวกเรือขึ้นไปหาซื้อสะเบียงอาหารได้ และรับรองว่าจะได้จัดน้ำส่งลงไปที่เรือให้ด้วย แต่ในเรื่องยิงสลุดนั้นเจ้าเมืองจะได้สั่งให้ผู้บังคับการเรือฮอลันดายิงตอบ มองซิเออร์เดคาตจึงได้ตอบว่า การที่จะให้ผู้บังคับการเรือฮอลันดายิงสลุดตอบ เปนการไม่สมควรแก่เกียรติยศของเรือพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส แต่ขอให้ป้อมยิงสลุดตอบนัดต่อนัดจึงจะได้ มิฉะนั้นฝ่ายเรือรบฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมยิงสลุดให้ฮอลันดาเหมือนกัน เจ้าเมืองฮอลันดาจึงได้ตอบว่าเรือของผู้บังคับการกองทัพเรือฮอลันดาจะกลับมาถึงภายใน ๒-๓ วันนี้แล้ว เพราะฉะนั้นให้รอเรือลำนี้มาถึงเสียก่อนจึงค่อยยิงสลุดโต้ตอบกันภายหลัง เมื่อพูดกันเพียงเท่านี้แล้ว มองซิเออร์เดคาตก็ได้ลาเจ้าเมืองฮอลันดากลับมาเรือ เพื่อรายงานให้ผู้บังคับการนายของตัวทราบตามเรื่องราวที่ได้พูดจากัน และมองซิเออร์เดคาตก็รายงานเพิ่มเต็มขึ้นอีกว่า เจ้าเมืองฮอลันดาได้ห้ามมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในเรือรบฝรั่งเศสได้ขึ้นบกเปนอันขาด แต่ถึงเจ้าเมืองจะห้ามเช่นนี้ก็ตามพวกเราก็หาฟังไม่ เพราะรุ่งขึ้นพวกเราก็ได้ขึ้นไปบนบกเที่ยวหาซื้ออะไรรับประทาน และให้พักอยู่ที่เมืองบาตาเวียถึง ๑๒ วัน

เมื่อวันที่ ๒๙ เดือนสิงหาคมพวกเราได้ทราบข่าวมาจากเมืองบันตำว่าเรือรบฝรั่งเศสชื่อกายยากับเรือรบอีก ๒ ลำได้ผ่านเมืองบันตำมาแล้ว และว่าเจ้าเมืองบันตำได้ส่งหนังสือของมองซิเออร์ดูเคนให้ผู้บังคับการเรือแล้ว หนังสือฉะบับนี้คือเปนหนังสือที่มองซิเออร์ดูเคนได้เขียนไว้ สำหรับฝากให้มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ในเวลาที่มาถึง บอกให้ทราบในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เปนมา ซึ่งทำให้เปนการจำเปนที่ต้องเลยไปเมืองบาตาเวีย และจะได้คอยเรือต่าง ๆ ให้ไปพร้อมกันที่เมืองบาตาเวียจนถึงต้นเดือนกันยายน ตามที่ได้นัดหมายทำความตกลงกันไว้ที่แหลมเคปออฟกุดโฮป

เมื่อวันที่ ๑ เดือนกันยายนได้เห็นเรือรบฝรั่งเศส ๓ ลำแล่นมาแต่ไกลและในวันนั้นเองเวลาเที่ยง เรือรบทั้ง ๓ ลำก็ได้มาทอดสมอที่ท่าเรือเมืองบาตาเวีย พอเรือทั้ง ๓ ลำได้ทอดสมอเรียบร้อยแล้ว มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ก็ได้จัดให้มองซิเออร์เดคแลขึ้นบกไปหาเจ้าเมืองเปนคำนับ และให้ไปทำความตกลงถึงเรื่องการยิงสลุดด้วย แต่ทำอย่างไร ๆ เจ้าเมืองบาตาเวียก็หายอมเกี่ยวข้องในเรื่องยิงสลุดไม่ มองซิเออร์เดคแลจึงได้อธิบายว่า เรื่องยิงสลุดนั้นเปนการที่มีกำหนดอัตราวางไว้เปนระเบียบที่ประเทศยุโรปแล้ว ไม่มีการขัดข้องอย่างใดเลย และเจ้าเมืองที่แหลมเคปออฟกุดโฮปก็ได้ปฏิบัติตามแบบอย่างมาแล้ว มิได้มีความลำบากอย่างใดเลย เจ้าเมืองบาตาเวียจึงได้ตอบว่า หนังสือสัญญาต่าง ๆ ที่ได้ทำกันไว้ในทวีปยุโรปนั้น ใช้ได้แต่ฉะเพาะในทวีปยุโรปเท่านั้น เมื่อได้ข้ามเส้นสูญกลางโลกย์มาแล้ว หนังสือสัญญาเหล่านั้นเปนอันไม่ต้องถือกัน เพราะฉะนั้นทั้งมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์และมองซิเออร์ดูเคนจึงมิได้ยอมยิงสลุดคำนับป้อมฮอลันดา

รุ่งขึ้นมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ได้ขึ้นมาหาข้าพเจ้าบนเรือ เพราะข้าพเจ้าเองพักอยู่ในเรือโดยเหตุที่มองซิเออร์เดอลาลูแบร์จะต้องการขึ้นไปเที่ยวบนบกโดยมิให้ใครรู้ว่าตัวเปนราชทูต และข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าข้าพเจ้าจะขึ้นไปอยู่บนบกด้วยอีกคน ๑ ดูจะไม่ใคร่เหมาะ เพราะเปนบ้านเมืองต่างประเทศ มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ได้มาแจ้งต่อข้าพเจ้าว่า ระดูเร่งให้เรารีบออกเรืออยู่แล้ว และถ้าเราจะเอาคนที่ป่วยเจ็บตามเรือ ขึ้นไปรักษาตัวบนบกแล้ว ก็น่ากลัวจะทำให้ชักช้าเสียเวลาหมดระดูที่จะเดินเรือไปเมืองไทยได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์โวดรีคูร์ว่า ข้าพเจ้าเองอยากจะทราบความจากนายเรือเรือเลอโดรมาแดและเรือลาลัว (เรือ ๒ ลำนี้ได้มาสมทบพบกับเรือของมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ที่หน้าเมืองปานา) เสียก่อนว่า ๑ กลาสีและคนป่วยในเรือทั้ง ๒ ลำนี้เปนอย่างไรบ้าง ๒ เรือทั้ง ๒ ลำจะต้องการน้ำแลสะเบียงอาหารมากน้อยสักเท่าไร เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบในความ ๒ ข้อนี้แล้ว จึงจะสั่งให้กองทัพเรือได้ถอนสมอเดินทางต่อไปได้ เมื่อข้าพเจ้าได้ตอบเช่นนี้แล้ว มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์จึงได้ไปชักธงสัญญาเรียกนายเรือเรือ ๒ ลำนั้นให้มายังเรือลัวโซ ครั้นกัปตันเรือเลอโดรมาแดกับเรือลาลัวได้มาที่เรือลัวโซแล้ว กัปตันเรือทั้ง ๒ จึงได้ชี้แจงว่า คนที่ป่วยเจ็บอยู่บนเรือนั้นจะต้องการเวลาพักบนบกอย่างน้อย ๑๕ วันตามความเห็นของแพทย์ประจำเรือ และถ้าไม่ให้พักถึง ๑๕ วันแล้วก็ป่วยการที่จะพาคนที่เจ็บขึ้นไปบนบก เพราะการที่จะพาคนป่วยขึ้นไปบนบกแต่ไม่ให้พักถึง ๑๕ วันนั้น จะกลับทำให้ป่วยหนักลงไปอีกก็ได้ หาทำให้หายป่วยได้ไม่ แต่ส่วนน้ำและสะเบียงนั้นจะเที่ยวหาให้พอไปถึงเมืองไทยให้เสร็จภายใน ๓ หรือ ๔ วันก็ได้

มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์จึงเห็นว่า ถ้าเรือได้พักอยู่ที่เมืองบาตาเวียถึง ๑๘ วันแล้ว ก็เปนอันหมดโอกาสที่จะไปถึงเมืองไทยในปีนี้ได้ มองซิเออร์ดูเคนและนายเรืออื่นๆ ก็มีความเห็นพ้องกับมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ด้วย ข้าพเจ้าจึงจำเปนต้องพูดกับมองซิเออร์โวดรีคูร์ว่า ในสิ่งที่ร้ายทั้งปวงสิ่งใดที่ร้ายยิ่งกว่าอย่างอื่น ก็จำเปนต้องป้องกันสิ่งนั้นไว้และอะไรจะร้ายยิ่งกว่าการที่จะไปให้ถึงเมืองไทยในปีนี้ไม่ได้เปนไม่มีแล้ว เพราะตามแถบเหล่านี้ก็จะหาที่พักคอยระดูหน้าต่อไปก็ไม่มี ที่ที่จะหาสะเบียงก็ไม่มี จึงเปนการน่ากลัวว่าพวกกะลาสีและคนเรือที่ยังเหลืออยู่จะต้องล้มตายด้วยอดอาหารนั้นเอง ถ้าผู้คนได้ล้มตายลงเช่นนี้กำลังของคนที่จะเดินเรือต่อไปก็น้อยลง บางทีอาจจะมีคนไม่พอสำหรับพาเรือกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็จะเปนได้ จึงได้เปนอันตกลงเห็นพร้อมกันว่า ในวันที่ ๗ เดือนกันยายน ให้ออกเรือเดินทางไปเมืองไทยต่อไป และในระหว่างนี้ก็ให้รีบร้อนหาสะเบียงและน้ำบรรทุกลงเรือเสียให้พอ

บรรดานายเรือทั้งหลายก็ได้รีบไปจัดการตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น เพราะฉะนั้นเมื่อณวันที่ ๗ เดือนกันยายน เรือทั้งหลายจึงได้ถอนสมอแล่นใบออกจากท่าเรือเมืองบาตาเวีย เดินทางตัดไปเมืองไทยต่อไป มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ได้เขียนหนังสือทิ้งไว้ที่เมืองบาตาเวียฉะบับ ๑ ถึงมองซิเออร์เดอคูรเซลผู้บังคับการเรือลานอมานด์ บอกให้ทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเวลาที่เรือลำนี้จะได้มาถึงเมืองบาตาเวีย เพราะตั้งแต่ได้ถูกพายุเรือได้พลัดพรากจากกันเราก็ไม่ได้ข่าวคราวถึงเรือลานอมานด์เลย

การเดินเรือในตอนนี้ได้ปรกติเรียบร้อยดีทุกอย่าง และเรือได้ผ่านช่องบังกาโดยไม่มีเหตุการณ์หรือมีอันตรายต่อเรืออย่างใดเลย

ในระหว่างที่เดินทางอยู่ และในเวลาที่พักอยู่ที่แหลมเคปออฟกุดโฮปนั้น ข้าพเจ้าได้เคยสนทนากับบาดหลวงตาชาด์หลายครั้งหลายหน บาดหลวงตาชาด์จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า บาดหลวงตาชาด์เข้าใจว่าออกพระวิสูตร์สุนทรราชทูตที่ ๑ ของพระเจ้ากรุงสยามคงจะไม่สู้เต็มใจนัก ในการที่จะให้พวกฝรั่งเศสไปตั้งอยู่ในเมืองไทย เพราะออกพระวิสูตร์สุนทรเปนคนที่นับถือพระพุทธสาสนาอย่างเคร่งครัด บาดหลวงตาชาด์จึงเชื่อว่าเมื่อไปถึงเมืองไทยแล้ว ออกพระวิสูตร์สุนทรคงจะมีใจรวนเร คือว่า ถ้าเห็นว่าการทั้งปวงได้เปรียบดีข้างฝ่ายพวกฝรั่งเศสแล้ว ออกพระวิสูตร์สุนทรก็คงจะฝักไฝ่เอาใจช่วยพวกฝรั่งเศส แต่ถ้าหากว่าไทยไม่ใคร่จะเอาธุระช่วยเหลือพวกฝรั่งเศสและไทยไม่ค่อยจะพอใจฝรั่งเศสแล้ว ออกพระวิสูตร์สุนทรก็คงจะหันเข้าช่วยไทย เพราะออกพระวิสูตร์สุนทรไม่ใคร่จะชอบฝรั่งเศสเท่าไรนัก

ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าได้ความจากบาดหลวงตาชาด์เช่นนี้ ทั้งจะต้องการเวลาให้มาก จึงทำให้ข้าพเจ้าตกลงใจแนะนำกับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ ให้พูดกับมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ในเวลาที่ยังพักอยู่ที่เมืองบาตาเวียนั้น ว่าขอให้เอาเรือลัวโซ ซึ่งเปนเรือที่มีฝีเท้าเร็วกว่าลำอื่น รับบาดหลวงตาชาด์ขึ้นบนเรือ และให้เรือลัวโซรีบล่วงหน้าให้ไปถึงเมืองไทยก่อน เพื่อจะได้ไปจัดการต่าง ๆ เสียให้เรียบร้อย เมื่อเรือลำอื่น ๆ ได้ไปถึงเมืองไทย จะได้พร้อมที่จะเอากองทหารขึ้นบกได้ทีเดียว เพราะกองทหารนี้ได้เหนื่อยล้ามามากจำเปนต้องให้รีบขึ้นไปรักษาตัวบนบกโดยเร็ว เมื่อข้าพเจ้าได้แนะนำเช่นนี้ มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ก็ยอมตามความต้องการของข้าพเจ้า แต่มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์เห็นว่า เปนการจำเปนที่เรือทุก ๆ ลำจะต้องออกจากเมืองบาตาเวียพร้อมกัน และจะต้องเดินเข้าช่องบังกาพร้อมกัน เมื่อพ้นช่องบังกาไปแล้ว จึงให้แยกเรือลัวโซล่วงหน้าไปเมืองไทยก่อนก็ได้

ครั้นเรือได้ผ่านพ้นช่องบังกาไปแล้ว มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ก็ได้จัดการตามที่ได้รับรองไว้ บาดหลวงตาชาด์จึงได้มาลงเรือลัวโซ พร้อมกับข้าพเจ้าและมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ ฝ่ายราชทูตสยาม เข้าใจว่าการที่แยกเรือลัวโซให้ล่วงหน้าไปก่อนนั้น เกี่ยวแก่การจำเปนที่จะต้องให้กองทหารได้มีเวลาพัก จึงได้จัดข้าราชการไทยคน ๑ ให้ลงเรือลัวโซมาด้วย เพื่อจะได้ขึ้นบกพร้อมกับบาดหลวงตาชาด์ทีเดียว แล้วเรือลัวโซก็ได้แยกออกจากกองทัพเรือรีบแล่นใบล่วงหน้าไปก่อน ในระหว่างเดินทางจากช่องบังกาไปเมืองไทยนั้น มีเวลาว่างพอจะตรวจตราแก้ไขคำสั่งต่าง ๆ ที่เราได้ร่างขึ้นที่เมืองบาตาเวีย เพราะเมื่อเราได้พักอยู่ที่เมืองบาตาเวียนั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้เอาคำสั่งต่าง ๆ มาให้ข้าพเจ้าตรวจดู คำสั่งเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ตรวจเห็นว่าไม่ผิดอะไรกับคำสั่งที่เราได้ร่างขึ้นไว้ จะผิดกันบ้างเล็กน้อยแต่บางข้อ คือ

๑ ในเวลาที่เราจะขอบางกอกจากไทยนั้น เราควรจะขอเมืองมะริดเสียด้วยทีเดียว เพราะถ้าเราจะขอแต่บางกอกแห่งเดียวแล้ว เมื่อจะขอเมืองมะริดอีกในภายหลังก็ดูจะไม่เหมาะ เพราะจะเปนการเท่ากับความต้องการของเราไม่มีสิ้นสุดลงไปเลย

๒ ในเรื่องที่จะให้กองทหารกระทำสัตย์สาบาลต่อพระเจ้ากรุงสยามนั้น ข้าพเจ้าจำเปนต้องใช้ถ้อยคำที่จะสาบาลนั้น ให้ตรงกันทั้งในคำสั่งเดิมและคำสั่งที่ร่างขึ้นใหม่โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงถ้อยคำอย่างใดเลย

๓ ในเวลาที่จะพูดจาถึงเรื่องการต่าง ๆ นั้น ไม่ควรจะกล่าวถึงกะสุนลูกแตกและทหารปืนใหญ่ ซึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาถวายพระเจ้ากรุงสยาม เพราะเหตุว่าทำอย่างไร ๆ พระเจ้ากรุงสยามก็คงจะต้องพระราชประสงค์เอาทหารปืนใหญ่และลูกแตกเหล่านี้ไว้ แต่ข้าพเจ้าเองไม่เห็นด้วยเลยในการที่จะทิ้งทหารปืนใหญ่และลูกแตกไว้ในเมืองไทย และที่ข้าพเจ้ามีความเห็นดังนี้ก็ด้วยเหตุหลายประการคือ ๑ เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้มีรับสั่งไว้กับผู้บังคับกองทหารปืนใหญ่ ให้พาทหารปืนใหญ่และลูกแตกกลับไปยังประเทศฝรั่งเศส และ ๒ เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าการที่จะให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระเจ้ากรุงสยามรู้จักใช้ปืนชนิดนี้ จะไม่เปนประโยชน์ต่อราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเลย เพราะต่อไปในภายหน้าอาจจะกระทำให้เปนความรำคาญต่อพวกฝรั่งเศสได้ เช่นว่าถ้าต่อไปไทยจะเกิดไม่พอใจพวกฝรั่งเศสขึ้นเมื่อใด ก็อาจจะเอาปืนใหญ่ชนิดนี้เองใช้ต่อสู้กับพวกฝรั่งเศสได้

ความเห็นทั้ง ๓ ข้อนี้ ข้าพเจ้าได้จดเปนบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ แต่ข้าพเจ้าเองได้รับคำสั่งมาให้ปฏิบัติตามความเห็นของมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ในสิ่งที่เกี่ยวด้วยราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกประการ ข้าพเจ้าจึงเปนแต่จดความเห็นของข้าพเจ้าไว้เท่านั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ก็ได้รับรองว่า จะได้พิจารณาความเห็นของข้าพเจ้าต่อไป และได้บอกกับข้าพเจ้าว่าคำสั่งเหล่านี้จะต้องมอบไว้กับบาดหลวงตาชาด์ เพราะฉะนั้นคำสั่งต่าง ๆ และจดหมายเหตุบันทึกจึงได้มอบให้บาดหลวงตาชาด์ไว้เสร็จแล้ว และบาดหลวงตาชาด์ก็ได้ลงความเห็นในข้อความต่าง ๆ เหล่านี้ไว้แล้วเหมือนกัน

มองซิเออร์เดอลาลูแบร์เห็นว่าจะต้องทำเปนจดหมายบันทึกหรือคำสั่งมอบให้บาดหลวงตาชาด์ ๒ ฉะบับ ๆ ๑ นั้นบาดหลวงตาชาด์จะได้ไปยื่นต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ อีกฉะบับ ๑ นั้นบาดหลวงตาชาด์จะได้เก็บรักษาไว้เปนคำสั่งลับ มองซิเออร์เดอลาลูแบร์กับบาดหลวงตาชาด์ได้พบปะปรึกษาหารือกันหลายคราว บางคราวข้าพเจ้าก็อยู่ด้วย แต่ข้อความที่ปรึกษาหารือกันนั้น ก็เกี่ยวด้วยการกำชับให้บาดหลวงตาชาด์ได้ปฏิบัติตามความในคำสั่งต่าง ๆ ทุกประการ ในขณะที่ปรึกษาหารือกันอยู่นั้น บาดหลวงตาชาด์ได้แสดงตัวว่า บาดหลวงตาชาด์มิได้รับคำสั่งให้อยู่ในความบังคับบัญชาของเรา หรือในข้อความต่าง ๆ ที่บาดหลวงตาชาด์จะมาเจรจาในคราวนี้ ก็มิต้องกระทำตามคำสั่งของเราอย่างใดเลย แต่เมื่อเราได้รับรองว่าคำสั่งของเรามีอยู่ว่า ให้บาดหลวงตาชาด์ได้ขึ้นไปบนบกเพื่อไปจัดการต่าง ๆ นั้น ก็เปนการพออยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้เปนการที่ขัดข้องอยู่บ้าง เพราะเหตุว่าเมื่อความเห็นของเราไม่ตรงกับความเห็นของบาดหลวงตาชาด์เรื่องใด บาดหลวงตาชาด์ก็ได้ตอบเราอยู่เสมอว่า ในการเรื่องนั้น ๆ จะควรพูดจาว่าอย่างไรบาดหลวงตาชาด์เข้าใจอยู่ดีแล้วว่าจะควรพูดอย่างไรและจะควรทำอย่างไร เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและมาควิศเดอเซเนเล ก็ได้รับสั่งและบอกให้บาดหลวงตาชาด์ทราบในข้อที่ควรจะปฏิบัติทุกอย่างแล้ว และบาดหลวงตาชาด์ก็กลับอธิบายต่อไปว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนคนที่จะทำอะไรต้องพูดกันตรง ๆ จะพูดเปนลับลมคมในกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เปนไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

มองซิเออร์เดอลาลูแบร์กับตัวข้าพเจ้าได้พยายามนักหนา ที่จะให้บาดหลวงตาชาด์ได้ขยายความลับเพื่อแสดงความไว้ใจต่อเราบ้าง แต่ทำอย่างไร ๆ บาดหลวงตาชาด์ก็ไม่วางใจในเราเลย และบาดหลวงตาชาด์กลับแสดงอยู่เสมอว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนเพื่อนที่รักที่สุดของบาดหลวงตาชาด์ ความลับต่าง ๆ มีอย่างไรบาดหลวงตาชาด์มิได้ปิดบังมองซิเออร์คอนซตันซ์เลย เมื่อเราได้ยินบาดหลวงตาชาด์แสดงตัวเช่นนี้ เราจึงจำเปนต้องพูดกับบาดหลวงตาชาด์ว่า การที่จะเอาความลับส่วนตัวแสดงให้แก่เพื่อนฝูงนั้น ไม่มีข้อห้ามอย่างใดเลย แต่ที่จะเอาความลับของนายไปแสดงให้แก่คนอื่นนั้น เปนสิ่งที่ต้องห้าม แต่ถึงเราจะพูดจาเตือนสติบาดหลวงตาชาด์สักเท่าไร ก็หาเปนประโยชน์อย่างใดไม่ เพราะบาดหลวงตาชาด์ยืนอยู่แต่คำเดียวว่า บาดหลวงตาชาด์ได้รับคำสั่งมาเสร็จแล้ว แต่ถึงดังนั้นเราก็ได้เอาคำสั่งออกมาปรึกษาหารือกับบาดหลวงตาชาด์อยู่เสมอ

วันที่ ๒๖ เดือนกันยายน เรือได้แล่นเข้ามาใกล้กับท่าเมืองไทย และเมื่อวันที่ ๒๗ เดือนกันยายนเวลาเช้า บาดหลวงตาชาด์ ๑ บาดหลวงเอศปันยัก ๑ กับมองซิเออร์มาซูเย ๑ รวม ๓ นายได้ลงเรือเล็กขึ้นไปบนบก เพื่อไปคำนับมองซิเออร์คอนซตันซ์และเพื่อนำจดหมายของเราไปส่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย

หนังสือที่มีไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ฉะบับนี้ ได้เขียนเปนภาษาปอตุเกตซึ่งข้าพเจ้าไม่เห็นเปนการสมควรเลย เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าเมื่อจะมีหนังสือพูดถึงการงานไปถึงผู้ใดแล้ว ไม่ควรจะใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาของเราเองเลย การที่ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ก็ด้วยเหตุ ๒ ประการคือ ๑ การที่จะมีหนังสือโดยใช้ภาษาของตัวเองนั้นมีประโยชน์และได้เปรียบมากกว่า เพราะเปนภาษาที่ตัวของตัวเข้าใจได้ดีกว่าภาษาอื่น ประการที่ ๒ นั้นแบบอย่างไม่เคยมีเลยที่จะเจรจาการบ้านเมืองด้วยใช้ภาษาต่างประเทศ แต่ในข้อนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ดื้อเอาอ้างว่ามาควิศเดอเซเนเลได้อนุญาตไว้แล้ว เมื่อมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้ตอบอ้างเหตุเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็เปนอันหมดพูด ต้องยอมทำตามเท่านั้นเอง ในคราวที่บาดหลวงตาชาด์ได้ล่วงหน้าขนไปบนบกคราวนี้ เราก็ได้มีหนังสือฝากไปอีกฉะบับ ๑ ถึงท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ และได้ฝากหนังสือของมาควิศเดอเซเนเล ถึงสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศไปด้วยอีกฉะบับ ๑

ในคราวนี้เราได้จัดให้มองซเออร์ดูบรูอังไปกับบาดหลวงตาชาด์ด้วยอีกคน ๑ เพื่อให้ไปทำรายงานมาให้เราทราบโดยเร็ว ว่าเหตุการณ์ที่บางกอกมีอย่างไรบ้าง เพราะมองซิเออร์โวลังผู้เปนเอนยินเนีย ซึ่งเราได้เอาลงเรือลัวซัวที่ช่องบังกามาด้วยนั้น กำลังป่วยอยู่ยังขึ้นจากเรือไม่ได้ จึงได้จัดให้มองซิเออร์ดูบรูอังไปแทน และให้ไปพร้อมกับพวบาดหลวงจนถึงบางกอก เราจำเปนต้องวางใจในความรู้และความชำนาญของมองซิเออร์ดูบรูอังสำหรับที่จะรู้ได้ว่า การที่บางกอกและกองทหารที่รักษาบางกอกอยู่ในเวลานี้เปนอย่างไรบ้าง

เพราะฉะนั้นบาดหลวงตาชาด์จึงได้ลงจากเรือลัวโซดังที่กล่าวมาแล้ว โดยถือคำสั่งหรือจดหมายบันทึกไปด้วย ๒ ฉะบับ ๆ ๑ นั้นให้ไปยื่นแก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ อีกฉะบับ ๑ นั้นให้บาดหลวงตาชาด์รักษาไว้เปนคำสั่งลับ บาดหลวงตาชาด์ได้บอกกับเราว่า บาดหลวงตาชาด์ได้เขียนรายงานในการที่ได้ไปประเทศฝรั่งเศสในคราวนี้ และจะได้นำรายงานฉะบับนี้ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ดู แต่รายงานฉะบับนี้บาดหลวงตาชาด์หายอมให้เราดูไม่ เพราะอ้างว่าในรายงานนั้นมีข้อความลับที่เกี่ยวด้วยบาดหลวงเดอลาเชซหลายอย่าง บาดหลวงตาชาด์เปนแต่อ่านให้เราฟังเปนบางข้อบางตอนซึ่งเกี่ยวด้วยเรื่องบางกอกเท่านั้น ซึ่งเราก็เห็นว่าข้อความที่บาดหลวงตาชาด์เขียนไว้นั้นก็ดีอยู่แล้ว

เมื่อเราได้ไปถึงสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว รุ่งขึ้นเราก็ได้ข่าวว่าเชอวาเลียเดอฟอแบงได้ออกจากราชการของพระเจ้ากรุงสยามมาได้ ๘ หรือ ๑๐ เดือนมาแล้ว และว่าเชอวาเลียเดอฟอแบงได้เข้าทำการในห้างฝรั่งเศสที่ฝั่งคอรอมันเดลแล้ว และเราได้ทราบข่าวต่อไปว่าในเวลานั้นพระเจ้ากรุงสยามกำลังทำสงครามอยู่กับพวกอังกฤษ จึงได้มีรับสั่งให้มองซิเออร์เดอลามาทำป้อมคูประตูหอรบขึ้นที่บางกอกแห่ง ๑ ที่เมืองสงขลาแห่ง ๑ และที่เมืองนครศรีธรรมราชแห่ง ๑ และได้มีคนมาเล่าให้เราฟังว่าพวกอังกฤษที่เมืองมะริดได้ถูกฆ่าตายหมดสิ้นแล้ว แต่ตามความที่เล่าในเรื่องนี้ดูเปนการพิศดารนักจนเหลือที่จะเชื่อว่าจะเปนความจริงได้ คงได้ความเพียงแต่ว่าพวกอังกฤษที่เมืองมะริดได้ถูกฆ่าตายหมดจริง และได้ความว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จัดให้มองซิเออร์เดอโบเรอกาออกไปเปนผู้ว่าราชการเมืองมะริดแล้ว มองซิเออร์เดอโบเรอกาผู้นี้เปนชายหนุ่มอายุราว ๒๐ ปี บุตร์ของคอมมิแซทหารเรือที่เมืองเบรสต์ ซึ่งเชอวาเลียเดอโชมองได้ให้อยู่ในเมืองไทยพร้อมกับเชอวาเลียเดอฟอแบง ตามข่าวที่ได้ทราบมาดังนี้ได้ทำให้เรามีความหวังใจว่าไทยคงจะยินดีรับเรา เพราะเปนเวลาที่พระเจ้ากรุงสยามจะต้องการใช้กำลังของฝรั่งเศสอยู่

เมื่อวันที่ ๓๐ เดือนกันยายน มองซิเออร์ดูบรูอังได้ลงเรือเล็กของเรือลัวโซกลับมาจากบางกอก เรือลำนี้เปนเรือที่ได้พาบาดหลวงตาชาด์ขึ้นไปที่กรุงศรีอยุธยา มองซิเออร์ดูบรูอังได้นำจดหมายของบาดหลวงตาชาด์ลงวันที่ ๒๘ เดือนกันยายนมาส่งให้ฉะบับ ๑ ในจดหมายฉะบับนี้มีใจความว่าเหตุการณ์ที่บางกอกมีอย่างไรนั้นให้มองซิเออร์ดูบรูอังเล่าให้เราฟังเถิด เพราะเปนการที่มองซิเออร์ดูบรูอังทราบโดยละเอียดอยู่แล้ว และมีใจความพูดมาอย่างด้วนว่า เวลานี้เปนเวลาเหมาะที่สุดสำหรับให้เรื่องที่เราจะมาจัดการในคราวนี้ได้เปนการสำเร็จสมควรปรารถนาของเรา และเล่าเรื่องต่าง ๆ อีกคือ ๑ เรื่องเชอวาเลียเดอฟอแบงได้กลับไปเมืองปอนดีเชรี ๒ เรื่องพวกแขกมากาซาเปนจลาจลและแพ้ไทย ๓ เรื่องพวกอังกฤษที่เมืองมะริดได้ถูกฆ่าตาย ๔ เรื่องอังกฤษประกาศสงครามกับพระเจ้ากรุงสยาม ๕ เรื่องข่าวเล่าลือว่าพวกฮอลันดาจะส่งกองทัพมาช่วยพระเจ้ากรุงสยาม ๖ เรื่องอำนาจของมองซิเออร์คอนซตันซ์ในราชสำนักไทย และว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์มีความรักใคร่พวกฝรั่งเศสนัก จนถึงกับตั้งให้มองซิเออร์เดอโบเรอกาได้เปนเจ้าเมืองบางกอกแทนเชอวาเลียเดอฟอแบง แล้วภายหลังได้จัดให้มองซิเออร์เดอโบเรอกาไปเปนเจ้าเมืองมะริด ได้รับยศเปนออกพระและให้มีอำนาจบังคับบัญชาสิทธิ์ขาดในทะเลแถบเมืองมะริด ทั้งได้มอบอำนาจให้มองซิเออร์เดอโบเรอกา ได้เจรจาทำความตกลงกับพวกอังกฤษได้อย่างเด็จขาด โดยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้จึงทำให้บาดหลวงตาชาด์กระหายอยากจะรีบไปจูบกอดมองซิเออร์คอนซตันซ์นัก

เมื่อวันที่ ๑ เดือนตุลาคมเวลาค่ำมองซิเออร์เวเรต์ได้มาที่เรือลัวโซพร้อมกับมองซิเออร์เดอโบมอง ซึ่งเปนผู้บังคับเรือเซนต์หลุย ซึ่งเปนเรือของบริษัทได้มาจากเมืองปอนดีเชรีถึงเมืองไทยได้ ๖ อาทิตย์มาแล้ว

มองซิเออร์เวเรต์ได้เล่าให้เราฟังอย่างละเอียดเรื่องพวกแขกมากาซาได้เปนจลาจลและได้แพ้ไทย และได้เล่าว่าในการปราบพวกแขกมากาซาคราวนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เปนหัวหน้ายกพลไปต่อสู้กับพวกจลาจล และมีชาวฝรั่งเศส ๙ คน นายเรือชาติอังกฤษคน ๑ ได้ไปกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย นอกจากนั้นหามีคนชาติอื่นยอมไปกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ ในคราวที่ไปปราบพวกแขกมากาซาคราวนี้ พวกฝรั่งเศสได้ตายในที่รบ ๔ คน และนายเรืออังกฤษก็ได้ตายในที่รบเหมือนกัน ในพวกฝรั่งเศสที่ตายนั้นมีอยู่คน ๑ เปนพ่อค้าชื่อ เดอรูอัง ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ใส่ขื่อไว้ในที่ประชุมชนกว่า ๔ เดือน โดยหาว่าพ่อค้าคนนี้เปนเจ้าถ้อยหมอความ

เราได้ทราบจากทางอื่นว่าในการปราบพวกแขกมากาซาในคราวนี้ มองซิเออร์เวเรต์ก็ได้ไปช่วยด้วยอย่างแขงแรงเหมือนกัน เราจึงได้ถามมองซิเออร์เวเรต์ว่าการในเมืองไทยเวลานี้เปนอย่างไร มองซิเออร์เวเรต์จึงเล่าว่า เวลานี้ได้ประกาศสงครามกันในระหว่างอังกฤษกับพระเจ้ากรุงสยามแล้ว และว่าอังกฤษได้รวบรวมเรือรบอย่างขนาดใหญ่ไว้ที่แม่น้ำแกนซ์กว่า ๒๕ ลำ มีพลรบประมาณ ๕๐๐๐ ถึง ๖๐๐๐ คน พอถึงระดูมรสุมเรือรบอังกฤษเหล่านี้คงจะได้มาเมืองไทย เพื่อมาแก้แค้นในการที่พวกอังกฤษได้ถูกฆ่าตายในบ้าน จ่าบันดา (Chabandar) เพราะจ่าบันดาคนนี้ได้ฆ่าพวกอังกฤษตายด้วยวิธีหลายอย่าง แลกับตันเรือรบลำ ๑ ซึ่งพึ่งไปถึงเมืองมะริดก็ได้ช่วยฆ่าฟันพวกอังกฤษด้วย ครั้นรุ่งขึ้นพวกอังกฤษที่ยังเหลืออยู่อีกเท่าไร ก็ได้ถูกพวกไทยฆ่าฟันด้วยวิธีเหี้ยมโหตดุร้ายจนหมดสิ้น

มองซิเออร์เวเรต์ได้เล่าถึงเรื่องการที่ไทยได้ฆ่าฟันพวกอังกฤษตายอย่างละเอียดซึ่งฟังดูเปนเรื่องน่าทุเรศสยดสยองมาก แล้วมองซิเออร์เวเรต์ได้เล่าต่อไปว่า พระเจ้ากรุงสยามได้ประกาศสงครามกับอังกฤษโดยเหตุที่พวกอังกฤษได้ออกประกาศในกรุงศรีอยุธยาว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนหนี้พวกอังกฤษเปนจำนวนมากมายก่ายกอง เพราะฉะนั้นพวกอังกฤษจะบังคับให้พระเจ้ากรุงสยามได้ใช้เงินรายนี้ และพวกอังกฤษยังขอร้องให้ส่งตัวมองซิเออร์คอนซตันซ์ไปให้อังกฤษทำโทษแขวนคอเสียด้วย โดยหาว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์เปนกบฎต่อพระมหากษัตริย์ของตัว โดยที่ตัวได้แปลงชาติเปนคนอังกฤษแล้ว

มองซิเออร์เวเรต์ได้เล่าต่อไปว่า ในเวลานี้พระเจ้ากรุงสยามทรงพระวิตกว่ายังจะต้องรบกับพวกฮอลันดาอีก ยังไม่ใช่แต่เท่านั้นแต่พวกญวนพวกแขกมากาซาพวกมอญและพวกลาวก็เกิดแตกร้าวกับไทย และในเวลานี้ไทยก็กำลังรบกับลาวอยู่ด้วย

มองซิเออร์เวเรต์ได้สนทนากับบาดหลวงตาชาด์โดยยืดยาวในเวลาที่บาดหลวงตาชาด์ได้ผ่านกรุงศรีอยุธยาจะขึ้นไปเมืองลพบุรี มองซิเออร์เวเรต์ได้แนะนำกับบาดหลวงตาชาด์ว่า ในเวลานี้อย่าเพ่อรีบร้อนให้อะไรต่ออะไรกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ก่อน เพราะเหตุการณ์ในบ้านเมืองไม่ปกติ มองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะคิดหาช่องต่าง ๆ ให้ฝรั่งเศสเอง อย่าว่าแต่บางกอกและเมืองมะริดเลย ถ้าฝรั่งเศสจะต้องการอะไรมองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะยอมให้ทั้งนั้น การที่มองซิเออร์เวเรต์ได้แนะนำกับบาดหลวงตาชาด์เช่นนี้ จึงทำให้เราเข้าใจได้ว่า บาดหลวงตาชาด์คงจะเอาเรื่องอะไรต่ออะไรไปเล่าให้มองซิเออร์เวเรต์ฟังเสียหมดแล้ว และมองซิเออร์เวเรต์ก็ได้ออกความเห็นแนะนำกับเราว่า เกาะภูเก็จเปนตำบลที่เหมาะสำหรับบริษัทยิ่งกว่าเมืองมะริดหลายเท่า เพราะเหตุว่าที่เมืองมะริดนั้นมีทางเข้าออกได้หลายทาง ซึ่งจะกระทำให้การป้องกันรักษายากลำบากมาก แต่ส่วนที่เกาะภูเก็จนั้นมีทางเข้าออกได้ทางเดียวเท่านั้น ซึ่งจะเปนการป้องกันรักษาง่ายและเปลืองโสหุ้ยน้อยด้วย

มองซิเออร์เวเรต์ได้นำจดหมายของบาดหลวงตาชาด์ลงวันที่ ๓๐ เดือนกันยายนมาส่งให้เราฉะบับ ๑ ซึ่งเปนข้อความแสดงความวิตกต่าง ๆ และความวิตกของบาดหลวงตาชาด์นี้ ก็เริ่มต้นตั้งแต่แรกออกจากเมืองเบรสต์มาแล้ว และเมื่อเราใกล้จะมาถึงเมืองไทย บาดหลวงตาชาต์ก็กลับมีความวิตกทวีหนักขึ้นอีก ในจดหมายฉะบับนี้มีใจความว่า ถ้าไทยจะไม่ยอมให้เมืองมะริดแก่เราแล้ว ก็ขอให้เราคิดเอาเกาะภูเก็จเถิด และในเรื่องนี้ถ้าบาดหลวงตาชาด์ยังไม่ได้ข่าวจากเราประการใดแล้ว บาดหลวงตาชาด์ก็จะรอไม่พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เหมือนกัน เราจึงได้รีบมีหนังสือตอบบาดหลวงตาชาด์ไปโดยเร็วที่สุดที่จะตอบได้ว่า เราไม่มีหนทางที่จะทำการอย่างอื่นนอกจากที่มีปรากฎอยู่ในคำสั่งนั้นแล้ว และที่เราได้เขียนไว้ในคำสั่งและที่เราได้พูดด้วยปากไว้อย่างไรนั้น จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเปนอย่างอี่นไม่ได้เปนอันขาด เพราะข้อความที่เราได้เขียนไว้นั้นตรงกับคำสั่งที่เราได้รับมาทุกประการซึ่งบาดหลวงตาชาด์ย่อมทราบอยู่ดีแล้ว แล้วเราจึงได้ชี้แจงต่อไปว่า ความเห็นของเรานั้นเห็นว่าควรบาดหลวงตาชาด์จะพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าเราได้ทราบข่าวมาในเรื่องไทยรบกับอังกฤษแล้ว เพราะฉะนั้นกองทหารของเราจึงมีความยินดีนักที่ได้มาถึงเมืองไทยในเวลาอันเหมาะเช่นนี้ แต่ตัวเราเองเชื่อว่าถ้าไทยเพียงแต่เอานามของกองทหารฝรั่งเศสขึ้นอ้างแล้ว ก็จะเปนการเพียงพอทำให้ข้าศึกคร้ามได้

ในคืนวันนั้นมองซิเออร์เวเรต์ได้อยู่ในห้องของข้าพเจ้าตลอดรุ่ง และได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย นับตั้งแต่มองซิเออร์เดอโชมองได้กลับไปประเทศฝรั่งเศสเปนต้นไป แต่ข้อความที่มองซิเออร์เวเรต์ได้เล่านั้น เปนเรื่องยืดยาวและเปนเรื่องที่จำยาก ข้าพเจ้าจึงขอให้มองซิเออร์เวเรต์เขียนจดไว้เปนรายงาน และมองซิเออร์เวเรต์ก็ได้ส่งรายงานฉะบับนี้มาให้ข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าได้ไปถึงกรุงศรีอยุธยา มีข้อความอย่างไรแจ้งอยู่ในสำเนารายงานซึ่งข้าพเจ้าได้ส่งมาพร้อมกับรายงานฉะบับนี้แล้ว

เมื่อวันที่ ๒ เดือนตุลาคม ผู้รักษาเมืองบางกอกได้ส่งเรือบรรทุกผลไม้ไก่และของอื่น ๆ อีกเปนอันมาก มายังเรา ๑ ลำ

วันที่ ๔ ตุลาคม ออกขุน ข้าราชการในราชสำนักของพระเจ้ากรุงสยาม ได้รับกระแสรับสั่งให้มาหาเราบนเรือ ๒ นายเพื่อเปนการต้อนรับ ภายหลังเราได้ทราบว่าข้าราชการทั้ง ๒ นายนี้เปนคนที่พระเจ้ากรุงสยามโปรดปรานมาก แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ยังต่ำอยู่ ข้าราชการทั้ง ๒ คนนี้เปนคนรูปร่างล่ำสัน กิริยาอัธยาศัยเรียบร้อยดีกว่าคนอื่นในประเทศนี้ เราได้จัดการต้อนรับข้าราชการทั้ง ๒ นายนี้ในห้องของมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ เพราะห้องนี้กว้างขวางเหมาะแก่การต้อนรับแขก ตัวข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ลึกสุดห้อง และมีพรมปูอยู่ด้วย บนพรมนั้นได้ตั้งม้าสี่เหลี่ยมไว้สำหรับรับขุนนางไทย ในชั้นต้นข้าราชการไทยทั้ง ๒ นี้ได้ส่งล่ามให้ขึ้นมาบนเรือก่อน ล่ามคนนี้เปนชาติปอตุเกตพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เลยจนคำเดียว ล่ามได้มาถามว่าเราพร้อมที่จะรับข้าราชการไทยหรือยัง เราจึงได้ตอบไปว่าพร้อมแล้ว ให้เชิญข้าราชการไทยมาเถิดเรามีความยินดีจะรับรอง เมื่อข้าราชการไทยได้รับคำตอบของเราดังนี้แล้วจึงได้ขึ้นมาบนเรือ เมื่อจะเข้ามาในห้องนั้น ข้าราชการไทยได้ถอดรองเท้าและวางไว้ที่ประตู แล้วจึงได้เข้ามาในห้อง กระทำความเคารพต่อเรา วิธีทำความเคารพของไทยนั้น คือ เอามือทั้งสองพนมเข้าแล้วยกขึ้นถึงหน้าผาก แล้วข้าราชการทั้ง ๒ จึงได้นั่งลงบนม้าสี่เหลี่ยม ล่ามนั้นยืนอยู่ข้างหลังข้าราชการไทย ๆ หาได้พูดจาว่าอย่างไรไม่ นั่งนิ่งอยู่ตามแบบของชาวทิศตวันออก เพราะประเพณีของชาวตวันออกนั้นจะพูดก่อนผู้ใหญ่ไม่ได้

เราจึงได้ถามข้าราชการทั้ง ๒ ว่า พระเจ้ากรุงสยามทรงพระสบายและทรงสุขสำราญอยู่หรืออย่างไร ข้าราชการไทยได้ตอบว่าทรงพระสบายดีแล้วจึงนำกระแสรับสั่งของพระเจ้ากรุงสยามมาแสดงต่อเราว่า ทรงมีความยินดีที่เราได้มาถึงแล้ว ทั้งไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินก็พลอยมีความยินดีทั่วหน้ากันหมดด้วย นอกจากนี้ก็ได้นั่งสนทนากันแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ในการที่พระเจ้าแผ่นดินทั้ง ๒ ได้เปนพระราชไมตรีกัน แล้วเราจึงได้เอาน้ำชามาเลี้ยงอย่างแบบของประเทศอินเดีย เมื่อรับประทานน้ำชาแล้วข้าราชการทั้ง ๒ ก็ได้ลาลงเรือยาวกลับไป และในระหว่างที่กลับไปนั้น ข้าราชการทั้ง ๒ ก็ได้เขียนรายงานที่ได้มาพูดจาและได้เห็นอย่างไรอย่างละเอียดที่สุด จนเรื่องที่เล็กน้อยก็จดลงไปด้วยเพื่อจะได้นำความไปกราบทูลให้พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงทราบต่อไป

ในที่นี้ข้าพเจ้าอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า วันหนึ่งข้าพเจ้ากำลังสนทนาอยู่กับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ๆ ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า นิสสัยของไทยเมื่อได้ไปพูดกับใครว่าอย่างไรและเมื่อได้เห็นการอย่างใดจำเปนจะต้องเขียนรายงานอย่างละเอียดและตามความจริงทุกอย่าง มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้เอารายงานของออกขุน ๒ คนที่ได้มาหาเรานั้นมาอ่านให้ข้าพเจ้าฟัง และข้อความที่ข้าราชการทั้ง ๒ ได้รายงานการที่ได้พูดจากันว่าอย่างไรและได้เห็นอย่างไร เปนข้อความอย่างละเอียดที่สุดเหลือที่ข้าพเจ้าจะอธิบายได้ว่า ความละเอียดของพวกนี้จะมีสักปานใด เพราะตามรายงานฉะบับนี้ได้จดข้อความที่ได้พูดสนทนากันนั้นทุกอย่าง จนที่สุดเรื่องใดที่เปนเรื่องแต่เล็กน้อยก็จดลงไปด้วย และหาได้เปลี่ยนแปลงถ้อยคำอย่างใดไม่เลย คำอธิบายที่เขาได้อธิบายรูปร่างสันฐานของห้องที่นั่งสนทนากันนั้น เปนคำอธิบายอย่างละเอียดแจ่มแจ้ง เมื่ออ่านดูตามรายงานนั้นเหมือนกับตัวผู้อ่านอยู่ในที่นั้นได้เห็นแก่ตาของตัวเองเหมือนกัน ถ้าแม้ว่าความละเอียดของไทยดำเนินไปถึงการใหญ่เท่ากับการเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้แล้ว ก็ต้องนับว่าประเทศนี้เปนประเทศที่ฉลาดอย่างยิ่ง ข้อนี้กล่าวฉะเพาะแต่ข้าราชการเท่านั้น เพราะคนสามัญนั้นจะหาใครที่จะหยาบเท่าเปนไม่มีแล้ว

เมื่อวันที่ ๕ เดือนตุลาคม เวลาเที่ยง บาดหลวงตาชาด์ได้กลับมาที่เรือ พอขึ้นมาถึงเรือบาดหลวงตาชาด์ก็ขอพบเราโดยทันที แล้วบาดหลวงตาชาด์จึงได้นำหนังสือที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เขียนถึงบาดหลวงตาชาด์มาส่งให้เราฉะบับ ๑ และได้ขอให้เราอ่านหนังสือฉะบับนั้นต่อหน้าบาดหลวงตาชาด์ในเวลานั้นทีเดียว (ความจริงหนังสือฉะบับนี้ก็ได้เขียนต่อหน้าบาดหลวงตาชาด์ และผู้เขียนนั้นก็คือบาดหลวงเดซปานยัก ซึ่งได้ขึ้นไปที่กรุงศรีอยุธยาพร้อมกับบาดหลวงตาชาด์เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคมนั้นเอง)

ในหนังสือฉะบับนี้มีใจความว่า การต่าง ๆ ที่บาดหลวงตาชาด์ได้มาขอร้องแทนพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์รับรองว่าจะจัดการให้สมพระราชประสงค์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่าง และกล่าวต่อไปว่า ได้เตรียมการไว้ที่บางกอกสำหรับรับผู้ที่ป่วยเจ็บพร้อมแล้ว

ข้าพเจ้าได้ส่งสำเนาจดหมายฉะบับนี้ ทั้งภาษาปอตุเกตเเละฝรั่งเศสมาพร้อมกับรายงานฉะบับนี้ด้วยแล้ว

เราจึงได้แสดงความยินดีต่อบาดหลวงตาชาด์ ในการที่บาดหลวงตาชาด์ได้ไปจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เปนผลสำเร็จดังนี้ และบาดหลวงตาชาด์ได้กำชับเราว่า ความลับเรื่องนั้นเปนเรื่องที่สำคัญมาก แต่ภายหลังอีกสามสี่ชั่วโมง บาดหลวงตาชาด์ก็ได้ขยายความลับเรื่องนั้นออกมาเอง เมื่อท่านได้อ่านความในจดหมายฉะบับนี้แล้ว ท่านอาจจะเข้าใจได้ดีทีเดียว ว่าวิธีเจรจาการต่าง ๆ ของบาดหลวงตาชาด์ทำด้วยวิธีอย่างไร และอาจจะทราบได้ว่าความคิดความอ่านของบาดหลวงตาชาด์มีอย่างไร

บาดหลวงเดซปานยักได้พูดในที่เปิดเผย (เพื่อแสดงความตั้งใจดีของมองซิเออร์คอนซตันซ์) ว่าถ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะมีพระราชประสงค์อย่างใด ก็จะได้สมพระราชประสงค์ทุกอย่าง โดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากมีลายพระราชหัตถ์ฝากบาดหลวงตาชาด์มาพระราชทานมองซิเออร์คอนซตันซ์ฉะบับเดียวเท่านั้นก็พอแล้ว

ตามความในจดหมายฉะบับนี้ และตามความที่เราได้ทราบจากบาดหลวงตาชาด์นั้น กระทำให้เราเข้าใจได้ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ต้องการทำธุระกับเราเลย เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ถือพระราชหัตถ์ของเจ้ากรุงฝรั่งเศสซึ่งทรงฝากบาดหลวงตาชาด์มาพระราชทานมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นเปนหลัก และมองซิเออร์คอนซตันซ์ถือว่าข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ ได้รับตำแหน่งเปนเอกอัครราชทูตมาสำหรับเชิดออกหน้าเท่านั้น เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะทรงตั้งบาดหลวงตาชาด์เปนราชทูตไม่ได้โดยเหตุที่บาดหลวงตาชาด์เปนนักพรต จึงจำเปนต้องตั้งเราทั้ง ๒ ให้ออกหน้าว่าเปนราชทูต เพราะฉะนั้นการที่จะเจรจาเรื่องต่าง ๆ นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงคิดจะพูดกับบาดหลวงตาชาด์ฝ่ายเดียว เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นว่า คงจะทำความตกลงกับบาดหลวงตาชาด์ได้ง่ายกว่าเรา แต่ในข้อที่เกี่ยวด้วยการค้าขายนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์เดินวิธีผิดกัน โดยมองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจว่าข้าพเจ้าได้รับหน้าที่มาโดยฉะเพาะสำหรับมาทำความตกลงในเรื่องการค้าขายต่อไป

วิธีดำเนินของมองซิเออร์คอนซตันซ์สำหรับให้การทั้งหลายได้เปนไปตามความประสงค์ของตัวนั้น ก็โดยยกเหตุมาอ้าง ๒ อย่าง คือ เอาพระราชหัตถ์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสอ้างอย่าง ๑ และอีกอย่าง ๑ นั้น เอาเรื่องที่เราไม่ยอมขึ้นบกจนกว่ากองทหารจะได้เข้าประจำอยู่ที่บางกอกเสียก่อนนั้นมาอ้าง ในข้อนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบได้ ก็เพราะบาดหลวงตาชาด์ไปเล่าให้ฟัง ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าไม่เปนการสมควรที่บาดหลวงตาชาด์จะไปไว้ใจมองซิเออร์คอนซตันซ์ถึงเพียงนี้เลย บาดหลวงตาชาด์ได้บอกกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า การที่เราคิดเช่นนี้ก็เพราะเหตุที่เราไม่ไว้ใจ เราจึงจะต้องการความแน่นอนให้เปนหลักฐานมั่นคงเสียก่อน เพราะเมื่อเราได้พูดกับบาดหลวงตาชาด์นั้น เราก็ได้พูดว่าถ้ากองทหารยังไม่ได้เข้าไปประจำอยู่ที่บางกอกแล้ว เราก็จะยังขึ้นบกไม่ได้ โดยที่เราจะต้องการป้องกันมิให้ชักช้าเสียเวลา เพราะเหตุว่าถ้ายิ่งชักช้าเสียเวลานานแล้ว ก็จะทำให้กองทหารเจ็บป่วยล้มตายมากขึ้น และในเวลานี้พลทหารก็เจ็บป่วยอยู่มากแล้วโดยที่ต้องกรากกรำเดินทางมาช้านานดังนี้

จดหมายที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เขียนถึงบาดหลวงตาชาด์ฉะบับนี้ เราได้อ่านทบทวนพร้อมด้วยบาดหลวงตาชาด์หลายครั้ง เพื่อจะได้เข้าใจความให้ซึมทราบดี เพราะจดหมายฉะบับนี้ได้เขียนเปนภาษาปอตุเกตและตัวข้าพเจ้าเองก็มิใคร่จะเข้าใจภาษาปอตุเกตเท่าไรนัก ในจดหมายฉะบับนี้มีข้อความที่กล่าวถึงการที่จะยกบางกอกและมะริดให้แก่ฝรั่งเศสนั้นแจ่มแจ้งชัดเจนดี แล้วเราจึงได้ถามบาดหลวงตาชาด์ว่า ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ใช้คำในหนังสือว่า ให้เราทำเครื่องมือสำคัญเสียก่อนจึงจะจัดการรับกองทหารได้ และการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการให้กองทหารได้อยู่ในโอวาทคำสั่งนั้น จะหมายความว่ากะไร เพราะตามความ ๒ ข้อนี้กระทำให้เราหนักใจอยู่บ้าง แต่ในเรื่องนี้เราก็ได้มาตรองเห็นว่า กองทหารนี้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ไดัส่งมาถวายพระเจ้ากรุงสยามสำหรับให้มาคอยป้องกันปราบศัตรูของพระเจ้ากรุงสยาม ก็อาจมีเหตุการณ์ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องออกคำสั่งแก่กองทหารในนามของพระเจ้ากรุงสยามได้จริง เพราะฉะนั้นเราจึงคิดเห็นว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการให้กองทหารได้อยู่ในโอวาทคำสั่งนั้น ก็ไม่เปนข้อขัดข้องใหญ่โตอะไรนัก เมื่อเราได้มีความเห็นเช่นนี้แล้ว เราจึงได้มีจดหมายอย่างสุภาพเรียบร้อยไปยังมองซิเออร์คอนซตันซ์ฉะบับ ๑

วันที่ ๖ เดือนตุลาคม เรือรบฝรั่งเศส ๓ ลำซึ่งเราได้ทิ้งไว้ที่ช่องบังกานั้น ได้แล่นใบมาแต่ไกลในเวลาเช้าประมาณ ๑ โมง แต่ทำอย่างไร ๆ เรือทั้ง ๓ ลำนี้จะแล่นเข้ามาให้ถึงท่าที่จอดเรือไม่ได้ตลอดวันและจะส่งข่าวคราวถึงกันก็ไม่ได้ บาดหลวงตาชาด์กับนายทหารเรือบางคนจึงพยายามออกไปที่เรือกายยา และได้ไปถึงเรือจวนจะค่ำอยู่แล้ว ในระหว่างนั้นเรือกายยาซึ่งเปนเรือที่แล่นใบได้สดวกที่สุดก็ได้แล่นใบมาใกล้กับที่เราจอดอยู่ประมาณ ๒ ไมล์ เรือลำนั้นจึงได้ทอดสมอทีเดียว ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า ท่านราชทูตของพระเจ้ากรุงสยามจึงได้ลงจากเรือเพื่อจะไปขึ้นบก แล้วท่านราชทูตสยามได้แวะขึ้นมาเยี่ยมพวกเราบนเรือ พอเยี่ยมเยือนกันเสร็จแล้ว ราชทูตสยามก็เลยขึ้นบกไปทีเดียว บรรดาเรือรบฝรั่งเศสได้ชักธงทิวและได้ยิงปืนใหญ่ส่งราชทูตสยามเปนเกียรติยศ

เมื่อราชทูตสยามได้ลงจากเรือกายยาแล้วสักครู่หนึ่ง บาดหลวงตาชาด์ซึ่งยังอยู่บนเรือกายยาก็ได้ลงจากเรือเหมือนกัน มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์จึงได้ยิงปืนใหญ่ให้เปนเกียรติยศแก่บาดหลวงตาชาด์ ๙ นัด ในค่ำวันนั้นบาดหลวงตาชาด์ได้มารับประทานอาหารค่ำกับเรา ครั้นรับประทานเสร็จแล้วเราจึงได้เร่งให้บาดหลวงตาชาด์ได้รีบขึ้นไปบนบกเพื่อไปจัดการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้สัญญาไว้ บาดหลวงตาชาด์จึงได้ตอบว่า ก่อนที่จะจัดการอย่างใด ๆ ได้ จะต้องทำความตกลงในเรื่องเครื่องมือสำคัญ ซึ่งได้กล่าวไว้ในจดหมายฉะบับนั้นให้เรียบร้อยเสียก่อน และได้บอกต่อไปว่า ข้อความที่จะทำสัญญากันนั้น เราจะต้องการอย่างไร ก็ให้เราร่างเอาเองก็ได้ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาด์ว่า เราไม่มีข้อสัญญาอย่างใดที่จะต้องร่าง และเราก็ไม่เข้าใจว่าเครื่องมือสำคัญที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการจากเรานั้นจะหมายความว่าอย่างไร บาดหลวงตาชาด์จึงอธิบายว่า เครื่องมือสำคัญนั้นหมายความหลายอย่าง เปนต้นว่าถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะไปที่บางกอกเวลาไร อย่าให้พวกฝรั่งเศสเห็นว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์เปนคนเลวทราม กับอีกอย่าง ๑ มองซิเออร์คอนซตันซ์ถือตัวว่าตัวเปนอัครมหาเสนาบดีในเมืองไทย เพราะฉะนั้นเมื่อไปถึงบางกอกถ้าจะสั่งการงานอะไรไม่ได้เสียเลยก็ดูจะไม่เหมาะ แล้วบาดหลวงตาชาด์ได้พูดกับเราต่อไปว่า “ข้าพเจ้าได้บอกให้ท่านทราบแล้ว ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีความมุ่งหมายอย่างดีสำหรับการสาสนา และมุ่งหมายดีต่อบาดหลวงเยซวิต เพราะฉะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงต้องการให้พวกฝรั่งเศสได้กระทำสัตย์สาบาล ว่าพวกฝรั่งเศสจะมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อพระเจ้ากรุงสยาม และสาบาลว่าจะซื่อสัตย์สุจริตต่อตัวมองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย”

เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาด์ว่า ในข้อที่จะให้พวกฝรั่งเศสกระทำสัตย์สาบาลว่าจะซื่อสัตย์สุจริตต่อตัวมองซิเออร์คอนซตันซ์โดยฉะเพาะนั้นเปนการที่จะทำไปไม่ได้ แต่ในข้อที่จะให้กระทำสัตย์สาบาลต่อพระเจ้ากรุงสยามนั้น เราจะได้จดข้อความที่จะให้สาบาล ตามที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้พระราชทานพระราชานุญาตให้มองซิเออร์เดฟาชกระทำสัตย์สาบาลต่อพระเจ้ากรุงสยามนั้นแล้ว ข้อความที่จะให้พวกฝรั่งเศสสาบาลอย่างไรนั้น เราก็ได้จดให้บาดหลวงตาชาด์ไปแล้ว แต่ที่จะให้พวกฝรั่งเศสกระทำสัตย์สาบาลฉะเพาะบุคคล ถึงบุคคลผู้นั้นจะเปนคนมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตสักปานใดก็เปนอันทำไม่ได้

บาดหลวงตาชาด์จึงได้ตอบว่า “ถ้าจะสาบาลว่าถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เชิญพระราชโองการของพระเจ้ากรุงสยามมาสั่งการงานต่าง ๆ พวกฝรั่งเศสจะได้กระทำตาม เท่านี้จะไม่ได้ทีเดียวหรือ”

เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาด์ว่า “เมื่อมองซิเออร์เดฟาชได้สาบาลตัวแล้ว ว่าจะได้ทำการต่อสู้ศัตรูของพระเจ้ากรุงสยามโดยสัตย์สุจริต ก็เท่ากับสาบาลว่าจะต้องทำตามคำสั่งของพระเจ้ากรุงสยามในเวลาปราบศัตรูอยู่ในตัวแล้ว แต่เพื่อจะให้เปนการสดวกจะตกลงกันอย่างนี้ก็ได้คือว่า คำสั่งใด ๆ ที่เปนพระราชโองการของพระเจ้ากรุงสยามแล้ว คำสั่งนั้น ๆ จะต้องเปนคำสั่งที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับพระราชโองการมา พวกฝรั่งเศสจึงจะถือว่าเปนคำสั่งของพระเจ้ากรุงสยามโดยตรง เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์เปนเสนาบดีของพระเจ้ากรุงสยาม” ดังนี้

บาดหลวงตาชาด์จึงได้ตอบเราว่า “ถ้าฉะนั้นท่านจงมีหนังสือบอกมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามความเห็นของท่านนี้เถิด และให้ท่านมอบอำนาจให้ข้าพเจ้าไปพูดจาทำความตกลงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ในเรื่องนี้ด้วย”

เราก็ได้ตกลงยอมทำตามความต้องการของบาดหลวงตาชาด์ และได้แสดงว่าต่อไปเราก็จะมีความไว้วางใจในบาดหลวงตาชาด์ทุกอย่าง เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ได้ทรงไว้วางพระทัยในบาดหลวงตาชาด์อยู่แล้ว

เมื่อได้ตกลงกันเช่นนี้แล้ว เราจึงได้มีหนังสือไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ฉะบับ ๑ มีข้อความแจ้งอยู่ในสำเนาที่ได้ส่งมาพร้อมกับรายงานนี้แล้ว กับได้ร่างข้อความที่จะให้กองทหารกระทำสัตย์สาบาลนั้นมอบให้บาดหลวงตาชาด์ถือขึ้นไปส่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์

แต่ในระหว่างนี้เราเห็นเปนการจำเปนที่จะต้องส่งพวกทหารที่เจ็บป่วยขึ้นไปอยู่บนบก จึงได้จัดการพาพลทหารที่ป่วยขึ้นไปพักบนบก และมองซิเออร์เดฟาชก็ได้จัดให้มองซิเออร์เดอโบชัง ซึ่งเปนนายทหารที่ฉลาดไหวพริบ กับพลทหารที่ไม่เจ็บป่วยบางคน ให้คุมและรักษาพยาบาลพวกทหารที่เจ็บป่วยนั้นต่อไป

ณวันที่ ๘ เดือนตุลาคม มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้ขึ้นไปบนเรือกายยา และได้ไปปรึกษากับมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ถึงเรื่องที่จะพาเรือรบเข้าไปในลำแม่น้ำจนถึงบางกอก มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์จึงได้ตอบมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ว่า การที่จะพาเรือเข้าไปในลำแม่น้ำในระดูนี้เปนการทำไม่ได้ เพราะน้ำในแม่น้ำกำลังท่วมตลิ่งและไหลเชี่ยวแรงมาก ถึงน้ำทะเลจะขึ้นก็ยังไม่พอทานกำลังกระแสน้ำเชี่ยวในลำแม่น้ำได้ และถ้าเรือเล็ก ๆ จะขึ้นไปตามลำแม่น้ำแล้วก็จะต้องทิ้งสมอลงและกว้านสมอนั้นพาเรือขึ้นไปทีละน้อย ๆ ซึ่งจะเปนการกินเวลาไม่ต่ำกว่า ๑๕ วัน เพราะระยะตั้งแต่ด่านภาษีซึ่งตั้งอยู่ที่ปากน้ำถึงบางกอกนั้น เปนระยะไกลถึง ๑๐ ไมล์ และเวลานี้น้ำก็ไหลเชี่ยว ทั้งลมก็พัดมาผิดทางด้วย

เมื่อมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ได้ตอบอธิบายเช่นนี้ มองซิเออร์เดอลาลูแบร์จึงได้เห็นว่า ที่จะใช้กำลังเปนไม่ได้เสียแล้ว จำเปนจะต้องเจรจากันให้ตกลงด้วยพูดจาโต้ตอบกันเท่านั้น

ในวันนั้นเองคือวันที่ ๘ เดือนตุลาคม มีกะลาสีชาติอังกฤษซึ่งได้มารับจ้างอยู่ในเรือลำนี้คน ๑ เปนผู้ที่ถือสาสนาลัทธิโปรเตศตัน ได้แสดงตัวต่อหน้าบาดหลวงเดซปานยักว่าได้ละทิ้งลัทธิโปรเตศตันที่ตัวนับถืออยู่นั้นแล้ว เพราะบาดหลวงเดซปานยักได้พยายามสั่งสอนกะลาสีอังกฤษคนนี้มาตลอดทาง ในที่นี้ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะชมเชยสรรเสริญพวกบาดหลวงเยซวิต ที่ได้อุตส่าห์พยายามสั่งสอนคนในเรือให้ดำเนินเข้าสู่ทางที่ดี จนที่สุดก็ได้ทำการสำเหร็จสมความปรารถนาทุกอย่าง บาดหลวงเหล่านี้ได้พยายามเทศน์และสั่งสอนและกระทำทานเปนตัวอย่าง จนบรรดาคนในเรือได้กลับใจกลับนิสสัยเปนคริศเตียนที่ดีได้ทุกคน

ณวันที่ ๑๕ เดือนตุลาคม นายทหารเรือหนุ่มคน ๑ ได้กลับมาจากบนบก และมารายงานว่าเมื่อตัวยังอยู่ที่บางกอก ได้เห็นมองซิเออร์คอนซตันซ์เอากองทหารไทยมาหัดท่าทหาร และเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เห็นทหารไทยหัดท่าทางได้ดีพอใช้ได้แล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้พูดขึ้นว่า “ทหารเหล่านี้เปนทหารที่ดีแล้ว ขาดแต่ที่ที่จะให้อยู่ และขาดแต่นายทหารดี ๆ สำหรับบังคับบัญชาเท่านั้น” ข่าวอันนี้ได้ทำให้เราเกิดความร้อนใจขึ้นบ้าง เพราะบาดหลวงตาชาด์มิได้พูดกับเราเลยจนคำเดียว ที่จะทำให้สงสัยได้ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์คิดจะเอากองทหารไทยไว้ที่บางกอก เพราะกองทหารฝรั่งเศสจะไปอยู่ในที่นั่นอยู่แล้ว โดยเหตุนี้การเรื่องนี้จึงทำให้เราเกิดความสงสัยขึ้นบ้าง

ณวันที่ ๑๖ เดือนตุลาคม ข้าพเจ้าได้ข่าวมาว่า เรือชื่อเปรซิเดนได้มาถึงเมืองมะริดแล้ว และได้ทราบว่าเรือลำนี้ได้ผ่านเมืองมาซูลีปาตำ และว่าที่เมืองมาซูลีปาตำนั้นได้เกิดโรคติดต่อขึ้นจนเสมียนพนักงานของบริษัทได้ตายไปหมดสิ้น และได้ความต่อไปว่าที่เมืองมาซูลีปาตำนั้นเรือเปรซิเดนได้ส่งมองซิเออร์เดอโบฟังกับมองซิเออร์มองเฟเรไว้สำหรับทำการในห้างฝรั่งเศส และว่าในเรือเปรซิเดนนั้นมีคนที่เจ็บป่วยเปนอันมาก จนในเวลานี้ก็ยังหาหายป่วยไม่ ข้าพเจ้าได้ทราบความต่อไปว่าเชอวาเลียเดอฟอแบงได้ลงเรือที่เมืองปอนดีเชรีเพื่อจะมาพบกับเราที่เมืองไทย

มองซิเออร์เดลานด์บูโรได้มีหนังสือมาถึงข้าพเจ้าฉะบับ ๑ บอกมาว่าพอทุเลาป่วยเวลาใดก็จะได้ลงเรือมาพบกับเราต่อไป

ในวันนั้นเองตอนกลางคืน บาดหลวงตาชาด์ได้มาถึงเรือจากกรุงศรีอยุธยา จึงได้พักนอนบนเรือของผู้บังคับการ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าบาดหลวงตาชาด์พร้อมด้วยข้าราชการไทย ๕ นายจึงได้มาหาเรา ในข้าราชการ ๕ นายนั้น เปนคนที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ใช้ให้มาเยี่ยมเยือนมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ ๓ นาย อีก ๒ นายนั้นบาดหลวงตาชาด์บอกกับเราว่า พระเจ้ากรุงสยามรับสั่งให้มา เพื่อให้มาถามว่าเราจะต้องการขึ้นบกวันใด แต่บาดหลวงตาชาด์ได้บอกต่อไปว่า ข้าราชการ ๒ นายนี้จะพบกับเราหรือจะพูดกับเราไม่ได้ แต่จะต้องให้เราทำความตกลงในข้อสัญญาที่บาดหลวงตาชาด์ได้รับมาจากมองซิเออร์คอนซตันซ์เสียก่อนจึงจะพบปะพูดจากันได้

เพราะฉะนั้นเราจึงเอาข้อสัญญาที่บาดหลวงตาชาด์ได้ส่งให้แก่เรานั้นมาตรวจและปรึกษาหารือกัน ข้อสัญญาเหล่านั้นได้เขียนเปนทำนองจดหมายมองซิเออร์คอนซตันซ์ถึงบาดหลวงตาชาด์ จดหมายที่มีข้อสัญญานั้นยังมีจดหมายกำกับมาอีกฉะบับ ๑ ต่างหาก ซึ่งเปนจดหมายที่มองซิเออร์คอนซตันซ์มอบอำนาจให้บาดหลวงตาชาด์มาทำสัญญากับเรา และมอบให้บาดหลวงตาชาด์ได้เซ็นหนังสือสัญญาแทนพระเจ้ากรุงสยามได้ทีเดียว

ข้อสัญญาเหล่านี้ บาดหลวงตาชาด์ได้มอบไว้ให้กับเราจริง แต่ภายหลังบาดหลวงตาชาด์จะเดินวิธีอย่างไรหาทราบไม่ ได้คิดอ่านเอาข้อสัญญาเหล่านี้คืนไปจากเลขานุการของมองซิเออร์เดอลาลูแบร์จนได้ โดยเรามิได้รู้เลยว่าบาดหลวงตาชาด์ได้เรียกเอาข้อสัญญาคืนไปเสียแล้ว เมื่อก่อนที่บาดหลวงตาชาด์ได้เอาข้อสัญญาคืนไปนั้น เราก็ได้อ่านและพิเคราะห์ข้อสัญญาเหล่านั้นโดยละเอียดแล้ว และเราก็ได้ทำความเห็นในข้อสัญญานั้นดังต่อไปนี้ คือ

ข้อ ๑ ตามข้อความในจดหมายนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ยกสิทธิต่าง ๆ ให้แก่ฝรั่งเศสก็จริงอยู่ แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยังหวงอำนาจอยู่ โดยที่กล่าวสั้น ๆ ว่าจะยกบางกอกและเมืองมะริดให้กองทหารฝรั่งเศสรักษาไว้เท่านั้น ถ้าจะพิเคราะห์ดูตามความในข้อนี้แล้ว ก็จะต้องเปนที่เข้าใจว่า ในบางกอกและเมืองมะริดนี้คงจะมีกองทหารอื่นอีกนอกจากกองทหารฝรั่งเศส

ข้อ ๒ มองซิเออร์คอนซตันซ์ยอมอนุญาตให้พวกฝรั่งเศสได้ทำป้อมคูประตูหอรบในบางกอกและเมืองมะริด ตามแบบป้อมของทวีปยุโหรปได้ แต่มีข้อลบล้างความข้อนี้โดยที่ปรากฎว่า การที่จะสร้างป้อมนั้นจะทำป้อมชนิดไรต้องแล้วแต่พระเจ้ากรุงสยามจะทรงเห็นชอบ เพราะพระเจ้ากรุงสยามจะต้องเปนผู้ที่เห็นชอบในแบบเสียก่อนจึงจะลงมือสร้างป้อมได้ กับพระเจ้ากรุงสยามจะเปนผู้หาเครื่องมือและอิฐปูนสำหรับสร้างป้อมนั้นมาพระราชทานให้ด้วย

ข้อ ๓ ในข้อที่จะให้กองทหารฝรั่งเศสรักษาบางกอกและเมืองมะริดนั้นมีปรากฎว่า ผู้บังคับการกองทหารฝรั่งเศสนั้นจะเปนผู้ที่สั่งการงานทั่วไปโดยเด็จขาด แต่ก็ยังมีข้อลบล้างความข้อนี้โดยเหตุที่บาดหลวงตาชาด์จะขอเกียรติยศให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ กลายเปนว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องเปนใหญ่และจะต้องบังคับบัญชาการโดยสิทธิขาดในที่สองแห่งนี้แต่ผู้เดียว ซึ่งการเปนเช่นนี้ก็เพราะบาดหลวงตาชาด์รู้ว่าเราไม่มีอำนาจอันใดที่จะจัดการในเรื่องนี้ ได้แต่รับบางกอกและมะริดมาให้กองทหารฝรั่งเศสรักษาไว้เท่านั้น ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บาดหลวงตาชาด์เปนสายสำหรับบอกเรื่องต่าง ๆ จึงมีความประสงค์จะมัดกองทหารฝรั่งเศสให้ปฏิบัติตามข้อสัญญาเหล่านี้ โดยจะบังคับให้กองทหารได้กระทำสัตย์สาบาล แต่ข้อความที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะให้สาบาลนั้น หาตรงกับข้อความที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้พระราชทานพระราชานุญาตให้มองซิเออร์เดฟาชสาบาลไม่

เราจึงได้ยกข้อขัดข้องต่าง ๆ เหล่านี้ชี้แจงให้บาดหลวงตาชาด์เข้าใจ และบาดหลวงตาชาด์ได้ฟังแล้วก็หามีข้อที่จะคัดค้านอย่างใดไม่ แต่บาดหลวงตาชาด์ก็หาได้ตอบว่าอย่างไรไม่ เปนแต่พูดคำเดียวว่าบาดหลวงตาชาด์ได้พยายามพูดจาเกลี่ยไกล่มองซิเออร์คอนซตันซ์ทุกอย่างแล้ว แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์หายอมแก้ไขข้อความอย่างใดไม่ เพราะฉะนั้นบาดหลวงตาชาด์จึงให้เราเลือกเอา ๓ อย่าง คือ อย่างที่ ๑ ให้เรากลับไปประเทศฝรั่งเศสพร้อมด้วยกองทัพเรือและกองทหารโดยไม่ต้องมาจัดทำอะไรทั้งหมด หรืออย่างที่ ๒ ให้เราแสดงตัวเปนข้าศึกและให้จัดการต่าง ๆ ตามความต้องการของเราด้วยกำลังทหาร หรืออย่างที่ ๓ ก็ให้เราเซ็นหนังสือสัญญาตามที่ได้ร่างมานั้นแล้ว

ตามความข้อที่ ๑ นั้นเปนการที่เราจะทำไปไม่ได้ เพราะถ้าจะกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็จะไปไม่ได้เพราะขาดสะเบียง และถึงแม้ว่าจะกลับไปได้ ก็จะเปนการร้ายกาจอย่างที่สุด ข้อที่ ๒ คือให้ใช้กำลังทหารนั้นก็เปนการที่ทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะระดูก็ไม่เหมาะ ทั้งพลทหารและกำลังของเราก็มีไม่พอ และอีกประการ ๑ เราก็ได้รับคำสั่งมาห้ามขาดมิให้เรากระทำการรบพุ่งแตกสามัคคีกับไทยเปนอันขาด เว้นไว้แต่ถ้าไทยปฏิเสธไม่ยอมให้บางกอกแก่เราจึงจะใช้กำลังทหารได้ ก็ในเรื่องบางกอกนี้ ก็มีข้อความปรากฎชัดเจนเปนลายลักษณอักษรอยู่แล้ว ว่าพระเจ้ากรุงสยามจะยกบางกอกให้แก่ฝรั่งเศส ถึงจะมีข้อความแก้ไขในวิธีรักษาบางกอกนั้นบ้างเล็กน้อย ก็จะถือว่าเปนการที่ไทยไม่ยอมให้บางกอกก็ยังไม่ได้ อีกประการ ๑ ในเรื่องนี้ก็จำเปนจะต้องปรึกษาหารือมองซิเออร์เดฟาชดูเสียก่อนด้วย เราจึงได้ถามมองซิเออร์เดฟาชว่าตามแผนที่บางกอกและตามรายงานต่าง ๆ ที่ได้ทราบมาในเรื่องบางกอก มองซิเออร์เดฟาชจะเห็นว่า เราจะใช้กำลังทหารสู้ได้หรืออย่างไร ในข้อถามอันนี้มองซิเออร์เดฟาชหาได้ตอบว่าอย่างไรไม่ เปนแต่ตอบว่าขอให้มองซิเออร์เดฟาชได้คุมกองทหารไปถึงหน้าเมืองบางกอกก็จะยอมตายทีเดียว ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์เดฟาชว่า ในเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอย่างใดในเรื่องจะตายหรือไม่ตาย แต่จะต้องการทราบว่าถ้าเราจะเอากำลังของกองทหารเข้าต่อสู้จะได้หรือไม่เท่านั้น มองซิเออร์เดฟาชก็ตอบว่าเรายังสู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงเปนอันจะทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากจะยอมเซ็นสัญญาตามข้อความที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ร่างมาเท่านั้น และเพื่อจะให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นชอบตามสัญญาเพื่อเราจะได้เข้าไปอยู่ในบางกอกต่อไปได้นั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบร์กับตัวข้าพเจ้าจึงได้ช่วยกันแก้ไขตรวจตราออกความเห็นในข้อสัญญาเหล่านี้

ในระหว่างที่ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์กำลังช่วยกันร่างข้อสัญญาอยู่นั้น ข้าราชการไทยก็ได้ให้คนมาถามเราไม่หยุดหย่อนเลย ว่าเมื่อไรเราจึงจะยอมให้ข้าราชการเหล่านั้นได้พบปะกับเรา เพราะข้าราชการไทยมีความเบื่อหน่ายรำคาญเต็มทีเเล้ว จึงขอได้พบปะกับเราเร็ว ๆ สักหน่อย การที่ข้าราชการไทยได้พูดเช่นนี้ ถ้าบาดหลวงตาชาด์ไม่สั่งให้พูดแล้ว ไหนเลยข้าราชการไทยจะกล้าพูดเช่นนี้ ฝ่ายบาดหลวงตาชาด์ก็เร่งเราอยู่เสมอเหมือนกัน และขอให้เรารีบเซ็นสัญญาเสีย หรือมิฉะนั้นก็ให้เราตอบเปนคำเด็ดขาดว่าเราจะทำอย่างไร เพราะบาดหลวงตาชาด์มีความร้อนใจอยากจะรีบกลับไปพบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ซึ่งได้ลงมาคอยอยู่ที่ปากน้ำแล้ว

บาดหลวงตาชาด์ได้มาพูดจาทาบทามเราหลายสิ่งหลายอย่าง แล้วภายหลังจึงได้บอกเราว่า มีความลับอย่างสำคัญที่สุดที่อยากจะบอกให้เรารู้ แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้สั่งไว้ว่า ถ้าจะขยายความลับเรื่องนี้ให้เราฟังแล้ว จะต้องให้เราสาบาลต่อหน้าพระคำภีร์เสียก่อน ว่าเราจะไม่เอาความลับเรื่องนี้บอกเล่าแก่ผู้ใด เว้นแต่จะกราบทูลพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและเรียนให้มาควิศเดอเซเนเลทราบ ๒ คนเท่านั้น และเราจะไม่เอาความลับเรื่องนี้จดเปนลายลักษณอักษรในรายงานหรือจดหมายเหตุเปนอันขาด และที่จะกราบทูลพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและเรียนมาควิศเดอเซเนเลนั้นก็ต้องพูดด้วยปาก จะเขียนเปนหนังสือก็ไม่ได้ เราก็ได้ยอมสาบาลให้ตามความต้องการของบาดหลวงตาชาด์ เพราะเราเข้าใจเสียว่าคงจะเปนเรื่องที่ลับและสำคัญอย่างที่สุด แต่ครั้นบาดหลวงตาชาด์ได้ขยายความลับเรื่องนั้นให้เราฟังแล้ว เราก็ประหลาดใจเปนอันมาก เพราะเราไม่เห็นว่าจะเปนความลับหรือเปนเรื่องสำคัญอย่างใดเลย จนที่สุดพอรุ่งขึ้นเราก็ลืมในเรื่องนั้นเสียแล้ว เพราะเราไม่ต้องการทรงจำเอาไว้เลย เมื่อบาดหลวงตาชาด์ได้ขยายความที่เขาถือว่าเปนเรื่องลับเสร็จแล้ว ก็ได้ชมเชยและสรรเสริญคุณความดีของมองซิเออร์คอนซตันซ์จนเกินต้องการ

ต่อนั้นมาเราก็ได้เอาข้อสัญญาเหล่านั้นปรึกษาหารือกับบาดหลวงตาชาด์ และได้มีข้อโต้เถียงคัดค้านกันเปนอันมาก จนลงท้ายที่สุดเราก็ได้เซ็นชื่อในหนังสือสัญญาซึ่งข้อความมีปรากฎอยู่ในสำเนาซึ่งข้าพเจ้าได้คัดส่งมาพร้อมกับรายงานฉะบับนี้ด้วยแล้ว

ข้าพเจ้าได้ทักกับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ว่า สำนวนที่แต่งหนังสือสัญญานี้ไม่ได้ถ้อยความอย่างไร และข้อสัญญาเองก็ไม่ได้ความว่าอย่างไรเลย (ดังท่านคงจะเห็นได้ง่าย) แต่มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้ตอบข้าพเจ้าว่า การที่เราได้เซ็นหนังสือสัญญานี้ก็เพราะจำเปนจำใจต้องเซ็น และเราจะทำอย่างอื่นก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นข้อความและสำนวนที่แต่งข้อสัญญานั้นก็ต้องเปนการน่าขันอยู่เอง ตามที่มองซิเออร์เดอลาลูแบร์พูดแก้ตัวเช่นนี้ข้าพเจ้าเองก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็จำใจต้องยอมเพราะการเรื่องนี้ตกเปนหน้าที่ของมองซิเออร์เดอลาลูแบร์โดยฉะเพาะ ข้อสัญญาเหล่านี้ได้ส่งติดท้ายมากับรายงานฉะบับนี้ และมีความเห็นจดอยู่ในกระเสียนด้วยแล้ว

เมื่อได้เซ็นหนังสือสัญญากันเสร็จแล้วบาดหลวงตาชาด์ก็แสดงว่าทำอย่างไร ๆ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและท่านมาควิศเดอเซเนเลคงโปรดและพอใจในข้อความที่ได้ตกลงกันนี้ แต่ที่บาดหลวงตาชาด์พูดเช่นนี้เรามิได้พอใจเลย เพราะเมื่อครั้งบาดหลวงตาชาด์จะบังคับให้เราเซ็นหนังสือสัญญานี้ เราก็เกือบจะไม่เชื่ออยู่แล้วว่าบาดหลวงตาชาด์จะทำได้ถึงเพียงนี้ แต่เมื่อบาดหลวงตาชาด์มาอธิบายว่าข้อสัญญาเหล่านี้เปนข้อสัญญาที่ดีและได้เปรียบกับเราเช่นนี้ ก็เหลือที่เราจะเชื่อถือบาดหลวงตาชาด์ต่อไปได้ และทำให้เราเกิดความสงสัยว่าบาดหลวงตาชาด์จะเปนคนหัวดื้อและลำเอียง เพราะฉะนั้นเมื่อบาดหลวงตาชาด์จะพูดว่ากะไรหรือจะทำการอย่างไร เราจึงมีความแคลงใจอยู่เสมอ

เวลาค่ำประมาณยาม ๑ เราได้เชิญให้ข้าราชการไทยเข้ามาหาเรา ข้าราชการไทยจึงได้ขอให้เรากำหนดวัน ว่าเราจะต้องการให้กองทหารขึ้นบกวันใด เราจึงได้ตอบว่าจะต้องการให้กองทหารได้ขึ้นบกในวันพรุ่งนี้ ในทันใดนั้นข้าราชการไทยก็ได้ขอร้องให้เรากำหนดวันว่าตัวเราเองจะต้องการขึ้นบกวันใด เราจึงได้ตอบไปว่าถ้ากองทหารได้ขึ้นบกในวันพรุ่งนี้แล้ว รุ่งขึ้นอีกวัน ๑ เราก็จะได้ขึ้นบกตามไปเหมือนกัน เมื่อได้พูดจาโต้ตอบกันเท่านี้แล้วบาดหลวงตาชาด์ก็ได้ลงจากเรือไปพร้อมกับข้าราชการไทยในคืนวันนั้นเอง เพื่อจะได้ไปเตรียมการต่าง ๆ และเพื่อจะได้ส่งเรือมาสำหรับรับกองทหารและเข้าของหีบปัดของพวกทหารด้วย

ข้าพเจ้ากลั้นไม่ได้จำเปนต้องแสดงความเสียใจในการที่จำใจต้องเซ็นหนังสือสัญญาเช่นนี้ แต่ถึงดังนั้นเราก็ยังมีความวิตกอยู่ว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะขัดข้องและคัดค้านทำความลำบากให้อีก และความจริงก็เปนเช่นนั้นจริง ๆ เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หาพอใจในข้อสัญญาเหล่านี้ไม่ และได้กล่าวหลายครั้งว่าจะไม่ยอมทำตามสัญญานี้เปนอันขาด

ข้าพเจ้าลืมกล่าวไปว่า ก่อนบาดหลวงตาชาด์ได้ลงจากเรือนั้น บาดหลวงตาชาด์ได้บอกกับเราว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มีความเสียใจเปนอันมาก ที่เราหาได้รับตำแหน่งแอมบาซาเดอร์มาไม่ และได้บอกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ขอให้เราพาผู้ดีฝรั่งเศส ๙๐ คนไปกับเราด้วย และว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้เปนธุระมิให้ตัวเราและผู้ดีฝรั่งเศส ๙๐ คนนั้นได้ขาดเหลืออย่างใด ในระหว่างเดินทางจากสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดจนถึงพระราชวัง

ณวันที่ ๑๗ เวลาค่ำ เรือที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ส่งมาสำหรับรับกองทหาร และสำหรับบรรทุกเข้าของหีบปัดของกองทหารนั้นได้มาถึง รุ่งขึ้นวันที่ ๑๘ (ตุลาคม) เวลาเช้า กองทหารพร้อมทั้งนายทหารและเข้าของหีบปัดต่าง ๆ ได้ลงเรือและได้ไปขึ้นที่บางกอก มองซิเออร์เดฟาชเปนผู้นำกองทหารไป

ในวันนั้นเองคือวันที่ ๑๘ ตุลาคมได้มีข้าราชการไทยมาถึงเรือคน ๑ ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ใช้ให้มา สำหรับให้มาขอร้องให้เรารอขึ้นบกต่อวันพรุ่งนี้ เพราะตามที่บาดหลวงตาชาด์ได้ไปเล่านั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์คงรู้สึกว่า ถ้ากองทหารยังไม่ได้เข้าไปประจำอยู่ที่บางกอกตราบใด เราก็คงจะไม่ออกจากเรือจนตราบนั้น

ณวันที่ ๑๙ เดือนตุลาคม พอสว่างมีขุนนางไทยขึ้นมาบนเรือ ๒ นาย ซึ่งเปนคนที่พระเจ้ากรุงสยามรับสั่งให้มา เพื่อมาเชิญให้เราขึ้นบก เมื่อข้าราชการ ๒ นายนี้ได้มาเชื้อเชิญเราแล้ว ก็ลากลับไปเพื่อจะล่วงหน้าเราไปก่อน เมื่อข้าราชการไทย ๒ นายได้ลงจากเรือนั้น เรือรบได้ยิงสลุดส่งเปนเกียรติยศ ๙ นัด เหมือนกับที่ได้ยิงสลุดส่งข้าราชการที่พระเจ้ากรุงสยามใช้ให้มาในครั้งแรกเหมือนกัน ครั้นเวลาเช้าประมาณ ๔ โมง เราได้ลงเรือกระเชียงเล็กของเรือรบ บรรดาเรือรบได้ชักธงบริวารและยิงปืนสลุด และเรือกระเชียงของเรือรบทุก ๆ ลำ ก็ตามไปส่งเราด้วย ครั้นได้ตีกระเชียงไปถึงปากน้ำตรงกับด่านภาษี ก็ได้พบเรือพระที่นั่งของพระเจ้ากรุงสยามซึ่งส่งมาสำหรับเรา และมีเรืออีกหลายลำสำหรับบรรทุกข้าราชการและคนใช้ทั้งเข้าของหีบปัดต่าง ๆ ด้วย พอเรือกระเชียงของเราได้มาถึง เรือของพระเจ้ากรุงสยามก็ได้เข้ามาเทียบกับเรือของเรา และข้าราชการไทยที่ได้ไปเชื้อเชิญเราบนเรือเมื่อตอนเช้านั้นเปนผู้นำเรือพระที่นั่งมาเอง และยังมีขุนนางข้าราชการอื่น ๆ มาด้วยอีกเปนอันมาก ต่างคนต่างขี่เรือของตัวทุกคน ฝ่ายขุนนางที่เปนขุนนางผู้ใหญ่ก็ได้มาหาเราเปนการต้อนรับ เมื่อเสร็จพิธีต้อนรับกันแล้ว ก็ได้เคลื่อนกระบวรเรือออก จำนวนเรือนำเรือตามทั้งขุนนางข้าราชการมีจำนวนมากมายก่ายกอง เท่ากับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองได้เข้ามาพระนครศรีอยุธยาเหมือนกัน แต่ตามเสียงที่พูดกันนั้นคราวนี้ต่างกับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองอย่าง ๑ คือมีเรือปี่พาทย์ตามส่งด้วย ครั้งเชอวาเลียเดอโชมองหามีเครื่องปี่พาทย์ไม่ เครื่องปี่พาทย์นี้เปนเครื่องดุริยางค์หลายอย่างซึ่งในทวีปยุโรปไม่เคยเห็นเลย แต่ถ้าจะเทียบแล้วก็คล้ายกับกลองและปี่ของเรา เครื่องปี่พาทย์นี้ได้ทำเพลงพร้อมกันคล้ายเปนเพลงในเวลาที่จะออกทำสงคราม ถ้าจะฟังไกล ๆ แล้วผู้ที่ไม่มีหูสำหรับการดนตรีก็พอจะฟังว่าไพเราะได้ และเขาได้บอกกับเราด้วยว่าเครื่องปี่พาทย์ชนิดนี้ จะใช้ได้ฉะเพาะสำหรับพระเจ้าแผ่นดินองค์เดียวเท่านั้น คนอื่นจะมีปี่พาทย์อย่างนี้ไม่ได้ ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้ลงนั่งในเรือลำเดียวกัน ในเรื่อนั้นมีฉัตร์ ๓ ชั้นซึ่งเปนฉัตร์ฉะเพาะเจ้านาย ๒ ฉัตร์ ฉัตร์ ๑ นั้นตั้งอยู่ที่หน้าเรือกันยา อีกฉัตร์ ๑ นั้นตั้งอยู่ข้างหลัง

เมื่อได้เดินทางมาได้ประมาณ ๓ ชั่วโมง ก็ได้มาถึงตำบลแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่าพระประแดง เราจึงได้ขึ้นจากเรือไปพักบนเรือนทำด้วยไม้ไผ่หลังหนึ่ง ซึ่งได้ปลูกขึ้นฉะเพาะสำหรับรับเราที่ริมแม่น้ำ เรือนนี้รูปร่างก็คล้ายคลึงกับที่เชอวาเลียเดอโชมองได้อธิบายไว้ เมื่อเรือได้เทียบที่สะพานน้ำซึ่งตรงกับเรือนที่พักแล้ว ขุนนางคนหนึ่งซึ่งได้เคยเปนอุปทูตไปประเทศฝรั่งเศสนั้น ได้มาคอยต้อนรับเราที่สะพานน้ำ เพราะราชทูตที่ ๑ นั้นมีหน้าที่ต้องคอยรับเราอยู่ที่บางกอก ส่วนตรีทูตนั้นคอยเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามอยู่เพื่อรายงานกราบทูลให้ทรงทราบถึงการที่ราชทูตได้ไปเจริญทางพระราชไมตรีในประเทศฝรั่งเศสคราวนี้ เราได้ขึ้นรับประทานอาหารในเรือนที่พักหลังนี้ และในเรือนนี้ได้ทำเปนห้องใหญ่ยาว มีเก้าอี้ใหญ่ปิดทองตั้งอยู่ ๒ ตัว บนยกพื้นทำเปนแท่น ข้างบนนั้นมีผ้าดาษทำเปนเพดาน ข้างหน้าแท่นนั้นมีโต๊ะวางอยู่บนพรมปักลายอย่างจีนดูงามพอใช้ได้ ฝาเรือนนั้นบุด้วยผ้าดอก เพดานนั้นบุด้วยผ้าด้ายดิบขาวทำเปนรูปคล้ายกระโจมมีผ้าโปร่งทำเปนระบาย พื้นกระดานปูพรมมาจากเมืองเปอเซีย เรือนหลังนี้ได้ปลูกขึ้นโดยรูปร่างเหมือนกับเมื่อครั้งทำรับเชอวาเลียเดอโชมอง เว้นแต่เรือนสำหรับรับเรานั้นทำโตกว่าหลังของเชอวาเลียเดอโชมองมาก และมีห้อง ๒ ห้องเพราะเรามา ๒ คนและคนที่มากับเราก็มีมากกว่าเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง

ครั้นรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้ออกจากที่พักลงเรือเพื่อขึ้นไปที่บางกอกต่อไป และเราได้ไปถึงบางกอกใต้ป้อมซึ่งอยู่ข้างฝั่งตวันออกหน่อยหนึ่งในเวลากลางคืนประมาณ ๘ ทุ่ม ได้มีขุนนาง ๒ คนซึ่งมียศใหญ่กว่าขุนนางทั้งปวงที่เราได้พบมาแล้ว ได้ลงมาต้อนรับเราในเรือ อีกสักครู่หนึ่งมองซิเออร์เดอโบชังซึ่งเปนผู้บังคับการในตำบลนั้นได้ลงมาหาเราในเรือ บอกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์แกล้งทำเปนไม่รู้ตัวว่าเราจะมาถึงในคืนวันนี้ จึงได้จัดให้มองซิเออร์เดอโบชังล่วงหน้ามาบอกให้เราคอยอยู่ก่อน เพื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้มีเวลาจัดการรับรองเราได้ พอมองซิเออร์เดอโบชังได้ลาเรากลับไป บาดหลวงตาชาด์ซึ่งขี่เรือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้มาถึง บอกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์มีความเสียใจนักหนาที่เราไม่ได้พักนอนในตำบลที่เราพักอยู่ก่อนนั้น และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ไม่ทราบว่าจะจัดการรับรองเราอย่างไร เพราะเมื่อสัก ๓ ชั่งโมงที่ล่วงมาแล้วนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ส่งที่นอนไปที่พระประแดงเพื่อจะให้เราได้พักนอนที่ตำบลนั้น เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาด์ว่า ตามที่บาดหลวงตาชาด์มาบอกเช่นนี้เปนการหน้าประหลาดมาก เพราะเรามิได้มาเองแต่ได้มีคนพาเรามาต่างหาก แต่ในเรื่องที่ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้ส่งที่นอนไปที่พระประแดงนั้น ยากที่ผู้นำที่นอนไปจะไม่พบกับเรากลางทางได้ เพราะการที่เราเดินทางมานั้นก็ได้มีเรือนำตามมาด้วยกว่า ๗๐ ลำ ในเรือนั้นก็จุดคบเพลิงสว่างทุกลำทั้งมีปี่พาทย์มโหรีเสียงสนั่นหวั่นไหวซึ่งอาจจะได้ยินได้แต่ไกล เพราะฉะนั้นคนที่นำที่นอนไปนั้นจะแคล้วกับเราไม่ได้เปนอันขาด บาดหลวงตาชาด์จึ่งตอบว่า ความจริงมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็มีความเสียใจที่ได้ส่งที่นอนไปเสียแล้ว แต่ก็จะได้จัดเสื่อและเบาะให้เพื่อเราจะได้นอนในเรือได้ เราจึงได้ตอบกับบาดหลวงตาชาด์ว่า ในการรับรองเช่นนี้การเรื่องที่นอนไม่เปนข้อสำคัญอันใดเลย ถ้าจะเอาที่นอนหรือเบาะเหล่านี้ไปใส่ไว้ที่บ้านใดบ้านหนึ่งในเมืองบางกอกยังจะดีกว่า และเราก็จะได้ขึ้นไปพักโดยไม่ต้องมีพิธีรับรองอย่างไรก็ได้ บาดหลวงตาชาด์จึงได้นำความไปแจ้งต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามความที่เราแนะนำไปนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ตกลงเห็นชอบด้วย การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ทำการย้อนยอกเช่นนี้ก็ไม่ได้ประสงค์อะไร นอกจากจะไม่ต้องการให้ปืนใหญ่ยิงสลุดรับเราเท่านั้น เพราะมองซิเออร์เดฟาชได้บอกไว้ว่า ธรรมดาสถานที่กองทหารไม่เคยยิงปืนในเวลากลางคืนเลย แล้วเราได้ขึ้นไปพักบนตึกหลัง ๑ ก่อด้วยอิฐปูนในเมืองบางกอกฝั่งตวันตก แต่ในเวลาที่เราได้ขึ้นไปบนบกนั้น ได้ขึ้นไปอย่างเงียบ ๆ มิได้ไปในตำแหน่งที่เราเปนราชทูต เพราะฉะนั้นจึงมิได้มีการรับรองอย่างใด เมื่อเราได้ขึ้นไปถึงตึกที่พักนั้น ก็ได้เห็นว่ามีโต๊ะเก้าอี้เครื่องเรือนประดับพร้อมอยู่ในบ้านนั้นเตรียมสำหรับรับเราเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็ดี ข้าราชการเจ้าพนักงานและคนใช้ของเราก็ดีจึงได้รู้สึกว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดว่าเราจะไปนอนที่อื่นนั้นเปนอุบายโดยแท้

รุ่งขึ้นวันที่ ๒๐ เดือนตุลาคม เวลาเช้าเราได้ไปยังป้อมซึ่งอยู่ข้างฝั่งตวันออกโดยทางราชการ ป้อมได้ยิงปืนใหญ่คำนับเราทุกกระบอก มองซิเออร์เดฟาชก็ได้มาคอยรับเราอยู่ที่ริมตลิ่ง และกองทหารก็ได้ถืออาวุธเรียงเปน ๒ แถวคอยรับเราอยู่ด้วย เมื่อแรกเราได้ขึ้นไปบนบกก็ได้พบกองทหารปอตุเกตอยู่แถวหน้า แต่พวกปอตุเกตเหล่านี้โดยมากก็เปนคนครึ่งชาติ ทหารปอตุเกตนั้นปนอยู่กับทหารไทยด้วย เมื่อหมดทหารปอตุเกตและไทยแล้ว จึงได้ถึงกองทหารฝรั่งเศส ส่วนในป้อมเล็กสี่เหลี่ยมนั้นเต็มไปด้วยกองทหารไทยทั้งสิ้น ซึ่งเปนการที่เราไม่พอใจเลย

ในเวลานั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์แอบดูเราอยู่ มองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นเรา แต่เราหาได้เห็นมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ ภายหลังบาดหลวงตาชาด์มาพูดจะให้เราเชื่อว่า เมื่อเราได้เดินผ่านที่ ๆ มองซิเออร์คอนซตันซ์แอบอยู่นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีความปลื้มจนน้ำตาไหลทีเดียว

ในที่นี้ข้าพเจ้าจะงดไม่อธิบายเล่าถึงป้อม เพราะถ้าจะดูตามแผนที่ซึ่งได้ส่งมาพร้อมกับรายงานนี้แล้วนั้น ก็อาจจะเข้าใจได้ ว่าป้อมนั้นรูปร่างสัณฐานเปนอย่างไร ดีกว่าที่จะเล่าด้วยปากหรือเล่าด้วยหนังสือ แผนที่ป้อมนั้นมองซิเออร์เดอลามาเปนผู้ได้ทำขึ้น แต่ในที่นี้จะต้องกล่าวความแต่ข้อเดียวซึ่งหามีปรากฎในแผนที่ไม่ คือว่าพื้นที่ดินในป้อมนี้เปนเลนเปนโคลน ถูกแดดหน้าก็แห้งแข็งดูเหมือนจะเปนดินแข็งไปทั้งหมด แต่ครั้นขุดลงไปเพียงแต่ลึก ๖ ฟุตเท่านั้นก็เปนเลนเปนตมไปหมด เมื่อเอาท่อนเหล็กยาวตั้ง ๒๐-๒๕ ฟุตแทงลงไปก็ไม่พบดินแข็งเลย ซึ่งพื้นดินเปนเช่นนี้ก็ต้องนับว่าเปนพื้นที่เลวอย่างที่สุด

ครั้นแล้วเราจึงได้กลับข้ามฟากไปที่ป้อมฝั่งตวันตกซึ่งเปนฝั่งที่เราได้พักนอนเมื่อคืนนี้ ที่ป้อมนี้บรรดาปืนใหญ่ได้ยิงสลุดรับเราทุกกระบอก และเมื่อเราผ่านกองทหารซึ่งมีนายทหารกำกับทุกหมู่ทุกหมวดนั้น กองทหารก็ได้กระทำความเคารพต่อเรา มองซิเออร์เดอแวเดอซาล ซึ่งเปนผู้บังคับกองทหารในป้อมนี้ แต่คงอยู่ในใต้บังคับบัญชามองซิเออร์เดฟาชนั้น ได้จัดพลทหาร ๕๐ คนมีนายร้อยเอก ๑ คน นายร้อยโท ๑ คน จ่านายสิบ ๑ คน สำหรับมาเปนกองเกียรติยศประจำอยู่กับเรา

ครั้นเวลาประมาณเที่ยงวัน ได้มีเจ้าพนักงานมาหาเราเพื่อขออนุญาตถอนทหารฝรั่งเศสกองเกียรติยศนี้ไป โดยอ้างเหตุว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการให้รวมกองทหารฝรั่งเศสที่ฝั่งโน้นให้หมด เราก็ได้อนุญาตตามความต้องการ เจ้าพนักงานจึงได้ถอนกองทหารฝรั่งเศสไป และได้เอากองทหารปอตุเกตและไทยมาเปนกองเกียรติยศแทนทหารฝรั่งเศสต่อไป

ได้มีคนมาเล่าให้เราฟังว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ (ซึ่งได้ทำให้มองซิเออร์เดฟาชได้รักใคร่ลุ่มหลงเพราะการต้อนรับ และเลี้ยงดูอย่างดีนั้น) ได้แสดงว่า พระเจ้ากรุงสยามได้มีพระราชดำรัสสั่งให้หาอาหารเลี้ยงกองทหารและนายทหารฝรั่งเศส โดยใช้จ่ายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มีกำหนด ๑๕ วัน เพราะฉะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้จัดตั้งเจ้าพนักงานขึ้น ๒ คน สำหรับให้มีหน้าที่จัดหาของต่าง ๆ มิให้กองทหารอดอยากได้ เพื่อนายทหารและพลทหารจะได้มีเวลาพักร่างกาย และมีเวลาเรียนภาษาไทย จะได้เที่ยวหาซื้อสะเบียงสำหรับเลี้ยงชีพของตัวเองได้ในภายหน้า ที่ได้จัดการไปดังนี้ก็ดีอยู่ แต่ก็ไม่เห็นมีใครพูดถึงการที่จะหาสะเบียงอาหารไปเก็บรักษาไว้ในป้อม

ข้าพเจ้าได้สั่งมองซิเออร์เวเรต์ไว้ให้หาซื้อเข้าสารไว้ให้พอทหารรับประทานได้ ๑๘ เดือน แต่มองซิเออร์เวเรต์ได้บอกว่า การที่จะซื้อเข้านั้นเปนอันซื้อไม่ได้ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากมองซิเออร์คอนซตันซ์เสียก่อนจึงจะซื้อได้ เพราะถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่อนุญาตแล้ว คนไทยก็ไม่กล้าเอาเข้ามาขายเปนอันขาด เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้สั่งให้มองซิเออร์เวเรต์ไปจัดการขออนุญาตต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์เสีย แต่ให้ขออนุญาตซื้อเข้าสำหรับบรรทุกลงเรือเซนต์หลุยให้เต็มลำ เพราะถ้าได้ทำเช่นนี้แล้วก็อาจจะซื้อเข้าให้มากกว่าที่ต้องการสำหรับเก็บรักษาไว้เปนสะเบียงในป้อมได้ และข้าพเจ้าได้คิดไว้ว่า ถ้าได้บรรทุกเข้าไว้เต็มเรือเซนต์หลุยแล้ว เมื่อเรือจะล่องเมื่อใดก็ให้แวะส่งข่าวที่บางกอกเสียก่อนก็จะเปนการสดวกดี ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้หารือกับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ ๆ ก็เห็นชอบด้วย เพราะเปนการจำเปนจะต้องระวังมิให้มองซิเออร์คอนซตันซ์รู้สึกได้ ว่าเราคิดจะหาสะเบียงอาหารเตรียมไว้ตามป้อม ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์รู้สึกแล้ว ก็คงจะหาทางที่จะขัดไว้ได้โดยง่าย เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะต้องการให้เราต้องอาศัยตัวอยู่เสมอ และถ้าเรามีสะเบียงไว้เพียงวัน ๑ หรือ ๒ วันแล้ว ก็จะต้องอาศัยมองซิเออร์คอนซตันซ์เรื่อยไปทีเดียว ตามที่ข้าพเจ้าได้คิดไว้เช่นนี้ ในผลที่สุดก็เปนอันเห็นได้ว่าเปนสิ่งที่ทำถูก เพราะถ้าไม่ได้เตรียมสะเบียงไว้เช่นนี้ก็น่ากลัวกองทหารจะต้องอดเข้า แต่ในข้อนี้ก็เปนอันหมดวิตกแล้ว เพราะกองทหารคงมีสะเบียงพอถึง ๑๘ เดือนแล้ว

ข้าพเจ้าได้เดินตามวิธีของท่านมองเซนเยอร์ ซึ่งได้สั่งไว้กับมองซิเออร์เดอลาซาล ข้าพเจ้าจึงได้สั่งให้หาที่นอนไว้สำหรับโรงพยาบาลและหาเครื่องมือและเครื่องใช้ไว้ให้พร้อม เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าได้จ่ายเงินไปบ้างเล็กน้อยเช่นนี้ ท่านมองเซนเยอร์คงจะไม่ขัดข้องว่าอย่างไร และที่ได้จัดไปดังนี้ก็ได้ทำให้พลทหารได้มีที่นอนคนละอันซึ่งเปนราคาอันละ ๔๐ แฟรงเท่านั้น ทั้งข้าพเจ้าเห็นว่าเปนการที่จำเปนแท้ด้วย ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ส่งมุ้งมาให้พลทหารคนละหลัง ซึ่งเปนของที่พระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานมาให้ มุ้งนี้เปนของจำเปนสำหรับกันยุงซึ่งในที่นี้ชุมอย่างที่สุด เพราะฉะนั้นพวกทหารได้อยู่อย่างสะบายแล้ว แต่ถึงกองทหารจะมีมุ้งและได้รับประทานอาหารอย่างดีและอย่างอุดมก็จริง แต่ก็ไม่วายที่จะตายด้วยความไข้ โรคนี้ได้ติดต่อไปถึงนายทหาร และบางคนได้ตายไปบ้างแล้วก็มี

ในวันนั้นเองเวลากลางคืนเราได้ทราบความว่า ในวันที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ไปตรวจกองทหารนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เลือกเอานายทหารไปหลายคน สำหรับให้ไปบังคับบัญชากองทหารไทย และได้ชักเอานายทหารกับนักเรียนนายร้อยสำหรับไปแทนพวกนายทหารที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะเอาไป แต่ที่ได้ทำดังนี้ก็โดยมองซิเออร์เดฟาชได้เห็นชอบด้วย การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้คัดเลือกนายทหารเช่นนี้ ก็โดยได้ทราบจากบาดหลวงตาชาด์ว่านายทหารคนใดมีวุฒิเพียงไร เมื่อเราได้ทราบความดังนี้จึงอดพูดกับบาดหลวงเยซวิตที่อยู่กับเราไม่ได้ ว่าในเรื่องนี้ถ้าบาดหลวงตาชาด์จะเล่าบอกให้เรารู้บ้าง ก็ไม่เห็นจะเปนการเสียหายแก่บาดหลวงตาชาด์อย่างใดเลย และข้าพเจ้าก็ได้กล่าวโดยฉะเพาะว่า การที่บาดหลวงตาชาด์ได้เลือกเอามองซิเออร์เดอเฟรตวิลไปเปนหัวหน้านั้นเปนการที่ข้าพเจ้าประหลาดใจมาก เพราะบาดหลวงตาชาด์ทราบอยู่เต็มใจว่าบิดาของมองซิเออร์เดอเฟรตวิลได้เอาบุตร์คนนี้มาฝากฝังไว้กับข้าพเจ้า โดยเหตุที่บิดามองซิเออร์เดอเฟรตวิลเกรงว่าบุตร์จะถูกบาดหลวงตาชาด์ยอ ก็จะหลงไปทำราชการของพระเจ้ากรุงสยาม และตัวของตัวก็จะไม่ได้รับผลความดีอย่างใดเลย การที่บิดามองซิเออร์เดอเฟรตวิลมีความวิตกเช่นนี้ ก็มีเหตุผลควรที่จะวิตกอยู่บ้าง

ในระหว่างเหล่านี้มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ก็คอยบาดหลวงตาชาด์อยู่ทุก ๆ วัน เพราะบาดหลวงตาชาด์จะกลับขึ้นไปที่กรุงศรีอยุธยา คงจะต้องมาลาเราก่อน ในคืนวันนั้นเองข้าพเจ้าได้ทราบความว่า บาดหลวงตาชาด์ได้ลงเรือพร้อมกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ และเรือก็จวนจะออกอยู่แล้ว ในทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ไปบอกให้มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ทราบต่อหน้าบาดหลวงเดอเบซ ๆ ก็ยืนยันว่าเปนการที่เปนไปไม่ได้ แต่บาดหลวงเดอเบซก็ไม่ไว้ใจ จึงได้ไปหาบาดหลวงตาชาด์ในเดี๋ยวนั้น ก็พบบาดหลวงตาชาด์เตรียมจะออกเรือจริง ๆ ดังว่า บาดหลวงเดอเบซจึงได้พาบาดหลวงตาชาด์มาหาเรา เราจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาด์ว่าบาดหลวงตาชาด์กับเราอยู่ห่างกันเพียงแต่ชั่วมีแม่น้ำคั่นเท่านั้น เราจึงไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดบาดหลวงตาชาด์จึงไม่ได้บอกให้เรารู้บ้างในเรื่องที่จะตั้งแต่งนายทหารกันในวันนั้น บาดหลวงตาชาด์จึงได้ตอบเราด้วยเสียงและกิริยาองอาจว่า พระเจ้ากรุงสยามคงจะโปรดในการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เลือกพวกฝรั่งเศสให้มาทำราชการ และฝ่ายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ได้รับสั่งไว้ว่า ถ้าพวกฝรั่งเศสได้เข้าทำราชการไทยก็จะเปนที่พอพระทัย กับทั้งมาควิศเดอเซเนเลก็ได้ให้มองซิเออร์แวยูมีหนังสือถึงบาดหลวงตาชาด์ว่า ถ้าพระเจ้ากรุงสยามจะมีพระราชประสงค์เอาพวกฝรั่งเศสไปเปนนายทหารบังคับกองทหารไทยแล้ว ก็ให้บาดหลวงตาชาด์พร้อมกับมองซิเออร์เดฟาชเลือกพวกฝรั่งเศสส่งไปถวายพระเจ้ากรุงสยามได้ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาด์ว่า เราก็เชื่อแน่ว่าบาดหลวงตาชาด์คงจะไม่ได้รับคำสั่งห้ามมิให้บอกให้เรารู้ในเรื่องการงานต่าง ๆ ฝ่ายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้พระราชทานเกียรติยศให้เราเปนราชทูต จึงได้ทรงมอบการงานทั้งปวงให้เราเปนผู้จัดการทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าจะทำการสิ่งใดในเมืองไทยซึ่งเกี่ยวแก่ราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสแล้ว ผู้ที่เปนชาติฝรั่งเศสไม่ควรจะทำการนั้นก่อนที่จะบอกให้เรารู้เสียก่อน บาดหลวงตาชาด์จึงได้ตอบเราว่า ถ้าเราจะต้องการกล่าวโทษมองซิเออร์เดฟาซก็ได้ตามใจเราเถิด แต่ส่วนตัวบาดหลวงตาชาด์นั้น ที่ไม่ได้นำความมาบอกกับเราก่อนนั้น ก็เพราะเหตุว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์มิได้สั่งให้มาบอก

การที่บาดหลวงตาชาด์ได้ตอบเราดังนี้ กลับทำให้เราน้อยใจและเสียใจหนักขึ้นอีก เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาด์ว่า ถ้าจะนับไปแล้วบาดหลวงตาชาด์ก็เปนคนของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ทั้งเปนผู้ที่ถือหนังสือมาจากประเทศฝรั่งเศสด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงประหลาดใจนัก ว่าเหตุใดบาดหลวงตาชาด์จึงจะต้องคอยรับคำสั่งของมองซิเออร์คอนซตันซ์เล่า เพราะการเรื่องนี้ก็เปนเรื่องที่เกี่ยวด้วยประโยชน์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสโดยแท้ บาดหลวงตาชาด์จึงได้ตอบเราอย่างด้วน ๆ ว่าหน้าที่ที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสใช้ให้ทำนั้นได้ทำไปเสร็จแล้ว เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเปนแต่รับสั่งให้บาดหลวงตาชาด์ขึ้นบกไปก่อน และให้เปนธุระจัดการให้กองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้เข้าไปอยู่ในบางกอกเท่านั้น เมื่อเราได้ฟังบาดหลวงตาชาด์พูดเช่นนี้ ความที่เราประหลาดใจจนพูดไม่ออกกับมานึกเห็นว่าถ้าจะขืนพูดจาโต้ตอบกันไปก็จะเกิดเปนปากเสียงกันขึ้นได้ แต่ฝ่ายบาดหลวงตาชาด์ได้รู้สึกตัวขึ้นมาในข้อที่ตัวได้พูดไว้นั้น จึงได้คิดจะเอาอกเอาใจเราให้เราหายโกรธ โดยพูดกับเราใช้คำว่า เซนเยอร์ บ้าง เอกซาเลนซี บ้าง และแก้ตัวว่าในเรื่องนี้ได้บอกให้เราทราบเมื่อวันก่อนในเวลาที่มาหาเราในเรือเมื่อเราจวนจะมาถึงบางกอกนั้นแล้ว แต่ความจริงในเรื่องนี้บาดหลวงตาชาด์เปนแต่บอกเราว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนผู้ที่เอาใจใส่ในราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจริง ๆ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาด์ว่า คิดจะหาชาวฝรั่งเศสสำหรับเปนนายทหารบังคับบัญชากองทหารไทยต่อไป บาดหลวงตาชาด์ได้พูดแต่เพียงเท่านี้ แต่ก็หาได้บอกเราไม่ว่าความคิดของมองซิเออร์คอนซตันซ์อันนี้เปนเรื่องที่ตกลงจะทำจริง หรือมิได้บอกเราว่าเรื่องนี้จะได้จัดทำในวันรุ่งขึ้น หรือมิได้บอกเราเลยว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะคัดเลือกนายทหารโดยจะไม่บอกให้รู้เลยดังนี้ แต่ในส่วนตัวข้าพเจ้าเองก็มิได้คิดว่าการที่จะเอานายทหารฝรั่งเศสเปนหัวหน้าบังคับบัญชากองทหารไทยนั้นจะเปนการเสียหายอย่างใด เพราะนายทหารและกองทหารไทยเหล่านั้นก็คงอยู่ที่บางกอกนั้นเอง แต่กลับจะเปนผลดีเสียซ้ำไป เพราะเปนการที่อาจจะป้องกันอันตรายได้ โดยเหตุที่ไม่ต้องวิตกถึงความคดโกงและทุจริตของไทยต่อไป (ความจริงคนไทยนั้นเปนคนที่โกงและคิดการทุจริตอย่างหาตัวเปรียบไม่ได้เลย) เพราะนายทหารฝรั่งเศสของเราคงจะได้ควบคุมคอยระวังอยู่เสมอ และเราก็พอจะไว้ใจได้ว่านายทหารฝรั่งเศสของเราคงจะเอาใจใส่คอยสอดส่องอยู่เสมอเปนนิตย์ แต่ที่ข้าพเจ้าแค้นใจนั้นก็เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำการโดยไม่เกรงใจเราและไม่ได้ถือในตำแหน่งหน้าที่ของเราบ้างเลย เมื่อคิดจะทำการอย่างใดก็ทำเอาตามชอบใจโดยมิได้บอกกล่าวให้เราทราบบ้างเลย และที่เราได้ทราบความบ้างนั้น ก็ต้องคอยสืบถามตามคนใช้ของเรา

ในเวลาที่บาดหลวงตาชาด์ได้พูดกับเราว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดจะเอาคนฝรั่งเศสเปนหัวหน้าสำหรับบังคับกองทหารไทยนั้น บาดหลวงตาชาด์ยังได้บอกเรื่องกับเราอีกเรื่อง ๑ แต่พูดเปนทีเปรย ๆ ว่า “ขอให้ท่านเชื่อเถิดว่าเรื่องนี้เปนเรื่องน่าอัศจรรย์มาก เพราะพระเจ้ากรุงสยามทรงโปรดปรานรักใคร่พวกฝรั่งเศสนัก เพราะฉะนั้นถ้าพวกฝรั่งเศสคนใดจะต้องถูกตัดสินให้ประหารชีวิต โดยที่ไม่กราบทูลให้ทรงทราบเสียก่อนแล้ว ก็จะเปนการทำให้ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก”

ตามที่บาดหลวงตาชาด์ได้กล่าวเช่นนี้ เราเห็นว่าไม่ควรจะตอบโต้อย่างใดแต่ควรจะนิ่งเสียดีกว่า แต่ก็เปนเรื่องที่พอทำให้เราเข้าใจได้ว่า ในข้อสัญญาที่กล่าวว่าถ้าพลทหารได้กระทำความผิด จะต้องให้นายทหารฝรั่งเศสเปนผู้พิจารณาและตัดสินเด็ดขาดนั้น เปนข้อที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่พอใจเสียแน่แล้ว และเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นภายหลังก็ทำให้เห็นชัดว่า ตามที่เราได้คาดหมายไว้นั้นเปนการไม่ผิดเลย

บาดหลวงตาชาด์ได้ลาเราไปเพราะรีบร้อนที่จะกลับไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์อีก ในคราวนั้นเองเราได้ทราบความจากบาดหลวงเดอเบซว่าพลทหารปืนใหญ่ซึ่งมองซิเออร์เดฟาซได้พาไปที่บางกอก สำหรับเปนทหารประจำรักษาตัวนั้น มองซิเออร์เดฟาซได้นำไปยกให้กับมองซิเออร์คอนซตันซ์สำหรับเอาเปนทหารประจำตัวของมองซิเออร์คอนซตันซ์ต่อไป (เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องพวกแขกมะกาซาทำการจลาจลนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีทหารประจำตัวตลอดมา) แต่ฝ่ายบาดหลวงเดอเบซได้ไปพูดจากับบาดหลวงตาชาด์อย่างแขงแรงว่า การที่มองซิเออร์เดฟาชทำการอย่างนี้เปนความผิด ถ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงทราบก็คงจะทรงพระพิโรธนักหนา บาดหลวงตาชาด์ได้ฟังบาดหลวงเดอเบซพูดจาเช่นนี้ก็ออกนึกตกใจขึ้นบ้าง จึงได้ไปพูดจาแนะนำมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าไม่ควรรับพลทหารปืนใหญ่ไว้ มองซิเออร์คอนซตันซ์เชื่อบาดหลวงตาชาด์ จึงไม่ยอมรับพลทหารเหล่านี้

เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาด์ได้ออกจากบางกอกเพื่อขึ้นไปที่กรุงศรีอยุธยาแล้ว มองซิเออร์เดฟาชได้รับคำแนะนำของมองซิเออร์เดอบรูอัง จึงได้มาหาเราในเวลาประมาณ ๒ ยาม และได้ส่งหนังสือให้เรา ๓ ฉะบับ ซึ่งเปนหนังสือหมายตั้งที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้เขียนเปนภาษาปอตุเกตมอบไว้กับมองซิเออร์เดฟาชในวันนั้นเอง หนังสือฉะบับที่ ๑ นั้นเปนหนังสือถึงตัวมองซิเออร์เดฟาชเอง ฉะบับที่ ๒ นั้นเปนหนังสือถึงมองซิเออร์เดอแวเดอซาล และฉะบับที่ ๓ นั้นเปนหนังสือถึงมองซิเออร์เดอโบชัง หนังสือเหล่านี้มีใจความอย่างเดียวกันทั้ง ๓ ฉะบับ และเปนใจความผิดตรงกันข้ามกับหนังสือสัญญาข้อ ๓ ที่เราได้เซ็นชื่อไว้แล้ว ซึ่งมีความว่าการตั้งแต่งนายทหารนั้นได้แต่ฉะเพาะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสพระองค์เดียวเท่านั้น และเปนใจความที่ผิดตรงกันข้ามกับคำที่สาบาล ซึ่งมีความว่ากองทหารจะได้กระทำตามคำสั่งของพระเจ้ากรุงสยามฉะเพาะแต่คำสั่งที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เชิญพระราชโองการ และใจความในหนังสือ ๓ ฉะบับนั้นยังผิดด้วยความยุติธรรม เพราะมีความว่า ถ้านายทหารและตัวมองซิเออร์เดฟาชเองได้กระทำผิดคำสั่งเรื่องใด จะต้องมีโทษถึงประหารชีวิตดังนี้

ถึงแม้ว่าเราออกจะรู้จักนิสสัยของมองซิเออร์คอนซตันซ์อยู่บ้างแล้วก็จริงอยู่ แต่การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดการเช่นนี้ ก็ทำให้เรามีความประหลาดใจอยู่เสมอ แต่ความประหลาดใจดังนี้ไม่เท่ากับที่เราได้ตกใจในเวลาที่เห็นคำสั่งตั้งนายทหารเหล่านี้มีลายเซ็นของบาดหลวงตาชาด์ในหน้าที่เปนเลขานุการของมองซิเออร์คอนซตันซ์ และที่บาดหลวงตาชาด์ได้พูดว่าได้กระทำการตามหน้าที่เสร็จแล้วนั้น ก็คงจะหมายความในข้อนี้เอง

ในที่นี้ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงคำที่บาดหลวงเลอคอนต์ได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ ในเวลาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกว่าจะตั้งให้บาดหลวงตาชาด์เปนเลขานุการ บาดหลวงเลอคอนต์ได้ตอบว่า “บาดหลวงตาชาด์โดยฉะเพาะไม่สมกับหน้าที่เลย แต่หน้าที่นี้ก็ไม่สมกับผู้ที่เปนมิชันนารีอาปอศโตลิกเหมือนกัน” เขาพูดกันว่าคำตอบอันนี้เองได้ทำให้บาดหลวงเลอคอนต์ได้แตกร้าวบาดหมางกับมองซิเออร์คอนซตันซ์

เมื่อเราได้อ่านหนังสือซึ่งเปนหมายตั้งนายทหารนั้นเสร็จแล้ว เราก็ได้พูดกับมองซิเออร์เดฟาชแต่เพียงว่า การที่มองซิเออร์เดฟาชได้รับหมายตั้งมาเช่นนี้ ก็เท่ากับมองซิเออร์เดฟาชเอาคอไปรอให้ตัดด้วยความยุติธรรมของพระเจ้ากรุงสยามเท่านั้นเอง มองซิเออร์เดฟาชจึงได้ตอบเราว่า ในข้อนั้นจะได้ระวังไม่ให้เปนไปเช่นนั้นได้ แล้วมองซิเออร์เดฟาชได้เอาคำสั่งของมองซิเออร์คอนซตันซ์มาให้เราดูอีกหลายฉะบับซึ่งเขียนเปนภาษาฝรั่งเศส และเกี่ยวถึงการงานและหน้าที่ของกองทหาร

ก่อนที่มองซิเออร์เดฟาชได้มาหาเราสักหน่อยหนึ่งนั้น มองซิเออร์เดอโบชังได้นำชาวปอตุเกตมาหาเราคน ๑ เพื่อมาถามว่าเราจะสั่งเสียอะไรบ้าง เราจึงได้ถามมองซิเออร์เดอโบชังว่า นายทหารปอตุเกตคนนี้คือใคร มองซิเออร์เดอโบชังจึงได้ตอบเราว่า นายทหารปอตุเกตคนนี้เดิมเคยเปนผู้รักษาเมืองบางกอกก่อนที่เรามาถึง แต่มาบัดนี้นายทหารปอตุเกตคนนี้จะได้อยู่ที่บางกอกต่อไป โดยรับตำแหน่งเปนนายร้อยเอกผู้บังคับกองทหารปอตุเกตและไทย เพราะฉะนั้นเราก็ได้ต้อนรับนายทหารปอตุเกตคนนี้อย่างดี แต่เราก็รู้สึกในใจอยู่เสมอว่า ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้นายทหารปอตุเกตคนนี้อยู่ที่บางกอกนั้น ก็เพื่อจะให้เปนคนคอยสอดแนมถึงเหตุการณ์ที่จะมีขึ้น เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงคอยส่งข่าวให้นายทหารปอตุเกตคนนี้อยู่เสมอเปนนิตย์ จนที่สุดเรื่องเล็กน้อยข้าพเจ้าก็บอกให้เขาทราบ เพราะในเมืองนี้เรื่องเล็กน้อยเขาเห็นกันว่าเปนเรื่องใหญ่ทั้งนั้น

ณวันที่ ๒๑ เดือนตุลาคม เวลาเช้า ๒ โมงเราได้ออกเรือจากบางกอก ป้อมทั้ง ๒ ฝั่งแม่น้ำได้ยิงปืนเปนคำนับกระบอกละ ๒ นัดทุกกระบอก เราได้ไปรับประทานอาหารในที่พักแห่ง ๑ ซึ่งปลูกขึ้นโดยฉะเพาะสำหรับรับเรา และซึ่งอยู่ตรงกับป้อมเล็ก ๆ ทำเปนเนินดินจวนจะพังอยู่แล้ว เมื่อเราได้ไปถึงที่พักป้อมนี้ได้ยิงปืนสลุดรับเรา ๗ นัด และเมื่อเราได้ยกออกจากที่พักป้อมนี้ก็ได้ยิงปืนส่งเราอีก ๗ นัด ตำบลที่เราพักรับประทานอาหารนี้เรียกกันว่ามุกนวม (Moucnuom) ที่ตรงนี้แม่น้ำได้แยกออกกลางแม่น้ำเปนเกาะ และพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงพระราชดำริไว้ว่าจะได้สร้างป้อมขึ้นที่เกาะนี้ป้อม ๑ ครั้นภายหลังได้ทรงปรึกษาหารือกับมองซิเออร์เดอลามา จึงได้งดพระราชดำรินี้ และทรงพระราชดำริจะสร้างป้อมขึ้นที่เกาะ ๒ เกาะอันอยู่ตรงกันใกล้กับพระนครศรีอยุธยา มองซิเออร์เดอลามามีความเห็นว่า ทางดีที่สุดควรพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะยึดเกาะนี้ไว้เปนของฝรั่งเศสเสีย เพราะเหตุว่าผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งชาวนครศรีอยุธยาต้องรับประทาน และหมากซึ่งเปนผลประโยชน์รายได้ของพระเจ้ากรุงสยามนั้น เกิดงอกงามในเกาะนี้ตลอดไปจนถึงบางกอกและใต้บางกอกลงไปอีกก็มี

ตอนค่ำเราได้ไปพักนอนที่ปากเกร็ต ก่อนที่เราจะไปถึงที่พักนี้สักชั่วโมง ๑ หรือ ๒ ชั่วโมง มองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาด์ก็ได้ออกจากที่พักนี้ล่วงหน้าไปก่อน

ณวันที่ ๒๒ (ตุลาคม) เราได้ไปรับประทานอาการที่บ้านตรำ (Bantram) มีข้าราชการชาติแขกมัวคน ๑ กับจีนคน ๑ ได้มาคอยต้อนรับเราอยู่ณที่นี้

ณวันที่ ๒๓ (ตุลาคม) เราได้พักรับประทานอาหารที่ราชคราม (Rajacram) แล้วได้ออกจากที่พักนี้ไปนอนที่ตำบลแห่ง ๑ ซึ่งห่างจากกรุงศรีอยุธยาประมาณ ๒ ไมล์ และซึ่งชนสามัญเรียกกันว่าด่านภาษี เราได้พักอยู่ที่ด่านภาษีนี้คอยจนถึงวันที่เราจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม เหมือนกับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองต้องคอยอยู่ในที่นี้ดุจเดียวกัน

ในเวลาที่เดินทางในระหว่างบางกอกและด่านภาษีนั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้เอาคำแปลข้อสัญญาที่เราได้เซ้นไว้นั้นมาให้ข้าพเจ้าดู ข้าพเจ้าได้พิเคราะห์เห็นว่าคำแปลอันนี้ได้เนื้อถ้อยกระทงความดีกว่าคำแปลที่ได้แปลไว้ในคราวที่เขียนข้อสัญญานั้น และคำแปลฉะบับหลังนี้บาดหลวงเดซปานยักเปนผู้แปล เราจึงเห็นว่าเปนการสมควรที่จะต้องให้บาดหลวงตาชาด์ได้เซ็นชื่อในท้ายคำแปลนี้ไว้ เมื่อข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบร์ได้ปรึกษาหารือกันถึงข้อสัญญาที่เปนข้อไม่ถูกใจเราหลายครั้งหลายหนแล้ว จึงเปนอันตกลงเห็นพร้อมกันว่า ในชั้นแรกควรจะให้บาดหลวงตาชาด์ได้เซ็นชื่อลงไว้ในคำแปลฉะบับของบาดหลวงเดซปานยักเสียก่อน แล้วข้าพเจ้ามีความเห็นต่อไปว่า เวลานี้เราไม่ควรจะแสดงความไม่พอใจหรือแสดงความร้อนใจในข้อสัญญาเหล่านี้ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์รู้สึกเลย เพื่อจะได้ทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตายใจและจะได้ไว้ใจเราต่อไป เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์มีความไว้ใจเราแล้ว เราจึงค่อย ๆ อธิบายให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจ ว่าข้อสัญญาเหล่านี้เปนข้อที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสคงจะไม่พอพระทัยเปนแน่ เพราะฉะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้แสดงตัวไว้แล้วว่าตนเปนผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เมื่อเห็นข้อสัญญาเหล่านี้จะเปนการกระทำให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่พอพระทัยแล้ว ก็ควรจะดัดแปลงแก้ไขข้อที่ไม่ดีให้ถูกพระทัยพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสต่อไปดังนี้ ความเห็นของข้าพเจ้าอันนี้ มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ก็เห็นพ้องด้วย จึงได้เปนอันตกลงกันว่า ต่อไปจะได้ปฏิบัติตามความเห็นอันนี้ เพื่อพยายามแก้ไขให้เรื่องต่าง ๆ ได้ลงรูปดีขึ้น

----------------------------

 

  1. ๑. เนื้อความตรงนี้ในต้นฉบับความขาดหายไปทั้งวรรค ที่ว่าพวกฮอลันดานั้นผู้แปลเติมลงไปเอง เพราะเห็นว่าความอย่างอื่นจะไม่ได้ความ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ