องก์ที่ ๒

ฉาก: ชลาน่าห้องรับแขก ที่บ้านหลวงวรเวสวิสิฐ ด้านหลังเปนผนังห้องรับแขก กั้นเฃ้ามาประมาณส่วนหนึ่งในสามของโรง มีประตู ๓ ช่อง เปิดทั้ง ๓ ช่อง มองทางประตูแลเห็นห้องรับแขกอยู่ฃ้างใน ที่ผนังมีลวดลายวิจิตรมาก ด้านสกัดชาลาฃ้างขวาเปนผนังมีประตู ๑ ช่อง ด้านสกัดฃ้างซ้ายมีพนักปูนและเสาเหล็กรับปรำ นอกคูหาออกไปแลเห็นต้นไม้ดูร่มรื่นดี เพดานชาลาดาดผ้าใบริ้วสีสลับกัน ๒ สี ส่วนเครื่องตกแต่งนั้น ที่ชลามีโต๊ะเก้าอี้สานเปนชุด ที่แลเห็นในห้องรับแขกเปนเครื่องอย่างดี.

พอเปิดม่านหลวงวรเวสวิสิฐ กับพระสมานบริกรเดิรออกมาจากห้องรับแขกด้วยกัน หลวงวรเวสนั้นเปนคนอายุประมาณ ๔๐ เศษ แต่งตัวดีเรียบร้อย.

หลวงวรเวส.

เชิญคุณพระนั่งพักเย็นที่นี่ก่อนเถอะครับ.

พระสมาน.

ขอบใจครับ. (นั่งลงด้วยกันทั้ง ๒ คน.)

หลวงวรเวส.

ผมขอบใจคุณพระจนใม่รู้ที่จะหาถ้อยคำอะไรมากล่าวให้เหมาะเลยครับ.

พระสมาน.

ใม่จำเปนเลยครับ ใม่จำเปน ผมมีความยินดีที่มีโอกาสทำให้คุณหลวงเปนที่พอใจ

หลวงวรเวส.

ผมต้องขอขอบใจหน่อย ถ้าใม่ได้คุณพระผมก็คงใม่มีโอกาสได้พบปะเจ้าราชบุตรเชียงรายเลยทีเดียว แล้วยังมิหนำซ้ำคุณพระยังเมตตามาช่วยจัดตกแต่งห้องหับของผมให้เรียบร้อยอีก.

พระสมาน.

ถ้าคุณหลวงจะให้ผมเปนที่พอใจละก็ ขออย่าได้ขอบใจผมเลยอีกคำเดียว จะดีกว่าอย่างอื่น.

หลวงวรเวส.

ถ้ายังงั้นคุณพระก็เปนคนประหลาดคนหนึ่งละครับ คนที่ใม่ชอบให้คนสรรเสริญ ผมก็พึ่งเคยพบแต่คุณพระนี่แหละ โดยมากผมได้เคยพบแต่คนที่ต้องการความสรรเสริญ จนส่งให้ใม่ทันทีเดียว.

พระสมาน.

ผมใม่อยากให้คุณหลวงต้องลำบากแจกความสรรเสริญให้แก่ผมน่ะซิครับ.

หลวงวรเวส.

อ้อ! ผมเห็นจะต้องรบกวนคุณพระอีกสักหน่อย ผมอยากรู้อะไรอยู่อย่างหนึ่ง แต่ผมสู้งดไว้ใม่ถามต่อหน้าแม่มลิหรือแม่มาไลย กลัวเฃาจะหัวเราะเยาะผมว่าผมน่ะเปนคนเซ่อซ่าป่าเถื่อนเหลือเกิน.

พระสมาน.

เฃาคงใม่ว่าคุณหลวงเช่นนั้นเปนแน่.

หลวงวรเวส.

ทำใมเฃาจะใม่ว่าครับ แม่มาไลยน่ะใม่สู้กระไร เพราะมันเปนลูกมันก็เกรงใจอยู่บ้าง, แต่แม่มลิน่ะเฃาคอยอนุสาสน์ผมอยู่ใม่ได้หยุดใม่ได้หย่อนเลย. นี่แหละครับการที่ได้ภรรยาเปนผู้มีตระกูลเช่นแม่มลิมันก็ลำบากอยู่บ้าง ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เฃาคงเตือนให้ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าการที่ผมได้เฃามาเปนภรรยาน่ะเปนเคราะห์ดีของผมอย่างยิ่ง.

พระสมาน.

อะไรคุณมลิจะเตือนคุณหลวงดื้อ ๆ ยังงั้นเทียวหรือครับ?

หลวงวรเวส.

วิธีเตือนของเฃามีต่าง ๆ ขอรับ เฃาเตือนได้ทั้งด้วยกิริยาทั้งด้วยวาจา บางทีก็เตือนแต่พอเยื้อง ๆ ไป แต่บางทีก็เล่นเอาตรง ๆ ทีเดียว, ยังไง ๆ เฃาคงใม่ให้ผมลืมเลยว่าพ่อผมเคยเปนบ่าวพ่อของเฃา จนบางทีทำให้ผมนึกว่าถ้าผมได้ผู้หญิงชาวไร่ชาวนาอะไรมาเปนเมียเสียดีกว่า.

พระสมาน.

เอ้อ–อ้า–เมื่อแต่กี้คุณหลวงพูดว่าคุณหลวงอยากถามความเห็นอะไรผมสักอย่างหนึ่ง มีเรื่องอะไรล่ะครับ?

หลวงวรเวส.

ผมอยากทราบว่า ผมควรจะพูดกับเจ้าราชบุตรอย่างไร เช่นจะพูดถึงตัวผมเองยังงี้จะพูดว่ากระไร, คำลาวเฃาจะใช้กันอย่างไรผมก็ใม่ทราบ พอผมได้รับจดหมายคุณพระ ผมก็ไปลากหนังสือพระลอออกมาอ่านดู ก็ออกจะใม่ใคร่เฃ้าใจ คุณทราบอยู่แล้วว่าหนังสือน่ะ ผมมันใม่ได้รู้เพียงเท่าไร.

พระสมาน.

ใม่จำเปนต้องใช้คำอย่างในเรื่องพระลอดอกครับ พูดอย่างเรา ๆ ยังงี้เฃาก็เฃ้าใจ.

หลวงวรเวส.

ถ้ายังงั้นจะพูดเพียงแค่ไรดีครับ? เห็นจะใม่ถึงฃ้าพระพุทธเจ้ากระมังครับ.

พระสมาน.

ใม่ควรเลยครับ.

หลวงวรเวส.

เพียงเกล้ากระหม่อมจะพองามกระมังครับ?

พระสมาน.

ยังเกินไป เพียงผมก็พอ.

หลวงวรเวส.

อะไรพูดผมกับเจ้า เฃาจะใม่ว่าผมเซ่อซ่าไปหรือครับ?

พระสมาน.

ตรงกันฃ้าม ถ้าคุณหลวงเรียกตัวอย่างอื่นนอกจากผมเห็นจะถูกติเตียนว่าเซ่อซ่าแน่ละครับ.

หลวงวรเวส.

ถ้าฃานก็ฃานว่าขอรับ หรือขอรับกระผมก็พอหรือครับ?

พระสมาน.

ขอรับเท่านั้นก็พอ ขอรับกระผมดูเหมือนจะเกิน ๆ ไปสักหน่อยเสียอีก.

หลวงวรเวส.

ยังงั้นหรือครับ? ถ้ายังงั้นฉวยว่าเกิดมีปากเสียงกันขึ้นกับแม่มลิ ต้องขออนุญาตอ้างคุณพระเปนหลักนะครับ.

พระสมาน.

ได้ซิครับ, ผมรับผิดรับชอบเอง.

หลวงวรเวส.

ขอบใจครับ, ขอบใจ.

พระสมาน.

ถ้าคุณหลวงใม่ธุระอะไรอีกแล้ว ผมจะขอลาที แล้วผมจะมาอีกให้ทันเวลาดินเน่อร์. (ลุกขึ้นยืน หลวงวรเวสลุกขึ้นด้วย.)

หลวงวรเวส.

แล้วคุณพระดูละคอนต่อไปด้วยนะครับ.

พระสมาน.

ยังงั้นซิครับ ผมลาที. (ออกไปทางห้องรับแขก.)

(หลวงวรเวสลงนั่งสูบบุหรี่ต่อไปสักครู่หนึ่ง มลิออกมาทางประตูขวา มลิอายุประมาณ ๓๖ หรือ ๓๗ แต่งตัวอยู่กับบ้าน.)

มลิ.

ยังไงคุณ ลูกชายคุณน่ะเมื่อไหร่จะมา? ไปเชือนแชอยู่เสียที่ไหนก็ใม่รู้!

หลวงวรเวส.

ฉันสั่งอ้ายเนตร์ไปว่าให้บอกให้รีบมาทันที ทำใมมาช้านักก็ใม่ทราบเลย

(นายบุญโรจน์มาทางห้องรับแขก นายบุญโรจน์อายุประมาณ ๑๗ ปี แต่งกายดี.)

มลิ.

อ้าวนี่แน่ะ พอถามถึงก็มาทีเดียว.

หลวงวรเวส.

ยังไงมาช้านัก อ้ายเนตร์มันใม่ได้บอกหรือว่าให้รีบมา?

บุญโรจน์.

มันบอกครับ พออ้ายเนตร์ไปบอกผมก็ขึ้นไปลาครูออกจากโรงเรียนมาทีเดียว.

มลิ.

เอ๊ะก็ยังไงมาถึงนี่ช้านัก อ้ายเนตร์ไปบอกเมื่อไหร่?

บุญโรจน์.

เมื่อบ่ายสัก ๒ นาฬิกาได้อยู่ครับ.

มลิ.

แหม! ก็นี่เปน ๔ นาฬิกาแล้ว ไปแวะเวียนเสียที่ไหนมั่งก็ใม่รู้!

บุญโรจน์.

ใม่ได้แวะได้เวียนที่ไหนเลยเทียวคุณแม่.

มลิ.

คุณ นี่คุณส่งรถคันไหนไปรับ?

หลวงวรเวส.

คันแดง.

มลิ.

อ้อ ! คุณส่งรถสำหรับบ่าวใช้ไปให้ลูกฉันขี่ยังงั้นหรือ?

หลวงวรเวส.

ตัวเฃาเองเฃาชอบคันนั้น เฃาว่ามันขับง่ายดี เฃาขับเองได้.

มลิ.

ทำใมคนสำหรับขับใม่มีหรือ คุณต้องให้ลูกคุณขับรถเอง?

หลวงวรเวส.

ก็ผู้ดีเฃาก็ขับเองกันถมไป การที่ผู้ดีจะขับรถยนตร์ ใม่เปนที่เสื่อมเสียเกียรติยศอะไรเลย.

มลิ.

พวกดิฉันใม่เคยขับรถเองเลย.

หลวงวรเวส.

(พูดเบา ๆ หน่อย.) ก็มันใม่เห็นเคยมีรถรัถหัดถีอะไรจะขับ.

มลิ.

คุณใม่ต้องหมิ่นประมาทพวกดิฉัน ถึงยังไง ๆ คนทั้งหลายก็นับถือเฃาเพราะเหตุอื่น ๆ นอกจากเพราะตื่นเงิน.

หลวงวรเวส.

อือ! หูหล่อนไวจริง ๆ ฉันนึกดัง ๆ ก็ได้ยินด้วย.

มลิ.

นี่ในว่าคุณจะใม่ชำระลูกชายคุณหรือ ว่าทำใมถึงมาช้านัก.

หลวงวรเวส.

ชำระซิ! (พูดกับนายบุญโรจน์.) อ้ายแดงมานี่!

มลิ.

นี่ลูกน่ะมันใม่มีชื่อหรือ ถึงได้ต้องเรียกมันว่าอ้ายแดง?

หลวงวรเวส.

ชื่อมันน่ะมีดอก ฉันเห็นมันหรูเกินกว่าที่จะใช้เรียกทุก ๆ วัน นึกว่าเรามีงานมีการถึงค่อยให้มันเปนนายบุญโรจน์ ถ้าอยู่กะบ้านในหมู่กันเองให้มันเปนแต่อ้ายแดงก็จะพอ.

มลิ.

เออ ! ลูกมีชื่อเปนผู้ลากมากดีอยู่ดี ๆ กลับใม่ชอบ อยากให้มันมีชื่อเหมือนลูกขี้ข้า.

หลวงวรเวส.

ขอทีแม่คุณ ขอที! (พูดกับลูก.) ยังไงพ่อบุญโรจน์ ทำใมถึงมาช้านัก ไปเชือนแชอยู่เสียที่ไหน? หรือเอ็งไปดูหาบุหรี่ให้พ่อสูบอย่างครั้งก่อน.

มลิ.

นั่นทำใมต้องไปแนะทางให้เฃาปดด้วย จะให้เฃานึกปดของเฃาเองใม่ได้เทียวหรือ?

หลวงวรเวส.

(แกล้งทำเสียงแขง.) ยังไงบุญโรจน์ว่ามา ไปเชือนแชเสียที่ไหน?

บุญโรจน์.

ผมใม่ได้เชือนแชที่ไหนเลย ตรงกลับมาบ้านทีเดียว.

หลวงวรเวส.

ขออย่าให้พูดปดต่อพ่อแม่ นอกจากที่มีเหตุจำเปนโดยแท้.

มลิ.

นั่นทำไมจะต้องไปเปิดช่องไว้ให้ยังงั้นด้วย.

หลวงวรเวส.

คนสมัยใหม่เฃาถือกันอยู่ ว่ามีเวลาบางเวลาจำเปนจะต้องปดเพื่อรักษาความสัตย์ต่อเพื่อนฝูงอะไรของเฃาใม่รู้ได้.

มลิ.

ขอให้พูดกันจริง ๆ เถอะ.

บุญโรจน์.

ผมใม่ได้เชือนที่ไหนจริง ๆ ครับ.

มลิ.

ก็ยังงั้นทำใมมาช้านักล่ะ หรืออ้ายรถคันแดงนั่นไปขลุกขลักเสียกลางทางอีกกระมัง?

บุญโรจน์.

ใม่ได้เสียเลยครับ มาเรียบร้อยตลอดทาง.

มลิ.

ก็ยังงั้นทำใมช้านักน่ะ?

บุญโรจน์.

ผมมารถไอ.

มลิ.

อะไรนะ?

หลวงวรเวส.

มันว่ามันมารถไอ ฮะ ๆ ฮะ ๆ.

มลิ.

คุณเห็นขันยังไง?

หลวงวรเวส.

เปล่า !

มลิ.

บุญโรจน์ รถยนตร์เฃาก็ให้ไปรับแล้ว ทำใมถึงต้องขี่รถไอมา.

บุญโรจน์.

อยากมาก็มา. (หลวงวรเวสพยักหน้าและยิ้ม.)

มลิ.

ทำใม มันจะสบายไปกว่ารถยนตร์ยังไง.

บุญโรจน์.

มันใม่สบายกว่าครับ แต่มันสนุกกว่า.

มลิ.

สนุก ! นั่งเบียดคนมาแอ็ด ๆ มันสนุกสนานยังไง?

หลวงวรเวส.

อีกประการหนึ่ง ต้องเฃ้าใจว่าเสียสตางค์ไปโดยใช่ที่เลย มันสองระยะใม่ใช่หรือ?

บุญโรจน์.

ครับ สองระยะ แต่ผมเสีย ๑๒ สตางค์เท่านั้น.

หลวงวรเวส.

ยังงั้นเอ็งก็มาที่ ๖ สตางค์น่ะซิ.

บุญโรจน์.

(ยิ้ม ๆ.) ครับ.

มลิ.

(ตบอก.) ตาย ๆ พิลึกจริง ๆ มีรถยนตร์ขี่ดี ๆ ว่าใม่ดี ชอบไปขึ้นรถไอ นั่งที่ ๖ สตางค์เบียดกับอ้ายคนสาระเลวอะไรมิรู้.

บุญโรจน์.

นาน ๆ ได้ขึ้นรถไอทีหนึ่ง มันก็สนุกอยู่นะครับ.

หลวงวรเวส.

(หัวเราะ.) ฮะ ๆ ฮะ ๆ!

มลิ.

คุณหลวงขันอะไร ขันว่าลูกอยากเปนไพร่ยังงั้นหรือ?

หลวงวรเวส.

ที่จริงมันก็ขันอยู่บ้าง!

มลิ.

บุญโรจน์ ตัวเจ้าน่ะไปเอาสันดานไพร่มาจากไหนใม่รู้ ใม่ได้เอาไปจากแม่น่ะเปนแน่ละ.

บุญโรจน์.

ผมก็ใม่ทราบว่า ได้มาจากทางไหนครับ บางทีมันจะเกิดขึ้นในตัวผมเองก็เปนได้.

มลิ.

เสียแรงขวนขวายให้ได้เล่าได้เรียนอย่างดี จนที่สุดนี้ได้ไปอยู่ที่ราชวิทยาลัย แล้วสันดานไพร่ของเจ้ามันน่าจะดัดให้หายไปได้เบาหรือ ก็นี่อ้ายเนตร์อ้ายสาน่ะใม่ได้ตามมาหรือ?

บุญโรจน์.

ตามมาครับ มันตามมาในรถยนตร์ขับตามหลังรถไอมาเทียว.

มลิ.

แล้วมันขนของของลูกมาแล้วหรือ?

บุญโรจน์.

ขนมาแล้วครับ อ้ายเนตร์มันถือช้อนคัดรองเท้ามา.

มลิ.

ฮือ ! อ้ายสาล่ะ.

บุญโรจน์.

อ้ายสาถือแปรงถูฟันกับอับยาฟัน! (หลวงวรเวสหัวเราะเอามือปิดปาก เพื่อใม่ให้เมียเห็น.)

มลิ.

อะไรให้มันถือของออกเหลวแหลกยังงั้น!

บุญโรจน์.

พุทโธ่คุณแม่ ใม่ใช่เหลวไหลเลยนะครับ ช้อนคัดรองเท้าน่ะเปนของจำเปนจริง ๆ รองเท้าผมมันพอดีกะเท้า ถ้าใม่ใช้ช้อนใส่แทบใม่ได้เทียวครับ.

มลิ.

ก็ช้อนที่บ้านนี้ก็มีใม่ใช่หรือ?

บุญโรจน์.

มีอยู่จริงครับ แต่มันเปนช้อนเงินหรือช้อนงา ใม่คล่องเหมือนช้อนเฃานะครับ ช้อนเฃามันเยิ่นดีนัก.

มลิ.

ฮึ ! สำแดงความไพร่อออกมาอีกแล้วไหมล่ะ ก็แปรงถูฟันกะยาฟันน่ะทำใมต้องเอามาด้วยล่ะ

บุญโรจน์.

ยาฟันถ้าทิ้งไว้หมดครับ ส่วนแปรงน่ะขืนทิ้งไว้ก็คงถูกใครยืมไป ผมเคยโดนเฃ้าทีหนึ่งแล้วเลยเข็ด.

หลวงวรเวส.

(หัวเราะ.) ฮะ ๆ ฮะ ๆ.

มลิ.

เมื่อไหร่คุณจะหมดของขันเสียสักที.

หลวงวรเวส.

เห็นจะยังอีกหลายปี แต่นี่เวลาก็บ่ายมากแล้ว เราใม่ควรจะมัวเสียเวลาพูดกันในเรื่องใม่เปนสาระอยู่ยังงี้.

มลิ.

ใครพูดใม่เปนสาระคะ?

หลวงวรเวส.

(ถอนใจใหญ่.) ก็ฉันน่ะซิ.

มลิ.

ก็อยากจะทำอะไรต่อไปก็ทำไปซิ.

หลวงวรเวส.

ฉันอยากจะซ้อมอ้ายแดง–เอ๊ย ! บุญโรจน์ในการที่จะออกงานรับแขกคราวนี้น่ะซิ.

มลิ.

ก็ดีแล้ว จะสอนอะไรก็สอนกันไปซิ.

หลวงวรเวส.

เอ้าไหนลองคำนับไปทีหรือ?

มลิ.

ทำใมเฃาจะคำนับใม่เปน เฃาเรียนอยู่กะครูฝรั่งทีเดียวนี่นะ.

หลวงวรเวส.

จริงซิ ! ถ้ายังงั้นช่างเถอะใม่ต้องซ้อมคำนับละ แต่วิธีที่จะพูดกับเจ้าราชบุตรน่ะเอ็งจะพูดยังไง?

บุญโรจน์.

ก็เห็นจะเหมือนอย่างพูดกับเจ้าอื่น ๆ กระมังครับ.

หลวงวรเวส.

ใม่ถูก ใม่ถูก ถ้าจะฃานต้องขอรับ ถ้าจะพูดถึงตัวเอ็งต้องใช้ว่าผมหรือกระผมก็ได้ แต่อ้ายกะขุนอย่างที่เอ็งเคยพูดอยู่กะท่านขุนการีน่ะใช้ใม่ได้นะ.

มลิ.

เออ ! ตามืดจูงตาบอดละเจ้าฃ้าเอ๊ย !

หลวงวรเวส.

ฉันรับสารภาพว่าแต่แรกตาฉันมืด แต่เดี๋ยวนี้ฉันไปหาหมอรักษาจนตาสว่างแล้ว ตาแม่มลิเองแหละยังมัวอยู่.

มลิ.

ทำใม?

หลวงวรเวส.

หล่อนท้วงฉันผิดแล้วครั้งนี้.

มลิ.

ท้วงผิดยังไง ก็อะไรพูดกะเจ้าว่าขอรับ มีเยี่ยงมีอย่างที่ไหนมั่ง.

หลวงวรเวส.

นี่แหละฉันถึงได้ว่า หล่อนน่ะตามัวอยู่มาก (หัวเราะเยาะ.) ถ้าขืนไปพูดอย่างอื่นกะเจ้าราชบุตรนอกจากขอรับละก็เฃาได้ฮากันครืนละ.

มลิ.

ใครบอกคุณว่าควรจะพูดขอรับ?

หลวงวรเวส.

คุณพระสมานบอกแต่กี้นี้เอง.

มลิ.

อ้อยังงั้นหรือ?

หลวงวรเวส.

ยังงั้น คุณพระสมานเห็นจะเปนผู้มีตระกูลดี พอที่จะรู้ขนบธรรมเนียมกระมัง.

มลิ.

ถ้าคุณพระสมานว่ายังงั้นก็เห็นจะถูกแล้ว

หลวงวรเวส.

(หัวเราะ.) เฮอะ ๆ.

มลิ.

ดีใจว่าดิฉันพลาดท่ายังงั้นหรือ?

หลวงวรเวส.

เปล่า! เปล่า! ฉันดีใจว่าฉันมีความคิดพอที่จะถามไว้เสียก่อน.

มลิ.

ฮือ! เออพ่อบุญโรจน์ เสียแรงเปนนักเรียนฝรั่งมังค่า ลูกจะบอกแม่ได้ไหม ว่าวิธีที่แม่คำนับน่ะถูกหรือยัง?

บุญโรจน์.

คุณแม่จะให้ผมทำท่าให้ดูหรือครับ?

มลิ.

ก็เอาซิ.

บุญโรจน์.

ยังงี้เปนยังไงครับ? (ทำท่าวิ่งโดดแหยว ๆ ออกมาแล้วย่อคำนับอย่างผู้หญิงละครม้า.)

หลวงวรเวส.

พุทโธ่ ! ก็ตัวแม่เจ้าเฃาเบาอย่างเช่นเอ็งเมื่อไหร่ จะได้เต้นแหยวยังงั้นได้ ขืนให้ทำก็คงงามตายละ.

มลิ.

นั่นลูกไปจำมาแต่ไหน?

บุญโรจน์.

จำมาแต่ละคอนฝรั่งครับ.

มลิ.

ก็แม่อยากดูท่าผู้หญิงผู้ดีเฃาคำนับ อะไรไปเอาท่าอีผู้หญิงละคอนมาทำให้ดูละ.

บุญโรจน์.

ก็ผมใม่รู้จักท่าผู้หญิงผู้ดีคำนับ ผมจะทำให้คุณแม่ดูได้ยังไงล่ะครับ.

มลิ.

ทำใมครูฝรั่งเฃาใม่ได้สั่งได้สอนมั่งหรือ?

บุญโรจน์.

พุทโธ่! ก็ราชวิทยาลัยใม่ใช่โรงเรียนผู้หญิงเลยนี่ครับ เฃาจะได้มาฝึกหัดกิริยาผู้หญิง ถ้าอยากให้ผมรู้กิริยาผู้หญิงทำใมใม่ส่งผมไปโรงเรียนผู้หญิงละครับ.

หลวงวรเวส.

ถ้าส่งเอ็งไปโรงเรียนผู้หญิงก็จะได้สนุกยิ่งกว่ารถไออีกน่ะซิ.

มลิ.

คุณหลวง! พูดอะไรใม่จำเปนเลย. นี่แน่ะบุญโรจน์ ถ้ายังงั้นท่าที่คำนับอยู่น่ะก็เห็นจะถูกแล้วละกระมัง.

บุญโรจน์.

เห็นจะถูกแล้วละครับ แต่ถึงจะผิดผมก็คงใม่ทราบ.

มลิ.

ฮือ! ถ้ายังงั้นฉันจะต้องไปดูซ้อมท่าทางคำนับของแม่มาไลยเสียสักหน่อย. (ลุกขึ้นจะไป.)

หลวงวรเวส.

อ้อประเดี๋ยว ฉันมีอะไรที่จะปรึกษาหล่อนสักหน่อย ฉันทราบจากคุณพระสมานว่าเวลานี้เจ้าราชบุตรไปเช่าบ้านเฃาอยู่แห่งหนึ่ง เรือนเล็กนิดเดียวเท่านั้น.

มลิ.

แล้วยังไงล่ะ?

หลวงวรเวส.

อ้ายตึกหลังเล็กของเรามันก็อยู่เปล่า ฉันหมายว่าจะเชิญให้เจ้าราชบุตรมาพักอยู่ที่นั่น หล่อนจะเห็นยังไง?

มลิ.

คุณประสงค์อะไร.

หลวงวรเวส.

อ้าวฉันเห็นว่า น่าจะมีผลสองประการ ประการหนึ่งเราจะมีชื่อเสียงว่าได้จัดการรับรองเจ้าประเทศราช ที่เปนของแน่นอน อีกประการหนึ่งฉันเห็นว่าสวนของเราหรือก็ใช้ร่วมกันกะตึกเล็กนั้นอยู่.

มลิ.

จะให้เจ้าราชบุตรมาช่วยทำสวนหรือ?

หลวงวรเวส.

ใม่ใช่ ฉันนึกถึงลูกสาวเราดอกนะ

มลิ.

อะไรคุณจะเอาลูกสาวไปยัดเยียดให้เฃายังงั้นเทียวหรือ?

หลวงวรเวส.

ใม่ต้องยัดเยียด เจ้าราชบุตรคงเห็นเอง เราก็มีแต่จะจัดการให้แม่มาไลยลงชมสวนเปนครั้งเปนคราวเท่านั้น เจ้าราชบุตรเห็นผ่านแวบไปแวบมาขี้คร้านใจเต้นไปเสียอีก.

มลิ.

ฮือ! ก็ชอบกล.

หลวงวรเวส.

นั่นซิ.

มลิ.

ที่จริงฉันนึกไว้............

หลวงวรเวส.

ฉันรู้แล้ว แต่ตามที่หล่อนประสงค์ฉันเห็นท่าจะได้ยาก เพราะฉนั้นถ้าได้เจ้าราชบุตรก็จะใม่เลวนะหล่อน.

มลิ.

ใม่เลว ที่จริงฉันจะยอมชมให้ว่าค่อนฃ้างดีเสียอีก.

หลวงวรเวส.

ขอบใจ นาน ๆ ฉันก็มีความคิดดีโผล่ขึ้นมาทีหนึ่งยังงี้แหละ.

มลิ.

จริง.

หลวงวรเวส.

ถ้ายังงั้นเปนอันตกลงให้ฉันเชิญเฃานะ.

มลิ.

คะเชิญเถอะ แต่ทำให้ดีนะ อย่าตรงไปถึงก็ชวนปุบปับทีเดียวนะ เดี๋ยวเฃาจะว่าเราเห่อ

หลวงวรเวส.

ถูกแล้ว ฉันจะค่อย ๆ พูดอ้อมเฃ้าไปทีละน้อย ตีวงให้แคบเฃ้าไปทุกที จนพอถึงปับก็จับปุบให้อยู่เทียว.

มลิ.

เออ ! ทำให้ดีเถอะคะ นี่เวลาเท่าไหร่ละ?

หลวงวรเวส.

(ควักนาฬิกาออกมาดู.) แม่เจ้าโว้ย สองทุ่มกะสิบห้านาทีแล้ว เผลอไปประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น.

มลิ.

อะไรยังใม่ทันค่ําเลย จะสองทุ่มสองแท่มอะไรได้.

หลวงวรเวส.

เออจริง! (ยกนาฬิกาขึ้นฟังที่หู.) หยุดเสียแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า สองโมงสิบห้านาทีนั่นเอง.

มลิ.

พุทโธ่พุถัง! ช่างพกไว้ได้ หนักกระเปาเปล่า บุญโรจน์ดูนาฬิกาทีหรือ?

บุญโรจน์.

(ดูนาฬิกา.) สิบเอ็ดทุ่มครึ่ง.

หลวงวรเวส.

เอ๊ะ ! นั่นนาฬิกาหยุดเสียแล้วเหมือนกันหรือ? (หัวเราะเยาะ.)

บุญโรจน์.

เปล่าครับ ผมบอกผิดไป ได้ยินคุณพ่อพูดว่าเช้า ๆ ผมก็หลงไปด้วยยังงั้นเอง.

มลิ.

ก็ที่จริงน่ะมันกี่นาฬิกา?

บุญโรจน์.

ที่จริงน่ะมันบ่าย ๕ นาฬิกาครึ่งครับ.

มลิ.

ต๊ายตาย! เกือบถึงเวลาแต่งตัวแล้ว ฉันต้องลาที แล้วคุณโปรดตรวจดูการฃ้างนอกนี่เสียให้เรียบร้อยแล้วถึงค่อยไปแต่งตัวนะคะ.

หลวงวรเวส.

ได้ ฉันจะทำให้ตลอด.

(มลิออกไปทางประตูขวา.)

หลวงวรเวส.

เอออ้ายแดง–โอ๊ยลืมไป.

บุญโรจน์.

ช่างเถอะครับ ผมชอบให้คุณพ่อเรียกผมว่าอ้ายแดงมากกว่าบุญโรจน์ ดูรู้สึกสนิธสนมกันดีกว่ามาก.

หลวงวรเวส.

เออฃ้าก็รู้สึกยังงั้นเหมือนกัน ฃ้าเรียกบุญโรจน์ทีไร รู้สึกเหมือนพูดกะเจ้าอะไรองค์หนึ่ง ถ้าเรียกอ้ายแดงดูค่อยรู้สึกว่าเอ็งเปนลูกฃ้าหน่อยหนึ่ง.

บุญโรจน์.

ผมก็เหมือนกันครับ เพราะยังงั้นให้ผมเปนบุญโรจน์แต่จำเพาะต่อหน้าคุณแม่เท่านั้น ก็แล้วกัน.

หลวงวรเวส.

นี่แน่ะ วันนี้ทำใมเอ็งถึงได้ขี่รถไอกลับมา?

บุญโรจน์.

พุทโธ่ ผมเบื่ออ้ายการวางภูมิเสียเหลือทนแล้ว ผมได้นึกอยู่เสมอว่า ถ้าได้เปนเหมือนคนอื่น ๆ เฃามั่งก็จะสบายดี, ผมได้เคยอยากขี่รถไอมานานแล้ว แต่ใม่มีช่องเลย วันนี้ผมเห็นได้ช่องต้องลองดูที.

หลวงวรเวส.

เอ็งใม่รู้หรือว่า การที่อยากขี่รถไอเบียดกับคนสามัญเช่นนั้น คุณแม่เห็นเปนการเสียผิวมาก เห็นเปนทำตัวเปนไพร่ไปทีเดียว.

บุญโรจน์.

ครับ ผมทราบ แต่ผมมีบางเวลาที่นึกอยากเปนไพร่.

หลวงวรเวส.

เออฃ้าจะบอกอะไรให้ อย่าอึงไปนะ.

บุญโรจน์.

ครับ

หลวงวรเวส.

ตัวฃ้าเองก็มีบางเวลา ที่อยากเปนไพร่พิลึก ตั้งแต่ฃ้าได้กะแม่เอ็งแล้ว เฃาใม่ยอมให้ฃ้าเปนไพร่เลยเทียว, เดี๋ยวนี้ละก็ฃ้าเห็นส้มฟักใม่ได้ อยากกินจนน้ำลายไหลเทียววะ ให้ตกรกซิ, ฃ้าถูกกินแต่อ้ายกับฃ้าวผู้ดี จนเบื่อเสียแสนเบื่อแล้ว ยังวันนี้จะต้องนั่งกินดินเน่อร์อีก.

บุญโรจน์.

คุณพ่ออยากกินของไพร่ ๆ จริงหรือครับ?

หลวงวรเวส.

พุทโธ่ ! ทำใมจะใม่อยากวะ อยากเหลือเกินเทียว!

บุญโรจน์.

ถ้ายังงั้นผมจะบอกความลับคุณพ่อสักอย่างหนึ่ง เมื่อผมไปยืนคอยจะเปลี่ยนรถไอสายโน้นมาสายนี้ ผมแวะไปซื้อส้มฟักมาไว้แยะเทียว.

หลวงวรเวส.

ยังงั้นหรือวะ เอาไว้ที่ไหน?

บุญโรจน์.

อยู่ในถ้ำในสวนแน่ะครับ ไปกินด้วยกันหรือครับ?

หลวงวรเวส.

อ้ายแดง! เอ็งนี่ระยำมาก ถ้าแม่เฃารู้ละเฃากระหนาบตายเทียววะ (เหลียวซ้ายแลขวา.) ยังมีเวลาอยู่วะ ไปเที่ยวถ้ำกันหน่อยเถอะ.

(สองคนพ่อลูกเหลียวซ้ายแลขวาแล้วค่อย ๆ ย่องออกไปด้วยกันทางห้องรับแขก.)

ปิดม่าน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ