นิราศตังเกี๋ย

  ๏ นิราสเรียมริเรื่องเมืองตังเกี๋ย
จำจากน้องห้องหอเคยคลอเคลีย ลห้อยละเหี่ยห่วงรักพักตร์ยุพา
พี่หน่ายนุชสุดไกลแต่ใจจิตร เหมือนกายสิทธิ์สิงเสน่ห์อยู่เคหา
ส่วนตัวน้องของที่ห่วงเหมือนดวงตา จงรักษาไว้เถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ
ด้วยมีช่องโอกาศราชกิจ จึ่งขอคิดหน่ายรักสักไสมย
แม้นบุญรอดปลอดอาพาธนิราสไภย คงมาได้คลึงเคล้าเสาวคนธ์
ใช่จะร้างห่างน้องไปท่องเที่ยว อย่าเฉลียวคิดเห็นไม่เปนผล
ถึงรักใครไม่เท่ารักพักตร์วิมล เมื่อได้ยลแล้วยิ่งยวนชวนเสียดาย
ขอฝากสัตย์มัธุรสพจนารถ ที่สวาทเนื้อถนอมหอมไม่หาย
จึงขอลาหน้าแฉล้มทั้งแก้มกาย ไม่แกล้งหน่ายรูปสงวนนวนลออง
ณวันศุกรเดือนอ้ายขึ้นสามค่ำ พิไรร่ำรักแรกจะแตกสอง
ปีกุญจุลศักราชรอง ในพันสองสี่สิบเก้าจากเย่าเรือน
ต้องหน่วงจิตรถึงจะคิดก็สู้นิ่ง ด้วยเปนสิ่งจำใจใครจะเหมือน
ได้ทราบข่าวว่าจะไปนั้นหลายเดือน แต่พวกเพื่อนเขาว่าจรเกือบข้อนปี
แล้วก็ลงเคหามาวันนั้น ขึ้นกำปั่นเมล์หน้าโรงภาษี
พร้อมกับพระไพรัชจัดคดี ท่านเปนที่ข้าหลวงกระทรวงนาย
กับท่านหลวงคำณวนควรขนาน นายบรรหารภูมเพิ่มเฉลิมฉาย
พนักงานแผนที่มีอุบาย รู้แยบคายวัดประเทศเขตรนคร
ท่านขุนปราบปราชญ์ญวนเปนส่วนล่าม รู้ข้อความพจนาอุทาหรณ์
อีกตัวเราเปนเสมียนเขียนสุนทร เรียงอักษรส่งรีโปตโปรดประจำ
ท่านทั้งหลายสบายอยู่มีผู้ส่ง เวลาลงกำปั่นวันยังค่ำ
ได้ยลนุชบุตรหลานออกพล่านลำ ยังสั่งซ้ำสุขเกษมอิ่มเอมใจ
แต่ตัวเรากับสหายนายบรรหาร ไม่พบพานเยาวมิตรพิสมัย
ทั้งสองคนทนระกำซ้ำอาไลย ถอนฤไทยทุกข์เหลืออยู่เรือเมล์
นิจาเอ๋ยเคยอุ่นแม่นุ่นเนื้อ ไม่รู้เบื่อชมขวัญมาหันเห
จะเปล่าเปลี่ยวเที่ยวไปในทเล สุดคะเนที่จะนับวันกลับมา
เปนเวรกรรมจำร้างให้ห่างน้อง เคยร่วมห้องศรวลเสอยู่เคหา
ยิ่งลำฦกนึกคิดก็ติดตา มาจำลาจำไกลอาไลยวรณ์
เรือสะท้านกว้านสมอยิ่งท้อถอย สลดผอยอยู่บนฟูกเหมือนถูกศร
จนออกเรือเหลือระอานาวาจร เปนสิ้นตอนภคินีเมื่อตรียาม
จึ่งจบหัดถ์ตัดวิตกอกอนาถ บังคมบาทธิบดินทร์ปิ่นสยาม
จงคุ้มไภยไปเปนสุขทั่วทุกนาม ให้มีความพูลสวัสดิ์พัฒนา
เรือกำปั่นขันจักร์ออกพักใหญ่ แสงอุไทยรุ่งรางสว่างหล้า
ถึงสมุทเจดีย์มีสมญา ไหว้วันทาขอพรเมื่อจรทาง
เห็นป้อมผีเสื้อสมุทสุดสง่า มีปืนผาสารพัดไม่ขัดขวาง
แม้นศัตรูคิดร้ายคงวายวาง ยิงหักกลางจมยับไม่กลับคืน
ทุกวันนี้บ้านเมืองรุ่งเรืองมาก ปราศจากข้าศึกไม่คึกขืน
แต่สร้างไว้ให้จิรังอยู่ยั่งยืน ตั้งบอกปืนเรียงรายใบเสมา
เห็นหน้าเมืองสมุทด่านชาญสนาม ดูงดงามสมอำนาจวาสนา
ตัวเจ้าเมืองเรืองบุรีมีปัญญา รู้ภาษาหลายชนิดทั้งกิจการ
จึงโปรดเกล้าให้บำรุงผดุงราษฎร์ ทั้งอำนาจยศถามหาศาล
เปนเศรษฐีมีสัตย์ชัชวาลย์ สุขสำราญยุติธรรมสัมคี
พอถึงแหลมฟ้าผ่าน่าอนาถ นึกขยาดเต็มตัวเหมือนกลัวผี
รามสูรอยู่ที่ไหนขอไปที ยกชีวีไว้สักครั้งพอบังตาย
อย่าเพ่อผ่าข้านิราสสวาทนุช แม้นม้วยมุดเนื้อเย็นจะเปนหม้าย
มองไม่เห็นฟ้าแลบมีแยบคาย ค่อยสบายแล่นมาตามสาชล
พอเรือออกปากอ่าวยิ่งเปล่าหวิว พระพายฉิวเย็นฉ่ำเหมือนน้ำฝน
นั่งชะแง้แลดูฝั่งยิ่งกังวล ไกลตำบลแหลมฉะวากปากทเล
เห็นเรือโคมกระโจมไฟอยู่ในน้ำ ลอยประจำคลื่นซัดตุปัดตุเป๋
อยู่ตามร่องน้ำไหลให้คะเน ถ้าเรือเหเข้าไปติดผิดลำราง
ด้วยทรงพระกรุณาเรือค้าขาย สู้จ้างจ่ายราชทรัพย์นับกระถาง
ทำให้แจ้งแห่งหนชลทาง เวลากลางคืนค่ำจึ่งตามไฟ
พอพ้นนั้นกัปตันให้รอจักร เราเห็นพักจึ่งได้ถามตามสงไสย
ทราบว่าจะส่งคนนำร่องไป เพราะมาใกล้เรือของเขาที่เฝ้าคอย ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งในเรือเชื้อนำร่อง นั่งส่องกล้องเห็นพวกเปิดหมวกหยอย
ดูเกศาฤๅออกโทรมเหมือนโคมลอย อยู่เรือน้อยประมาณยาวสักเก้าวา
พอส่งนำร่องไปก็ใช้จักร เสียงวิดวักสินธูออกซู่ซ่า
อุโฆษก้องท้องกำปั่นสนั่นมา ดูนาวาอ้างว้างห่างสันดอน
ไม่แล่นลัดตัดคลื่นฝืนสมุท ดังมารุดรีบร้นชลกระฉ่อน
ดูไกลเกาะละเมาะผาตามสาคร กำปั่นจรถึงที่ท้ายสีชัง
เจ้าพวกบ๋อยอานำที่ทำกุ๊ก หุงข้าวสุกซุปกระหลี่มีโต๊ะตั้ง
เล่าแกแรตกล้วยซ่มขนมปัง เชิญให้นั่งกินสดวกแต่พวกเรา
พอระฆังบาหลีสี่โมงสาย อิ่มสบายเข้ากับเปนอับเฉา
ขึ้นมานั่งดาษฟ้าทำน่าเซา แต่พวกเราเห็นกันเท่านั้นเอง
ฝรั่งเดินไปมาพูดจาพล่ำ ฟังยังค่ำไม่รู้จักว่ากั๊กเหมง
จะส่งภาษาสักคำก็ยำเกรง อายกังเกงที่เราใส่ไว้กับตัว
ใครไม่รู้ดูเหมือนชาวยุรป แต่งเครื่องครบขัดฟันนั่งสั่นหัว
ถึงอย่างนั้นเราใจยังไม่กลัว ถ้าจวนตัวทำใบ้พอได้การ
แต่คุณพระทราบชัดสนัดคิด พูดอังกฤษเจนภาษาอาวสาน
แต่กัปตันต้นหนล้วนคนงาน เปนชาติชาญฝรั่งเศสผิดเพษกัน
ท่านยังพูดรู้ภาษาอัชฌาไศรย เหมือนรักใคร่กันสนิทไม่บิดผัน
จนพวกเราค่อยสบายนายกัปตัน เขาจัดสรรค์กินอยู่คอยดูการ ฯ
๏ เห็นเกาะสามมือยื้อชื่อพิฦก จดบันทึกเวให้แจ้งแสดงสาร
นี่ใครหนอช่างมายื้อมือบุราณ มันเกิดการแสนตะกลามถึงสามมือ
คิดถึงนุชสุดวิตกหัวอกหญิง ถูกมือติ่งมันมาฉุดคงหลุดปรื๋อ
เราจะต้องกำหมัดอยู่ฮัดฮือ เขาสามมือจะต้องได้เอาไปครอง ฯ
๏ เห็นเกาะขามนามดีค่อยมีจิตร คงจะคิดกลัวเราเปนเจ้าของ
ขอให้ขามเหมือนเกาะเหมาะทำนอง อย่าหมายปองสีนวนที่ชวนแล ฯ
๏ เห็นเกาะล้านแลออกลิบสักสิบเส้น มองไม่เห็นบ้านที่ไหนไกลกระแส
เออใครหนอน่าขันมาผันแปร ฤๅเรียกแก้เกาะเรื่องให้เปลื้องตัว
แต่ที่จริงยอดเขาเปนเงาล้าน ดูแดงด้านเลี่ยนโล้นเหมือนโกนหัว
ทั้งพฤกษาไม่งอกดังหนอกวัว แต่ไม่ทั่วไปทั้งภูดูเปนวง
เออแต่เขายังล้านกระบานหิน มันไม่สิ้นหลากจิตรพิศวง
ฤๅมีของกายสิทธิ์ฤทธิรงค์ จำเพาะลงมากินดินคิรี
เขาจึงเรียกเกาะล้านนานตั้งกัป ช่างอาภัพหมดชะตาแลราษี
แม้นผู้คนอาไศรยใจไม่ดี ต้องทิ้งที่เกาะล้านประจานตน ฯ
๏ ถึงเกาะริ้นจินตนาภาษาสัตว์ มันเที่ยวกัดมังสาเหมือนห่าฝน
ข้าขอแต่น้องรักเสียสักคน อย่าบินวนไปกัดให้ขัดใจ
เห็นหินผาหน้าเกาะคลื่นเซาะแซะ ที่แง้มแยะน้ำกระฉอกเข้าออกได้
ที่ขาววาบกาบลอกเปนปลอกไคร เหมือนเขาไม้ทำเล่นไม่เห็นดิน
ที่น้ำเค็มท่วมไม่ถึงมันจึ่งรก กิ่งไม้ปกปิดแจคลุมแง่หิน
ข้างล่างเตียนเลี่ยนตาด้วยวาริน มันชะหินถูกคลื่นทุกคืนวัน ฯ
๏ ถึงเกาะไผ่ไม่เห็นมีกอสีสุก แลสนุกล้วนพฤกษาพนาสัณฑ์
ต้นไม้ใหญ่คล้ายผักเบี้ยดูเตี้ยครัน ก็เพราะมันบังหมอกแลออกไกล ฯ
๏ เห็นเกาะครามตามภาษาเวลายาก น่าซื้อฝากครามดิบสักสิบไห
เผื่อเนื้อหอมย้อมผ้าชุบสะไบ ให้สะใจนุ่งห่มสมอินทรีย์
แต่ทราบจิตรว่าเจ้าคิดเกลียดผ้าเขียว ชอบนุ่งเกี้ยวนุ่งลายระบายสี
ถึงตัวแก่แลยังกำลังดี ทั้งตาปีนวนเหลือเหมือนเนื้อทิพ ฯ
๏ ถึงเกาะยออ้อไฉนอย่างไรหนอ ฤๅผลยอมีชุกทั้งสุกดิบ
นึกอยากกินลิ้นกับฟันคันยิบยิบ ได้สักสิบคำก็คงพอการ
อันผลยอพอใจทั้งชายหญิง มันดีจริงจับจิตรสนิทหวาน
รู้ว่ายอก็ยิ่งชอบสู้หมอบกราน เหมือนน้ำตาลทาปากอยากใช้ยอ
อย่าว่าแต่เขาเลยฉันเคยถูก จูงจมูกได้เหมือนควายน้ำลายสอ
แต่เรามาครั้งนี้เหมือนขี่วอ มีทั้งยอทั้งยกชื่นอกใจ ฯ
๏ ถึงเกาะเสือเหลือกลัวตัวพยัคฆ์ หมอบประจักษ์นอนเห็นเปนไศล
ดูรูปร่างโตถนัดไม่กัดใคร เปนเสือใหญ่จำศิลคอยกินลม ฯ
๏ แลเห็นเกาะจรเข้เหศีร์ษะ ดูเกะกะมองเขม้นยิ่งเห็นสม
เขาว่าหางสำคัญที่มันจม ให้เรือล่มแตกไปก็หลายลำ
ถ้าเกยเข้าทีไรมักไม่รอด ยาวตลอดแหลมเปลือยเลื้อยถลำ
เปนหินล้วนบังอยู่ดูประจำ มันจมน้ำนอนซุ่มชุ่มตะไคร ฯ
๏ ถึงเกาะพระระยะทางมากลางคลื่น แลทะมื่นเรียงเปนแถวแนวไศล
ไม่สู้เห็นบ้านช่องมองแต่ไกล เพราะเรือไฟแล่นลัดตัดออกฦก
แต่สังเกตเห็นตลอดบนยอดเขา เปนปุ่มเปาเหมือนภิกขูไม่รู้สึก
คนจึ่งเรียกเกาะพระให้อธึก ดูพิฦกอัศจรรย์ขันจริงจริง
เมื่อมองเห็นเช่นนั้นจึ่งวันทิต คงสฤษฎิ์ที่สมมุตพุทธสิง
ขอให้คุ้มข้าหลวงคอยท้วงติง บำบัดสิ่งสรรพไภยอย่าได้พาน
ทั้งเย่าเรือนเพื่อนอุราของข้าเจ้า ที่โศกเศร้าคอยหาน่าสงสาร
จงคุ้มไภยพาธาสาธุการ สุขสำราญพูลพิพัฒน์สวัสดี ฯ
๏ ครั้นมาถึงที่เขาเกาะเจ้าจุ่น ดูเหมือนทุ่นอยู่ในน้ำจำมะหรี
ทั้งต้นหมากรากไม้ก็ไม่มี สัณฐานสีปูนแห้งแดงมอซอ
ชั่งเกิดอยู่ในน้ำเหมือนทำเล่น ได้มาเห็นอัศจรรย์ขันจริงหนอ
ไฉนจึ่งชื่อเขาเปนเหล่ากอ เรียกกันจ้อไม่ว่าใครในชลา ฯ
๏ เห็นเกาะหลักปักอยู่ดูเปนหย่อม รูปเหมือนพ้อมอย่างดีที่มีฝา
ดูด้านแดงแห้งผึงถลึงตา ไม่มีหญ้าสักเส้นเห็นวิกล
แลแต่ไกลคล้ายดอกบัวฤๅหัวเต่า มันน่าเอาไปไว้ปลูกไผ่สน
ได้ชมเล่นเปนสง่าในสาชล เหมือนกับคนกลั่นแกล้งมาแส้งทำ
ในหมู่นี้มีละเมาะเกาะต่างๆ จะต้องอ้างให้จิรังตั้งฉนำ
เห็นเกาะจวงเกาะจันทน์คั่นเปนลำ ใหญ่กำยำซ้อนซับสลับดี
คิดถึงจันทน์กระแจะจวงดวงสมร ปรุงขจรเจิมพักตร์เปนศักดิ์ศรี
หอมตระหลบอบหน้าทุกราตรี ชื่นฤดีดับร้อนที่นอนเนา
พี่ลำบากจากนุชสุดวิโยค ไม่วายโคกเสียดทรวงนั่งง่วงเหงา
สักเมื่อไรจะได้กลิ่นยุพินเรา มาไกลเจ้าทรามสงวนนวลลออง ฯ
๏ เห็นโรงโขนโรงหนังนั่งพินิจ ยิงเพ่งพิศดูเหมือนเขามีเจ้าของ
นี่หนังใครหนอมาเล่นเต้นคนอง ฟังเสียงกลองเงียบสงัดอัศจรรย์
ทั้งโรงโขนก็ไม่มีตัวที่ไหน นี่งานใครหามามันน่าขัน
ฤๅหลบเจ๊กเจ้าภาษีมามีกัน เห็นสำคัญแต่ป่านกกาบิน
แต่รูปนั้นลม้ายคล้ายโรงหนัง เหมือนจอตั้งโอโถงเปนโรงหิน
เขาจึ่งเรียกชื่อมาอยู่อาจิณ เมื่อได้ยินแล้วมายลต้องจนใจ ฯ
๏ เห็นฉางเกลือเหลือสนุกกระจุกกระจิก ช่างซุกซิกเรียงเปนตับสลับไศล
แต่เค้าเงื่อนเหมือนฉางมาวางไว้ เขาจึ่งใส่ฉายาน่าพิฦก ฯ
๏ เกาะอ้ายแรดรูปรีไม่มีผิด ทั้งจริตกิริยาท่าสอึก
เหมือนเดินด่องท่องน้ำตามจะนึก ถ้ารู้สึกก็ว่าเขาเรานี่นะ ฯ
๏ เห็นเกาะฉลามแลล้วนกระบวนป่า ทัศนาทิวไม้คล้ายสวะ
ที่แห้งตายใบโกร๋นโคนครุคระ ที่แหว่งหวะเปนช่องมองเห็นภู
แต่ว่านกนางนวนมีล้วนหลาย มันสบายชอบเกาะจำเพาะอยู่
บ้างลอยน้ำหากินตามสินธู บ้างบินพรูเวียนว่อนจรจรัล
โอ้นางนวนนวนน้องมาพ้องนก แลดูอกฤๅออกขาวเหมือนจาวถัน
สีเจ้าเหมือนเพื่อนยากที่จากกัน จะนับวันว่างเว้นไม่เห็นนวน ฯ
๏ ถึงเกาะทรายออกมาเด่นเห็นแต่หิน อีแอ่นบินเวียนจับนับไม่ถ้วน
สันฐานเหมือนกระด้งเท่าวงอวน เปนทรายร่วนกรวดปนชอบกลดี
แต่ช้างน้ำชอบนอนบนก้อนผา ขึ้นถอดงาออกสบัดตัวหัดถี
มักร่วงตกอยู่บ้างเปนลางปี ชาวบุรีญวนชอบลอบเอาไป
อันนาวามายากลำบากเหลือ หนทางเรือสองคืนคลื่นก็ใหญ่
แต่นำลึกสองเส้นเด่นอยู่ไกล ได้มาไปทุกวันนั้นก็นก ฯ
๏ เกาะที่ฉันพรรณามาทั้งหลาย มีนิยายเรื่องโตไม่โกหก
จะว่าไปไหลเล่อเหนือนเพ้อพก จึ่งหยิบยกเอาแต่เกาะจำเพาะการ
ถึงอย่างนั้นท่านทั้งหลายมีชายหญิง จะค้อนติงตัดพ้อข้อบรรหาร
พอเปนเลาเอาเปนหลักสักนิทาน ว่านมนานแต่ครั้งไหนตามใจกลอน
ตาบ้องไล่ยายรำพึงซึ่งมีบุตร บริสุทธิ์งามพริ้งยิ่งสมร
เรียกนางโดยได้ชื่อฦๅขจร ถึงนครกรุงจีนแสนยินดี
ให้ไทยจือมาขอต่อตาบ้อง แก่ยกย่องให้เปนพระมเหษี
จึ่งเตรียมขันหมากมาจากธานี ถึงวันดีจะสมานการมงคล ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าลายชายข้างตวันตก ก็เพ้อพกรักรุ่มทุกขุมขน
ขอนางโดยต่อยายแม่พอแก้จน แก่ยกตนบุตรสาวให้เจ้าลาย
แห่ขันหมากมากระไรดูไม่น้อย ถึงสามร้อยสิ่งของกองถวาย
เขยทั้งสองพ้องกันเข้าทั้งบ่าวนาย ก็นัดหมายขอให้ส่งองค์บุตรี
แต่ตายายไม่รู้กันช่างขันนัก ทำงกงักอิ่มเอมเกษมศรี
ไม่ไต่ถามเหตุผลต้นคดี เพราะอยากมีลูกเขยไว้เชยชม
ก็ต่างคนต่างกริ่มขยิ่มเหงือก ไม่ต้องเลือกให้ลำบากยากขนม
เขาเปนเชื้อธิบดีบุรีรมย์ เกิดนิยมเห็นงามไม่ถามกัน
ตาบ้องไล่จะส่งกับองค์เจ๊ก หางเปียเล็กรวยอู๋กินหมูหัน
ยายรำพึงก็จะให้เจ้าลายพลัน จำเพาะวันเดียวพ้องถึงสองคน
ไม่ตกลงงงอยู่จึ่งรู้เรื่อง ตาก็เคืองยายก็แค้นกว่าแสนหน
ต้องค้างค้านการวิวาห์เข้าตาจน ลงนั่งบ่นพึมพำกรรมของกู ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าจีนเจ้าลายโดนรายนึก พอรู้สึกกำสรดแสนอดสู
เมื่อดักลันปลาไหลมาได้งู มีศัตรูเพราะผู้หญิงต้องชิงนาง
ก็ต่างคนต่างเหี้ยมเตรียมทหาร จะรบราญเจ้าบุรีที่มีหาง
ตาบ้องไล่ให้ขยั้นเข้ากั้นกลาง พูดเปนกลางว่าอย่าแย่งจะแบ่งปัน
ฉวยลูกสาวฉีกกลางขว้างให้เขย มันตกเลยอยู่เปนเกาะจำเพาะขัน
เรียกว่าเกาะนมสาวเท่าทุกวัน อยู่ฟากจันทบุรีมีพยาน
อีกซีกหนึ่งไปถึงตวันตก อดห่อหมกบ่าวสาวทั้งคาวหวาน
เจ้าลายเห็นศพโศกโรคบันดาล ไม่กลับบ้านเลยตายในสายชล
เดียวนี้ยังเปนเขานอนยาวเหยียด ไม่น่าเกลียดเหมือนมนุษย์สุดฉงน
โต๊ะฝาชีพานกระจับกลับวิกล ตั้งอยู่จนทุกวันไม่อันตราย
เขาเรียกสามร้อยยอดตลอดหมด ฉันไม่ปดพูดเพ้อละเมอหมาย
แต่ทองมั่นนั้นถมลงจมทราย ตกอยู่ฝ่ายนครังบางตพาน
เปนกำเนิดเกิดประจำธรรมชาติ สุกสอาดสืบมาอาวสาน
เปนทองของเจ้าลายที่วายปราณ อยู่นมนานตั้งกัปไม่นับปี ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าจีนสิ้นอาไลยก็ให้โหย เห็นนางโดยซีกเดียวเขียวเปนผี
ก็ทำศพกว่าจะเสร็จเจ็ดราตรี กับสิ่งที่เปนขันหมากไม่อยากเอา
ทั้งโรงโขนโรงหนังคลังใส่ของ ก็เลยกองอยู่เหมาะเปนเกาะเขา
สารพัดสัตว์สิงห์กลิ้งเปนเลา เรื่องตาเถ้าบ้องไล่ยายรำพึง
แสนสงสารเจ้าจีนแผ่นดินเผง ถอดกางเกงค้างเปล่าเข้าไม่ถึง
ต้องกลับไปภาราทำหน้าตึง สิ้นความหึงหม้ายหอเพราะพ่อตา ฯ
๏ เรือกลไฟใช้จักรไม่พักผ่อน ตวันรอนล่วงลับพยับหล้า
แล่นโขยดโดดคลื่นฝืนชลา ข้ามอ่าวสาครขั้นจันทบูร
ทเลลึกนึกอนาถให้หวาดหวาม เสียงโครมครามดังสนั่นแทบขวัญสูญ
ดูน้ำเค็มเปนประกายเหมือนไพฑูรย์ แสนอาดูรเหลียวแลเห็นแต่ดาว
พวกข้าหลวงง่วงเหงาเศร้าสลด แต่งเครื่องยศเหมือนกันยิงฟันขาว
แขงกมลทนประทังนั่งเปนราว พูดเกรียวกราวเฮฮาคลายอาวรณ์
มิศเตอร์กาดูผู้โดยสาน เขามีการกิจไปเมืองไซ่ง่อน
แต่พูดไทยได้ชัดไม่ขัดกลอน ชอบสุนทรทางนิยายใจอารี
มานั่งเล่นเห็นสนุกทั่วทุกท่าน ให้เปนการชอบหูกระจู๋กระจี๋
จนคุ้นเคยเลยรักสามัคคี ใจเขาดีโอบอ้อมละม่อมละมุน
อันเรือไฟเจ้ากรรมเมล์ลำนี้ เมื่อราตรีเข้าห้องแล้วต้องหมุน
เพราะร้อนไอไกล้สติมริมเปนจุณ ต้องว้าวุ่นเข้าออกบอกระอา
พอเช้าตรู่สุริยันขึ้นดั้นเด่น มองไม่เห็นทิวไม้ใกล้ฝั่งฝา
ถึงเกาะช้างรูปลม้ายคลายคชา ยืนจังง่าหูผึ่งเหมือนหนึ่งเปน
ทั้งเกาะขี้มีอยู่กองมองไม่หาย แต่ว่ากลายเปนหินก็สิ้นเหม็น
ล้วนแต่สิ่งสำคัญปันประเด็น ยังคิดเห็นถูกต้องของประจำ ฯ
๏ ถึงเกาะกูฏแล่นครรไลไกลเปนหมอก จะพิศออกเหลือตาไม่น่าขำ
แล่นมาถึงเกาะกงนี่กงกำ ใครมาทำเรือแพแต่เมื่อไร
คือตาบ้องลากกงวงมันกว้าง บรรทุกช้างหนักจี๋จนขี้ไหล
ต้องทิ้งอยู่เปนเขาไม่เอาไป เปนกงใหญ่แลหลามสิ้นความเพียร
แต่เขมรเขาประสงค์กงคือเกาะ เรียกกันเพราะเขตรสมุทสุดเกษียร
เปนแว่นแคว้นฝ่ายสยามอยู่จำเนียร มีทะเบียนเขตรขั้นจันทบูร ฯ
๏ ถึงเกาะรงตรงอ่าวกระพงโสม ละลอกโครมคลื่นประดังกำบังสูรย์
มืดพยับลับฟ้ายิ่งอาดูร รุ่งจำรูญเข้าละเมาะช่องเกาะโกรง ฯ
๏ ถึงหน้าเมืองกำปอดทอดสมอ ยิงปืนพอเปนสำคัญควันโขมง
ไม่มีคนโดยสานลงกันโคลง พอรุ่งโมงเช้ากัปตันให้ครรไล
แล่นตะบึงมาถึงเกาะมันน้อย จนบ่ายคล้อยคลื่นจัดลมพัดใหญ่
คืนยังรุ่งวันยังค่ำกระหน่ำไป เรือกลไฟโคลงคลอนเหมือนนอนเปล
เพราะเที่ยวนี้มีสินค้ามาไม่มาก จึ่งลำบากคลื่นซัดอยู่ปัดเป๋
ซ้ำไม่แล่นแสนเคืองเรื่องเรือเมล์ แทบจะเทข้าหลวงให้ร่วงชล
หากเปนข้าบาทบงสุ์พระทรงเดช ไม่มีเหตุอับปางลงกลางหน
พอสองยามถึงที่เกาะมีคน แจงตำบลตามแผนให้แล่นรอ
ต้องราไฟไขจักรพักสู้คลื่น ไม่อาจขืนเข้าไปจอดทอดสมอ
เพราะช่องแคบหินขวางเหมือนอย่างตอ กลัวคลื่นยอเรือแตกกระแทกชล
พอรุ่งเช้าเข้าไปทอดกลางชะวาก ไกลแต่ฟากร้อยเส้นเห็นถนน
มีฝรั่งรักษาว่าตำบล ให้คุมคนโทษอานามอยู่สามพัน
มีตึกอยู่หมู่หนึ่งซึ่งได้เห็น ยกธงเปนฝรั่งเศสคุมเขตรขันธ์
กับนาวาเล็กน้อยลอยจรัล พยุนั้นหอบสาดขึ้นหาดทราย
เพราะคืนนี้ลมจัดปัดตะโพก เหมือนกระโหลกลอยน้ำบ้างคว่ำหงาย
แต่เรือเรารอดจมไม่ล่มตาย พ้นจากฝ่ายแอกซิแดนแสนยินดี
อันเกาะนี้รูปผงกเหมือนนกใหญ่ แปลเปนไทยคงประจักษ์ว่าปักษี
ฝรั่งเศสเรียกมาทั้งตาปี ชื่อเกาะนี้ตามกลอนลิคอนโด
สำหรับปล่อยคนผิดคิดขบถ ทรยศจับได้เหมือนใส่โหล
เอามาไว้ใช้งานทำการโต ไม่ร้อยโซ่กรวนซ่นเหมือนคนพาล
บนตลิ่งวิ่งออกไขว่ใช้คนคุก ตัวเท่าตุ๊กตาตามน่าศาล
ในเรือบตหัวออกดำนั่งทำการ มีทหารถือท้ายบันทัด
ให้ฟั่นเชือกผูกตลิ่งทิ้งออกหย่อน ได้ยาวผ่อนเรือไปไกลถนัด
อยู่กลางอ่าวแลเปนหมอกละลอกซัด ลมสบัดโต้คลื่นคืนกับวัน
มีแพโคมทอดขวางอยู่กลางอ่าว ให้รู้ด้าวแดนน้ำทางกำปั่น
ทั้งเข้าออกจะได้เห็นเปนสำคัญ ด้วยเกาะนั้นทางยากลำบากตา
เมื่อเรือไฟทอดคอยก็ลอยอยู่ ไม่มีผู้โดยสานนานหนักหนา
ก็ถอนสมอชักธงว่าคงลา ใช้จักรมาตามทางในกลางชล
ครั้นพลบค่ำน้ำละลอกกระฉอกซ่า พยับฟ้ามืดเม้นไม่เห็นหน
นอนสดุ้งพลุ่งพลั่งยิ่งกังวล ขอให้พ้นคลื่นลมที่ซมซาน
ยังไม่เหนโคมฟากปากสมุท ยิ่งไกลสุดเหลือตาอาวสาน
เหมือนอยู่ในกรงขังนั่งรำคาญ จนเห็นย่านปากอ่าวบันเทาครัน ฯ
๏ ครั้นถึงโคกคะนัดเบเวลาเช้า คือเปนอ่าวไซ่ง่อนหยุดผ่อนผัน
ยิงปืนจอดทอดสมอพอสำคัญ แต่กัปตันคุณพระได้ขึ้นไปดู
อันแหลมนี้ได้เหนเปนชะวาก คล้ายกับปากชะนางฤๅคางหมู
มีตึกกว้านบ้านฝรั่งบ้างตามภู กับที่อยู่เตลิคราฟทาบไปเมือง
บนยอดเขาปักเสาธงลงริมป้อม มีตึกย่อมสอาดตาหลังคาเหลือง
ไม่กี่ปีก็จะฟุ้งแทบรุ่งเรือง น่าเปนเมืองปากน้ำทำปราการ
เมื่อเข้าจอดทอดที่มีฝรั่ง กับญวนทั้งแหม่มอนงค์ลงโดยสาน
แล้วออกเรือใช้จักรไม่พักนาน แล่นเข้าย่านแม่น้ำเปนลำราง
มีเรือนโคมกระโจมไฟไว้ตามตื้น ถ้าค่ำคืนจุดแดงแสงสว่าง
บนฝั่งฝามาเปนแถวแนวโกงกาง ทำขาอย่างเรือนไฟปักไว้รับ
ได้พบเรืออุบลบูรทิศ ที่มากิจไซ่ง่อนแล่นย้อนกลับ
หลวงนายฤทธิ์หลวงวิชิตเปิดหมวกรับ คุณพระกับหลวงคำณวนควรยินดี
ด้วยร่วมข้าราชการมาพานพบ จึ่งนอบนบรอบรักเปนศักดิ์ศรี
แต่มิได้สนทนาหยุดพาที กำปั่นรี่เร็วจริงจนวิงตา ฯ
๏ ครั้นถึงเมืองไซ่ง่อนหย่อนสมอ เรือจ้างสอแจวก่ายทั้งซ้ายขวา
แต่คุณพระไพรัชขึ้นทัศนา เที่ยวสืบหาที่อยู่บนบุรี
แล้วลงมาชวนข้าราชกิจ ขึ้นสถิตย์โฮเตลเปนสุขี
ชื่อลูนิวแวส์แลล้วนสมควรดี ด้วยเปนที่โอชาสารพัน
ระยะทางตั้งแต่กรุงสยาม นับเรียงตามเขตรสมุทสุดกระสัน
ทั้งแล่นจอดทอดเสร็จได้เจ็ดวัน ก็พร้อมกันหมดทุกข์สุขสบาย
มีคนใช้เกาวนาให้มาเยี่ยม ดูเสงี่ยมงามเงื่อนเหมือนสหาย
ได้ไต่ถามปราไสยทั้งไพร่นาย แล้วผันผายกลับหลังไปฟังการ ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าเกาวนาจัดม้ารถ กับล่ามพจน์พูดอังกฤษสนิทหวาน
รับคุณพระไพรัชชัชวาลย์ กับตัวท่านหลวงคำณวนควรไปเยือน
ได้สนทนาปราไสยกันในกิจ เขาสุจริตอารีไม่มีเหมือน
แล้วลามาโฮเตลอยู่เปนเรือน สบายเหมือนบ้านเราแต่เช่ากัน
ทั้งเข้ากับรับประทานมันหวานเจื้อย อร่อยเรื่อยรสอะไรชอบใจฉัน
ด้วยเดชะจักรพงศพระทรงธรรม์ จึ่งได้ครรไลอยู่ลูนิวแวส์ ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าพวกไทยฝ่ายสยาม แต่งตัวงามดูละม้ายคล้ายจีนแส
มองสิเออก็ไม่ใช่ไทยก็แปร ฝรั่งแลดูไม่ออกบอกตรงๆ
พากันไปชักรูปสูบกระจก เปนที่ยกไว้ระฦกนึกประสงค์
ครั้นถึงบ้านฝรั่งช่างบรรจง ก็ชักลงเสร็จสรรพแล้วกลับมา
ครบอาทิตย์มิศมารตินช่าง เขาแต่งสร้างสวยศรีดีนักหนา
รูปใครๆเขาชัดสนัดตา แต่อาตมาแสนละเหี่ยต้องเสียเงา
เพราะเวลาที่ชักมักจะไหว น่าแค้นใจเห็นรูปซูบกว่าเขา
มาสิ้นสวยที่จะส่งให้นงเยาว์ จะพลอยเศร้าเสียเพราะรูปไม่ลูบแล ฯ
๏ ครั้นสองทุ่มเกาวนาเชิญข้าหลวง เปนกระทรวงจงเจาะตามเบาะแส
ไปนั่งโต๊ะที่วังแล้วฟังแตร อารีแท้เช้าให้ไปมิโต
ได้ขึ้นรถจักรกลทุกคนสิ้น มีญวนจีนนั่งไปก็หลายโหล
ไม่เทียมด้วยอูฐลาฤๅม้าโค มันแล่นโร่ไปบนรางทางเหล็กราว
มีสะเตช์เคหาพักห้าแห่ง เปนตึกแต่งบริบูรณโบกปูนขาว
กับตพานข้ามน้ำวัดตามยาว ประมาณราวห้าเส้นได้เห็นมา
ทั้งสองแห่งแท่งเหล็กหล่อเปนเนื้อ มีไม้เจือทำรอดสอดบ้างหนา
หนทางรถบทจรตามดอนนา วิ่งจนตาลานดีขี่สบาย
ได้พบหญิงเลดีมีในรถ ดูสวยสดยังไม่ยุบบุบถลาย
นั่งพูดจากลมเกลี้ยงเข้าเคียงชาย เปนแยบคายเต็มตัวเหมือนผัวเมีย
ฟันก็ขาวราวกับงาหน้าเหมือนหยก แต่ที่อกของน้องใส่ลองเสีย
ช่างสวมหมวกสมพักตร์ถักหางเปีย นั่งคลอเคลียพูดชะม้อยลอยลูกคาง
แต่ผู้ชายหนวดเคราราวกับยักษ์ แลดูพักตร์แดงก่ำเหมือนน้ำฝาง
จมูกโด่งโง้งงอทำข้อกาง นั่งพูดพลางออกท่ายิ่งหน้าแดง
ผู้หญิงเขาสนัดชอบผัดพักตร์ ถึงเกลียดรักใจชื้นไม่ขึ้นแสง
แต่ผู้ชายไม่อุทัจคิดดัดแปลง ปล่อยให้แดงดูเล่นหน้าเปนมัน
เห็นเขาพูดจับคู่อยู่ในเก๋ง มาหย่อนเตงแสนวิตกแต่อกฉัน
มิได้พาหน้าแฉล้มแก้มอำพัน มาด้วยกันพอเปนยศขึ้นรถไฟ
รถก็แสนแล่นจี๋เหมือนขี่สิงห์ มันช่างวิ่งไม่รู้ว่ามาถึงไหน
แต่มีหลักตามจังหวะกะเปนไมล์ เมื่อแล่นไปคอยนับไม่ลับตา
สามชั่วโมงถึงมิโตสโมสร เปนทางจรเส้นนั้นสองพันห้า
หยุดอยู่ริมฝั่งน้ำตามเวลา สิ้นมรรคาทางรถกำหนดชัด
พวกข้าหลวงเดินลงตรงมาเห็น เรซิเดนคอยรับคำนับหัดถ์
แล้วเจริญเชิญคุณพระไพรัช กับที่ถัดหลวงคำณวนควรคำนับ
ให้ไปตึกที่พักด้วยรักใคร่ แล้วจัดให้รับประทานทั้งหวานกับ
พร้อมทั้งญวนผู้ใหญ่คือนายทัพ นั่งคำนับเปนอันดีมีประมาณ
แล้วท่านองค์เลวังขุนนางสุภาพ เชิญขุนปราบชลไชยนายบรรหาร
กับตัวเราเปนสามตามนักการ ไปรับประทานโฮเตลพูดเล่นกัน
เมื่อนั่งโต๊ะสนทนาชวนปราไสย เราพุดไทยเขาพูดญวนนั่งสรวลสันต์
ไม่ถูกหูดูปากช่างยากครัน ได้สำคัญที่ขุนปราบทราบแล้วแปล
เขาสี่คนเราสามถามกันวุ่น ชุลมุนโต้เถียงเสียงออกแซ่
ท่านขุนปราบปากเดียวเหนี่ยวกันแจ ดูเต็มแย่เพราะเปนล่ามรู้คำญวน
ยังไม่ทันสิ้นความเราถามติด มือสกิดว่าอะไรคอยไต่สวน
เพราะอยากรู้ถ้อยคำตามสมควร ต้องรบกวนท่านขุนวุ่นเต็มที
พอเสร็จเลี้ยงพาไทยให้ไปบ้าน รับประทานหมากพลูสูบบุหรี่
เหมือนหนึ่งชอบกันมาสักห้าปี ดูอารีต้อนรับคำนับไทย
แล้วเขาเชิญมารดามาให้พบ ได้นอบนบตามฉันท่านผู้ใหญ่
อยู่บ้านตึกเหมือนเจ้าสัวไม่กลัวใคร ถือเพทไสยคฤศเตพระเยซู
อันเมืองนี้ไม่สู้ใหญ่เดินได้จบ ชาวยุรปมีบ้างมาตั้งอยู่
ถนนปราบราบตาทำน่าดู สองฟากผลูปลูกมะพร้าวราวระเนน
มีเรือเมล์มาจอดทอดเทียบท่า ใส่สินค้าขึ้นไปขายฝ่ายเขมร
แล่นวันหนึ่งถึงนิคมพนมเพญ ด้วยทางเปนแม่น้ำตามสบาย
ครั้นยามเย็นถึงบทกำหนดกลับ ต่างคำนับลากันแล้วผันผาย
ขึ้นรถรีบเร็วจริงทั้งหญิงชาย แสนสบายมาในรถบทจร
ครั้นเวลาย่ำค่ำถึงสำนัก อยู่ที่พักอาไศรยเมืองไซ่ง่อน
สุขสบายพร้อมหน้าไม่อาวรณ์ ครั้นทินกรรุ่งอุไทยไปชะลัน
ทางรถไฟนั้นน้อยร้อยเส้นกว่า แล่นสิบห้ามินิตคิดถึงนั่น
ได้ชมบ้านร้านตลาดสอาดครัน แต่จีนนั้นมีดื่นแปดหมื่นคน
เปนเมืองเล็กแต่เจ๊กดูแทบล้วน มากกว่าญวนอยู่หลามตามถนน
ตั้งตึกใหญ่ขายสินค้าไม่น่าจน มีผู้คนซื้อขอต่อราคา
แต่เมืองนี้มีญวนนักเลงได้ มันเล่นไม้สามอันยืนคันขา
แต่สังเกตเห็นสกนธ์เปนคนยา คอยสอดตาแลโปลิศทุกทิศทาง
ได้เที่ยวดูอยู่สองชั่วโมงเศษ จึ่งจำเหตุได้ชัดไม่ขัดขวาง
แล้วกลับมาไซ่ง่อนเหมือนก่อนปาง เปนที่ทางสำหรับเคยหลับนอน
คืนวันหนึ่งคุณพระสละทรัพย์ เชิญแม่ทัพเมืองมิโตสโมสร
ชื่อท่านเต็งบาลกเคยยกนิกร ฐานันดรปับลิกันได้ชั้นตรา
สำหรับปราบเขมรญวนชวนขบถ จนมียศส่งอำนาจวาสนา
นับถือพระเยซูรู้ตำรา จนเบื่อฆ่าคนญวนที่ลวนลาม
มานั่งโต๊ะโฮเตลเปนคำนับ เขาก็รับรักใคร่ฝ่ายสยาม
ได้สนทนาปราไสยเปนใจความ อารีตามเต็มใจในดิเนอ
พอเสร็จเลี้ยงลาลับคำนับน้อม ต่างพรักพร้อมยินดีไม่มีเสมอ
ดูเอื้อเฟื้อรักกันสมันเกลอ เสร็จดิเนอโภชนาก็ลาไป
คืนวันนั้นได้ดูลครเล่น เพราะจำเปนเดินพบสบไสมย
เขาดูล้นคนฝรั่งช่างเปนไร เราก็ใส่เสื้อกางเกงไม่เกรงกัน
ซื้อติเก็ตเสร็จนั่งยังเก้าอี้ ดูเปนที่ขวยเขินเหมือนเชิญฉัน
ต้องเสียเงินให้เปนค่านัยตามัน แต่พอกันหาวนอนสัญจรมา
ฝรั่งตบมือสนั่นออกลั่นห้อง แต่เรามองไม่เห็นเปนภาษา
เหมือนดูหนังยังรุ่งพระสุริยา ไม่ทราบว่าลักษมณ์รามสิ้นความคิด
พวกฝรั่งหัวร่อเราก็เฉย ประเดี๋ยวเลยเลิกพักชักม่านปิด
อันลครโรงนี้มีชนิด มาสถิตย์ให้เล่นเปนสัญญา
ในหกเดือนคอเวอนเมนต์ต้องเซ็นรับ เรียกว่าซับซิดีพอมีหน้า
เสียเงินให้ลครซ้อนราคา สองร้อยห้าสิบชั่งกำลังสบาย ฯ
๏ อยู่วันหนึ่งเรือเมล์ฝรั่งเศส ที่ประเวศส่งกำลังเครื่องทั้งหลาย
สำหรับยุทธอุดหนุนการวุ่นวาย มาจอดท้ายเมืองเรียบเทียบตพาน
เราได้ลงไปดูจึ่งรู้เห็น ยาวสามเส้นคล้ายแผ่นดินถิ่นสถาน
ทั้งขัดถูดูดีไม่มีปาน สอาดสอ้านแลไหนใสเปนเงา
กว้างหกวาดาษฟ้ามีสองชั้น ปล่องสองอันงดงามทำสามเสา
มีคอกขังเป็ดไก่อ้ายตะเภา แพะแกะเอาไว้ออกยั้วข้างหัวเรือ
ทั้งคอกโคลูกอ่อนนอนกินหญ้า สำหรับฆ่าแล่ชิ้นกินเหมือนเสือ
แต่หนังพับผึ่งไว้ใช้เปนเบือ ที่กลางเรือมีหีบเพลงบันเลงลม
สำหรับผู้โดยสารรำคาญเข็ญ มีห้องเต้นรำสนุกแก้ทุกข์ถม
ดาษฟ้าล่างทางสอาดลาดด้วยพรม ปลูกต้นส้มไว้ต่างๆกระถางลาย
มีโต๊ะตั้งระหว่างห้องเฟิศคลาก งดงามมากเหมือนตึกพิฦกหลาย
จุดไฟทุกห้องส่องสบาย ทั้งที่ถ่ายทุกข์อาบน้ำตามทั้งนั้น
เขาปล่อยให้ชมเล่นเปนสง่า เหลือปัญญาที่จะร่ำทำขยัน
เห็นยี่ปุ่นดรุณีศรีลูกจันทน์ สบเนตรกันในห้องท้องนาวา
ช่างขาวนวนควรถนอมหน้าแฉล้ม แต่งเหมือนแหม่มเหมาะงามตามภาษา
เขาเลื่องฦๅชื่อเจ้าดังยังสีดา พึงได้มาเห็นนุชเมื่อสุดจน
ถ้าแม้นได้ไว้ประโลมโฉมยี่ปุ่น แต่พออุ่นที่มาเห็นเปนกุศล
แต่แปลกชนิดผิดชาติประหลาดคน เหมือนเดินหนกินน้ำค้างต่างน้ำเคย
ไม่เหมือนแหม่มของเราชาวสยาม ชะอ้อนตามร่วมเตียงเคียงเขนย
เห็นคนอื่นก็ไม่ชื่นเหมือนคนเคย โอ้อกเอ๋ยนึกขึ้นมายิ่งอาวรณ์
ครั้นมาถึงโฮเต็ลไม่เปนสุข ก็เลยทุกข์พาลคนึงถึงสมร
เพราะไปยลคนยี่ปุ่นเปนทุนรอน แล้วนั่งนอนล่องเวลาก็ซาไป ฯ
๏ อยู่วันหนึ่งจึ่งเดินเที่ยวซื้อของ ยืนจดจ้องอยู่ไม่กล้าจะปราไสย
ล้วนฝรั่งตั้งห้างไม่อย่างไทย ถ้าชอบใจหยิบดูไม่รู้ราคา
แม้นมีญวนจีนลูกจ้างค่อยยังชั่ว ได้รอดตัวที่ขุนปราบทราบภาษา
ซื้อกันได้ไม่ขัดอัธยา แต่ราคามักจะแพงเรี่ยวแรงครัน
ชื่อถนนบูละวาน่าประพาส เขาแผ้วกวาดไม่รังเกียจคิดเดียดฉันท์
มีน้ำรดชุ่มไปไม่เปนควัน เหมือนวัสสันตฤดูบูละวา
ที่หน้าห้างหว่างถนนคนเดินเลียบ ปูอิฐเรียบฝนไม่ขังเหมือนฝั่งฝา
แต่รถนั้นเดินกลางหว่างมรรคา ปลูกพฤกษาเรียงรื่นครึกครื้นดี
มีตึกรามงามคล้ายกรุงปารีศ ที่เขาขีดเขียนถ่ายระบายสี
แล้วแยกตรอกออกไปหลายในบุรี น่ายินดีเดินแลพอแก้ทุกข์
ถึงถนนทางไกลชายป่าสวน เปนดินร่วนปนทรายไม่สนุก
กุลีกวาดลาดถมกระลมพุก ทุบไปทุกทางให้รถบทจร
มีถนนนามท้าวเจ้าเขมร ตั้งชื่อเปนนโรดมสมอักษร
ที่ไปวังเกาวนาอยู่ถาวร เจ้านครสิทธิ์ขาดราชการ
มีประตูเหล็กงามอยู่สามช่อง แล้วมีห้องยามสำหรับกับทหาร
ถนนเดินสองข้างกลางเปนลาน ปลูกพุดตานยี่สุ่นไม้หลายชนิด
บนตึกโตระโหฐานสำราญเรี่ยม ปูพรมเจียมอย่างดีสีวิจิตร
ทั้งโต๊ะฉากโคมระย้าชวลิต ของอังกฤษยี่ปุ่นแซมตั้งแกมกัน
ที่หลังวังร่มรื่นเปนพื้นสวน ตามกระบวรแบบฝรั่งเขารังสรรค์
ทำสระสีมีชุดบุษบัน บนขอบคันที่เปนวงทำโรงแตร
ถึงวันศุกรสนุกสนานชาวบ้านช่อง มาเที่ยวท่องเดินกรอประจ๋อประแจ๋
รถเข้าได้ในประตูดูเปนแพ มาฟังแตรตามสบายคลายกังวล
รวมสถานเกาวนาราคาตั้ง แปดพันชั่งที่บุรณะสละผล
จึงได้งามตามทรัพย์สำหรับตน ไม่กลัวจนสร้างอยู่ดูสำราญ
อันชื่อท่านเกาวนาสมญาเสนอ มองซิเออคองสตอนพูดอ่อนหวาน
ทั้งโกชินไชนาสาธุการ บังคับค้านสิทธิ์ขาดราษฎร
ในเมืองนี้มีเรศเตอรองรับ เปนห้องหับตึกโตสโมสร
สำหรับขายเล่ายาอยู่ถาวร ในนครมีกว่าห้าสิบโรง
คนฝรั่งนั่งกินวันละหลาย ที่เมามายพูดเล่นเปนโขยง
แต่ไม่ริวิวาทเหมือนชาติโกง ที่โอ่โถงบ้างก็มีกิริยา
ถ้ายามเย็นนายห้างทั้งเศรษฐี ล้วนผู้ดีมียศขึ้นรถา
เรียกชื่ออินสะเปกเช่นเปนเวลา เที่ยวตรวจตรารอบบุรีที่สบาย
มีโรงหมอรักษายายุรป ทั้งเครื่องครบทำได้เหมือนใจหมาย
เปนบ้านช่องขบขันพรรณราย มีตึกหลายหลังสำหรับกับนคร
กับโรงแพทย์รักษาธารณะ เขาไม่กะคนเจ็บเหมือนเก็บขนอน
มีห้องหับเตียงตั้งให้นั่งนอน ราษฎรมารักษาพยาบาล ฯ
๏ ตลาดจีนอยู่ฝ่ายท้ายเมืองหน่อย เขาไม่ปล่อยเกลื่อนกลาดให้อาจหาญ
ผู้คนคึกตึกใหญ่ขายชามจาน แลดูร้านเรียงสลับเหมือนตับพลุ
มีพวกแขกแปลกมาเที่ยวค้าขาย แต่เรียงรายร้านดูไม่สู้จุ
ขายกล้องยาผ้าไหมเทียนไขคุ แต่พอจุกำลังตั้งหากิน
สงสารญวนพลเมืองเรื่องค้าขาย น่าเสียดายมีปัญญาไม่หาสิน
ขายแต่ของทรามราคาเปนอาจิณ มีเครื่องกินเปรี้ยวเคมแต่เต็มกลืน
มีตลาดขายปลาอยู่ห้าหลัง เอาแผงตั้งเรียงกันสักพันผืน
เปนตึกดินใหญ่โล่งเท่าโรงปืน น่าครึกครื้นเดินเล่นไม่เหม็นคาว
เพราะมีตรอกซอกน้ำล่ามมาถึง ไม่เปรอะปรึงล้างราดสอาดขาว
แต่กลางกันนั้นวายขายหมดคราว คนเกรียวกราวแต่สว่างจนกลางเพล
เวลาค่ำตามถนนทุกหนแห่ง ตะเกียงแดงดูดีดังสีเสน
ทั้งร้านฝรั่งห้างโตตึกโฮเตล ไม่ว่างเว้นโคมสว่างเหมือนกลางวัน
เพราะชาวร้านทำงานกลางคืนด้วย น่าจะรวยเปนเศรษฐีที่ขยัน
เหมือนเห็นได้ไม่อุส่าห์หาไม่ทัน จึงต้องหมั่นทำกินเปนถิ่นดี ฯ
๏ ที่หน้าเมืองมีรูปแม่ทัพทหาร นามขนานริโกชกาจดังราชสีห์
เอาเหล็กหล่อไว้ให้เห็นพอเปนที ตามฐานมีรูปพลรณณรงค์
ท่านผู้นี้คือตีไซ่ง่อนได้ จึงทำไว้รฦกตามความประสงค์
จะได้ฦๅชื่อเสียงสำเนียงคง ให้ยรรยงอยู่กับริปับลิก
ดีไม่สูญพูลเพิ่มเฉลิมญาติ ใครทำราชการได้มีไชยอิก
คงกระเดื่องเนื่องสุขไปทุกวิก ยศไม่พลิกยิ่งเจริญเกินนิรันดร์
ที่ในลำคงคาหน้าไซ่ง่อน มีเมล์จรค้าขายหลายกำปั่น
ทั้งเรือไฟใหญ่น้อยลอยจรัล หมดด้วยกันสามสิบหยิบประมาณ
อิกเรือรบสองสามลำประจำท่า ไม่ยาวกว่าเส้นดีมีทหาร
บนเสาใส่ฮอศกิ๊ดติดปราการ สำหรับราญรบตัดดัสกร
ทั้งสองเสาเค้าเหมือนฝนแสนห่า พื้นหลังคาเหล็กล้วนญวนขยอน
สัณฐานเท่ากับวงกระด้งมอญ เมื่อปีก่อนรบตังเกี๋ยเสียบุรี
มีทั้งอู่ทำเผื่อให้เรือเข้า สำหรับเช่าเยียวยาแล้วทาสี
ยังอิกอู่ทำขันขยันดี จนเกือบปียังไม่เสร็จสำเร็จการ
กำปั่นตามนคราที่ว่าใหญ่ มาเข้าได้ทั้งลำทำวิดถาร
เหมือนเรือโล้เหล็กแทนแผ่นกระดาน ทำท่าธารสูบได้อย่างใจจง ฯ
๏ อันไซ่ง่อนนครญวนสมควรเหตุ ฝรั่งเศสเอาเปนของต้องประสงค์
แต่ก่อนนี้ภาราเหมือนป่าดง ไม่มั่นคงปกครองเปนของญวน
เมื่อเสียกับฝรั่งเศสตามเหตุผล จึ่งได้ปรนปรือปรุงบำรุงสงวน
ยี่สิบปีกว่าเท่านั้นปันจำนวน เดี๋ยวนี้ล้วนตึกรามงามวิไลย
เปนกอลอนีของฝรั่งไม่อย่างเก่า บังคับเชาอานามตามวิไสย
พื้นบ้านเมืองนี้ดูไม่สู้ไกล กว้างยาวไมล์ครึ่งวัดตามอัตรา ฯ
๏ ฝ่ายพวกข้าฝ่าธุลีบดีสูรย์ ก็เพิ่มพูลหยุดพักนานนักหนา
นับวันได้สิบสามตามเวลา ครบทั้งห้านายสุขสนุกสบาย
แล้วคุณพระไพรัชนัดคำนับ ไปพบกันเกาวนาลาถวาย
ด้วยจะขึ้นตังเกี๋ยคิดเสียดาย ขอผันผายจากเจ้าเกาวนา
เขาแสดงน้ำใจว่าไปนี้ คงไม่มีขัดขวางอย่ากังขา
ต้องสำเร็จราชกิจที่คิดมา ตามเวลารับรองข้างต้องกิน
แล้วมาลงเรือเมล์ฝรั่งเศส เดินถึงเขตรไฮฟองท้องกระสินธุ
พอรุ่งออกนาวาจากธานินทร์ แสนถวิลถึงที่อยู่ลูนิวแวส์
สบายดีมีสง่าเปนข้าบาท มาจากอาสน์ลอยล่องท้องกระแส
ทั้งฟูกเมาะเบาะหมอนที่นอนแพร เขาดูแลจัดบ๋อยคอยประจำ
เรือจะเรตเจ็ดชั่วโมงออกปากอ่าว ลลอกขาวน้ำเขียวเปนเกลียวสำ
แล่นเลียบฝั่งข้างโขดสันโดษลำ เสียงจักรจ้ำน้ำนองฟองกระจาย ฯ
๏ คืนกับวันบัลลุถึงเขตรแขวง เรียกเนียแตรงทอดสมอก็พอสาย
แต่ญวนเรียกถั่นว่าน่าสบาย ภูเขารายช่องทางเหมือนอ่างปลา
ประเดี๋ยวมีฝรั่งนั่งเรือบต แล่นเลี้ยวลดลอยป่องออกช่องผา
มาโดยสานขึ้นเมล์ตามเวลา ไม่รอท่าแล้วกัปตันให้ครรไล
แล่นมาตามคงคาสาคเรศ มีแต่เขตรเหล่าละเมาะเกาะไศล
ไม่เห็นมีบ้านช่องของผู้ใด ล้วนแต่ไพรพฤกษาเปนอาเกียรณ์ ฯ
๏ ครั้นถึงสุวันไดพอบ่ายคล้อย ญวนผู้น้อยเรียกจำเพาะเกาะภูเอี๋ยน
บนยอดเขาแลลาดสอาดเตียน เขาตั้งเพียรทำได้ทั้งไร่นา
ราวกับเรื่องบุราณนิทานเด็ก ฉันเล็กเล็กจำได้ไม่มุสา
ตบมือก้องร้องสบายยายกะตา แกทำนาบนเขาเย้าคนฟัง
พอค่อนคืนถอนสมอไม่รอรุ่ง ก็แล่นมุ่งมาทีเดียวไม่เหลียวหลัง
ทั้งคลื่นลมมิได้หยุดสุดกำลัง หวาดระวังอยากจะไปถึงไฮฟอง
เห็นฉลามตามเรือมันเหลือร้าย มาแหวกว่ายตำมุดผุดผยอง
ปลาฉนากจากคู่ดูลำพอง เที่ยวขึ้นล่องเล่นคลื่นฝืนชลา
เห็นเอียวเซียวเลี้ยวหลีกพยุนโลด ว่ายกระโดดดำหนีทีถลา
บ้างก็มุดผลุดโผล่พบโลมา ก็จมสาครเร้นไม่เห็นตัว
เจ้าปลาสากรูปละม้ายคล้ายกับสาก แลดูปากฤๅออกขาวยาวกว่าหัว
ลอยเปนหมู่ดูขันว่ายพันพัว แต่เนื้อตัวน่าชังตังกะตอย
เจ้าปลาหมอรอฝูงพยุงลูก แต่พอถูกคลื่นขยับก็กลับถอย
แลเห็นปลาโทงแทงขึ้นแซงลอย ดูจะงอยปากยาวราวกับทวน
แม้นตกใจว่ายปรูดพุ่งฉูดฉาด ไม่คัดวาดตรงใส่เหมือนไม้สวน
ถ้าปลาอื่นไม่หนีซี่โครงรวน ถูกอ้ายทวนปากแขงมันแทงตาย
พวกชาวโป๊ะปะโมงเบ็ดเข็ดขยาด จนไม่อาจออกชื่อเลื่องฦๅหลาย
สำหรับแช่งสาปกันอันตราย ออกชื่ออ้ายโทงแทงแรงกว่ามนต์
ครั้นสูญสิ้นทินกรลงนอนตรึก อนาถนึกหนาวเย็นทุกเส้นขน
ทั้งคิดถึงครอบครัวของตัวตน แต่สู้ทนกัดฟันค่อยบันเทา
ด้วยยังไม่เสร็จมาดราชกิจ จะต้องคิดมานะบ้างเหมือนอย่างเขา
จะเปนสิ่งดีชั่วก็ตัวเรา ต้องดึงเดาดั้นดงเข้าพงพี ฯ
๏ ครั้นถึงถิ่นควินนอนพอตอนเช้า มีแต่เขาโขดเขินเนินวิถี
ญวนเขาเรียกบิ้นดิ่นถิ่นคิรี เข้าจอดที่ในนั้นตามสัญญา
มีเรือจ้างมากมายที่ในน้ำ แจกประจำเกาะกำปั่นด้วยหรรษา
เปนคนญวนล้วนหลายทั้งยายตา อนาถาลงประจำลำละครัว
เมืองเหล่านี้ดีเหลือใช้เรือสาาน ฤๅกันดารยากไร้น่าใคร่หัว
ล้วนไม้ไผ่ไม่พังแผ่นทั้งตัว บรรทุกวัวควายได้ในทเล
มีทั้งเรือเล็กใหญ่สานลายสอง ยาที่ท้องข้างในทำไพล่เผล
เอาขึ้นบกยกครอบหัวตัวไม่เซ ลงทเลนั่งพายได้หลายคน
ครั้นเวลาทุ่มจรถอนสมอ เปิดหลอดหวอแล่นคว้างมากลางหน
มืดพยับลับฟ้าทั่วสากล ในกลางชลคลื่นลมเสียงโครมคราม
เรือโขยดโดดเหยงโงงเงงหงาย ที่เมามายนอนซบสลบหลาม
ทั้งเข้าปลาพากันเหมนไม่เห็นชาม เดินงุ่มง่ามเงอะงะศีร์ษะเวียน
นอนคุดคู้อยู่ในห้องท้องกำปั่น จะให้มันหายมึนที่คลื่นเหียน
คนอื่นเขาหลับไหลกันได้เตียน เราต้องเวียนขึ้นดาษฟ้าทาระกำ
พอรุ่งโรจโชตนานภาขาว แลเห็นอ่าวเกาะขวางเมืองกวางหนำ
ฝรั่งเรียกตุเรนประเดนคำ ก็หยั่งน้ำเรียบเลาะเข้าเกาะกง ฯ
๏ ถึงกลางอ่าวเป่าหลอดทอดสมอ เพราะจะรอถ่ายของต้องประสงค์
เปิดระวางกางบาญชีให้คลี่ธง ของขึ้นลงเสียงรอกออกระเบง
มีเกาะเล็กเกิดขวางอยู่กลางอ่าว ก่อตึกขาวคนฝรั่งนั่งในเก๋ง
ทั้งเรือบตกลไฟที่ใช้เอง ผู้คนเซงแซ่เกาะละเมาะลอย
กับเรือรบสามลำประจำจอด สำหรับทอดระวังไว้ได้ใช้สอย
กำปั่นญวนเสาคอดทอดตองตอย ไม่ใช้สอยยังแต่ก่อนเกือบนอนโคลน
ที่บนบกชายผาตรงหน้าเขา มีศาลเจ้าเกรงโกรงเท่าโรงโขน
กิ่งไม้ปกปิดศาลดังบ้านโจร ฝรั่งไม่โยนเครื่องเส้นเหมือนเช่นญวน
อ่าวตุเรนนี้เปนเหมือนเมืองท่า รับสินค้าขึ้นเว้ไม่เหหวน
มีบ้านช่องกร่องกร๋อยน้อยจำนวน แต่พวกญวนในสำนักนั้นมักจน
ทั้งแร่ถ่านที่ดีก็มีมาก ญวนไม่อยากให้ฝรั่งมาตั้งขน
เพราะยังเปนเจ้าของท้องตำบล สู้อดทนหวงไว้ใต้แผ่นดิน
เมื่อไรจะเปนประโยชน์โภชนา มีสินค้าไม่รู้ทำนั่งจำศิล
แขงแต่ใจได้ยศสู้อดกิน เพราะถือถิ่นที่เกิดกำเนิดญวน
แต่ไม่รู้ดูกำลังชั่งน้ำหนัก ว่ายศศักดิ์ฤๅอำนาจจะขาดด้วน
เมื่อคบคนเจ้าปัญญาเข้ามากวน ต้องชักชวนชาวนครให้ผ่อนปรน
แต่เดี๋ยวนี้ก็ขยับจะคับแคบ เหมือนเจ็บแสบอยู่ในกายทุกปลายขน
หย่อนอำนาจวาสนาว่าตำบล ต้องแบ่งผลยอมให้ไว้อาชา
เมื่อทำศึกคึกสู้ฝรั่งเศส ปัติเหตุเห็นผิดกับมิจฉา
เสียหหารลูกดินสิ้นปัญญา ยกภาราให้ฝรั่งมาตั้งครอง
ได้ทราบข่าวว่าเจ้าแผ่นดินเว้ เสด็จเกร่ไม่เอาเปนเจ้าของ
ละบุรีหนีสมบัติขัดทำนอง ไม่อยากครองที่รับด้วยคับใจ
เสียดายหนอเมืองเว้เคหสถาน ไม่ได้พานพบเห็นเปนไฉน
ด้วยจะต้องรีบร้อนสัญจรไกล ยังจะไปต่อเว้หลายเวลา
พอสองยามกัปตันให้ขันสมอ แล่นชะลอเลียบเกาะละเมาะผา
ถึงทเลลึกทางกลางชลา ใช้จักรมาจนแจ้งแสงหิรัญ
ไม่หยุดพักจักรพุ้ยตะลุยคลื่น แลทมื่นล้วนคิรีเปนศรีสรร
ที่สูงเยี่ยมเทียมเมฆอเนกอนันต์ แลเปนควันสุดเนตรเขตรอานำ
ถึงสองวันสองคืนคลื่นก็เงียบ ทเลเรียบแล่นเลาะเกาะไหหลำ
แต่ยังไกลเทียมหมอกดูออกดำ ข้ามปากน้ำตังเกี๋ยไม่เสียแรง
ครั้นจวนสางรางตาท้องฟ้าใส เห็นเรือนไฟริบหรี่มีแต่แสง
ทราบว่าถึงปากน้ำที่สำแดง ให้รู้แจ้งว่าอ่าวเข้าไฮฟอง
พอสว่างแลล้วนสวนสลา ขึ้นเปนป่ารอบบุรีมีเจ้าของ
มีป้อมดินเปนหลักยักทำนอง ฝรั่งครองครอบงำแต่ลำพัง
ฟากข้างขวาแลเห็นแต่เลนตื้น ไม่ครึกครื้นราบแม้นกับแผ่นหนัง
ดูไกลลิบมีเขาราวกับวัง บ้านสพรั่งตึกรามอยู่ตามบาง
ถึงไฮฟองเข้าจอดทอดสมอ เวลาพอสุริฉายขึ้นสายสาง
แต่ไซ่ง่อนจรเมล์ทเลทาง ก็พอย่างนับยกได้หกวัน
เมื่อเรือพักมีพนักงานฝรั่ง ลงมายังฮานอยคอยพวกฉัน
ตามคำสั่งเรซิเดนเปนสำคัญ ดูคมสันให้มารับคำนับแทน
ชื่อเซนเยมลุดเตอแนนต์แขวนกระบี่ เสื้อยันต์มียศตั้งบั้งที่แขน
กับล่ามพูดช่างแผดชื่อแบตแวล เยนตะละแมนต์ทั้งคู่เชื้อผู้ดี
มาคำนับรับรองพวกข้าหลวง ตามกระทรวงกำหนดบทวิถี
แล้วแจ้งความขอบใจตามไมตรี ว่าเขานี้จะพาไปฮานอย
แต่เห็นว่าข้าหลวงลำบากเหลือ มาในเรือบอบนักดูพักตร์จ๋อย
ให้ยั้งเสียพอบันเทาเขาจะคอย ต่างรับถ้อยตามบทกำหนดวัน
แล้วคุณพระไพรัชพิพัฒน์ภาพ ไม่จ้วงจาบมุ่งหมายจึ่งผายผัน
ทั้งคุณหลวงคำณวนควรจรัล ขึ้นตูคัลเยี่ยมท้าวเกาวนา
ชื่อมองซิเออคับเปเซมเหศร เขาก็ต้อนรับอารีดีนักหนา
ได้พบพูดสมคะเนกับเวลา ตามอัชฌานอบน้อมด้วยพร้อมใจ
แล้วเลยเยี่ยมเยเนราลว่าการทัพ เขาก็รับโดยสนิทพิสมัย
สมกับยศข้าหลวงกระทรวงไทย ดูเต็มใจโอบอ้อมพร้อมอินทรีย์
แล้วหยิบแผนนครังเมืองตังเกี๋ย เหมือนสั่งเสียชี้แจงตำแหน่งที่
มาให้ดูรู้พอจรลี กับวิถีจะขึ้นมาเมืองฮานอย
ท่านข้าหลวงทราบตามเนื้อความชัด แจ้งระหัสเต็มสุนทรอักษรฝอย
แล้วก็ลามาลงกำปั่นลอย ดูเรียบร้อยนอนเรือเหลือสบาย
แต่ต้องกินโฮเตลของกวางตุ้ง มีเนื้อกุ้งปลาผักยักกระสาย
ด้วยกับเข้าชาวยุโรปกระทบกาย ทั้งสี่นายเบื่อท้องจึ่งลองจีน
คุณพระนั้นกัปตันเขาต้อนรับ ขอคำนับเวลาพักเปนศักดิ์ศิล
ให้นั่งโต๊ะตามเวลาเปนอาจิณ จนเสร็จสิ้นเชิญกันถึงวันลา
แล้วได้ขึ้นเดินดูบนบุรี ตำบลที่ทำเลแลเคหา
ตึกเปนแถวแนวฝั่งสพรั่งตา ดูหลังคาขาวลออพึ่งก่อทำ
มีโฮเตลโรงหมอก่อเปนแถว แต่พึ่งแล้วดูยังกำลังขำ
ตึกตลาดรายทางห้างประจำ มีของชำเสื้อผ้าสารพรรณ
พื้นแผ่นดินลุ่มดอนสัญจรยาก จ้างคนถากถมล้วนญวนขยัน
ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่เปนรายวัน แต่พอทันซื้อกินสิ้นปัญญา
พลเมืองบอบบางเปนอย่างไพร่ ไม่สดใสแสนขัดสหัสสา
เพราะบุรีย่อยยับอัปรา ในสี่ห้าปีปลายทำลายญวน
ฝรั่งเปนผู้จัดสนัดแต่ง คิดซ่อมแปลงตามใจไม่ไต่สวน
แต่ต้องหว่านทรัพย์ทำจึ่งน้ำนวน แปลงกระบวนแบบเก่าชาวนคร
เด็กประจำเรือจ้างได้สังเกต พูดฝรั่งเศสคล่องไม่ต้องสอน
ที่คอยรับไปมานาวาจร ยืนสลอนตามตลิ่งวิ่งออกพรู
เห็นคนไทยใส่กางเกงแกมเสื้อหมวก นึกว่าพวกฝรั่งชั่งอดสู
มาพูดจาเรียกร้องแล้วจ้องดู แต่ไม่รู้ภาษากันว่าอันใด
มีหอคอยลอยลิ่วอยู่ริมฝั่ง แล้วก็ตั้งข้ามแม่น้ำตามไศล
วางจังหวะกะห่างหนทางไกล สำหรับใช้สังเกตบอกเหตุการ
กลางวันเอากระจกส่องมองแต่แสง ก็รู้แจ้งเหมือนได้รับฉบับสาร
กลางคืนใช้แสงอัคคีมีประมาณ ดูวิดถารชื่อซิกแนนแดนสัญญา
ในลำน้ำหน้าบุรีมีเรือรบ ประจำครบเครื่องทหารการรักษา
มีทั้งปืนฮอศกิ๊ดติดนาวา ทอดอยู่กว่าสิบลำประจำซอง
กับเรือเมล์ไปมาเที่ยวค้าขาย สำหรับถ่ายรับเช่าส่งเข้าของ
มีสามลำตามชะไลหน้าไฮฟอง ทั้งขึ้นล่องสติมลอนจรนที ฯ
๏ อยู่ไฮฟองสองวันตามกำหนด พร้อมกันหมดอิ่มเอมเกษมศรี
กับฝรั่งสองนายใจอารี นำวิถีพวกไทยไปฮานอย
มาขึ้นเมล์ฟิกนิกอิกลำหนึ่ง เช้าโมงกึ่งถอนสมอไม่รอถอย
ใช้จักรเดินตามลำน้ำซองคอย ฤๅอิกถ้อยเรียกว่าลำแม่น้ำแดง
มันคดเคี้ยวเลี้ยวงอเหมือนคอกล้อง มีแต่ท้องนาลุ่มชุ่มระแหง
ทำนาได้ทั้งปีมิเสียแรง ไยจึ่งแพงถังละเหรียญแทบเจียนตาย
เด็กเด็กเดินแก้ผ้าอนาโถ ต้องซูโลมือพนมวิ่งก้มหงาย
เคยได้เซ็นเห็นกำปั่นขอทานดาย บ้างเลี้ยงควายก็ต้องทิ้งวิ่งทะยาน
ถ้าโยนอัฐทองแดงแย่งกันกลุ่ม เที่ยวแหวกพุ่มรกหาน่าสงสาร
ปากก็ร้องมองตกายแม้นได้การ ตลีตลานวิ่งตามหลามคันนา
กว่าจะได้แต่ละเซ็นเหมือนเขนขอน ไส้กระฉ่อนแทบชีวังจะสังขาร์
เอามือตบปากท้องของอาตมา ที่เมื่อยขานั่งจ๋อลงก็มี
เรือก็แล่นเดินตามแม่น้ำน้อย ไม่ตะบอยหยุดพักเปิดจักรจี๋
โคลนพอครือท้องมาในวารี บ้านช่องมีเปนระยะออกระทาง
ผ่านแม่น้ำตามสบายไปหลายแห่ง ค่อยชื่นแฉ่งศรีหน้าเหมือนทาฝาง
ไม่คลื่นเหียนเวียนหัวกลัวอับปาง มืดนภางค์เรือจรนอนสบาย ฯ
๏ ครั้นสี่ทุ่มถึงฮานอยค่อยสว่าง หนาวน้ำค้างห่มผ้าไม่น่าหาย
เย็นเปนเหน็บเนื้อหนังทั่วทั้งกาย จนสางสายรุ่งรางสว่างวัน
พนักงานสองนายชายฝรั่ง ก็พร้อมพรั่งแต่งกายจะผายผัน
นำข้าหลวงพวกไทยขึ้นไปพลัน ให้อยู่ชั้นตึกหอคอเวอนเมนต์
ที่สำหรับรับแขกมาแปลกบ้าน สอาดสอ้านแสนสุขไม่ขุกเข็ญ
แล้วว่าท่านแบรเยเรซิเดน จัดให้เปนที่พักกว่าจักไป
แต่ที่จะรับประทานอาหารนั้น จงผายผันทุกเวลาอัชฌาไศรย
ให้นั่งโต๊ะแคฟเฟทำเลไกล จะเรียกให้หมดแอลเด็กแซนดา
แล้วคุณพระไพรัชพิพัฒน์ภาพ ไม่จ้วงจาบตามบทซึ่งยศถา
ไปเยี่ยมที่สองเจ้าเกาวนา นามสมญาแบรเยเรซิเดน
เขาต้อนรับจับหัดถ์จัดเก้าอี้ ด้วยยินดีได้ประสบมาพบเห็น
แล้วไต่ถามความลำบากที่ยากเย็น ฤๅว่าเปนสุขทั่วทุกตัวนาย
มองซิเออแบตแวลผู้แก่นล่าม พูดมาตามอังกฤษสนิทหลาย
ให้คุณพระทราบชัดอธิบาย ดูแยบคายเต็มตามความอัชฌา
แล้วว่าการเลี้ยงรักษาพวกข้าหลวง ตกกระทรวงคอเวอนเมนต์เปนผู้หา
ทั้งรับส่งคงจัดเปนอัตรา ตามทางข้าหลวงไทยเปนไมตรี
อิกบ้านช่องเกาวนาเวลาไหน จงมาไปตามสนุกเปนสุขี
อนุญาตขาดเหลือเผื่อทวี อย่าได้มีความแหนงระแวงใคร
ทั้งรถม้าสารพัดจัดสำหรับ ให้ขี่ขับตามภาษาอัชฌาไศรย
คุณพระท่านจึ่งตอบว่าขอบใจ ที่มาได้รับรองกว่าต้องการ
แล้วลามาที่พักสำนักตึก ต่างคนนึกปรีเปรมเกษมสานต์
ครั้นสิ้นแสงส่องหลักจักรวาฬ อยู่สำราญห้องหับไม่คับกาย
พอรุ่งเช้าเกาวนามาเยี่ยมตอบ ตามระบอบราชกิจสนิทหลาย
ดูเอื้อเฟื้อโอบอ้อมน้อมทุกนาย แล้วผันผายกลับบ้านสถานตน
เมื่อพวกไทยไปโฮเตลก็เปนยศ ได้ขึ้นรถเทียมคนบนถนน
ฝรั่งเรียกปู๊สปูดพูดพิกล คือเหมือนคนเรียกวิฬามาเปนนาม
น่าสงสารญวนคนพลไพร่ ดูเหมือนไม่เหนื่อยเหน็จคิดเข็ดขาม
กับคนท้ายคอยจุนวิ่งรุนตาม เหมือนสยามเรานี้ที่ขี่กัน
มีสำหรับฮานอยคอยรับจ้าง พวกขุนนางชอบขี่ดีขยัน
ลากเลี้ยวล้มลุกวิ่งไม่ทิ้งคัน ดูผ้าพันหัวปลิวเหมือนทิวธง
พวกฝรั่งนั่งไปแล้วให้อัฐ ไม่ต้องขัดรับเอาตามความประสงค์
ถ้าสมเหนื่อยหน้าชื่นค่อยคืนคง แม้นน้อยลงก็อย่าร้องไม่ต้องทวง
ยังกุลีมีหลายทั้งชายหญิง พอเช้าวิ่งเหมือนเขาขับไปทัพหลวง
ถือเชือกคานแบกหามตามกระทรวง คอยรับช่วงขนของเที่ยวมองเมียง
เสื้อกังเกงขาดวิ่นช่างสิ้นคิด แต่สุจริตซื่อมากปากไม่เถียง
จ้างแต่พอได้เซ็นเปนเสบียง เอามาเลี้ยงปากท้องรองไปวัน
ที่รุ่นสาวน้อยน้อยค่อยดูได้ ก็ต้องไปตามจนทนขยัน
สักว่าได้ไม่ว่าเอาบ่าดัน ไม่เปนอันออกสนุกขมุกขะมอม
น่าสงสารทรามเชยไม่เคยเห็น ต้องยากเย็นฝ่ากายจนผ่ายผอม
ถึงหนักเหลือเหงื่อหยดสู้อดออม ช่างมายอมแบกหามนามกุลี
อันตัวเราทุกข์เทื้อเหลือลำบาก มาพลัดพรากความรักยิ่งหนักจี๋
เข้าสองเดือนเหมือนจะดิ้นสิ้นชีวี ร้อนฤดีเหลือหนักด้วยรักรึง
อยากจะจ้างนางญวนสมควรแบก ขึ้นแสรกพอผ่อนหย่อนสลึง
ถ้าแม้นได้ไม่ว่าห้าตำลึง ขอแต่ทึ้งทุกข์ออกเสียนอกกาย
กลัวเขาจะไม่แบกด้วยแปลกเพษ สุดสังเกตในอารมณ์ไม่สมหมาย
อันการจะปลดเปลื้องเรื่องในกาย เหลือขยายที่จะจ้างกับนางญวน
แต่เดือนอ้ายให้คนึงจบถึงนี่ เข้าเดือนยี่อยู่ฮานอยละห้อยหวน
มาหยุดยั้งตังเกี๋ยจนเสียนวน กำลังอ้วนจะต้องผอมออมกมล
พอพลบค่ำสุริยาเวลาดึก อนาถนึกหนาวเย็นทุกเส้นขน
ต้องติดไฟในผนังประทังตน ยังไม่พ้นหนาวกายในอุรา
ทั้งหนาวเนื้อที่มาหน่ายคลายสวาท หนาวนิราสศรีสวัสดิ์สหัสา
หนาวในอกมิได้อุ่นทุ่นวิญญา หนาวที่มาไกลคู่ข้ามบุรี
ได้อังไฟไม่เหมือนอุ่นหนุนเขนย มาจากเชยจากชมระบมฉวี
โอ้หนาวเนื้อหนอจะได้สิ่งใดดี เพราะอัคคีไฟธาตุขาดอยู่ดวง
ถึงมีเสื้อกางเกงผ้ามาพออุ่น ถ้านึกฉุนถึงมิตรยิ่งคิดห่วง
มองไม่เห็นเย็นปลาบก็ทราบทรวง จะห้ามดวงใจได้ฤๅไรเรา
ครั้นเดือนยี่วันศุกร์ขึ้นสองค่ำ เวลาย่ำมืดพยับลงลับเขา
กับสี่สิบมินิตไม่คิดเดา พร้อมพวกเราทุกคนสนทนา
แผ่นดินไหวในฮานอยคอยสังเกต ไม่เห็นเหตุอัศจรรย์ขันหนักหนา
พอรู้ตัวเงงโงงโคลงกายา สามสิบห้าวินาทีแล้วดีไป
ฝ่ายบุรำตำหรับฉบับชี้ ว่าเกิดมีแปดประการบันดาลไหว
เกิดด้วยผู้เรืองอิทธิ์ฤทธิไกร เปนอยู่ในหกอย่างวางคัมภีร์
ไหวด้วยปลาอานนต์ตนขยับ ตามฉบับภูมภาคเปนสากษี
ข้างญวนจีนก็ว่าตำรามี อึ่งอ่างที่หนุนโลกมักโยกกาย
ไม่รู้ว่าจะตัดสินดินอากาศ เหลืออำนาจจะนิยมให้สมหมาย
คงจะไม่เห็นจริงทั้งหญิงชาย แล้วแต่ฝ่ายนัคเรศมีเหตุการ
ได้เห็นชัดอัศจรรย์ในวันนี้ ใคร่คดีดูอานามตามสัณฐาน
เห็นจะสิ้นเสื่อมสิ่งศฤงคาร เทวดาลดลทวีบุรีญวน
ด้วยเข้าในปกครองของฝรั่ง แต่ลำพังตามไสมยต้องไต่สวน
เหมือนหุ่นยนต์คนไม่ชักยักกระบวร ก็แลล้วนตั้งจมปุกเหมือนตุ๊กตา
แมมดรีนกินตะกางสำอางโอ่ เคยตั้งโตเต็มอำนาจวาสนา
ได้บีบคั้นกันตามความอาญา ไม่มองหน้าพลไพร่ใจทมิฬ
ทั้งกะเกณฑ์กดกันคั้นเอาทรัพย์ ราษฎร์ก็คับแค้นจิตรนิจสิน
ครั้นมีผู้ปกครองข้างตองกิน ก็เหมือนสิ้นดวงชะตาเมืองฮานอย
เขามาหัดจัดธรรมเนียมไม่เจียมทรัพย์ ข้อบังคับเสริมใสให้ใช้สอย
ต้องเดินตามความเห็นเขม้นรอย เปนผู้น้อยเขาทั้งรู้ต้องดูดาย
อันอำนาจฝรั่งเศสทั้งเดชฤทธิ เหมือนอาทิตย์เที่ยงเปล่งเมื่อเบ่งฉาย
ถ้าใครดูสุริยาแก้วตาพราย ไม่อาจกรายเกริ่นแลแพ้ตวัน
ถึงอย่างไรใจญวนเมื่อจวนอับ ได้เตรียมทัพรบเร่งเก่งขยัน
เห็นว่าเสือก็ต้องสู้คู่ประชัน เมื่อโรมรันแพ้สงครามก็ตามการ
แต่อาวุธยุทธนาเวลานั้น มีกั้นหยั่นทวนภูธนูขวาน
ด้วยนึกเห็นว่างามตามโบราณ ไม่คิดอ่านหากำลังยังเสียดาย
เก็บสินทรัพย์รับไว้ใส่กระเป๋า ที่หนักเบาไม่กลัวตัวฉิบหาย
ทั้งปืนผาออกกลาดตลาดราย เขาทำขายกันอื้อไปซื้อมา
ในสิบคนจะมีสักกระบอก ก็ต้องออกไปประชิตกับมิจฉา
จนป้อมใหญ่ยับย่อยถอยศักดา หมดปัญญาชาวบุรินทร์สิ้นอาไลย
ครั้นรุ่งเช้าแบตแวลผู้แก่นล่าม มาไต่ถามพูดจาอัชฌาไศรย
ว่ากินอยู่ชอบปากอยากอันใด จงบอกไปจะหามาทุกวัน
อันแบตแวลคนนี้ดีด้วยปาก พูดได้มากหลายชาติฉลาดขัน
ฝรั่งเศสอังกฤษก็ผิดกัน โปรตุคันเจ๊กไทยเข้าใจฟัง
ครั้นกลางคืนพาไปดูรำร้อง ที่ตึกของญวนสง่ามีหน้าถัง
ล้วนรุ่นสาวขาวขำแต่ลำพัง ดูกำลังน่าเชยไม่เคยชาย
เจ้าโพกหัวผ้าแดงแต่งเหมือนงิ้ว ช่างผ่องผิวพักตร์เหมือนกับเดือนหงาย
โคมกระดาษพาดคานปานกระทาย ดูแยบคายผูกบ่ามีท่าทาง
ยืนขึ้นรำทำมือกะดิกกะดุก แล้วนั่งคุกเข่าร้องให้ต้องอย่าง
วนเปนคู่ดูดีทั้งสี่นาง จังหวะวางขับร้องเข้ากลองซอ
แปลกกับรำโคมเราชาวสยาม เมืองอานามอย่างดีเท่านี้หนอ
ไม่เห็นมีกี่ท่าหน้าลออ วิธีก็มอญรำตามระทา
แต่ยังชวนยวนยีทีจริต ด้วยนั่งชิดลูบคลำได้ตามภาษา
แม้นจะให้ปรองดองต้องวิวาห์ เรียกราคาพอสมควรญวนฮานอย
มีหัวหน้าถ้าจะดูไม่ใช่ง่าย ต้องใช้สายคนสนิทให้ติดสอย
ด้วยกลัวฝรั่งรังแกมาแส่รอย เปนผู้น้อยพูดไม่ออกเขาบอกตรง
หากินตามความสำรวยทั้งสวยสาว อยู่ตึกราวนางนาฎราชหงส์
แต่เขาว่าสุจริตจิตรมั่นคง ไม่น่าปลงใจเชื่อเหลือประมาณ ฯ
๏ วันหนึ่งได้ไปดูเทพารักษ์ ที่เปนหลักบุรีมีเปนศาล
อยู่ตึกตั้งครั้งปฐมบุรมบุราณ ทางประมาณชั่วโมงดูโล่งตา
มีประตูเปนช่องอยู่สองชั้น ถัดไปนั้นตึกว่างทั้งซ้ายขวา
กลางเปนลายปูหินล้วนศิลา แล้วถึงหน้าศาลเจ้าเข้าข้างใน
มีรูปเซียนเปนสง่าท่าต่างๆ ยืนเงื้อง้างทวนหอกออกไสว
ที่เปนหลวงจีนนั่งอย่างพระไทย ครองผ้าไตรเหลืองเรื่อเสื้อกางเกง
ข้างหลังมีรูปใหญ่กายมหันต์ ดูมั่นตั้นโตทลึ่งบึ้งเขมง
นั่งบนแท่นห้อยขากายาเกรง ลืมตาเป๋งดังเปนเขม้นมอง
สูงเจ็ดศอกออกดำเหมือนสำฤทธิ์ ว่าศักดิ์สิทธิสุรพลคนสยอง
มือซ้ายถือกฤชยาวเท่ากระบอง ปักขนองหลังเต่าริมเท้ายัน
แต่มือขวาทอดศอกบอกนิ้วชี้ ในวิธีเหมือนให้ยลบนสวรรค์
ห่มภูษาย้อมสิ้นขมิ้นชัน ทั้งมีพันโพกเศียรคาดเคียนกาย
ได้ถามญวนผู้เถ้าที่เฝ้าศาล ว่านมนานครั้งไหนน่าใจหาย
แกแจ้งว่าตาหล่อขอบรรยาย อธิบายแรกเริ่มแต่เดิมที
เมื่อจีนมาสร้างกรุงให้ฟุ้งเฟื่อง เปนบ้านเมืองโอ่โถ่งทั้งโกงษี
เวลานั้นหลวงจีนนึกยินดี จะให้มีของบูชาสาธุชน
จึ่งหล่อรูปสำฤทธิสถิตย์ไว้ แต่พอให้เข้าเส้นเปนกุศล
ให้ชื่อถั่นจิ้นผูดูวิกล เปนที่คนมัสการนมนานมา
เขากำหนดจดฉนำจำกันได้ นับมาได้พันปีเข้านี่หนา
แล้วแจ้งความตามฤทธิอิศรา ใครไม่ปรามาทกลัวทั่วนคร
เมื่อปีกลายมีฝรั่งหวังจะผลาญ ขนเอาถ่านกองหุ้มเหมือนสุมขอน
แล้วติดไฟใส่สูบจนรูปปอน หมายว่าร้อนคงละลายต้องคายทอง
อัศจรรย์บันดาลการประหลาด มีน้ำหยาดซึมออกมาน่าสยอง
อัคคีดับทั้งสุมจนชุ่มกอง ไม่ได้ทองต่อยหูชูไปอัน
ได้ทราบคำอำลาจากตาเถ้า แล้วเลยเข้าป้อมสังเกตทั่วเขตรขันธ์
ขุดคูรอบขอบปราการตระหง่านครัน กำแพงนั้นสูงทำถึงสามวา
สร้างแต่ครั้งบุรียังมีสุข ครั้นเกิดยุคเแพ้ริปูหมู่มิจฉา
ทวารที่เข้าไปในชะลา มีอยู่ห้าแห่งทำประจำการ
ประเดี๋ยวนี้ฝรั่งพังเสียสอง ก่อจำลองเปนกำแพงแปลงสถาน
แล้วมีตึกยาวขวางอยู่กลางลาน วัดประมาณสี่เส้นดูเปนแนว
สำหรับฝรั่งตั้งทหารการรักษา ทุกเวลาฝึกหัดจัดเข้าแถว
ไม่ไว้ใจชาวบุรีจะวี่แวว ให้คล่องแคล่วอยู่สำหรับกับนคร
มีโรงหมอก่อตึกอยู่ในป้อม ตั้งเปนหย่อมรีขวางเหมือนวางขอน
หลังละสามเส้นกว่าสถาวร น่านั่งนอนแลหลามงามลออ
ด้านหนึ่งออฟฟิเซอกับไปรเวต ปันเปนเขตรห้องสลับกันกับหมอ
ด้านหนึ่งมีคนเจ็บเก็บชะลอ นั่งงอนหง่อนอนเตียงออกเรียงราย
แต่คนญวนสามร้อยก็พลอยป่วย มีหมอช่วยรักษามันน่าหาย
พวกฝรั่งแปดสิบหยิบบรรยาย ทั้งสองฝ่ายอยู่ด้วยกันปันเปนตอน
เห็นคนเจ็บอนิจจังน่าสังเวช ลืมตาเนตรนอนหงายเหมือนไม้ขอน
ที่แขนขาดเพียงข้อก็ต้องทอน ที่เนื้อล่อนเห็นกระดูกเพราะถูกปืน
ที่หักพอต่อได้ก็ใส่เฝือก สำลีเกลือกน้ำมันเย็นไม่เหม็นหืน
ที่ตัดโคนแขนทิ้งต้องนิ่งกลืน ช่างข่มขืนทำกันน่าบรรไลย
บางคนผ่าหน้าแข้งแคะกระดูก ควักเอาลูกปืนที่ยิงออกทิ้งได้
ที่เย็บผ่ายาปิดสนิทใน ที่ขาดไปเพียงเข่าไม่เท่ากัน
ที่กระหม่อมหลุดเหลือแต่เยื่อเผยิบ ไม่กำเริบแทบชีวาจะอาสัญ
ลุกขึ้นนั่งพูดพลอดหยอดน้ำมัน หมอก็ผันแปรรักษาพยาบาล
หนังสือพิมพ์มีวางข้างเฉลียง เปนของเคียงเหมือนหนึ่งว่ายาสมาน
ได้พลิกดูรู้คำแก้รำคาญ พอเบิกบานใจเจ็บที่เหน็บชา
อิกด้านหนึ่งเครื่องมือที่ถือใช้ มีดตะไกรเหล็กงัดตัดมังสา
มีหลายอย่างต่างพรรณอนันตา จะพรรณนาไม่หมดเหลือจดจำ
อีกด้านหนึ่งเก็บยาสารพัด ที่เขาจัดมาไว้ใช้ออกสำ
ใส่ขวดมิดปิดผนึกจาฤกคำ สำหรับนำแนะฉบับสรรพยา
ที่ทหารพลอยป่วยด้วยเหล่านี้ เพราะราวีพวกขบถถือยศถา
ที่ลุกลามตามหักด้วยศักดา ให้ภาราราบเตียนเสี้ยนอานาม
อันป้อมใหญ่นี้ตั้งอยู่ข้างเผิน วิถีเดินได้รอบขอบสนาม
หนทางชั่วโมงเศษสังเกตตาม ได้ทาบทามออกเดินประเมินดู
ถนนนั้นใหญ่กว้างหนทางเหยียด เปนแนวเรียดจดแม่น้ำตามผลู
กว้างสักสี่วามองลอองฟู มีตึกอยู่ห้างโฮเตลยังเปนตอน
ชื่อถนนปอรแบแลสอ้าน ปลูกโรงร้านแซกซอกออกสลอน
คอเวอนเมนต์เซนประกาศราษฎร ให้รื้อถอนเรือนกระบุงที่รุงรัง
เพราะกลัวไฟไหม้ฝอยพลอยเอาตึก สินค้าคึกเงินทองของฝรั่ง
จะได้ให้อินชุรันกันระวัง เปนผู้รั้งเรียกราคาสัญญากัน
มีถนนแยกไปก็หลายสิบ แลออกลิบญวนอยู่ดูคับขัน
เปนเรือนแตะฝาจากมากอนันต์ ถ้านานวันก็คงอยู่ไม่สู้สบาย
มีสระใหญ่ยาวได้สักแปดเส้น มองกันเห็นไม่รู้ว่าหน้าสหาย
กว้างสี่เส้นเปนเกาะละเมาะทราย ก่อเก๋งลายเขียนทาน้ำยาญวน
ข้างด้านเหนือมีตลาดออกกลาดกลุ้ม ผู้คนชุมเดินสลับออกสับสวน
มีทางแยกหลายสิบหยิบประมวญ เปนตึกล้วนอยู่มากสองฟากทาง
ในแถวนี้ไม่มีฝรั่งเศส ด้วยเปนเขตรของเก่าที่เขาสร้าง
นั่งร้านขายภูษาผ้าแพรบาง สีต่างๆออกดื่นกว่าหมื่นพัน
เห็นสีโศกสิ้นสติดำริห์คิด มาจนจิตรเสียเพราะแพรแลกระสัน
ทั้งเจ้าของฤๅก็สวยไปด้วยกัน ให้หวาดหวั่นคิดถึงแพรแล้วแลคน
น่าจะซื้อทำสะไบไปให้น้อง ฤๅจะหมองวรกายระคายขน
แต่ให้เห็นเปนพยานเหมือนทานบน ว่าทุกข์ทนโศกถึงคนึงนาง
ด้วยจากไปไกลบุรีทวีรัก ถึงเห็นพักตร์เจ้าของแพรก็แลหมาง
จะว่าพี่นี้กระไรน้ำใจจาง ไปแรมร้างตังเกี๋ยให้เสียที
แล้วเลยเมินเดินดูไปตามร้าน ออกรำคาญเพราะนัยตาน่าบัดสี
แต่ใจจิตรตั้งมั่นเหมือนขันตี นัยตามีชวนแลชะแง้มอง
ที่ลางนางน่าคิดพิสมัย นึกอยากได้เนื้อเย็นเปนเจ้าของ
แม้นมีผู้หยิบยกให้ปกครอง จะหาช้องเกล้ามวยไม่ขวยใจ
เอาใบคล้อมาสานบานบ้าร่า ครอบเกศาทั้งพวกเปนหมวกใหญ่
สัณฐานเท่ากระด้งเปนวงใน เวลาใส่ทวนลมต้องก้มเดิน
เห็นคนไทยใช้ตามาออกปราด น่าสวาทฤๅเจ้าอายระคายเขิน
เหมือนเคร่งครัดทัศนาในตาเมิน น่าจะเชิญก่องก๊ายด้วยรายงาม
มีเกือกใส่ปลายงอนค่อนหน้าแข้ง ช่างคิดแผลงกว่าของเราชาวสยาม
แต่ผิวเนื้อเหลือสอาดชาติอานาม ดูนวนงามทีท่าน่านิยม
ฟันก็ดำเหมือนนิลชอบกินหมาก น่ากระชากเชือดแก้มแกล้มขนม
ยอมให้เชยแล้วจะเสยลูกคางชม มิให้ระบมบิดเบือนกระเทือนปราง
แต่ขยาดโฉมตรูเมื่อดูเห็น กลัวจะเหม็นสาบสวยมวยที่หาง
ไม่เหมือนญวนเมืองเราชาวโพงพาง เจ้าเคียนอย่างเจ๊กจีนสิ้นทุกคน
รวบกะบิดยาวเลื้อยเปลือยตลอด เอาผ้าสอดต่อซ้ำร่ำอีกหน
พันกระหม่อมเปนกระบังตั้งอยู่บน ผู้ดีจนเหมือนกันดูขันตา
เสื้อกางเกงรุ่มร่ามว่างามยศ รัดประคตพันพุงยุ่งนักหนา
ชมผู้หญิงตังเกี๋ยเสียเวลา ก็รีบมาตามทางกลางนคร
มีของขายหลายถนนไม่ปนสิ่ง ช่างดีจริงดูเปนตับสลับสลอน
เครื่องลายครามชามกระถางอ่างมังกร เย็บที่นอนฟูกนวมรวมตำบล
ฆ้องระฆังช่างเหล็กหล่อทองเหลือง ทองเดงเครื่องหม้อไหไขว่ถนน
ทำกระดาษพัดพับสัปทน ไม่ปะปนเปนแผนกแยกหนทาง
ที่ทำหีบตั้งโครงต่อโลงผี ทอมู่ลี่ตามถนัดไม่ขัดขวาง
พวกสดึงขึงผังตั้งอยู่กลาง ล้วนแต่นางรุ่นสาวชาวนคร
ที่ช่างมุกฝังไม้ได้หลายอย่าง มีลูกจ้างทำคล่องไม่ต้องสอน
ที่ช่างกลึงนั่งดึงแต่ภมร ถักเปลนอนฟั่นเชือกเลือกซื้อปอ
ร้านขายยาสารพัดกำจัดโรค เมื่อลมโบกหอมระรื่นไม่ขื่นสอ
ขายปลาเค็มหอมกะเทียมเปี่ยมกะทอ อีกทั้งหม้อน้ำปลาตำราแกง
กะปิญวนกลิ่นร้ายมิใช่เล่น เดินมาเห็นแต่กระถางก็คางแขง
แมงดานาเมืองนี้มิเสียแรง ไม่สู้แพงสามสิบหยิบให้ไพ
ที่ทำตู้ต่อเตียงเสียงแต่ขวาน ขยันงานที่จะหามาใส่ไส้
มีกังวลเต็มตัวทั่วกันไป ชั้นไม้ไผ่ก็เจ้ากำไม่ทำแพ
เอาขึ้นบกยกตั้งเหมือนนั่งร้าน แผ่นกระดานท่อนยางวางบนแคร่
ใส่ตะเฆ่ลากดังฟังเหมือนแตร เสียงเซงแซ่เดินไขว่อยู่ไปมา
ที่จักสานก็เปนพวกยิ่งหนวกหู เอารักถูชุบคลุกสมุกฝา
ทั้งห้างจีนก็หลายได้ภรรยา เหมือนเขาว่าเจ๊กเข้าต้มผสมญวน ฯ
๏ ขอหยุดยั้งฟังจะรกหนกหูเหือง ในราวเรื่องภาชนะเขาจะสรวล
ที่ขาดเหลือเจือกันปันจำนวน เอาเปนถ้วนพอดีอย่ามีไภย
แต่เมืองนี้มีขุนพัฒนนัดบ่อนเบี้ย เล่นได้เสียตามสัญญาน่าสงไสย
มีกั๊กเดียวเท่านั้นขันเหลือใจ วัดยาวได้สามวาเขียนตาโต
ออกแต่หน่วยกับสองของคู่ขี้ เจ้ามือมีแจงมาครอบฝาโถ
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนทำที่กำโป เจ๊กญวนโซเพราะเล่นเห็นทยาน
ขอเสมอถือพลองยืนมองกั๊ก สำหรับทักถามไถ่จะได้ขาน
ออกหน่วยสองร้องดังมี่กังวาล หัวเบี้ยขานเสียงใสอยูไกลวง
คอยจับปิดคิดบาญชีมีห้องหับ ฟังเหมือนกับสวดมนตร์บนอาก๋ง
แทงกับเขาไม่เปนเล่นเอางง เหมือนกับลงคู่ขี้มีอากร
อีกทั้งฝิ่นโรงจำนำตามบังคับ ฝรั่งรับเก็บภาษีมีขนอน
ที่กินโดยสุจริตติดจนพลอน มีทุนรอนไม่คะนองถึงย่องเบา
ธรรมเนียมเก็บภาษีมีขึ้นใหม่ แต่ชักใจลูกค้าให้หน้าเหงา
เมื่อจีนกับฝรั่งกำลังเมา ต่างรบเร้าคักคึกเปนศึกกัน
พวกเจ๊กในตังเกี๋ยไม่เสียหาย ก็ค้าขายเต็มที่ดีขยัน
จนสิ้นศึกมีสุขถึงทุกวัน พวกจีนนั้นยิ่งเพิ่มเติมเข้ามา
แต่เดี๋ยวนี้คับใจไปเสียมาก กลัวจะยากด้วยพิกัดขัดหนักหนา
ทั้งภาษีปากลำธรรมดา ถ้าแม้นขาจะเข้าเรียกเอาแรง
เหมือนตัดการค้าขายลงหลายร้อย เปนที่พลอยกดจีนให้กินแหนง
ทั้งภาษีมนุษย์ก็สุดแรง เรียกแฟรงก์ต่อเจ๊กเหมือนเก๊กกัน
ถ้าอย่างน้อยเพียงปีละสี่พวด กระทั่งรวดสามตำลึงถึงสวรรค์
พวกเจ๊กออกกลอกหางเปียละเหี่ยครัน ทุกคืนวันบนซ้ำอยู่ร่ำไป
แต่เงินค่าตัวจีนเปนสินทรัพย์ ผู้กำกับตังเกี๋ยไม่เกลี่ยไกล่
เก็บเอามาตวงถังเข้าคลังใน ถ้านานไปเจ๊กจีนคงสิ้นเมือง
จนสำเภาเข้ามาต้องล่าหนี เห็นภาษีร้ายเหลือเหมือนเสือเหลือง
ถึงจะเปนเจ้าสัวก็กลัวเปลือง มันเข้าเรื่องเสียเปรียบเหยียบนคร
ฝรั่งเศสแสนฉลาดคนชาติเขา ก็ผ่อนเบาภิญโญสโมสร
แต่ชาติอื่นตามถนัดคิดตัดทอน ยิ่งเดือดร้อนกับจีนสิ้นปัญญา
อันเมืองนี้ก็ใหญ่ไม่มีเจ้า ตั้งแต่ท้าวตามบทสืบยศถา
แต่ไปขออนุญาตอำนาจตรา ยังภารากรุงเว้เอกะนาม
อันที่ตั้งก็ฝรั่งเขาตบแต่ง เลือกตำแหน่งแต่พอทั่วเปนรั้วหนาม
หวังจะให้เปนสุขไม่ลุกลาม พองดงามมีประจำเหมือนค้ำชู
ได้มาเห็นญวนขุนนางกลางถนน ขึ้นนอนบนเปลงามเหมือนหามหมู
เอาเสื้อผ้าคลุมมิดปิดประตู เราแลดูนึกว่าศพเมื่อพบพาน
ได้ไต่ถามขุนปราบที่ทราบพจน์ แกรู้หมดบอกแจ้งแถลงสาร
ว่าเปนยศของขุนนางครั้งบุราณ คือองค์กวานนอนไปที่ในเปล
ตัวเจ้าเมืองฮานอยค่อยสง่า เมื่อยาตรางามดีไม่ขี้เหร่
ทำหลังคาเหมือนชิ้นลิ้นทเล คลุมหลังเปลมีม่านคานเขียนลาย
เปนยอดยศกลดมีถึงสี่เล่ม คนกางเต็มข้อล้าจนหน้าหงาย
มีคนถือม่อละกู่ดูแยบคาย แต่งตัวคล้ายพวกกุลีที่นคร
ตำรวจถือดาบแดงแซงไปหน้า เสื้อคร่ำคร่าเดินถนนคนขยอน
มองไม่เห็นตัวท้าวเจ้านคร เหมือนหนึ่งซ่อนอยู่ในเปลเอ้เตตน
แต่ไม่สู้ไปไหนให้ใครเห็น ต่อเมื่อเปนราชการนานๆหน
ฝรั่งเชิญมาเปนหุ่นพอทุ่นคน ในกังวลคอเวอนเมนต์เปนประธาน
นั่นแหละจึ่งได้พบประสบปะ ด้วยธุระสำคัญสันนิษฐาน
ไม่ให้เสียแบบอย่างทางบุราณ แต่กิจการแล้วแต่เขาพวกเคาน์ซิล ฯ
๏ ฝรั่งเศสนั้นอยู่เขตรข้างทิศใต้ สบไถงทุกตำบลถนนหิน
ไม่ปนเปกับเหล่าชาวบุรินทร์ แล้วเปนถิ่นริมน้ำตามสบาย
อันตึกท่านเกาวนาพออาไศรย ไม่สู้ใหญ่โตเหมือนเรือนทั้งหลาย
ที่พื้นบ้านลานถนนกรวดปนทราย พอสบายตัวท้าวเกาวนา
เมืองฮานอยนี้ประเสริฐน่าเกิดผล อยู่ตำบลแม่น้ำตามภาษา
ที่เขาเรียกน้ำแดงแปลงวาจา มีพงศาดารกล่าวยืดยาวความ
ว่าเดิมราชธานีมีกระษัตร ครองสมบัติเรืองเดชทุกเขตรขาม
คือเคโซกรุงใหญ่ในอานาม มีใจความว่าพระโอษฐโชตนา
ตรัสสิ่งใดเปนนั่นพลันเหมือนตรัส จึงดำรัสปราบแม่น้ำตามภาษา
เพราะมีแก่งเกาะดินทั้งศิลา เหลือปัญญาแลอำนาจราษฎร
นิมิตรเปนดินประสิวกำมะถัน ใช้ให้มันไประเบิดเปิดสิงขร
แต่ว่าเลยรับสั่งถูกมังกร ที่ขดนอนอยู่ในวนชลธี
อุทรแตกทำลายวายชีวิต จนโลหิตมันไหลไปเปนสี
กับน้ำท่าปนกันตั้งพันปี ถึงเดี๋ยวนี้ยังไม่หายเปนสายจาง
คนจึงเรียกน้ำแดงให้แจ้งอรรถ มาทราบชัดจำเพาะได้เสาะสาง
ดินประสิวกำมะถันนั้นเปนกลาง มีตัวอย่างมาทุกวันนั่นเปนไร
จะจริงเท็จเด็ดศกศักราช ที่จะอาจรับประกันนั้นไปไหว
ขอตัดทอนแต่ย่อพอเข้าใจ จะกล่าวในประจุบันสู่กันฟัง
เมื่อเจ็ดสิบปีกว่ามาแล้วนั้น ญวนแยกกันสองฝ่ายเมื่อภายหลัง
ข้างใต้เรียกอานัมแต่ลำพัง ข้างเหนือตังเกี๋ยเมืองรุ่งเรืองครัน
เจ้างูเยนเปนกระษัตรอานัมใต้ เกิดมีใจมานะโลภมหันต์
อยากรวบรวมตังเกี๋ยเสียด้วยกัน ให้เปนคันปัถพินแผ่นดินเดียว
จึงยกโยธีคณมารณยุทธ ได้ไว้ดุจดังอำนาจฉลาดเฉลียว
แล้วแตกแยกอีกเล่าไม่เข้าเกลียว เพราะจะเรียวหมดอำนาจขาดชะตา
จนกระทั่งฝรั่งเศสได้เขตรใต้ แล้วอยากได้ตังเกี๋ยเสียด้วยหนา
ด้วยทวีปไม่พอต่อปัญญา จึงเอื้อมมาเอาบุรินทร์ถิ่นฮานอย
หมายจะเปิดน้ำแดงกับแขวงฮ่อ เปนทางพอค้าขายได้ใช้สอย
จึงยกเรือรบนิกรกลับคอนวอย ตีฮานอยไฮฟองสองนคร
ในสี่ห้าพรรษากาลไม่นานเนื่อง เมื่อเสียเมืองหมดอำนาจราษฎร์ขยอน
ฝรั่งตั้งรักษาส่วยอากร ว่าดับร้อนช่วยยกมาปกครอง
จึ่งจัดการตามชอบครอบเอาหมด อำนาจยศฝ่ายเขาเปนเจ้าของ
ต้องเพิ่มทรัพย์คอเวอนเมนต์ลงเปนกอง จ่ายเงินทองเลี้ยงทหารการทั้งปวง ฯ
๏ ครั้นรุ่งขึ้นจะไปเมืองไลเจา ตัวท่านเกาวนาเชิญข้าหลวง
ไปนั่งโต๊ะที่บ้านพอบานทรวง เปนที่หน่วงจิตรสบายข้างฝ่ายไทย
พอสองทุ่มถึงพร้อมน้อมคำนับ เขาก็รับถ้วนหน้าอัชฌาไศรย
กับออฟฟิเซอมีชื่อที่ซื่อใจ ถัดลงไปนงเยาวเกาวนา
เมื่อนั่งโต๊ะรับประทานอาหารนั้น ต่างจำนรรไต่ถามตามภาษา
แต่คุณพระขุนปราบทราบสารา อาตมาสามคนนั่งจนกลอน
แลดูตาเขาปริบๆแล้วหยิบกับ พยักรับพูดไม่ออกเหมือนหลอกหลอน
เสื้อกางเกงที่เราใส่มิใช่ปอน เหมือนอาภรณ์ของพวกมองซิเออ
แต่ต้องเปนมองซิอำพนำอยู่ มีแต่หูก็ได้ยินกินเสมอ
เขาพูดจาตามชอบออฟฟิเซอ เมื่อดิเนอกับท้าวเกาวนา
เราจะพูดออกไปข้างไทยบ้าง อ้าปากค้างตามกันขันนักหนา
ช่างหนักอกหนักใจในปัญญา สักแต่ว่าอิ่มท้องไม่ต้องฟัง
พอเสร็จเลี้ยงในกมลว่าพ้นทุกข์ มีความสุขด้วยสมอารมณ์หวัง
แล้วท่านเกาวนาเชิญตรามัง กรของตังเกี๋ยท้าวเจ้าอานาม
ดวงหนึ่งนั้นยื่นให้พระไพรัช ท่านน้อมหัดถรับตำแหน่งแห่งสยาม
แล้วกล่าวคำปราไสยเปนใจงาม ว่าตรานามนี้ชั้นคอมมันเดอ
แล้วยื่นให้หลวงคำณวนควรขนาน น้อมประสานมือรับคำนับเสมอ
ในตรานั้นชื่อชั้นออฟฟิเซอ ได้เสมอกับขุนปราบเปนลาภยศ
แต่ตัวเรากับฝ่ายนายบรรหาร ก็เทียมฐานศักดิ์ศรีมีกำหนด
ในชั้นเชอวะเลียตังเกี๋ยลด น้อมประนตเปนคำนับลำดับกัน
เขาปราไสยว่าฝ่ายเขตรสยาม กับอานามให้เปนเฉกเอกฉันท์
จงตั้งอยู่ตามฉบับชั่วกัปกัลป์ ทั้งสัมพันธมิตรสนิทเนา
ยังซ้ำว่าถ้าขึ้นไปปลายตังเกี๋ย การส่งเสียขัดขวางทางอับเฉา
จงบอกมาให้ประจักษ์สำนักเรา ด้วยมีเสาสายลิขิตทุกทิคทาง
แล้วต่างคนต่างลาด้วยปรารภ ข้าหลวงครบพร้อมหน้าเวลาสาง
กับเซนเยมแบตแวลแสนสำอาง ผู้นำทางขึ้นป่ามหาวัน
ลงเรือรบมาตามแม่น้ำใหญ่ ดูทิวไม้สองฝั่งเหมือนรังสรรค์
ล้วนทุ่งนาเตียนลาดสอาดครัน ทางจรัลริมแม่น้ำตามสบาย
ทั้งเรือกสวนลิ้นจี่มีเหมือนป่า เข้าโภชสาลีก็ถูกเขาปลูกขาย
มีตึกเทพารักษ์หักทำลาย บ้างจมทรายพังลงในคงคา ฯ
๏ ครั้นถึงเมืองซองไทพอบ่ายบด ตามกำหนดจอดพักสำนักท่า
ได้ขึ้นเยี่ยมเรซิเดนเปนเวลา กำลังอาพาธอยู่ไม่สู้สบาย
เขาก็รับเปนแพนกแขกมาถึง ไม่มึนตึงบิดเยือนเหมือนสหาย
ทั้งเหล้าเบียชาถ้ำน้ำตาลทราย ตั้งโต๊ะลายเชิญคำนับรับประทาน
ในตึกท่านเรซิเดนเปนสง่า มีปืนผาสำหรับเมืองเครื่องทหาร
กับของจีนครั้งปฐมบุรมบุราณ เกาทัณฑ์ขวานหอกง้าวเหลาฉะโอน
ทั้งหน้าไม้ปืนยาสารพัด เขาตั้งจัดโอ่โถงเหมือนโรงโขน
เปนของพวกธงดำที่ทำโจร ไม่อ่อนโอนกับอาวุธต้องยุทธนา
เมื่อในสองสามปีกลียุค ฝรั่งรุกขึ้นมาราญหาญนักหนา
ทั้งเจ๊กญวนพร้อมพรักมีศักดา มรณาลงด้วยกันอนันตัง
แต่พวกจีนบรรไลยลงไปมาก ถึงแก่ลากเอาศพไปกลบฝัง
ครั้นจะอยู่สู้เสือเหลือกำลัง หนีฝรั่งออกวิ่งทิ้งนคร
เรซิเดนจึ่งเอาเปนโรงทหาร สร้างตึกบ้านอยู่สบายไม่ถ่ายถอน
กว้างยาวสักสี่เส้นเปนที่ดอน ถางหญ้าบอนเตียนดีไม่มีรก
มีหอคอยเปนหลักสูงสักเส้น สำหรับเห็นคาดคะเนทำเลบก
เปนของเก่าเกือบจะพังเหมือนรังนก กิ่งไม้ปกปิดคลุมชุ่มตะไคร
อันป้อมนี้แข็งแรงหินแลงล้วน ก่อประมวญหนาแน่นแผ่นก็ใหญ่
ทั้งเชิงเทินถมซ้อนอยู่ตอนใน ขุดคูไว้จนขอบรอบปราการ
ไม่น่าจะพ่ายแพ้แก่ข้าศึก ช่างมานึกหมดมานะของทหาร
ฤๅเหลือจะประทังกำลังทาน ไม่เชี่ยวชาญปืนผาสิ้นท่าทาง
ข้างนอกป้อมมีถนนผู้คนน้อย เครื่องใช้สอยทั้งหลายมีขายบ้าง
หากินตามชาวบ้านเปนปานกลาง มีหอห้างนิดหน่อยค่อยเจริญ
โรงทหารตึกตั้งสิบหลังกว่า คอยรักษากลียุคเมื่อฉุกเฉิน
ดินขึ้นเปนถนนบนเชิงเทิน ผู้คนเดินไม่สู้ต่ำเหมือนกำแพง
ได้พักอยู่พอรุ่งอรุณไข แล่นต่อไปตามย่านเปนบ้านแขวง
พอถึงแม่น้ำดำคำแสดง เปนที่แห่งพวกจีนถิ่นอุดร
ยังตั้งอยู่มากมายกว่าหลายหมื่น ไกลลูกปืนฝรั่งเศสเขตรสิงขร
หนทางเรือเหลือยากลำบากจร เปนแก่งก้อนหินซัดเหมือนอัฒจันท์
แต่น้ำนั้นดำขลับเหมือนกับกล่าว สืบเรื่องราวไม่รู้ดูก็ขัน
เห็นจะมีของประจำอยู่สำคัญ เขาพูดกันแร่เหล็กข้างเจ๊กชุม ฯ
๏ ครั้นมาถึงสำนักเรียกบักหาก บ้านช่องมากมีฝรั่งมาตั้งขลุม
โจรผู้ร้ายไม่ระงับต้องจับกุม ฤๅที่ซุ่มซ่อนกันอันธพาล
ประเดี๋ยวเรือติดหาดฉาดกระโชก เก้าอี้โยกหน้าแหงนแสนสงสาร
กลาสีไม่เปนสุขลุกลนลาน หยั่งน้ำขานร้องว่าปาป็อกปลอ
กัปตันดูแผนที่คลี่กระดาษ จะคัดวาดก็ไม่รอดทอดสมอ
เอาเชือกขึงขึ้นฝั่งรั้งหัวตอ ต้องหยุดรอหาร่องไม่คล่องใจ
เรือถอยหน้าถอยหลังอยู่อย่างนั้น หมวกกัปตันเหมือนลูกข่างไม่ว่างได้
ญวนนำร่องก็มีที่เอาไป ต้องจนใจว่าทางกลางทเล
จักร์ก็พุ้ยตะบันหันหัวท้าย ทั้งกรวดทรายรู่ท้องลอยป่องเป๋
ถ้าถึงน้ำลึกกะเหมือนคะเน ถูกทำเลทางจรนอนสบาย
อันเรือชนิดนี้ดีนักหนา จุคนกว่าสองร้อยยังลอยหลาย
กินน้ำสองศอกแบบเขาแยบคาย ถึงหาดทรายเพียงสะดือครืออุทร
มีห้องหับสำหรับขังน้ำได้ สูบไว้ใต้ท้องเรือเผื่อไว้ก่อน
ศีร์ษะติดวิดไปท้ายได้ทั้งตอน ต้องสูบผ่อนสู้หาดไม่ขาดวัน
มีปืนฮอสกิดติดเจ็ดบอก อยู่ตามซอกดาดฟ้าตั้งท่าหัน
สร้างสำหรับนครจรจรัล เพื่อป้องกันตรวจตราจลาจล ฯ
๏ ครั้นถึงเมืองฮองฮัวพอมัวหน้า ทอดนาวาลอยคว้างอยู่กลางหน
พักหลับนอนผ่อนกายสบายตน พอสุริยนเยี่ยมฟ้าก็คลาไคล ฯ
๏ ครั้นถึงป้อมตูมีที่เปนด่าน พวกทหารอยู่บนเนินเดินไสว
ด้วยเปนแหลมยื่นงอกออกมาไกล ฝรั่งได้รักษาว่าตำบล ฯ
๏ ถึงคำเข้เคหาประดาดาษ หญิงชายกลาดเดินสลับคับถนน
มีตึกร้านบ้านญวนสมควรยล เปนตำบลเตียนลาดสอาดดี
สุดจะร่ำทำเลสะเตชั่น เรือกำปั่นไม่พักเปิดจักร์จี๋
แต่ว่าตามแบบบทกำหนดมี สักสิบสี่แห่งลำแม่น้ำแดง
คนที่ไหนมีมากไม่อยากว่าง ตั้งขุนนางญวนสำหรับกำกับแขวง
ทั้งทหารยุโรปเปียนไม่เปลี่ยนแปลง ล้วนแขงแรงครอบงำธรรมดา
แล่นบ้างจอดบ้างมากลางน้ำ หัวเรือตำแต่ละครั้งโดนฝั่งฝา
จนบุบบู้ดูไม่งามอร่ามตา เพราะเปนท่าหลีกหาดอนาถใจ
กัปตันว่าทางเหนือนี้เหงื่อหยด มันไม่หมดหาดลงที่ตรงไหน
ต้องติดค้างคืนวันแทบบรรไลย คอยแก้ไขเปนกังวลทนรำคาญ ฯ
๏ ครั้นถึงเมืองทันควันหกวันหย่อน ขึ้นพักผ่อนบนสะเตช์เคหฐาน
ด้วยต่อนั้นขึ้นไปไม่ได้การ มีแต่ย่านเกาะแก่งแท่งโตๆ
ได้พักอยู่บนค่ายฝ่ายฝรั่ง ดูรุงรังแฝกหญ้าหลังคาโบ๋
พื้นเปนดินเลี่ยนโถงเหมือนโรงโป เคร่เย้โย้นอนนั่งดังออกกราว
เสร็จไปด้วยไม้เฮี้ยเสียทั้งหมด ช่างเต็มยศอาตมาเมื่อหน้าหนาว
โต๊ะเก้าอี้รัปทานทั้งหวานคาว เอามือเท้าดังกระเทือนเหมือนลูกพรวน
มีโรงกว่าสิบหลังทั้งตลาด ขายผักกาดถั่วงาแม่ค้าสวน
ตามประเภทตำบลของคนญวน พอสมควรบ้านเมืองเครื่องกันดาร
ทั้งพวกเจ๊กก็อุส่าห์ขึ้นมาตั้ง ขนมปังเครื่องกระป๋องและของหวาน
เหล้าบ้าหรั่นเบียดำกับน้ำตาล มีสองร้านตามภาษาข้างป่าดง
มีตึกจีนอยู่บนเนินสูงเติ่นเต่อ ออฟฟิเซอเอาเปนของต้องประสงค์
ถัดขึ้นไปเปนเขายกเสาธง ทางขึ้นลงมีทหารอยู่งานยาม
ราษฎรนั้นตั้งอยู่ฝั่งหนึ่ง ผู้คนอึงออกระเบงไม่เกรงขาม
เลี้ยงหมูไก่ขายกินถิ่นอานาม มีถ้อยความฟ้องลงแก่องค์กราน ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าถึงคราวจะเดินบก แสนวิตกไม่มีสุขสนุกสนาน
ทั้งเซนเยมแบตแวลแสนชำนาญ ผู้จัดการขนของมากองวาง
กุลีที่เอามายังว่าน้อย บรรจบร้อยทันควันเปนการจ้าง
ให้แบกหีบหาบหามไปตามทาง นายระวางถือไม้มีหลายคน
คอยว่ากล่าวเตือนตีไม่มีสุข ดูคนคุกดีกว่าเวลาขน
มีทหารญวนระวังเปนกังวล ถือปืนกลหกสิบพอดิบดี
แต่แต่งตัวลม้ายคล้ายกับเจ๊ก ใส่หมวกเล็กครอบเย้บนเกศี
รูปเหมือนกับจานแบนช่างแสนดี ผ้าแดงมีพันมวยดูสวยตา
แล้วออกจากทันควันตวันเที่ยง แซ่แต่เสียงฝุ่นกลบลบพฤกษา
ไม่เห็นมีผู้ใดทำไร่นา ขี่อาชาเดินหลามตามอรัญ
ม้าเซนเยมขาวปลอดตาบอดข้าง สบัดย่างเหยาะเยิ่นเดินขยัน
แต่คุณพระแบตแวลมีแม้นกัน กับนายบรรหารขี่สีน้ำตาล
หลวงคำณวนนั้นแซมม้าแกมแก่ ไม่ต้องแซ่เดินชนก้นทหาร
ท่านขุนปราบชลไชยผู้ใจอารย์ โดนสันดานอัศวาม้าคะนอง
เขาเรียกมันปะตินัวตัวเหมือนหมึก หกพิลึกเผ่นโผนโจนผยอง
แกพลัดตกแต่ละทีเหมือนตีกลอง อายุของแกก็มากแทบลากโครง
แต่ตัวเราม้าด่างรูปร่างเล็ก เดินกะเผล็กผอมผ่ายเกือบตายโหง
เปนม้าอย่างตังเกี๋ยเสียเคราะห์โรง ต้องเข้าโลงสักวันเปนมั่นคง
เดินไปสามชั่วโมงก็มีด่าน แต่น้อยบ้านเคหาป่าระหง
ฝรั่งทำตึกพักปักเสาธง พึ่งสร้างลงยังไม่เสร็จสำเร็จดี
บนโขดเขาปราบเตียนเหมือนเจียนเล่น แล้วก่อเปนตึกทาน้ำยาสี
ในหุบห้วยลึกชันนั้นก็มี คุมกุลีให้ทำกระหน่ำไป
เราแลเห็นเปนเหมือนก้นกะทะ ชั่งมานะลงไปสร้างหว่างไศล
เขาคิดอยู่เหมือนพยัคฆสำนักไพร ทั้งท่าไล่หนีสู้ไม่ดูเบา
ฝังเหล็กรางทางแต่ยอดภูผา จนถึงท่าหาดทรายตกชายเขา
มีรถลากขนลงส่งปูนเตา ทั้งอิฐเผาตัวไม้ขึ้นไปทำ
ได้พักอยู่ดูเล่นเห็นสิงขร แล้วลาจรเข้าดงเปนพงต่ำ
ไปตามสายเตลิคราฟทาบประจำ ริมแม่น้ำเดินง่ายสบายดี
ทั้งผู้คนม้าฬามาเปนสาย เสียงเวยวายกลางกระบวรว่าญวนหนี
ทหารยิงตามหลังปังไปที ถูกกุลีบ้างฤๅไรไม่ได้ความ
หายไปสี่ห้าคนค้นไม่พบ เพราะมันหลบกลัวจะแหลกด้วยแบกหาม
ก็พ้นทุกข์กันไปเขาไม่ตาม พลถึงยามเย็นนอนที่ดอนดิน
เอาเคาชูปูหลังคาในป่าชัฎ ต้องเยียดยัดหลังโค้งเหมือนโก่งศิลป
นอนแต่พอหลับตาเอนกายิน ที่พื้นดินแล้วไปด้วยใบตอง
ครั้นรุ่งเช้าแบตแวลแสนฉลาด ลงไปหาดหาเรือจะเผื่อของ
บังเอินเจ๊กเจ้ากรรมมาตำซอง เอาหมูล่องเรือไปขายทันควัน
แบตแวลเรียกตามภาษาของตาแปะ มันไม่แวะกลัวตายรีบผายผัน
ยกปืนโกโย้ไกเรียกไปพลัน จึ่งได้หันเข้ามาทำหน้าเซียว
ว่าเรือเจ้าจะเอาบรรทุกของ ไม่ให้ลองดูซิหวาอย่าตาเขียว
ขนหีบใส่ให้ตามไปลำเดียว น้ำก็เชี่ยวดักดานทหารคุม
แล้วพากันครรไลยขึ้นไหล่เขา เปนปุ่มเปาสูงดาดทั้งลาดหลุม
กับสัตว์ร้ายในคิรีก็มีชุม อีกโจรซุ่มซ่อนกันอันธพาล
ทั้งสองฝั่งแม่น้ำตามวิถี ล้วนคิรีเปนกำแพงแซงประสาน
หยุดนอนไปตามอรัญที่กันดาร จนตรีวารเดินตบึงมาถึงลำ
ตั้งเปนค่ายไม้เฮี้ยเกลี่ยดินเรียบ มีทำเนียบพื้นแคร่แลไม่ขำ
กับทหารซ้อมหัดจัดประจำ ที่ด่านลำหกสิบหยิบบรรยาย
แล้วจัดให้หลวงคำณวนควรสงสาร นายบรรหารขุนปราบหลาบมาหลาย
เพราะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยคร้ามทั้งสามนาย ให้ลงฝ่ายเรือแหวดกับแบตแวล
แต่ตัวเราคุณพระไม่ละลด ต้องเดินหมดความยากลำบากแสน
ฝนก็ตกยุงริ้นกินเปนแดน ใส่คะแนนทากไม่ทันเกาะกันนุง
ยังต้องเปนมองซิเออเสมอยศ มันเกาะหมดไม่ว่าใครจนในถุง
ทั้งเสื้อผ้าหน้าหนาวคราวบำรุง เล่นกันยุ่งเหลือใจด้วยไทยแปลง
มีห้วยหนึ่งทางม้ามาไม่ได้ เขาเกณฑ์ให้ทหารแซะแกะระแหง
จนเปนที่ลาดไถลไปด้วยแรง มีหลายแห่งเดินต้องมองระวัง ฯ
๏ ครั้นรุ่งขึ้นถึงบาวาเวลาสาย ค่อยสบายหนทางแต่ป่างหลัง
นอนบนโรงโคกเขาเสาไม้รัง พอประทังหยุดพักสำนักทาง
อันค่ายนี้มีทหารอยู่ร้อยกว่า ตั้งรักษาตามถนัดไม่ขัดขวาง
ทั้งสองฟากน้ำแดงเปนแขวงบาง ด้วยมีทางเข้าเขตรประเทศจีน
ค่ายบนยอดคิรีเปนสี่แห่ง ไม่แสยงปรปักษเหมือนหลักหิน
มีโคสักร้อยกว่าไว้ฆ่ากิน ด้วยเปนถิ่นกันดารอาหารญวน
ครั้นออกจากบาวาเวลาตรู่ ถึงภูลูรีบจรัลพอวันถ้วน
มีทหารครอบงำเปนจำนวน ห้าสิบถ้วนรายตั้งตามบังคับ
เรือนกัปตันที่อยู่ดูไม่ครึ้ม เหมือนโรงทึมทำท่าฝาเครื่องสับ
สนามเพลาะรอบค่ายขุดไว้รับ รั้วสลับแล้วไปด้วยไผ่ตง
เวลารุ่งออกพลันไม่ทันสาย ฝนประปรายทั่วฟ้าป่าระหง
ทั้งเปียกปอนนอนค้างที่กลางดง หมอกก็ลงทั่วอรัญตามมรรคา ฯ
๏ พอสองวันบัลลุลาวกายสถาน แสนสำราญสุขสวัสดิ์สหัสา
มีตึกอยู่เทียมท้าวเจ้าพระยา ตามภาษาดงแดนแสนกันดาร
หลวงคำณวนที่มานาวาแหวด กับตัวแบตแวลฝ่ายนายบรรหาร
ทั้งขุนปราบชลไชยผู้ใจอารย์ สามวันวารก็มาพร้อมหน้ากัน
เมืองลาวกายนี้เปนปลายตังเกี๋ย ช่างสูงเสียเหลือเหตุเปนเขตรขันธ์
ตั้งอยู่ถิ่นทิศอิสาณฝานตวัน ต่อเขื่อนคันกวางตุ้งสุดกรุงญวน
มีแม่น้ำขั้นกลางกว้างสักเส้น มองกันเห็นรู้ว่ามีนาสวน
ฝรั่งไม่อาจข้ามไปลามลวน กลัวมันฮ้วนพาลพาโลเรียกโพเซง
มีเขารายอยู่รอบขอบแม่น้ำ ป้อมประจำตั้งทั่วล้วนตัวเสง
แต่ผู้คนมากมายคล้ายสำเพ็ง ยิงระเบงคุยโผงโมงละครืน
เขาว่าเจ๊กน้อยใจเมืองไลเสีย ทัพตังเกี๋ยเอาขาดไม่อาจขืน
ต้องแตกไปย่อยยับไม่กลับคืน จึ่งยิงปืนโศกให้เมืองไลเจา
คิดถึงเจ๊กอัศจรรย์ขันหนักหนา เมื่อเสียท่าพวกแซ่ไม่แก้เขา
อำนาจก็โตใหญ่มิใช่เบา มายิงเป้าหนวกหูอยู่ทำไม
ฤๅเหลือจะรักษาอาณาเขตร เปนประเทศเล็กน้อยก็ปล่อยให้
เปรียบเหมือนเสือเข้าบ้านรำคาญใจ ต้องเสียไก่ทุ่นท้องไม่ร้องอึง
ถ้าป้อมจีนจะทำลายลาวกายป่น ไหนจะทนขัดขืนด้วยปืนถึง
ยิงลงมาจากเขาสักเก้าตึง ก็จะถึงแก่พินาศดาษดา
อันที่จริงก็ยังกริ่งฝรั่งเศส ต่างคุมเขตรตั้งมั่นขันรักษา
แต่ฝรั่งหมายประโยชน์โภชนา จะเบิดท่าค้าขายเอาใจจีน
ลาวกายนี้ก็ของหลียงฟูก่อน เปนเจ๊กจรนครังเชื้อกังฉิน
เดิมอยู่เมืองกวังสีไม่มีกิน ใจทมิฬเที่ยวผจญปล้นประชา
จนมั่วสุมผู้คนได้ล้นหลาย เอาลาวกายเปนที่พักนัคหรา
อยู่ในพวกธงดำทำศักดา ถืออาญาสิทธิ์ขาดราษฎร
มีตึกรามป้อมกำแพงแข็งแรงมาก ปิดสลากบอกระยะเก็บขนอน
จนฦๅนามตามประเทศเขตรนคร ได้ตัดตอนครอบงำแต่ลำพัง
เวลานั้นจอมนรินทร์แผ่นดินเจ๊ก คิดจะเก๊กยกทัพมาจับฝั่ง
แต่หนทางลึกล้ำเหลือกำลัง จึ่งยับยั้งขอสงบไม่รบกวน
ครั้นอยู่มาศึกฝรั่งติดตังเกี๋ย จวนจะเสียปั่นเป๋ระเหหวน
เจ้ากรุงจีนสิ้นปัญญารักษาญวน ใช้คนควรเทียมทูตมาพูดจา
ให้เกลี้ยกล่อมหลียงฟูหางหนูเล็ก เปนชาติเจ๊กดุนักเหมือนยักษา
ให้ว่าที่แม่ทัพรับอาญา ในพลากรฝ่ายปลายบุรี
แม้นฝรั่งยกขึ้นมาเวลาไหน จงโต้ให้เต็มอำนาจราชสีห์
ถ้าลาวกายปลายตังเกี๋ยนั้นเสียที เขตรบุรีจีนคงเปนผงไป
แต่ว่าหลียงฟูผู้ฉลาด มีอำนาจคราวนั้นยิ่งหวั่นไหว
คุมทหารจีนประจัญแทบบรรไลย แต่ว่าไม่ออกหน้าเปนท่าทาง
ครั้นเหลือสู้รู้ฤทธิจึ่งคิดหนี ทิ้งบุรีตามถนัดด้วยขัดขวาง
ฝรั่งเที่ยวสืบถามเหมือนตามกวาง ชั้นรูปร่างไม่รู้จักยักษ์ฤๅคน
ตึกของหลียงฟูอยู่เดี๋ยวนี้ คือเปนที่คอมมันดันแบ่งปันผล
อยู่ตามชอบครอบครองเปนของตน ว่าตำบลลาวกายฝ่ายคอนวอย
เอาเปนเมืองสำหรับรับอาหาร จ่ายตามด่านทั้งหลายให้ใช้สอย
ที่ขนขึ้นเอามาแต่ฮานอย จึ่งเรียบร้อยทุกทำเลสะเตชัน
มีทหารปกครองอยู่สองร้อย ประจำคอยฝึกหัดเขาจัดสรรค์
ด้วยเปนเมืองหน้าด่านปราการกัน ต้องกวดขันรักษาพยายาม
มีเรือนโรงชาวบุรีสี่สิบหลัง กับห้างตั้งขายของอยู่สองสาม
น้อยกับโพเซงถิ่นข้างจีนจาม มีสักสามร้อยกว่าหลังคาเรือน
คิดถึงหลียงฟูอากู๋เอ๋ย กระไรเลยมักใหญ่ใครจะเหมือน
ต้องละถิ่นฐานขาดอำนาจเฟือน ว่าหลบเลือนไปปักกิ่งทิ้งนคร
เพราะโภคาพิบัติจึ่งพลัดพราก อุปฐากต้นกำเนิดก็เปิดถอน
ด้วยสันดานเปนพาลพเนจร ไม่ถาวรสิ้นคิดหมดฤทธิ์ตน ฯ
๏ ฝ่ายพวกไทยได้พักอัครฐาน แสนสำราญสุขสวัสดิ์ไม่ขัดสน
นับทางแต่ทันควันขั้นตำบล เดินมาจนถึงนี่ยี่สิบวัน
โอ้อกเอ๋ยยิ่งครรไลยก็ไกลมิตร ให้แสนคิดถึงที่รักพักตร์บุหลัน
ได้ร่วมอาสน์พาสนามาด้วยกัน สักกึ่งวันมิได้ไกลสะไบบาง
มาแรมป่าลาน้องให้หมองพักตร์ เริ่มแต่รักอนิจังยังไม่หมาง
เจ้าจะแสนทุกข์ถึงรำพึงพลาง ไม่วายว่างเว้นวันตั้งรัญจวน
แม้นเห็นพี่บุกป่าเวลายาก จะออกปากรบเร้าเฝ้ากำศรวล
คิดถึงเจ้าเช้าเย็นไม่เว้นครวญ หัวอกป่วนปานใครเอาไฟอัง
อีกจะต้องเดินแพ่นเข้าแดนฮ่อ หมดหัวร่อปลงสุขเปนทุกขัง
ยิ่งท้อถอยผอยผ่อนอ่อนกำลัง ต้องขึงขังแขงกล้าไม่อาวรณ์
แต่ฝรั่งยังเบื่อเหมือนเสือร้าย ไม่อาจกรายเกริ่นกริ่งแต่สิงขร
ทั้งพวกโจรใจฉกรรจ์เที่ยวสัญจร ยังราญรอนไม่เรียบให้เงียบลง
คอมมันดันนั้นใจกษัยสานต์ เพิ่มทหารให้ระวังดังประสงค์
กลัวจะเปนอันตรายที่ในดง บังคับส่งพวกไทยไปไลเจา ฯ
๏ ครั้นรุ่งข้ามน้ำแดงแขวงป่าชัฎ ฝรั่งจัดเตรียมการเปนด้านเขา
กับผู้นำข้าหลวงกระทรวงเรา พร้อมทั้งเหล่าพวกกุลีที่จะไป
ออกเดินตรงลงทิศตวันตก ไม่แวะวกกว้างขวางเปนทางใหญ่
สำหรับฮ่อขายค้ามาแต่ไร บ้างถากไถนาอยู่มีผู้คน
เดินพลางทางคิดอดสูแสน ถึงแบตแวลขอบใจเขาหลายหน
เกาวนาฮานอยใช้สอยตน มาเปนคนส่งไทยดูให้ดี
ครั้นเมื่อถึงลาวกายเปนชายขลาด ออกขยาดทางป่าบากหน้าหนี
ว่าลูกเมียของเขาที่เย่ามี ไม่พอที่จะมาตายให้ไกลเมีย
ทำบิดพลิ้วนิ่วหน้าว่าข้าไข้ ขอตัวไว้พอระงับแต่กลับเสีย
แต่บางคนเรียกว่าเปนซาเวีย ในตังเกี๋ยแปลกตนอยู่คนเดียว
เปนฝรั่งใจเด็กคล้ายเจ๊กจ้อย เหมือนรับถ้อยเกาวนาให้มาเที่ยว
นี่ก็เสียราชการขึ้นผ่านเกลียว แต่ไม่เกี่ยวข้องเราข้างชาวไทย
บางคนว่าเปนชาติโปรตุเกศ ละประเทศเปลี่ยนแซ่แก้นิไสย
มาขอติเกตให้เนตตุราไลย เข้าอยู่ในปับลิกันชันสะเลอ
นิจาเอ๋ยพูดไทยกันได้บ้าง ถ้าขัดขวางรับธุระได้เสมอ
ทั้งกินอยู่สู้ประคองมองซิเออ ช่วยบำเรออุดหนุนพอทุ่นแรง
ถึงเซนเยมที่มาดูท่าเขา ไม่อาจเอาเปนประมาณพาลจะแหนง
พูดก็ไม่รู้ภาษาว่าดำแดง หุงเข้าแกงแต่ละครั้งต้องตั้งเอง
ให้กุลีสี่คนปรนนิบัติ ไม่สันทัดต้มหุงดูยุ่งเหยง
ท่านขุนปราบทราบภาษาว่ามันเกรง ตัวเราเองนายบรรหารรับด้านครัว
เมื่อแรกกินร่วมโต๊ะโละกันหมด ก็มีรสโอชามันน่าหัว
แต่ไม่รู้ธรรมเนียมต้องเจียมตัว พากันกลัวต่างแตกขอแยกกิน
แต่คุณพระไพรัชสันทัดถ้อย ร่วมอร่อยยังสถิตยนิจสิน
กับฝรั่งที่มาอยู่อาจิณ เพราะว่าชินเชิงภาษาพูดจากัน ฯ
๏ ถึงห้วยเลิ้นฦกกว้างเปนทางน้ำ เชี่ยวเปนลำไหลปังดังสนั่น
พวกกุลีแก้ผ้าหน้าเปนมัน เอาหัวดันของข้ามน้ำเพียงคอ
อีกคนหนึ่งเปนเด็กเล็กกว่าเขา มันพัดเอาลอยน้ำไปต้ำปร๋อ
เห็นแต่หัวน่ากลัวจะโดนตอ มันช่างฮ่อเต็มกระเหมือบดูเกือบตาย
ต้องยืนปลงอนิจจังพุทธังเอ๋ย แต่พอเกยแง่ขอนก็นอนหงาย
ค่อยกระเดือกเสือกกระแด่วกระแหม่วกาย ของก็หายจมห้วยแทบม้วยมรณ์
เปนย่ามเกือกปัศตันนายบรรหาร น้ำมันผลาญลอยว่ายเหมือนไม้ขอน
บ่นพึมพำตามภาษาแสนอาวรณ์ ว่าตัดตอนลงนรกหกตำลึง
แต่พวกเราข้ามม้ามาทีหลัง จนขึ้นฝั่งพร้อมกันก็พลันถึง
พวกกุลีหนีอีกหลีกตะบึง เสียงเอ็ดอึงหายฉิบไปลิบตา
จำเพาะคนที่หามชามหม้อเข้า ของพวกเราที่จะหุงบำรุงหา
จะเยียดยัดฝากใครไม่เอามา มันหนักบ่าขอทุเลาเจ้าประคุณ
ท่านขุนปราบต้องจ้างมันทั้งเรื่อง หาไม่เครื่องเหล่านี้ไม่มีถุน
ก็เพราะเปนวาสนาเวลาบุญ พอได้ทุ่นปากท้องรองไปคราว ฯ
๏ มาถึงทุ่งแห่งหนึ่งซึ่งเปนป่า มีหินผาปูลาดสอาดขาว
ก้อนโตใหญ่เรียงเรียดดูเหยียดยาว แต่ครั้งคราวไหนมาฤๅว่าไร
อันภูเขาเหล่านี้มีแต่ดิน ช่างขนหินเอามาแต่ป่าไหน
คงเปนเมืองเก่าร้างอยู่กลางไพร ไม่ทราบในเรื่องตามความนิทาน ฯ
๏ ตวันบ่ายถึงค่ายชื่อแบกแซด ช่างโต้แดดไม่มีบังทั้งสถาน
พอหมดเขตรเตลิคราฟไม่ทราบการ หนังสือสารต้องใช้ไปรสนีย์
อันค่ายนี้ตรวจตรากันสาหัส ตั้งค่ายขัดไม้บงยกธงสี
ทั้งขวากปักหลายชั้นกันไพรี ในราตรีห้ามชุดไม้จุดไฟ
มีทหารระแวดอยู่แปดโหล ถือปืนโกตรวจรับกลัวหลับไหล
พอรุ่งเช้าพวกเราก็ครรไลย ต่อนี้ไปเดินเขาไม้เท้าจุน
ถึงขึ้นม้าพาชีก็ขี่ยาก แต่ออกปากรำพรรณก็ท่านขุน
เพราะร่างกายแก่ชรามาด้วยบุญ หากถือคุณราชการไม่ปานตาย
ครั้นถึงเขาแห่งหนึ่งซึ่งทราบว่า พวกเจ๊กป่ามันปล้นผู้คนหลาย
เมื่อกองทัพเคอแนลเปอรโนนาย คุมนิกายก่อนเรามาสิบห้าวัน
มันแอบยิงบนคิรีสักสี่ร้อย ทัพฮานอยสู้เค็มเต็มขยัน
ไล่พวกเจ๊กเก๊กไปใจฉกรรจ์ ไม่เปนอันตรายก็ยกต่อไป
มันคอยซุ่มซ่อนยิงเอาจริงหนอ ชาติอ้ายฮ่อเหิมจิตรผิดวิไสย
พลอยให้เราตัวสั่นคิดหวั่นใจ ถ้าบรรไลยลงด้วยปืนชวดคืนชม ฯ
๏ ครั้นถึงบ้านจีนร้างอยู่กลางป่า ถูกโจรามันเผาเปนเท่าถม
เปล่าอยู่หลังยังเหลือเพราะเหนือลม ต่างระดมเข้าไปอาไศรยนอน
นี่ก็โจรให้คุณทุ่นฟ้าฝน ไม่ต้องกรนตากน้ำค้างกลางสิงขร
แต่ไม่อาจสรรเสริญเจริญพร ต้องสังวรกลัวจะมีวจีกรรม
ครั้นรุ่งเช้าเดินข้ามไปตามเขา ทั้งเจ็บเท้าที่ลาดพลาดถลำ
ต้องพยุงจูงม้าหน้าคะมำ เหมือนหนึ่งทำท่าเต้นเล่นสิงห์โต ฯ
๏ ถึงค่ายงุมมุมคิรีมีทหาร เห็นประมาณรักษาอยู่ห้าโหล
เข้าพักผ่อนพอตรู่สุริโย แล้วเดินโร่ต่อไปมีไร่นา
เห็นบ้านเรือนลับลิบตามกลีบเขา มีลูกเต้าสับสนเปนคนป่า
ไปอยู่ให้พ้นทางพอห่างตา กลัวอาญากองเสบียงเลี่ยงตะบัน
ที่กำลังทำไร่อยู่ชายเขา เห็นพวกเราวิ่งหนีขมีขมัน
ทิ้งกระบุงถุงย่ามไปตามกัน เขาชันๆ ห้อจี๋มันดีจริิง
เปนพวกเจ๊กไทยเหนือเจือกันวุ่น ยังซ้ำทุ่นญวนกลายทั้งชายหญิง
เดินอยู่บนโขดเขาแลเท่าลิง บางทีวิ่งมุดรกเหมือนนกยาง
ผู้หญิงฮ่อหัวแดงช่างแต่งขัน เอาผ้าพันโพกมิดปิดจนหาง
คล้ายกับแขกฮินดูมีรูกลาง ได้ชมนางฮ่อเหนือจนเบื่อตา ฯ
๏ ครั้นขึ้นเขาแห่งหนึ่งกึ่งอากาศ ญวนขยาดกลัวนักเหมือนยักษา
เรียกนุ้ยเกิ๊มเหิมหาญผลาญชีวา แปลกันว่าเขาห้ามคร้ามทุกคน
พวกขึ้นลงส่งเสบียงกลัวเพียงนี้ ไม่กุลีก็ทหารผลาญทุกหน
สูงสักสามสิบเส้นเปนตำบล ไกลผู้คนบ้านช่องถึงสองคืน
เหมือนกำแพงขวางทางอยู่กลางย่าน ห้วยลำธารซอกผาเหลือฝ่าฝืน
จูงอ้ายด่างทางชันขยั้นยืน เปนหล่มลื่นเลอะตนฝนประปรอย
น้ำค้างแขงตกลงมาแต่อากาศ เหมือนหนึ่งสาดดินประสิวปลิวออกหยอย
จนกลบลบทางวิถีไม่มีรอย บ้างหยดย้อยร่วงกราวเหมือนเข้าตัง
จับใบไม้หนาด้วยคล้ายกล้วยฉาบ ขาวเปนคราบย้อยแห้งดูแขงปั๋ง
เอามาเคี้ยวเข็ดฟันเปนชันกรัง ต้นเตงรังเปียกชุ่มหุ้มตะไคร
เย็นเปนเหน็บเจ็บเนื้อมันเหลือหนาว จนเดินก้าวข้องขัดแทบตัดไษย
ปากเหมือนกรับเสภาระอาใจ เย็นเข้าในทรวงอกจนงกงัก
ชั้นมือมีมวนบุหรี่ไม่ถนัด นิ้วมันขัดปวดเล็บเปนเหน็บหนัก
ทั้งม้าฬาเผ่นโผนโจนกะพัก หยุดชะงักตื่นลำพองร้องคำรณ
ให้หนักอกหนักใจเพราะอ้ายม้า เหลือปัญญาคิดเห็นไม่เปนผล
ต้องปล่อยให้เดินตามเข้ายามจน เพราะเหลือทนหนาวสั่นตามกันมา
จนอ้ายด่างหัวหกพลัดตกห้วย ทั้งชันด้วยลึกแลนอนแบหลา
กลิ้งเหมือนลูกแตงโมโอ้นิจจา จนแข้งขาหักยับดับชีวัง
ด้วยหนทางที่จะไปยังไกลมาก ต้องลำบากบอบกายเมื่อภายหลัง
ไม่ควรเดินจะต้องเดินเกินกำลัง แต่ลำพังอาตมาในป่าดง
นิจจาเอ๋ยเคยขี่มาหนีขา ถึงเมื่อยล้าพอประทังดังประสงค์
ฤๅถึงยามตามเคราะห์มาเจาะจง เปนเวียนวงใช้ชาติให้ขาดกรรม
คนอื่นเขามีขี่ที่เราม้วย บุญไม่ช่วยตามชุบอุปถัมภ์
มาสูญชาติวาสนาตาดำๆ สมเหมือนคำเขาทำนายว่าตายวัน
สิ้นธุระพาชีที่อ้ายเต่า เหมือนเปนบ่าวมันมาแทบอาสัญ
ได้แต่จูงบังเหียนเฆี่ยนตะบัน สิ้นง้อกันเสียที่เขาเจ้าพระกาฬ
เดินพลางทางเห็นศพกุลี สิ้นชีวีล่วงลับดับสังขาร
ที่เปื่อยเน่าทับถมกันนมนาน ทั้งทหหารญวนด้วยมาช่วยตาย
เสื้อกังเกงทิ้งเกลื่อนเหมือนป่าช้า อนิจจาคิดไปก็ใจหาย
เดินสยองมองพลางเห็นร่างกาย เปนที่หมายแห่งพระอนิจจัง
อยากได้ทรัพย์รับจ้างมากลางป่า ทิ้งเคหาญาติมิตรไม่คิดหลัง
เพราะความจนทนระกำแต่ลำพัง เหลือกำลังก็ต้องล้มลงจมดิน
ด้วยคนญวนพวกนี้มิได้ทราบ ว่าทางราบฤๅเปนเขาลำเนาหิน
อยู่บ้านเมืองหมดปัญญาจะหากิน เมื่อได้สินจ้างเขาจึงเดามา
เห็นแต่ทรัพย์นับว่าเที่ยงแก่ชีวิต มิได้คิดให้จิรังในสังขาร์
แท้ที่จริงก็เปนสิ่งอนัตตา คือธรรมดาของโลกโอฆชน
ถึงเชิงเขาชั้นต่ำพอค่ำพลบ ผู้คนครบคั่งคับออกสับสน
มีโรงแฝกหนึ่งหลังพอบังตน ดูเหลือทนหนาวจัดลมพัดฮือ
น้ำค้างแขงแตกกระจายเหมือนทรายสาด หลังคาขาดปลิวกระฉ่อนออกว่อนหวือ
ติดไฟผิงพอบันเทาเป่ากระพือ ยังไม่ครือเปนเหน็บเจ็บระงม
เวลานั้นคุณเพระธุระน้ำ เปนยามค่ำเสือสางครางขรม
จะหาน้ำล้างพักตร์แต่สักอม ญวนก็ถมจ้างใครมันไม่เอา
ทหารฝรั่งคนหนึ่งทลึ่งรับ แล้วเดินกลับย้อนขึ้นบนพื้นเขา
แต่ผู้เดียวเสียวไส้หนักใจเรา มืดเหมือนเข้าทางถ้ำได้น้ำมา
เอาเหรียญหนึ่งจึ่งรู้ฤทธิฝรั่ง ช่างสัจจังสมทหารการอาสา
ทั้งล่ำสันขันขึงถลึงตา เหมือนยักษาไล่มฤคคึกคนอง
ครั้นรุ่งเช้าออกเดินบนเนินสูง ค่อยพยุงกายจรดสยดสยอง
แต่ความหนาวชาไปเหมือนใจปอง พ้นเขตรของเขาร้ายสบายทาง
พวกกุลีที่เอามาดูหน้าจ๋อย ทั้งเจ็บน้อยเจ็บมากเดินลากหาง
ที่แบกของไม่ได้แทบวายวาง ให้เดินทางตัวเปล่าตามเขามา
อันคนใช้นายบรรหารคลานมาหนึ่ง แทบจะถึงที่อยู่บนภูผา
เดินไม่ได้ให้นั่งหลังอาชา ต้องหมอบมาบนอานวานเขาจูง
ทิ่ใครได้หยูกยาเอามาบ้าง ก็ได้วางตามมีคัมภีร์สูง
อาการซุดกับทรงต้องพยูง คนเปนฝูงเหลือปัญญาดูตากัน
นิกสงสารคนไทยร่วมไพร่ฟ้า แล้วก็มาราชกิจเหมือนจิตรฉัน
จึ่งให้เปลของเราเอามาอัน แท้จริงฉันซื้อสำรองเปนของทาน
ได้ขึ้นนอนเหมือนผู้ดีกุลีหาม มันพักตามป่าดงน่าสงสาร
ทั้งหลังงอคอหงายแทบวายปราณ ห้วยลำธารปุ่มหินดินตะแคง
หลวงคำณวนเมื่อคราวถูกหนาวมาก ริมฝีปากแตกระบมกรมระแหง
ครั้นพ้นเขตรลำบากอยากสำแดง ขุนปราบแผลงคำตลกถูกอกใจ
หัวเราะฮาอ้าปากครากสนัด เหมือนมีดตัดเถือเชือดเลือดก็ไหล
เล่นเอาเจ่อเผลอตนต้องทนไป ไม่เกรงใจแผลปากลำบากพอ ฯ
๏ ครั้นถึงห้วยบุ้งฮงก็ลงพัก หยุดสำนักโรงมีดีกว่าหอ
แต่นายทองพูดได้ลิ้นไก่คลอ ช่วยกันยอให้กินยาถามอาการ
ครั้นรุ่งขึ้นเดินแซ่ไปแต่เช้า ถึงบ้านเม้าพักพหลพลทหาร
เปนฮ่อขึ้นฝรั่งเศสเขตรกันดาร ต้องรำคาญถูกอาไศรยเพราะใกล้เคียง
เจ้าของห้องต้องหอบที่นอนฟูก บ้างจูงลูกหลานหนีไม่มีเถียง
ต้องร่นไปไอจามตามระเบียง ออกแซ่เสียงโรงเรือนเขยื้อนโยน
รวมทหารญวนกุลีมิใช่น้อย เกือบสามร้อยหนวกหูเหมือนดูโขน
ทั้งตัวเหามันเห็นเผ่นกระโจน ต้องแกะโยนเกาะกระหน่ำกันร่ำไป
เอาฝาโรงเปนฟืนกับพื้นฟาก ฉุดกระชากหักมาไม่ปราไส
เจ้าของห้องต้องอดสกดใจ ถ้าเขาไปจึ่งได้ทำกรรมของตน
คืนวันนั้นนายทองร้องขอน้ำ คุณพระทำยารินให้กินหน
เปนยอดยาสำหรับเมื่ออับจน ค่อยฟื้นตนขึ้นมากอยากเข้าตัง
ขอบุหรี่สูบปุ๋ยถุยเขละ ดูเหมือนจะหายสมอารมณ์หวัง
พอรุ่งเช้าใส่เปลหามเซซัง ตวันยังพอเที่ยงถึงฟองโท ฯ
๏ คิดหนทางลาวกายปีนป่ายเขา ไม่ทุเลาเมื่อยล้ามาออกโข
ได้เจ็ดวันพอดีกุลีโซ ผอมโกงโก้หิวโหยโรยกำลัง
แต่นายทองพอถึงซึ่งสถาน ดับสังขารสิ้นใจเอาไปฝัง
มีเฝือกห่อพอมิดได้บิดบัง พวกฝรั่งส่งศพคำรพไทย
นายบรรหารแสนลห้อยค่อยสอื้น ได้แต่ยืนเช็ดหน้าน้ำตาไหล
ยิ่งอักอ่วนครวญคร่ำร่ำพิไร แสนอาไลยนายทองนองน้ำตา
ได้เห็นกันฉันญาติเมื่อคราวยาก มาพลัดพรากดับขันธ์ชัณษา
สิ้นอายุหมดชาติญาติกา ไม่ทันลาเห็นใจให้หนทาง
อันความตายไม่ว่าชราหนุ่ม เนื้อหนังหุ้มห่อดีเปนผีสาง
เกิดเปนรูปแล้วทำลายคงวายวาง อยู่ในกลางสังสาระนาการ
เหมือนอกเราคราวมาในป่าชัฎ ต้องเสี่ยงสัตยปลงธรรมกรรมฐาน
ถือเอาพระไตรรัตนชัชวาลย์ สมาทานภาวนารักษาธรรม
กับพระยอดโมลีภูมีภพ เปนจอมจบเวียงไชยไอศวรรย์
จงแคล้วคลาศนิราสไภยในอรัญ จวบถึงคันนครามหานคร
ด้วยมุ่งมาดปราถนาสามิภักดิ์ หมายเปนหลักพึ่งพิงดังสิงขร
เมื่อจะถึงเวลาไม่อาวรณ์ เปนสิ้นตอนบุญกรรมธรรมดา ฯ
๏ ฝ่ายกัปตันฟองโทวะโรฝรั่ง ให้อยู่ยังโรงแปลกแฝกเปนฝา
ล้วนพวกไทยใครไม่ปนสนทนา ตามภาษาสุขสบายข้างฝ่ายเรา
ทั้งอาหารเนื้อวัวกับตัวไก่ อิกเหล้าไวก์กาแฟเบิกแก่เขา
แต่ผักปลาไม่มีที่จะเอา ทั้งเย็นเช้ากินประจำซ้ำกันไป
ได้รอดตัวหัวกระเทียมพริกกระปิ ที่ได้ริซื้อมาพออาไศรย
ได้เงินต่อคอเวอนเมนต์ไม่เปนไร เพราะผัดไปแต่ฮานอยค่อยประทัง
ถึงอย่างนั้นน้ำปลาเวลาเคราะห์ มันจำเภาะราดรดจนหมดถัง
กุลีนั้นแบกหามแต่ลำพัง ไม่ระวังต้องอดหมดทุกคน
อันกับเข้าเบิกได้ในค่ายนี้ พอฉู่ฉี่แกงผัดไม่ขัดสน
แต่หอมกระเทียมที่กินไปสิ้นตน ดูเหลือทนหมดทุนวุ่นเต็มที
นิจจาเอ๋ยมียศมาอดยับ อดทั้งกับของกินจนสิ้นศรี
จะหาซื้อผู้ใดก็ไม่มี เหมือนเข้าที่เอการักษากรรม
เมื่อเคยได้รับประทานของหวานบ้าง มาแรมร้างที่ชุบอุปถัมภ์
เวลานอนร้อนฤดีเหมือนผีอำ ให้พลิกคว่ำพลิกหงายไม่วายตรอง
คิดถึงเย่าเร้าถึงญาตินิราสนุช ไหนจะสุดร่ำไห้อาไลยหมอง
มิคอยกลับนับทิวาน้ำตานอง จะปกครองรูปโฉมได้โลมเรียม
ฤๅจะคิดนอกทางสำอางโอ่ เที่ยวเล้โล้ตัดตอนเล่นซ่อนเสียม
โอ้คิดไปให้วิตกหัวอกเกรียม กลัวจะเทียมกาไหล่ในทองแดง
ยิ่งสงไสยในกมลทนเทกษ มาค้นเหตุคุ้ยแคะแกะระแหง
ไม่ควรคิดนอกทางมาคลางแคลง เที่ยวเกี่ยวแว้งเก็บการพาลคนึง
เมื่อไรหนอจะเสร็จสำเร็จกิจ เวลาคิดครวญใคร่ก็ใจถึง
แต่ว่ากายยังมาเกินเดินตะบึง เดี๋ยวนี้ขึงอูดก้องอยู่ฟองโท
เห็นกุลีที่สำหรับอยู่กับค่าย ลำบากกายอนาถานัยตาโหล
ต้องอยู่ในคอกขังยังแต่โซ ผอมโกงโก้มีแต่กายลายตุกแก
เพราะกลัวหนีมิให้ออกมานอกได้ ยังมีใจพูดก๋อหัวร่อแหว
ไม่เห็นมันทุกข์ร้อนลงนอนแบ บ้างรังแกด่าตีไม่หนีกัน
เสื้อกังเกงร้อยริ้วนั่งหิวแห้ง ไม่มีแรงโรยราแทบอาสัญ
มีเหาเลนเปนประจำกรรมของมัน ต้องผลัดกันหาหัวค้นตัวเลน
ถ้าเก็บได้ใส่ปากไม่อยากเกลียด เคี้ยวละเอียดกินดูไม่รู้เห็น
เขาว่ามันจะได้ตายไม่กลายเปน ได้มาเห็นเหลือทนที่คนญวน
ยังพวกที่มากับเราเขาไม่กัก ให้หยุดพักนอกค่ายคอยไต่สวน
มีนายแถวกำกับนับจำนวน แต่ไม่อ้วนอดออมผอมกริงกริว
ได้กินเข้ากับเกลือเมื่อเดินป่า ถือเอกาอยู่ข้างเคร่งตะเบงหิว
แต่มาถึงเมืองนี้มีปลาซิว เที่ยวตกหิ้วมาแต่ห้วยกับกล้วยดง
เวลารับเงินเดือนเหมือนเศรษฐี ค่อยมั่งมีกว่าในคอกนอกประสงค์
เรี่ยรายกันซื้อหมูดูเปนวง ช่วยกันลงมือฆ่าพอยาคอ
ที่กินสุนัขหมักหมมต้มตะใคร้ ว่าใช้ได้ดีอร่อยไม่น้อยหนอ
ญวนเขาชอบทั้งเมืองไม่เคืองคอ ว่ารสต่อที่สองรองสุกร
แต่เหาเลนเปนทั่วทุกคนหมด สำหรับยศของญวนควรขยอน
เปนธรรมดาอาจิณกินจนพลอน ไม่แคะค่อนพูดจาว่าประจาน
คิดก็แสนปรานีกุลีเอ๋ย ต้องอยู่เลยมิได้กลับลับสถาน
ตายไม่เว้นแต่ละวันยามกันดาร มีแต่การขุดหลุมกันกรุ่มไป
เพราะต้องคลานอานมาแต่นุ้ยเกิ๊ม ตีนมือเยิ้มโซมสาดเลือดฝาดไหล
บ่าที่แบกแตกบวมจนน่วมใน ยังซ้ำไข้มันกินสิ้นชีวา
นี่หากของผ่อนไว้ลาวกายบ้าง เขาก่อสร้างให้เปนคลังลังฉ่ำฉา
แบ่งเอาไว้ให้เบาพอเอามา ไม่มรณาหมดจำนวนญวนกุลี ฯ
๏ อันค่ายนี้พึ่งเสียฝรั่งเศส เดิมเปนเขตรจีนอยู่ต้องลู่หนี
ฝรั่งพึ่งได้ครองในสองปี ขึ้นมาตีตั้งอำนาจราษฎร์ระอา
เรือนเปนหมู่อยู่สักห้าสิบหลัง คนสะพรั่งหญิงชายหลายภาษา
เมื่อเกิดศึกซุกซ่อนร้อนอุรา เดี๋ยวนิี้มาพึ่งพักร่วมรักกัน
แต่ไทยเหนือเปนประจำในสำนัก พูดรู้จักคำสยามแต่ความขัน
เรียกตาเวนต้องเปนชื่อตาวัน ถึงเพี้ยนกันพอเข้าใจชิงไหวฟัง
แต่แต่งตัวเหมือนจีนกินตะเกียบ ไว้ผมเลียบเคียงญวนม้วนข้างหลัง
เอาผ้าโพกหัวหูดูเปนตัง ผู้หญิงยังสวมถุงนุ่งเหมือนลาว
นับถือผีมีหิ้งอยู่ในห้อง เปนภูตของต้นแซ่ทั้งแก่สาว
สำหรับไหว้เช้าเย็นเส้นหวานคาว มีแม่ท้าวป่วยไข้ให้บนบาน
ที่หุงเข้าเตาวางไว้ข้างฟูก หลังเรือนปลูกโรงผีมีเปนศาล
ไม่ว่าญาติคนไรที่วายปราณ ให้อยู่ศาลพอประทังหลังละคน
แม้นตายกันพรรณาภาษาเขา พิไรเร้าอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยหน
คืนยังรุ่งวันยังค่ำเหมือนร่ำมนต์ ออกกาหลเซงแซ่แอ้อี๋ออย
จนเอาศพไปฝังค่อยยังชั่ว ไม่เห็นตัวคนตายก็หายหงอย
แต่ผู้หญิงยลเยื้อนเหมือนฮานอย ดูแช่มช้อยขาวนวลควรประคอง
เขาว่าแม้นสู่ขอแล้วก็ได้ สินสอดในสิบมันเปนชั้นสอง
คือสิบเหรียญได้เคลียเปนเมียรอง อยากจะลองไทยเหนือไม่เบื่อแล
แต่นึกรั้งตั้งสติไม่ริรัก คิดถึงพักตร์ผ่องพ่วงแม่ดวงแข
หล่อนเปนผู้ผูกใจใส่กุญแจ เราจะแส่สุขคนเดียวก็เสียวทรวง
แล้วก็มาด้วยกิจจะผิดแบบ ได้แต่แอบชมงามไม่ห้ามหวง
สู้นิ่งนอนร้อนรุ่มถึงพุ่มพวง ตั้งจิตรจ้วงทรมานรำคาญใจ ฯ
๏ อันชาวบ้านบางนี้มิได้เขลา คิดตำเข้าแปลกชนิดผิดวิไสย
ไม่ต้องเปลืองแรงตนทุกคนไป แต่ตำได้วันละครกยกเอามา
มีกระเดื่องไปตั้งไว้ข้างห้วย เอาน้ำช่วยถีบได้ไม่มุสา
ขุดที่ทางเหมือนรางรองชายคา น้ำไหลมาหนักหกยกได้ที
แต่ช้ากว่าคนหีบถีบกระเดื่อง ตามบ้านเมืองขัดข้องไม่ต้องสี
อาไศรยด้วยมากกระเดื่องจึ่งเปลืองดี ไปกู้ทีสิ้นเวลาห้ากะบาย ฯ
๏ สำนักนี้มีเจ้าเมืองเมื่อแต่ก่อน แล้วม้วยมรณ์เปนเคราะห์เพราะสหาย
คือท้าวไลใจทมิฬสิ้นผู้ชาย ยกนิกายขึ้นมาหาพูดจากัน
พอได้ทีจับมัดตัดศีร์ษะ ไม่ทันจะรบสู้เปนคู่ขัน
แล้วก็ยกกลับไปเมืองไลพลัน อริกันเคี่ยวเข็ญเพราะเกณฑ์คน
แต่ท้าวตีนโศกซุดเปนบุตรใหญ่ คิดเจ็บใจกว่าวันละพันหน
อยากตอบแทนแค้นเข้มอยู่เต็มทน แต่ผู้คนบอบบางทางก็ไกล
จนอยู่ในปกครองของฝรั่ง ถอยกำลังหมดปัญญาอัชฌาไศรย
ต้องเลี้ยงหมูขายเขาเอากำไร กับเกณฑ์ไพร่ส่งกัปตันให้ทันการ
อันค่ายนี้มีกำแพงเปนแท่งหิน สูงพ้นดินหกศอกบอกทหาร
ให้นั่งยามตามไฟกันไภยพาล กว้างประมาณสี่เส้นกั้นเปนวง
ทหารอยู่โรงสูงมุงกระเบื้อง กับไว้เครื่องรบสำรองต้องประสงค์
รวมสิบเอ็ดห้องกั้นได้มั่นคง แล้วยกธงบนหลังคาสง่าดี
เรือนกัปตันนั้นหลังอยู่ข้างเล็ก ล้วนของเจ๊กสร้างตอนเมื่อก่อนหนี
กับโรงหนึ่งขนมปังคลังก็มี ด้วยเปนที่ค่ายสำคัญกันศัตรู
รวมทหารญวนฝรั่งร้อยห้าสิบ มีเครื่องดิบกะป๋องปลากับขาหมู
แม้นข้าศึกล้อมค่ายหลายประตู ของกินอยู่รับรอดตลอดปี
คืนวันหนึ่งหลวงคำณวนควรขนาน พนักงานดินแดนกรมแผนที่
ตั้งกำปัดวัดทางวางวิธี แต่บุรีลาวกายมาหลายวัน
ครั้นถึงเมืองฟองโทคืนโอภาส เดียรดาษผ่องฟ้าดาราหวัน
จึ่งเปิดแอตรอมิเตอพลัน วัดดาวดั้นตามแบบดูแนบเนียน
เอากล้องส่องมองปรอทที่หยอดไว้ แล้วบอกให้นายบรรหารด้านเสมียน
สอบมินิตคิดสกันปันทะเบียน แล้วขีดเขียนสมุดเช่นเปนบาญชี ฯ
๏ ครั้นหยุดพักฟองโทระโหฐาน หลายวันวารอ้วนท้วนเปนนวนศรี
พอเช้าตรู่สุริยันเปนวันดี ยกโยธีต่อไปเมืองไลเจา
มีทางราบแต่น้อยสักร้อยเส้น แล้วก็เปนแนวเดินบนเนินเขา
พวกฝรั่งสั่งว่าอย่าดูเบา ยังเปนเหล่าแดนฮ่อคอยต่อแย ฯ
๏ ครั้นถึงน้ำซองนาเย็นพายับ มีเรือรับส่งข้ามตามกระแส
กับตัดไม้ไผ่ตงลงทำแพ เสียงเซงแซ่พร้อมเสร็จสำเร็จนอน
คืนวันนั้นเดือนตกสักหกทุ่ม มีคนคุมลายลักษณ์ซองอักษร
เปนหนังสือราชการประทานพร กับสมรมีตอบน่าขอบใจ
ฉีกหนังสือถือสารอ่านไม่หลับ เพราะได้รับคำของมิตรพิสมัย
ว่าอยู่ดีกินดีพิรี้พิไร ไว้อาไลยสั่งกำชับรับประกัน
กับเหน็บแนมแย้มเย้าเปนเค้าเงื่อน ดูเหมือนเตือนให้อาไลยชื่นใจฉัน
ยิ่งตรองตรึกนึกไปเห็นไรฟัน เวลาวันโลมสั่งกำลังครวญ
มาไกลอกตกอับเหลือปรับทุกข์ พี่บอกสุขกลัวจะโศกโรคกำศรวญ
ไยมาตอบตื่นเต้นเปนสำนวน มีกระบวรร่ำไปไม่วายเลย
คิดขึ้นมาน่าแค้นแล้วแสนรัก อกจะหักเสียเพราะร้างห่างเขนย
เปนนิไสยสัตรีที่จากเชย เขาต้องเอ่ยกั้นกางด้วยทางงอน
นึกขอบใจไทยเหนือเหมือนเสือป่า ช่างอุส่าห์บุกตามข้ามสิงขร
จนมืดค่ำคลำเดินเชิญสุนทร เขาจ้างออนคล่องใช้ไปรสนีย์
ครั้นรุ่งเช้าเดินลำบากตากแต่แดด มันช่างแผดร้อนรนลนฉวี
ก็เพราะต้นพฤกษาหาไม่มี เปนคิรีโล้นเลี่ยนเตียนนัยตา
อันบ้านฮ่อริมทางเห็นร้างยับ หนีทางทัพเปอร์โนโร่เข้าป่า
เปนกองแรกของฝรั่งเซซังมา เมื่อก่อนหน้าเรานี้สิบสี่วัน ฯ
๏ ถึงเมืองล่าเคหาอยู่ยอดเขา แลดูเย่าเปนกระจุกสนุกขัน
แต่ไกลตามืดหมอกออกเปนควัน เขาอยู่กันตามใจเพราะไกลทาง
เห็นกุลีที่มาตายวายชีวิต นั่งดับจิตรพิงเขาราวกับย่าง
ห่มกระสอบคาดเถาวัลย์ยิงฟันพลาง แขนยังกางถือไม้เท้าเน่ามานาน
เขาว่าทัพเปอร์โนโกลาหล แกยกพลมากำหราบปราบสถาน
กุลีถึงสามพันยามกันดาร จะวายปราณสักเท่าไรไม่ได้ความ
ในวันนั้นค่ำนอนบนดอนเขา ถึงบันเทาเหนื่อยเหน็จยังเข็ดขาม
พยุฝนฮือโหมเสียงโครมคราม พอสักยามเศษพัดอัศจรรย์
ลูกเห็บตกลงมาแต่อากาศ ม้าฬาขาดตกตลึงอึงสนั่น
แต่ละก้อนน่ากลัวตัวฉกรรจ์ อย่างกลางนั้นไข่เป็ดเท่าเม็ดโทน
ถูกกุลีหัวแตกร้องแรกเอ็จ โดนอ้ายเม็ดใหญ่หยอกต้องออกโขน
นายบรรหารหนึ่งแห่งหน้าแข้งโปน เสียงตะโกนทั้งทัพเหมือนขับนก
กลางที่นอนก้อนละลายกลายเปนน้ำ ช่างเย็นฉ่ำจับหัวใจเข้าในอก
ไม่แกล้งอวดปวดกระดูกเหมือนลูกนก ต้องสั่นงกนั่งแช่แย่ตารัก
เสื้อกางเกงเปียกปอนหนาวจอนจ่อ ที่นอนห่อขึ้นมาวางไว้กลางตัก
จนครึ่งคืนจึ่งได้ซาเวลาพัก เหลือที่จักเดือดร้อนนอนคลุมโปง
พอเช้าตรู่สุริยานภาผ่อง จัดเข้าของมุ่งเขม้นเปนโขยง
เลียบไปตามเหวเหินเดินตะโพง ดูเลี่ยนโล่งฦกลิ่วหวาดหวิวใจ ฯ
๏ พอถึงลำน้ำตันตวันเที่ยง หยุดพร้อมเพรียงที่ท่าชลาไหล
มีเรือข้ามมารับกองทัพไป เข้าอยู่ในที่พักเรียกบักตัน
เห็นเรือนสักสิบหลังดังกรอบแกรบ ทั้งคับแคบที่สถิตเหมือนติดจั่น
สกปรกเต็มทีมีแมงวัน อเนกอนันต์เหลือล้นทนระมาน
อันค่ายนี้เปนที่ของพวกฮ่อ น้ำใจคอเหี้ยมเกรียมเทียมทหาร
เมื่อกองทัพเปอร์โนสโมธาน คุมทหารจะไปเมืองไลเจา
ขุดหลุมพลีตีแตะสนามเพลาะ เอาเสียมเซาะเปนคูเพราะรู้เท่า
รายอยู่ตรงท่าข้ามตามลำเนา มีทั้งเสาปักขั้นกันลูกปืน
ไปนับดูรู้ว่าสิบสามแห่ง ช่างแขงแรงเหลือปัญญาจะฝ่าฝืน
หมายจะโต้ทานทัพให้กลับคืน ผู้คนดื่นเตรียมตัวไม่กลัวใคร
เวลานั้นเปอร์โนสโมสร คุมนิกรเดินพหลพลไหย
พอเช้าตรู่สุริยานภาไลย บังเอินไอเขาออกเปนหมอกมน
ครั้นกองหน้าถึงท่าทางเฉนียน สิ้นความเพียรพาหนะของพหล
จึ่งเป่าแตรสมมุติให้หยุดพล พักผู้คนพร้อมกันที่นั่นเอง
ทันใดนั้นพอแตรแซ่หูฮ่อ มันแขงข้อทุกกระบอกกรอกเขนง
ยิงกระหน่ำร่ำด้วยปืนดังครื้นเครง ไม่กลัวเกรงฤทธิฝรั่งว่าอย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายกองทัพเปอร์โนโทโสมาก สั่งให้ลากปืนออกกระบอกใหญ่
ยิงโต้หน้าไว้พลางให้วางใจ แล้วสั่งให้เหล่าทหหารชาญฉกรรจ์
ข้ามแม่น้ำขึ้นฝั่งเข้าหลังค่าย ก็สมหมายปีนตลิ่งยิงถลัน
ถูกชนิดปืนชะงัดปัศตัน รุกโรมรันล้อมฮ่อทรชน ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าฮ่อก็ขยาดขลาดฝรั่ง เหลือกำลังหัวพองสยองขน
จะสู้รบสุดรับเข้าอับจน ทิ้งตำบลบักตันในทันใด
ขึ้นคิรีหนีหน้าต้องล่าทัพ ไม่ให้จับเอามาเชือดจนเลือดไหล
ที่ต้องตายในสมรภูมิไชย สาแก่ใจที่มันคิดเปนจิตรพาล
แล้วเปอร์โนข้ามมาพร้อมหน้าหมด ให้กำหนดตรวจทัพนับทหาร
จึงรู้ว่าตายกันประจัญบาน นับประมาณรวมเสร็จสิบเอ็จคน
ได้สืบทราบอย่างนี้มิได้เห็น ด้วยเราเปนกองหลังฟังนุสนธิ์
เหมือนเขาช่วยล่วงหน้ามาประจญ วางผู้คนเปนที่พักไว้บักตัน
หลังค่ายมีศาลเจ้าเท่าโรงงิ้ว มีทั้งติ้วกระถางธูปรูปลั่นถัน
ทั้งหน้าดำหน้าแดงแขงแรงครัน ถือกั้นหยั่นขวานปูลูธนูทวน
ไยไม่สู้พวกฮ่อมันต่อรบ เครื่องมือครบเหมือนทหารด่านเสฉวน
ฤๅถูกกลฮกหลงงงกระบวร ไม่อาจฮ้วนเล่าปี่เปอรโน
เจ้าเตลิดเปิดเจว็ดเสด็จกลับ ด้วยอดตับหมูไก่ใบตั้งโอ๋
ไม่มิใครให้เสวยจะเลยโซ ต้องเจ๊าโล่ตามอ้ายฮ่อไปขอกิน
รูปถวายไม้จริงที่ทิ้งอยู่ บานประตูแผ่นใหญ่บันไดหิน
ถูกริบมาปักรายเปนค่ายดิน จนโทรมสิ้นมีแต่โครงดูโกรงเกรง
ตุ๊กตาหน้าลั่นถันทหารเจ้า ต้องมาเฝ้าตินท่าตาเขมง
ทั้งกลางค่ายรายตั้งเล่นตามเพลง โดนนักเลงยุโรปเปียนเบียฬเอาพอ
เวลาที่รบรานชาวบ้านช่อง เก็บเข้าของทิ้งที่ออกหนีสอ
ไปซุ่มซ่อนตามเขาเปนเหล่ากอ เดี๋ยวนี้พอสงบทัพก็กลับมา
ปลูกเรือนอยู่แต่ละหลังเหมือนขังสัตว์ ต้องเยียดยัดยุ่มย่ามตามภาษา
เด็กผู้ใหญ่ซ้อแซ้แก่ชรา กินเข้าปลากับใบตองรองเหมือนจาน
ได้พักอยู่ดูตำบลชนบท จึงทราบหมดทั่วประเทศเขตรสถาน
แล้วออกจากสำนักไม่พักนาน ตามกันดารเดินทัพบรรพตา
หลวงคำณวนนายบรรหารท่านขุนปราบ ออกเข็ดหลาบเหลือเหนื่อยว่าเมื่อยขา
พร้อมใจกันลงเรือเชื้อกันยา ทำหลังคาแล้วไปด้วยใบตอง
ผ้าขี้ริ้วตอกหมันชันหายาก ดูรอยถากเปนระนาวมีเจ้าของ
ต้องงอนหง่อคอตั้งนั่งหย่องยอง แต่ทางสองวันไปถึงไลเจา
อันตัวฉันเปนเวราต้องมาบก ชะตาตกแชเชือนไม่เหมือนเขา
นึกแต่เพียงรอดตายกายของเรา สิ้นอ้ายเต่าแล้วมิหนำซ้ำต้องเดิน
มีห้วยบ่อฮ่อมันใส่ไว้ยาพิษ เปนจนจิตรในลำเนาภูเขาเขิน
นอนค้างคืนบนคิรีมีเปนเนิน แล้วมุ่งเมินถึงถิ่นเรียกชินนัว
มีบ้านช่องสองหมู่ดูแทบร้อย ผู้คนน้อยหนีเสียทั้งเมียผัว
เมื่อเปอร์โนยกมาก็น่ากลัว รับเต็มตัวตั้งหลักเหมือนบักตัน
แต่เจ้าฮ่อท้อฤทธิ์คิดขยาด ร่นเรี่ยราดสู้รบไม่ขบขัน
ยิงถูกแต่กุลีสิ้นชีวัน พลขันธ์ปลอดตายสบายดี
แต่ฮ่อที่คุมทัพดับไปบ้าง ฝังอยู่ข้างชายดงปักธงสี
เหมือนปรำตามภาษาป่าวิธี ว่าส่งผีขึ้นสวรรค์กันอบาย
ได้พักอยู่บ้านร้างหมดทั้งทัพ มีห้องหับโปร่งเหมือนกับเดือนหงาย
พอรุ่งข้ามน้ำนัวทั่วนิกาย เดินเรียงรายไปตลอดยอดคิรี
ตั้งแต่มาหาหนทางที่ราบน้อย ไม่เรียบร้อยเฟื่องฟุ้งเหมือนกรุงศรี
ถึงจะให้ราชรถยศทวี จะขับขี่ฟั่นเฝือเหลือปัญญา
สังเกตทางอย่างคลื่นมหาสมุท ต้องรีบรุดเดินขัดสบัดขา
พวกฝรั่งตัวดีที่มีมา ยังระอาออกคอท้อทุกคน
แต่คุณพระไพรัชสันทัดท่อง ไม่เห็นร้องว่าเหนื่อยเมื่อยสักหน
กับเซนเยมผู้ส่งก็คงทน ซ้ำกังวลช่วยระวังทั้งกุลี
อันตัวเราแต่ไหนก็ไม่เหนื่อย จำเพาะเมื่อยเกือบจะถึงกึ่งวิถี
แต่แลเห็นไลเจาเย่าเรือนมี ยิ่งทวีหอบกระเหมือบดูเกือบตาย
คิดหนทางเจ็ดโมงโคลงศีร์ษะ เปนระยะจนถึงพอกึ่งบ่าย
เข้าพักอยู่โรงหญ้าทั้งห้านาย ระงับกายตามเรื่องเรียกเมืองไล
ไม่มีเจ้าต้องเอาเปนชื่อแท้ อย่าคิดแส่นึกพะวงทำสงไสย
ทั้งฮ่อลาวชาวเหนือเรียกเพรื่อไป ว่าเมืองไลญวนขอต่อที่เจา
พบขุนนางปาวีที่มียศ เหมือนนักพรตเดินชาญชำนาญเขา
มาแต่หลวงพระบางทางไม่เบา ถึงไลเจาจันตคามสิบสามวัน
ทหารไทยมาด้วยช่วยรักษา ได้เห็นหน้าคนไทยชื่นใจฉัน
รวมเก้าคนที่มาทั้งซายันต์ ดูเข้มขันแขงณรงค์คงกำลัง
แล้วบอกว่าเมื่อมาใกล้เมืองฮั้ว เดินเลียบรั้วบ้านฮ่อพอให้หลัง
ยิงออกมาจากบ้านสท้านปัง เหลือระวังแต่ลูกไม่ถูกใคร
จึ่งได้เตรียมทุกกระบอกกรอกเอาบ้าง เสียงโผงผางรุกกระชั้นสนั่นไหว
อ้ายจีนฮ่อท้อศักดาระอาใจ ทหารไทยยิงตระหน่ำด้วยชำนาญ
หางหนูชี้หนีขึ้นเขาทิ้งเย่าหมด ต้องรู้รสคนสยามคร้ามทหาร
น่าชื่นชมสมอำนาจราชการ แล้วเชี่ยวชาญเชิงอาวุธยุทธนา
แม้นสู้ศึกคงจะฮึกยิ่งกว่านี้ เข้าต่อตีแต่ละตนทนอาสา
ไม่คิดกับร่างกายวายชีวา ต้องก้มหน้ารับสนองฉลองคุณ
หมายจะหาความชอบประกอบชื่อ ตลอดฦๅลูกหลานเปนการหนุน
ไม่ย่อท้อพาลาที่ทารุณ ยิงเปนจุลหาญหักด้วยศักดา
คิดถึงฮ่อโมหันธ์มันทธาตุ เที่ยวรอนราชชนบทถือยศถา
ลอบอยู่กันในขันธเสมา อหังกาเกินการเที่ยวพาลยิง
เมื่อคราวนี้ถึงส่ี่สิบคนเศษ อวดฤทธิ์เดชรบสู้เหมือนผู้หญิง
เห็นทหารกับกุลีจะตีชิง ไยจึ่งวิ่งไทยเราแต่เก้าคน
อันตัวกล้าซายันต์ดูซื่อๆ แต่ฝีมือเจนศึกเคยฝึกฝน
แล้วป้องกันฝรั่งไม่ห่างตน คือท่านคนที่มาที่ปาวี
เขาเขียนชื่อนายคงลงอักษร ขออาภรณ์เพิ่มพักตร์เปนศักดิ์ศรี
ไปยังเมืองตังเกี๋ยไม่เสียที คือความดีแขงกล้าซายันต์คง
เขาอยู่ในกำปนีทหารหน้า ต้องขึ้นมาหลวงพระบางทางประสงค์
อยู่ในหลวงดัสกรรอนณรงค์ จะยืนยงศักดาสง่าครัน
แล้วคุณพระให้บำนาญทหารหมด เพราะความอดเดินป่าพนาสัณฑ์
เปนกำลังราชการเจือจานกัน ด้วยเขตรขันธคับแค้นทั่วแดนไล
แล้วท่านพบพูดจาวิสาสะ เปนธุระราชกิจโดยจิตรใส
พอรุ่งขึ้นสองทิวาก็คลาไคล กลับแดนไทยตามกระทรวงหลวงพระบาง
ข้างฝ่ายเราไม่ถึงบทกำหนดกลับ นอนกระสับกระส่ายตัวเหมือนกลัวสาง
เพราะอาการวิปริตผิดนภางค์ ถ้าปะลางวันร้อนเหมือนนอนไฟ
ลางวันหมอกมืดมัวทั่วทิศา ต้องห่มผ้าซ้อนซับเหมือนจับไข้
ทั้งร้อนหนาวผลัดกันทุกวันไป แม้นธาตุใครย่อหย่อนต้องนอนคราง
ยิ่งคับแค้นเข้าปลาแลอาหาร แสนกันดารสารพัดจะขัดขวาง
แต่เข้าของต้องผ่อนไว้เรี่ยทาง จึ่งบอบบางการสเบียงจะเลี้ยงกาย
ไม้ขีดไฟขายกลักละเจ็ดอัฐ เกลือก็ขัดชั่งละเหรียญเจียนฉิบหาย
พวกทหารมารินต้องกินควาย ถึงตัวนายเหมือนเราก็เอาดี
ลางวันเถือเนื้อโคมาให้บ้าง พอได้ย่างมังสาทำกะหรี่
ยักผัดเจียวให้กลายหลายวิธี ก็ไม่หนีเนื้อไก่โคกระบือ
อันผักหญ้าหาแกมไม่มีเชื้อ ถึงจะเบื่อเชิงกับต้องนับถือ
แต่ไม่เหมือนบ้านเมืองที่เลืองฦๅ เขาขึ้นชื่อของกินแผ่นดินไทย
อันตัวเราก็มาในข้าหลวง เปนกระทรวงฝ่ายสยามตามวิไสย
ฝรั่งเศสเขารับกำกับไป ตามทางไมตรีกรุงบำรุงการ
มีเงินทองสารพัดจัดสำหรับ ให้ซื้อกับผักปลาแลอาหาร
แต่หาซื้อไม่มีทกันดาร ด้วยชาวบ้านยังพลัดกระจัดกระจาย ฯ
๏ อันเมืองนี้เขาฦๅชื่อกระฉ่อน เปนนครคบโจรคนทั้งหลาย
คือท้าวไลใจชั่วเปนตัวนาย เขย่งกายคุมฮ่อทรชน
ล้วนพวกหลียงฟูหางหนูสั้น ที่แตกดั้นเซซัดด้วยขัดสน
จึ่งคบกันทำศักดาจลาจล นึกว่าตนเต็มอำนาจอาจณรงค์
มีทหารเดนตายทำกายก้อ ล้วนแต่ฮ่อสิ้นคิดหมดพิษสง
เหิมกำลังตั้งใหญ่อยู่ในดง จิตรทนงแขงขาว่าตำบล
จะตั้งตัวเปนองค์หลงด้วยโลภ ใจละโมภโมหะอกุศล
เหมือนเอากลิ่นเสือปลามาทาตน ชุมนุมพลจิตรพาลสันดานเมา
ไม่อ่อนน่อมยอมเดชประเทศไหน ครองเมืองไลนั่งถ่านอยู่ชานเขา
ทั้งบ้านเรือนเหมือนวางไว้กลางเตา ยังโฉดเขลาอวดอำนาจทำอาจองค์
เหมือนแมลงป่องพิษสว่างที่หางน้อย ชูจะงอยกั้นกางเปนหางหงส์
จะยุทธนาวาสุกรีอันมีพงศ ยังทนงไม่รู้สึกสำนึกตาย
เที่ยวเบียดเบียฬไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ข้าพระบาทชนบทร่วมกฎหมาย
เมื่อเคราะห์ดีผียังประทังกาย ถ้าเคราะห์ร้ายแล้วต้องรู้ว่ากูพาล
แต่เจ้าเมืองฟองโทไม่โอหัง เปนเหมือนดังญาตมิตร์ก็คิดผลาญ
เพราะอาเภทวิปริตผิดสันดาน จึ่งทำการแตกหลักสามัคคี
ราษฎรที่อาไศรยตามชายป่า เที่ยวกวาดมาเปนกำลังยังแต่ผี
ถ้าขัดแขงดึงดื้อจะถือดี ก็ฆ่าตีเติมซ้ำทำประจาน
เดี๋ยวนี้เข็ดฤทธิ์ไทยใจระย่อ ด้วยสร้างต่อมาไม่ครือมือทหาร
จนเหมือนเสือที่ขังหมดรังควาน ยังแต่ร่านกินไก่ในกระทอ
จะหนีเข้าตังเกี๋ยก็เสียหัว ด้วยความกลัวฝรั่งที่ชังฮ่อ
เขาเปนผู้ป้องกันฟันหลักตอ ไม่ให้ก่อกองผู้ร้ายข้างปลายแดน
โอ้ท้าวไลไทยเหนือเปนเชื้อเหมือง มันเข้าเรื่องนิ้วไร้แต่ได้แหวน
มีเขตรขัณฑ์จันตคามอยู่ตามแกน ต้องโลดแล่นซ่อนเร้นไม่เห็นตัว
เพราะล่าทัพเปอร์โนฝรั่งเศส จึ่งละเขตรหนีเสียทั้งเมียผัว
เก็บเข้าของอพยพครบทุกครัว ด้วยความกลัวตกใจทิ้งไลเจา
ทั้งบ้านช่องยุ้งฉางกับรางหมู ไม่ให้อยู่เปนของใครเอาไฟเผา
จนไหม้โทรมทั้งบุรีเปนขี้เทา เหมือนกลางเตาหมดสิ้นแผ่นดินเกรียม
ประเดี๋ยวนี้ฝรั่งเข้าตั้งมั่น ทำค่ายกั้นเก็บกากถากด้วยเสียม
ทั้งสูงราบปราบที่ดีกว่าเทียม ช่างเตียนเรี่ยมกว่าเก่าของท้าวไล
ปลูกโรงแปลกแฝกหญ้าสิบห้าหลัง ทหารนั่งยามยืนปืนไสว
อยู่ป้องกันเมืองเสือที่เหลือไฟ บำรุงได้ตามชอบเปนขอบคัน
มีทหารญวนฝรั่งอยู่สามร้อย ประจำคอยรับตรวจกันกวดขัน
ไม่ไว้ใจเจ้าของคอยป้องกัน กลัวฮ่อมันสมทบมารบกวน
อันบ้านของท้าวไลที่ใจแขง มีกำแพงเท่าจังหวัดขนัดสวน
ฝรั่งปลูกโรงใหญ่ไว้จำนวน คือของควรเปนลำเลียงสเบียงกรัง
ซุ้มประตูหน้าบันนั้นจารึก เปนตัวหมึกปฤศนาข้างหน้าหลัง
ว่าท้าวไลใจบุญกรุณณัง เปนผู้รั้งครองนครอักษรญวน
คิดก็แสนเวทนามาไม่พบ เขาว่าหลบเลื่อมเหเข้าเสฉวน
มีแต่ชื่อเฝ้าประตุดูไม่ควร หมดเพลงทวนฤทธิ์เดชเข็ดจนตาย
ถ้าแม้นไปนอบน้อมพระจอมราช พึ่งอำนาจกรุงสยามตามกฎหมาย
เสียเมื่อครั้งรู้ตัวอย่ากลัวอาย คงสบายรุ่งเรืองสืบเมืองไล
ไม่ต้องเปนของเขาชาวตังเกี๋ย ทางได้เสียควรคิดวินิจฉัย
ฝรั่งครองตองกินกับดินไทย เปนเมืองไมตรีกันเหมือนพันธุ์พงศ
เมื่อเห็นผิดแล้วไม่คิดหาที่ชอบ ใครจะปลอบวอนกามาเปนหงส์
จนแผ่นดินไม่มีอยู่ลู่เข้าดง ไม่มั่นคงเหมือนบุรีหลียงฟู
แต่พรรคพวกยังกระเจิงเหลิงอำนาจ เหมือนปิศาจสำหรับไพรไว้หางหนู
เที่ยวปล้นหาบคอนกินสิ้นประตู เปนศัตรูของฝรั่งจิรังกาล
ต้องออกตรวจตามป่าโดยสาเหตุ ฝรั่งเศสพบขุมหลุมเข้าสาร
ที่ฝังไว้แห่งหนึ่งสักครึ่งลาน เลี้ยงทหารกินจบได้ครบปี
ด้วยตั้งค่ายสวมเมืองเข้าเครื่องอด แต่ว่ายศแลอำนาจดังราชสีห์
ถ้าแม้นไม่ส่งสเบียงเลี้ยงชีวี สักครึ่งปีขนมปังหมดคลังตาย
อันทางนี้ไม่เห็นจะเปนผล ใครจะทนบากหน้ามาค้าขาย
ในแม่น้ำก็เปนหินล้วนดินทราย ถึงเรือพายก็ต้องเข็นเอ็นขึ้นเกลียว
เหตุฉนี้จึ่งกันดารอาหารนัก ไม่มีหลักแน่แท้จะแลเหลียว
พวกทหารต้องหายามาเยียว จึ่งออกเที่ยวยิงควายไม่วายวัน
อันเมืองไลไชยภูมิ์ดูผึ่งผาย เข้าที่ค่ายท่ารบดูขบขัน
ยาวแปดเส้นเปนสง่าน่ารำพรรณ แต่กว้างนั้นสี่เส้นแลเปนแนว
ที่หลังเมืองมีเขาเอาทำป้อม ปักไม้ล้อมเปนกระบังข้างละแถว
เหมือนขากบโอบบุรีไม่วี่แวว บนเขาแพ้วยกธงว่าคงครอง
ที่พื้นเมืองเปนเนินแนวตลิ่ง แลดูวิงเวียนตาน่าสยอง
ทั้งขึ้นลงคงหอบสอบเหมือนซอง แล้วมีกองหินหาดลาดลงไป
อันน้ำแท้ซองนาอยู่ขวาซ้าย เรือแจวพายมองเขม้นก็เห็นใกล้
เปนรางลงบรรจบทบน้ำไล แล้วเลยไหลรวมสามตกน้ำดำ
ทั้งสี่แยกอยู่หน้าภารานี้ ตรงคิรีภูมิ์ฐานเปนด่านขำ
กับวิถีมาแถงแขวงเชียงคำ รวมประจำอยู่หน้าทั้งห้าทาง
แม้นไพรีมีมาทั้งน้ำบก ไม่อาจยกเข้าประชิดด้วยกีดขวาง
เพราะป้อมเขาหลังบุรีมีกั้นกาง ยิงเล่นต่างฝูงเนื้อไม่เหลือคืน
แม้นท้าวไลกัดฟันป้องกันถิ่น คงเต็มกินข้าศึกไม่คึกขืน
คนละทียิงถูกด้วยลูกปืน ล้มทั้งยืนเหมือนกันอันตราย
แต่จิตรใจใช่ทหารสันดานขลาด ออกขยาดทั้งเรื่องเครื่องฉิบหาย
เพราะเสียด่านหลายตำบลผู้คนตาย หมดแยบคายสิ้นปัญญาเข้าตาจน
อันเมืองนี้ที่สถิตอยู่กลางย่าน ตั้งอยู่ด้านตวันตกยกถนน
เดินลงมาหลวงพระบางทางตำบล ภูวดลเรียบงามสิบสามวัน
ได้ทราบว่าเมืองแถงแขวงสยาม จันตคามทั้งประเทศทั่วเขตรขัณฑ์
ไม่มีคนรนรุดมุดอรัญ ตกใจกันชุนละมุนออกวุ่นวาย
อันพวกไทยกับฝรั่งต้องยั้งยับ จะเดินทัพต่อไปก็ใจหาย
ด้วยขัดขวางทางสเบียงจะเลี้ยงกาย กินขยายเย็นเช้าทั้งเข้าปลา
พวกกุลีมีกำลังเสมอมด แต่ว่าอดเกือบตายคล้ายสวา
พาชีมีแต่โครงดูโปร่งตา ชั้นแต่หญ้าก็กันดารในบ้านเมือง ฯ
๏ ฝ่ายข้าหลวงกรุงไทยมไหศูรย์ รุกขมูลหยุดสำนักดูพักตร์เหลือง
ยิ่งตรึกตรองก็กันดารเปนการเปลือง แต่ว่าเรื่องไข้เจ็บไม่เหน็บแนม
ด้วยเดชะมนุชาธิเบนทร์ราช ทรงประสาทดับร้อนอวยพรแถม
กับอุส่าห์สาภิมตสกดแกม น้ำใจแจ่มจบหัดถ์มัสการ
จึ่งได้ปลอดรอดบ่วงห่วงพยาธิ์ แห่งข้าบาทมุลิกามหาศาล
สุขสบายทั่วกันทุกวันวาร แสนสำราญสบไถงอยู่ไลเจา
สิบสองวันเตรียมกันที่จะกลับ เซนเยมกับกุลีทหารเดินชานเขา
แต่พวกไทยข้าหลวงกระทรวงเรา ตามใจเขาผู้ส่งให้ลงเรือ
มาตามน้ำซองนามะหาห้วย มีคนช่วยถ่อพายเปนไทยเหนือ
ทั้งแก่งกองหินผาเหมือนนาเกลือ มันมีเพรื่อไปทุกคุ้งยุ่งกับเรา
ต้องเดินหาดแต่เรือไทยเหนือเข็น ด้วยลึกเปนตอนๆดอนภูเขา
แล้วมีเชือกกะรั้งยังตะเภา ขึ้นลงเท้าไม่ทันแห้งแก่งซองนา
เห็นชนีห้อยไม้อยู่ชายเขา มีลูกเต้าโลดเลี้ยวเหนี่ยวพฤกษา
มองลูกไม้หิ้วโหนโยนกายา ดูหน้าตาช่างละม้ายคล้ายกับคน
แต่กำเนิดนั้นเกิดด้วยหญิงชั่ว จึ่งมีตัวตั้งสัตว์ปัฏิสนธิ์
เดิมเปนนางโมราเข้าตาจน ถูกเวทมนต์สาบพักตร์มัฆวาน
เพราะนอกใจแล้วมิหนำซ้ำฆ่าผัว ชื่อจึ่งชั่วติดมาอาวสาน
ก็สมกับที่จริงเปนหญิงพาล ต้องทรมานหมดญาติชาติชะนี
เสียงไก่ป่าท้าขันอยู่เจื้อยแจ้ว วังเวงแว่วหวาดใจในวิถี
ทั้งเรไรหริ่งร้องก้องคิรี ดูเปนที่หวาดหวามตามอรัญ
เห็นน้ำพุพุ่งขาวยาวเปนสาย ฟองกระจายดูเล่นก็เห็นขัน
ยิ่งฟังไปให้ฉงนมักขนชัน เสียงสนั่นในคิรีดังมีคน
ได้ยินเหมือนขานยาวฤๅเป่าสังข์ ยิ่งเงี่ยฟังเย็นจิตรคิดฉงน
แม้นน้องแก้วกัลยาได้มายล จะหวาดตนตัวสั่นรัดบั้นเอว
ด้วยเปนคนขวัญอ่อนนอนสดุ้ง มาเห็นคุ้งเขาง้ำเปนถ้ำเหว
จะต้องปลอบร่ำไปมิใช่เลว คิดถึงเอวอ่อนขรัญรำพรรณพลาง
จนมาถึงบักตันสามวันถ้วน แล้วเดินด่วนรีบรัดไม่ขัดขวาง
พร้อมกุลีมีทหารที่ชาญทาง กับขุนนางเซนเยมก็เปรมปรีดิ์
อิกสองวันบัลลุฟองโทสถาน แสนสำราญรีบจริงเหมือนวิ่งจี๋
แต่ต้องพักรอคอยคอนวอยมี ทหารที่ไปเปนทัพรับสเบียง
ครั้นถึงวันกำหนดบทฝรั่ง ก็พร้อมพรั่งอัดแอออกแซ่เสียง
พอรุ่งออกจากค่ายเดินรายเรียง ก็พร้อมเพรียงทั้งกุลีมันดีใจ
ด้วยจะกลับฮานอยคอยแต่ถาม มันทราบความนับเวลาดูหน้าใส
เพราะคิดถึงว่านเครือเหลือบรรไลย ที่เจ็บไข้เดินตามกันหลามมา ฯ
๏ ถึงลาวกายนับได้เจ็ดวันครบ ไม่เมื่อยขบทั่วกันก็หรรษา
คอมมันดันจัดให้ไปนาวา ล่องลงมาตามลำแม่น้ำแดง
แต่เซนเยมบริภุญช์กับคุณพระ ลงเรือฉลอมต่อคนถ่อแข็ง
ฮอศกิ๊ดติดประทุนที่หมุนแรง เขาทำแผลงสำหรับใช้ที่ในชล
อันพวกเราสี่นายไปลำหนึ่ง ทั้งเรือตึ่งรั่วร้ำเหมือนน้ำฝน
มีญวนแจวถ่อพายก็หลายคน แต่เหลือทนคับแคบดูแทบตาย
ทั้งกุลีโดยสานทหารด้วย คนเจ็บป่วยลงมายัดอึดอัดหลาย
จะนั่งนอนงอนหง่อต้องห่อกาย ดูคล้ายๆหีบมัจฉาปลาซดิน
เรือที่มาห้าลำมิใช่น้อย รวมกว่าร้อยคนนอนเหมือนก้อนหิน
เวลาหนึ่งหยุดหาอาหารกิน พอเสร็จสิ้นเขาไล่ไถ่กุลี
เพราะพาหนักมักเรือจะติดหาด วิ่งเกลื่อนกลาดน่าสังเวชเหมือนเปรตผี
เที่ยวลุยน้ำเพียงคอขอไปที ดูสักสี่สิบคนอลมาน
วิ่งร้องไห้ตะกายเรือเหลือลำบาก โอ้คนยากอนาถาน่าสงสาร
เขาถีบทุบเตะต่อยดอยจนอาน ไม่อาจคลานขึ้นมาหน้าตาโน
ต้องขึ้นเดินบนตลิ่งวิ่งเหมือนเนื้อ พวกในเรือด่าแต่แต๊วแม่โบ๋
เปนนิไสยคนญวนชวนแต่โว ไม่พุทโธซ้ำกันตะบันไป
จนสี่วันถึงบาวาเวลาเที่ยง ขึ้นพักเพียงผ่อนเวลาพออาไศรย
ขึ้นนอนบนศาลเจ้าของท้าวไทย ทั้งความไข้ประจุบันนั้นก็มี
คืนวันหนึ่งไก่สำหรับทำกับเข้า หมายว่าเช้าจะได้ฆ่าทำกะหรี่
ผูกไว้หน้าศาลดูว่าอยู่ดี บังเอินมีเสือกากลากไปกิน
นิจาเอ๋ยเทพาสุราฤทธิ์ ช่างไม่คิดอดสูผู้มีศิล
เมื่อนอนก็ขออาไศรยใจทมิฬ ให้เสือกินไก่ได้น้ำใจคอ
จำเพาะมีตัวเดียวเจียวนะเจ้า เปนกับเข้าชั้นกระดูกก็ถูกสอ
ได้รอดที่ฝรั่งสั่งกอนบอ มาให้พอคำณวนควรเรียกโค
เครื่องกะป๋องของเซนเยมที่เอมโอช เขาก็โปรดขากลับรับให้โข
พอได้ทุ่นทำกินค่อยภิญโญ ไม่อดโซทุกตำบลเหมือนคนญวน
เวลานั้นพอกุลีที่เขาไล่ เดินมาได้ถึงพร้อมยอมเข้าส่วน
เซนเยมเกณฑ์ตัดไม้กับหวายพวน ได้ครบถ้วนทั้งถ่อจึ่งต่อแพ
ด้วยเรือของลาวกายเขาไม่ส่ง ตามจะลงอะไรไปในกระแส
พวกเราต้องเยียดยัดอยู่อัดแอ เปนไก๊แบ้อย่างดีมีหลังคา
พวกญวนร้องโต๊ดล้ำคือทำสวย ก็แล้วด้วยขุนปราบทราบภาษา
เซนเยมเขาแพหนึ่งถึงเวลา ก็ล่องมากับคุณพระไม่ปะปน
ทั้งสองแพใช้กุลีมีทหาร พยาบาลตามฝรั่งสั่งนุสนธิ์
แต่พวกเราได้อานามมาสามคน เปนกังวลถ่อส่งพวกองค์กวาน
ระยะนี้มีแก่งล้วนแท่งหิน ลำบากสิ้นสุดปัญญาอาวสาน
ทั้งน้ำไหลกระทบหินก้อนดินดาล ดังสะท้านสะเทื้อนอกน่าตกใจ
แพก็ลอยล่องลิ่วดูหวิวหวาด น้ำก็ปราดเหมือนกระฉอกออกจากไห
กุลีที่ถ่อแพไก๊แบ้ไป มันก็ไม่มีแรงเหมือนแกล้งเรา
เปนคนญวนไม่เคยเลยแจวถ่อ มือตีนงอจังงังไปทั้งเถา
ให้หลีกแก่งบอกทางพลางว่าเมา ที่ญวนเขาว่าไวไวมันไม่แจว
แทบจะเกือบฉิบหายเสียหลายหน หลีกตำบลแก่งลิ่วเปนทิวแถว
ต้องทุบถองกันมาตาบ้องแบว ถ้าโดนแล้วเหลือตัวน่ากลัวตาย
จึ่งประชุมกุมปันนีทั้งสี่อิก ว่าเองหลีกเขาไม่คบเดี๋ยวตบหงาย
ทั้งหีบปัดของข้ามามากมาย ถ้าฉิบหายลงด้วยเจ้าเอากับใคร
หลวงคำณวนเปนกัปตันช่วยกันเต้น คอยเขม้นคุ้งน้ำตามวิไสย
ที่สองหนุนขุนปราบชลไชย เปนผู้ใหญ่ดูร่องมองชลา
แต่ตัวเราเปนสรั่งเพียงหยั่งน้ำ เอาถ่อจ้ำหน้าแดงทุกแก่งผา
นายบรรหารสานแจวประจำมา เรียกว่าการ์เปนเตอบำเรอแพ
ถ้าถูกแก่งสำคัญพร้อมกันหมด ต้องถอดยศจับถ่อเสียงหวอแหว
กว่าจะพ้นได้ฤๅมือตีนแบ ดูเต็มแย่กุมปันนีทั้งสี่นาย ฯ
๏ ถึงด่านลำเข้าจอดแล้วทอดเชือก ขึ้นหยุดเลือกคนชำนาญให้ผันผาย
ด้วยมีแก่งสำคัญอันตราย เขากลัวตายทั้งลำแม่น้ำแดง
ได้แพละสองคนรู้หนหิน เคยหากินอยู่ที่นั่นแล้วขันแข็ง
มันนำลอยล่องดีมิเสียแรง เมื่อหลีกแก่งเกือบไปใจตลึง
ทั้งแพเต้นเอ็นขาดเสียงกราดเกรี้ยว เหมือนปากเคี้ยวลูกบัวฤๅถั่วถึง
น่าเสียวไส้ใจคอถ่อตะบึง เสียงปังปึงน้ำกระแทกแทบแตกจม
พอพ้นแก่งนี้ไปค่อยใจชื่น พบที่อื่นยังระอามาก็ถม
แต่ไม่เท่าคุ้งนี้เขานิยม มีนามสมญาแปลกเรียกแถกคอย
ถ้าพวกญวนขึ้นล่องต้องปลูกศาล มัสการกราบไหว้น้ำใจจ๋อย
ขึ้นบวงสรวงทุกลำขอตามรอย ชาวฮานอยนับถือเลื่องฦๅกัน
ได้รอดมาสาธุลุแก่ลาภ เดชะภาพที่ได้ร่ำธรรมขันธ์
ด้วยจิตรเราเคารพอภิวันท์ ความกตัญญูด้วยช่วยประทัง
พวกกุลีมันก็มาภาษายาก ทำแพพากเพียรพายเปนหลายหลัง
ล่องตามกันเปนจังหวะสิ้นระวัง ได้นอนนั่งหายเหนื่อยเรื่อยลงมา
เห็นนาคว่ายในน้ำแล้วดำผุด เที่ยวแหวกมุดเวียนวนพ้นมัจฉา
ยิ่งคิดถึงสร้อยสุวรรณกัลยา ทำเหมือนปลาลอยว่ายคงตายวัน
แม้นมีผู้จู่จงประสงคน้อง มาด้อมมองเวียนจับเข้ารับขวัญ
เห็นไม่พ้นจนปัญญาเข้าตาตัน ยิ่งรำพรรณก็ยิ่งไห้อาไลยวน
น้อยฤๅนาคน้ำไพรมาได้เห็น อยากจะเค้นคอฆ่าให้ตาถลน
ด้วยก่อเกิดปัจจัยที่ได้ยล เปนสัตว์ต้นหวนระแวงแสลงตา
คิดก็แสนแค้นใจอาไลยหวง ถึงดอกดวงประทุมถันของฉันหนา
เหมือนพิกุลอุ่นใจเมื่อไสยา ชื่นนาสาหวนหอมถนอมดม
ถึงจำปาสารภียี่สุ่นซ้อน กลิ่นขจรฟุ้งซ่านใส่พานถม
ยังหาทันจับบีบกลีบระบม ไม่อบรมเหมือนพิกุลอดุลย์ดวง
ได้นอนแพหนักอกหกวันเศษ ก็สิ้นเขตรความระอาของข้าหลวง
ถึงทันควันด่านใหญ่สบายทรวง ทั้งแพพ่วงได้มานาวาญวน
ต้องขนของเทถ่ายกันไม่หยุด อุตลุดเหมือนแม่ค้ามาแต่สวน
กว่าจะเสร็จจนพลบครบจำนวน ตั้งกระบวรถ่อแจวเปนแถวมา ฯ
๏ คืนหนึ่งถึงคำเข้ทำเลพัก ก็พร้อมพรักหยุดยั้งที่ฝั่งฝา
แต่เปนบุญที่จะทุ่นมรคา เห็นนาวาบรรทุกของกองสเบียง
ใช้จักรจี๋มีฝรั่งนั่งเขม้น เซนเยมเห็นลุกยืนขึ้นส่งเสียง
ขอโดยสานอาไศรยกลับไปเวียง กัปตันเอียงหูมองร้องว่าวี
แปลว่าเออขากลับจะรับได้ จงเตรียมไว้แต่เช้าเราไม่หนี
ว่าเท่านั้นเรือไกลไปทุกที รุ่งราตรีกลับมาทอดจอดเหมือนนัด
พากันลงกำปั่นพร้อมกันหมด ค่อยเต็มยศอโขโตถนัด
สิ้นตอนแพนาวาสารพัด ไม่เยียดยัดเปนสุขสนุกสบาย
เจ้ากุลีที่นอนบนตลิ่ง พากันวิ่งออกไขว่เหมือนใจหมาย
ที่เจ็บป่วยช่วยพยุงจูงกันดาย เพราะจวนสายกำปั่นไม่ทันรอ
ที่ล้มลงตรงตลิ่งนิ่งดับจิตร เหมือนกับพิษอสุนีมาตีสอ
ไม่ทันดิ้นสิ้นแรงตะแคงคอ ต้องตายงอคนดูเปนหมู่มุง
เรือกลไฟใช้จักรไม่พักรับ ที่นั่งสับเงาวิตกตบอกผลุง
ที่ผ้าผ่อนไม่มีพันพอกันยุง นั่งลูบพุงพูดไม่ออกลงกลอกตา
แสนสงสารคนไข้กระไรเอ๋ย เชื้อชะเลยข้องขัดสหัสสา
ลงไม่ทันเรือไฟเขาไคลคลา อนิจจาไม่มีที่พุทโธ
ถึงคนญวนร่วมแซ่ไม่แลเหลียว ถือคนเดียวเอกเทศวิเศษโส
ตัวของใครก็รักษาเวลาโซ ที่จะโอ้โลมกันนั้นไม่มี
เปนเหตุให้ส่อชาติวาสนา ดวงชะตาไม่บำรุงซึ่งกรุงศรี
บังเอิญต้องแตกหลักสามัคคี แดนบุรีตังเกี๋ยเสียนคร
กุลีที่เอาไปนั้นแปดสิบ เปนผีดิบตายกลิ้งตามสิงขร
กับหนีลัดตัดทางที่กลางดอน ได้กลับจรสี่สิบพอดิบดี ฯ
๏ ครั้นสองทุ่มถึงฮานอยพลอยเปนสุข สบายทุกทั่วหน้าเปนราษี
ต้องรอพักขี้นอยู่บนบุรี กว่าจะมีเรือไฟไปไฮฟอง
เวลานั้นเกาวนาให้ค่ากับ เงินสำหรับเบี้ยเลี้ยงไปเสี่ยงของ
วันละสามเหรียญดีได้มีครอง ซื้อผักดองหมูไก่จ่ายมาทำ
แต่คุณพระไปโฮเตลอยู่เปนนิจ ให้สถิตย์ตามเคยเลยถลำ
สุขสบายทั่วกันวันประจำ มีเข้าน้ำพ่อครัวเปนตัวตน
แต่เงินจ่ายอ้ายเบ๊บไปคอยรับ มาซื้อกับสารพัดไม่ขัดสน
พอรุ่งขึ้นจะมาเข้าตาจน อ้ายเบ๊บบ่นว่าทรัพย์รับมาแดง
ดีสองเหรียญซื้อได้จ่ายแต่น้อย แล้วไปคอยขอเปลี่ยนเวียนแสวง
กลับมาบอกว่ารำคาญป่วยการแรง เขาว่าแดงไม่มีเปลี่ยนอย่าเวียนมา
แต่ตัวเราไม่เชื่อเผื่ออ้ายเบ๊บ ฤๅมันเก็บสับเล่นเปนมุสา
ด้วยคนญวนไม่หยอกออกระอา มีปัญญาโกงมะโรงชื่อโด่งดัง
ครั้นรุ่งเช้าลงเมล์เอ้เต้กลับ ทอดประทับไฮฟองขึ้นครองหลัง
โฮเตลใหญ่ใหม่ดีที่ประทัง ไปกินกวังตุ้งแยกแปลกกระบวร
แต่พากันจามไอไปทั้งสิ้น ด้วยแผ่นดินร้อนวู่ฤดูหวน
ทั้งน้ำเค็มเต็มกร่อยไม่ค่อยควร ยิ่งเรรวนทุกเวลาหน้าตาตึง
แต่ตัวเราขุนปราบต้องจับไข้ แทบบรรไลยหนาวร้อนลงนอนขึง
ครางจนก้องโฮเตลเช้าเย็นอึง แต่ไม่ถึงอสัญสองวันคลาย
ท่านขุนปราบนั้นยังกำลังจับ นอนไม่หลับกริ่มกริ่งสวิงสวาย
หลวงคำณวนก็จวนจะถึงตาย แต่ท่านหายก่อนหน้าเพราะยาไทย
พวกฝรั่งโฮเตลเปนโมโห ลุกโยงโย่รากก้องจนท้องไหว
ด้วยผิดน้ำทำท้องร้องเอาใคร ต้องอยู่ไปทุกเวลารักษากัน
พอรุ่งขึ้นลงเรือเมล์ทเลใหญ่ อาการไข้ท่านขุนเปนบุญขัน
มีเรี่ยวแรงดีเหลือลงเรือพลัน ออกกำปั่นไฮฟองมาฮ่องกง
ทั้งคลื่นลมไม่พัดสงัดเงียบ กำปั่นเลียบเกาะไหหลำตามประสงค์
กับหน้าเมืองกวางตุ้งเปนคุ้งวง น้ำขึ้นลงไม่รู้แล่นลู่มา ฯ
๏ สองวันครึ่งถึงละเมาะเกาะเฮียงกั๋ง เปนของอังกฤษอนงค์คงรักษา
เห็นตึกรามตามเขาไม่เปล่าตา เหมือนไปทาดินสอพองมองออกพราว
ถึงเช่นนั้นก็ยังเหลือเนื้อไศล ด้วยโตใหญ่สูงเยี่ยมขึ้นเทียมหาว
เหมือนลูกคลื่นในสมุทดูสุดยาว เปนภู่ขาวโล้นเลี่ยนช่างเตียนดี
แต่ตึกอยู่ดูเลาะสะเดาะเขา ฉะเวิกเว้าแหว่งว่างสร้างวิถี
ตั้งเลียบหลามทำอยู่เปนบุรี เขามั่งมีความคิดอังกฤษเจน
ริมตลิ่งเซาะกรีดเหมือนมีดฝาน ล้วนหินดาลดูแดงดังแสงเสน
ก่อกำชับเพิ่มพูลปูนสิเมน เหมือนทำเล่นเหลือสบายทลายลง
มีหนทางตลอดถึงยอดเขา ก่อตึกเฝ้านั่งยามตามประสงค์
เปนทีป้อมตั้งหลักปักเสาธง คนขึ้นลงเห็นวิ่งเท่าลิงไพร
ที่พื้นเมืองชานบุรีมีแต่เจ๊ก รูปร่างเล็กน่าเกลียดเบียดไม่ไหว
ทั้งเจ๊สัวตัวกุลีที่มาไป เดินออกไขว่เหมือนมดได้รสตาล
แต่เรือจ้างขึ้นล่องสองพันกว่า แจวออกซ่าเหมือนจะปล้นคนโดยสาน
กับเรือใหญ่ใบแขงพอแรงการ รับทำงานบรรทุกของลงท้องเมล์
สังเกตเสาราวกับต้นหมากสวน แลเปนพรวนแล่นจอดบ้างทอดเป๋
น่าจะโดนกันล่มจมทเล เสียงโว้เว้ชักใบขึ้นใส่เรียว
ทั้งเรือจ้างประจำกำปั่นเล็ก ล้วนแต่เจ๊กเต็มเรือห่มเสื้อเขียว
เปนหลายสิบแล่นลอยที่คอยเทียว ถึงคนเดียวก็ส่งคงเอาเซ็น
เรือทเลเมริกันนั้นสี่เสา ระวางเปล่าสองปล่องที่มองเห็น
กับเรือเมล์ที่ทอดจอดกระเด็น ได้นับเล่นสามสิบออกลิบตา
อีกฝั่งหนึ่งพึ่งวางสร้างลงใหม่ เปนบ้านใหญ่ปึกแผ่นดูแน่นหนา
เที่ยวทลายเขาเล่นเปนศิลา ตามปัญญาคนอังกฤษที่คิดตรอง
อันอ่าวนี้รูปร่างเหมือนอ่างใหญ่ ทางชะไลชะลุมาเปนผ่าสอง
แต่ดูเปนฝั่งตันขันจริงมอง ที่แท้ช่องออกทเลเปนเหโล
ว่าที่สองค้าขายเมืองในโลก ของชาวโอฆประเทศวิเศษโส
เปนท่ารับทรัพย์สินค่อยภิญโญ ยิ่งสุโขบริบูรณ์พูลทวี
เขาว่าแต่ก่อนนี้ไม่มีบ้าน เปนถิ่นฐานพวกสลัดมันซัดหนี
แล้วอังกฤษคิดอยู่เปนบุรี ห้าสิบปีได้ผดุงเอารุ่งเรือง ฯ
๏ ฝ่ายพวกเราคราวเรือประทับจอด ขึ้นพักทอดตึกสง่ามีฝาเฝือง
อยู่โฮเตลนามพระนางสำอางเมือง สมญาเนื่องเข้าอิกวิกตอเรีย
แถวถนนกวินซลิศสนิทเนตร กว่าประเทศข้างหลังเมืองตังเกี๋ย
ทั้งหอห้างใหญ่ดีมีอาเฮีย นั่งคลอเคลียเชิญซื้อว่าลื้อไทย
สารพัดที่จะมีดีๆเหลือ ล้วนพวกเสือกินทรัพย์นับไม่ไหว
เราก็นุ่งกุงเกงไม่เกรงใคร เอาทำไมเจ๊กมาร้องว่าเซียม
ชาวเมืองพูดอังกฤษสนิทหมด ไม่เปนรสก็แต่เราให้เขาเสียม
ต้องบอกว่าลิเติลมาเดินเทียม มักซักเลียมลองมาเราว่าโน
จะซื้ออะไรไปบ้างก็ทั้งยาก ต้องพึ่งปากขุนปราบจึ่งทราบโข
แกพูดได้หลายภาษาไม่ว่าโว วิเศษโสเกินล่ามธรรมดา
ฝรั่งเศสเยอรมันดันอังกฤษ ถ้าพูดติดกลับมาจีนชินภาษา
ได้ชวนกันเที่ยวเล่นเปนเวลา ตามอัชฌาพอสะดวกเปนพวกกัน
มีห้างขายเกือกร่มพรมไม้เท้า หนังกระเป๋าปืนพกกระจกหัน
หมึกปากกามีดซองกล้องอำพัน แปรงถูฟันแว่นหนีบหีบหนอยนอย
ถาดกาไหล่ลูกบิดขอติดฝา นาฬิกาเดินกรุ่มลูกตุ้มหยอย
ปัสตันน้ำมันแก๊สแคสออย ทั้งโคมห้อยหิ้วระย้าอาละมัง
เหล็กสกรูตะปูห่วงควงไขขวด เครื่องสจ๊วดรถถีบกับหีบหนัง
สมุดแผนแดนหลักนัครัง กระดาษครั่งเข็มทองเหลืองเครื่องกาแฟ
ที่เสมียนเขียนอักษรกลอนบานพับ หนังสนับกันชีพบีบแปบแป๋
ปืนกาไหล่ไรเฟิลเอาเงินแร ขวดเครื่องแช่ปินโตหีบโซดา
เล่าบ้าหรั่นเบียกะมุดจุดไฟติด นพณิตเครื่องกะป๋องครองมัจฉา
ควงทองเหลืองเครื่องโซ่โยทะกา มนิลาเชือกรอกที่ก๊อกเท
ฟิลเตอกรองน้ำที่ทำกุ๊ก สมุดบุ๊กแบบขายเปนลายเก๋
ประทัดฟุตวงเวียนเรียนคะเน แผนทเลมีสำหรับของกัปตัน
เครื่องดับไฟไกเหน็บจักรเย็บผ้า ที่ล้างหน้าโต๊ะยกกระจกขัน
มีสร้อยนาคทองกะไหล่สายสุวรรณ์ แกะอำพันปากนกวิหคไพร
นาฬิกาล๊อกเก๊ดเพ็ชร์กระรัด จี้เข็มขัดแต่ละตัวดูหัวใส
แหวนกุณฑลทองคำอิกกำไล มีเดือยในพราวตาราคาแพง
สักหลาดผ้าพับสลับชื่อ กระดุมมือเชิดแลบใส่แอบแฝง
ผ้าผูกคอเข็มสอยติดพลอยแดง ทั้งหวีแปรงขวดน้ำมันคันธรส
ร้านจีนแสขายยาสารพัด เขาตั้งจัดใส่โถล้วนโอสถ
บันไดทองเกาเหลาน่าเข้าซด ไม่สมยศคนโตต้องโฮเตล
เก้าอี้หวายขายดีมีต่างๆ ทั้งโอ่งอ่างหีบอบให้กลบเหม็น
ร้านขายตั๋วแลกทรัพย์รับเอาเซ็น ต้องจำเปนทอนทดลดราคา
ที่ขายเครื่องยี่ปุ่นเปนตุ่นเต่า หีบมุกเขาลิ้นชักทั้งกลักฝา
เรือตะเภาเสาแซะแกะด้วยงา ตุ๊กตารูปสัตว์พัชนี
ของจุกจิกจิ้ดจ้อยที่ห้อยลาก มีทั้งฉากรูปเซงอีกเก๋งกี๋
ถ้วยคนโทชามอ่างล้วนอย่างดี ม่านมู่ลี่กรวยตะกร้ารูปปลาจาน
ที่ขายนกคิรีบูรพ่อคุณเอ๋ย กระไรเลยเสียงเกรียวเหมือนเคี้ยวเข้าสาร
กรงละร้อยสองร้อยห้อยเพดาน ทั้งหน้าร้านขายผ้าราคาเยาว์
นกจิ้งโคลงวาสนามาจองหอง ตัวละสองเหรียญงามได้ถามเขา
ใส่กรงพูดคอพองร้องไม่เบา อยู่เมืองเรากินไส้เดือนเข้าเรือนซวย
เหลือจะชมสมมุตหยุดเอาบ้าง เมื่อยลูกคางท่านผู้อ่านรำคาญขวย
แต่คิดถึงนฤมลคนสำรวย แม้นมาด้วยก็จะดิ้นเหมือนกินรี
หล่อนเปนคนอยากจ่ายจะได้สะ ถ้าพบปะชอบใจไม่ตระหนี่
ขี้คร้านเสียค่าส่งลงบาญชี เห็นของดีอยากได้มิใช่จน
อารมณ์รักแก้วแหวนแสนสมบัติ เหลือจะขัดซื้อเจียดขี้เกียจขน
แล้วชอบยอคอเค็มอยู่เต็มตน หล่อนเปนคนรักงามต้องตามใจ
ถึงมาจริงคงจะนิ่งด้วยเราหน่วง ในการจ้วงซื้อหาอัชฌาไศรย
ถ้าไม่คิดรักชื่อจะดื้อไป คงจะได้ความกระเดื่องต้องเคืองกัน ฯ
๏ คืนวันหนึ่งเดินไปในวิถี เห็นผู้ดีรูปร่างเหมือนนางสวรรค์
อยู่บนตึกสูงลอยแช่มช้อยครัน ถึงสามชั้นร้องเชิญเกินผู้ดี
นึกละอายนี่เขาขายอะไรหนอ ไม่เห็นห่อกล้วยซ่มขนมอี๋
ฤๅเกาเหลาเตาไฟก็ไม่มี นั่งเก้าอี้โคมสว่างหน้าต่างพับ
เปนฝรั่งทั้งยี่ปุ่นดรุณภาพ เหมือนมีลาภห่อเข้ามาเคล้ากับ
แต่ยั้งใจไม่ภาษาขัดตาทัพ พยักรับที่เขาเชิญแล้วเมินไป
ช่างไม่หวงลูกเต้าเปนสาวแซ่ นี่พ่อแม่โฉมตรู่ไปอยู่ไหน
มายินยอมพร้อมพรักสมัคไทย เห็นสดใสอยู่ที่เราจะเคล้าคลึง
เมินเสียเถอะชาตินี้ไม่มีแล้ว กลัวน้องแก้วของข้าจะมาหึง
เหมือนหงส์ทองล่องลมมาจมบึง ได้สลึงเสียบาทขาดจำนวน
ไม่คิดอยู่ฮ่องกงคงจะกลับ ถึงจะรับอภิเษกเอกสงวน
ให้อยู่ตึกสามชั้นกว่าขวัญญวน อย่ารัญจวนไปเลยน้องไม่ต้องการ
รักษาสัตย์ตัดรักมาแต่ไหน เขาว่าไว้อดเปรี้ยวได้เคี้ยวหวาน
เมื่อเคยพบปะบุรีที่กันดาร ยังไม่ร่านริออกไปนอกทาง
ขนมปังหนังเหนียวเคี้ยวลำบาก ไม่ชอบปากชิวหาเหมือนปลาหาง
รสเนยนมขมลิ้นยังกินจาง แสนสำอางแต่น้ำพริกทุกวิกวัน
หัวอกใครจากเชยที่เคยพบ มันไม่ลบความคิดตรงจิตรฉัน
แผลในอกฤๅจะยกมาเชิดชัน ความกระสันแลเปนยอดตลอดกาย
สุดคนึงถึงยุพินถวิลหา อยากรีบมาเสียด้วยแสนแค้นสหาย
มิใช่ว่าอกเขาตัวเปล่าดาย ช่างไม่หมายมุ่งมิตรสักนิดเลย
ฤๅจะอยู่ฮ่องกงคงสลัด จะทิ้งสัตย์ไปเปนถังนิจังเอ๋ย
ดูหน้าหมดสดใสใจสเบย ช่างเฉยเมยเหมือนหนึ่งว่ารักษากรรม
อันเมืองนี้น่าสนุกดูซุกซิก แผ่นดินพลิกแพลงดาดลาดถลำ
เขาก่อเปนตึกเตียนตั้งเพียรทำ ถนนร่ำโรยหินสิ้นทุกทาง
แต่ใช้เกี้ยวรถเจ๊กเล็กๆลาก เพราะคนมากเดินพรูดูเปนหาง
แล้วถนนก็แคบจึ่งแบบบาง ริมทำรางถือสิเมนจึ่งเปนดี
แต่เดินมักเมื่อยขาเวลาเที่ยว ทางลดเลี้ยวแลโก่งเหมือนวงหวี
ด้วยเปนชั้นเชิงเทินเนินคิรี ช่างเหลือที่ทัศนาได้มาดู
มีโปลิศอินเดียนทะเบียนแขก หน้าตาแปลกใจทะมิฬไม่กินหมู
เที่ยวเดินยามตามจังหวัดกันศัตรู มีหางหนูแล้วก็ต้องมองระวัง
ได้ดูเล่นเปนสุขสนุกสนาน กินอาหารโฮเตลเกือบเปนถัง
แล้วออกจากที่พักนัครัง ลงบัลลังก์เรือเมล์ชื่อเทวะวงศ์
แล่นก็ไวใส่พระนามดูงามสุด ไม่วิมุติเหมือนได้มานาวาหงส์
แต่กัปตันเลยไถลไม่มาตรง แล่นย้อนลงซัวเถาเช้าก็ดล ฯ
๏ ที่ปากน้ำมีเกาะดูเหมาะเหมง สร้างตึกเก๋งป้อมหอก่อถนน
ตลิ่งล้วนเขาโล่งโปร่งตำบล แต่ผู้คนเงียบสงัดทัศนา
กับป้อมดินตามฝั่งต้องสังเกต เพราะกินเนตรมีทหารการรักษา
ดูเรือเมล์เข้าน้อยถอยราคา ได้ไปมามากลำก็สำเภา
มีตึกว่างสร้างใหม่ก็หลายหลัง เหมือนพึ่งตั้งแต่งตัวเมืองซัวเถา
ได้แขงใจขึ้นดูหมู่ลำเนา เพราะว่าเราแต่งฝรั่งไม่อย่างไทย
มีตึกร้านบ้านเจ๊กขายเล็กน้อย เครื่องใช้สรอยหม้อกระถางกับอ่างไห
แต่ในเมืองเขาไม่อาจขี้ขลาดไป ด้วยทราบในสันดานว่าพาลชุม
กัปตันว่าไม่หยอกปอกเอาหมด มันถอดยศแก้พกแล้วหมกหลุม
ถ้าขืนไปก็จะต้องประคองกุม จะหมดหนุ่มเสียหน้าตาดีๆ
ถึงอย่างนั้นมันมาล้อมหน้าหลัง ต้องระวังไม่ให้เบียดเข้าเสียดสี
บ้างแลดูแล้วนึกว่าแขกตานี บางคนชี้ว่าอั้งหมอชลอมา
บางคนว่ายี่ปุ่นฤๅคุณเถา บ้างว่าชาวกรุงสยามตามภาษา
มันพูดจีนจ๋อแจ๋แลดูตา ขุนปราบว่าอั๊วใจไล้เถ้าแก
ท่านเปนล่ามช่างเทศวิเศษพูด อั๊วเปนทูตเที่ยวไปในกระแส
มาเดินเล่นตามสะเบยไม่เคยแล เปนไทยแท้เล่ายั้วอั๊วขุนนาง
แล้วก็ลงเรือเมล์เหมือนเคหา พอสุริยาแจ่มแจ้งขึ้นแสงสาง
ออกกำปั่นลั่นไกไขดังกราง ตั้งเข็มวางสิงคโปรสุโขจริง
มีเจ๊กเมืองซัวเถามาเก้าร้อย แน่นไม่น้อยเต็มที่เหมือนผีสิง
ทั้งท้องเรือดาดฟ้าหน้าเหมือนลิง บ้างตีชิงตุ๊ยกันทุกวันไป
มีผู้หญิงคนสยามมาสามสาว รูปร่างขาวควรคิดพิสมัย
นุ่งกางเกงสวมเสื้อเหลือวิไลย มาแปลงไทยซัวเถาไม่เข้าที
เขาว่ามาฝังศพกลบหลุมเตี่ย จึ่งกลับเสียเพราะเสร็จสำเร็จผี
คิดขึ้นมาน่าหึงช่างถึงดี มากินหมี่หัวผักกาดไม่ฝาดคอ
เออไม่อยู่จนแก่เล่าแม่เอ๋ย หัดพะเกยไว้เปียเสียสิหนอ
ฤๅคิดถึงอยุธยาน้ำตาคลอ มีห้องหอเคหามาก็นาน
ช่างเข้าที่พระอไภยเมื่อได้สึก เจ้าผลึกยอมเชิญให้เดินสาร
ออกจากแนวเกาะแก้วพิสดาร จนเกิดการเรือแตกแยกกันจร
แต่ต้องยอมปฏิเสธด้วยเหตุบุตร สินสมุทไม่มีแลกแบกสมร
ถ้าเปนจริงก็จะม้วยด้วยมังกร ทั้งคู่ขอนของเก่าจะหาวลม
เรือกลไฟใช้จักรไม่พักวก คิดได้หกวันปลายสบายสม
ครั้นถึงแหลมเจียวฮอต่อนิคม บุรีรมย์ปลายแพนกเปนแขกจาม
พ้นนั้นก็เปนถิ่นเรียกหินขาว ต่อไลฮาวซ์เหมือนสันดอนตอนสยาม
ปะทะถูกคลื่นลมเสียงโครมคราม มีอีกนามว่าชะลันสำคัญทาง ฯ
๏ ถึงหน้าเมืองสิงคโปร์โกลาหล มีผู้คนเรือแพแลสล้าง
ทอดสมอรอไฟไขระวาง ชักธงหางคลี่หยอยห้อยบันได
แต่ทอดอยู่ห่างฝั่งเพราะยั้งยับ เข้าถ่ายรับสินค้าอัชฌาไศรย
กับปล่อยจีนจับกังขึ้นฝั่งไป เข้าเมืองไทยสามร้อยจึงน้อยลง
อันตัวเรานั้นยกบกไม่ขึ้น ต้องนั่งมึนจนใจเหมือนไต้ก๋ง
ด้วยทอดอยู่วันกว่าก็ลาธง แล่นมาตรงอ่าวสยามตามสบาย
ไม่มีทุกข์สุโขสโมสร ลงนั่งนอนนึกกริ่มยิ้มไม่หาย
ได้หกเดือนเศษครึ่งไปขึงกาย สู้ฝักฝ่ายเหนื่อยยากคิดพากเพียร
เพราะความมุ่งผดุงกิจไม่คิดแก่ ตามเบาะแสรับการด้านเสมียน
ด้วยดวงจิตรครวญคร่ำอยู่จำเนียร ถึงเวรเวียนสมมาดราชการ
เรือกลไฟมาได้สี่วันครึ่ง ก็พอถึงกรุงเทพเสพย์สถาน
ขึ้นเย่าเรือนเหมือนเคยเลยสำราญ ก็ชื่นบานพูลพิพัฒน์สวัสดี ฯ
๏ ข้าพเจ้าผู้เกลากลอนนิราส ไม่สามารถเชิดชูให้ฟูศรี
เพราะว่าอ่อนสอนซ้อมน้อมกวี ยังเปนที่เคลือบแคลงแสดงกลอน
ที่ได้จดระยะทางต่างประเทศ เพราะเห็นเหตุทัศนาอุทาหรณ์
มาแถลงแจ้งความตามสุนทร ด้วยทางจรไม่มีใครเคยไปมา
ครั้นจะเขียนเปนบทจดหมายเหตุ ดูสังเวชจืดจิ๋วแก่ชิวหา
เหมือนส้มเปรี้ยวต้องเคี้ยวกับน้ำปลา ตามภาษาพากย์พจน์รสชาววัด
แต่ใจความตามจริงทุกสิ่งหมด ไม่มีปดแน่ใจเหมือนใบสัตย์
ที่โอดครวญบางแห่งจงแจ้งชัด เปนกำดัดของนิราสขาดไม่ดี
ท่านผู้อ่านวานช่วยอำนวยผล ตั้งแต่ต้นเบื่อหูอย่าจู๋จี๋
ขอให้แล้วตามประสงค์คงไปที ไม่ต้องมีจำเปนได้เอ็นดู
แต่ความอายโวหารนั้นก็มาก พูดเปนฉากเหมือนว่าหลับตาหู
ที่ถูกผิดมิได้คิดศึกษาครู เต็มประตูไปด้วยจัดอัตโน
อันตัวฉันมีนามตามนุสนธิ์ ใช่เปนคนรู้เหตุวิเศษโส
มาได้พึ่งฐานอุดมเหมือนร่มโพธิ์ ค่อยภิญโญเจริญไวยเมื่อไปญวน
อยู่ออฟฟิศกรมท่าฝ่าพระบาท ที่ตึกราชวัลลภจบสงวน
จึงได้เกิดเชาวน์นิยมพอสมควร เรียงสำนวนรายทางได้อย่างใจ
ขอผลาอานิสงส์คงแก่ข้า เปนมรรคาที่ประเสริฐเกิดนิไสย
จงหมดโทษมลทินสิ้นอไภย เสียแรงได้อุส่าห์จงถาวร
ตามสมภพสบไถงไสมยนี้ เพราะบุรีรุ่งสง่ากว่าแต่ก่อน
ควรจะซื้ออ่านรู้กระทู้กลอน อย่าง้องอนยืมมิตรจะผิดกัน
ให้เหงื่อเปื้อนเลือนน้ำหมากเขาถากถาง ว่ารูปร่างประเปรียวเหนียวขยัน
เฟื้องสลึงอย่าให้ใครจำนรรจ์ เปิดกำปั่นซื้อมาดีกว่าเอย ฯ

จบนิราสตังเกี๋ยแต่เพียงนี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ