สำนวนที่ ๒

ฯลฯ

๏ นุชใดไม่ทัน
แสนอัปสรสรรค์ ฉ้ชั้นราศี
ไม่เทียบเปรียบเถิง ...นารี
โฉมกัลยาณี ทั้งสี่เสมอกัน
๏ อรองค์เอี่ยมเอก
เพียงจันทร์แจ่มเมฆ รัศมีศรีสรรพ์
ผิวเนื้อเหลืออ่อน อรชรดุจขวัญ
สุดที่จะรำพัน อื่นอ่อนห่อนเห็น
๏ อ่อนนักอ่อนหนา
อ่อนล้ำอุปรมา ดุจว่าลวงเล่น
ขออภัยชายหญิง มิจริงจึ่งเป็น
นิยายประเด็น ได้เห็นสืบมา
๏ สี่อรรคนาเรศ
โดยนัยไตรเหตุ สุดเหาะเสาะหา
นุชหนึ่งแน่งน้อย แต่ช้อยชายตา
เห็นยิ่ง ... มาแต่แลไกล
๏ หญิงนั้นกระเดียด
กระละออมเดินเสียด เต็มชลล้นไหล
ด้วยยอดยุพรา ทอดทัศนานัยน์
ผิวเนื้ออันละไม อ่อนชํ้าคล้ำศรี
๏ นุชหนึ่งเนื้อเกลี้ยง
พอสิ่งสำเนียง เสียงไชยเภรี
ผิวพรรณอันอ่อน ยุบหย่อนทันที
ซูบทรุดเสียศรี ชอกชํ้าคล้ำสกนธ์
๏ หนึ่งนุชนาริน
สว่างแสงสุริย์สิน จำรัสพนัสสณฑ์
พอนุชแลพบ สบแสงสุริยน
เนื้อนิ่มนฤมล หมองน้ำช้ำนวล
๏ นุชหนึ่งนาเรศ
ทอดทัศนาเนตร นงรามทรามสงวน
สบแสงจันทร เนื้ออ่อน ..
สบแล้วเสียนวล ชอกชํ้ารำคาญ
๏ สี่นุชสุดสมร
น้ำเนื้อเหลืออ่อน อรชร ...
ผิวนุชสุดอ่อน มิ่งสมรเยาวมาลย์
อ่อนเหลือเหนือการ ช้ำชอกนอกทาง
๏ ... ขนิษฐ์
ทั้งนางเขนยสนิท เราคิดอางขนาง
วรนุชเนื้ออ่อน สมรนี้สี่นาง
เอกล้ำสำอาง เนื้อช่างอรชร
๏ ขอเชิญจอมนาฏ
วรนุชสุดสวาดิ แสนฉลาดล้ำสมร
เชิญแย้มอนุญาต ประสาทสุนทร
สี่นุชเนื้ออ่อน ใครจะอ่อนกว่าใคร
๏ ฝ่ายสุวรรณร้อยชั่ง
อรองค์ทรงฟัง บัญชาปราศรัย
ซึ่งข้อกังขา ยุพราแจ้งใจ
เยื้อนเสาวนีย์นัย ปราศรัย ...
๏ ดูราเขนยทอง
เห็นไฉนจงสนอง เราปองประสงค์
ใคร่แจ้งแห่งเคย นางเขนยจำนง
แก้ไปใจปลง ตรัสข้อจะขอฟัง
๏ แม้นนางเขนยทอง
แก้ไขไม่ต้อง ข้องคิดจิตหวัง
เราจึ่งจะแก้ กระแสสัจจัง
ซึ่งสิ่งปัญหัง ภายหลังจึ่งควร
๏ พี่เลี้ยงพระทอง
... นี้น้อง ทูลสนองน้ำนวล
ข้าพเจ้าเขนยทอง อรองค์แสนสงวน
แม้นแก้แปรปรวน โปรดด้วยช่วยพลัน
๏ ว่าพลางทูลองค์
พระอรโฉมยง สุริย์วงศ์ไอศวรรย์
ข้าพเจ้าหมอนทอง ขอสนองทรงธรรม์
บัญชาว่านั้น คมสันสิ้นที
๏ ข้อแก้ลองดู
ในที่กระทู้ ยุพรามารศรี
สี่นุชเนื้ออ่อน อรชรแสนทวี
ข้าพเจ้าเขนยนี้ เห็นที่ทางความ
๏ โดยทัศนา ...
เข้ากระเดียดหม้อชล เนื้อช้ำว่าหวาม
นุชนี้เนื้ออ่อน อรชรโฉมงาม
กว่าสมรทั้งสาม ขอทราบบาทา
๏ ฝ่ายพระโฉมยง
ฟังสนิทจำนง แก้ผิดปริศนา
แสร้งทรงสำรวล สรวลพลันบัญชา
นางพระเขนยข้า รู้ว่าไม่อาย
๏ ทำเนียบเรียบเรียง
ฤๅกล่าวก้าวเฉียง ไม่เคียงข้อขยาย
ตั้งแต่นี้เขนย อย่าเคยภิปราย
จนตราบวันวาย ฟังว่าวาที
๏ ว่าแล้วพระองค์
บัณฑิตสุริย์วงศ์ ทรงสวัสดิ์รัศมี
เยื้อนรสพจนารถ เยาวราชนารี
จอมกัลยาณี ศรีสุวรรณขวัญเมือง
๏ ล้ำยอดยุพเรศ
สมรมิ่งเมศ อรเพศผิวเหลือง
ชนเล่าข่าวลือ ระบือนุชเนือง
เรียมจู่รู้เรื่อง ประเทืองฤทัย
๏ พี่หวังทังวล
เชิญแจ้งแห่งฉงน นุสนธิ์สงสัย
ข้อนิทานสาม เนื้อความเป็นไฉน
นุชปรีชาไว แก้ได้โดยดาย
๏ ยังนิทานนี้
เป็นคำรบสี่ สำคัญมั่นหมาย
นางเขนยกล่าวสนอง ไม่ต้องที่ทาย
ขอเชิญช่วยขยาย ให้วายทังวล
๏ เชิญจอมสตรี
แย้มโอษฐ์โปรดพี่ เสาวนีย์อนุสนธิ์
ขอชมมธุเรศ เยาวเมศนิฤมล
แก้พจน์นุพนธ์ หน่อยหนอขอลา
๏ ไก่แก้วแว่วขัน
พระทัยไหวหวั่น กระสันต์หรรษา
พี่ขอเชิญองค์ โฉมยงยุพรา
ตรัสจำนรรจา หน่วงช้าว่าไร
๏ ดุเหว่าเร่าร้อง
พระนุชท้าวน้อง ไม่สนองเลยไฉน
ฤๅนุชน้องแก้ว หลับแล้วฉันใด
ฤๅนั่งฟังนัย เรียมไม่แจ้งการ
๏ แสงทองผ่องแผ้ว
จำจรจากแก้ว แคล้วคลาดราชฐาน
ไม่สมวาสนา ขอลาเยาวมาลย์
เชิญนุชนงพาล สำราญพระทัย
๏ ฝ่ายยอดยุพเรศ
ฟังองค์ทรงเดช บัญชาปราศรัย
อ้อนวอนนักหนา เวทนาภูวไนย
จะน้อยพระทัย ว่าไม่ไยดี
๏ ตริพลางนางน้อง
เสาวนีย์ทูลฉลอง ด้วยพลันทันที
ขอองค์ทรงเดช โปรดเกศเกศี
อย่าเพ่อจรลี กินแหนงแคลงความ
๏ มิให้อดสู
ขอแปรแก้ดู ที่กะทู้ท้าวถาม
เชิญองค์ทรงไชย แจ้งในใจงาม
ข้าพเจ้าทูลตาม คดีมีมา
๏ โดยนัยไตรเหตุ
คิดหวังสังเกต วิเศษหนักหนา
สี่โฉมอรชร เนื้ออ่อนโอ่อ่า
หลงเฝือเหลือตรา บัญชาท้าวไท
๏ อ่อนเหลือเนื้อเลิศ
ผิวพรรณบรรเจิด เฉิดจริงยิ่งไฉน
นารีสี่นาง สำอางอำไพ
นุชหนึ่งพึงใจ เนื้อล้ำรำพัน
๏ โดยทอดทัศนา
จันทรเทวา มังสาสรรพสรรพ์
ซูบทรุดเสียศรี รัศมีหมองพลัน
สามสมรห่อนทัน ผิวพรรณกัลยา
๏ ขอทราบพระทัย
ข้าพระสนองไข โดยนัยปริศนา
จะผิดฤๅชอบ ระบอบบัญชา
เชิญตรัสวัจนา ขอแจ้งแห่งจริง
๏ พระองค์ทรงฟัง
ทองย้อยร้อยชั่ง วรนุชสุดหญิง
แหลมล้ำน้ำนวล สมควรทุกสิ่ง
นุชตอบชอบจริง นิ่งนึกตรึกไตร
๏ ดำริภูธร
ว่าดูรดวงสมร เสมอจิตพิสมัย
เสาวนีย์ดีเพราะ ไพรเราะจับใจ
พระนุชแก้นัย ทำเนียบเทียบทาย
๏ แท้เหลือเชื้อฉลาด
กระเษมเปรมปราชญ์ สมมาดมุ่งหมาย
ถูกต้องส่องแท้ กระแสภิปราย
สารพันบรรยาย ขยายล้ำน้ำนวล
๏ พระเยาวการุญ
เรียมชอบขอบคุณ วรนุชสุดสงวน
จำลาสายสวาดิ นิราศรำจวน
อุราเรียมป่วน ปิ้มป้ำทำลาย
๏ เสาวนีย์นุชนาฏ
ขอสนองจอมราช วรบาทฦๅสาย
จงทราบพระทัย ฟังนัยภิปราย
อย่าเพ่อผันผาย วายวุ่นขุ่นมัว
๏ เกลือกองค์ทรงเดช
สมเด็จบิตุเรศ พระเจ้าอยู่หัว
ตรัสสั่งให้หา มาไม่เห็นตัว
น้องตรึกนึกกลัว ละเมิดเกิดความ
๏ ประกอบชอบผิด
จงดีพินิจ น้องคิดเกรงขาม
ขอเชิญพระองค์ สูริย์วงศ์ทรงนาม
ยับยั้งฟังห้าม นางปรามปรานี
๏ สองกระษัตริย์สนทนา
จนพระสูริยา อรุณรังสี
ต่างองค์ต่างคิด มิตรจิตยินดี
ต่างองค์ต่างมี ไมตรีต่อกัน
๏ ฝ่ายแสนสุรางค์
ฟังเสาวนีย์นาง ต่างต่างกระสันต์
นุชตอบบัญชา เจ้าฟ้าสารพัน
ชาวเราชวนกัน ให้ทันเพลา
๏ ฉันนี้มิได้
แก่เถ้าชาวใน เร็วไวซ้ายขวา
สับสนอลหม่าน พนักงานนานา
พร้อมมวลถ้วนหน้า มิช้าประโคม
๏ ครึกครั่นหวั่นไหว
ปี่ทองกลองไชย เภรีมี่โหม
สังข์แตรแซ่เสียง สำเนียงครืนโครม
ดุริยางค์นางโลม กล่อมขับจับใจ
๏ จนรุ่งสูริยัน
รัศมีศรีฉัน แอร่มแจ่มใส
พิทูรสุริย์วงศ์ ทรงทราบพระทัย
ตรึกจริงสิ่งไร ได้สิ้นยินดี
๏ แล้วองค์ทรงธรรม์
จากราชอาสน์อัน สุวรรณรังสี
สู่พระโรงงาม อร่ามรูจี
เสด็จนั่งยังที่ แท่นรัตน์ชัชวาล
๏ พร้อมหมู่มาตยา
เตรียมเฝ้าเจ้าฟ้า โยธาทวยหาญ
เรียงรายถวายกร สุนทรโองการ
เสนาอย่านาน เร็วไวไคลคลา
๏ บอกมหาเศรษฐี
มาพลันทันที กูนี้ให้หา
แล้วพระองค์เจ้า สั่งเหล่ากัลยา
สูจงนำมา ซึ่งราชกุมาร
๏ อำมาตย์จรลี
นำมหาเศรษฐี สู่ที่ราชฐาน
กำนัลกัลยา จึ่งพากุมาร
สู่ท้องพระลาน ที่เฝ้าท้าวไท
๏ ท้าวทอดทฤษฎี
เห็นมหาเศรษฐี บัญชาปราศรัย
วรราชกุมาร บุตรท่านฤๅไร
บอกจริงนิ่งไย อย่าได้อำพราง
๏ เศรษฐีตกใจ
จะกราบทูลไท อุทัจขัดขวาง
จะสนองบัญชา ก้มหน้านึกพลาง
สุดจิตคิดขนาง หนทางกราบทูล
๏ จงทรงกรุณา
ขอกราบบาทา เจ้าฟ้าไอศูรย์
กุมารบริสุทธิ์ ใช่บุตรปองปูน
แล้วเศรษฐีทูล แต่เริ่มเดิมมา
๏ ท้าวทราบพระทัย
บัญชาปราศรัย หน่อไทนาถา
ดูรากุมาร งามปานเทวา
ชาติเชื้อราชา ฦๅว่ากฎุมพี
๏ บอกตามความสัตย์
เราไซร้ไม่ตัด อาลัยไมตรี
สมศักดิ์ลักขณา พักตราราศี
พร้อมถ้วนควรที่ ท่วงทีกิริยา
๏ อากัปสรรพสรรพ์
ทุกสิ่งสารพัน ทรงธรรม์เสนหา
น้ำนวลควรกัน กับสุวรรณธิดา
ตรึกพลันบัญชา ตรัสซ้ำคำถาม
๏ สัตย์จริงสิ่งไร
จงแจ้งแห่งใจ อย่าได้เกรงขาม
สำคัญอันมี คดีโดยงาม
อย่ากลอกบอกความ แต่ตามสัจจัง
๏ บัณฑิตฤทธิไกร
ถวายบังคมไท ทูลนัยหนหลัง
พิทูรสุริย์วงศ์ พระองค์ทรงฟัง
สมตรึกนึกหวัง สั่งพลันทันใด
๏ เหวยหมู่มาตยา
พร้อมหมวดตรวจตรา เสนานอกใน
กูสั่งฟังจำ เร่งทำเร็วไว
โรงพิทธีใน ท้องสนามงามพลัน
๏ จงให้ใหญ่กว้าง
สูงเยี่ยมเทียมปรางค์ อย่างเลิศเฉิดฉัน
หางหงส์ฉ้ฟ้า จตุราหน้าบัน
ให้สมคมสัน ขยันเยียรยง
๏ ยาวหวังดังปอง
หกสิบห้าห้อง กูต้องประสงค์
สารพันชั้นฉัตร ราชวัติบริวง
ล้วนระบายเบญจรงค์ ให้อร่ามงามเรือง
๏ ฉ้ฟ้าหน้าบัน
เครื่องบนเบญจพรรณ สุวรรณแลเหลือง
สอดแซมแต้มติด ชวลิตชำเลือง
ให้ชนชาวเมือง มันดูชูใจ
๏ บรรเจิดเลิศลาย
แซมดวงช่วงฉาย พรรณรายพรายไสว
เครือวัลย์ก้านเกี่ยว ครุฑเฉี่ยวชิงชัย
ฉวยสุกรีไกร เลี้ยวไล่อลวน
๏ เพดานดารา
ประดับรจนา กูว่าอย่าฉงน
ให้ทันฤกษ์พา วิวาหมงคล
กูจะเสกนิฤมล กับราชกุมาร
๏ แต่ในสามวัน
เร่งรัดจัดกัน ให้ทันบรรหาร
ตรัสสั่งสำเร็จ สมเด็จนฤบาล
ให้ราชกุมาร สำราญพระโรงทอง
๏ แล้วองค์ทรงไชย
สั่งพลันทันใด สนมในเนืองนอง
เร่งรัดจัดสรร สารพันสิ่งของ
กูจะภิเษกสอง ให้ครองศฤงคาร
๏ ถ้วนหน้านางสนม
รับสั่งบังคม บรมณาการ
ฝ่ายมหาเสนา ถ้วนหน้าพนักงาน
ทำตามบรรหาร ภูบาลบัญชา
๏ แล้วสรรพกลับทูล
ขอเจ้าไอศูรย์ อนุกูลเกศา
เสร็จโรงพิธี ดั่งมีชงคา
ขอทราบบาทา เจ้าฟ้าภพไตร ๚ะ
ยานี
๏ ปางองค์ทรงธรณินทร์ จอมบูรินทร์ฤทธิไกร
ฟังมหาเสนาใน ทราบพระทัยพระภูธร
๏ แล้วท้าวเธอบัญชา ถามโหราพยากรณ์
พรุ่งนี้จะสยุมพร เห็นอย่างไรในฤกษ์ยาม
๏ ปโรหิตวินิจแน่ เห็นส่องแท้กระแสความ
ทูลองค์พระทรงงาม ยามพรุ่งนี้ดีพ้นไป
๏ ได้เมื่อจอมกัลยา สุจิตราในตรึงษ์ตรัย
กับองค์สหัสนัยน์ เสวยสุขทุกข์ห่อนมี
๏ เกล้ากระหม่อมพร้อมทูลไท้ จงทราบใต้ฝ่าธุลี
แล้วแต่พระพันปี จะจัดแจงแต่งวิวาห์
๏ ฟังว่าโหราทูล ท้าวยิ่งพูนมนัสา
ยินดีมีบัญชา สั่งถ้วนหน้าพนักงาน
๏ มโหรสพจงครบครัน จัดจงทันกูบรรหาร
ให้ถ้วนกระบวนกาล - วิวาหมงคล
๏ สั่งแล้วพิทูรราช เสด็จลีลาศสู่ไพรชน
ตรัสแก่จอมสกล องค์นิฤมลเอกมาลี
๏ เจ้าจงแต่งธิดา เลิศลักขณามารศรี
แล้วจัดกระษัตรีย์ เป็นเพื่อนสาวจงคราวครัน
๏ จงสรรพประดับประดา อลังการ์กกุธกัณฑ์
บริสุทธิ์ดุจกัน ประจงสรรพันอนงค์
๏ ตัวเราเล่าจะจัด ล้วนกระษัตริย์สูริยพงศ์
ให้ได้ร้อยเอ็ดองค์ เพื่อนสูรยวงศ์พงศ์นรา
๏ สารพัดจัดสำเร็จ พอตีสิบเบ็ดได้เวลา
พิทูรพระราชา เสด็จสู่ราชพิธี
๏ พร้อมหมู่พฤฒามาตย์ ระดะดาษดุษฎี
พราหมณาจารย์กระวี แล้วล้อมองค์พระทรงธรรม์
๏ ท้าวมีพระโองการ สั่งพนักงานด้วยเร็วพลัน
ให้ตีฆ้องสำคัญ ลั่นบันลืออื้อประโคม
๏ สารพันเครื่องสมโภช ก็อุโฆษณครืนโครม
มโหรทึกพิลึกโหม โห่กัมปนาทนิวาสเวียง
๏ แตรสังข์ระฆังขาน ดนตรีประสานสำเนียงเสียง
เอิกเกริกเลิศไกรเกรียง พิภพเพียงจะพ่างพัง
๏ ฝ่ายว่าประชากร ทั่วราษฎรจรโดยหวัง
เยียดยัดอัตนัง ฟังดูเล่นไม่เว้นตัว
๏ ชื่นชมบรเมศ เพียบนิเวศพระอยู่หัว
ธุลีตรลบมัว ทั่วชายหญิงยิ่งนิยม
๏ ครั้นพระสูรย์ศรีใส พอดีได้ฤกษ์อุดม
สมเด็จพระบรม พิทูรราชประภาษพลัน
๏ ให้แห่พระบุตรี สู่พิธีอันฉายฉัน
เดินโดยอันดับกัน ถ้วนทั้งพันบริพาร
๏ อีกองค์กุมารราช ให้ลินลาศยังโรงธาร
ทั้งวงศ์บริวาร ถ้วนร้อยเอ็ดให้เสด็จมา
๏ จรโดยถนนแนว เป็นสองแถวรัถยา
แถวนอกให้ลีลา บ่าวเป็นบ่าวเป็นราวเรียง
๏ พวกสาวเหล่าสตรี ให้จรลีโดยเฉลียง
แถวในเสนาเคียง อย่าแกล่ใกล้แต่ไกลกัน
๏ สุรางค์นางเถ้าแก่ รับสั่งแร่มาเร็วพลัน
เถิงพระอรเอววัลย์ องค์อุบลมาลี
๏ จึ่งสนมบังคมนาฏ ทูลจอมราชกระษัตรีย์
ดุจองค์พระพันปี มีชงคาใช้มาเชิญ
๏ นางท้าวผู้อุดม ฟังสาวสนมเสด็จดำเนิน
นำหน้าธิดาเดิน ลำดับกันพันอนงค์
๏ ฝ่ายองค์พระทรงฤทธิ์ ไชยบัณฑิตสูริยวงศ์
กับพระยาร้อยเอ็ดองค์ ทรงเครื่องเสร็จเสด็จคลา
๏ ออกจากพระโรงราช พร้อมกับนาฏกัลยา
จรโดยอันดับมา ตามบัญชาพระทรงไชย
๏ พระยาร้อยเอ็ดองค์ พินิจวงศ์สุรางค่ใน
เยี่ยงอย่างนางตรึงษ์ตรัย แลวิไลใจละลาน
๏ ฝ่ายฝูงอนงค์นาฏ แลเห็นราชกุมาร
โดยเทพบันดาล โดยจะเปรียบก็เทียบทัน
๏ พวกบ่าวชมนารี พวกสาวศรีกระเษมสันต์
ต่างจิตคิดผูกพัน ต่างชมกันจรัลพลาง
๏ เครื่องทรงบรรจงสุด ประดับนุชคณานาง
ทั้งพันสรรสุรางค์ รุ่นวรโฉมประโลมลาน
๏ งามองค์พระชนนี แสนสตรีไม่มีสมาน
วรรูปวโรภาน แม้นเยาวมาลย์ในเมืองแมน
๏ แสงระยับจับสูริยา ทรงภูษาค่านับแสน
ชนใดในด้าวแดน แม้นได้เห็นเป็นบุญตัว
๏ งามองค์พระบุตรี อันดับที่แม่อยู่หัว
ทรงปล้องทองทั้งตัว สอดสีฟ้าราคาพัน
๏ แจ่มจับพยับแสง ดังจะแข่งดวงสูริย์ฉัน
วรหัตถ์นพรัตน์พรรณ มีราคาค่าภพไตร
๏ ลินลาศดังราชหงส์ บริเวณวงแวดล้อมไสว
ตามแนวถนนใน ผู้ใดผาดประหลาดตา
๏ งามล้นพ้นอุปรไมย เลิศวิไลเหลืออุปรมา
งามราชกุมารา ดังรูปหล่อหน่อนรินทร์
๏ เครื่องทรงพระองค์สรรพ เรืองระยับดับสูรย์สิน
วิเชียรปาณิน นพรัตน์จำรัสดวง
๏ มงกุฎแก้วสูริย์กานต์ สังวาลวรรณแลทับทรวง
ล้วนเพชรรัตน์พวง มณีช่วงวิเชียรแนม
๏ ชายแครงแลชายไหว แก้วเจียระไนจำหลักแหลม
มรกตสูริย์กานต์แกม ทับทิมแนมแซมมุกดา
๏ สนับเพลาแลเชิงงอน รัตนาภรณ์อำไพตา
แจ่มดวงช่วงดาหา พ้นพรรณนาวราองค์
๏ บรรดาประชากร ทั่วราษฎรตะลึงหลง
ด้วยพระวรโฉมยง ทั้งสูริย์วงศ์บริวาร
๏ งามจริงยิ่งอุปรมา หมู่ประชาสาธุการ
ขอพึ่งพระโพธิญาณ จงภิญญาสถาวร
๏ ได้พบลบลานตา เพราะเจ้าฟ้านรากร
บัณฑิตฤทธิรอน บุญภูธรใครจะทัน
๏ ชายหญิงยิ่งนิยม น้อมประนมบังคมคัล
พลางช่วยอวยไชยพลัน จอมไอศวรรย์ขวัญธานี
๏ ถ้วนเหล่าชาวนิคม ตั้งใจชมพระภูมี
ทั้งราชกุมารี จนสิ้นเสร็จเสด็จดล
๏ เถิงราชพิทธี เข้าสู่ที่พระจุมพล
บังคมบาทยุคล องค์พิทูรราชา
๏ ท้าวทอดพระเนตรนาง อย่างอัปสรกัญญา
พวกราชกุมารา ดั่งว่าเทพเทวัญ
๏ แล้วท้าวเธอลินลาศ จากราชอาสน์สุวรรณพลัน
ยึดหัตถ์พระทรงธรรม์ จูงเอากรพระกุมาร
๏ ให้นั่งบัลลังก์แล้ว ด้วยกองแก้วเจ็ดประการ
ฝ่ายองค์พระชนมาร จูงวรนุชพระบุตรี
๏ ให้นั่งบัลลังก์ทอง สุวรรณรองจำรูญศรี
เคียงองค์เนียรบดี แล้วท้าวนั่งในที่ควร
๏ แล้วจึ่งให้ท้าวนาง ประคองข้างพระทรามสงวน
ตามแบบกระบวนควร ระบอบเบื้องบุราจาร
๏ ฝ่ายองค์พระทรงฤทธิ์ ให้ปโรหิตผู้ชำนาญ
ประคองราชกุมาร ควรแก่กาลวิวาห์
๏ ปโรหิตกุมพระหัตถ์ หน่อกระษัตริย์ข้างเบื้องขวา
ท้าวนางผู้ปรีชา กุมกรซ้ายพระบุตรี
๏ ระดับกันเข้าทันใด พอฤกษ์ไชยได้ดิบดี
นายฆ้องประโคมตี เบิกบายศรีสุวรรณพลัน
๏ เถ้าแก่แซ่ซ้ายขวา นั่งพร้อมหน้าอังเชิญขวัญ
สมควรแล้วชวนกัน รำพันช่วยอำนวยพร
๏ ปโรหิตร่ำพิไร ว่าโภไคยจอมนคร
จงสุขสถาวร ทุกทิวันดร์นิรันดร์ภัย
๏ ท้าวนางให้พรว่า จอมกัลยาสนมใน
อย่ารู้ร้อนพระทัย สิ่งไรภัยอย่าพึงมี
๏ หมู่พราหมณ์พร้อมอวยพร ภูมินทรรอนไพรี
พินาศด้วยฤทธี ทุกธานีประนมเนียน
๏ เถ้าแก่ว่าแม่เจ้า อยู่หัวเล่าจงเสถียร
พัสถาจงอาเกียรณ์ ประกอบสุขทุกนิรันดร์
๏ พราหมณ์ว่าพระทรงฤทธิ์ จงประสิทธิ์สารพัน
จะประสงค์ซึ่งสิ่งอัน ใดให้ได้ดังจินดา
๏ หม่อมยายว่าจอมหญิง แม้นยอดมิ่งแม่ปรารถนา
สิ่งไรในพสุธา พระทัยหวังดังจำนง
๏ พฤฒาว่าภูมินทร์ หน่อนรินทร์ปิ่นสูริย์วงศ์
ขอเชิญจำเริญองค์ พงศ์กระษัตริย์ขัตติโย
๏ กำนัลว่าจอมนาง จงสำอางพระองค์โอ
เอกเอี่ยมเทียมจันโท เมื่อทรงกลดหมดมุลทิน
๏ พฤฒาว่าทรงสวัสดิ์ จงกำจัดจากราคิน
ถนอมองค์ทรงธานินทร์ เป็นปิ่นกรุงบำรุงชน
๏ พร้อมหญิงว่ามิ่งแม่ จงเพียรแผ่บำเพ็งผล
เพิ่มเติมกุศลตน ให้ภิญญาศีลาทาน
๏ พร้อมหน้าเสนามาตย์ ว่าจอมราชนรังหาญ
บำรุงนราการ ประกอบแท้กระแสธรรม
๏ ท้าวนางว่านิ่มนวล อย่าก่อกวนซึ่งกองกรรม
เวราจะเนืองนำ อย่าควรในพระทัยมี
๏ ปโรหิตจึ่งว่าเล่า จงพระเจ้าจอมโมลี
เสวยสุขสวัสดี จำเริญฤทธิประสิทธิ์พร
๏ ท้าวนางจึ่งว่าเล่า แม่ ณ หัวเจ้าผู้จอมสมร
จงสุขสถาวร ทุกทิวาอย่าคลาคลาย
๏ พฤฒาจึ่งว่าเล่า ขอพระเจ้าผู้ฦๅสาย
โปรดเหล่าชาวนิกาย จากกองทุกข์สุขนฤพาน
๏ เถ้าแก่แซ่อวยพร ว่าจอมสมรสุดามาลย์
จงวัฒนานาน สำราญมุ่งบำรุงสกล
๏ พร้อมช่วยอำนวยไชย สองหน่อไทตระบัดดล
ขอเชิญจำเริญพระชน- มายืนสักหมื่นปี
๏ หลากหลายถวายพร พระภูธรหน่อธรณี
เสร็จพลันในทันที ดนตรีโหมประโคมเพลง
๏ สังข์แตรแซ่สำเนียง เสนาะเสียงอยู่วังเวง
เพียงเทพบรรเลง พิลึกลั่นสนั่นไป
๏ เสร็จแล้วสองกระษัตริย์ จากแท่นรัตนามัย
กราบถวายบังคมไท พระบิดุราชนาฏชนนี
๏ สองกระษัตริย์ตรัสอนุญาต แล้วประสาทพระพรศรี
จงสุขสวัสดี ประสิทธีสองบุตรา
๏ ว่าตั้งแต่นี้ไป เสกระฉัตรไชยของบิดา
เป็นของกุมารา ไชยบัณฑิตประสิทธิ์พร
๏ พร้อมหน้าพฤฒามาตย์ ฟังประภาษชุลีสลอน
สองก้มประนมกร รับอนุญาตแทบบาทบงสุ์
๏ แล้วเสร็จสำเร็จกิจ ไชยบัณฑิตสูริยวงศ์
เลื่อนลดพระองค์ลง นั่งพวกบ่าวโดยกระบวน
๏ ฝ่ายสุวรรณมารศรี เอกบุตรีมณีนวล
ถอยหลังนั่งที่ควร ตามพวกสาวเหล่าสุรางค์
๏ ฝ่ายองค์พิทูรราช จึ่งประภาษแก่จอมนาง
ว่าเจ้าผู้สำอาง องค์อุบลมาลี
๏ จงพาหน่อนรา กับธิดาสู่ปรางค์ศรี
ตามแต่ประเพณี พระนางจัดให้สองครอง
๏ แล้วท้าวกล่าวประภาษ พฤฒามาตย์สิ้นทั้งผอง
สมนึกเราตรึกตรอง ครั้งนี้เสร็จสำเร็จการ
๏ แล้วสั่งให้เก็บวัด พวกสารพัดพนักงาน
แล้วองค์พระภูบาล เสด็จลินลาศสู่ราชวัง
๏ ฝ่ายสุวรรณมณี จอมสตรีภักดีหวัง
ประฏิพัทธ์โดยสัจจัง ต่อพระนราสวามิน
๏ ฝ่ายองค์พระทรงฤทธิ์ ไชยบัณฑิตนฤบดินทร์
พิสมัยในยุพิน โดยสมพองประเพณี
๏ สองสุขสังวาส ในปรางค์มาศมณีศรี
เปรมสุขสวัสดี บ่มีภัยสิ่งไรพาน
๏ สองสมภิรมย์รส ห่อนรู้หมดสโมสาร
สองสุขสำราญนาน บริบูรณ์พูนโภไคย
๏ ท้าวแต่งพี่เลี้ยงเคียง อันพ่างเพียงหฤทัย
ให้สถิตตำหนักใน ราชนิเวศบริวง
๏ แล้วจัดสนมนาง ที่สำอางพอสมองค์
สารพัดจัดจำนง ประจงมุ่งบำรุงกัน
๏ นายสนิทบดีมี กระเกษมศรีศฤงคารครัน
เฝ้าองค์พระทรงธรรม์ เป็นเอกที่มนตรีนาย
๏ ส่วนองค์พระทรงฤทธิ์ ไชยบัณฑิตผู้ฦๅสาย
เป็นที่อุปราชฝ่าย หน้าราชาบิดานาง
๏ เป็นสุขทุกนิกร หมู่ราษฎรไม่มีหมาง
โดยสัจจธรรม์ทาง เทียมเมืองฟ้าสุราลัย ๚ะ
ฉบัง
๏ ยังมีอาจารย์หนึ่งใน นครพิไชย
สงสัยวิมุติจึ่งปุจฉา
๏ ว่าเป็นเหตุไฉนจึงไฉยา สุวรรณธิดา
ท่านท้าวพิทูรทรงธรรม์
๏ มิได้ตอบคำจำนรรจ์ ด้วยบุรุษชายอัน
ผู้อื่นในพื้นปฐพิน
๏ จำเพาะพูดด้วยภูมินทร์ บัณฑิตบดินทร์
แต่องค์เดียวเพื่อใด
๏ ท่านผู้รู้แท้แก้ไข เชิญวิสัชนาใน
เราไซร้ขอแจ้งแห่งความ
๏ อาจารย์หนึ่งหวังฟังถาม เจนในใจตาม
เนื้อความเห็นแน่แก้พลัน
๏ ดูราอาจารย์พรหมจรรย์ คมหนอข้อนั้น
สำคัญอย่าหมางคลางแคลง
๏ ฟังว่าอย่าหมิ่นกินแหนง เราจักสำแดง
ให้เห็นอดีตติดมา
๏ โดยปองเดิมสองกระษัตรา เป็นจาบสกุณา
สำนักอาศัยไพรพนม
๏ เคยเรียงเคียงคู่สู่สม สองสกุณทรามชม
นางนกมีไข่ในรัง
๏ เมียผัวร่วมหัวใจหวัง ผลัดกันระวัง
ซึ่งไข่มิให้ภัยพาน
๏ ผลัดเวียนเปลี่ยนหาอาหาร อย่างนั้นนิจกาล
ฟักไข่จนได้เป็นตัว
๏ ปราศรัยไกล่เกลี่ยเมียผัว ผลัดกันด้วยกลัว
ว่าลูกจะเกิดอันตราย
๏ ผัวอยู่เมียไปใจหมาย หาเหยื่อเผื่อชาย
ไม่วายสมัครรักรึง
๏ วันเมื่อเวรามาเถิง ผัวเมียจะพึง
พินาศพรากจากจร
๏ พออรุณรังสินทินกร สองนกตื่นตอน
ถ้อยสนทนาพาที
๏ พ่อนกว่านางปักษี เจ้าจงอยู่ดี
วันนี้เถิงเวรเกณฑ์เรา
๏ แม่นกว่าจริงแล้วเจ้า เพื่อนยากปากเบา
จงไปขมันพลันมา
๏ ลูกเต้าตัวข้าเจ้าคอยหา อย่าล่วงเวลา
ถ้อยว่าถ้อยหวังสั่งกัน
๏ เสร็จแล้วพ่อนกผกผัน โผจากรังพลัน
สำคัญจะหาอาหาร
๏ บินตะบึงพักหนึ่งมินาน ลุเถิงแถวสถาน
สนานสนุกขรณี
๏ เห็นอุบลบานแบ่งแสงสี นึกถวิลยินดี
คอยรี่ค่อยราถาลง
๏ เพลินไซ้เกสรโสภา เคลิ้มจิตสกุณา[๑]
จนสูริยากล้าแสง
๏ ผกากาบเกสรีคลี่แคลง กลับกล้ำกลีบแสดง
ดั่งแกล้งอุบัติกลัดกลม
๏ ปักษีรู้สึกนึกตรม เตรียมใจไม่สม
เหมือนหนึ่งคะเนเวไลย
๏ ชะรอยกรรมจะทำกลใด สุดจนพ้นใจ
จะทำไฉนใดดี
๏ สุดคิดจนจิตปักษี อยู่ในมาลี
รำลึกเถิงลูกผูกพัน
๏ อัสดงเย็นลงสายัณห์ นางปักษากระศัลย์
สำคัญชะแง้แลคอย
๏ เหลียวหาปิ้มเลือดตาย้อย โกรธใจใช่น้อย
แม้นมาจะว่าให้หนำใจ
๏ คอยผัวจนมัวเวไลย พอบังเกิดไฟ
ป่าไหม้มาใกล้รวงรัง
๏ นางนกนิ่งนึกตรึกหวัง ลูกเราเล่ายัง
อ่อนนักไม่รู้จักบิน
๏ เห็นจะตายวายชนม์ชีวิน สุดแค้นแสนถวิล
ประคิ่นแล้วแค้นแสนเข็ญ
๏ ด้วยพ่อนกไปไม่เห็น มาเลยจนเย็น
เป็นน่ารำคาญจ้านจริง
๏ เห็นลูกอาลัยใหญ่ยิ่ง มิทิ้งจำทิ้ง
ลูกแล้วนะแก้วกลอยใจ
๏ ด้วยเจ้ามีกรรมจะทำไฉน แม่ช่วยไม่ได้
สุดใจมารดาจะปรานี
๏ ว่าพลางนางผินบินหนี พอเปลวอัคคี
มาเถิงที่รังราญรอน
๏ ลูกนั้นบรรลัยไฟฟอน ไม่ไหล้ในดอน
ก็นอนระเนนเอนตาย
๏ พลบค่ำน้ำค้างพรมพราย ผกาประกับกลับกลาย
ขยายเขยื้อนเบือนบาน
๏ ปักษีจากที่ประทุมมาลย์ เปรียบดุจลมพาน
ทะยานขยับกลับรัง
๏ พักหนึ่งเถิงไวใจหวัง เห็นไฟไหม้รัง
เสียแล้วลูกตายวายชนม์
๏ โศกเศร้าง่วงเจ่าเหงาฉงน นางสกุณทน
คอยหนเห็นผัวตัวมา
๏ เข้าใกล้ปราศรัยเจรจา หอมกลิ่นบุปผา
ติดผัวตรลบอบอาย
๏ แม่นกนึกในใจหมาย ชะรอยว่าชาย
ไปชมซึ่งชู้ชูเชย
๏ นางว่าดูราเจ้าเอย ไปเที่ยวเล่นเลย
หลงเชยซึ่งชู้ชูใจ
๏ พ่อนกบอกเล่าเท่าไร นางยิ่งฟูมฟาย
มิได้จะหวังฟังคำ
๏ เคืองแค้นแน่นเหลือเนื้อกรรม วิบากหากนำ
จึ่งจำให้ตนจนตาย
๏ เอากำเนิดเกิดใหม่ใจหมาย สัญชาติว่าชาย
เราหนอไม่ขอไยดี
๏ ขึ้นชื่อว่าชายชาตรี อย่าพักพาที
ให้ยากไม่อยากเจรจา
๏ พ่อนกฟังแค้นแน่นหนา จึ่งตั้งสัจจา
ธิษฐานด้วยงามตามนัย
๏ จริงจัดสัจจังตั้งใจ ขอเทพท้าวไท
จงได้มาเห็นเป็นพยาน
๏ ชาตินี้ข้าตายวายปราณ ชาติหน้าอย่านาน
บันดาลด้วยพลันทันที
๏ ขึ้นชื่อว่านางปักษี ภริยาข้านี้
กำเนิดในที่ใดใด
๏ เห็นเราให้เจ้ามีใจ เจรจาปราศรัย
จงได้เป็นคู่ชูชม
๏ เกิดไหนให้พบสบประสม ดุจมีนิยม
อารมณ์เรานึกตรึกตรอง
๏ โดยสัจจวาจาทั้งสอง พร้อมกันผันผยอง
ขยับขึ้นสู่โพยมบน
๏ รวบปีกรวบหางวางตน ตกตายวายชนม์
แต่ชาตินั้นพลันมา
๏ เกิดในสูริย์วงศ์ราชา เพราะสัตย์ปัฏิญาณ์
ต่อกันแลกันทันที
๏ แม่นกคือสุวรรณมณี องค์พระราชบุตรี
พิทูรราชสูริย์วงศ์
๏ พ่อนกคือพระโฉมยง บัณฑิตฤทธิรงค์
ผู้ทรงประสิทธิ์วิทยา
๏ นี้แลเนื้อแท้ทำมา จริงจัดสัจจา
เพื่อวาจาเจ้าเข้าใจ
๏ จึ่งพระน้อยหน่ออรไท ห่อนตอบชายใด
ปราศรัยแต่ราชกุมาร
๏ จงแจ้งแห่งข้าว่าขาน ดูราอาจารย์
เราแก้ที่ถามความเธอ
๏ จึ่งใจมิได้ยอมเออ อย่าฟังเผอเรอ
พูดเพ้อเปล่าไปไม่ดี
๏ เที่ยงแท้ตามกระแสบาลี ควรข้อพอที
อันมีนิยมสมความ
๏ นำชาติสองราชนงราม สิ้นกระแสแก้ถาม
ยกความตามเรื่องเนื่องไป
๏ จักกล่าวเถิงองค์ทรงไชย บัณฑิตฤทธิไกร
พระทัยดำริตริตรอง
๏ กิจการบ้านเมืองเนืองนอง วันหนึ่งพระทอง
บรรทมเหนือแท่นพรรณราย
๏ เที่ยงคืนท้าวฝืนวรกาย พระทัยไม่สบาย
วุ่นวายวิตกอกองค์
๏ ปานนี้บิตุราชมาตุรงค์ สองท้าวจะทรง
พระโศกกระศัลย์รัญจวน
๏ ด้วยลูกเดียวดอกโดยสงวน ตัวกูฤๅควร
มาอยู่นี่เพลินเกินกาล
๏ เดิมลาว่ามาไม่นาน เรียนศิลปศาสตร์ชาญ
ประมาณพองามสามปี
๏ เลยลาคำรบครบสี่ สงสารชนนี
ปานนี้จะนองชลนา
๏ เห็นลูกหายจะละห้อยคอยหา ไม่วายถวิลจินดา
อนิจจาฤๅกูดูเบา
๏ หลงสนุกท้าวทุกข์ทำเนา ไม่ควรด้วยเรา
ผู้เป็นโอรสยศไกร
๏ อย่าเลยจำจะลาคลาไคล พาสุวรรณทรามวัย
ไปไหว้ไปคัลวันทา
๏ ให้ท้าวรู้จักพักตรา ศรีสะใภ้ไฉยา
เห็นว่าประกอบชอบการ
๏ ตรึกเสร็จสมเด็จภูบาล พอแสงสุริย์ฉาน
จำรัสอรุณรังสี
๏ อ่าองค์สรงพักตร์ภูมี เสด็จพลันทันที
แล้วกล่าวสุนทรวอนวิง
๏ ดูราวรนุชสุดหญิง จงแจ้งแห่งจริง
ในจิตสังเกตเจตนา
๏ เรียมจงจำนงใคร่พา นุชไปวันทา
ท่านท้าวผู้จอมโมลี
๏ เห็นไฉนหฤทัยเทวี เชิญนุชเสาวนีย์
ให้พี่กระจ่างแจ่มใจ
๏ ปางนั้นจึ่งสุวรรณทรามวัย ทูลสนองภูวไนย
ขอทราบพระทัยทรงธรรม์
๏ น้องนี้มีจิตผูกพัน ขอตามเสด็จพลัน
จะพลอยอภิวาทบาทบงสุ์
๏ พระร่มโพทองสององค์ ใจน้องจำนง
หากนิ่งระฦกนึกนาน
๏ ขอองค์ทรงทราบพระญาณ ทูลแล้วอภิวานท์
ภิวาทกระษัตริย์พัสดา
๏ ปางนั้นบัณฑิตอิศรา ฟังเยาวยุพา
เปรมปราภิรมย์สมปอง
๏ ตรัสปลอบขอบควรนวลละออง เนื่องนึกเสนอสนอง
สนิทเสน่ห์น้ำนวล
๏ พลางว่าราชาเชิญชวน พะงางามทรามสงวน
ด้วยควรขึ้นเฝ้าท้าวไท
๏ บังคมทูลพลันทันใด เดชะองค์ทรงไชย
ภูวไนยสองราปรานี
๏ ลูกหนอขอลาฝ่าธุลี ไปเยียนบทศรี
ณ กรุงกระษัตริย์มัททรา
๏ พระองค์จงทรงกรุณา โปรดให้ยาตรา
เวลาพรุ่งนี้จะกรีพล
๏ ฟังเสร็จสมเด็จภูวดล มาลีนิฤมล
สุดจนน้ำจิตคิดปราม
๏ สองท้าวนิ่งนึกตรึกความ เห็นชอบตอบตาม
ต้องที่คดีมีมา
๏ พ่อฤๅคือดวงนัยนา ตามแต่จะปรารถนา
บิดาไม่ขัดตัดใจ
๏ สุดแท้แต่น้ำพระทัย กุมารชาญไชย
สิ่งไรประสงค์จงดาล
๏ มนตรีโยธีทวยหาญ แหล่งหลักพนักงาน
กุมารจงตรัสจัดแจง
๏ อย่าพะวังหวังถวิลกินแหนง แล้วท้าวสำแดง
นุญาตอำนวยอวยพร
๏ สำเร็จเสร็จสั่งภูธร สองลาบทจร
เถิงพระที่นั่งสั่งพลัน
๏ ดูราเสนาเนืองนันต์ จงรัดจัดกัน
ให้ทันทุกหมวดตรวจตรา
๏ จงครันแปดพันโยธา กุญชรอาชา
รถาประเทืองเรืองทอง
๏ สิ่งละพันล้วนขยันผันผยอง แต่งตามทำนอง
ให้ต้องตำรับทัพไชย
๏ โดยกระบวนพยุหบาตรคลาดไคล เราปองจะไป
ยังมัททราธานี
๏ ตีสิบเบ็ดให้เสร็จโยธี สั่งแล้วภูมี
ตรัสสั่งบดีด้วยพลัน
๏ พี่จงเร่งรัดจัดสรร ทุกสิ่งสารพัน
ให้ทันคะเนเวลา
๏ สั่งเสร็จเสด็จสู่ปรางค์ปรา สั่งสาวซ้ายขวา
ถ้วนหน้าสนมกรมใน
๏ แล้วองค์ทรงสู่นิทราไสย แท่นรัตนามัย
สองไท้บรรทมสมพอง
๏ พี่เลี้ยงรับสั่งดังปอง จัดเสนานอง
คะเนคะแนนแกว่นการ
๏ พลหน้ายอดโยธาหาญ ล้วนปืนยืนทะยาน
ชำนาญณรงค์คงกระพัน
๏ พลถัดเป็นขนัดเนืองนันต์ ล้วนเสน่าเกาทัณฑ์
ธนูหน้าไม้ใส่ยา
๏ พลง้าวหลาวแหลนแน่นหนา ล้วนขยันกลั่นกล้า
ไม่ขลาดไม่กลัวตัวดี
๏ พลเหล่าโล่ดั้งดาบตรี เยียดยัดปัฐพี
ล้วนมีฝีมือดื้อดึง
๏ พลหอกกำแหงแข็งขึง ตัวกลั่นตันตึง
ไม่พรึงประหวั่นพรั่นใคร
๏ พลทวนทวนพร้อมล้อมไสว ล้วนคะนองว่องไว
ที่ในณรงค์สงคราม
๏ พลแซงคชสารชาญสนาม ซ้ายขวาสง่างาม
แต่งตามกระบวนถ้วนตน
๏ พลช้างเชี่ยวชาญเชิงชน ต่อต้านทานทน
เข้ารณรงค์คงพัง
๏ ลำพองว่องไวใจหวัง มหิทธิล้ำกำลัง
ไม่รั้งไม่รอต่ออรินทร์
๏ สังขทันต์พวกเนียมเทียมนิล มอหมอกโคมินทร์
สีม่วงสีเมฆเอกทันต์
๏ เงยหน้างาหงายฉายฉัน ชูสีสุวรรณสรรพ์
อันสวมสง่างางอน
๏ ตากลมกลอกแดงแรงรอน สกุณจาบจอกจร
ก็จับด้วยไวได้จริง
๏ งามงวงช่วงหางอย่างยิ่ง พร้อมพู่หูพริ้ง
ทุกสิ่งเห็นล้นคณนา
๏ รถทรงอรองค์ยุพรา เรืองวโรโอภา
จัดม้าวิเศษเทศเทียม
๏ ชาติเชี้อพาชินนิลเนียม มหิทธิไกรใจเกรียม
แหงเหี้ยมระเหินเดินดง
๏ ประดับรถสดสุวรรณบรรจง ประกอบกุมดุมกง
จำนงชำนาญชาญทำ
๏ งอนแอกแปรกอร่ามงามขำ เบื้องบันประจันจำ
ล้วนล้ำจำหลักลวดลาย
๏ สามชั้นพรรณรังบังฉาย เบื้องบนกลายระบาย
เป็นบุษบกเบญจพรรณ
๏ สุดอย่างช่างแต่งแกล้งสรรค์ เปรียบเวไชยันต์
ที่อันพระองค์ทรงญาณ
๏ ดับนั้นพื้นพลบริพาร พร้อมมวลควรการ
ขนานขนัดอัดพล
๏ เตรียมเสร็จจักเสด็จจรดล อื้ออึงอลวน
อเนกอนันต์ในกระบวน
๏ ตราตรวจหมวดกรมสมควร จนเวลาจวน
จะตีสิบเบ็ดเสร็จพลัน ๚ะ
สุรางคนางค์
๏ สองท้าวบรรทม
ตื่นนิทรารมย์ สองสมกระสันต์
กระเษมเปรมปรีดิ์ ยินดีใครจะทัน
ตรัสสนทนากัน สารพันพิไร
๏ กรสอดกอดแก้ว
เสียงไก่ไจ้แจ้ว แว่วจิตพิสมัย
องค์พิงอิงแอบ เนียนแนบสนิทใน
เนื้อสมรอ่อนละไม ละมุนอุ่นองค์
๏ ชูชื่นรื่นรส
เริงร่าปรากฏ ห่อนลดลืมหลง
ท้าวสนองจอมนาฏ นุชสวาดิสุริย์วงศ์
สองสมประสงค์ จงถวิลจินดา
๏ ครั้นอรุณเรืองราง
สองกระษัตริย์ค่อยสร่าง กระสันต์หรรษา
ทรงทราบสุรเสียง สำเนียงสกุณา
ก้องกู่หมู่กา เมื่อราตรีกาล
๏ ดุเหว่าแว่วแว่ว
จักรจั่นแจ่มแจ้ว ไก่แก้วขันขาน
วิหคโห่โหย โหวกโหวยกังวาน
ซ้อแซ้ประสาน สุรศัพท์สำเนียง
๏ พระองค์ทรงฟัง
วิเวกเวงวัง หว่าหวังสุรเสียง
ชะรอยสุรีย์ราง ใกล้สว่างไกรเกรียง
เสียงพลพ่างเพียง พิภพพ่างพัง
๏ สุนทรจอมราช
ปราศรัยวรนาฏ ดวงสวาดิโดยหวัง
ว่าดูรพุ่มพวง เพียงดวงชีวัง
จวนรุ่งแล้วกระมัง ร้อยชั่งพี่อา
๏ ขอเชิญทรามชม
จากนิทรารมย์ เร็วพลันหรรษา
อรองค์สรงพักตร์ เราจักลีลา
ให้ทันฤกษ์พา สุริยารุ่งราง
๏ องค์อรทรามวัย
ฟังบัญชาไท ปราศรัยไม่ขนาง
เยาวจากไสยาสน์ ราชอาสน์สำอาง
สองสรงพักตร์พลาง จัดแจงแต่งองค์
๏ เสร็จแล้วกระษัตรา
จากปรางค์ลีลา ดังพญาราชหงส์
ครั้นลุบัลลังก์ พระที่นั่งเกยทรง
แออัดจัตุรงค์ เรียงรายถวายกร
๏ บัณฑิตภูวดล
ทรงคชมงคล ดังกลไกรสร
ฝ่ายสุวรรณโฉมยง ทรงรถเรืองรอน
พลแห่แลสลอน ยอกรประนม
๏ ราชรถสุรางค์
โดยเสด็จจอมนาง เนืองแน่นนักสนม
แน่งน้อยนิ่มนวล ชี่นชวนชูชม
เริงร่าอารมณ์ นิยมยินดี
๏ องค์ไชยบัณฑิต
ตรัสสั่งนายสนิท ให้นำวิถี
ยามไชยได้ฤกษ์ ให้เลิกโยธี
ฆ้องสำคัญมี ให้ตีสัญญา
๏ แล้วยิงปืนใหญ่
สามนัดชัดไชย หวั่นไหวเวหา
พลแห่โห่ฮือ บันฦๅสามลา
ยกพยุหบาตรา เอิกเกริกไกรเกรียง
๏ จากราชธานินทร์
เข้าสู่ไพรสิณฑ์ สัตว์ยินสุรเสียง
พลรถคชร้อง กึกก้องสำเนียง
พ่างปัฐพีเพียง จะระยำทำลาย
๏ สารพัดสัตว์สิง
ประหวั่นหวาดวิ่ง หลบลี้หนีหาย
ไม่หาญราญรอ ต้านต่อใกล้กราย
ด้วยกลัวตัวตาย พรายพลัดลัดแลง
๏ ท้าวกรีธาพล
ครั้นพระสูริยน รอมร่อยอแสง
ให้ยุดโยธา ช้างม้ามีแรง
แล้วตรัสจัดแจง ให้แต่งพลับพลา
๏ สำเร็จเสร็จพลัน
สูริย์วงศ์ทรงธรรม์ กระสันต์หรรษา
สู่นิทรารมย์ บรรทมสองรา
ตรัสสั่งสนทนา บัญชาวาที
๏ เวลาการศัพท์
เสียงจักรจั่นจับ ซาบซับโสตศรี
เรไรจำเรียง ดุจเสียงดนตรี
สำเนียงสกุณี เสนาะน้ำนวล
๏ นานาต่างต่าง
สบสรรพละอย่าง บ้างโวยโหยหวน
วิเวกแว่วแว่ว แจ่มแจ้วรำจวน
วังเวงเครงครวญ พิลึกครึกครัน
๏ ระวังไพรไก่ฟ้า
จำเรียงเสียงร่า จ้าจ้านขานขัน
ไพรเราะเพราะร้อง กึกก้องกู่กัน
เหลือล้ำรำพัน สนั่นในดง
๏ สองหวังฟังเพราะ
สุรสำเนียงเสนาะ พินิจพิศวง
วังเวงวิเวก อรเอกสององค์
ขับพลด้นดง แรมค้างกลางดอน
๏ อรุณสูริยา
พระพายชายพา รสาเกสร
รุกขชาติดาษดิน ทรงกลิ่นกำจร
โฉมตรูภูธร ธิเบศเบิกบาน
๏ พระทัยบันเทิง
เปรมปราร่าเริง แรมในไพรสาณฑ์
รุ่งสรรพขับพล รีบร้นโรมราน
จรโดยประมาณ สิบห้าวันมา
๏ เถิงราชนิเวศ
มัททราชบิตุเรศ ปิ่นเกศเกศา
องค์ไชยบัณฑิต ทรงฤทธิ์อิศรา
จึ่งหยุดโยธา ด้วยพลันทันที
๏ ข้าเก่าเข้าใจ
ว่าหน่อภพไตร มาได้ยินดี
ทั่วหมู่มาตยา แต่งมามากมี
ของถวายพันปี ล้ำล้นพ้นไป
๏ ท้าวประทานสิ้น
ทั่วพลพฤนท์ จนกินไม่ไหว
แล้วหน่อกระษัตริย์ ให้จัดทันใจ
ของถวายท้าวไท ทรงฤทธิ์บิตุรงค์
๏ โดยหวังสังเกต
ของต่างประเทศ วิเศษประสงค์
สำเร็จเสร็จพลัน ชวนสุวรรณโฉมยง
ขึ้นเฝ้าพระองค์ ทรงฤทธิ์อิศรา
๏ เสด็จสู่ราชยาน
พลแห่แลลาน เหลือหลายซ้ายขวา
ฝ่ายสุวรรณรูปหล่อ ทรงวอรจนา
กำนัลกัลยา แวดล้อมพร้อมเพรียง
๏ สองเสด็จยาตรา
เถิงทวารพารา เข้าในไกรเกรียง
สู่สนนคนคึก ก้องกึกด้วยเสียง
แซ่ศัพท์สำเนียง พหลมนตรี
๏ อำมาตย์ราษฎร
เรียบรายถวายกร ประณตบทศรี
เริงรื่นชื่นชม นิยมยินดี
เลิศด้วยบารมี พ้นที่อุปรมา
๏ ด้วยเดิมจอมราช
แรกเสด็จลีลาศ เข้าในไพรสา
แต่พระองค์เจ้า เสด็จเข้าหิมวา
เป็นสองลีลา พี่เลี้ยงเคียงองค์
๏ ไปสี่ปีตรา
บัดนี้เสด็จมา เป็นน่าพิศวง
พร้อมพวกพหล รี้พลจัตุรงค์
ดีร้ายสูริย์วงศ์ พงศ์นราธานินทร์
๏ ได้ผ่านสมบัติ
เป็นเอกเสกระฉัตร ล้ำเลิศเฉิดฉิน
ทั้งนาฏนารี มเหสีภูมินทร์
แม้นอัปสรอินทร์ เอกเอี่ยมเทียมกัน
๏ อำมาตย์ราษฎร
ชมบุญภูธร อวยพรสารพัน
หน่อท้าวควรถนอม เป็นจอมไอศวรรย์
ประชานานันต์ พูดกันนานา
๏ ฝ่ายเจ้าธรณี
แจ้งสิ้นยินดี ว่าโอรสา
กรูกรีรี้พล พหลโยธา
ตั้งทัพพลับพลา นอกเสมาเมือง
๏ ท้าวมีชงคา
เหวยหมู่มาตยา เสนานองเนือง
บัดนี้ตัวเรา บรรเทาประเทือง
ด้วยโอรสเรือง รุ่งฟ้าธาตรี
๏ สูรัดจัดแจง
จงครบตบแต่ง ตำแหน่งกรุงศรี
สารพันขัณฑ์เขต นิเวศธานี
ให้อร่ามงามดี พลดูชูใจ
๏ แล้วสั่งพนักงาน
เลี้ยงโยธาหาญ คาวหวานสิ่งไร
อย่าให้ขัดสน รี้พลอาศัย
จนสรรพกลับไป อย่าให้นินทา
๏ แล้วสั่งนางใน
ให้จัดปรางค์ไชย หน่อไทนาถา
นักงานรับสั่ง ล้าลังออกมา
ทำตามบัญชา แล้วพลันทันใด
๏ สมเด็จมัททราช
เยื้อนรสพจนารถ บัญชาปราศรัย
จงสูอย่าช้า เสนาเร่งไป
เชิญพระหน่อไท ให้เจ้าเข้ามา
๏ อำมาตย์ประนม
รับสั่งบังคม ก้มเศียรเกศา
จากที่เฝ้าพลัน พากันลีลา
พอเถิงมหา ทวารราชวัง
๏ พบเสด็จหน่อไท
กลับพลันทันใด ว่องไวใจหวัง
เถิงกราบทูลบาท มัททราชทรงฟัง
เสด็จจากพระที่นั่ง บัลลังก์จรลี
๏ ลุเถิงมณเฑียร
สนมนางนองเนียน น้อมเศียรเกศี
ก้าวตรัสประภาษ จอมราชนารี
ผู้เป็นชนนี บัณฑิตฤทธิไกร
๏ พระท้าวทุกข์หนัก
ด้วยโอรสรัก ร่วมจิตพิสมัย
บัดนี้มาแล้ว ไม่แคล้วหฤทัย
สองท้าวปราศรัย บัดนั้นทันที
๏ ฝ่ายองค์ทรงฤทธิ์
พระไชยบัณฑิต กับมิตรมารศรี
สั่งพี่เลี้ยงท้าว ถ้วนเหล่านารี
รีบบทจรลี เฝ้าองค์ทรงธรรม์
๏ เถิงกราบบาทา
บิตุเรศมารดา เจ้าฟ้าไอศวรรย์
เซ็งแซ่แก่เถ้า ถ้วนเหล่ากำนัล
มี่ทั้งปรางค์จันทน์ รับขวัญหน่อไท
๏ ฝ่ายสุรางค์ราช
โดยเสด็จวรนาฏ ประนมคมไสว
รายรอบหมอบกลาด เดียรดาษปรางค์ใน
สองกระษัตริย์ตรัสไตร ปราศรัยสูริย์วงศ์
๏ ทรงฤทธิ์บิตุเรศ
ว่าสุวรรณขวัญเนตร เจตนาประสงค์
เรียนศิลปศาสตร์ สามารถอาจอง
สมคิดจิตจง จำนงฤๅนา
๏ หน่อท้าวกราบทูล
องค์พระนเรนทร์สูร อนุกูลเกศา
ลูกเรียนสำเร็จ เสร็จสิทธิวิทยา
สมถวิลจินดา ขอทราบพระทัย
๏ ฝ่ายเกสรศรี
นิฤมลชนนี ถามมาปราศรัย
แรกเจ้าจากจร ทุกข์ร้อนอย่างไร
จอมศวรรย์ขวัญใจ จงให้ข้อความ
๏ หนึ่งอรทรามวัย
องค์อรรควิไล เลิศลบภพสาม
เดิมนั้นฉันใด จึ่งได้โดยงาม
หนึ่งหนอหน่อนาม วรนุชบุตรี
๏ ฉันใดโฉมยง
ปิตุราชมาตุรงค์ สูริย์วงศ์มารศรี
ภูบาลผ่านกรุง บำรุงบุรี
หนึ่งนามธรณี มีนั้นฉันใด
๏ หนึ่งแก้วแม่มา
พร้อมพลคณนา มรคานั้นไฉน
กี่คืนกี่วัน สำคัญใกล้ไกล
พระอรทรามวัย เล่าให้แม่ฟัง
๏ บัณฑิตภูวดล
ทูลบอกยุบล แต่ต้นหนหลัง
เดิมลูกจากจร แรมนอนไพรกรัง
สองคนเซซัง พานจะวังเวงใจ
๏ เดือนหนึ่งลูกยา
ถึงตักกสีลา มหากรุงไกร
สำนักอาจารย์ ชำนาญชาญไชย
ลูกเพียรเรียนไว ได้สิ้นยินดี
๏ ลูกจึ่งกราบลา
อาจารย์ไคลคลา จักมากรุงศรี
ชะรอยเทพไท เจ้าไพรพงพี
ดลใจลูกนี้ จรลีลีลา
๏ หลงลัดตัดดอน
ลำเนาเขาขร เข้าเขตยักษา
สัประยุทธชิงชัย มารไซร้อัปรา
จึ่งถวายคาถา ถอดทรวงดวงใจ
๏ แล้วลูกจรมา
ลุเถิงพารา บิดาอรไท
เธอทูลถ้วนถี่ คดีมีนัย
หนหลังอย่างไร ทูลไท้สององค์
๏ จนได้มารศรี
สุวรรณมณี นพรัตน์โฉมยง
นามเอกมาลี ชนนีอนงค์
พิทูรสูริย์วงศ์ ปิตุรงค์นงพาล
๏ โดยนามนครินทร์
พิไชยธานินทร์ กรุงศรีพิศาล
บริบูรณ์พูนสุข แสนสนุกศฤงคาร
เลิศล้นพลหาญ เหลือล้ำรำพัน
๏ เมื่อลูกลามา
สมเด็จราชา พิทูรทรงธรรม์
ท้าวให้จัดแจง ตบแต่งทุกอัน
เครื่องบรรณานั้น ครามครันงามตา
๏ ถวายองค์ทรงเดช
ล้วนดีพิเศษ จิตเจตน์ปรารถนา
ฝากราชไมตรี ภูมีส่งมา
ขอทราบบาทา เจ้าฟ้าภพไตร
๏ ทรงฤทธิ์บิตุราช
เกสรสายสวาดิ นาถชนนีใน
ฟังหน่อธรณินทร์ ทราบสิ้นสงสัย
ยินดีมีใจ สองไท้เปรมปรีดิ์
๏ แล้วองค์ทรงธรรม์
ชมโฉมสาวสวรรค์ สุวรรณมารศรี
ชมราชโอรส เหมาะหมดราคี
แจ่มจัดรัศมี ละม้ายคล้ายกัน
๏ ไม่ล้ำก้ำเกิน
ยิ่งพิศยิ่งเพลิน จำเริญรับขวัญ
พลางว่าปราศรัย พิไรรำพัน
หน่อไทใจธรรม์ สมกันทั้งสอง
๏ ปรากฏยศศักดิ์
แม้นอื่นขืนรัก ไหนจักปานปอง
เหมือนดังอย่างนี้ ไม่มีมัวหมอง
เปล่งปลั่งดังทอง ผ่องล้ำน้ำนวล
๏ บุญแล้วแก้วเนตร
สองหน่อนเรศ วิเศษทรามสงวน
ปรองดองครองใจ อย่าได้เรรวน
กล่อมเกลี้ยงเคียงควร อย่าด่วนลวนลน
๏ สองลูกผูกรัก
อย่ารานหาญหัก จงสมัครภักดิ์ผล
สืบศรีสูริย์วงศ์ ดำรงมณฑล
จอมภพสบสกล พหลโยธา
๏ สองท้าวกล่าวสอน
แล้วประสาทพร บวรเดชา
สองเจ้าเคารพ จอมภพนาถา
รับพรผ่านฟ้า พร้อมหน้าท้าวนาง
๏ ถ้วนสนมกรมใน
ถวายกรพรไชย เพรียกไปทั้งปรางค์
เอี่ยมเอกเนกแน่น นับแสนสุรางค์
พร้อมใจไม่ขนาง ต่างถวิลยินดี
๏ ปางนั้นภูวนาถ
มัททราธิราช ประสาทพรศรี
เสร็จแล้วพระองค์ ผู้ทรงธรณี
จากแท่นสู่ที่ พระโรงรัตน์ชัชวาล
๏ เสด็จเหนือพระที่นั่ง
เอื้อนอรรถตรัสสั่ง อำมาตย์ฉาดฉาน
จงสูชาวเจ้า ถ้วนเหล่าพนักงาน
เร่งรัดจัดการ ทั้งทหารพลเรือน
๏ หกเหล่าอาสา
นอกในซ้ายขวา ตรวจตราอย่าเชือน
เร่งทำร่ำไป อย่าได้บิดเบือน
นอกเดือนในเดือน ทุกกรมระดมกัน
๏ กูสั่งฟังจำ
เร่งรัดจัดทำ จงยวดกวดขัน
ให้พลันทันใจ แต่ในสามวัน
กูจะทำขวัญ บัณฑิตฤทธิไกร
๏ จงจบครบการ
พิทธีฉ้ทาน ทุกทวารเวียงไชย
บริเวณจังหวัด ราชวัติฉัตรไสว
ให้อร่ามงามไป จงหมดรจนา
๏ โอ่โถงโรงเล่น
ระบำรำเต้น ทุกสิ่งภาษา
ทั้งไม้สูงต่ำ รำแพนผาลา
เหล่าลวดลังกา บรรดาการมี
๏ ให้จงหมดอย่าง
หลวงจีนเล่นช่าง มาต่างกรุงศรี
ทำได้หลายเล่ห์ ถ่ายเทท่วงที
แท้ว่าชาตรี เล่นดีน่าดู
๏ เมืองเราเล่าเล่น
เรียนร่ำทำเป็น พอเห็นพึงรู้
ด้วยเพียรน้อยนัก มันมักนอกครู
อวดอ้างล้างหลู่ รู้น้อยถอยลง
๏ เล่นตามทำนอง
สมโภชพระทอง กูต้องประสงค์
ให้ชนหญิงชาย ทั้งหลายจำนง
ดูเล่นเป็นกง เฮเฮฮาฮา
๏ ทั้งดอกไม้เพลิง
กึกก้องร้องเริง จงครันหรรษา
โรงรำทำนอง ทุกช่องระทา
แต่งจงรจนา กูว่าสารพัน
๏ ทั้งแปดทิศานต์
กูจะโปรยทาน กรรมพฤกษ์คึกขัน
ให้มีมโหรสพ คำรบเจ็ดวัน
จงรัดจัดกัน ให้ทันโองการ
๏ อำมาตย์มาตยา
รับพระชงคา ลาจากราชฐาน
เกณฑ์กันทันใด ว่องไวไม่นาน
ถ้วนสามวันวาร การสรรพกลับทูล
๏ เดชะพระกรุณา
ขอทราบบาทา เจ้าฟ้าไอศูรย์
ฟังเสนาใน พระทัยเพิ่มพูน
ผ่องใสไพบูลย์ พูนสวัสดิ์ตรัสมา
๏ ให้ตั้งสมโภช
มโหรสพโสตถิ์ ทุกสิ่งภาษา
เจ็ดคืนเจ็ดวัน ทำขวัญสองรา
สุขกระเษมเปรมปรา ไพร่ฟ้าประชากร ๚
ยานี
๏ บทนี้จงยกไว้ กล่าวบทไปเถิงภูธร
พิทูรราชฤทธิรอน สัถาวรพระเวียงไชย
๏ ตั้งแต่พระลูกยา ยกโยธาจากกรุงไกร
ท้าวเธอทุกข์พระทัย เพราะลูกไปอยู่ช้านาน
๏ สองไทให้ละห้อย กำสรดสร้อยกระศัลย์สาร
โศกศรีทุกทิวาร พระโรครานรุมราวี
๏ ด้วยองค์ทรงชรา นับวันท่าสองมารศรี
เกือบเถิงโดยกึ่งปี ไม่แจ้งที่คดีเลย
๏ ภูธรประชวรลง ไม่เป็นสรงทรงเสวย
แต่ก่อนบ่ห่อนจะเคย เห็นประจักษ์หนักพระทัย
๏ ภูมินทร์ทรงจินดา แต่งสารตราแล้วปราศรัย
สั่งมหาเสนาใน จัดม้าใช้ไปเร็วรา
๏ เชิญองค์พระทรงฤทธิ์ ไชยบัณฑิตกับธิดา
หน่อไทไปวันทา กรุงมัททราธิบดี
๏ ทูลท้าวให้ถี่ถ้วน จงสมควรกับสารศรี
เร็วพลันในทันที ธุระร้อนอย่านอนใจ
๏ อำมาตย์รับราชสาร จอมจักรพาฬภพไตร
สามลาวันทาไท จากเวียงไชยครรไลจร
๏ ข้ามเขาลำเนาแนว แถววิถีคีรีขร
สิบห้าราตรีนอน ถึงนครมัททรา
๏ อำมาตย์ผู้ถือสาร ย่อมเชี่ยวชาญเชิงโวหาร์
เช้าตรู่สู่ศาลา แจ้งกิจจาเสนาใน
๏ พอพระหริวงศ์ องค์บัณฑิตฤทธิไกร
จากแท่นบรรทมไท สู่โรงไชยช่วงวิเชียร
๏ ทรงรูดวิสูตรกร่าง ขุนนางกรานประสานเศียร
เนืองแน่นประนมเนียน น้อมเฝ้านาถพระบาทบงสุ์
๏ ปรึกษาว่าราชการ ประเทืองทานแทนพระองค์
สนองราชบาทบิตุรงค์ กว่าจะคงคืนนคร
๏ พิไชยราชธานี เมืองมารศรีสโมสร
ทูลว่าจะลาจร สองภูธรตรัสทัดทาน
๏ จนเถิงกึ่งปีเกิน เพลินสุโขสโมสาร
ทรงนึกระฦกนาน เหนือพระที่นั่งบัลลังก์พราย
๏ นายสนิทชิดบทศรี ได้ท่วงทีชุลีถวาย
เคียมคัลแล้วบรรยาย ข้อราชกิจอันติดพัน
๏ บัญชาร่าสำรวล ทรงพระสรวลกระเษมสันต์
ครั้นเสร็จสำเร็จพลัน พลางตรึกไตรพระทัยตรอง
๏ ได้ทีแล้วพี่เลี้ยง ประคมเคียงชุลีฉลอง
แผ่นสุวรรณอันจำลอง ลิขิตขยายถวายไท
๏ นายสนิทกราบทูลเสนอ ว่าท้าวเธอกรุงพิไชย
ตรัสใช้เสนาใน นำสารามากราบทูล
๏ ปางนั้นหน่อสูริย์วงศ์ พงศ์โภไคยมไหศูรย์
ผ่องใสพระทัยพูน พระพักตร์เปล่งดังเพ็งจันทร์
๏ แย้มโอษฐ์โปรดประภาษ เอ๊ะประหลาดหลากมหันต์
หวาดใจมาหลายวัน นิมิตฝันก็ฟั่นเฟือน
๏ ชะรอยพระโรคราน เราตริการประมาณเหมือน
ทูลลาว่าบิดเบือน จึ่งเชือนช้ากว่าครึ่งปี
๏ เฮ้ยชายนายชำนาญ เอ็งเร่งอ่านซึ่งสารศรี
แยบคายร้ายฤๅดี มีเหตุไฉนจึ่งให้มา
๏ ฝ่ายชายนายชำนาญ รับราชสารทูนเกศา
คลี่แผ่นสุวรรณา อ่านสาราถวายไท
๏ ในลักษณลิขิต ของทรงฤทธิ์ผู้พิสมัย
พิทูรราชผู้เรืองไกร เจ้าพิไชยนคร
๏ เชิญแจ้งแห่งศุภักษร ขออวยพรพระโฉมศรี
อย่าหมางทางไมตรี ฝากชีวีเจ้าสองรา
๏ จริงชัดรหัสเหตุ เราบิตุเรศไม่มุสา
สัตย์จริงสิ่งสารตรา ใช่แกล้งว่าอย่าสาละวน
๏ แต่เจ้าจรจากวัง พ่อภายหลังระโหยหน
ทุกข์ทับรำจวนทน เทวษทวีไม่มีวาย
๏ วิโยคโศกกำสรด ห่อนลืมลดละลายหาย
ชราทุกข์บุกเบียนกาย วรรณโรคร้ายกำเริบรุม
๏ คือข้อรอคอยข่าว อุราผ่าวเพียงเพลิงสุม
โรคาประคองคุม ประชุมชักนักประชวร
๏ จึ่งใช้เสนานาย นำสารถวายพระทรามสงวน
แจ้งแล้วลูกแก้วควร บังคมองค์พระทรงธรรม์
๏ ให้ทราบพระบาทา สองกระษัตรานราสรรค์
แล้วลามาจงพลัน ให้เถิงทันเห็นพระทัย
๏ ครั้นสิ้นระบิลสาร นายชำนาญสนองไข
คดีเท่านี้ใน ขอทราบใต้ฝ่าธุลี
๏ ทูลแล้วบังคมลง แทบบาทบงสุ์บทศรี
ฝ่ายว่าหน่อธรณี ทราบคดีมีโองการ
๏ กูคิดไม่ผิดเลย นี้แน่ะเฮ้ยโยธาหาญ
เกณฑ์กันอย่าทันนาน ประมาณคนพลพวกมา
๏ จงสูทุกหมู่หมวด เร่งไตรตรวจคชรถา
จงพลันทันเวลา รุ่งพรุ่งนี้จะกรีพล
๏ คืนสู่ราชนิเวศ เยียนบิตุเรศพระนิฤมล
สั่งเสร็จเสด็จดล สู่ไพรชนมณเฑียรไชย
๏ เล่าสิ้นระบิลเหตุ สมรเมศผู้พิสมัย
จึ่งชวนนวลคลาไคล เฝ้าสองไท้ธิบดี
๏ เถิงเล่าเจ้ากราบทูล พระนเรนทร์สูรโปรดเกศี
ทราบในใต้ธุลี บัดนี้มีสารามา
๏ ด้วยท้าวเจ้าบูรินทร์ ปิ่นพิภพนาถา
พิไชยนัครา ให้เสนานำยุบล
๏ คดีมีเป็นมูล เจ้ากราบทูลพระจุมพล
ท้าวนั่งฟังอนุสนธิ์ ทราบเสร็จสิ้นไม่กินใจ
๏ แย้มโอษฐ์โปรดประภาษ โอรสราชผู้พิสมัย
สองเจ้าจงเร่งไป แม้นช้าไซร้จะเสียการ
๏ ด้วยองค์ทรงชรา โอ้อนิจจาน่าสงสาร
เอ็นดูพระภูบาล ไม่พานพักตร์รู้จักเลย
๏ กลมเกลียวเกี่ยวดองได้ มิทันไรนะอกเอย
ควรฤๅจะละเลย ล่วงสวรรคครรไล
๏ บอกมาว่าประชวร เห็นเจียนจวนจะตัดษัย
ลูกจรอย่านอนใจ แทนคุณไท้ให้สมควร
๏ แล้วคิดเถิงพระองค์ ท้าวเธอทรงกำสรดสรวล
โรคาชรารวน มักก่อกวนแห่งกองกาย
๏ ทั่วหล้านราโลก ย่อมวิโยคระยำหาย
กำเนิดเกิดแล้วตาย ทั่วหญิงชายประชาชน
๏ ใคร่ครวญแต่ล้วนเข็ญ บ่ห่อนเห็นจะเป็นผล
ย่อมทุกข์ระทมทน ทั่วสกลโลกา
๏ ตรัสพลางทางประภาษ โอรสราชเสนหา
ไปแล้วแก้วนัยนา มาบ้างหนาหาบิดร
๏ เสร็จตรัสกระษัตรา หน่อนราประนมกร
ทูลสั่งพระภูธร สองพระองค์อยู่จงดี
๏ ทูลพลางทางอภิวาท แทบเบื้องบาทบทศรี
คำรบครบสามที แล้วจรลีลีลามา
๏ เถิงปรางค์ทางปราศรัย สั่งนางในทั้งซ้ายขวา
พรุ่งนี้จะยาตรา คืนนครอย่านอนใจ
๏ สั่งพลางทางเสด็จดล ชวนนิฤมลผู้พิสมัย
สู่แท่นบรรทมไท ถ้อยปราศรัยกันสององค์
๏ บดีผู้ปรีชา ลากระษัตราดังประสงค์
สุจริตจิตดำรง แล้วจำนงลาชนนี
๏ เสร็จแล้วลีลามา เตรียมโยธาถ้าสองศรี
พลรถคชพาชี แต่งตามมีวโรงการ
๏ คชทรงองค์กระษัตริย์ รถเนาวรัตน์จำรัสฉาน
สำหรับพระยุพาล แลชวาลพระลานไชย
๏ ฝ่ายองค์พระทรงภพ บันฦๅลบสบสมัย
เยี่ยมแลพระแกลไกร พร้อมพลไพร่ได้เวลา ๚ะ

(ความในสมุดไทย เอกสารที่ ๖๙๔ จบเพียงนี้)



[๑] สัมผัสไม่รับกับบทก่อน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ