๕ ว่าด้วยการใช้เบี้ย

แต่ก่อนในบ้านเมืองไทยลาว ฯลฯ เหล่านี้ นานมาแล้วแต่โบราณ ราชการใช้หอยอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเบี้ยมาแตกปลีกออกไปจากเงินปลีก ซื้อจ่ายขายแลกแก่กันอยู่ดังเช่นรู้เช่นเห็นด้วยกันนั้น ก็โดยประมาณตามพระราชกำหนดกฎหมายโบราณ ว่าให้คิดเบี้ยแปดร้อยต่อเฟื้อง และคำโบราณก็เล่าว่า ครั้งกรุงเก่าราษฎรซื้อขายแลกเปลี่ยนเบี้ยแปดร้อยต่อเฟื้องจริง ครั้นยกบ้านย้ายเมืองมาตั้งกรุงเทพมหานครอยู่ในส่วนนี้หอยเบี้ยสาบสูญมีน้อยไป เงินเฟื้องหนึ่งแตกเป็นเบี้ยได้แต่เพียงสองร้อย คนที่เที่ยวไปเห็นเบี้ยตกที่ไหนเบี้ยหนึ่งสองเบี้ยก็เก็บ เมื่อผู้มีศรัทธาโปรยเบี้ยให้เป็นทานก็กลุ้มรุมแย่งชิงกัน ลูกค้าต่างประเทศเห็นว่ามีผู้ต้องการเบี้ยมาก ก็เก็บหอยอย่างนั้นในทะเลใส่กระสอบเข้ามาซื้อขายทุกปี เบี้ยมีมากขึ้นราษฎรซื้อจ่ายแตกเป็นปลีกจากเงินเฟื้องมากขึ้นไป เป็นสองร้อยยี่สิบห้าต่อเฟื้อง แล้วสองร้อยห้าสิบต่อเฟื้อง แล้วขึ้นไปห้าร้อยต่อเฟื้อง แล้วขึ้นไปแปดร้อยต่อเฟื้อง เมื่อเบี้ยยังแพงอยู่ไม่ถึงแปดร้อยต่อเฟื้องนั้นคนสูงอายุเป็นอันมากบ่นว่า บ้านเมืองเราเดี๋ยวนี้ขัดสน เงินเฟื้องแตกเบี้ยไม่ถึงแปดร้อยเหมือนเมื่อครั้งกรุงเก่า ครั้นเมื่อเบี้ยขึ้นถึงแปดร้อยต่อเฟื้องแล้ว ท่านทั้งปวงที่รู้พระราชกำหนดกฎหมายและกาลโบราณก็ชื่นชมยินดีว่า บัดนี้บ้านเมืองสมบูรณ์ขึ้นจนเบี้ยขึ้นไปถึงแปดร้อยต่อเฟื้อง ต้องตามกฎหมายเหมือนกาลก่อน ครั้นลูกค้านำหอยที่เรียกว่าเบี้ยมาขายมากขึ้นไป ราคาเบี้ยก็ถูกมากไปถึงพันหนึ่งต่อเฟื้อง พันสองร้อยพันสามร้อยต่อเฟื้อง ก็เมื่อเบี้ยถูกมากไปกว่าแปดร้อยต่อเฟื้องก็ดี เบี้ยแพงไม่ถึงแปดร้อยต่อเฟื้องก็ดี การคิดเบี้ยปรับไหมในการพิพากษาความตามพระราชกำหนดกฎหมายก็คงคิดเบี้ยแปดร้อยต่อเฟื้องยืนเสมออยู่ไม่ยักย้าย ทั้งในกรุงเทพมหานครและหัวเมือง ก็เมื่อเวลาเบี้ยพันหนึ่งพันสองร้อย พันสามร้อยต่อเฟื้องนั้น มีผู้บ่นว่าแต่ก่อนมีเบี้ยห้าเบี้ยสิบเบี้ยก็ซื้อของกินได้อิ่มหนึ่ง บัดนี้มีถึงร้อยเบี้ยซื้อกินก็ไม่ใคร่จะได้เต็มอิ่ม ของแพงไป กว่าจะซื้อกินได้ต้องทนแสบท้องนับอยู่นาน ในบ่อนถั่วย่อยเมื่อเวลาเบี้ยแพงนับเบี้ยแทงถั่วกัน ครั้นเวลาเบี้ยถูกเกียจคร้านที่จะนับ เอาชามตวงแทงถั่วกันบ้าง บอกเบี้ยละร้อยเบี้ยละห้าสิบแทงถั่วกันเป็นคะแนนบ้าง ก็ในแผ่นดินปัตยุบันนี้ ลูกค้านำของสิ่งอื่นมาค้าขายเสียมากไม่เก็บเบี้ยมา เบี้ยเก่าแตกตกหกหายสาปสูญไปราคาเบี้ยลดลงมา จนบัดนี้คงแปดร้อยต่อเฟื้อง เหมือนอย่างที่ว่าในกฎหมาย ก็เมื่อราคาเบี้ยได้ดังกฎหมายที่คิดเบี้ยปรับอยู่ดังนี้ นักปราชญ์ที่ถือกฎหมายก็เห็นว่าเป็นดีอยู่แล้ว แต่คนบางพวกก็ยังบ่นว่าเอาเงินไปแตกเบี้ยบัดนี้ได้น้อยไป ก็คำบ่นของคนที่ไม่คิดหน้าคิดหลังนั้นไม่เป็นประมาณ เมื่อเบี้ยมากก็บ่นว่ามากลำบากที่ต้องนับซื้อขายกันช้าไป มีเบี้ยน้อยก็ซื้อของอิ่มท้องไม่ได้ ครั้นเมื่อเบี้ยแพงขึ้นก็กลับบ่นเล่าว่าเงินปลีกไปแตกเบี้ยได้น้อยไป ราษฎรบ่นทั้งเมื่อเบี้ยมากเบี้ยน้อยเบี้ยถูกเบี้ยแพงดังนี้ จะเอาเป็นประมาณก็ไม่ได้ จะว่าให้เป็นหลักหลายแล้ว เห็นว่าถ้าเบี้ยเป็นแปดร้อยต่อเฟื้องต้องตามกฎหมายนั้นเป็นดี สืบไปภายหน้าแต่นี้ ถ้าว่าไม่มีลูกค้านอกประเทศนำเบี้ยมาขายมากขึ้นก็เห็นว่าเบี้ยจะแพงขึ้น เฟื้องหนึ่งไม่ได้ถึงแปดร้อย และคำคนที่บ่นว่าเบี้ยมากต้องนับช้าอยู่ลำบากไปเสียเวลานั้น ก็ควรจะเห็นชอบด้วยบ้างอยู่ (ความต่อไปประกาศให้ใช้กะแปะอัฐและโสฬสที่ทำขึ้นใหม่)

คัดจากประกาศให้ใช้กะแปะอัฐและโสฬศที่ทำขึ้นใหม่ ลงวันจันทร์เดือน ๑๐ ขึ้นค่ำ ๑ ปีจอจัตวาศก (พ.ศ. ๒๔๐๕)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ