๒ ว่าด้วยอากรไม้ปกำใบและน้ำมัน
ยังมีอย่างธรรมเนียมสืบมาแต่แผ่นดินที่ล่วงแล้ว ว่าให้ชาวสวนต้องเสียเงินนอกจากอากร ๔ อย่างอีก เป็นเงินสวนละสองสะลึง คือค่าไม้ปกำใบเฟื้องหนึ่ง ค่าเฉลี่ยน้ำมันเฟื้องหนึ่ง ค่าผลดีปลีเฟื้องหนึ่ง ค่าเม็ดคำเฟื้องหนึ่ง ค่าของ ๔ อย่างนี้ราษฎรเจ้าของสวนต้องเสียทุกปีมาช้านาน บัดนี้ทรงพระราชดำริเห็นว่า ของสองสิ่งคือค่าไม้ปกำใบ ค่าเฉลี่ยน้ำมันมะพร้าวใช้ราชการนั้น จะมีมาแต่ครั้งใดแผ่นดินใดหาทราบเป็นแน่ไม่ ทรงพระราชดำริเห็นว่าจะเป็นกระแสพระราชดำริพระเจ้าแผ่นดิน หรือความคิดเสนาบดีแต่ก่อนเก่า ครั้งเมื่อเวลาในหลวงยังกำลังตกแต่งสำเภาจีนออกไปค้าขายต่างประเทศ มีกำไรมาใช้ในราชการแผ่นดินอยู่ และเมื่อเวลาภาษีไม้ไผ่น้ำมันมะพร้าวยังไม่มี ราษฎรผู้ที่มีสวนจึงต้องส่งไม้ปกำใบสำหรับใช้แต่งสำเภาหลวงและเฉลี่ยน้ำมันมะพร้าวมาใช้ราชการ ครั้นมากาลเมื่อภาษีไม้ไผ่ภาษีน้ำมันมะพร้าวมีขึ้นแล้ว สำเภาจีนในหลวงก็ไม่ได้ตกแต่งไปค้าขายแล้ว ค่าไม้ปกำใบและค่าเฉลี่ยน้ำมันควรจะให้เลิกเสีย แต่หามีผู้ใดคิดอ่านยกเลิกค่าไม้ปกำใบ ค่าเฉลี่ยน้ำมันเสียไม่ นายระวางจึงได้เรียกเก็บมาตามเคยทุกปี บัดนี้จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจะให้ยกเลิกค่าไม้ปกำใบเฟื้องหนึ่ง ค่าเฉลี่ยน้ำมันเฟื้องหนึ่ง เป็นสวนละสลึงหนึ่ง ที่เจ้าของสวนต้องเสียอยู่ทุกปีนั้นเสีย
คัดจากประกาศให้ยกค่าไม้ปกำใบค่าน้ำมัน ลงวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีวอก โทศก (พ.ศ.๒๔๐๓)