จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน

ตั้งแต่วัน ๔ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐

(พ.ศ. ๒๔๑๑ รัชกาลที่ ๔)

ถึงวัน ๔ ๑๒ ๑๒ ค่ำ ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐

(พ.ศ. ๒๔๑๑ รัชกาลที่ ๕)

----------------------------

ณ วันขึ้น ๑๒ ค่ำเดือน ๘ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ ๑ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ากนกวรรณ ๑ พระองค์เจ้า ๖ พระองค์นี้ ทรงพระชะฎาเดินหน หม่อมเจ้าในกรมหลวงเทเวศร์ ๑ ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ ๓ องค์ ทรงชะฎาพอกเหมือนกัน แห่ทางถนนเจริญกรุง เลี้ยวมาทางถนนเฟื่องนคร แล้วขึ้นถนนบำรุงเมือง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงทอดพระเนตรกระบวนแห่บนพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ แล้วเสด็จทรงพระราชยาน ขึ้นทอดพระเนตรบนพระที่นั่งไชยชุมพล เสด็จขึ้นบนพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงผนวชเณรทั้ง ๑๐ องค์ ทรงถวายไทยทาน เวลาบ่าย ๒ โมงเสด็จขึ้น

ณ วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ เวลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาทรงประเคนที่พระที่นั่งอนันตสมาคม สมโภชเทียนพระวษา เลื่อนพระราชโมลี ขึ้นเป็นพระโพธิวงษ์อยู่วัดดุสิต เลื่อนพระกระวีวงษ์เป็นพระเทพมุนี อยู่วัดราชนัดดา สัญญาบัตรใส่กล่องงาตราบัวดวง ๑ ใส่ในพานแว่นฟ้า ๒ ชั้น ประดับกระจก เหมือนกันทั้ง ๒ องค์ ตั้งพระมหาทิมเปรียญ ๙ ประโยค วัดบวรนิเวศน์ เป็นพระอมรโมลี ตั้งพระมหาโห้เปรียญ ๔ ประโยค ขึ้นเป็นพระนิกรมมุนี อยู่วัดเทพธิดา โปรดพระราชทานท่านสององค์ ๆ ละ ๑๐๐ เฟื้อง พระอมรโมลี ๕๐ เฟื้อง พระนิกรม ๕๐ เฟื้อง เวลาย่ำเที่ยงเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๔ โมง มิสเตอ อาลบาสเตอร์ กงซุนอังกฤษ กับกงซุน ๖ นาย กลาสีเรือศรีมาแต่บ้านกงซุนอังกฤษที่ประทับท่าศาลต่างประเทศ มาเปลี่ยนหนังสือสัญญาอังกฤษแผนที่สยามกับอังกฤษต่อกัน ฝ่ายข้างตะวันตก แต่หนังสือสัญญายังขัดต่อความยังไม่แล้ว แผนที่นั้นประทับพระราชลัญจกรพระครุธพาหะ พระราชลัญจกรพระจอมเกล้า ตราเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ สมุหพระกลาโหม ดวงตราเป็นรูปพระคชสีห์ ตราท่านเจ้าพระยาภูธราภัย สมุหนายก ดวงตราเป็นรูปราชสีห์ ยิงสลุต ๒๑ นัด เชิญศุภอักษรขึ้นตั้งบนยานุมาศ มีกันฉิ่ง ๒ คู่ กลดคันยาวทองแผ่ลวดคัน ๑ กั้นศุภอักษรเจ้าเมืองกะลัคกะตา ชื่อเจ้าเมืองไวสรอยออกเนียเยเนรันอินเดีย ให้กงซุน ๖ นายคุมเข้ามา แผนที่เขตรแดนใส่โต๊ะเงินตั้งบนเสลี่ยงงา กั้นกลด มิสเตอ อาสบาสเตอร์ กงซุนอังกฤษขี่แคร่มีเก้าอี้้ตั้ง กงซุน ๔ นายขี่แคร่ ๒ นายขี่ม้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาปูมเขมร ทรงฉลองพระองค์แพรสีฟ้า ทรงสะพักสีนวล เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงนั่งบนพระเก้าอี้้ตั้งบนพระแท่นถม เจ้าต่างกรมทรงฉลองพระองค์เข้มขาบ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนใส่เสื้อเข้มขาบอัตลัด เจ้าต่างกรมนั่งบนเบาะพับ ขุนผู้ใหญ่นั่งบนเบาะพับ มีแต่ทหารยืน ๒ แถว หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม มิสเตอ อาลบาสเตอร์ถวายศุภอักษรต่อพระหัตถ์ พระยาพิพัฒน์ทูลสวมชีพนำแขกเมือง ทรงข้อราชการอยู่ประมาณครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น ขุนอังกฤษไปรับพระราชทานที่หอโภชนลิลาศ เวลาบ่าย ๕ โมงกลับไปที่อยู่

ณ วัน ๗ ๑๕ ๘ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้าเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานประทับเกย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงปรนนิบัติพระ จุดเทียนพระวษา ถวายพุ่มพระราชาคณะถานานุกรม แล้วเสด็จทรงพระราชยาน ออกทางประตูเทวาพิทักษ์ ประทับวัดพระเชตุพน ทรงจุดเทียนพระวษาทั้ง ๔ คด บนพระอุโบสถวิหารพระพุทธไสธาสน์ เสด็จขึ้นไปบนตำหนักกรมสมเด็จพระปรมานุชิต ทรงจุดเทียนบูชา ถวายพุ่ม เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๑ ๘ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลา ๓ โมงเช้า เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงปรนนิบัติพระ สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ พระอัฐิ เสด็จทรงพระราชยาน ออกทางประตู ๒ ชั้น ประทับเกยหน้าโรงลคร เสด็จขึ้นบนพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงเครื่องพระแก้วมรกตตามฤดู เสด็จทรงพระราชยาน เสด็จออกทางประตูวิเศษไชยศรี เสด็จทางสถลมารคขึ้นไปในพระบวรราชวัง ทรงจุดเทียนในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ ถวายพุ่มพระสิหิงค์ เสด็จไปประทับวัดบวรสถาน (บวรสถานสุทธาวาส) ขึ้นไปบนพระอุโบสถทรงจุดเทียนพระวษา เสด็จทรงพระราชยาน เสด็จออกจากพระบวรราชวัง เสด็จขึ้นพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๒ ๘ ค่ำ เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยาน เสด็จทางสถลมารค ประทับวัดบวรนิเวศน์ ทรงนมัสการถวายพุ่มพระชินศรี เสด็จทรงพระราชดำเนินขึ้นบนพระเจดีย์ ทรงถวายพุ่ม เสด็จขึ้นไปนมัสการพระศาสดา ถวายพุ่ม ทรงพระดำเนินขึ้นบนตำหนักกรมหมื่นบวรรังษี ทรงถวายพุ่ม ทรงพระราชดำเนินไปตำหนักพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๖ พระองค์ ถวายพุ่ม เวลา ๒ ยาม เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เวลาตี ๓ ยามเสด็จออกทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยานประทับท่าราชวรดิษฐ์ ทรงเรือพระที่นั่งกลไฟ ชื่ออรรคเรศรัตนาสน์ ล่องน้ำขึ้นไปประทับวังจันทรเกษม

ณ วันแรม ๓ ค่ำ ทรงถวายพุ่มพระราชาคณะ ถานานุกรม ประทับอยู่ ณ เวลาตี ๒ ยาม เวลาโมงเช้าวันแรมสี่ค่ำ ถึงพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๕ ๘ ค่ำ เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยาน ประทับวังพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าสายสมร ทำแซยิดพระราชทาน พัดสดึงส์เท่าปี เงินเหรียญเท่าเดือน อัฐเท่าวัน เสด็จทรงประทับอยู่ยามเศษ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๖ ๘ ค่ำ เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูสนามราชกิจ ทรงพระราชยาน ประทับท่าราชวรดิษฐ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบ เสด็จทางชลมารค ล่องน้ำไปประทับวังกรมหลวงวงษา เสด็จขึ้นบนพระราชวังเดิม พระราชทานเลตแซดนพเก้าวง ๑ ทองเท่าปี เงินเหรียญเท่าเดือน อัฐเท่าวัน ประทับอยู่จนเสวยแล้ว เวลา ๔ ทุ่มเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๔ ๑๑ ๘ ค่ำ เวลา ๓ โมงเข้า ทรงปรนนิบัติพระ สดับปกรณ์ที่พุทธมณเฑียร วันสวรรคต ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชทานเงิน พระเจ้าราชวงษ์เธอ กรมขุนราชสีห์ ๑๒ ชั่ง กรมหมื่นอดุลย์ ๑๐ ชั่ง กรมหมื่นภูวนัย ๕ ชั่ง กรมหมื่นเจริญผล ๓ ชั่ง รวม ๓๐ ชั่ง พระราชทานให้เป็นรางวัลทำการต่าง ๆ มีพระบรมราชโองการว่า ในพุทธมณเฑียรนี้ ทำบุญให้ทานเมื่อใด เป็นข้างหน้า ไม่ใช่เป็นข้างใน เจ้าจอมไม่ได้ไปมาได้ มีกำแพงขวางกั้นบังตาไว้ ถึงจะเดินไปเดินมาก็ไม่แลเห็นดอก อย่าให้พระบรมวงษานุวงษ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทกลัวเกรงอะไรเลย ถึงหน้าเทศกาลเวลาทรงทำบุญให้ทานสิ่งหนึ่งสิ่งใด ให้พระบรมวงษานุวงษ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทเข้ามาเถิด

ณ วัน ๖ ๑๓ ๘ ค่ำ เวลา ๘ ทุ่มเศษ เพลิงไหม้ฝั่งฝากข้างโน้นในคลองบางหลวง หลังวัดสังขจาย ที่โรงกระจกเก่า ไหม้เรือนโรง ๓๐ หลังเศษ

ณ วัน ๒ ๙ ค่ำ เวลา ๓ โมงเข้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานประทับในพระบวรราชวัง เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ทรงบาตร พระราชาคณะ พระองค์เจ้าในพระบวรราชวัง พระเจ้าลูกเธอทรงผนวชเณร หม่อมเจ้าพระหม่อมเจ้าเณร ทรงพระราชอุทิศกุศลถวายพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลาบ่ายโมงเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๔ ๙ ค่ำ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงปรนนิบัติพระ กรมหมื่นบวรรังษี เจ้าพระเจ้าเณร แล้วอาลักษณ์อ่านคำประกาศเหมือนอย่างทุกปี ทรงถวายตั๋วปิยวัต (กัปปิยวัตร) กรมหมื่นบวรรังษี เจ้าพระเจ้าเณร แล้วแจกชีพ่อพราหมณ์ เวลาบ่าย ๓ โมงเสด็จขึ้น

ณ วัน ๖ ๙ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยาน เสด็จทางถนนบำรุงเมือง เสด็จทางสถลมารค ประทับพลับพลาเมรุวัดสระเกศ พระราชทานฝักแคศพหม่อมเจ้าศีลวราลังการ ศพนายเอกบุตรพระยาเพ็ชร์พิไชย ขุนทอง ศพพระนมในพระบวรราชวัง โปรดให้มีโขน หุ่น หนัง ต้นกัลปพฤกษ์สองต้นๆ ละ ๕ ตำลึง เวลา ๕ โมงเย็น เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๒ ๙ ค่ำ หลวงสรสำแดงฤทธิ์ ชื่อรอด ผูกคอตาย

ณ วัน ๖ ๑๒ ๙ ค่ำ เวลาบ่าย ๓ โมง พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส อำเปรอ ให้มองซิเออร์ ครอศ กงซุนฝรั่งเศสกับออฟิซเซอร์ เชิญพระราชสาส์น คุมเครื่องมงคลราชบรรณาการ เข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โปรดให้จัดเรือเอกชัย พานทองสองชั้นใส่พระราชสาส์นตั้งบนบุษบก เรือศรีสองลำกงซุนขี่ กับออฟิซเซอร์บาดหลวงฝรั่งเศส มีเรือศรีแห่พระราชสาส์นสิบคู่ กลองชนะประโคมมโหระทึกปี่พาทย์ แห่มาจอดที่ศาลต่างประเทศ ยิงสลุตคำนับพระราชสาส์น ๒๑ นัด ทหารสำหรับเรือรบมองซิเออร์ ครอศ กงซุนฝรั่งเศสโหลหนึ่ง มีแตรเป่านำหน้าคนหนึ่ง เชิญพระราชสาส์นขึ้นตั้งบนยานุมาศ กระบวนแห่มีธงมังกร ตำรวจนำมัดหวายสองแถว เครื่องสูงสำรับ ๑ กลดโหมดกั้นพระราชสาส์น ปี่พาทย์สำรับ ๑ มโหระทึก กลองชนะ ทหารม้าใส่เสื้อเกราะสี่คู่ ทหารไทยแห่นำหน้า ทหารแตรสำรับหนึ่ง มองซิเยอร์ ครอศ กงซุนขี่รถฝรั่ง ออฟิซเซอร์สองนายขี่รถที่สอง ตัวกงซุนฝรั่งเศสที่เข้ามาอยู่ใหม่ขี่แคร่ มีเก้าอี้้ตั้งกั้นสัปทน บาตหลวงสี่นาย ออฟิซเซอร์รองสิบคน ขี่ม้าบ้าง ขี่แคร่บ้าง ตั้งแต่ศาลต่างประเทศขึ้นมาจนป้อมสันจรใจวิง แต่งตัวใส่เสื้อเสนากุฏถือเครื่องอาวุธต่าง ๆ ยืนสองข้างแถวถนน ช้างยืนหน้าพระที่นั่งพุทไธศวรรย์เจ็ดช้างในพระบรมมหาราชวัง ช้างยืน ม้ายืน ที่แท่นข้างนอกหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ผูกพระยาช้างแต่งด้วยเครื่องทองคำ เกยที่ประตูตั้งพระที่นั่งพุดตาน มีกลองชนะเงินทอง แตรสังข์มโหระทึกประโคมเวลาเสด็จออก เจ้าต่างกรมพระเจ้าลูกยาเธอ ทรงผ้าลายเขียนทอง ฉลองพระองค์อย่างน้อยสรบับ ฉลองพระองค์ครุยข้างนอก ตั้งเครื่องยศครบ เจ้าต่างกรมพระเจ้าลูกยาเธอนั่งบนเบาะพับ ขุนนางมหาดไทยกระลาโหม นุ่งสมปักลาย ใส่เสื้อเข้มขาบ ใส่เสื้อครุยข้างนอก ตั้งเจียดเงินพานทอง ท่านเสนาบดีผู้ใหญ่จัตุสดมภ์ นั่งบนเบาะพับ ตั้งเครื่องสูงหักทองขวางบนพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาเขียนทองพื้นเขียว ทรงฉลองพระองค์ตาดอย่างน้อย ทรงฉลองพระองค์ครุยข้างนอก ทรงฉลองพระบาททองคำ เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งเศวตฉัตร มองซิเยอร์ ครอศ เชิญพระราชสาส์นขึ้นไปตั้งบนโต๊ะหน้าพระที่นั่ง พระยาพิพัฒน์โกษาทูลสวมชีพบอกแขกเมือง เข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ๑๗ คน ของถวาย ขวด-ถ้วยเขียนทองคู่หนึ่ง ไม่เขียนทองคู่หนึ่ง หีบเครื่องเข้าแฟหีบหนึ่ง ปืนหีบหนึ่ง แกระหกแกระ เสด็จลงจากพระที่นั่งเศวตฉัตร ประทับบนพระเก้าอี้ตั้งบนพระแท่นถม มองซิเออร์ครอศถวายพระราชสาส์นต่อพระหัตถ์ พระเจ้าอำเปรอฝรั่งเศส ขอเปลี่ยนกงซุนใหม่ เวลา ๕ โมงเสด็จขึ้น ฝรั่ง ๑๗ คน มารับพระราชทานของเลี้ยง หอโภชนลิลาศ แล้วก็กราบถวายบังคมลากลับลงไปอยู่ที่อยู่บ้านกงซุนฝรั่งเศส

ณ วัน ๕ ๙ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชยานออกทางประตูสนามราชกิจ ประทับท่าราชวรดิษฐ์ เสด็จลงไปในเรือกำปั่นไฟ ชื่ออรรคเรศรัตนาสน์ ทรงปรนนิบัติพระราชาคณะ พระสงฆ์ประน้ำมนต์รอบเรือพระที่นั่ง เสด็จประทับอยู่จนเวลาย่ำเที่ยง เสด็จขึ้นพระบรมมหาราชวัง ครั้นถึงเวลา ๕ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จทรงพระที่นั่งรถฝรั่ง เสด็จทางสถลมารค เสด็จทางถนนบำรุงเมือง แล้วเสด็จทางถนนเฟื่องนคร แล้วประทับในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศน์ ทรงนมัสการพระชินศรี ทูลลาจะเสด็จไปทะเล เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จขึ้นบนพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการทูลลาพระแก้วมรกต แล้วเสด็จขึ้น

ณ วัน ๖ ๙ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จทรงพระราชยาน พระสงฆ์มหานิกาย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระราชาคณะพร้อมกัน บนพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ถวายชยันโต เสด็จประทับท่าราชวรดิษฐ์ ขึ้นบนพระที่นั่งชลังคพิมาน ถวายตาลปัตเลื่อนพระสงฆ์ธรรมยุติกาพร้อมกัน กรมหมื่นบวรรังษี เป็นประธาน เสด็จลงเรือพระที่นั่งกลไฟอรรคเรศรัตนาสน์ ยิงปืน ๓ นัด กรมหมื่นบวรรังษีถวายชยันโต เสด็จทางชลมารคล่องน้ำลงไป บรรดาวัดที่อยู่ริมแม่น้ำ ลงมาถวายชยันโตทุกพระอาราม ตั้งแต่กรุงเทพลงไปจนถึงเมืองสมุทรปราการ เวลาบ่าย ๓ โมงประทับเรือพระที่นั่ง หาดฝั่งทางเพ็ชรบุรีตรงเกาะจาน เสด็จขึ้นบนพลับพลาประทับอยู่ มีพระบรมราชโองการ กับพระยาเทพวรชุน บรรดาคนที่มาทำพลับพลาไข้เจ็บเป็นอย่างไรบ้าง พระยาเทพวรชุนกราบบังคมทูลว่าจับไข้มากแล้ว เสด็จลงในเรือพระที่นั่ง ถอยไปประทับอยู่ที่ท่ามะนาว แล้วมีพระราชหัตถเลขา เข้ามาถึงพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ว่าเสด็จยังไม่ได้ขึ้นบนพลับพลา ถอยมาจอดอยู่ที่ท่ามะนาว ๆ นี้ แต่ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในพระบวรราชวังเสด็จยกมาตีพม่าประทับอยู่ที่นั้น โปรดให้เงิน ๑ บาท ข้าวคนละ ๑๐ ทนาน พระราชทานคนที่นอนกองรักษาในพระบวรราชวัง ชั้นนอก ใน กลาง เป็นคน ๓๐๐๐ เศษ

ณ วัน ๙ ค่ำ เสด็จถอยเรือพระที่นั่งประทับหาดหน้าเกาะจาน เสด็จประทับแรมบนพลับพลา

ณ วัน ๑๓ ๙ ค่ำ ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์สมภารวัดคลองวาน ฉันแล้วถวายไตรไทยทานของต่าง ๆ

ณ วัน ๑๔ ๙ ค่ำ ทรงปรนนิบัติพระกรมหมื่นบวรรังษี พระราชาคณะถานาฯ คอเวอร์แมนต์ฝรั่งเศส มาเรือรบ ยิงสลุต ๒๑ นัด ฝ่ายสยามยิงรับ ๒๑ นัด ทหารแม่นปืนใหญ่ยัดปืน สากอยู่ในลำปืนไม่ได้ชักออกก่อน ยิงออกไปแขนขาดทั้ง ๒ ข้าง ตายคน ๑ เจ้าเมืองสิงคโปร์อังกฤษ ยิงสลุตคำนับ ๒๑ นัด ทหารผู้ยิงตกน้ำตายคน ๑ ฝ่ายสยามยิงสลุตรับ ๒๑ นัด

ณ วัน ๓ ๑๐ ค่ำ ๔ โมงเช้า กับ ๕ มินิต สุริยอุปราคาจับทิศพายัพค่อนอุดร จับจนหมดดวงมืดอยู่บาทนาฬิกา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สรงน้ำมุรธาภิเสก แจกเงินเจ้าต่างกรม ข้าราชการที่ตามเสด็จคนละ ๘ ตำลึงอย่างมาก อย่างน้อยคนละ ๑ สลึง แต่บรรดาตามเสด็จไปครั้งนี้ ในกรุงเทพพระมหานคร สุริยอุปราคา ๔ โมง กับ ๓ บาท จับทิศพายัพค่อนข้างอุดร จับ ๔ ส่วนเหลืออยู่ส่วน ๑ บ่ายโมง ๑ โมกขบริสุทธิ์ที่กรุงเทพ เกาะจานพร้อมกัน แต่ในกรุงเทพเห็นดาวพระศุกร์ แต่ที่เกาะจานเห็นดาวพระศุกร์ ดาวพระพฤหัส และดาวพระเสาร์ พระอาทิตย์เมื่อยังไม่ได้จับ ทรงกลดที่กรุงเทพก็เห็น ที่เกาะจานก็เห็นเหมือนกับในกรุงเทพมหานคร พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศร์ และกรมหลวงวงษา ๒ พระองค์ แจกเงินทั้งข้างหน้าข้างใน อย่างมากองค์ละกึ่งตำลึง อย่างน้อยเฟื้อง ๑ ที่พลับพลาเกาะจาน เวลากลางคืน โปรดให้มีลครผู้หญิงข้างในให้แขกเมืองดู

ณ วัน ๔ ๑๐ ค่ำ เวลา ๕ โมงเช้า เสด็จลงเรือพระที่นั่ง ทอดพระเนตรเห็นหลวงนายเดช นายชิต นายขัน และนายพินัย ๔ คน เล่นไพ่ตองบนเรือพระที่นั่ง ไม้ธารพระกรตี หลวงนายเดช มีพระบรมราชโองการ สั่งพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ ให้เอาตัวหลวงนายเดช นายชิด นายขัน และนายพินัย ใส่เรือหลวงไปปล่อยเสียที่ท่ามะนาว โปรดให้พระยาบำเรอภักดิ์ ชำระใครเล่นไพ่ตองในเรือพระที่นั่งบ้าง พระยาบำเรอภักดิ์ชำระได้ตัว จมื่นราชานุบาล นายสุดจินดา นายพลพัน หม่อมศรี นายเสน่ห์ รองเสน่ห์ ปลัดกรมชาวที่ขุนสุวรรณในกรมอาลักษณ์ นอกกว่านั้นยังอีกหลายคน รวม ๒๒ คน

ณ วัน ๖ ๑๐ ค่ำ เรือพระที่นั่งทอดท่าหน้าราชวรดิษฐ์ เวลาบ่ายโมง ๑ เสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีพระบรมราชโองการกับพระยาภัยรณฤทธิ์๑๐ เอาตัวขุนพินิจ กำนันแสงต้นไปลงพระราชอาชญาเฆี่ยน ๓๐ ที สำหรับ (ในฐานะที่เป็น) นายไพ่ไห้ข้าราชการเล่นในเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๒ โมงเสด็จขึ้นบนพระบรมมหาราชวัง เสด็จพระราชดำเนิน เสด็จไปทางชลมารคประพาสทะเล ประทับแรมอยู่ถึง ๑๕ วัน

ณ วัน ๗ ๑๐ ค่ำ โปรดให้เอาท้าวสมศักดิ์ ท้าวทรงกันดาน ท้าวโสภา๑๑ รับสั่งถามถึงเรื่องสูรย์ กราบทูลเล่อเท่อ โปรดให้ออกมาขัดหินที่พระที่นั่งสราญรมย์ พวกที่เล่นไพ่ ๒๒ คน โปรดให้ขัดหินที่พระที่นั่งสราญรมย์ เวลา ๕ โมงเช้าเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม มีพระบรมราชโองการ ถามพระโหรา๑๒ สูรย์จับมากหรือจับน้อยสักเท่าใด พระโหรากราบทูลพระกรุณาว่า ยังเหลืออยู่ ๔-๕ นิ้ว รับสั่งว่าใครขึ้นไปวัดได้ข้างบนโน้น มีพระบรมราชโองการกับพระยาภูบาล ให้เอาลูกประคำใส่พระโหรา แล้วเสด็จขึ้น เวลาทุ่มเศษเสด็จลง ที่พุทธนิเวศน์พระสงฆ์ ๑๐ รูปสวดพระพุทธมนต์ มีพระบรมราชโองการถามพระพรหมมุนี๑๓ พระอมรานุรักขิต๑๔ ว่าได้ถามพระได้เห็นสูรย์เป็นอย่างไรบ้าง พระพรหมมุนี และพระอมรานุรักขิต ถวายพระพรว่า ยังไม่ได้ถาม รับสั่งว่าแต่เท่านี้ก็ไม่ถามให้รู้ ไล่ออกมาเสียจากพระบรมมหาราชวังทั้ง ๒ องค์ แล้วก็ทรงฟังสวดพระพุทธมนต์

ณ วัน ๑ ๑๐ ค่ำ เวลา ๓ โมงเข้า ทรงขึ้นที่พุทธมณเฑียร มีลครบวงสรวงสมโภชพระที่นั่ง เวลา ๒ ทุ่มเศษ เณรลูกศิษย์พระครูวัดอรุณราชวราราม ลงมาซื้อของที่ตลาดวัดอรุณ นายเจิมและนายจันทร์ ๒ คน เข้าแทงด้วยมีดกะลาป๋า ใต้ซี่โครงตลอดขึ้นมาถึงไหปลาร้า พระมายกเยาลูกศิษย์ขึ้นไปบนกุฏิ พูดอยู่ได้ประมาณครู่หนึ่งสิ้นใจตาย

ณ วัน ๓ ๑๐ ค่ำ เวลา ๓ ยามเศษ เกิดเพลิงไหม้ที่เชิงสพานช้าง หน้าบ้านพระยาเพ็ชร์พิไชยศรี ตรงถนนข้าม เรือนฝาจาก ๒ ห้องหลัง ๑

ณ วัน ๔ ๑๐ ค่ำ เวลา ๒ ทุ่มเศษ เจ้าจอมอินทร์ประสูติ เป็นอยู่ประมาณครู่สิ้นพระชนม์

ณ วัน ๕ ๑๐ ๑๐ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยาน เสด็จประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จขึ้นบนพระอุโบสถ ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ ๑๐ รูป มีโขนที่หน้าพระที่นั่งไชยชุมพล เวลา ๕ โมงเสด็จขึ้น

ณ วัน ๓ ๑๕ ๑๐ ค่ำ พระบริบูรณ์ใช้ให้พวกจีนกับพวกหมาต๋ามาจับฝิ่นที่โรงก๊วนหน้าวัดสัมพันธวงศ์ พวกหมาต๋าเอาปืนยิงจีนตาย ๓ คน จีนที่รักษาโรงก๊วนจุดไฟเผาโรงก๊วน ไหม้ตั้งแต่ริมน้ำฟากข้างเหนือตึกหลวง มาจนถึงตึกแถวหลวงหน้าวัดสัมพันธวงศ์ ผู้หญิงอยู่ไฟ ๆ เผาตายอีกคน ๑ เกิดเพลิงไหม้เวลา ๒ โมงเช้า

ณ วัน ๑๐ ๙ ค่ำ น้ำหลากมาแต่เหนือสีแดงเหมือนสีดินแดงจาง ๆ จนขึ้น ๙ฯ ๑๐ ค่ำ

ณ วัน ๗ ๑๐ ๑๐ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพระประชวร ปวดพระเจ้า เมื่อยพระองค์ ทรงพระกันสะ ทรงจับเป็นคราว ๆ ทรงจับเชื่อมมัวประมาณ ๕-๖ วัน

ณ วัน ๔ ๑๐ ค่ำ ปวดมวนพระนาภี จับสั่น พระบังคนเบาจืดบ้าง กร่อยบ้าง วันละ ๙-๑๐ ครั้ง พระบังคนหนักเป็นมันมอกมัว ลางครั้งเป็นพระเสมหะ เป็นพระโลหิต เป็นสายๆครั้งละ ๑-๒-๓ ครั้งบ้าง เสวยพระโอสถสรรพคุณไม่ให้เจือซึ่งของร้อน เชื่อมมัวปวดพระนาภีเป็นกำลัง พระกระยาเสวยได้เวลาละ ๑๐ – ๑๕ ฉลองพระหัตถ์บ้าง เป็นพระโรคใหญ่ เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์สั่งให้รักษาพระบรมมหาราชวัง ประจำซองมากเข้ากว่าตามธรรมเนียมถึง ๒ เท่า

ณ วัน ๒ ๑๓ ๑๐ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้า เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์๑๕ เจ้าพระยาภูธราภัย๑๖ ไปให้ข้าราชการถือน้ำพระพิพัฒน์ที่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรม หม่อมเจ้า หม่อมหลวง ทรงผ้าตามธรรมเนียม คาดแพรสีนวล พร้อมกันที่พระที่นั่งอนันตสมาคม มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์โสมาวดีศรีวรราชกัลยา เชิญพระแสงฝักไม้แก้วขึ้นตั้งบนพระแท่นถม เจ้าต่างกรม ยังไม่ได้รับกรม หม่อมเจ้า ขุนนาง ฝ่ายทหารพลเรือน พร้อมกันกราบถวายบังคม เจ้าต่างกรม ยังไม่ได้ตั้งกรม หม่อมเจ้า เสวยน้ำพระพิพัฒน์ เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ ว่าที่สมุหพระกลาโหม ว่า ซึ่งทรงพระประชวรพระอาการก็ยังทรงอยู่ จึงปรึกษากรมหลวงวงษาธิราชสนิท กรมขุนวรจักรานุภาพ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ เจ้าพระยาภูธราภัย ผู้สำเร็จราชการในกรมมหาดไทย เจ้าพระยายมราช๑๗ ว่าที่ราชอาณาจักร ของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ใหญ่กว้างเป็นอันมาก ซึ่งภัยอันตรายต่าง ๆ ควรที่เราจะต้องรักษาพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์ใหญ่ควรจะให้ไปล้อมวงรักษาไว้ พระยาสิงหราชฤทธิ์ไกร๑๘ พระยาภัยรณฤทธิ์๑๙ พระจำนงค์สรไกร๒๐ จางวางทหารในพระบวรราชวัง ไปนอนประจำซองรักษาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ แล้วจุกช่องล้อมพระบรมมหาราชวัง ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอกเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า

ณ วัน ๖ ๑๑ ค่ำ พระอาการพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบังคนหนักสีเหลืองอ่อน พระกระยาเสวยได้ถ้วยฝาขนาดน้อยบ้าง พระอาการค่อยคลายขึ้น

ณ วัน ๑ ๑๑ ค่ำ เวลายามเศษ ฝนตกห่าใหญ่ สายอสุนีบาตลงเสาข้างป้อมอินทรังสรรแห่งหนึ่ง ลงที่ในพระบรมมหาราชวัง ตำหนักเจ้าจอมมารดาพิมแห่งหนึ่ง ตำหนัก ๙ ห้องริมพระมหา...........ด้านตะวันตกแห่งหนึ่ง ลงที่บ้านพระยาราชมนตรีแห่งหนึ่ง ลงที่หอนั่งบ้านพระวิสูตรโยธามาตย์๒๑แห่งหนึ่ง ลงที่สามสร้างเมรุวัดอรุณแห่งหนึ่ง ฝั่งฟากข้างโน้น

ณ วัน ๑๑ ค่ำ พระราชวรวงษ์เธอ กรมขุนราชสีหวิกรม ประชวรพระโรคไข้ป่า ได้ ๒๕ วัน เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สิ้นพระชนม์ พระชันษาได้ ๕๓ ปี โปรดให้ใส่โกศลังกา พระศพอยูที่บ้านพระยาราชมนตรี

ณ วัน ๖ ๑๑ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงพระอาเจียนเป็นพระโลหิตครั้งหนึ่ง เวลา ๓ ยาม ทรงพระบังคนหนักเป็นพระโลหิตสดบ้าง เหมือนศรีษะกุ้งเน่าบ้าง ประมาณ ๒-๓ ขัน พระวาโยกำเริบให้ระทวยพระทัย มีพระบรมราชโองการกับพระเจ้าลูกเธอองค์โสมาวดี ให้จัดธูปเทียนเครื่องนมัสการไปทูลลาพระแก้วมรกต กับพระบรมอัฐิ หีบพระธำมรงค์หีบหนึ่ง พระมหาสังวาลย์องค์หนึ่ง ให้ถวายพระพุทธรัตน์จักรพรรดิวิมลมณีมัย (พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย) กับเงินพระเจ้าลูกยาเธอที่ยังไม่ได้เงินแจก มีพระบรมราชโองการสั่งกับพระเจ้าลูกเธอ พระองค์ยิ่งเยาวลักษณ์ ให้แจกองค์ละ ๒๐๐ ชั่ง กับทององค์ละ ๕ ชั่ง พระเจ้าลูกเธอแต่บรรดาที่ยังไม่ได้วังนั้น โปรดให้แจกเงินองค์ละ ๓๐ ชั่ง เสวยพระกระยาเสวยได้ ๔ ฉลองพระหัตถ์ กุ้งสงขลาตัวหนึ่ง ส้มกระรังกานูกลีบหนึ่ง พระอาการทรุด

ณ วัน ๒ ๑๑ ๑๑ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดของไปพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนพินิตประชานารถ ได้พระประคำสายหนึ่ง พระธำมรงค์สี่องค์ กรมหลวงเทเวศร์ ได้พระธำมรงค์สององค์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงษา ได้พระกล่องประดับเพ็ชรองค์หนึ่ง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนวรจักรานุภาพ ได้พระแสงประดับเพ็ชรองค์หนึ่ง ตลับประดับเพ็ชรองค์หนึ่ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ ได้กล่องนากมีเครื่องตะบันในนั้นพร้อม ท่านเจ้าพระยาศรีสุรวงศ์ ได้หีบเขียนหนังสือกาหลั่ยเงินราคา ๑๐๐ ชั่ง พระราชทานให้เป็นมรดก หลวงทิพจักษุ ได้พระราชทานเงิน ๒ ชั่ง พระประเสริฐจางวางหมอในพระบวรราชวัง ได้พระราชทานเงิน ๒ ชั่ง ขุนราชวโรสถ ได้พระราชทานเงิน ๑๕ ตำลึง พระองค์รักษาจางวางหมอนวดในพระบวรราชวัง ได้พระราชทานทองคำแห่ง ๑ หลวงราโช๒๒ ได้พระราชทานทองคำแท่ง ๑ และเงินอีก ๑ ชั่งกับ ๕ ตำลึง มีพระบรมราชโองการให้จัดเทียนเท่าพระชันษาไปถวายพระพุทธรูปพระอาราม ดอกไม้ธูปเทียนลาพระราชาคณะที่คุ้นเคยมาแต่ก่อน มีพระราชหัตถเลขาขอให้มีความสุขไปในภพหน้า

ณ วัน ๓ ๑๓ ๑๑ ค่ำ พระราไชยได้ถวายพระโอสถไพรเสกกับเกลือแต่เวลาตี ๑๑ มาจนเวลา ๓-๔ โมงเช้า แน่นที่พระอุระค่อยถอยลงไปบ้าง เสวยกระยาต้มได้ ๔ ฉลองพระหัตถ์ ซุบได้ถ้วยฝาขนาดน้อย แป้งจี่ได้ ๗ วง พระบังคนเบาครั้งหนึ่ง พระอาการค่อยประทังขึ้น

ณ วัน ๔ ๑๔ ๑๑ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระโรคแน่นเฟ้อลงพระบังคนถึงอติสาร เวลาพลบทรงแต่งเป็นบาลี ส่งให้พระอาลักษณ์ไปถวายพระราชาคณะราชบัณฑิตย์ พระอาการทวีมากขึ้น

ครั้นถึง ณ วัน ๕ ๑๕ ๑๑ ค่ำ เวลายามหนึ่ง กับ ๖ บาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต มีอัศจรรย์อยู่หลายอย่าง เป็นสายลงมาแต่อากาศ สีเหมือนสีเมฆ ลงมาจับแต่ที่พระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ ฝนตกมืดอยู่ถึง ๗-๘ วัน เมื่อเวลาจะสวรรคตหมอกมากมืดอยู่ถึง ๕ ทุ่มเศษ ทรงพระประชวรเดือน ๑ กับ ๖ วัน อยู่ในราชสมบัติ ๑๗ ปี กับ ๖ เดือน ๑๕ วัน ถ้าจะคิดเป็นปี ๑๘ ปี

ท่านเจ้าพระยาศรีสุริวงษ์ปรึกษา กรมหลวงเทเวศร์ กรมหลวงวงษา กรมขุนวรจักร์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนบำราบปรปักษ์ กรมหมื่นบวรรังษี พระราชาคณะ กรมหมื่นพร้อมกันหลายพระองค์ ท่านเจ้าพระยาภูธราภัย เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยามุขมนตรี๒๓ พระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ ขุนนางข้าราชการพร้อมกัน ว่าบัดนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตล่วงไปแล้ว พระราชอาณาจักรทั่วประเทศเขตรนิคมชนบทกว้างขวางมีเมืองขึ้นออกเป็นอันมาก ไม่เห็นเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์ใดที่จะปกป้องพระประยุรวงษ์ ทั้งข้าทูลลอองธุลีพระบาทสมณพราหมณาจาริย์ อาณาประชาราษฎรจะได้อยู่เย็นเป็นสุขทั่วอาณาจักร เห็นพร้อมกันเชิญพระบาทบรมนารถบรมบพิตร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ ขึ้นเถลิงศิริราชสมบัติ เป็นบรมกษัตริย์ในแผ่นดินสยามพระองค์ใหญ่ พระชนมายุได้ ๑๖ พระวษา จงอาราธนาพระบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่สอง กรมหมื่นบวรรังษี กรมหลวงเทเวศร์ ท่านเจ้าพระยาภูธราภัยเห็นพร้อมกัน พระราชาคณะถวายชยันโต ๙ จบ พระราชาคณะ ๔๐ รูปเข้าสดับปกรณ์ พระบรมศพบนพระที่นั่งภาณุมาศ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริวงษ์ สั่งเจ้าพระยามุขมนตรีให้ขึ้นไปล้อมวงรักษาที่พระราชวังเดิม๒๔ พระบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ

ณ วัน ๖ ๑๑ ค่ำ เวลา ๔ โมงเช้า พระบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ ตำรวจในกรมถือหวายมัดนำเสด็จ ๑๐ คู่ เสด็จลงมาจากพระราชวังเดิม ทางสถลมารค ประทั่บบนพระที่นั่งอนันตสมาคม ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ไปเชิญเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ เสด็จประทับอยู่ตำหนักสวนกุหลาบ เชิญเสด็จให้ขึ้นมาสรงน้ำพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ ประชวรพระโรคไข้จับค่อยคลายขึ้นแล้ว แต่ยังทรงดำเนินไม่ถนัด ทรงพระราชยาน เจ้ากรมปลัดกรม พระตำรวจ ขัดดาบสพายแล่ง แห่เสด็จมาประทับถึงบันไดพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระเก้าอี้เชิญขึ้นมาประทับในพระที่นั่งอนันตสมาคม เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรม หม่อมเจ้า ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน กราบถวายบังคม แล้วทรงพระเก้าอี้เชิญขึ้นไปบนพระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ ทรงสรงน้ำพระบรมศพ แล้วทรงมอบการที่จะทรงเครื่องพระบรมศพให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนบำราบปรปักษ์ เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรม หม่อมเจ้า พากันขึ้นไปสรงน้ำพระบรมศพ เจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงเครื่องพระบรมศพอย่างแต่ก่อนมา เชิญพระบรมศพขึ้นใส่ในพระลองเงิน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ ถวายพระมหากฐินใหญ่ ทรงพระบรมศพ เสด็จลงจากพระที่นั่ง เสด็จไปประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เชิญพระบรมศพออกจากประตูสนามราชกิจ ตั้งบนพระยานุมาศสามคาน พระเจ้าลูกเธอพระองค์คัคณางคยุคล พระองค์ทวีถวัลยลาภ ทรงผ้าลายเขียนทอง พื้นขาว ทรงฉลองพระองค์ครุย ขึ้นประคองพระโกศพระบรมศพ๒๕ เจ้ากรม ปลัดกรม พระตำรวจ ขัดดาบสพายแล่งแห่สองสาย ข้างในตำรวจถือหอกสองสาย มีเทวดาคู่แห่สองร้อยคน กลองชนะเงินทองสามสิบคู่ มโหระทึกนำเสด็จคู่หนึ่ง แตรสังข์เครื่องสูงครบตามอย่างกษัตริย์ เชิญขึ้นตั้งบนพระที่นั่งดุสิตมหาประสาท ข้างในมีนางร้องไห้ทุกเวลาประโคม เจ้านาย ข้าราชการ ราษฎรทั่วพระราชอาณาจักรโกนผม

สิ้นพระบรมศพแต่เท่านี้

เวลายามเศษ กรมหลวงเทเวศร์ เจ้าต่างกรม พระองค์เจ้าพร้อมกัน ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ ท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ขุนนางฝ่ายทหารพลเรือนพร้อมกันเข้าไปที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ถวายสัตยานุสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ ต่อสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ ทั้งสองพระองค์

ณ วัน ๗ ๑๑ ค่ำ เวลา ๔ โมงเช้า สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เจ้ากรม ปลัดกรม พระตำรวจ ในพระบวรราชวังแห่เสด็จลงมาทางสถลมารค ประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรม หม่อมเจ้า หม่อมหลวง ถือน้ำที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย จนเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน ถือน้ำในโบสถ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เสด็จกลับไปพระราชวังเดิม

ณ วัน ๖ ๑๑ ค่ำ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ มีรับสั่งกับท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ ทรงพระประชวรยังเสด็จออกพระกฐินไม่ได้ โปรดพระราชทานขึ้นไปกับสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ ๒๐ พระอาราม โปรดพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระพี่นางเธอ พระน้องนางเธอ พระเจ้าน้องยาเธอทุกๆ พระองค์ แต่ราชาคณะและถานาฯ ซึ่งเคยรับพระราชทานไตร ในเวลาทอดพระกฐินให้งดไว้ก่อน ราษฎรอาณาประชาราษฏร์ที่ซื้อขายกัน ในพระนครนอกพระนคร ทุ่มเถียงกันด้วยอัฐปลอมเอิกเกริกเป็นโกลาหล มีหมายประกาศท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ ให้เลือกอัฐปลอมออกเสีย ราษฎรจึงตื่นกันเป็นอันมาก

ณ วัน ๑ ๑๐ ๑๒ ค่ำ เวลาย่ำเที่ยงฝนตกสีเหมือนรุ้งเกิดขึ้นด้านตะวันตกข้างทิศใต้ ยาวประมาณ ๙ - ๑๐ วา อยู่ประมาณสักครึ่งชั่วโมง หายไปข้างทิศตะวันตก

ณ วัน ๒ ๑๑ ๑๒ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ ผู้สำเร็จราชการกรุงสยาม เสด็จทรงพระราชยานถมตะทอง เสด็จออกทางประตู ๒ ชั้น ประตูวิเศษไชยศรี เสด็จทางสถลมารค ประทับวัดราชประดิษฐ์ ทรงพระราชทานพระกฐิน แล้วทรงประเคน เสด็จประทับจนตี ๕ โมงเศษ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ณ วัน ๔ ๑๓ ๑๒ ค่ำ พระสงฆ์ ๕ รูปสวดชยันโต นายเทียน นายเวร อาลักษณ์ นุ่งผ้าขาว แผ่นพระสุพรรณบัฏตั้งบนราชอาสน์ แผ่นพระสุพรรณบัฏ ยาว ๑๒ นิ้ว กว้าง ๗ นิ้ว ได้พระฤกษ์ ๔ โมง กับ ๕ นาฬิกา นายเทียนจารึกพระนามในแผ่นพระสุพรรณบัฏ พระสงฆ์ถวายชยันโต จารึกแล้วม้วนแผ่นพระสุพรรณบัฏ ใส่ในกล่องลงยาราชาวดีถุงตาด ตุ่มทองลงยาราชาวดี ใส่ในพระหีบทองจำหลักลายกุดั่น ใส่ถุงเข้มขาบประทับตราอุณาโลม เชิญขึ้นตั้งไว้บนพานทองสองชั้น ประดิษฐานไว้บนเตียงทอง บายศรี เงิน ทอง แก้ว ชีพ่อพราหมณ์สมโภชรดน้ำสังข์น้ำกลศ เวียนพระเทียนสมโภช ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมกันที่หอพระมณเฑียรธรรม ในแผ่นพระสุพรรณบัฏนั้นจารึกพระนามว่าดังนี้

(ตรงนี้ต้นฉบับเว้นหน้าไว้ ยังมิได้นำพระนามที่จารึกมาเขีย)

ณ วัน ๗ ๑๒ ค่ำ กงซุนฝรั่งเศสมีหนังสือขึ้นมาถึงท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ กล่าวโทษพระองค์เจ้าเบญจางค์ ข่มเหงจีนเจ้ามือโป อยู่ในร่มธงฝรั่งเศส ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ สั่งให้พระยาอัพภันตริกามาตย์ไปเกาะพระองค์เจ้าเบญจางค์มาคุมไว้บนโรงสดึงส์

ณ วัน ๔ ๑๒ ค่ำ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เสด็จลงมาในพระบรมมหาราชวัง ถวายดอกไม้ธูปเทียน เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรม หม่อมเจ้า ถวายดอกไม้ธูปเทียนพร้อมกันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ เสด็จออกประทับหน้าพระแท่นถม ประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

ณ วัน ๑ ๑๒ ค่ำ มีตำรวจถือหวายนำ ๕๐ คู่ เทวดาคู่แห่ เครื่องสูงสำรับหนึ่ง กลองชนะแตรสังข์ ตั้งกระบวนโรงลครหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เชิญพระสุพรรณบัฏมีคลุมครอบ ภูษามาลาเชิญขึ้นตั้งบนพระยานุมาศ แห่มาเข้าในพระบรมมหาราชวัง ขึ้นตั้งบนพระแท่นมณฑล พระเจดีย์ถมตะทองบรรจุพระบรมธาตุ พระพุทธรัตน์จักร์พัตร์วิมลมณีมัย (พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย) องค์หนึ่ง พระแสงอัษฎาวุธ ๑๖ องค์ พระไตรปิฎกสามคัมภีร์ พระมหาพิชัยมงกุฎ พระมาลาเส้าสะเทิ้น หีบพระเครื่องต้น พระแส้หางพระยาช้างเผือก ธารพระกรองค์หนึ่ง ฉลองพระบาท มหาสังวาลย์สร้อยอ่อน พระประทุมนิมิตห้าองค์ หม้อน้ำปัญจมหานที ๕ หม้อ พระเต้าเบญจคัพย์องค์หนึ่ง พระเสมาธิปัตย์ฉัตรไชย พระเกาวพ่าย พระแสงง้าว ๔ องค์ พระแสงขอองค์หนึ่ง ธงชัยกระบี่ครุฑสององค์ พระแสงหอก ๔ องค์ พระแสงทวน ๔ องค์ เสโล ๔ ขัดพระแสงดาบ ๔ พระแสงเหล่านี้ผูกที่พระแท่นมณฑล พัดวาลวิชนีตั้งในพระแท่นมณฑล พระแท่นลาตั้งบัตร ๙ บัตร มีเทียนนพเคราะห์ทั้ง ๙ บัตร พระแท่นมณฑลตั้งหน้าหอพระสุลาลัยวิมาน มีพระแท่นอัฐทิศ กลางปักเศวตฉัตร ๗ ชั้น มีตั่งทำด้วยไม้ไผ่ลำมะลอก ทาฝุ่นตั้งพระมหาสังข์กลศ ทั้งแปดทิศ ข้างหอบรมอัฐิ ตั้งภัทรบิฐ ปักเศวตฉัตร ๙ ชั้น บนพระแท่นภัทรบิฐนั้นมีแผ่นทองจำหลักลายราชสีห์ลงยาราชาวดี พระมณฑปที่สรงทำด้วยไม้มะเดื่อทั้งองค์ ตั้งที่ชะลาข้างหอพระสุลาลัยวิมาน บนเพดานในพระแท่นที่สรงมีตั่งพระสุหร่าย พระแท่นสรงตั้งขันถมตะทอง เจือน้ำปัญจมหานที มีพระแท่นราชอาสน์ตั้ง ใบละมุดสีดาทอดไว้สำหรับทรงเหยียบ เรียกว่าเหยียบนามข่มนาม มีฉัตรเครื่องสูง ๔ องค์ ราชวัติทรงเครื่องล้อมพระบุษบก จั่นหมาก จั่นมะพร้าว ผูกที่ราชวัติทรงเครื่อง ที่หน้าแท่นมณฑลนั้น ตั้งเครื่องนมัสการพระแท่นอัฐทิศ มีเครื่องนมัสการทั้งแปดทิศ บนพระมหามณเฑียรในพระแท่นบรรทมตั้งพระพุทธรูป พระราชาคณะรามัญ ๕ รูปตั้งเครื่องนมัสการเครื่อง ๕ ถาดสรงพระพักตร์พระมหามงคลใส่ในพระครอบ ของตั้งในพระที่นั่งไพศาลทักษิณบนพระมหามณเฑียรมีแต่เท่านี้

ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย บนพระที่นั่งบุษบก ตั้งพระกาไหล่ทอง ข้าหลวงเดิมในพระบรมโกศ หน้าพระที่นั่งบุษบก เครื่องนมัสการเครื่อง ๕ ที่ข้างพระที่นั่งเศวตฉัตร ตั้งเครื่องนมัสการตามธรรมเนียม เศวตฉัตรลดไว้คอยพระฤกษ์ มีเทียนไชยที่พระแท่นพระสวดท้องภาณ พระสงฆ์สวด ๓๐ รูป รอบพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ราชวัติฉัตรเบญจรงค์สังการศาลา ชีพ่อพราหมณ์ทำพิธีไสยศาสตร์ มีรูปเทวดานพเคราะห์ อิศวรนารายณ์ พิธีพรตกุม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ ทรงพระภูษาเขียนทองพื้นขาว ทรงฉลองพระองค์ตาดขาวอย่างน้อย ทรงรัตพระองค์ประดับเพชร ทรงฉลองพระองค์ครุยขาว เจ้ากรมพระตำรวจ ๘ คนนำเสด็จ ขึ้นทางพระทวารเทวราช เสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ถวายไตรจีวรแพรตัวหนึ่ง ย่ามแพรฝรั่งปักทอง พัดวาลวิชนีแพรฝรั่งลายทอง ทรงจุดเทียนนมัสการพระสงฆ์ ๘๕ รูป ขึ้นไปบนพระมหามณเฑียร ๕ รูป อยู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๕๐ รูป ออกมาจุดเทียนที่อมรินทรวินิจฉัย ๓๐ รูป ทรงจุดเทียนนมัสการ ถวายเทียนชนวนกรมหมื่นบวรรังษี ๆ เสด็จออกมาจุดเทียนไชย พระอะโนมุณี๒๖ สวดประกาศเทวดา พระครูราชพิธี๒๗ถวายใบมะม่วง ๒๕ ได้แก่มหาภัยใบทอง ๓๒ ได้แก่อุปัทวะทั้งปวง ใบตะขบ ๙๖ ได้แก่ฉะนะวุติโรคันตะราย ทรงรับมาปัดพระองค์แล้วส่งให้แก่พระมหาราชครูพิธี ๆ รับเอามาขึ้นไปทำบนสังการศาลา ต่อเวลาสามยามจึงได้กระทำสาตรปูญญาชุบโหมพระเพลิง แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปบนพระมหามณเฑียร ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงสวมพระมหามงคล พระสงฆ์สวดเจ็ดตำนาน เวลาพลบเสด็จกลับประทับในห้องพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทั้ง ๓ เวลา พระสงฆ์สวดท้องภาณ ๓ คืน ๔ เวลา เวลาเข้าเสด็จเข้าไปปรนนิบัติพระ ภูษาเขียนทองสี ฉลองพระองค์อย่างน้อย สีสรบับ ทรงรัตพระองค์เพชร ฉลองพระองค์ครุยสี เจ้าต่างกรม พระองค์เจ้าทรงผ้าลายคาดขลิบ ฉลองพระองค์อย่างน้อยสรบับ คาดเสื้อครุยสี ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทหารพลเรือน นุ่งสมปักลายใส่เสื้อเข้มขาบ อัตลัตคาดเสื้อครุย

ครั้นถึง ณ วัน ๔ ๑๒ ๑๒ ค่ำ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนพินิตประชานารถ ทรงพระภูษาขาวเขียนทอง ฉลองพระองค์ครุยขาว เสด็จขึ้นไปประทับบนพระมหามณเฑียร ทรงจุดเทียนนมัสการ พระสงฆ์ ๓๕ รูป ครั้นได้พระฤกษ์ย่ำรุ่งแล้วกับเก้านาฬิกา ทรงพระภูษาขาว ทรงฉลองพระองค์ทอดขลิบทอง ราชบัณฑิตย์นำพระไชย พระห้ามสมุทร พราหมณ์นำพระอิศวรนารายณ์ ไม้บัณเฑาะว์ นำเสด็จ ๒ คู่ สังข์อุตราวัฏคู่หนึ่ง ทักษิณาวัฏคู่หนึ่ง เป่านำเสด็จเข้าที่พระกระยาสนาน ขึ้นประทับบนพระแท่นราชอาสน์ ทรงเหยียบไม้ใบ พระโหราถวายทรงทัด ทรงถือ บ่ายพระพักตร์สู่ทิศอิสาณ พระราชโกษา๒๘เปิดพระสุหร่าย พระครูราชพิธีถวายพระเต้าเบญจคัพย์ ถวายหม้อน้ำปัญจมหานที หม้อน้ำพระประทุมนิมิต หลวงราชมุนีถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ พราหมณ์มีชื่อถวายสังข์อุตราวัฏ สังข์งาจำเริญ สังข์เงิน สังข์ทอง สังข์นาก และสังข์สำฤทธิ์ หลวงอัฎยา๒๙ถวายพระครอบ ทรงผลัดพระภูษาเขียนทองพื้นเขียว ฉลองพระองค์ตาดพื้นเขียว ฉลองพระองค์ครุยพื้นเขียว เสด็จขึ้นมาพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ขึ้นประทับบนพระที่นั่งอัฐทิศ ผินพระพักตร์สู่ทิศอิสาณ พราหมณ์ถวายน้ำกลศน้ำสังข์ เสด็จทรงรับทั้ง ๘ ทิศ หันพระองค์เป็นทักษิณาวัฏ ทรงพระดำเนิน พระครูราชพิธีประคองพระองค์ สังข์นำเสด็จ ไม้บัณเฑาะว์นำเสด็จ เหมือนอย่างเข้าที่พระกระยาสนาน ประทับบนพระที่นั่งพระภัทรบิฐ พระครูราชพิธีถวายพระสุพรรณบัฏ ถวายพระมหาพิไชยมงกุฎ ทรงรับแล้วคืนส่งไว้ พระขันไชยศรีทรงรับวางไว้ข้างขวา ธารพระกรทรงรับวางข้างซ้าย ฉลองพระบาท พระครูราชพิธีสอดถวายพระแสงอัษฎาวุธ ทรงรับแล้วส่งให้พระราชโกษา พระยาบุรุษรัตนราชพรรลภ๓๐ถวายพานพระขันหมาก ถวายพระมณฑป พระครูราชพิธีถวายพระมหาสังวาลย์สร้อยอ่อน ทรงไว้ในพระองค์ หลวงอัฎยาถวายพระเกาวพ่าย พระครูราชพิธี ขอรับพระบรมราชวโรกาส ถวายแผ่นพื้นปัถพี ทั่วพระราชอาณาจักร ที่มีเจ้าของ ที่ไม่ได้มีเจ้าของ ขอถวายไว้ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทพระจุลาเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ มีพระบรมราชโองการว่า แต่บรรดาที่ไม่ได้มีเจ้าของ ผลไม้ ทั้งน้ำในห้วยละหานธารท่าก็ดี ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ประชาราษฎรมาจากจตุรทิศต่าง ๆ ตามแต่จะปรารถนา พระครูราชพิธีรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ใส่เกล้าใส่กระหม่อม ชาวประโคมก็ประโคมแตรสังข์มโหระทึก ทรงโปรยดอกพิกุลเงินดอกพิกุลทอง สุดสิ้นเสียงประโคมแล้ว เสด็จทรงพระดำเนินขึ้นบนพระมหามณเฑียร ทรงประเคนถวายไชยทาน พระราชาคณะถวายอติเรก ยกเศวตฉัตรพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ยกพร้อมกับพระฤกษ์สรง ยิงสลุต ๒๑ นัด สมเด็จพระจุลาเกล้าเจ้าอยู่หัว.

(หมดฉบับเพียงนี้)

  1. ๑. เรื่องพระเจ้าลูกยาเธอทรงผนวรเป็นสามเณรนี้ สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๕๒ จดหมายเหตุเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต หน้า ๒๐ ว่ามี ๗ พระองค์ คือ ๑. พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร ๒. พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๓. พระองค็เจ้าสุขสวัสดิ์ ๔. พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๕. พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๖. พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ (มิใช่เกษมศรีศุภโยค) ๗. พระองค์เจ้ากมลาศเลอสรรค์ ส่วนในหนังสือนี้ว่ามีเพียง ๖ พระองค์ ซ้ำยังระบุพระนามองค์สุดท้ายผิด คือพระองค์เจ้ากนกวรรณ (กนกวรรณเลขา) ซึ่งความจริงเป็นพระองค์เจ้าหญิง

  2. ๒. เมื่อรัชกาลที่ ๔ โปรดให้ใช้คำนำพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พึ่งมาเปลี่ยนเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๓ และใช้คำนำพระนามเจ้านายวังหน้าว่าราชวรวงศ์ เมื่อรัชกาลที่ ๖

  3. ๓. พระโพธิวงษ์ (เกิด)

  4. ๔. โรงละครนี้สร้างในรัชกาลที่ ๑ แต่มิใช่สำหรับเล่นละครอย่างเดียว เป็นโรงใหญ่สำหรับใช้ราชการอื่น ๆ ในพระบรมมหาราชวังด้วย พึ่งรื้อปราบเป็นสนามหญ้าในรัชกาลที่ ๕ ตรงหน้าศาลาสหทัยสมาคมบัดนี้

  5. ๕. พัดดึงส์ เป็นเหรียญทอง ขนาดเล็ก ราคาอันละ ๑๐ สลึง

  6. ๖. พระราชสาส์นเดิมเชิญขึ้นท่าพระ ถึงรัชกาลที่ ๔ ย้ายไปขึ้นที่ท่าเตียน ด้วยจะใช้ตึกศาลต่างประเทศซึ่งสร้างขึ้นใหม่ (ตรงคลังราชการ สำนักพระราชวังบัดนี้) เป็นที่พักทูตานุทูตเมื่อก่อนแห่

  7. ๗. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (จี่) วัดประยุรวงศาวาส

  8. ๘. นามบรรดาศักดิ์ พระยาเทพวรชุนนี้ รัชกาลที่ ๔ ทรงแปลงเป็นพระยาเทพประชุน และโดยเฉพาะท่านที่กล่าวถึงในที่นี้ คือ พระยาเทพประชุน (ท้วม บุนนาค) ภายหลังเป็นเจ้าพระยาภาณุวงษ์มหาโกษาธิบดี

  9. ๙. พระยาบำเรอภักดิ์ (ดิศ โรจนดิศ)

  10. ๑๐. พระยาภัยรณฤทธ (เฉย ยมาภัย) ภายหลังเป็นเจ้าพระยายมราช

  11. ๑๑. ท้าวสมศักดิ์ (เนย) ท้าวทรงกันดาน (ศรี) ท้าวโสภานิเวศ (ลิ้ม)

  12. ๑๒. พระโหราธิบดี (ชุ่ม)

  13. ๑๓. พระพรหมมุนี (พุทธสิริ ทับ) วัดโสมนัสวิหาร ภายหลังเป็นสมเด็จพระวันรัตน์

  14. ๑๔. พระอมรานุริกขิต น่าจะเป็นอมราภิรักขิต เพราะสมณศักดิ์นามนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งขึ้นใหม่) และโดยเฉพาะองค์นี้ เข้าใจว่าเป็นพระอมราภิรักขิต (อมร เกิด ป. ๙) วัดบรมนิวาส

  15. ๑๕. เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ภายหลังเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์

  16. ๑๖. เจ้าพระยาภูธราภัย (นุช บุณยรัตพันธุ์)

  17. ๑๗. เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี)

  18. ๑๘. เจ้าพระยาสิงหราชฤทธิไกร (บัว)

  19. ๑๙. พระยาภัยรณฤทธิ์ (เฉย ยมาภัย) ภายหลังเป็นเจ้าพระยายมราช

  20. ๒๐. พระจำนงค์สรไกร (รุ่ง) ต่อมาเป็นพระยาจำนงสรไกร จางวางทหารปืนเล็ก

  21. ๒๑. พระวิสูตรโยธามาตย์ (โหมด อมาตยกุล) ต่อมาเป็นพระยากระสาปนกิจโกศล

  22. ๒๒. หลวงราโชวาต (แก้ว) ภายหลังเป็นพระยาสัมพาหบดี

  23. ๒๓. เจ้าพระยามุขมนตรี (เกต สิงหเสนี)

  24. ๒๔. วังนี้อยู่ริมคลองโรงไหมฝั่งเหนือ ตรงที่ตั้งโรงพยาบาลทหารบกบัดนี้

  25. ๒๕. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจำนงจะให้พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กับเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ประคองพระบรมศพ ได้ตรัสสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าฟ้า ฯ กรมขุนพินิตประชานารถแต่วันแรกทรงประชวร ผู้อื่นหาได้ทราบพระราชประสงค์ไม่ แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ มาประชวรเสียด้วยตลอดมา การเรื่องนี้จึงมิได้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ในเวลานั้นพระเจ้าลูกยาเธอที่โสกันต์แล้ว ทรงผนวชเป็นสามเณรอยู่ทั้ง ๗ พระองค์ ที่เลือก ๒ พระองค์นั้น เพราะพระองค์เจ้าคัคณางคยุคล คือกรมหลวงพิชิตปรีชากร เป็นหลานเลี้ยงของเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ คือกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ เป็นหลานตัวเจ้าพระยาภูธราภัย ที่สมุหนายก

  26. ๒๖. อโนมมุนี (ศรี) วัดปทุมคงคา ภายหลังเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์

  27. ๒๗. พระครูราชพิธี คือพระมหาราชครูพิธี (พุ่ม คุรุกุล)

  28. ๒๘. พระราชโกษา (จัน วัชโรทัย) ภายหลังเป็นพระยาในนามเดิม

  29. ๒๙. หลวงอัฎยา (อ่อน) ภายหลังเป็นพระสิทธิชัยบดี

  30. ๓๐. พระยาบุรุษรัตนราชพรรลภ (เพ็ง เพ็ญกุล) ต่อมาเป็นเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ